salam คำถามที่ : 12021
คำถาม : วิเคราะห์เหตุผลที่อาจารย์มุรีดไม่ยอมรับจุฬาเป็นผู้นำ
อาจารย์ช่วยชีแจงความผิดถ้ามี
วิเคราะห์เหตุผลที่อาจารย์มุรีดไม่ยอมรับจุฬาเป็นผู้นำ
Mureed : ผู้นำมุสลิมในเมืองไทยเป็นผู้นำที่ทางรัฐบาลกำหนดให้มีตำแหน่งผู้นำมุสลิมโดยให้ชื่อว่า ตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำมุสลิมที่ไม่สามารถออกกฎหมายหรือลงโทษผู้หนึ่งผู้ใดหากใครทำผิดหลักการของศาสนา ผู้นำประเภทนี้ไม่วาญิบต้องตามนะครับ
ตอบ : ไม่มีมุฟตีคนไหนเลยที่กำหนดว่าผู้นำที่เราต้องตามนั้นต้องลงโทษคนได้เช่นฟัตวาจาก จากคณะกรรมการถาวรเพื่อการวิจัยทางวิชาการและการชี้ขาดปัญหาศาสนา (ประเทศซาอุดิอารเบีย)ว่า
หากออกอีด ไม่ตามผู้นำทำให้พวกเขาขัดแย้งกันในหมู่พวกเขา ก็ให้พวกเขายึดเอาคำตัดสินของผู้นำประเทศของพวกเขา แต่หากว่าผู้นำประเทศมิใช่มุสลิม ก็ให้ยึดถือเอาคำตัดสินของสภาองค์กรกลางอิสลามของประเทศของพวกเขา เพื่อรักษาการเป็นเอกภาพในการถือศีลอดเดือนรอมฎอน และการละหมาดอีดในประเทศของพวกเขา
Mureed : ถ้าหากนำหะดีษมาเป็นหลักฐานอ้างอิงว่าจะต้องตามผู้นำในเมืองไทยแล้วไซร้ ถ้าเช่นนั้นสมมติว่าผู้นำมุสลิมในประเทศของเราไปรับมอบรถที่ซื้อด้วยเงินหะรอม อาทิเช่น ไม่รับรถที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้มอบให้ ถามว่าเราในฐานะผู้ตามเราก็ต้องไปรับสิ่งของซึ่งซื้อด้วยเงินหะรอมได้ใช่หรือไม่? เพราะหากอ้างว่าต้องตามผู้นำไง ?
ตอบ : ในอิสลามได้กำหนดไว้แล้วว่า เราตามผู้นำนั้นถ้าหากว่าผู้นำทำสิงที่ถูกและไม่ผิดกับหลักการของศาสนา และถ้าหากว่าผู้นำทำสิ่งที่ผิดเราก็ไม่ตาม ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "ไม่มีการเชื่อฟังในเรื่องการฝ่าฝืนอัลลอฮฺ" และออกอีดเราตามผู้นำในประเทศเรานั้นไม่มีมุฟตีคนไหนเลยที่บอกว่าผิดกับหลักการของศาสนา.
Mureed : ส่วนที่อ้างว่าผู้นำยึดถือมัซฮับใด หรือตัดสินปัญหาใด มุสลิมในประเทศนั้นต้องปฏิบัติเพราะความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเช่นนั้นช่วยยกตัวบทหลักฐานจากอัลกุรฺอาน หรือหะดีษให้ผมฟังหน่อยซิครับว่า วาญิบต้องตามมัซฮับเหมือนผู้นำประเทศ
ตอบ : ยึดถือมัซฮับใดนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นหนึ่งเดียวเช่นในซาอุฯ ก็มีหลายมัซฮับแต่พวกเขาอยู่ได้ โดยไม่ขัดกัน บรรดามุฟตีพวกเขาพยายามบอกให้เราตามผู้นำนั้นเพราะไม่ให้เกิดการแตกแยกในประเทศ แต่ถ้าหากว่าเราไม่ตามผู้นำในประเทศเรานั้นก็เห็ดชัดๆ เลยว่าแตกแยก
Mureed :เจ้าของมัซฮับเองยังบอกเลยว่า อย่ามาตามฉัน หากฉันพูดขัดกับสุนนะฮฺของท่านนบีก็ให้ยึดสุนนะฮฺของท่านนบีไว้และละทิ้งคำพูดของฉันเสีย. ใช่แต่เท่านั้น พระองค์อัลลอฮฺตรัสไว้ในอัลกุรฺอานว่า "ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังรสูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย, แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งหนึ่ง ก็จงนำสิ่งนั้นกลับไปยังอัลลอฮฺและรสูล" (สูเราะฮฺอันนิสาอฺ : 59) เชื่อฟังอัลลอฮฺ, เชื่อฟังรสูล และให้ปฏิบัติตามผู้นำ แต่พอมีปัญหาพระองค์อัลลอฮฺกลับให้บ่าวของพระองค์กลับไปหาอัลลอฮฺ และรสูลเท่านั้นไม่พูดถึงผู้นำแม้แต่น้อย เพราะผู้นำเป็นมนุษย์อาจจะฟัตวา หรือตัดสินเข้าข้างตนเอง หรือพรรคพวกของตนเองก็ได้, ฉะนั้นการอ้างอิงผิดที่จึงทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดอย่างไม่ต้องสงสัยนะครับ
ตอบ : ผมคิดว่าบรรดามุฟตีในอาหรับพวกเขาเข้าใจซุนนะห์มากกว่าเราอีก เช่นอับดุลลอฮฺบินบาซ หรือ เชคอัลบานีย์ พวกก็เห็นว่าออกอีดให้ตามญุมฮูรฺ แต่เมื่อทำแล้วเกิดการแตกแยกในประเทศ พวกเขาก็เห็นว่า ต้องตามประเทศนั้นโดยไม่ต้องมาสร้างความแตกแยกเลย. คร.อิสมาแอล ลุตฟี ได้เขียนในหนังสือ ออกอีดซุลฮิจยญะห์ให้ตามวันอารอฟัห์ ว่า : ถ้าหากว่าเราตามสิ่งที่อะศอฮฺในปัญหาใดๆที่เป็นข้อปลีกย่อยไม่เป็นสิงวาญิบเมื่อนำไปสู่ความยากลำบากหรือเกิดความแตกแยกในสังคมและการเป็นเอกภาพในแต่ละประเทศของตัวเองจำเป็นกว่าให้เป็นหนึ่งเดียวในโลก.
Mureed : ญุมฮุรฺอุละมาอฺ (นักวิชาการส่วนใหญ่) เห็นว่า บุคคลใดก็ตามที่เป็นประชาชาติของท่านนบีมุหัมมัดเห็นจันทร์เสี้ยว ณ สถานที่หนึ่งที่ใดก็เท่ากับว่าเป็นการเห็นของประชาชาติมุสลิมทั้งหมด หรือชาวเมืองหนึ่งเมืองใดเห็นจันทร์เสี้ยว จำเป็นสำหรับเมืองอื่นจะต้องถือศีลอด (หนังสือฟุกฮุสสุนะฮฺ เล่ม 1 หน้า 436) ในเมื่อ นักวิชาการส่วนใหญ่เขาลงมติเช่นนั้นว่า หากที่ใดเห็นจันทร์เสี้ยวจำเป็นสำหรับที่อื่นๆ จะต้องรับการเห็นจันทร์เสี้ยวนั้น ซึ่งหากสำนักจุฬาไม่เห็นจันทร์เสี้ยวทางสำนักจุฬาก็ประกาศไม่เห็นจันทร์ , แต่เมื่อมีข่าวมาถึงเราภายหลังจากนั้นว่า มีการเห็นจันทร์เสี้ยวแล้ว เช่นนี้เราก็ปฏิบัติตามตัวบทของหะดีษข้างต้นที่ว่าไว้ด้วยการรับการเห็นจันทร์เสี้ยวนั้น แม้ว่าจะไม่ตรงกับสำนักจุฬาก็ตามครับ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยครับที่เราจะปฏิบัติตามศาสนาที่ยึดว่านั่นคือความเข้าใจที่ใกล้เคียงสุนนะฮฺมากที่สุด แล้วมากล่าวหาเราว่าไม่เชือฟังผู้นำ ซึ่งคนละประเด็นกันครับ ต้องย้ำว่า คนละเรื่องกันครับ ส่วนการไปเปรียบเทียบกับอิมามนำนมาซก็เป็นอีกประเด็นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นครับ เพราะสิ่งที่เรากล่าวถึงคือเราต้องการปฏิบัติสิ่งที่ใกล้สุนนะฮฺของท่านรสูลให้มากที่สุดเท่านั้นเอง จึงมีความแตกต่างในเรื่องความเข้าใจในตัวบทหลักฐานนะครับ
ตอบ : สมาชิกที่ประชุมนักวิชาการอาวุโสมีความเห็นว่าเรื่องควรจะคงไว้เป็นเช่นนี้(มีสองทัศนะ)โดยไม่ต้องสร้างให้เป็นประเด็นขัดแย้ง และให้ประเทศอิสลามแต่ละประเทศมีสิทธิที่จะเลือกหนึ่งในสองทัศนะที่ได้แจ้งไว้นั้น ตามแต่เห็นสมควรผ่านนักวิชาการของประเทศ เพราะแต่ละทัศนะล้วนมีหลักฐานและแหล่งอ้างอิง เชคอัลบานีย์ได้วิเคราะห์หนังสือฟิกฮุซซุนนะห์ใน ตะมามุลมินนะห์ เขาบอกว่า ผมเห็นว่าให้ตามประเทศของเขาเพราะว่าถ้าไม่ตามจะเกิดการแตกแยกในประเทศนั้นในวงกว้างมากขึ้น ผมขอถามหน่อยว่า เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาไม่เอานบีตามที่บางคนอ้างว่าพวกนี้บิดเบือนหลักฐาน(ไม่เอานบี)
Mureed : ผมขออธิบายอย่างนี้ว่า ประเด็นที่ปวงมุสลิมเข้าบวชออกบวชตามผู้นำประเทศนั้น เขาตามในฐานะที่ผู้นำประเทศของเขามีสิทธิ์บังคับให้ประชาชนของเขาให้อยู่ใต้การปกครองของเขาอย่างเป็นระเบียบ เช่น ประเทศซาอดิอาระเบียที่ประชาชนของเขาจะเป็นปฏิบัติอย่างอื่นไม่ได้หากทางรัฐบาลตัดสินแล้ว ประเด็นนี้ถือว่าเราจำเป็นจะต้องปฏิบัติผู้นำครับ แต่ประเทศอื่นๆ นั้นบางทีก็ไม่มีใครออกบวชเข้าบวชตามผู้นำประเทศของพวกเขาก็มี ในมาเลเซียก็มีครับ กลุ่มที่ยึดว่าเห็นจันทร์เสี้ยวที่ไหนก็รับการเห็นนั้น แม้ว่าที่ประเทศมาเลเซียไม่เห็นก็ตาม หรือในปากีสถาน, หรือในอินโดนิเซีย หรือแม้แต่ในตะวันออกกลางที่อุละมาอฺบางท่าน,บางกลุ่มยอมรับการเห็นจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นก็มีครับ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ตามการประกาศของรัฐบาลนั้นๆ เสมอไปเหมือนกันครับ .
ตอบ : ฟัตวาจากคณะกรรมการถาวรเพื่อการวิจัยทางวิชาการและการชี้ขาดปัญหาทางศาสนาว่า อนุญาต (ตามหลักศาสนา) ให้มุสลิมทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในประเทศ (เมือง) ที่มิใช่ประเทศอิสลาม ทำการจัดตั้งคณะกรรมการที่มาจากมุสลิมขึ้นทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการยืนยันการเห็นจันทร์เสี้ยว (เริ่มต้นเดือน) ของเดือนรอมฎอน ,เชาวาล และเดือนซุลฮิจญะฮฺ ผมคิดว่าผู้นำที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มิใช่ประเทศอิสลามนั้นจะลงโทษคนทำความผิดไม่ได้แน่นอนเลยครับ ถ้าตามความคิดของอาจารย์ว่า ถ้าผู้นำที่ลงโทษคนไม่ได้นั้นเราไม่วาญิบต้องตาม แสดงว่าประเทศที่มิใช่ประเทศอิสลามนั้นใครจะอยู่แบบไหนก็ได้เพราะไม่วาญิบตามผู้นำที่ลงโทษคนไม่ได้.
by: rusdi -
rusydi@chaiyo.com - 7/5/2009