salam
"แสงสว่างกลางเกลียวคลื่น"

เมื่อคลื่นลูกเก่าเลยผ่านไป...คลื่นลูกใหม่ก็ซัดเข้ามา...
ปลาดาว...เป็นสัตว์ที่เกิดมาในท้องทะเล หลายครั้งที่ปลาดาวโดนคลื่นซัด
พัดพามาเกยอยู่บนชายหาดนับแสนนับล้านตัว...
พอแสงอาทิตย์สาดส่องเจ้าปลาดาวเหล่านั้นก็จะแห้งตาย
กลายเป็นเศษซากที่ไม่มีใครสนใจบนหาดทราย...
หากปลาดาวอยู่ในท้องทะเลลึก มีหรือที่มันจะโดนกระแสคลื่นพัดพา
มีหรือที่มันจะตกอยู่ในวังวนของกระแสคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
อาจเพราะว่ามันเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนั้น...
อาจเป็นเพราะมันอยากลองออกมาดูโลกกว้างเบื้องบน
มันจึงถีบตัวพาตัวเองมาตกอยู่ในวังวนของเกลียวคลื่น
มิแยแสต่อความโหดร้ายของเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
มิแยแสว่าชีวิตตนหนทางข้างหน้าจะต้องเจอกับคลื่นลมอีกกี่ระลอก...
เมื่อขึ้นมาแล้ว ใช่ว่าจะสามารถกลับลงไปยังท้องทะเลลึกที่แสนสงบ
และสวยงามได้ง่ายๆ...
ปลาดาวตัวน้อยตัวนึงที่กำลังถูกเกลียวคลื่นซัดมาเกยฝั่ง
โดยที่ไม่สามารถต่อต้านหรือฝืนตัวเองไม่ให้ถูกเกลียวคลื่นพัดมาเกยฝั่งได้
ปลาดาวตัวน้อยตัวนั้นจะมีปัญญาทำอะไรได้ ในเมื่อมันเกิดในท้องทะเล
มันก็ต้องตกอยู่ในวังวนแห่งนี้ไปจนตาย
ได้แค่รอด้วยความหวังว่าเมื่อไหร่ คลื่นลูกใหม่จะหอบแล้วพาร่างอันน้อยนิด
แค่เศษเสี้ยวของท้องทะเลนี้ กลับไปยังที่ที่จากมาอีกครั้ง...
รอว่าจะมีใครใจดีหยิบมันขึ้นมาเพื่อขว้างให้มันกลับไปใช้ชีวิตในท้องทะเลอีกครั้ง
ไม่ต้องมาเสี่ยงกับความเป็นความตายหรือรอเวลาให้แสงแดดแผดเผาร่างกาย
ให้เหี่ยวแห้ง แล้วกลายเป็นแค่เพียงเศษซากของผืนทรายที่ไม่มีใครสนใจ...
เรามนุษย์ล่ะจะยอมให้ชีวิตเดินไปตามวิถีของมันไปเรื่อยๆอย่างนี้
เป็นอย่างปลาดาวที่ยอมให้เกลียวคลื่นซัดเขาหาฝั่งวนไปเวียนมาอยู่อย่างนี้
เราจะยอมใช้ชีวิตในวงจรแบบนี้อย่างนั้นน่ะหรือ
รอความหวังเฉกเช่นปลาดาวอย่างนั้นน่ะหรือ...
หรือเราจะลองเป็นปลาดาวที่ไม่ยอมรอความหวัง
แต่จะใช้มันเป็นพลังแห่งความหวังที่มีอันน้อยนิดท่ามกลางเกลียวคลื่น
เพื่อช่วยตัวเองให้กลับคืนสู่ท้องทะเลลึก แล้วอยู่ในห้วงลึกแห่งนั้น
ไม่คิดจะโผล่มาล้อเล่นกับเกลียวคลื่นเพื่อตกอยู่ในวังวนนี้
เพราะท้องทะเลลึกเป็นที่ที่สงบและสวยงาม
เหมาะสำหรับปลาดาวตัวน้อยไร้เรี่ยวแรงและอ่อนแอยิ่งนัก...
เพียงแต่เราอาจต้องใช้เรื่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพ่ือนำพาตัวเอง
กลับไปยังท้องทะเลลึกนั่นให้ได้ แม้จะยากแค่ไหน เหนื่อยล้าเพียงใด
หรือจะเจ็บปวดกับการจากลาผืนทรายนับล้านเม็ดที่แสนคุ้นเคยแค่ไหน
หากมันจะทำให้ชีวิตเราหลุดพ้นจากวังวนของเกลียวคลื่นที่มิเคยหยุดซัด
เราพร้อมจะเปลี่ยนชีวิตเพื่อจากลาเกลียวคลื่นและเม็ดทรายเหล่านี้ได้หรือ...
มีนิทานปลาดาวอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากจะนำมาฝากค่ะ
นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า...
ณ ชายหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งทะเลแถบนั้นเป็นที่อาศัยของปลาดาวจำนวนมากมาย
ทุกๆ เช้า น้ำทะเลจะซัดสาดเจ้าปลาดาวน้อยใหญ่ขึ้นมาเกยตื้นบนพื้นหาด
เมื่อเข้าสู่เวลาสาย แสงตะวันอันร้อนแรงก็จะเริ่มแผดเผาเจ้าปลาดาว
จนมันค่อยๆ แห้งตายไปทีละตัว สองตัว...
แต่ถึงกระนั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เขาจะออกมาที่ชายหาดในทุกๆ เช้า
เพื่อจะโยนปลาดาวที่เกยตื้นลงทะเล แม้ว่าจำนวนปลาดาวบนชายหาด
จะมากขนาดไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังคงทำสิ่งนี้อยู่ทุกวัน
จนถึงเช้าวันหนึ่ง ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังโยนปลาดาวลงทะเล
เหมือนกับทุกๆ วัน ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
แล้วก็พูดว่า
เจ้าหนุ่มเอ๋ย...มันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอจะทำแบบนี้ทุกวัน
เพราะในวันต่อไป ปลาดาวก็ต้องถูกน้ำซัดขึ้นฝั่งอีกอยู่ดี
และปลาดาวที่อยู่บนฝั่งมันก็มากเกินกว่าที่เธอจะช่วยมันได้ทั้งหมด
ถึงเธอจะช่วยมันได้บ้าง แต่ถ้าเทียบกับปลาดาวอีกมากที่เธอช่วยมันไม่ได้
มันก็ไม่ต่างกับการที่เธอจะเพิกเฉยต่อพวกมันหรอก ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ พร้อมทั้งหยิบปลาดาวตัวหนึ่งโยนอย่างสุดแรงเกิด
ลงไปที่พื้นน้ำทะเล พร้อมทั้งกล่าวว่า
มันต่างกันที่ตรงนี้แหละครับหยิบชีวิตใกล้สิ้นหวัง
จากหนึ่งยังสู่หนึ่งได้
ร้อยหมื่นหรือล้านใด
จะมอดไหม้ก็ยังทำ
มิสูญสิ้นปลูกสิ่งรัก
อาจยากนักเพราะอาจช้ำ
ยาวนานกว่าทรงจำ
อยู่ในใจตลอดมา
สิ้นสูญใช่สูญเปล่า
และสูญสิ้นใช่ไร้ค่า
เศษเสาหักโค่นคา
ยังเหลือเศษให้ต่อเติม
ความหวังใช่สูญสิ้น
และเศษซากใช่ยากเสริม
แตกต่างเพราะต่อเติม
จากเศษเดิมที่เพิ่มพูน
ส่วนต่างของความหวัง
คือส่วนยังที่เกื้อกูล
ก่อเต็มและสมบูรณ์
จากศูณย์สู่
นิรันดร์
...โดย...อากาศกวี....
แสงสว่่างกลางเกลียวคลื่น...
แสงสีขาวเรืองรอง...
แสงแห่งความหวัง...ยัง...แสงแห่งชีวิต...
วัสลามุอะลัยกุม