ผู้เขียน หัวข้อ: สัตว์ที่ถูกห้ามรับประทานกับข้อชี้ขาดของสัตว์ที่กินสิ่งสกปรกเป็นอาหาร  (อ่าน 2940 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Mustafa

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *****
  • กระทู้: 55
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด

السلام عليكم ورحمة الله تعالى وبركاته
بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله  رب العالمين ، والصلاة والسلام على رسول الله صلى الله عليه وسلم

การห้ามรับประทานเนื้อของสากสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือด เลือด และสุกรเป็นส่วนหนึ่งจากเรื่องต่างๆที่มีความสำคัญมาก และในหลายศตวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ต่างก็ถกกันถึงเรื่องเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะรู้ถึงภัยอันตรายในสิ่งต่างห้ามต่าง ๆ เหล่านี้ได้ จนมาถึงในปัจจุบันพวกเขาได้ค้นพบความหมายทางวิทยาศาสตร์ของสิ่งต้องห้ามเหล่านั้น
การห้ามบริโภคสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือด เลือด สุกรและสัตว์ที่ถูกเชือดโดยกล่าวนามอื่นจากอัลลอฮฺ(ซุบฮาฯ)ได้ถูกประทานลงมาใน4 ซูเราะฮฺ

จากซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺโองการที่ 172 และ 173 ก็ถูกประทานลงมา โดยมีโองการว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِيْنَ آمَنُوْا كُلُوا مِنْ طَيِّبَاتِ مَا رَزَقْنَاكُمْ وَاشْكُرُوْا للهِ إنْ كُنْتُمْ إِيَّاهُ تَعْبُدُوْنَ*إنَّمَا حَرَّمَ عَلَيْكُمْ الْمَيِّتَةَ وَالدَّمَ وَلَحْمَ الْخِنْزِيْرِ وَمَا أُهِلَّ بِهِ لِغَيْرِ اللهِ فَمَنِ اضْطُرَّ غَيْرَ بَاغٍ وَلاَعَادٍ فَلاَ إِثْمَ عَلَيْهِ إِنَّ اللهَ غَفُوْرٌ رَحِيْمٌ                       
                                                                                                   
ความว่า: “บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงบริโภคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากสิ่งดีๆทั้งหลาย และจงขอบคุณ อัลลอฮฺ เถิด หากเฉพาะพระองค์เท่านั้น ที่พวกเจ้าจักเป็นผู้เคารพสักการะ, แท้จริงพระองค์ทรงห้ามพวกเจ้าจากสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือด และเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกกล่าวนามอื่นจากอัลลอฮฺ(ขณะเชือด) แล้วผู้ใดที่อยู่ในภาวะคับขัน (ต้องบริโภคอาการต้องห้ามดังกล่าวเพราะไม่สามารถหาอาหารอื่นๆได้)โดยเขามิใช่ผู้ทรยศและมิใช่ผู้ละเมิด แน่นอนยอมไม่เป็นบาปสำหรับเขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง อีกทั้งเป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง”.

   
จากโองการข้างต้นนี้ จะสังเกตเห็นว่าอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ) ทรงใช้คำว่า (يا أيها الذين آمنوا โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย)โดยไม่ใช้คำว่า ( يا أيها الناسโอ้มนุษย์เอ๋ย) เพราะว่าอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ) ทรงโต้ตอบกับบรรดาผู้ศรัทธาซึ่งพวกเขามีความเชื่อและภักดีต่ออัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ) และท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) พวกเขาได้ยึดเอาสิ่งที่อัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ) และท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) สั่งใช้และห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม

ท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ได้ห้ามจากการกินสัตว์กินเนื้อที่ดุร้ายที่มีเคี้ยว ลาบ้าน ล่อ นกที่มีกงเล็บเพื่อใช้ล่าเหยื่อ ลิง สัตว์ที่ไม่สะอาดทุกชนิด สัตว์ที่เป็นอันตราย สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์ที่แปลกไม่เคยพบเห็น  การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าเนื้อของสัตว์กินเนื้อทั้งหมดนั้นมันก็คือเลือด อันเนื่องมาจากเนื้อดิบๆและเลือดที่มันได้กินเข้าไป 

และท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ก็ได้ห้ามจากการกินสัตว์ที่กินของสกปรก เช่น กินอุจจาระเป็นอาหาร เป็นต้น ซึ่งท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ก็ได้สั่งเสียให้นำเอาสัตว์เหล่านี้มากักบริเวณ แล้วให้อาหารที่สะอาดแก่มันโดยมีกำหนดเวลาและปริมาณอาหารที่เหมาะสมจนร่างกายของมันปราศจากสิ่งสกปรกที่มันเคยกินเข้าไป และสามารถที่จะนำเอาเนื้อและนมของมันมาบริโภคได้ โดยให้กักบริเวณอูฐที่กินของสกปรกเป็นเวลา 40 วัน วัว 30 วัน แพะแกะ 7 วัน และสัตว์ปีก 3 วันพร้อมกับให้อาหารที่สะอาดแก่พวกมันโดยมีการรายงานมาจากท่านอิบนุอุมัร (รอฏิฯ)


สัตว์ที่อนุญาตให้รับประทานได้โดยไม่ต้องเชือดมีอยู่ ๒ ประเภท คือ ปลากับตั๊กแตน และเลือดที่อนุญาตให้รับประทานได้ก็มีอยู่ ๒ ประเภทคือ ตับและม้าม ดังที่ท่านอิบนูมายะฮฺได้รายงานมาว่า

عن ابن عمر رضي الله عنهما أنّ رسول الله صلى الله عليه وسلم قال: ((أحلت لكم ميتتان:   الحوت والجراد. ودمان: الكبد والطحال)) رواه الإمام ابن ماجه.                                                       

ความว่า: รายงานจากท่านอิบนูอุมัร (รอฏิฯ) ว่าท่านร่อซูลุ้ลเลอฮฺ(ศ็อลฯ)กล่าวว่า “ถูกอนุมัติให้กับพวกท่านซึ่งสัตว์ทั้ง 2 ที่ตายโดยไม่ต้องเชือด นั้นก็คือปลาและตั๊กแตน และ 2 เลือด นั้นก็คือตับและม้าม”.   

อะไรคือสภาพคับขันจำเป็นที่จะต้องกินเนื้อสัตว์ที่ตายเองหรือไม่ได้เชือด?
   
ท่านอีหม่ามอะฮฺหมัดได้รายงานว่า

عن أبى واقد الليثى قال: قلت يا رسول الله ، إنّا بأرض تصيبنا بها مخمصة ، فما يحل لنا من الميتة؟ فقال النبي صلى الله عليه وسلم: ((إذا لم تصطبحوا ولم تغـتـبـقوا ولم تحـتـفـئوا بقـلا فشـأنـكم بها)) رواه الإمام أحمد .                                                                         
                                          
ความว่า: รายงานจากท่านอบีวากิดอัลเลย์ซี่ย์ เขาได้กล่าวว่า ฉันกล่าวกับท่านร่อซูลู้ลลอฮฺว่า แท้จริงเราได้ประสบกับความหิวโหยบนพื้นแผ่นดิน ดังนั้นอะไรคือซากสัตว์ที่อนุญาตให้กับเรา(กินมันได้)? ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้กล่าวตอบไปว่า “เมื่อพวกท่านไม่พบสิ่งที่พวกท่านจะนำเอามาเป็นเครื่องดื่มในยามเช้า และพวกท่านไม่พบสิ่งที่พวกท่านจะนำเอามาเป็นเครื่องดื่มในยามค่ำคืน และพวกท่านไม่พบพืชผักที่เหมาะเป็นอาหารสำหรับพวกท่านบนพื้นแผ่นดินนี้ ดังนั้นเหมาะสมสำหรับพวกท่านด้วยกับมัน (สัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือด)”.
   
หมายความว่าเมื่อพวกท่านได้ประสบกับความหิวโหยและไม่พบอาหารใดๆเลย นอกจากเนื้อของสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือด ก็จงกินสิ่งที่จะมาประทังชีวิตให้รอดตายได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์จำพวกสากสัตว์ที่ตายเองก็ตาม

คนบางกลุ่มคิดว่าเชื้อโรคสามารถทำลายได้ด้วยความร้อน จริงอยู่ความร้อนสามารถที่จะทำลายเชื้อโรคได้ แต่ก็มีเชื้อโรคบางชนิดที่ไม่สามารถทำลายได้ด้วยกับความร้อนจากการหุงต้ม แต่พิษในเนื้อของสัตว์ที่ตายเองหรือไม่ได้เชือดส่วนใหญ่จะไม่ลดลงด้วยการหุงต้ม ดังนั้นผู้ที่บริโภคซากสัตว์ตายที่ผ่านการหุงต้มแล้ว แน่นอนเขาย่อมบริโภคเนื้อที่มีพิษเข้าไป

เนื้อของสัตว์ที่ตายเองปะปนด้วยไขมันโดยเฉพาะเนื้อติดมันซึ่งส่วนใหญ่ของมันจะเป็นไขมัน อัลฮาดีษได้สอนมนุษย์ให้รู้ถึงภัยที่แฝงอยู่ในเนื้อของสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือดและภัยอันยิ่งใหญ่ที่ฝังอยู่ในไขมัน แต่ไม่เป็นอันตรายใดๆโดยการนำเอาหนังมันมาทำประโยชน์ เพราะหนังเป็นส่วนที่ไม่ถูกนำมาบริโภค และเพราะมีคำรายงานจากท่านอีหม่ามบุคอรี ท่านอีหม่ามมุสลิมและท่านอีหม่ามมาลิกว่า

عن ابن عباس رضي الله عنهما أنّ رسول الله صلى الله عليه وسلم مرّ بشاة ميتة فقال: ((هلا انـتـفـعتم بإهابها)) قالوا: إنها ميتة فقال: ((إنما حرّم أكلها)) رواه الإمام البخارى والإمام مسلم والإمام مالك.

ความว่า: รายงานจากท่านอิบนุอับบาส(รอฏิฯ)ว่าแท้จริงท่านร่อซูลู้ลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ได้ผ่านไปพบซากแกะตัวหนึ่ง แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “พวกท่านจะไม่เอาประโยชน์จากหนังของมันกระนั้นหรือ” พวกเขา( บรรดาอัครสาวก)กล่าวว่า แท้จริงมันคือซากสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือด ท่านร่อซูลู้ลลอฮฺ(ศ็อลฯ)จึงกล่าวว่า “แท้จริงการบริโภคสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือดมันได้ถูกห้ามไว้แล้ว”
   
จากอัลฮาดีษนี้ได้ตัดสินว่าการนำเอาหนังจากสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือดมาใช้ประโยชน์เป็นที่อนุมัติยกเว้นหนังสุกรและหนังสุนัข และได้มีรายงานในหนังสือซอแฮะฮฺว่า

عن ابن عباس رضي الله عنهما عن عمر بن الخطاب رضي الله عنه أنّ رسول الله صلى الله عليه وسلم قال: (( قاتل الله اليهود ، حرمت عليهم الشحوم فحملوها وباعـوها))  ا.                 

ความว่า: รายงานจากท่านอิบนุอับบาส(รอฏิฯ)จากท่านอุมัรบินคอตต๊อบ(รอฏิฯ)ว่า แท้จริงท่านร่อซูลู้ลลอฮฺ(ศ็อลฯ)กล่าวว่า “ขออัลลอฮฺทรงสังหารยิวเถิด ไขมันถูกห้ามแก่พวกเขา ต่อมาพวกเขาก็แบกเอามันไป แล้วก็นำไปขาย”.
   
พวกยิวได้ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริโภคไขมันสัตว์ แต่พวกเขาก็ได้นำเอามันไปขาย เนื่องจากความอวดดีของพวกเขา และเป็นการเย่อยั่น ซึ่งการนำเอาไปขายก็เป็นที่ต้องห้ามสำหรับพวกเขาด้วยเช่นกัน

แน่นอนการห้ามดังกล่าวได้มีมาในซูเราะฮฺอัลอันอามโองการที่146ว่า

﴿وََعَلى الذين هادوا حرّمنا كلَّ ذي ظُفُر ومن البقر والغنم حرّمنا عليهم شحومَهما إلاّ ما حَمَلتََْ ظهورُهما أو الحَوَايا أو ما اختلط بعَظمٍ ذلك جَزَيْنَاهُم ببَغْيهم وإنّا لصادقون﴾                     

ความว่า: “และแก่บรรดาผู้เป็นยิวนั้น เราได้ห้ามสัตว์ทุกชนิดที่นิ้วตีนไม่แยกจากกัน (เช่นอูฐ นกกระจากเทศ ห่าน และเป็ด เป็นต้น) และจากวัวและแพะนั้นเราได้ห้ามไขมันของมันแก่พวกเขา นอกจากสิ่งที่หลังของมันทั้ง2ได้แบกเอาไว้ (ไขมันที่สันหลัง) หรือลำไส้ หรือสิ่งที่ปะปนอยู่ในกระดูกนั่นแหละ ดังกล่าวเราได้ตอบแทนพวกเขาเนื่องด้วยความอธรรมของพวกเขา และแท้จริงเราเป็นผู้สัตย์จริง”. 


ท่านอีหม่ามบุคอรี และท่านอีหม่ามมุสลิมได้รายงานว่า

عن جابر رضي الله عنه أنّ رسول الله صلى الله عليه وسلم قال: ((لا يذاب شحم الميتة ولا يباع ودكه )) رواه الشيخان.                                                                                                                           
ความว่า: รายงานจากท่านญาบิร(รอฏิฯ)ว่าแท้จริงท่านร่อซูลู้ลลอฮฺ(ศ็อลฯ)กล่าวว่า “ไขมันของสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือดจะไม่ถูกทำเป็นของเหลว และน้ำมันของมันจะไม่ถูกนำมาขาย”.
   
เมื่ออัลลอฮฺ(ซุบฮาฯ)ได้ทรงห้ามยิวจากการบริโภคไขมันที่มีอยู่ในวัว แพะ และแกะ ดังนั้นย่อมชี้ให้แก่มุสลิมว่าในไขมันของสัตว์ดังกล่าวเป็นสาเหตุหนึ่งที่สมควรจะหลีกเลี่ยง และแน่นอนสัตว์ที่ตายโดยไม่ได้เชือดก็เป็นที่ต้องห้ามสำหรับชาวยิวด้วยเช่นกัน

พระมหาคัมภีร์กุรอานและอัลฮาดีษยังคงเป็นสาล์นจากอัลลอฮฺ(ซุบฮาฯ)และร่อซู้ลของพระองค์ที่ใหม่อยู่เสมอสำหรับมนุษย์ทั้งมวลมาตั้งแต่สมัยท่านนบีมูฮัมมัด (ศ็อลฯ) จนถึงวันสิ้นโลก.

والله سبحانه وتعالى أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 03, 2008, 02:58 PM โดย mustafa »

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam

แน่นอง  ครับท่านน้องมุสตอฟา  อัลฮัมดุลิลลาฮ์   myGreat:

ทีนี้  พี่น้องท่านใดสงสัยเรื่องการฮุกุ่มการเชือด  ก็ถามกันมาได้ครับ wink:
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ กอ-กล้วย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 353
  • kuru cook
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺวะบะรอกาตุฮฺ

      ไม่ทราบว่าข้อสงสัยนี้พอจะเกี่ยวกับกระทู้นี้มั้ยนะคะ คือไปอ่านเจอมา เขาเขียนว่า

สิ่งที่ทำให้เสียน้ำละหมาด
1.   มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเคบื่อนออกมาจากทวารหนักและทวารเบา
2.   หลับสนิท
3.   สิ้นสติ เช่น เป็นลม หรือเสียสติ เช่น เป็นบ้า ฟั่นฟือน หรือมึนเมา
4.   สัมผัสอวัยวะเพศโดยตรง ไม่มีสิ่งปิดกั้น
5.   การเกิดความรู้สึกทางเพศ หรือการสัมผัสกับเพศตรงข้ามด้วยความใคร่
6.   รับประทานเนื้ออูฐ

หนังสือการทำวุดูอฺ การตะยัมมุม และการละหมาด
โดย เชค อับดุลลอฮฺ บิน อับดุรเราะฮฺมาน อัลญะบะรอยนฺ
แปลและเรียบเรียงโดย มยุรา วงษ์สันต์ (อาอิชะฮฺ มุนีร)
สภายุวมุสลิมโลก สำนักงานประเทศไทย

    สงสัยข้อที่ 6 นะคะ ว่าการรับประทานเนื้ออูฐ ทำให้เสียน้ำละหมาดด้วยหรอคะ คือ ถามจากน้อง ๆ มุสลีมะฮฺหลายคนที่เขาเรียนด้านศาสนามา เขาบอกว่าไม่เคยทราบเช่นกัน

ถามอาเยาะ อาเยาะก็บอกว่ามีที่ไหนการทานเนื้ออูฐทำให้เสียน้ำละหมาด อยากทราบข้อเท็จจริงนะคะ ว่าเป็นเช่นไร

วัสสลามุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺวะบะรอกาตุฮฺ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ข้อ6เป็นไปได้หรือเปล่าว่าจะเป็นบาลาฆอฮอะไรสักอย่าง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ กอ-กล้วย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 353
  • kuru cook
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
แล้ว "บาลาฆอฮฺ" คืออะไรรึ ???

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
อัสสลามุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺวะบะรอกาตุฮฺ

      ไม่ทราบว่าข้อสงสัยนี้พอจะเกี่ยวกับกระทู้นี้มั้ยนะคะ คือไปอ่านเจอมา เขาเขียนว่า

สิ่งที่ทำให้เสียน้ำละหมาด
1.   มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเคบื่อนออกมาจากทวารหนักและทวารเบา
2.   หลับสนิท
3.   สิ้นสติ เช่น เป็นลม หรือเสียสติ เช่น เป็นบ้า ฟั่นฟือน หรือมึนเมา
4.   สัมผัสอวัยวะเพศโดยตรง ไม่มีสิ่งปิดกั้น
5.   การเกิดความรู้สึกทางเพศ หรือการสัมผัสกับเพศตรงข้ามด้วยความใคร่
6.   รับประทานเนื้ออูฐ

หนังสือการทำวุดูอฺ การตะยัมมุม และการละหมาด
โดย เชค อับดุลลอฮฺ บิน อับดุรเราะฮฺมาน อัลญะบะรอยนฺ
แปลและเรียบเรียงโดย มยุรา วงษ์สันต์ (อาอิชะฮฺ มุนีร)
สภายุวมุสลิมโลก สำนักงานประเทศไทย

    สงสัยข้อที่ 6 นะคะ ว่าการรับประทานเนื้ออูฐ ทำให้เสียน้ำละหมาดด้วยหรอคะ คือ ถามจากน้อง ๆ มุสลีมะฮฺหลายคนที่เขาเรียนด้านศาสนามา เขาบอกว่าไม่เคยทราบเช่นกัน

ถามอาเยาะ อาเยาะก็บอกว่ามีที่ไหนการทานเนื้ออูฐทำให้เสียน้ำละหมาด อยากทราบข้อเท็จจริงนะคะ ว่าเป็นเช่นไร

วัสสลามุอะลัยกุมวะเราะฮฺมะตุลลอฮฺวะบะรอกาตุฮฺ


อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายฮาดิสที่ท่านนบีใช้ให้ไปอาบน้ำละหมาดเนื่องจากการกินเนื้ออูฐ

الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

ปวง ปราชญ์  (ญุมฮู๊ร)  และอิหม่ามทั้งสามท่าน  (ฮะนะฟีย์,  มาลิกีย์,  และอัชชาฟิอีย์)  กล่าวว่า  : การรับประทานเนื้อสัตว์ที่ถูกเชือดนั้นไม่ทำให้เสียน้ำละหมาด  ส่วนฝ่ายฮะนาบิละฮฺกล่าวว่า  :  การรับประทานเนื้อสัตว์ที่ถูกเชือด  (الجَزُوْرُ)  ทำให้เสียน้ำละหมาดโดยอ้างหลักฐานดังนี้


1.   จาก ญาบิร  อิบนุ  สะมุเราะฮฺ  (ร.ฎ.)  มีชายคนหนึ่งถามท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ว่า  :  เราต้องอาบน้ำละหมาดเนื่องจาก  (กิน) เนื้อแพะ,  แกะหรือไม่?  ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ตอบว่า  :  หากท่านประสงค์  ท่านก็อาบน้ำละหมาด  และถ้าหากท่านประสงค์ท่านก็ไม่ต้องอาบน้ำละหมาด  ชายผู้นั้นกล่าวว่า  :  เราจะต้องอาบน้ำละหมาดเนื่องจาก  (กิน)  เนื้ออูฐหรือไม่?  ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  กล่าวว่า  :  ใช่แล้ว  ท่านจงอาบน้ำละหมาดเนื่องจาก  (กิน)  เนื้ออูฐ  อัลหะดีษ  (รายงานโดยอะหฺหมัดและมุสลิม)


2.   จากอัลบะรออฺ  อิบนุ  อาซิบ  (ร.ฎ.)  กล่าวว่า  : ท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ได้ถูกถามถึงการอาบน้ำละหมาดเนื่องจาก  (การกิน)  เนื้ออูฐ?  ท่านกล่าวว่า  :  พวกท่านจงอาบน้ำละหมาดเนื่องจาก  (การกิน)  มัน  (เนื้ออูฐ)  อัลหะดีษ  (รายงานโดยอะฮฺหมัดและอบูดาวูด)


3.   จาก ซิลฺฆุรฺเราะฮฺ  กล่าวว่า  :  อะอฺรอบีย์คนหนึ่งได้ขวางท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ขณะที่ร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  กำลังเดินอยู่และเขากล่าวว่า   :  โอ้  ท่านร่อซู้ลของอัลลอฮฺ  การละหมาดได้ทันพวกเรา  (เข้าเวลาละหมาด)  ในขณะที่พวกเราอยู่ในคอกของอูฐ  เราจะละหมาดในคอกอูฐนั้นได้หรือไม่?  ท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  กล่าวว่า  :  ไม่!  ชายผู้นั้นกล่าวว่า  :  เราจะต้องอาบน้ำละหมาดเนื่องจาก  (กิน)  เนื้ออูฐหรือไม่?  ท่านกล่าวว่า  :  ใช่แล้ว!  อัลหะดีษ  (อับดุลลอฮฺ  อิบนุ  อะหฺหมัด  รายงานเอาไว้ในมุสนัดบิดาของเขาและรายงานโดยอัฏฏ่อบะรอนีย์เช่นกัน) 


บรรดาหะดีษเหล่านี้บ่งชี้ว่าจำเป็นต้องอาบน้ำละหมาด  และการเสียน้ำละหมาดจำกัดอยู่เฉพาะกรณีการกินเนื้ออูฐเท่านั้น  ไม่รวมถึงน้ำนม,  ตับ  และไขมันของมันแต่อย่างใด


ส่วนปวงปราชญ์ ได้อ้างหลักฐานถึงการกินเนื้อสัตว์ที่ถูกเชือดว่าไม่ทำให้เสียน้ำละหมาดด้วย สิ่งที่รายงานจากท่านญาบิร  (ร.ฎ.)  ว่า  :  แท้จริงสิ่งสุดท้ายในสองเรื่องที่มีรายงานจากท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  นั้นคือ  ไม่มีการอาบน้ำละหมาดเนื่องจาก  (การรับประทาน)  สิ่งที่สัมผัสกับไฟ  (ผ่านการปรุงหรือขึ้นไฟ)  ดังนั้นการดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่มายกเลิก  (นาซิคฺ)  หะดีษที่ว่าด้วยการเสียน้ำละหมาด  เนื่องจากกินเนื้ออูฐ  เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งที่สัมผัสกับไฟ  แต่อิหม่ามอันนะวาวีย์  (ร.ฎ.)  กล่าวว่า  :  หะดีษที่ว่าไม่เสียน้ำละหมาดเนื่องจากรับประทานสิ่งที่ไฟสัมผัสนั้นเป็นหะดี ษที่มีนัยกว้าง  (อามฺ)  และหะดีษที่ว่าต้องอาบน้ำละหมาด  เนื่องจากการรับประทานเนื้ออูฐนั้นเป็นหะดีษที่มีนัยยะจำกัดความ  (ค๊อซฺ)  และสิ่งที่มีนัยยะจำกัดความย่อมถูกนำมาก่อนสิ่งที่มีนัยกว้าง  (الخاصُّ مُقَدَّمٌ على العَامِّ)  และการกล่าวอ้างว่ามีการยกเลิก  (นัซฺค์)  นั้นไม่มั่นคงแน่นอน  ทั้งนี้เพราะจำกัดความ  (ตัคฺซีซฺ)  ย่อมดีกว่าเนื่องจากมีหะดีษถึง  3  บทในเรื่องนี้  และมัซฮับที่กล่าวว่าเสียน้ำละหมาดเนื่องจากรับประทานเนื้ออูฐ  คือมัซฮับฮะนาบิละฮฺนั้นมีความแข็งแรงกว่าทางด้านหลักฐาน  ถึงแม้ว่าปวงปราชญ์จะมีความเห็นต่างจากสิ่งนั้นก็ตาม  (เก็บความจากอะฮฺกาม  อัฏฏ่อฮาเราะฮฺ  อะลัล  มะซาฮิบ  อัลอัรบะอะฮฺ  ;  ดร.อบูซะรีอฺ  มุฮำหมัด  อับดุลฮาดีย์  หน้าที่  154-155)


والله أعلم بالصواب

อ.อาลี เสือสมิง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 05, 2009, 05:37 AM โดย Deeneeyah »

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ กอ-กล้วย

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 353
  • kuru cook
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณมากมายคะบัง Deeneeyah

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีให้แก่บังคะ  happy2:

 

GoogleTagged