ฮาดิษนี้ ซอเฮียะฮฺหรือไม่

[mustura^@^]

ฝากตรวจสอบ อีกบท


รายงานจากท่านหญิงอาอิฉะฮอีกว่า "ฉันนอนอยู่เบื้องหน้าของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยที่เท้าทั้งสองของฉันขวางอยู่ทางทิศกิบลัต ของท่าน แล้วเมื่อท่านนบีสุญูด ท่านได้จี้ฉัน ฉันก็หดเท้าของฉันเข้ามา" และในอีกสำนวนหนึ่งระบุว่า "เมื่อท่านนบีต้องการสุญูด ท่านก็จี้เท้าของฉัน"- รายงานโดย บุคอรีและมุสลิม

ถึงคุณพี่่สับสนน่ะค่ะ

ฮาดิษที่ระบุไว้ เราจะตีความว่า การสุญุดของนบีนั้นเป็นการสุญุดในขณะละหมาด อย่างเดียวไม่ได้น่ะค่ะ
เพราะการสุญุดไม่จำเป็นจะต้องมีเฉพาะในเวลาที่เราละหมาดเพียงอย่างเดียว การสุญุดกระทำได้ทุกเวลา หากเรา
มีความต้องการที่จะขอบคุณในความเมตตาของพระองค์ เพราะการสุญุดนั้นแสดงถึงความสูงส่งของพระองค์ยิ่ง และการสุญุดในกรณีนี้ก็ไม่จำเป็นที่ต้องมีน้ำละหมาด(ไม่เคยเห็นนักฟุตบอลมุสลิมที่สุญุด หลังจากที่เตะบอลเข้าประตูหรอไงค่ะ)

ความว่า " แล้วเมื่อท่านนบีสุญูด ท่านได้จี้ฉัน ฉันก็หดเท้าของฉันเข้ามา"   แสดงว่าเป็นพฤติกรรมการหยอกล้อกัน
ซึ่งการหยอกล้อกันในระหว่างที่ทำการละหมาดเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะท่านนบีผู้เป็นที่ประเสริฐยิ่งของประชาชาติมุสลิม จะไม่มีทางกระทำเช่นนนั้นเด็ดขาด ดังนั้น ฮาดิษสามารถตีความได้ 2 กรณี คือ 1. การสุญุดในขณะที่ละหมาด  หรือ 2. การสุญุดเพื่อต้องการแสดงความขอบคุณในความเมตตาของอัลลอฮฺ

แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุด น่าจะเป็นกรณีที่ 2
ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง

[Deeneeyah]

ข. ฮะดีษที่บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ และมุสลิมจากอาอิชะห์ ได้กล่าวว่า เมื่อปรากฏว่าท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม ละหมาดโดยที่ดิฉันนอนขวางอยู่ข้างหน้าท่านเช่นดังคนตาย จนกระทั่งเมื่อท่านต้องการจะละหมาดวิตร์ เท้าของท่านกับสัมผัสกับดิฉัน

* และในรายงานหนึ่งของมุสลิม โดยนางได้เล่าว่า ดิฉันได้สัมผัสกับท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม โดยที่ดิฉันไม่ทราบ แล้วมือของดิฉันก็ไปวางอยู่บนฝ่ายเท้าของท่านในขณะที่ท่านสุหญูด
* การอ้างหลักฐานจากฮะดีษนี้ ถ้าแม้ว่าน้ำละหมาดของท่านได้เสียจากการสัมผัสนั้นท่านก็ต้องเริ่มละหมาด ใหม่ด้วยการทำความสะอาดใหม่ แต่ท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น จึงชี้ให้เห็นว่าการสัมผัสสตรีไม่เสียน้ำละหมาด

ข. ฮะดีษที่รายงานโดยอาอิชะห์นั้น ความจริงนางเคยนอนขวางทางทิศกิบละห์ของท่าน และมีรายงานจากนางว่า มือของนางเคยวางที่ฝ่าเท้าของท่านขณะที่ท่านกำลังสุหญูดอยู่

* ก็ขอตอบว่า มันไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้ด้วยข้อคิดหลายประการโดยจะขอกล่าวเพียง 2 ประการ คือ

หนึ่ง คาดว่าการกระทำดังกล่าวนั้นมีสิ่งขวางกั้น หรือเป็นเรื่องเฉพาะสำหรับท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม
อัศศ็อนอานีย์ ว่า ไม่ประหลาดใจเลยกับการตีความเช่นนี้ เพราะมันเกินความจริงไปมาก ๆ และไม่มีหลักฐานในทางศาสนบัญญัติเลย

สอง แท้จริงการอาบน้ำละหมาด ที่จริงแล้วคืออยู่บนจุดมุ่งหมายของคนสัมผัส ไม่ใช่อยู่ที่ผู้ถูกสัมผัสโดยไม่มีจุดประสงค์ไปสู่การกระทำการสัมผัส เพราะท่านไม่ได้สัมผัส

จากบทความที่ผมโพส

[subson]

ข้อความโดย: Deeneeyah
ฮะดีษที่รายงานโดยอาอิชะห์นั้น ความจริงนางเคยนอนขวางทางทิศกิบละห์ของท่าน และมีรายงานจากนางว่า มือของนางเคยวางที่ฝ่าเท้าของท่านขณะที่ท่านกำลังสุหญูดอยู่

* ก็ขอตอบว่า มันไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้ด้วยข้อคิดหลายประการโดยจะขอกล่าวเพียง 2 ประการ คือ
หนึ่ง คาดว่าการกระทำดังกล่าวนั้นมีสิ่งขวางกั้น หรือเป็นเรื่องเฉพาะสำหรับท่านนะบี ศ็อลลัลลอหุอะลัยหิวะซัลลัม
อัศศ็อนอานีย์ ว่า ไม่ประหลาดใจเลยกับการตีความเช่นนี้ เพราะมันเกินความจริงไปมาก ๆ และไม่มีหลักฐานในทางศาสนบัญญัติเลย

...

เพื่อไม่ให้คนทั่วไปเข้าใจผิด ขอเสริมคุนDeeneeyah   ว่าสีแดงนั้นมันไม่ใช่ทุกเรื่องเราต้องดูรายละเอียดอื่นๆอีกมาก
อย่างเช่น

ซูเราะฮฺ อะฮฺซาบ อายะฮฺที่ 32 ว่า “โอ้บรรดาภริยานะบีเอ๋ย พวกเธอไม่เหมือนกับสตรีใดๆในเหล่าสตรีอื่น หากพวกเธอยำเกรง(อัลลอฮฺ)ก็ไม่ควรพูดจากเพราะพริ้งนัก เพราะจะทำให้ผู้ที่หัวใจของเขามีโรคเกิดความโลภ แต่จงพูดด้วยถ้อยคำที่พอเหมาะพอควร”

หากเหมารวมตามความเข้าใจของคุนDeeneeyah  นั้นโองการนี้ก็คง เป็นโองการที่ใช้เฉพาะสำหรับภริยานะบี 
แต่หาใช่เช่นนั้นไม่ โองการนี้แหละที่อุลามาอฺ เอามาเป็นหลักฐานห้ามสตรีพูดด้วยเสียงอันไพเราะจนเกินงาม  วัลลอฮุอะลัม

[Deeneeyah]

ข้อความโดย: Deeneeyah

หากเหมารวมตามความเข้าใจของคุนDeeneeyah  นั้นโองการนี้ก็คง เป็นโองการที่ใช้เฉพาะสำหรับภริยานะบี 
แต่หาใช่เช่นนั้นไม่ โองการนี้แหละที่อุลามาอฺ เอามาเป็นหลักฐานห้ามสตรีพูดด้วยเสียงอันไพเราะจนเกินงาม  วัลลอฮุอะลัม

ความจริงไม่ใช่ความเข้าใจของผมหรอกครับ แต่เป็นทัศนะหนึ่งของอุลามาอฺในเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับหะดีษนี้

[mustura^@^]

คุณสับสน น่าจะสับสนกันเข้าไปใหญ่
ระหว่างโองการอัลกุรอ่านกับฮาดิษ มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง น่ะค่ะ
โองการอัลกุรอ่าน ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบ และถือว่าเป็นคำสั่งลงมายังท่านนบีโดยตรง เพื่อให้ท่านนบีปฏิบัติตามโองการ
และเป็นแบบอย่างแก่อุมมัตอิสลาม
แต่ฮาดิษจำเป็นต้องมีการตรวจสอบสายรายงาน ว่าจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการแสดงทัศนะเช่นนั้นของอุลามะอฺ ก็ไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด

[subson]

 
แต่ฮาดิษจำเป็นต้องมีการตรวจสอบสายรายงาน ว่าจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการแสดงทัศนะเช่นนั้นของอุลามะอฺ ก็ไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด

***************************************************
ฝากตรวจสอบ เด๋วตื่นขึ้นมาอ่าน

และมีรายงานจากท่านหญิงอาอิฉะฮอีกว่า นางได้กล่าวว่า " แท้จริงท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้หายไปจากที่นอนในคืนหนึ่ง ฉันได้ตามหาไปจนพบแล้วเอามือจับที่ฝ่าเท้าของท่าน โดยที่ท่านอยู่ในมัสญิด โดยฝ่าเท้าของท่านตั้งชันอยู่(หมายถึงกำลังสุญูดในละหมาด) ขณะนั้นท่านกล่าวดุอาว่า

" اللهم إني أعوذ برضاك من سخطك، وأعوذ بمعافاتك من عقوبتك، وأعوذ بك منك، لا أحصي ثناء عليك، أنت كما أثنيت على نفسك

โอ้อัลลอฮ ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ท่าน ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ ให้พ้นจากความโกรธกริ้วของพระองค์ และขอความคุ้มครองด้วยการอภัยของพระองค์ ให้พ้นจากการลงโทษของพระองค์ และขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจาก (การลงโทษ)ของพระองค์ ,ฉันไม่อาจคำนวนนับการสรรเสริญของพระองค์ได้ ดังเช่นที่พระองค์ให้การสรรเสริญพระองค์เอง"
- บันทึกโดย มุสลิมและอัตติรมิซีย์ โดยถือว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ

[BiOuH]

0000000.00000000

[GeT]

ฝากตรวจสอบ อีกบท


รายงานจากท่านหญิงอาอิฉะฮอีกว่า "ฉันนอนอยู่เบื้องหน้าของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยที่เท้าทั้งสองของฉันขวางอยู่ทางทิศกิบลัต ของท่าน แล้วเมื่อท่านนบีสุญูด ท่านได้จี้ฉัน ฉันก็หดเท้าของฉันเข้ามา" และในอีกสำนวนหนึ่งระบุว่า "เมื่อท่านนบีต้องการสุญูด ท่านก็จี้เท้าของฉัน"- รายงานโดย บุคอรีและมุสลิม

ถึงคุณพี่่สับสนน่ะค่ะ

ฮาดิษที่ระบุไว้ เราจะตีความว่า การสุญุดของนบีนั้นเป็นการสุญุดในขณะละหมาด อย่างเดียวไม่ได้น่ะค่ะ
เพราะการสุญุดไม่จำเป็นจะต้องมีเฉพาะในเวลาที่เราละหมาดเพียงอย่างเดียว การสุญุดกระทำได้ทุกเวลา หากเรา
มีความต้องการที่จะขอบคุณในความเมตตาของพระองค์ เพราะการสุญุดนั้นแสดงถึงความสูงส่งของพระองค์ยิ่ง และการสุญุดในกรณีนี้ก็ไม่จำเป็นที่ต้องมีน้ำละหมาด(ไม่เคยเห็นนักฟุตบอลมุสลิมที่สุญุด หลังจากที่เตะบอลเข้าประตูหรอไงค่ะ)

ความว่า " แล้วเมื่อท่านนบีสุญูด ท่านได้จี้ฉัน ฉันก็หดเท้าของฉันเข้ามา"   แสดงว่าเป็นพฤติกรรมการหยอกล้อกัน
ซึ่งการหยอกล้อกันในระหว่างที่ทำการละหมาดเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะท่านนบีผู้เป็นที่ประเสริฐยิ่งของประชาชาติมุสลิม จะไม่มีทางกระทำเช่นนนั้นเด็ดขาด ดังนั้น ฮาดิษสามารถตีความได้ 2 กรณี คือ 1. การสุญุดในขณะที่ละหมาด  หรือ 2. การสุญุดเพื่อต้องการแสดงความขอบคุณในความเมตตาของอัลลอฮฺ

แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุด น่าจะเป็นกรณีที่ 2
ทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง

ที่ออกความคิดแบบนี้ อิงจากทัศนะของอุละมาอ์หรือว่าเข้าใจเอง ลองดูสำนวนของอัลบุคอรีย์ ระบุชัดเจนว่านบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกำลังละหมาด (ตะฮัจญุด) อยู่ ไม่สุญูดเพื่อแสดงความขอบคุณ หรือจิ้มหยอกเล่น
عَنْ عَائِشَةَ - رضى الله عنها - قَالَتْ بِئْسَمَا عَدَلْتُمُونَا بِالْكَلْبِ وَالْحِمَارِ ، لَقَدْ رَأَيْتُنِى وَرَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - يُصَلِّى ، وَأَنَا مُضْطَجِعَةٌ بَيْنَهُ وَبَيْنَ الْقِبْلَةِ ، فَإِذَا أَرَادَ أَنْ يَسْجُدَ غَمَزَ رِجْلَىَّ فَقَبَضْتُهُمَا

[คนอยากรู้]

 salam

เอ..ประเด็นเรื่องการกระทบกันเสียน้ำลหมาดหรือไม่ นี้ รู้สึกว่าเราเคยเสวนากันมครั้งหนึ่งแล้วนะครับคุณ  GET แต่ผมจำไม่ได้ว่า ที่ไหน..

[คนอยากรู้]

 salam

อ๋อ ผมพอ จะนึกอกแล้วว่า เราเคยเสวนาประเด็นนี้ในเวป มุสสลิมไทย มาแล้ว เรื่องการกระทบกันเสียน้ำละหมาดหรือไม่ รู้สึกว่า ในเดือนรอมาดอนนี้ด้วยนะประมาณกว่า50หน้ากระดาน เกือบ6เดือน

ว่าได้  เพราะในครั้ง นั้นมีผู้มีความรู้ หลายท่านที่เข้าร่วมเสวนาในครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น คุณอัลอัชฮารี คุณนูรุ้ลอิสลาม คุณ อัสวา คุณกอดัร MPW.SOหรือ คุณGETหรืออบูซอฟฟวานแห่งเวปอิกเราะ


บังฮาซันแห่งเวป อัซซุนนะและ IRFลูกศิษย์ อ.มุรีด และลูกศิษย์อ.ริดอ  คุณสับสน คุณอะดีล  คุณซุฟรียาน คุณ อัลอุมคุณZAGG คุณแมมโม้  คุณแมวน้อยและอีกหลายๆท่าน ประเด็นของการกระทบกันเสีย

น้ำละหมาดหรือไม่นั้น มันเป็นประเด็นกันมานมนานแล้ว และประเด็นที่ท่านทั้งหลายกำลังนำมาต่อยอดกันต่อนั้น เหตุการณ์นี้ มันเกิดตั้งแต่สมัยซอฮาบะแล้ว

ในเรื่องของความเข้าใจในตัวบทเดียวกัน แต่ความเข้าใจต่างกัน  และคุณDEENEEYAH เอง ก็ได้นำหลักฐานที่มาของข้อปลีกย่อยในความเข้าใจของฮาดิษนี้มาให้แล้ว และผมไม่ทราบว่าคุณสับสนจะสร้าง

ความสับสนหาอะไรอีก   แต่ผมจำได้ไม่ลืมมีอยู่ครั้งหนึ่ง มีคนเคืองผมในเรื่องนี้เช่นกัน พยายามเรียกชื่อผม จากคนอยากรู้ (Konyakroo)แล้วทำเป็นเปลี่ยนสมาญานามผมเป็น คนแยกรูบ้าง

คนอยากรูบ้าง,คนแยงรูบ้าง ,ขนแยกรูบ้าง    จนบัดนี้ ผมยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนสร้างความสับสนให้กับชื่อของผม  อย่าลืมว่ามันเข้าขั้นฮักกุลอาดัมเลยทีเดียว



 ;Dฉนั้นใครรู้ตัว  ..วันนี้ผมมาทวงสิทธิอันชอบธรรมคืน และ.ผมยินดีให้มาอัฟถ้าคนๆนั้นรีบขอมาอัฟจากผม ไม่เช่นนั้น วันแห่งการตัดสินท่านจะต้องถูกสอบสวน แน่นอน 

อีกคนคือ บังฮาซันที่เคยฮูกมว่าผมเป็น  มุนาฟิก ด้วยกับสิ่งที่ผมพูดว่า ผมสงสัยในฮาดิสฮาซันบทหนึ่ง ของอันนาสาอีย์กับการเพิ่มเติมของท่านที่ว่า   

ทุกบิดอะคือการหลงผิด และการหลงผิดนั้นจะตกนรก ซึ่งผมแค่กล่าวตามคำบอกกล่าวของเชคซาอุดี้คืออัลบานีย์ว่า ในประโยคข้างหลังนั้นเป็นสำนวนของการเพิ่มเติมขึ้นมา


 Oops:แล้วผมผิดด้วยหรือ ไง...จริงๆแล้วเดือนนี้เดือนแห่งการให้อภัย เดือนที่ประเสริฐ  เดือนที่มีความ   บรกัตกว่าทุกๆเดือน แต่ฉไน คนๆเหล่านั้นที่เคยว่าผมจึงไม่กล้าขออภัยจากผมละ

[GeT]

salam

เอ..ประเด็นเรื่องการกระทบกันเสียน้ำลหมาดหรือไม่ นี้ รู้สึกว่าเราเคยเสวนากันมครั้งหนึ่งแล้วนะครับคุณ  GET แต่ผมจำไม่ได้ว่า ที่ไหน..

อืม ผ่านมาสองปีแล้ว ลองขุดๆดูสิเผื่อจะเจอ

[คนอยากรู้]

อืม ผ่านมาสองปีแล้ว ลองขุดๆดูสิเผื่อจะเจอ

จะไปขุดให้เสียแรงทำไมกันละครับ   ก็ในเมื่อผมเองได้ฝ้งมันไว้ในเวปมุสลิมไทยดอดคอมแล้ว   อีกอย่างหนึ่ง ตอนบ่ายๆอย่างนี้นอนพักผ่อนเอาแรงไว้ละหมาดตารอวิ20 รอกาอัตดีกว่ารับคุณGET

[Qortubah]

เพราะในครั้ง นั้นมีผู้มีความรู้ หลายท่านที่เข้าร่วมเสวนาในครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณอัลอัชฮารี คุณนูรุ้ลอิสลาม คุณ อัสวา คุณกอดัร MPW.SO หรือ คุณ GETหรืออบูซอฟฟวานแห่งเวปอิกเราะ

ทราบมาว่าคุณ MPW.SO หรือ คุณ GET ไม่น่าจะใช่คนเดียวกันกับ อบูซอฟฟวาน นะครับ

[คนอยากรู้]

ทราบมาว่าคุณ MPW.SO หรือ คุณ GET ไม่น่าจะใช่คนเดียวกันกับ อบูซอฟฟวาน นะครับ.....งั้นมาอัฟด้วยครับผม[/color]


คือผมสงสัยตัวบทฮาดิสข้างล่างนี้ครับที่ว่า

อนุญาตให้อิมามถือมุศหัฟ(เล่มอัล-กุรอาน)อ่านได้ ดังที่มีรายงานจากท่าน
หญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮา ว่า:
"ซักวาน –คนรับใช้ของนาง- ได้นำละหมาดนางในเดือนรอมฎอน โดยที่เขาอ่านจากมุศหัฟ"
บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ (691) ด้วยสายรายงานที่ตะอฺลีก, อบูดาวูดใน "อัลมะศอหิฟ" (236),มาลิก  (678) อัลบัยหะกีย์ใน "อัสสุนัน อัลกุบรอ" (3183).
ท่านอิมามอันนะวะวีย์กล่าวว่า: "สายรายงานถูกต้อง" [คุลาเศาะตุล อะหฺกาม (1/500)]
อิมามมาลิก เราะฮิมะหุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า: "ถือว่าไม่เป็นไรสำหรับผู้ที่ไม่ท่องจำอัล-กุรอานนำละหมาดโดยดูมุศหัฟ" [อัลมุนตะกอ (1/269)]
ส่วนกรณีการถือของมะมูมนั้น ถือว่าไม่ควร เพราะหน้าที่ของมะมูมคือ สดับฟัง
การอ่านของอิมาม อีกทั้งการถือมุศหัฟของมะมูมยังจะทำให้เขาไม่สามารถปฏิบัติวิธี
การละหมาดบางอย่าง เช่น วางมือขวาบนมือซ้าย เพราะมือขวาของเขาต้องคอยถือมุศหัฟ  
และต้องคอยพลิกหน้ามุศหัฟ และบางทียังอาจจะสร้างความไม่คุชูอฺแก่คนข้าง ๆ อีกด้วย
ส่วนหากมะมูมจำเป็นต้องถือมุศหัฟอย่างในกรณีที่ต้องคอยทักติงการอ่านของอิมามหากอิมามอ่านผิด
เช่นนี้ก็ถือว่าอนุญาตให้ถือได้  

รบกวนใครก็ได้หรือ คุณGETครับ ช่วยอธิบายฮาดิสบทนี้นะครับว่าสถานะมันอย่างไร  รบกวนคุณช่วยทำให้กระจ่างด้วยคับ และอยากได้รายละเอียดมากกว่านี้ครับว่า

ฮาดิสนี้ เป็นฮาดิสประเภทไหน และคำว่ามุศหัฟนั้น ที่ถูกอ่านนั้นเป็นรูปเล่มใช่ไหม และฮาดิสนี้อยู่ในช่วงสมัยไหน   ญาซากัลลอฮ์

[Deeneeyah]

 salam

แต่ผมจำได้ไม่ลืมมีอยู่ครั้งหนึ่ง มีคนเคืองผมในเรื่องนี้เช่นกัน พยายามเรียกชื่อผม จากคนอยากรู้ (Konyakroo)แล้วทำเป็นเปลี่ยนสมาญานามผมเป็น.....

คุณคนอยากรู้เล่าจนผมนึกภาพออกเลยว่าตอนนั้นผมแอบหัวเราะกับเหตุการณ์นี้เลย.....ยังไงก็ขอมอัพด้วยนะครับ 

แต่ตอนนั้นผมเป็นแค่ผู้ชม...ครับ