ผู้เขียน หัวข้อ: วะฮาบีบอกว่าโพกสารบั่นไม่ได้บุญแม้ท่านนะบีกระทำแต่ผ้าปิดหน้ากลับทำให้ได้บุญ  (อ่าน 5645 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ลองไปล่ารายชื่อดู ว่ามีกี่คนในโลกนี้ ที่เชื่อแบบนั้น

ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน หน้าหนัยที่เป็นอย่างที่พวกคุนกล่าว  อย่างน้อยๆจะไดเห็นสภาพเค้าตอนนี้ว่า

ยังเหลือเนื้อให้พวกคุนแทะอีกไหม

ขอให้เต็มที่กับรอมฎอน นะครับ ชาวซุนนะทั้งหลาย
^^
^^
ก่อกวนอีกรายแล้วมั้งค่ะ

subson

  • บุคคลทั่วไป
 51. ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต (Az-Zariyat) 

 
50. ดังนั้นพวกท่านจงเร่งรีบไปหาอัลลอฮ. แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์แก่พวกท่าน 

 
51. และพวกท่านอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับอัลลอฮ. แท้จริง ฉันเป็นผู้ตักเตือนอย่างเปิดเผยจากพระองค์แก่พวกท่าน (*1*) 

(1)  คือจงหันไปพึ่งต่ออัลลอฮ. รีบเร่งไปสู่การให้ความเป็นเอกภาพแด่พระองค์ และเชื่อฟังปฏิบัติตามข้อใช้ข้อห้ามของพระองค์ และอย่าได้ตั้งสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือรูปปั้นเป็นพระเจ้าคู่เคียงกับอัลลอฮ. แท้จริงฉันเป็นผู้ตักเตือนพวกท่านถึงการลงโทษของอัลลอฮ. 

 
52. เช่นนั้นแหละ ไม่มีร่อซูลคนใดมายังบรรดา (หมู่ชน) ก่อนหน้าพวกเขา เว้นแต่พวกเขากล่าวว่าเป็นนักเล่นกลหรือคนบ้า 

 
53. พวกเขาได้สั่งเสียในเรื่องนี้แก่กันกระนั้นหรือ? เปล่าเลย! แต่ว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ละเมิดเกินขอบเขต(*1*) 

(1)  เป็นการปลอบใจท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือดังที่หมู่ชนของเจ้าได้ปฏิเสธเจ้านั้น โดยกล่าวว่าเจ้าเป็นมายากรหรือคนบ้า ก่อนหน้านี้หมู่ชนในสมัยก่อนจากเจ้าก็ได้ปฏิเสธต่อบรรดาร่อซูลของพวกเขามาแล้ว ดังนั้นเจ้าอย่าได้เสียใจต่อคำกล่าวของพวกอาชญากรเหล่านั้นเลย บรรดาชนรุ่นก่อน ๆ ได้สั่งเสียชนรุ่นหลัง ๆ ให้ปฏิเสธเช่นเดียวกันเช่นนั้นหรือ? เป็นคำถามเชิงประหลาดใจต่อพฤติกรรมที่สอดคล้องกันของพวกเขา! เปล่าเลย! พวกเขามิได้สั่งเสียต่อกันหรอก แต่การละเมิดที่เกินขอบเขตของพวกเขาต่างหากที่ทำให้พวกเขาปฏิเสธและฝ่าฝืน 

 
54. ดังนั้น เจ้าจงผินหลังออกจากพวกเขาเถิด แล้ว เจ้าจะไม่เป็นผู้ถูกตำหนิ 

 
55. และจงตักเตือนเถิด เพราะแท้จริงการตักเตือนนั้นจะให้ประโยชน์แก่บรรดาผู้ศรัทธา (*1*) 

(1)  คือเจ้าจะไม่ถูกตำหนิและถูกประณาม เพราะเจ้าได้เผยแผ่สาสน์แล้ว และได้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับอามะนะฮฺแล้ว ดังนั้นเจ้าอย่าได้ละทิ้งการตักเตือน เพราะจิตใจของผู้ศรัทธานั้นจะได้รับประโยชน์และซาบซึ้งต่อข้อตักเตือนที่ดี 

 
56. และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า 

 
57. ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา และข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า 

 
58. แท้จริงอัลลอฮฺ คือผู้ประทานปัจจัยยังชีพอันมากหลาย ผู้ทรงพลัง ผู้ทรงมั่นคง (*1*) 

(1)  คือพระองค์ทรงสร้างญินและมนุษย์เพื่อให้เคารพภักดีต่อพระองค์ เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อใช้และข้อห้ามของพระองค์ กิจการของข้ากับพวกเขามิได้เหมือนกับกิจการของนายที่มีต่อบ่าว ซึ่งเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย และต่างก็มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่กิจการของข้าที่มีต่อพวกเขานั้นคือ ข้าได้สร้างพวกเขามาเพื่อให้พวกเขาเคารพภักดีต่อข้าแต่องค์เดียว และข้าเป็นผู้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพหรืออาหารจากพวกเขา เพราะข้าพอเพียงอย่างมากหลาย เป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงมั่นคง อิบนุกะซีร กล่าวว่า อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงแจ้งว่าพระองค์ไม่มีความต้องการสิ่งใดจากพวกเขา แต่ว่าพวกเขาต่างหากที่มีความต้องการจากพระองค์ในทุกสภาพของพวกเขา เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างพวกเขาและเป็นผู้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา 

 
59. ดังนั้นแท้จริง สำหรับบรรดาผู้ประพฤติผิดนั้น เขาจะได้รับส่วนของการลงโทษเยี่ยงส่วนการลงโทษพวกเพื่อน ๆ ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาอย่าได้รีบเร่งให้ข้า (ลงโทษ) เลย (*1*) 

(1)  ดังนั้น บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น ซึ่งพวกเขาได้ปฏิเสธท่านร่อซูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้รับส่วนของการลงโทษเช่นเดียวกับชนชาติในอดีตได้รับส่วนของการลงโทษของพวกเขาแล้วคือ พวกเขาได้ประสบกับความหายนะ เช่นชนชาติของนูห. อ๊าด และษะมูด ดังนั้นพวกเขาอย่าได้รีบเร่งการลงโทษของข้าเลย เพราะมันจะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงไม่เร็วก็ช้า 

 
60. ดังนั้น ความหายนะจะประสบแด่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในวันของพวกเขาซึ่ง ได้ถูกสัญญาไว้ (*1*) 

(1)  ดังนั้น ความหายนะ ความล่มจม และการลงโทษอย่างหนัก จงประสบแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในวันกิยะมาฮ.ซึ่งอัลลอฮ.ได้สัญญามันไว้แก่พวกเขา
 

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
เพิ่งอ่านซารียาตจบเมื่อกี้เอง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


BiOuH

  • บุคคลทั่วไป
แนวทางการเป็นอุลามะฮฺ ตัฟซีร

หรือ อาจ หันเห เป็น มุหัษดิษิน

แต่ ก็ไม่แน่ อัลลอฮฺ อาจประสงค์ให้เป็น ฮาฟิซอัลกุรอาน

แต่ ก็ เผลอ ๆ ไปทำหน้าที่ แทน ล้อ จากที่ตัวเอง เป็นแค่พวงมาลัย

ผลตอบแทน ก็แสนสาหัส ทีเดียว

ปล. ไม่เข้าใจว่า กำลังแนะนำอะไร คนบางคน ก็ เสนอหน้ามาได้น่ะ พร้อมเสมอ

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
แล้วสมัยนบี ได้มีการสั่งให้สตรีปิดหน้ารึป่าว แต่ที่เคยศึกษาจากฮาดิษ นบีบอกไว้แค่ ให้สตรีปกปิดร่างกายทุกส่วน ยกเว้น ใบหน้าและฝ่ามือ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ anti-bid'ah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 839
  • ไม่รู้ อย่าเสือกชี้
  • Respect: +29
    • ดูรายละเอียด
        การโพกผ้าสารบั่นนั้นเป็นซุนนะฮ์มาตลอด มีรายงานว่าท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์(ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)ได้สั่งใช้ให้โพกผ้าสารบั่น ท่านกล่าวว่า"จงโพกสารบั่นให้เป็นประจำเถิด เนื่องจากมันจะช่วยทำให้ความอ่อนโยนของผู้นั้นเพิ่มขึ้น".(ฟัตฮุ้ลบารี)

ท่านหนึ่งได้ถามอับดุลเลาะฮ์ บุตร ท่านอุมัรว่า "การโพกผ้าสารบั่นเป็นซุนนะฮ์ไหม?" ท่านตอบว่า"ใช่, มันเป็นซุนนะฮ์"(อัยนี)

และมีอีกฮะดีษหนึ่งบอกว่า ผ้าสารบั่นควรได้รับการโพกเป็นประจำ เนื่องจากมันคือสัญลักษณ์ของอิสลามที่แบ่งแยกระหว่างมุสลิมออกจากกาฟิร.(อัยนี)

                                      อ่านเจอมาครับพี่น้องก็เลยนำมาให้ลองศึกษาดู

 salam ช่วยอ้างหน้าหนังสือและบทด้วยครับ  จะได้ตรวจสอบง่ายหน่อย
رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الْأَبْرَارِ

BiOuH

  • บุคคลทั่วไป
มุนาฟิก แปล ว่า ไร เหรอ

งง ๆ อยู่

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
อาจารย์บางคน(ทางฟากวะฮาบีย์) ก็ออกมายอมรับแล้วว่า การโพกผ้าสารบั่นเป็นซุนนะห์นบี พร้อมทั้งกล่าวฮาดิษเดียวกันกับที่คุณ Sunni Partisan  ได้กล่าวไว้
ทั้งๆที่แต่ก่อน อ้างว่าไม่มีหลักฐานหรือฮาดิษระบุไว้ โดยที่ตัวเองนั้นไม่ได้ศึกษามันอย่างถ่องแท้

คุณแอนตี้บิดก็สามารถไปตรวจสอบได้น่ะ......(คงไม่ต้องบอกว่าอาจารย์คนนั้นเป็นใคร ดังจะตายไป)

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
มุนาฟิก แปล ว่า ไร เหรอ

งง ๆ อยู่

คำว่า  มุนาฟิก  (مُنَافِقٌ)  เป็นคำนามเอกพจน์  มีรูปพหูพจน์ว่า  (مُنَافِقُوْنَ)  กริยาเดิมคือคำว่า  นะฟ่าก้อ  (نَفَقَ)  หรือ  นะฟิก้อ  (نَفِقَ)  หมายถึง  มัน  (หนูหริ่ง)  ออกจากรูของมันหรือเข้ารูของมัน  มีรูปกริยาอีกตัวหนึ่งว่า  นาฟ่าก้อ  (نافَق)  ซึ่งมีความหมายเหมือนคำว่า  นะฟ่าก้อ  และมีรูปอาการนาม  (مَصْدَر)  ว่า  มุนาฟ่ะเกาะฮฺ  หรือ  นิฟ๊าก  (نَفاق)  ในทางศาสนบัญญัติ  คำว่า  มุนาฟิก  หมายถึง  คำนามที่ถูกกำหนดให้เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายในการเรียกขานบุคคลที่ แสดงออก  (เสแสร้ง)  ว่ามีศรัทธา  และซ่อนเร้นอำพรางการปฏิเสธเอาไว้ภายใน

ความ สัมพันธ์ระหว่างศัพท์คำนี้ในความหมายตามรากศัพท์และความหมายตามศาสนบัญญัติ นั้นคือ  การเป็นคนมุนาฟิก  (นิฟ๊าก)  หมายถึง  การกระทำของคนที่เป็นมุนาฟิก  (منافق)  ซึ่งกระจายคำมาจาก  นาฟิกออฺ  (نافِقَاء)  อันหมายถึง  ห้องในรังของหนูหริ่ง  (ยัรบูอฺ)  เพราะหนูหริ่งจะทำห้องในรังของมันหลอกเอาไว้  ซ่อนเอาไว้ห้องหนึ่งและทำหลอกเอาไว้อีกห้องหนึ่ง  คนที่เป็นมุนาฟิกก็เช่นกัน  เขาจะซ่อนเร้นอำพรางการปฏิเสธเอาไว้  แล้วเสแสร้งการเป็นอิสลามเอาไว้ภายนอก  กล่าวคือ  ซ่อนเร้นอำพรางสิ่งที่ค้านกับการแสดงออกภายนอกนั่นเอง  (อัลมุนญิด  ฟิลลุเฆาะฮฺ  วัลอะอฺลาม  หน้า  828/  ตัฟซีร  อัลมุนีร  ;  ดร.วะฮฺบะฮฺ  อัซซุฮัยลีย์  เล่มที่  1  หน้า  80)


ในภาษาไทยเราเรียกหรือให้ ความหมายคำว่ามุนาฟิกว่าเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกหรือคนสับปลับ  หรือคนกลับกลอก  ในคัมภีร์อัลกุรอานได้เปิดโปงเรื่องราวของพวกมุนาฟิกเอาไว้หลายที่ด้วยกัน  ส่วนหนึ่งคือการระบุถึงสภาพของพวกเขาเอาไว้ในตอนต้นบทอัลบะกอเราะฮฺ  นับแต่อายะฮฺที่  8  เรื่อยไปจำนวน  13  อายะฮฺด้วยกัน  โดยลักษณะแรกของพวกมุนาฟิกก็คือ  การเปล่งวาจาว่ามีศรัทธาด้วยกับลิ้น  แต่หัวใจนั้นเต็มไปด้วยการปฏิเสธและความหลงผิด  อัลกุรอ่านเรียกการเป็นนิฟากของพวกเขาว่า  “โรคร้าย”  ซึ่งหมายถึงความสงสัย  ความคลางแคลง  ความสับสน  การปฏิเสธและการดื้อแพ่ง  พวกมุนาฟิกจะชอบโอ้อวด  ดูแคลนผู้ศรัทธา  สำคัญตนผิดและปฏิบัติศาสนกิจด้วยความเกียจคร้านโดยเฉพาะการละหมาดซุบฮิและละ หมาดอิชาอฺ

ในสมัยท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  มีพวกมุนาฟิกเป็นจำนวนมากมีอับดุลลอฮฺ  อิบนุ อุบัยย์ อิบนิ สะลู้ล เป็นหัวหน้า  ส่วนมากมาจากพวกยิวที่แสดงตนเข้ารับอิสลามแต่เพียงภายนอกแต่ชิงชังอิสลามและ มุสลิมในหัวใจ  พวกมุนาฟิกจึงเป็นกลุ่มชนที่เป็นภัยต่ออิสลามมากยิ่งกว่าพวกปฏิเสธที่แสดงตน อย่างชัดเจนเสียอีก  อายะฮฺอัลกุรอ่านหลายอายะฮฺได้บ่งชี้ว่า  การโกหกมุสาเป็นเครื่องหมายของพวกมุนาฟิก  ซึ่งเมื่อการโกหกมุสาเป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายของพวกเขา  การพูดจาอย่างชัดเจนจริงใจ  และการกระทำด้วยความกล้าหาญไม่ขลาดเขลาซึ่งตรงกับสิ่งที่เชื่อมั่นในหัวใจ จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของผู้ศรัทธาที่มีความซื่อสัตย์


การเป็นมุนาฟิก  (นิฟ๊าก)  มี  2  ชนิดคือ
1.  นิฟ๊าก  อิอฺติกอดีย์  (نَفَاقٌ اعتقادِي) คือการเป็นมุนาฟิกในด้านการยึดมั่นศรัทธา  นักวิชาการบางท่านเรียกว่า  นิฟ๊ากใหญ่  (نفاق اكبر)  มี  6  ชนิดด้วยกันคือ
(1)  ไม่เชื่อท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  คือหาว่าท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เป็นผู้มุสา
(2)  ไม่เชื่อในบางสิ่งที่ท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ได้นำมา
(3)  ชิงชังโกรธเคืองต่อท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
(4)  ชิงชังโกรธต่อบางสิ่งที่ท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ได้นำมา
(5)  ชื่นชมยินดีต่อความตกต่ำในศาสนาของท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
และ  (6)  รังเกียจในการช่วยเหลือศาสนาของท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ผู้ที่มี  6  ประการนี้  ถือเป็นมุนาฟิกซึ่งต้องได้รับการลงทัณฑ์ด้วยขุมนรกชั้นล่างสุด

2.  นิฟ๊าก  อะมะลีย์  (نِفَاقٌ  عَمَلِيٌّ) หมายถึง  การปฏิบัติที่เข้าข่ายเป็นมุนาฟิก  นักวิชาการบางท่านเรียกว่า  นิฟ๊ากเล็ก  (نفاق أصغر)  ถือเป็นบาปใหญ่  มีอยู่ด้วยกัน  5  ชนิดคือ
(1)  เมื่อพูดจาก็มุสาวาจา
(2)  เมื่อสัญญาก็บิดพลิ้ว
(3)  เมื่อได้รับความไว้วางใจก็ทรยศ
(4)  เมื่อพิพาทขัดแย้งก็แฉด้วยความหยาบช้า
(5)  เมื่อมีข้อตกลงก็ไม่รักษาสิ่งที่ตกลงกันไว้  (نعوذ بالله من النفاق والشقاق وسوء الأدب)

ที่มา http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=978.0

BiOuH

  • บุคคลทั่วไป
ญาซากัลลอฮูค๊อยร๊อน

หวังว่า คนที่ได้อ่านผ่านตา คงพอคิดได้บ้างน๊อ

ว่า ต้องการแนะนำสิ่งใด แก่ใคร

วัลลอฮูอาลัม

ออฟไลน์ Sunni Partisan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
                                               33. ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ (Al-Ahzab)

                                                         بسم الله الرحمن الرحيم                                         

يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا

59. โอ้นะบีเอ๋ย ! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง (*3*) นั่น เป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน (*4*) และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ 

(1)  คือให้พวกนางเหล่านั้นสวมเสื้อหลวม ๆ ซึ่งจะช่วยปกปิดความสวยงามและเครื่องประดับของพวกนางเพื่อป้องกันการกล่าวร้ายแก่นาง และแยกให้แตกต่างจากลักษณะของพวกผู้หญิงญาฮิลียะฮฺ อัฎฎ็อบรีย์ รายงานจากอิบนุอับบาส ซึ่งกล่าวเกี่ยวกับอายะฮฺนี้ว่า อัลลอฮฺทรงใช้บรรดาหญิงผู้ศรัทธาว่า เมื่อพวกนางจะออกจากบ้าน ให้พวกนางคลุมศรีษะและปกปิดใบหน้าด้วยเสื้อคลุมของพวกนาง และเปิดช่วงสำหรับนัยตาอย่างเดียว (2)  ในการปกปิดเช่นนั้นเป็นการป้องกันพวกนางให้พ้นจากคำพูดของพวกมนุษย์เลวทราม และเป็นการแยกพวกนางให้แตกต่างจากพวกทาสี 

และท่าน อิบนุ กะษีรได้รายงานจากท่าน มุฮำหมัด บิน ซีรีน ได้กล่าวว่า "ฉันได้ถามท่าน عبيدة  السلماني ถึงคำตรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า  (يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلابِيبِهِنَّ)  ท่านจึงทำท่าปิดหน้าและศีรษะของท่านและเปิดตาข้างซ้ายข้างเดียวให้ดู

ออฟไลน์ Sunni Partisan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
แล้วสมัยนบี ได้มีการสั่งให้สตรีปิดหน้ารึป่าว แต่ที่เคยศึกษาจากฮาดิษ นบีบอกไว้แค่ ให้สตรีปกปิดร่างกายทุกส่วน ยกเว้น ใบหน้าและฝ่ามือ

  33. ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ (Al-Ahzab)

                                                         بسم الله الرحمن الرحيم                                         

يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللَّهُ غَفُورًا رَّحِيمًا

59. โอ้นะบีเอ๋ย ! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง (*3*) นั่น เป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน (*4*) และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ 

(1)  คือให้พวกนางเหล่านั้นสวมเสื้อหลวม ๆ ซึ่งจะช่วยปกปิดความสวยงามและเครื่องประดับของพวกนางเพื่อป้องกันการกล่าวร้ายแก่นาง และแยกให้แตกต่างจากลักษณะของพวกผู้หญิงญาฮิลียะฮฺ อัฎฎ็อบรีย์ รายงานจากอิบนุอับบาส ซึ่งกล่าวเกี่ยวกับอายะฮฺนี้ว่า อัลลอฮฺทรงใช้บรรดาหญิงผู้ศรัทธาว่า เมื่อพวกนางจะออกจากบ้าน ให้พวกนางคลุมศรีษะและปกปิดใบหน้าด้วยเสื้อคลุมของพวกนาง และเปิดช่วงสำหรับนัยตาอย่างเดียว (2)  ในการปกปิดเช่นนั้นเป็นการป้องกันพวกนางให้พ้นจากคำพูดของพวกมนุษย์เลวทราม และเป็นการแยกพวกนางให้แตกต่างจากพวกทาสี 

และท่าน อิบนุ กะษีรได้รายงานจากท่าน มุฮำหมัด บิน ซีรีน ได้กล่าวว่า "ฉันได้ถามท่าน عبيدة  السلماني ถึงคำตรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า  (يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلابِيبِهِنَّ)  ท่านจึงทำท่าปิดหน้าและศีรษะของท่านและเปิดตาข้างซ้ายข้างเดียวให้ดู
[/quote]

ออฟไลน์ Sunni Partisan

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
 salam

ขอมะอัฟถึงนิ ^@^Mustura^@^ ด้วยนะครับที่ที่ตอบกระทู้นิสองรอบ คือพอดีอยากอ้างคำพูดนิแต่ทำไม่เป็น ก็เลยลองผิดลองถูกอยู่สองเที่ยวกว่าจะได้ ไม่ค่อยจะสันทัดเรื่องคอมๆเท่าไหร่ ;D

 

GoogleTagged