บทสรุปของ ความรักจากแสงทั้งสาม
แสงจากเทียน
แสงจากไม้ขีดไฟ
แสงจากตะเกียง
หากสังเกตุ แสงทั้ง3นั้นมาจากไฟ ไฟที่ไหม้ลามเผาทุกสิ่ง
คุณค่าของไฟจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวของไฟ
แต่อยู่ที่แสงสว่างและความร้อนจากมันต่างหาก
เพราะตัวของไฟนั้นพร้อมจะเผาเชื้อไฟทุกชนิดที่ถูกสร้างมาจากดิน
ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ แสงจากไฟจึงดับลงเมื่อสิ้นเชื้อ
เราอาจจะสงสารเทียน สงสารไม้ขีด สงสารตะเกียง
ที่ยอมเผาร่างกายตัวเองเพื่อให้เกิดแสง
หากคุณค่าของเทียน คุณค่าของไม้ขีดและคุณค่าของตะเกียง
ไม่ได้อยู่ตรงที่การเสียสละร่างกายเพียงอย่างเดียว
แต่คือการยอมจำนนต่อหน้าที่ของมัน เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น
เพื่อเป็นเชื้อไฟให้เกิดแสงสว่างในเวลาที่จำกัด
คุณค่าของมันจึงอยู่ที่แสงสว่างจากตัวมันในยามที่ถูกไฟเผาผลาญ
ไม่ได้อยู่ที่ร่างกายที่สลายไป
แสงของเทียน แสงของไม้ขีดและแสงของตะเกียงจึงมีคุณค่าเสมอ
แม้ว่ากายจะสลายไปแล้วก็ตาม
แม้กระทั่งความอบอุ่นก็ยังคงตราตรึงใจสำหรับผู้ที่รับรู้ถึงการมี
และสัมผัสได้ถึงความรักของแสง
นิยามของแสงเป็นฉันใด มนุษย์เราย่อมรู้กัน
แต่เราก็มิอาจจะรู้จักแสงอย่างแท้จริงได้
เนื่องจากเรามิใช่ผู้สร้างแสง
นิยามของไฟเป็นฉันใด มนุษย์เราย่อมรู้กัน
แต่เราก็ไม่อาจจะรู้จักไฟอย่างแท้จริงได้เช่นกัน
เนื่องจากเรามิใช่ผู้สร้างไฟ
นิยามของดินเป็นฉันใด มนุษย์เราย่อมรู้กัน
แต่เราก็ไม่อาจจะรู้จักดินอย่างแท้จริงได้เช่นกัน
เนื่องจากเรามิใช่ผู้สร้างดิน
แม้ดินและสิ่งที่ถูกสร้างจากดินจะเป็นเชื้อของไฟ
แม้ว่าในแผ่นดินจะมีเชื้อไฟที่เรียกว่าหินหนืดหรือแมกมา
ซึ่งเป็นของเหลวข้นที่มีส่วนประกอบภายในทั้งของแข็งและก๊าซ
ซึ่งอยู่ระหว่างเปลือกโลกกับแกนโลก มีความร้อนมหาศาล
ก่อนและหลังการเกิดภูเขาไฟนั้น แมกมาจะเคลื่อนตัวอย่างรุนแรง
ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและแรงสั่นสะเทือน
เมื่อแผ่นดินเดือดเต็มท่ี ก็พร้อมจะคายความร้อนภายในออกมาสู่ภายนอก
เกิดเป็นภูเขาไฟระเบิด พ่นทุกอย่างที่อยู่ข้างในออกมา
ซึ่งมีอนุภาพพร้อมจะทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าบนหน้าแผ่นดิน
แม้กระทั่งภูเขาที่สูงตระหง่าน ค้ำโลกและแน่นหนักต่อความหวั่นไหว
ยังสั่นสะเทือนได้...แล้วจิตมนุษย์นี้ไซร้ ใยจะไม่สั่นไหวเมื่อเชื้อไฟในกาย
กำลังจะถูกแผดเผาจากไฟ...
หลังเกิดแผ่นดินไหว ก็จะเกิดไฟไหม้ตามมา
ลมก็จะพัดโหมกระพือไฟให้ลุกโชนไหม้ลามเผาทุกสิ่ง
หากมีความมหัศจรรย์หนึ่งจากผู้สร้างนั่นก็คือน้ำ
น้ำที่จะแทรกซึมอยู่ในผืนดิน ไหลวนบนผืนดิน และยังมีหยดน้ำจากฟากฟ้า
น้ำที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้
น้ำที่สามารถดับไฟ ดับร้อนที่เผาไหม้และชโลมใจให้เย็นลง
น้ำกับไฟจึงเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งการสร้างที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก
แม้เราจะมีเชื้อไฟ แต่เราก็มีน้ำเอาไว้เพื่อดับความร้อนในจิตใจเช่นกัน
ไฟจะไม่สามารถทำอะไรเราได้ หากว่าเราใช้น้ำดับ
แต่น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ
เราจะยอมเผาตัวเองดั่งเทียน ไม้ขีดไฟและตะเกียงเพื่อให้เกิดแสงสว่างอันทรงคุณค่า
หรือจะยอมให้เชื้อลาวาพ่นออกมาล้างผลาญทุกอย่างที่ขวางหน้าบนหน้าแผ่นดิน
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างบนผืนดินนั้นล้วนมาจากดินกระนั้นหรือ
...แสงใดเล่าจะช่วยเราได้ในยามนั้น แสงใดเล่าจะช่วยเราได้ในยามที่สับสน
หากมีแสงหนึ่งที่สว่่างไสวและอบอุ่นยิ่งกว่าแสงใดสำหรับคนเขียน
เป็นแสงหนึ่่งที่โหยหาและต้องการ แม้จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
นั่นก็คือ
แสงแห่งรัก สู่ แสงแห่งทางนำ
วัลลอฮุอะลัม
โดย: "ข้าพเจ้าเอง"
_________________________________________________
นั่นคือมุมมองของคนเขียนที่ต้องรับผิดชอบบทความทุกๆบทความ
อักษรทุกๆตัว ความคิดทุกๆความคิด จินตนาการทุกๆจินตนาการ
ที่ตนคิด จินตนาการและขีดเขียนมันขึ้นมา...
และไม่ว่าจะผิดหรือถูก ก็พร้อมที่จะขีดเขียนต่อไป
อย่างน้อยการได้ทำ มันทำให้เราเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบมากขึ้น
และเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเองจากผู้อื่นมากขึ้น
ด้วยตัวเองนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่อ่อนแอยิ่งนัก
ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ
ดังนั้น...หากผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะด้วยนะคะ...
และหากคิดเห็นประการใดหรือมีบทความใดๆมานำเสนอ
ได้โปรดเสวนาและนำเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันนะคะ...
อินชาอัลลอฮฺ แล้วจะมาต่อเรื่องของแสงในมุมอื่นๆกันอีกครั้งเมื่อมีโอกาสค่ะ
...ด้วยไมตรีจิต...
วัสลามุอะลัยกุม
^__________^