ผู้เขียน หัวข้อ: แสงที่มองไม่เห็น  (อ่าน 13657 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ก.ย. 17, 2009, 05:15 PM »
0
อีกอย่าง  โด่โด่ รับเอานิสัยของคนญี่ปุ่นมาเต็มๆเลย

คือ  สังเกต  และชอบจดบันทึก  เคยได้ยินว่า

ในกระเป๋าเด็กญี่ปุ่นทุกคนจะมีปากกา กับสมุดบันทึกเสมอ

ใช่ป่าว

คุณญี่ปุ่นเป็นแบบนี้หรอครับ

 salam

คำตอบอยู่ด้านบนแล้วค่ะ...ร่ายซะย้าวยาวเลยค่ะ...เฮะๆ

ปล.มีสุภาษิตนึงที่โด่โด่ยึดอยู่ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน

...รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง...

คนญี่ปุ่นเขาก็ใช้กลยุทธนี้เหมือนกันค่ะ...
เลยอยากบอกว่า...เราไม่ได้เป็นเหมือนเขา
แต่เราเป็นเราที่เขาก็เป็นด้วยค่ะ...อิอิ
และหากเหมือนกันในเรื่องที่ดีก็น่าดีใจใช่มั้ยคะ
แต่ในความเหมือนย่อมมีความต่าง และในความต่างย่อมมีความเหมือน
คุณahmdว่ามั้ยคะ
  cool2:

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^_____________^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ก.ย. 24, 2009, 01:33 AM »
0
 salam

กลับมาอีกครั้งกับบทความขยันแต่งค่ะ

"ความรักจากแสง"

ภาคที่2

"แสงจากไม้ขีดไฟ"

เคยมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ที่ว่า

    เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยก้านหนึ่งแอบรักดอกทานตะวันแสนสวย
ที่มักจะแหงนมองแต่ดวงตะวัน...

ดอกทานตะวันที่ปักใจรักมั่นแต่ดวงตะวันที่ไม่ว่าดวงตะวันจะเคลื่อนตัวไปทิศใด
เจ้าดอกทานตะวันแสนสวยก็จะคอยเฝ้ามองและเฝ้าติดตามดวงตะวัน
ไปทุกหนทุกแห่งจนกว่าดวงตะวันของเธอจะตกดินอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ด้วยหัวใจรักมั่นคงทั้งๆที่ดวงตะวันเองก็ไม่ได้หันมามองตนเองเลยแม้แต่น้อย

แต่เจ้าดอกทานตะวันก็ยังคงบานสะพรั่งอวดความงาม
ยังคงตื่นขึ้นมารับแสงตะวันในยามเช้าด้วยความหวัง
และก็ต้องสิ้นหวังลงทุกครั้งเมื่อมองดวงตะวันตกดิน

แต่เจ้าดอกทานตะวันก็ยังคงรอเช้าวันใหม่อีกครั้งอย่างไม่เคยนึกท้อ
หวังอยู่ลึกๆว่าดวงตะวันจะหันมามองความงามของตนบ้าง
และก็ยังรออยู่อย่างนี้ทุกวันจนกว่าจะร่วงโรยรา…

เพราะตราบใดที่เจ้าดอกทานตะวันรู้ว่าดวงตะวันยังอยู่ ไม่หนีหายไปไหน
เจ้าดอกทานตะวันก็จะเฝ้าคอยเฝ้าแหงนมองดวงตะวันอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหนเช่นกัน
แม้ว่าดวงตะวันจะไม่เคยเห็นและหันมามองดอกทานตะวันเลยก็ตาม

โดยมิเคยก้มมองลงมายังด้านล่างว่ามีเจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อย
คอยแอบมองอยู่ด้วยใจรักมั่นเจ้าดอกทานตะวันแสนสวยอยู่เช่นกัน

ไม้ขีดไฟที่พยายามจุดตัวเองให้เกิดแสงสว่าง หวังเพียงแค่ให้ดอกทานตะวัน
หันมามองตนสักครั้งเท่านั้น...

แต่กว่าดอกทานตะวันจะหันมามองก็พบเพียงเศษผงเถ้าธุลีถ่าน
ของเจ้าไม้ขีดไฟเท่านั้น

เจ้าไม้ขีดไฟที่หวังจะส่องแสงน้อยๆให้ดอกทานตะวันเห็น
คอยอยู่เป็นเพื่อนเป็นแสงที่ให้ความอบอุ่นแก่ดอกทานตะวันในยามที่ไร้แสงตะวัน
แม้จะไม่อุ่นเท่าแสงตะวัน แต่มันก็ทำหน้าที่ของมันด้วยความรักและสมัครใจ
จนหยดสุดท้าย โดยไม่มีโอกาสได้เห็นดอกทานตะวันหันมามองตนเลยสักครั้งเดียว…

       ดูเหมือนเรื่องเล่าเรื่องนี้จะเป็นโศกนาฏกรรมความรักที่ไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย
หากมองในอีกมุมนึง มันก็มีความสวยงามอยู่ไม่น้อย

เจ้าดอกทานตะวันนั้นเฝ้ามองดวงตะวันด้วยความหลงไหลในแสงสว่างอันเจิดจ้า
และความยิ่งใหญ่ของดวงตะวัน โดยมิได้หันมองสิ่งอื่นใดรอบกาย
แต่ก็เป็นรักเดียวใจเดียวและมั่นคง เพียงแต่เป็นรักที่ได้แค่มองโดยมิได้ทำอะไรเลย
ต่างจากเจ้าไม้ขีดไฟอันน้อยที่ก็เจียมตัวอยู่ตลอดเวลาว่าตนนั้นต่ำต้อย
เพียงแต่คิดว่าตนน่่าจะลองทำอะไรสักอย่าง ไม่แน่ว่าเจ้าดอกตะวัน
อาจจะหันมามองและเห็นคุณค่าความรักของตนบ้างก็ได้
ทั้งๆที่รู้ว่าต้องเผาตัวเองก็ยังอยากจะลองทำ…

สุดท้ายดอกทานตะวันก็ร่วงโรยราโดยที่ดวงตะวันไม่เคยเหลียวมอง
ส่วนเจ้าไม้ขีดไฟก็กลายเป็นขี้เถ้าโดยที่ดอกทานตะวันไม่เคยเห็นคุณค่า
ของแสงน้อยๆของตน นอกจากเศษขี้เถ้าที่ปลิวว่อนไปในอากาศเท่านั้น…

ทว่า…ความสวยงามที่หาได้จากโศกนาฏกรรมรักคร้ังนี้สำหรับคนเขียนก็คือ

..."แสงแห่งความหวัง"…

แม้ไม่ได้อะไรคืนมาแต่ก็ทำให้อยากมีชีวิตอยู่เพื่อมองดูคนรักและสู้ทนได้
ด้วยเพราะความหวัง…

...ความหวังก่อให้เกิดความรัก…และความรักก็ทำให้มีความหวัง…

หากแสงแห่งความหวังยังไม่หมด แสงแห่งรักก็จะไม่มีวันมอดลง
ไม่ว่ารักนั้นจะเป็นรักแบบใดก็ตาม…

...แสงสว่างของไม้ขีดไฟนั้น หาใช่แสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
หากเป็นแสงที่ไม่ทันได้้มอง เพราะมีแสงของดวงตะวันคอยบดบังความสว่าง
ดอกทานตะวันเลยไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็นว่าแสงที่ว่านั้นเป็นอย่างไร
สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ก็แค่กองขี้เถ้าที่บอกเล่าว่าก่อนหน้านั้นเคยมีแสงสว่างเกิดขึ้นมาก่อน...
แสงที่สัมผัสได้ แต่ไม่รู้สึกถึงการมี...


...บางครั้งบางสิ่งบางอย่างและบางเรื่อง เหตุผลก็ไม่สามารถอธิบายมันได้...

โดย...."ข้าพเจ้าเอง"

_________________________________________________________________

แล้วจะมาต่อภาคจบพร้อมบทสรุปของเรื่องราวความรักจากแสง
กันในคราวหน้านะคะ...

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^_____________^

 loveit: loveit: loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 24, 2009, 01:36 AM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ มัยซูน

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 280
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ก.ย. 24, 2009, 08:52 AM »
0
"แสงที่มองไม่เห็น"

ถ้าอยากเห็นอย่ามองด้วยตา  แต่ให้มองด้วยใจ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 24, 2009, 09:13 AM โดย มัยซูน »
ใช้สองมือหนึ่งหัวใจบอกเล่ากับพระองค์ก้มหน้าลง..แล้วขอความเมตตา

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ก.ย. 24, 2009, 11:52 AM »
0
"แสงที่มองไม่เห็น"

ถ้าอยากเห็นอย่ามองด้วยตา  แต่ให้มองด้วยใจ



มองด้วยสมองด้วย
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ก.ย. 24, 2009, 01:08 PM »
0
มองด้วยปาก
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ก.ย. 24, 2009, 01:15 PM »
0
 salam

มองยังไงอิลฮาม ช่วยสอนพี่ด่วน...
ข้องใจสุดๆเลยนิ... ;D

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^___________^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ก.ย. 24, 2009, 02:12 PM »
0
มองด้วยปาก มากด้วยปอง
ชีวิตต้องอยู่อย่างมีความหวัง
5555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ก.ย. 29, 2009, 02:49 PM »
0
 salam

"ทุกสัมผัสสามารถรับรู้ได้ถึงการมี"

วัลลอฮุอะลัม

แล้วจะมาต่อภาคจบของเร่ื่องย่อยให้นะคะ

วัสลามุอะลัยกุม

^__________^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ก.ย. 29, 2009, 03:37 PM »
0
มองด้วยปาก มากด้วยปอง
ชีวิตต้องอยู่อย่างมีความหวัง
5555
ใช่ครับ
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ก.ย. 29, 2009, 03:41 PM »
0
 salam


การมองไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเสมอไป...


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ก.ย. 29, 2009, 03:48 PM »
0
ขอขอบคุณเจ้าของหัวข้อครับ - ขอต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา โปรดทรงตอบแทนความดีงามแก่ท่านด้วยเถิด - อามีน ยาร็อบ
และก็อยากให้พี่น้องได้ทำการนำเสนอเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับเรื่องในหัวข้อดังกล่าวกันต่อไป
และสุดท้าย คำว่า แสงที่มองไม่เห็นนั้น ถือว่าเป็นแสงที่เราสามารถมองได้หลากหลายประเด็น แต่ทว่าแสงที่มองไม่เห็นนี้แหละ หากว่าเราพยายามคำนึงและตระหนักด้วยความบริสุทธิ์อย่างแท้จริงให้มากแล้ว แสงที่มองไม่เห็นนี้แหละ สามารถช่วยเราได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ลองมองภาพในอีกมุมหนึ่งดูซิ...วัสสลามุอะลัยกุม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ก.ย. 30, 2009, 01:35 AM »
0
 salam

อัลฮัมดุลิลละฮฺ

ญะซากัลลอฮุคอยรอนสำหรับทุกๆความเห็นค่ะ

คราวนี้ได้โอกาสนำภาคจบพร้อมบทสรุปของเรื่อง"ความรักจากแสง"
มานำเสนอค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: ก.ย. 30, 2009, 01:43 AM »
0
ความรักจากแสง

ภาคที่3

“แสงจากตะเกียง”


คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้ก็เพราะแสงสว่าง…

...แต่คนที่อยู่ในโลกมืด…จะมีแสงใดส่องไปถึงพวกเขาได้…

...แล้วคนตาบอด…เขาใช้อะไรนำทาง…


มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่เคยฟังเกี่ยวกับ…”คนตาบอดถือตะเกียง”…


มีคนตาบอดคนหนึ่ง กับคนตาดีอีกคนหนึ่ง

คนตาบอดกำลังจะออกเดินทางกลับบ้านในช่วงเวลามืดค่ำ

คนตาดีเลยยื่นตะเกียงให้คนตาบอดถือติดตัวไป…

ตอนแรกคนตาบอดก็ปฏิเสธไม่ยอมรับตะเกียงนั้นไว้…

ด้วยเพราะมีกับไม่มีมันก็ไม่ต่างสำหรับผู้มองไม่เห็นทางอย่างเขา…

แต่คนตาดีก็บอกว่า…รับไว้เถอะ…

อย่างน้อยๆเวลาที่ท่านเดินทางในที่มืด

มีตะเกียงส่องไว้จะได้ไม่มีใครเดินมาชนท่าน…

คนตาบอดก็เลยรับตะเกียงนั้นมา…



เดินทางไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงบ้านอยู่แล้ว…

ก็ โครม! เดินชนเข้ากับใครอีกคนเข้าให้อย่างจัง...

คนตาบอดจึงพูดว่า ท่านต้องตาบอดแน่ๆเลยถึงเดินมาชนเราได้…

คนที่เป็นคู่กรณีก็ตอบกลับมาว่า เปล่าเลย เราไม่ได้ตาบอด…

คนตาบอดก็เลยบอกว่า…อ้าว!! ก็แล้วทำไมท่านถึงเดินมาชนเราได้เล่่า

ก็ในเมื่อเรามีตะเกียงส่องทางถืออยู่ในมือนี่…

คนตาดีจึงตอบกลับไปว่า

…ก็ตะเกียงของท่านมันดับไปแล้ว ท่านไม่รู้หรอกหรือ…


___________________________


จึงเกิดคำถามว่า…

…คนตาบอดไม่รู้เลยหรือว่าแสงตะเกียงในมือของตนนั้นดับไปแล้ว…

แน่นอน เขาย่อมไม่รู้ ไม่ใช่เพราะเขามองไม่เห็นแสงตะเกียงในมือ
แต่เพราะไม่ใช่แค่ตาของเขาเท่านั้นที่บอด…


เป็นธรรมดาที่คนในโลกมืดจะมองไม่เห็นแสงสว่างด้วยตา

แต่ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถรับรู้การมีของแสงสว่างไม่ได้

คนตาบอดที่รู้คุณค่าของแสงตะเกียงในมือ เขาย่อมรู้ตั้งแต่เดิมแล้วว่า

แสงตะเกียงในมือนั้น ไม่ได้ทำให้เขาเห็นทาง

แต่มันจะทำให้คนอื่นที่ร่วมทางและคนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นเขา

แสงในมือที่เขามองไม่เห็นด้วยตา

แต่เขาย่อมรู้ดีว่าเขามีแสงในมือที่จะทำให้เขาปลอดภัยในการเดินทาง

และเมื่อแสงตะเกียงดับ เขาก็ย่อมรับรู้ได้ทันที

เมื่อความอบอุ่นที่เคยมีตลอดการเดินทางได้จางหายไป

เพราะแสงนั้นไม่ได้มีคุณค่าแค่ส่องให้เห็นทางอย่างเดียว

แต่แสงนั้นมีพลัง ให้ความอบอุ่นแก่ผู้ที่ถือมัน

และผู้ที่รู้คุณของแสงก็ย่อมรับรู้ว่าแสงนั้นมีคุณค่ามากแค่ไหนในยามที่มันดับลง

เขาย่อมสัมผัสและรับรู้ได้ แม้ตาจะมองไม่เห็น…


แม้คนตาบอดจะเดินหลงทางด้วยเพราะตามองไม่เห็น

แต่แสงจากตะเกียงในมือของเขาก็ยังคงช่วยให้เขาปลอดภัย

และให้ความอบอุ่นแก่เขาเสมอจนกว่าแสงนั้นจะดับลง…

แม้เขาจะรับรู้ถึงการมีหรือไม่มีก็ตาม…



...เราเคยสงสัยไหมว่่า แสงเกิดขึ้นได้อย่างไร
…ใครคือผู้สร้าง…

...เราเคยสงสัยถึงความเป็นแสงหรือเปล่า…
...แล้วแสงจะมีวันหมดลงหรือไม่…


ทุกคำถามย่อมมีคำตอบ...

...แต่บางครั้งบางสิ่งบางอย่างและบางเรื่อง เหตุผลก็ไม่สามารถอธิบายได้...

เพราะเรามิใช่เจ้าของ มิใช่ผู้สร้าง มิใช่ผู้ให้กำเนิดสิ่งเหล่านั้น…


ที่ใดมีเงาที่นั่นย่อมมีแสง...แสงและเงาอาจถูกสร้างมาคู่กันเพื่อผูกพันกัน

ประโยชน์ของทั้งคู่นั้นมากมายมหาศาลนัก
นี่คืออีกสัญลักษณ์หนึ่งแห่งความยิ่งใหญ่จากผู้สร้าง

_______________________________________________

ในมุมมองของคนเขียนนั้น คิดว่าตัวเองนั้นไม่ต่างจากเงา
เป็นเพียงแค่เงาเงาหนึ่งที่รอแสงส่องมาเพื่อจะได้มีตัวตน
เมื่อไร้แสง ก็ไร้ตัวตน…

แค่เงาอันเลือนรางที่ยังต้องการแสงสว่างจากผู้สร้าง…
หวังเพียงว่าจะเป็นเงาที่ไม่ไร้ประโยชน์เมื่อเจอแสง…
แม้แสงที่ได้รับจะน้อยนิดเพียงใดก็ตาม…

วัลลอฮุอะลัม

...มีต่อค่ะ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 30, 2009, 02:34 AM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: ก.ย. 30, 2009, 01:59 AM »
0
มีตะเกียง2ดวงที่ช่วงโชติวาว
ส่องแสงแพรวพราวให้ความสว่างสดใส
ดวงหนึ่งสว่างอยู่ที่ ณ ถิ่นแดนไกล
ดวงหนึ่งสดใสอยู่ในวิมานเมืองแมน

ดวงหนึ่งเพิ่มบรรยากาศ
ดวงหนึ่งส่องสาดเพราะขาดสิ้นแสงสุรี
คุณค่าที่มีเพียงต่างที่วางและสิ่งมุ่งหวัง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: แสงที่มองไม่เห็น
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: ก.ย. 30, 2009, 02:12 AM »
0
บทสรุปของ “ความรักจากแสงทั้งสาม”

แสงจากเทียน
แสงจากไม้ขีดไฟ
แสงจากตะเกียง

หากสังเกตุ แสงทั้ง3นั้นมาจากไฟ ไฟที่ไหม้ลามเผาทุกสิ่ง

คุณค่าของไฟจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวของไฟ
แต่อยู่ที่แสงสว่างและความร้อนจากมันต่างหาก

เพราะตัวของไฟนั้นพร้อมจะเผาเชื้อไฟทุกชนิดที่ถูกสร้างมาจากดิน
ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ แสงจากไฟจึงดับลงเมื่อสิ้นเชื้อ


เราอาจจะสงสารเทียน สงสารไม้ขีด สงสารตะเกียง
ที่ยอมเผาร่างกายตัวเองเพื่อให้เกิดแสง…


หากคุณค่าของเทียน คุณค่าของไม้ขีดและคุณค่าของตะเกียง
ไม่ได้อยู่ตรงที่การเสียสละร่างกายเพียงอย่างเดียว

แต่คือการยอมจำนนต่อหน้าที่ของมัน เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น…
เพื่อเป็นเชื้อไฟให้เกิดแสงสว่างในเวลาที่จำกัด

คุณค่าของมันจึงอยู่ที่แสงสว่างจากตัวมันในยามที่ถูกไฟเผาผลาญ
ไม่ได้อยู่ที่ร่างกายที่สลายไป

แสงของเทียน แสงของไม้ขีดและแสงของตะเกียงจึงมีคุณค่าเสมอ
แม้ว่ากายจะสลายไปแล้วก็ตาม…

แม้กระทั่งความอบอุ่นก็ยังคงตราตรึงใจสำหรับผู้ที่รับรู้ถึงการมี
และสัมผัสได้ถึงความรักของแสง…



นิยามของแสงเป็นฉันใด มนุษย์เราย่อมรู้กัน
แต่เราก็มิอาจจะรู้จักแสงอย่างแท้จริงได้
เนื่องจากเรามิใช่ผู้สร้างแสง…

นิยามของไฟเป็นฉันใด มนุษย์เราย่อมรู้กัน
แต่เราก็ไม่อาจจะรู้จักไฟอย่างแท้จริงได้เช่นกัน
เนื่องจากเรามิใช่ผู้สร้างไฟ

นิยามของดินเป็นฉันใด มนุษย์เราย่อมรู้กัน
แต่เราก็ไม่อาจจะรู้จักดินอย่างแท้จริงได้เช่นกัน
เนื่องจากเรามิใช่ผู้สร้างดิน



แม้ดินและสิ่งที่ถูกสร้างจากดินจะเป็นเชื้อของไฟ
แม้ว่าในแผ่นดินจะมีเชื้อไฟที่เรียกว่าหินหนืดหรือแมกมา
ซึ่งเป็นของเหลวข้นที่มีส่วนประกอบภายในทั้งของแข็งและก๊าซ
ซึ่งอยู่ระหว่างเปลือกโลกกับแกนโลก มีความร้อนมหาศาล

ก่อนและหลังการเกิดภูเขาไฟนั้น แมกมาจะเคลื่อนตัวอย่างรุนแรง
ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและแรงสั่นสะเทือน

เมื่อแผ่นดินเดือดเต็มท่ี ก็พร้อมจะคายความร้อนภายในออกมาสู่ภายนอก
เกิดเป็นภูเขาไฟระเบิด พ่นทุกอย่างที่อยู่ข้างในออกมา
ซึ่งมีอนุภาพพร้อมจะทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าบนหน้าแผ่นดิน

แม้กระทั่งภูเขาที่สูงตระหง่าน ค้ำโลกและแน่นหนักต่อความหวั่นไหว
ยังสั่นสะเทือนได้...แล้วจิตมนุษย์นี้ไซร้ ใยจะไม่สั่นไหวเมื่อเชื้อไฟในกาย
กำลังจะถูกแผดเผาจากไฟ...

หลังเกิดแผ่นดินไหว ก็จะเกิดไฟไหม้ตามมา
ลมก็จะพัดโหมกระพือไฟให้ลุกโชนไหม้ลามเผาทุกสิ่ง

หากมีความมหัศจรรย์หนึ่งจากผู้สร้างนั่นก็คือน้ำ
น้ำที่จะแทรกซึมอยู่ในผืนดิน ไหลวนบนผืนดิน และยังมีหยดน้ำจากฟากฟ้า
น้ำที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้

น้ำที่สามารถดับไฟ ดับร้อนที่เผาไหม้และชโลมใจให้เย็นลง…

น้ำกับไฟจึงเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งการสร้างที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก

แม้เราจะมีเชื้อไฟ แต่เราก็มีน้ำเอาไว้เพื่อดับความร้อนในจิตใจเช่นกัน

ไฟจะไม่สามารถทำอะไรเราได้ หากว่าเราใช้น้ำดับ
แต่น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ…

เราจะยอมเผาตัวเองดั่งเทียน ไม้ขีดไฟและตะเกียงเพื่อให้เกิดแสงสว่างอันทรงคุณค่า
หรือจะยอมให้เชื้อลาวาพ่นออกมาล้างผลาญทุกอย่างที่ขวางหน้าบนหน้าแผ่นดิน
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างบนผืนดินนั้นล้วนมาจากดินกระนั้นหรือ…

...แสงใดเล่าจะช่วยเราได้ในยามนั้น แสงใดเล่าจะช่วยเราได้ในยามที่สับสน…


หากมีแสงหนึ่งที่สว่่างไสวและอบอุ่นยิ่งกว่าแสงใดสำหรับคนเขียน
เป็นแสงหนึ่่งที่โหยหาและต้องการ แม้จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
นั่นก็คือ…

”แสงแห่งรัก” สู่ “แสงแห่งทางนำ”

วัลลอฮุอะลัม


โดย: "ข้าพเจ้าเอง"

_________________________________________________

นั่นคือมุมมองของคนเขียนที่ต้องรับผิดชอบบทความทุกๆบทความ
อักษรทุกๆตัว ความคิดทุกๆความคิด จินตนาการทุกๆจินตนาการ
ที่ตนคิด จินตนาการและขีดเขียนมันขึ้นมา...

และไม่ว่าจะผิดหรือถูก ก็พร้อมที่จะขีดเขียนต่อไป
อย่างน้อยการได้ทำ มันทำให้เราเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบมากขึ้น
และเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเองจากผู้อื่นมากขึ้น
ด้วยตัวเองนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่อ่อนแอยิ่งนัก
ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

ดังนั้น...หากผิดพลาดประการใด โปรดชี้แนะด้วยนะคะ...
และหากคิดเห็นประการใดหรือมีบทความใดๆมานำเสนอ
ได้โปรดเสวนาและนำเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันนะคะ...

อินชาอัลลอฮฺ แล้วจะมาต่อเรื่องของแสงในมุมอื่นๆกันอีกครั้งเมื่อมีโอกาสค่ะ

...ด้วยไมตรีจิต...

วัสลามุอะลัยกุม

^__________^



 loveit: loveit: loveit:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged