ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)  (อ่าน 48268 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด


 salam

กระทู้นี้ตั้งใจจะนำเสนอนิทานนานาชาติ เพื่อความผ่อนคลาย
และคลายเครียดจากการงานและการอ่าน เมื่อสมองเราได้รับความผ่อนคลาย
วิชาการมากมายทั้งหลายก็จะหลั่งไหลและซึมซับเข้าสมองได้ง่ายขึ้น
แค่หัวเราะและก็ยิ้ม ทุกอย่างก็ดูง่ายไปหมดค่ะ

อีกทั้งบรรดาคุณแม่ทั้งหลาย เวลาหมดมุกจะดึงดูดคุณลูก
กล่อมเท่าไหร่ก็ไม่หลับสักที หรือว่าไอ้ที่เล่าๆไปลูกบอกว่าเริ่มเบื่อแล้ว
จำได้ขึ้นใจแล้ว แถมยังเล่่าต่อนิทานให้เราได้อีก(เหมือนรู้ทาง)
รับรองว่าถ้าได้ฟังแล้วยังไม่หลับ ให้กลับมาเตะคนโพสได้
(แต่ต้องขายาวหน่อยนะคะถึงจะเตะได้)...อิอิ...
เคยกล่อมให้ลิงหลับมาแล้วค่ะ แต่กว่าลิงจะหลับทำเอาน้ำลายคนเล่่าหมดบ่อเหมือนกัน
ส่วนว่าที่คุณแม่ ก็สามารถซ้อมเอาไว้ก่อนขึ้นสังเวียนได้ค่ะ
ซ้อมไว้แม้จะไม่ได้เตะ เฮ้ย!! ซ้อมไว้แม้จะไม่ได้เล่าให้ของตัวเองฟัง
แต่ก็ยังเล่าให้หลานๆฟังได้นั้น... 

งั้นเรามาแลกเปลี่ยนนิทานนานาชาติกันนะคะ ใครมีนิทานน่ารักๆ
ก็อย่าลืมเอามาแบ่งกันในวันว่าง เพื่อคุณหนูๆและคุณปู่ที่หมดเรื่องเล่า
ให้บรรดาหลานๆและภรรยาฟัง
(เพราะอยากจะบอกว่า เวลาผู้หญิงอายุเลยหกสิบปี คุณเธอจะกลับมาเป็นเด็ก
อีกครั้ง โปรดสังเกตุ...แฮะๆ) เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่กล่อมหลานๆเท่่านั้น
แต่ต้องมานั่งกล่อมแม่ของตัวเองด้วยค่ะ ผลัดกัน
แม้กายจะห่างกัน แต่บางครั้งเสียงก็ไปถึง...
 ;D ;D

วัสลามุอะลัยกุม

^__________^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.ย. 12, 2009, 06:09 PM »
0
เริ่มด้วยเรื่องของปุยแล้วกันนะคะ

"ก้าบ ก้าบ ก้าบ"


ปุยเป็นลูกเป็ดเล็กๆสีเหลืองที่ช่างร้อง พอตะวันขึ้นเขาก็เริ่มส่งเสียงร้อง
และร้องอยู่ตลอดวัน จนกระทั่งตะวันลับขอบฟ้า
เขาไม่มีสาเหตุอะไรสำคัญเป็นพิเศษที่จะต้องร้อง เพียงแต่หลงเสียงตัวเอง
อยากจะได้ยินเสียงร้องก้องกังวาลไปทั่วโรงนา
แม่เป็ดพยายามที่จะทำให้ปุยเงียบเสียง แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ปุยกลับแผดเสียงร้องดังขึ้นกว่าเดิมอีก

"ก้าบ ก้าบ ก้าบ" ปุยร้องขณะที่เดินผ่านเล้าไก่

"จุ๊ จุ๊" แม่ไก่ยื่นหน้าออกมาจากรัง ร้องห้าม

"อย่าเอะอะไปซิ ลูกฉันกำลังนอนหลับ"

ปุยเดินเตาะแตะไปที่คอกม้าซึ่งชาวนากำลังให้อาหารม้าอยู่พอดี

"ก้าบ ก้าบ ก้าบ" ปุยร้องทัก
"หยุดส่งเสียงหนวกหูเสียที" ม้าตวาด

ปุยเลยเดินเลี่ยงไปทางสระน้ำพบกบตัวใหญ่ นั่งคอยจับแมลงอยู่บนใบบัว

"ก้าบ ก้าบ ก้าบ" ปุยทักทายเสียงใส
"เงียบน่า" กบส่งเสียง
"เสียงของเจ้าทำให้แมลงตื่นตกใจหนีไปหมด เจ้าไม่เคยหยุดร้องเลยรึ"

ปุยกลัว จึงวิ่งหนีไปหาพี่น้องที่กำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ ปุยไปแอบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้
แต่ก็เผลอส่งเสียงร้อง พี่ของเขาจึงวิ่งมาตามเสียง และพบตัว

"ปุยนี่นะ หาตัวง่ายจะตาย ก็เพราะเสียงร้องนี่แหละ"

ปุยเบื่อที่จะเล่นซ่อนหา เพราะพวกพี่ๆของเขาหาตัวเขาเจอได้ง่ายเหลือเกิน


        ใกล้ค่ำแล้ว ปุยยังวิ่งออกไปทักทายจิ้งหรีดและหิ่งห้อย
ทันใดนั้น ปุยก็แลเห็นหมาจิ้งจอกผอมโซแอบย่องเข้ามาที่เล้าไก่
เพื่อจะขโมยลูกไก่กินเป็นอาหาร

"ก้าบ ก้าบ ก้าบ" ปุยแผดเสียงร้องอย่างตระหนกตกใจและขอความช่วยเหลือ
แต่ไม่มีใครสนใจออกมาดูเหตุการณ์ เพราะเคยชินกับเสียงร้องที่น่าเบื่อหน่ายของปุย

ปุยรู้ดีว่าเขาเองเท่านั้นที่จะช่วยลูกไก่ให้รอดชีวิต จึงวิ่งเข้าใส่หมาจิ้งจอก
แต่ขณะที่วิ่งไปนั้นเขาได้ชนถังน้ำล้มกลิ้งส่งเสียงดังโพล้งเพล้ง
ทำให้จิ้งจอกตกใจวิ่งหนีเข้าป่าไป ปุยช่วยต้อนลูกไก่ที่แตกฝูงเพราะความตกใจกลัว
ให้กลับไปหาแม่

"ลูกของฉันปลอดภัยแล้ว" แม่ไก่ดีใจ
"เจ้ากล้าหาญมากนะปุย"แม่ไก่ชมเชย
และสัตว์ทุกตัวในโรงนาก็ชื่นชมในความกล้าของปุยด้วย

แล้วปุยก็เดินยืดอกกลับไปที่เล้า แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนกองฟาง
แม่เข้ามากางปีกโอบกอดเขาไว้อย่างอบอุ่น

"ก้าบ ก้าบ ก้าบ" ปุยส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนที่จะหลับสนิทไปเพราะความอ่อนเพลีย

จากหนังสือ  "นิทานก่อนนอน"
แปลจากเรื่อง  "Quack, Quack, Quack !"
ผู้แปล  "ต้อยติ่ง"

___________________________________________


วัสลามุอะลัยกุม

^__________^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 11, 2009, 12:24 AM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.ย. 12, 2009, 06:51 PM »
0

เรื่องที่2

"เสือตีนโต"


มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาชีพทำไร่ อยู่มาวันหนึ่งทั้งสองคนต่างก็ไปช่วยกัน
ทำไร่เหมือนเคย เผอิญวันนั้นไม่ได้ห่อข้าวไปกิน คิดว่าจะกลับไปกินกันที่บ้าน
พอตกบ่าย สองสามีภรรยาก็ชวนกันกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านสามีจึงพูดกับภรรยาว่า

"นี่น้อง ไปหุงหาอาหารมากินกันเถอะ วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรพี่หิวจังเลย"

ฝ่ายภรรยานั้นเป็นคนเกียจคร้านไม่ชอบหุงหาอาหารอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินสามีพูดดังนั้น จึงตรงไปยังห้องครัว เข้าไปเปิดหม้อข้าวดู
ก็เห็นมีข้าวเหลืออยู่ น่าจะพอแบ่งกันกินได้
จึงบอกกับสามีไปว่า

"ข้าวมีอยู่แล้วพี่ กับข้าวเมื่อเช้านี้ก็ยังเหลือ พี่หิวก็มากินได้เลย"

"เอ้างั้นก็ตกลง น้องก็มากินพร้อมกันเลยซิ" สามีพูด

สามีภรรยาต่างก็แบ่งข้าวกันกินคนละจาน ข้าวในหม้อจึงเหลืออีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เผอิญมีเพื่อนคนหนึ่งมาที่บ้าน

"เอ้ากำลังทำอะไรอยู่ละ" เพื่อนเอ่ยถาม

"กำลังจะกินข้าวกลางวันกัน มาๆ มานั่งกินข้าวด้วยกัน" สามีกล่าวเชิญชวนเพื่อน
ที่มาเยี่ยมตามธรรมเนียมไทยแท้ของคนไทย

"แหม กินสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน กำลังหิวอยู่พอดีเชียว"

เพื่อนก็มานั่งร่วมวงกินข้าวด้วย ภรรยาจึงตักข้าวที่เหลืออยู่ในหม้อ
ให้แขกที่มาเยี่ยมเยือน ข้าวที่มีเหลืออยู่ในหม้อเพียงน้อยนิดก็หมดลง

ทั้งสามคนต่างกินกันไปคุยกันไป ข้าวในจานแต่ละคนก็ร่อยหรอทีละนิด
เผอิญข้าวในจานของเพื่อนหมดก่อน เพื่อนก็คอยโอกาสให้เจ้าของบ้าน
คดข้าวให้ตนเพิ่ม แต่ก็ไม่ตักให้เสียที ฝ่ายเพื่อนยังไม่อิ่ม
จึงคิดหาอุบายที่จะบอกให้เจ้าของบ้านคดข้าวให้ จึงพูดขึ้นว่า

"เมื่อวานนี้ เราไปเที่ยวในป่ามา โอ้โฮเพื่อนเอ๋ย เราไปเจอเสือตัวหนึ่งรอยตีนโต
ขนาดจานข้าวนี่เลย"เพื่อนพูดพร้อมกับเอียงจานให้เจ้าของบ้านดู

เจ้าของบ้านเมื่อเห็นดังนี้ ก็ถือโอกาสเล่าต่อว่า

"เมื่อวานนี้เหมือนกันนั่นแหละ เราก็ไปเที่ยวป่ามาเหมือนกัน
โอ้โฮเพื่อนเอ๋ย เราไปเจอช้างรอยตีนโตขนาดหม้อนี่แหละ"

พูดพร้อมเอียงหม้อให้ดู เพราะข้าวก็หมดหม้อแล้วเหมือนกัน


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...

"การจะพูดบอกอะไรใครนั้น ในบางครั้งเราจะพูดบอกตรงๆไม่ได้
เพราะอาจเป็นการเสียมารยาท ผู้ฉลาดมักจะหาวิธีการบอก
ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ได้โดยอ้อม"


จากหนังสือนิทานพื้นบ้าน

วัสลามุอะลัยกุม

^__________^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.ย. 12, 2009, 07:56 PM »
0

มาให้ว่องมาให้ไวก่อนจะไปทำการบ้านค่ะ

เรื่องที่3

"นึกว่าง่าย"


คนไทยกับคนลาวเป็นเพื่อนกัน คนไทยมีเรืออยู่ลำหนึ่ง

วันหนึ่งเกิดน้ำท่วมคนลาวนั่งไปกับเรือของคนไทย โดยคนลาวนั่งอยู่หัวเรือ
คนไทยนั่งอยู่ท้ายเรือ และเป็นคนพายเรือไป

เมื่อพายเรือไปได้สักพักหนึ่ง เรือก็รี่ตรงไปจะชนต้นไม้ คนลาวตกใจกลัวก็บอกว่า
"ซ้ายหน่อยๆ" คนไทยก็พายงัดเล็กน้อย เรือก็ไม่ชนต้นไม้ พายรอดไปได้

เมื่อพายต่อไปเรือก็รี่ตรงไปจะชนบ้าน คนลาวเห็นดังนั้นก็ตกใจ ร้องบอกว่า
"ขวาหน่อยๆ" คนไทยก็พายงัดเล็กน้อย เรือก็รอดไปได้โดยไม่ชนบ้าน

เจ้าคนลาวเลยเกิดสงสัยจึงถามเจ้าคนไทยว่า
"นี่เรือของแกทำด้วยอะไรนะถึงว่าง่ายอย่างนี้"

"ทำด้วยไม้ตะเคียนนะซิ" คนไทยตอบ

คนลาวเมื่อกลับถึงบ้านก็บอกกับเมียว่า
"นี่น้อง...ไม้ตะเคียนนี่ว่าง่ายจัง พี่อยากจะขุดเรือจากไม้ตะเคียนสักลำ
ที่ข้างบ้านเรามีไม้ตะเคียนอยู่ต้นหนึ่ง เดี่ยวพี่จะโค่นมาขุดทำเรือนะ"

เมียก็บอกว่า
"มันจะทับบ้านพังนะพี่"

"ไม่ทับหรอก ไม้ตะเคียนมันว่าง่ายจะตาย" ฝ่ายผัวอธิบายสรรพคุณของต้นตะเคียน

ว่าแล้วคนลาวก็คว้าขวานไปฟันต้นตะเคียนทันที ฟันไปๆจวนจะขาด
มันก็ค่อยๆเอนลงจะทับบ้าน คนลาวก็ยืนโบกมือร้องตะโกนไปว่า
"ซ้ายหน่อยๆ"
ต้นตะเคียนก็ล้มโครมลงทับหลังคาบ้านพังไปเรียบร้อย

เจ้าคนลาวก็คิดบ่นในใจว่า
"เอ๊ะ! ต้นตะเคียนบ้านเรานี่ มันทำไมถึงดื้อจัง ไม่เหมือนต้นตะเคียนของคนไทยเลย
ว่าง่ายแท้ๆ"


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....

...การเข้าใจอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือการหลงเชื่อในสิ่งที่ผิดๆ จะนำมาซึ่งความหายนะ
ฉะนั้น ก่อนที่จะเชื่อสิ่งใด ควรพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ โดยใช้เหตุผล...

(จากหนังสือนิทานพื้นบ้านของไทย)

วัสลามุอาลัยกุม

^__________^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.ย. 12, 2009, 08:15 PM »
0
รักพี่เสียดายน้อง งั้นขอต่ออีกสักเรื่องนึงก่อนไปทำการบ้านนะคะ

(เรื่องนี้ช่างไร้สาระสิ้นดี มีไว้ให้ขำเล่นๆนะคะ อย่าถือคนเขลา อย่าว่าเต่าโง่นะคะ)

เรื่องที่4

"นิทานติงต๊อง"


..วันหนึ่ง แม่เลี้ยงใจร้ายสั่งให้สโนไวท์เอาตะกร้าใส่อาหารไปให้ผีเสื้อสมุทรที่กลางป่า
ระหว่างทางที่สโนไวท์ไปแฮร์รี่พ๊อตเตอร์ขี่ไม้กวาดมาเจอพอดีจึงฉุดสโนไวท์ไปข่มขืน
ระหว่างที่สโนไวท์แหกปากขอความช่วยเหลือนั้น
พระอภัยมนีผ่านมาเห็นจึงเป่าปี่ให้แฮร์รี่พ๊อตเตอร์หูแตกตาย
สโนไวท์ซึ้งใจถามพระอภัยว่าท่านกำลังไปไหนคะ?

พระอภัยมีภารกิจต้องเอาแหวนวงหนึ่งไปทำลายที่ภูเขาไฟ
สโนไวท์จึงขออาศัยติดตามพระอภัยมนีไปด้วย

วันหนึ่งขณะที่สโนไวท์กำลังนุ่งผ้าอาบน้ำในลำคลองนั้น
ก็มีจระเข้มางาบสโนไวท์ไป พระอภัยมนีตกใจมาก
ทราบข่าวจากคนแถวๆนั้น เพราะจระเข้ตัวนี้ชื่อดังมีนามว่าชาละวัน

พระอภัยมนีจึงดำลงไปใต้น้ำเพื่อช่วยสโนไวท์จากเจ้าจระเข้ผู้ร้ายกาจ
พระอภัยมนีและชาละวันทั้ง2สู้กันอยู่นานจนพระอภัยมนีขาดอากาศหายใจตายในน้ำ
สโนไวท์จึงอยู่เป็นเมียรักของชาละวันไปเรื่อยๆ

สโนไวท์และชาละวันมีลูกด้วยกันเป็นหญิง3คน มีนามว่า
บลอสซัม บัตเตอร์คัพ บับเบิ้ล คนเรียกกันว่า พาวเวอร์พัฟเกิร์ล

วันหนึ่ง ทั้ง3ตัวได้ออกไปเที่ยวเล่นในป่า
ก็เจอปีศาจกล้วยหอมที่ชื่อว่าบี1และบี2ออกอาละวาด
ทั้ง3จึงร่วมกันปราบปรามสำเร็จ
ทั้ง3จึงกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ชื่อดังที่เด็กๆเห็นในช่องcartoon network

พระรามที่กำลังทำสงครามแย่งนางสีดากับทศกัณฐ์
ได้ยินชื่อเสียงของ3สาวพาวเวอร์พัพเกิร์ลจึงจ้างมาทำงานด้วย

ทศกัณฐ์ซึ่งเห็นว่า3สาวพาวเวอร์พัฟเกิร์ลเก่งแสนเก่ง
จึงจ้างอัศวินเจไดในตำนานมาร่วมกับกองทัพตนเพื่อสู้กับพระราม

กองทัพเจไดและ3สาวพาวเวอร์จึงสู้กันโดยกองทัพเจไดมีหลอดไฟนีออนเป็นอาวุธ
ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน แผ่นดินไหว
แล้วมีลำโพงโผล่ออกมาจากพื้นดินพร้อมเสียงออกมาว่า

“ถึงเวลาสนุกแล้วสิ......ๆๆๆๆ”

ทันใดนั้นก็มียักษ์พุงโล4ตัว 4สี มีนามว่า ทิงกี้วิงกี้ ดิ๊บซี่ ลาล่า และ โพ
คนเรียกพวกยักษ์กลุ่มนี้ว่า เทเลทับบี้

ทั้ง4ออกมาจากพื้นดิน ทั้ง4ตัวส่ายพุงซักพักและร้องเพลงและเต้น
พาวเวอร์พัฟเกิร์ลกับอัศวินเจไดล่าถอยไปหมดเพราะเสียงแสบแก้วหูนั่น

วันหนึ่ง มียักษ์ตัวหนึ่งชื่อ เชร็คมาขอเข้าร่วมทีมกับเทเลทับบี้
แต่กลับโดนบอกปัดเพียงเพราะเชร็คหน้าตาอัปลักษณ์
และไม่มีทีวีที่พุงเหมือนเทเลทับบี้ตัวอื่นๆ
เชร็คโมโหมากจึงฆ่าเทเลทับบี้ตายไปทั้ง4ตัว

เชร็คจึงเดินทางต่อไปเพื่อหาหมอศักยกรรมใบหน้าดีดี

ขณะที่เชร็คกำลังเดินทาง ก็บังเอิญเจอคณะเดินทางของพระถังซัมจั๋ง
โดยมีทั้งโป๊ยก่าย หงอคง ซัวเจ๋ง ครบทีม
พระถังมีวิชาการแพทย์จึงผ่าตัดศัลยกรรมให้เชร็คเป็นชายรูปงามนามว่า
นารูโตะ

เมื่อพระถังศัลยกรรมให้เสร็จ นารูโตะก็เดินทางไปในป่า
ไปพบกับชิซึกะก็ตกหลุมรัก จึงไปสู่ขอกับพ่อแม่ของเธอ
แต่พ่อแม่เธอไม่ยอมบอกว่า เธอมีหน้าที่ต้องดูแลดราก้อนบอล

นารูโตะเสียใจมากจึงผูกคอตายที่ใต้ต้นหญ้า
พอดีบาร์บี้มาพบศพเข้าก็ตกใจ รีบดึงนารูโตะลงมาแต่พลาดตกทะเลไป

ที่บาร์บี้แหกปากให้คนช่วย อาละดินก็ขี่พรมวิเศษผ่านมา จึงช่วยบาร์บี้ไว้

บาร์บี้ซึ้งในบุญคุน จึงบอกว่าจะยอมเป็นทาศอาละดินไปจนวันตาย
อาละดินจึงบอกว่า เจ้าไปเป็นพี่เลี้ยงลูกข้าละกัน

บาร์บี้จึงกลับบ้านมาเลี้ยงลูกของอาละดินที่ชื่อว่า
ชินจังอย่างมีความสุขตลอดไป (รึเปล่า)

.........จบแว้ว..............

โดย...โรสควีน จากเด็กดีดอทคอม

ปล.เสียดายไม่มีป๊อบอายกับโอลีฟมาแจม...เฮ้อออออ...

คิดเห็นเป็นประการใดได้โปรดชี้แนะด้วยนะคะ
น้อมรับด้วยความยินดีค่ะ

แล้วจะมาต่อของชาติอื่นๆกันวันหลังนะคะ
คืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

...ขออัลเลาะฮฺทรงชี้ทางให้สำหรับผู้ชี้แนะด้วยเถิด...ยาร็อบ

วัสลามุอะลัยกุมวาเราะฮฺมาตุลลอวาบารอกาตุ

^___________________________________^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 12, 2009, 08:18 PM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ก.ย. 13, 2009, 02:56 AM »
0
^
^
ทำไมยิ้มกว้างกว่าทุกที
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ก.ย. 13, 2009, 04:00 AM »
0
"นิทานติงต๊อง" จิงด้วย
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ก.ย. 13, 2009, 08:40 AM »
0
^
^
ทำไมยิ้มกว้างกว่าทุกที

เพราะว่ามีความฉุก... hehe

อย่างน้อยยิ้มที่ว่าทำให้สามารถกำหนดความกว้างและแคบของยิ้มได้
ไม่เหมือนยิ้มอื่นๆ

เพราะนี่ก็ยิ้ม :D

นี่ก็ยิ้ม :)

ส่วนนี่ของแถม(ม่ายคิดตังค์) :(

วัสลามุอาลัยกุม

^_____________________________________________________^

(ยังกว้างได้อีกเห็นมั้ย)

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ก.ย. 13, 2009, 08:47 AM »
0
"นิทานติงต๊อง" จิงด้วย


...เสียดายไม่มีป๊อบอายกับโอลิฟมาแจม
แถมยะดาม่อนก็ม่่ายมีว่ามั้ยคะ...
ยะดาม่อนที่ท่องคาถาว่า...ทีระกุรู รามิกุรู เรรูรามิรู(จำได้มั้ยคะ)
 Oops:

ปล.ช่างไร้สาระสิ้นดีเลยเรา อย่าถือคนเขลา อย่าว่าเต่าโง่เลยนะคะ

วัสลามุอาลัยกุม

^___________^
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ก.ย. 13, 2009, 09:42 AM »
0
ปล.รอออกอีดก่อนแล้วจะนำนิทานนานาชาติน่ารักๆมาเล่าต่อนะคะ
(ปีนี้คงเป็นอีกปีที่ต้องออกอีดคนเดียวอีกตามเคยค่ะ
หวังว่าปีหน้าคงจะไม่เป็นแบบนี้อีีกแล้ว...อามีนๆ)

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^____________^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 13, 2009, 09:44 AM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ก.ย. 16, 2009, 10:36 PM »
0
 salam

ตอนแรกตั้งใจว่าจะรอให้ออกอีดก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่านิทานต่อ
แต่อยู่ๆวันนี้กลับนึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่นขึ้นมาเสียดื้อๆ
ซึ่งเป็นนิทานที่เนื้อหาค่อนข้างยาว แต่สอดแทรกอะไรบางอย่างเอาไว้เช่นกัน
ลองอ่านดูสักนิด คิดเห็นยังไงอย่าลืมบอกกันบ้างนะคะ

เรื่อง

"สึรุโนะ โองกะเอะชิ"
(Tsuru no ongaesi)

"นกกระเรียนตอบแทนบุญคุณ"

      นานมาแล้วมีชายหนุ่มผู้ยากจนผู้หนึ่ง อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย
ตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่ และแม้แต่พี่น้องสักคนเดียวอยู่ ณ บ้านกลางเขาแห่งหนึ่ง....
ชายหนุ่มผู้นี้มีอาชีพตัดไม้และหาของป่า แล้วจะนำลงไปขายที่ในเมือง
หาเลี้ยงตัวไปวันๆเรื่อยมา ชายหนุ่มผู้นี้นั้นถึงแม้ว่าเขาจะยากจน หาเช้ากินค่ำก็ตาม
แต่เขาก็เป็นคนที่ขยันขันแข็งและเป็นคนดีมีเมตตามากคนหนึ่ง
 
     วันหนึ่งซึ่งเป็นกลางฤดูที่หนาวเย็น หิมะตกปกคลุมทั่วไปไม่มีของป่าที่จะหาเก็บ
และนำไปขายได้นั้นชายหนุ่มจะขึ้นมาบนเขาและหาตัดไม้เพื่อเก็บสะสมเอาไว้
วันนี้ก็เหมือนกันเขาขึ้นมาบนเขาและตั้งหน้าตั้งตาตัดไม้อย่างขะมักเขม้น
ไม่ได้สนใจว่าจะมีหิมะตกจนท่วมเข่าและเดินลำบากลำบนแค่ไหนก็ตาม
เขาหาตัดไม้ไปเรื่อย ๆจนมืดค่ำลงแล้ว จึงเดินลงเขามาเรื่อย ๆ
เพื่อที่จะกลับที่อยู่อาศัยของตน

      แล้วกลางทาง ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินกลับที่อยู่ ๆนั้นก็มีอะไรบางอย่าง
เห็นเป็นสีขาว ๆ ลอยละลิ่วร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน
ชายหนุ่มพยายามเพ่งมองก็เห็นเป็นนกกระเรียนสีขาว สวยงามมากตัวหนึ่ง
กำลังนอนดิ้น ทำท่าทางเหมือนกับจะปีกหักอะไรทำนองนั้น
และนอนร้องอยู่เหมือนจะเจ็บและทรมานอย่างมาก เจ้านกกระเรียนนอนดิ้นรน
ร้องขอความช่วยเหลืออยู่อย่างน่าเวทนา...

" ทำไมอยู่ ๆก็บินตกลงมานะ " ชายหนุ่มรำพึงออกมาด้วยความสงสัย
เขาจึงรีบเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงเห็นว่าที่ปีกของนกกระเรียนตัวนั้น
มีลูกธนูอันใหญ่ปักอยู่

"ใครกันนะที่ทำแบบนี้ได้ น่าสงสารเจ้าเหลือเกิน โถ...คงจะเจ็บมากสินะ "
ชายหนุ่มให้นึกสงสารเจ้านกกระเรียนขาวที่โชคร้ายตัวนี้ขึ้นมาอย่างจับใจ...
เขาเลยเข้าไปอุ้มเจ้านกกระเรียนตัวนั้นอย่างทะนุถนอมเพื่อไม่ให้มันตกใจ
ไปมากกว่านี้อีก แล้วจึงค่อย ๆดึงลูกธนูที่ติดอยู่ที่ปีกของมันออกให้
พอดึงลูกธนูออกแล้วชายหนุ่มก็จัดการล้างบาดแผลที่มีแต่คราบเลือดนั้น
ด้วยน้ำกินในกระบอกที่เขาพกติดตัวอยู่ เมื่อล้างแผลเสร็จแล้วเขาก็ฉีกชายเสื้อ
ที่เขาสวมใส่อยู่นั้นมาพันรอยแผลให้...เจ้านกกระเรียนตัวนั้นมันจ้องมองชายหนุ่ม
อยู่ตลอดเวลาที่เขาทำแผลให้มันเหมือนกัน เหมือนมันซึ้งในน้ำใจ
และขอบคุณเขาอย่างที่สุด...

เมื่อทำแผลให้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็พูดกับมันว่า
" ส่า...อีกสักพักเจ้าก็จะหายเป็นปกติ...ไป..กลับไปที่ ๆของเจ้าได้แล้ว..
แล้วก็ระวังตัวให้ดีอย่าให้ใครเขายิงเจ้าได้อีก รู้ไหม ? "

แล้วเจ้านกกระเรียนขาวตัวนั้นก็กระพือปีก..พรึ่บๆๆๆ...แล้วส่งเสียงอันดังร้องขึ้น
เหมือนมันดีใจก่อนที่จะทะยานบินขึ้นสู่ท้องฟ้าโผบินจากตรงนั้นไปอย่างเชื่องช้า
จากตรงนั้นไปในทันที....

ชายหนุ่มยืนมองนกกระเรียนขาวที่โผบินไปสู่อิสระได้อีกครั้งตัวนั้นอย่างนิ่งนาน
เขามองจนเจ้านกกระเรียนขาวตัวนั้นบินจนหายลับไปจากสายตาของเขา
เลยทีเดียว..เขานึก...ว่ามันคงจะดีใจที่ได้รอดชีวิตนะ...
แล้วเขาก็ดีใจและมีความสุขที่ได้ช่วยชีวิตของมันไว้...
...ขอให้เจ้าจงปลอดภัยเถิด...เขานึกอธิษฐานให้มันแล้วเดินกลับที่อยู่อาศัย
อันเปล่าเปลี่ยวและเดียวดายของตน

      แล้วจากวันนั้นมาอีกหลายวันเหมือนกันของคืนวันหนึ่ง...
มีเสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตูกระท่อมของชายหนุ่มอยู่....
" ก๊อก ๆๆๆ" เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นไปเปิดประตูดูก็เห็นว่าได้มีหญิงสาวผู้ที่มีความงดงาม
อย่างที่จะหาที่เสมอเหมือนแล้วมิได้นางหนึ่งยืนนิ่งสงบอยู่....
ที่ตัวนางนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า และที่เสื้อผ้านั้นมีแต่หิมะปกคลุมเลอะเทอะ
จนเป็นสีขาวขาวโพลนไปหมดทั้งตัว นี่นางคงจะเดินฝ่าหิมะมาเป็นเวลานานมาก
อย่างแน่นอน...เขาคิด

ด้วยชายหนุ่มนั้นเป็นคนใจดีมีเมตตา เขาจึงนึกสงสารนางที่ต้องยืนอยู่ท่ามกลาง
ความหนาวเย็นแบบนั้น จึงบอกกับนางว่า

"ข้างนอกน่ะหนาวมากนะ ก่อนอื่นถ้านางจะมีธุระอะไรก็เข้ามาข้างในบ้านก่อนดีกว่า
เดี๋ยวจะไม่สบายไป..เชิญ ๆเข้ามาข้างในก่อนเถอะ..แล้วค่อยพูดถึงธุระของนางนะ "
หญิงสาวนางนั้นทำท่าทางเหมือนโล่งใจอะไรบางอย่าง...
แล้วนางจึงเอ่ยกับชายหนุ่มเจ้าของบ้านว่า

"ข้าเดินหลงทางมาไกลเหลือเกิน ต้องเดินวกไปวนมาด้วยหาทางไม่ถูก
คืนนี้ดึกมากแล้วอยากจะขอความกรุณาจากท่าน ขอให้ข้าได้ค้างที่นี่สักคืนด้วยเถิด "
ชายหนุ่มนิ่งฟังและพยักหน้ารับคำนางแล้วเขาจึงพานางเข้ามานั่งผิงไฟที่ก่อไว้
อยู่ตรงกลางบ้านแล้วบอกกับนางว่า

"เชิญนางนั่งผิงไฟให้ร่างกายอุ่นเสียก่อน...ทำตัวให้สบาย ๆไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก"
หญิงสาวยิ้มรับแล้วลงนั่งพร้อมกับมองไปรอบ ๆ นางเห็นสำรับอาหารที่ชายหนุ่ม
คงจะเตรียมไว้เพื่อจะกินมื้อนี้ ด้วยชายหนุ่มนั้นตัวคนเดียวและหมู่นี้
เขาก็ไม่ได้เข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้ออะไร อาหารที่เขาตั้งสำรับวางไว้นั้น
จึงมีแต่ข้าวกับผักดองอย่างเดียวเท่านั้นเอง....แต่เขาก็ยังเชื้อเชิญให้นางกินอีกด้วย
นางจึงบอกกับเขาว่า

" ข้ามีเสบียงอาหารพกติดตัวมาด้วย อนุญาตให้ข้าได้ทำอาหารให้ท่าน
เพื่อเป็นการตอบแทนด้วยเถิด "แล้วนางก็ล้วงเอาห่อผ้าที่นางพกเสบียงอาหารติดตัวนั้น
ออกมาและจัดการทำอาหารให้ชายหนุ่มทันที แล้วนางยังเล่าเรื่องของนาง
ให้ชายหนุ่มฟังอีกด้วยว่า นางนั้นพ่อแม่ได้ตายลงเสียหมดแล้ว ต้องอยู่ตัวคนเดียว
และก่อนตายพ่อของนางได้บอกว่ามีเพื่อนคนรู้จักกันอาศัยอยู่ที่เมืองนี้
นางจึงดั้นด้นมาที่เมืองที่นางไม่เคยมาและรู้จักมาก่อน
นางเลยต้องหลงทางแล้วเดินวกไปวนมาจนมาถึงบ้านของเขาอย่างที่เขาเห็นนี่แหละ

    แต่ว่าแม้จะเป็นวันรุ่งขึ้นและรุ่งขึ้นมาอีกวันแล้วก็ตาม หิมะก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก
ให้เลยสักนิดเดียว ยังคงตกหนักอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด...
หญิงสาวและชายหนุ่มจึงออกไปไหนไม่ได้...หญิงสาวนางนั้นจึงหันมาปฏิบัติ
พัดวีชายหนุ่มให้โดยการทำอาหารที่มีเสบียงอยู่เหลือน้อยนิดนั้น
แล้วนางยังเย็บปักถักร้อยเก่งเป็นเยี่ยมเลยทีเดียวอีกด้วย...
นางขยันไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์เที่ยวตามเก็บเสื้อผ้าเก่า ๆของชายหนุ่มมาปะและซ่อมให้...นางคงคิดตอบแทนที่ชายหนุ่มให้ที่พักหลบหิมะมาตั้งหลายวันนั่นเอง

     แล้ววันนี้หิมะก็หยุดตกลงแล้ว ท้องฟ้าแจ่มใสพระอาทิตย์ได้เวลารีบออกมายื่นหน้า
ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ว่า หญิงสาวกำลังจะต้องจากไป
ชายหนุ่มรีบวิ่งตามนางไปและตรงเข้าจับมือนางไว้แล้วพูดบอกนางว่า
"ถ้านางยังไม่ตกลงปลงใจที่จะไปอยู่กับใครละก็...ได้โปรดอยู่ที่นี่กับข้าเถิด...
ข้าอยากให้นางอยู่ที่นี่ตลอดไป..นะ...อย่าจากข้าไปเลย "

แล้วจึงเป็นด้วยการนี้ทั้งสองเลยตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...อย่างมีความสุข
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ก.ย. 16, 2009, 10:53 PM »
0

     อยู่มาวันหนึ่ง...หญิงสาวผู้เป็นภรรยาของชายหนุ่มแล้วนั้น
ได้ขอร้องให้เขาสร้างห้องเล็ก ๆให้ขึ้นที่ข้าง ๆบ้าน

" ข้าอยากจะทอผ้าเพื่อให้ท่านนำไปขาย บางทีเราอาจโชคดีขายได้เงิน
มาซื้ออาหารดี ๆไว้กินบ้าง " ชายหนุ่มจึงรีบทำตามที่นางขอร้อง
คือสร้างห้องเล็ก ๆขึ้นให้นางห้องหนึ่ง....
เมื่อสร้างห้องที่นางต้องการเสร็จแล้ว วันนี้นางจะเข้าไปทอผ้า
ชายหนุ่มรีบไปหาเศษไหมมาให้นาง แต่ก่อนที่นางจะเข้าห้องไปนั้น
นางได้หันมาสั่งกับชายหนุ่มอย่างเอาจริงเอาจังว่า...

"มีข้อแม้ว่า ในขณะที่ข้าทอผ้าอยู่...ท่านจะต้องสัญญาว่า..จะไม่เปิดประตู
เข้าไปดูข้างในอย่างเด็ดขาด..." หญิงสาวคาดคั้น ชายหนุ่มให้สัญญา
แล้วก็เดินเข้าห้องปิดประตู เงียบหายไปสักพักก็มีเสียงของกี่ทอผ้าดัง
...กะตั้ง...ปัตตั้ง...กะตั้ง..ปัดตั้ง...ก้องเป็นระยะออกมาจากห้อง
เสียงกี่ทอผ้าจะดังอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เช้าจนเย็น
เสียงจะดังก้องเป็นจังหวะสม่ำเสมอ...กะตั้ง..ปัตตั้ง..กะตั้ง..ปัตตั้ง...กะตั้ง...
ปัตตั้ง......อยู่อย่างนั้นวันแล้ววันเล่า

    และแล้วสามวันต่อมา....เสียงกี่ทอผ้าก็เงียบลง..หญิงสาวเปิดประตูเดินออกมา
ในมือถือผ้าที่ทอเสร็จแล้ว.. ท่าทางนางดูจะเหมือนอ่อนเพลียมาก
ชายหนุ่มจึงทักนางว่า

"เจ้าคงเหนื่อยมาก..." หญิงสาวส่่ายหน้าแล้วยิ้มให้กับชายหนุ่มผู้เป็นสามี
"เอาผ้านี่ไปขายในเมืองนะ ข้าคิดว่าคงจะขายได้ราคางามสมใจเจ้า..."
ชายหนุ่มมองผ้าที่นางส่งให้ มันสวยงามมาก สวยอย่างชนิดที่ไม่มีที่ติตรงไหนเลย
ชายหนุ่มตะลึงตะลานกับความสวยงามของผ้าผืนนั้นปากก็พร่ำบอกขอบคุณนาง
อยู่ตลอดเวลา แล้วชายหนุ่มจึงรีบออกเดินทางไปขายผ้าผืนนั้นในเมืองทันที

     เมื่อชายหนุ่มเดินทางมาถึงในเมืองแล้ว ก็รีบนำผ้าผืนนั้นออกมาวาง
เพื่อเตรียมที่จะขาย มีผู้คนมากมายเข้ามารุมดูผ้าผืนนั้น ชายหนุ่มจึงร้องบอก
ขายผ้าผืนนั้นทันที
"ผ้าที่ทอขึ้นอย่างประณีตสวยงาม...มีใครต้องการบ้าง "
แล้วก็เป็นการบังเอิญอย่างที่สุด เพราะวันนั้นเป็นวันที่มีญาติของโตโน่(เจ้าเมือง)
ท่านหนึ่งเดินทางผ่านมาทางนั้นเข้าพอดี... และก็เป็นการบังเอิญหรือจะเรียกว่าโชคดี
อย่างที่สุดของชายหนุ่มก็เป็นได้ เมื่อญาติของโตโน่ท่านนั้นมองไปเห็นผ้าผืนนั้นเข้า
ก็ให้เป็นถูกอกถูกใจในความสวยงามของผ้าอย่างสุดที่จะระงับ

"ตั้งแต่ข้าเกิดมา ยังไม่เคยเห็นผ้าผืนไหนสวยงามถูกใจอย่างนี้มาก่อนเลย"
ว่าแล้วเขาก็ควักเงินให้กับชายหนุ่มมากมายเพื่อซื้อผ้าผืนนั้น
และก่อนจากไปเขายังหันมาพูดกับชายหนุ่มว่า

"ถ้าท่านมีผ้าแบบนี้อีก เอามาขายให้ข้านะอย่าลืม ข้าจะสมนาคุณ
และให้เงินมากกว่าที่ให้วันนี้อีกเท่าหนึ่ง จำไว้นะ มีเมื่อไหร่ เอามาขายให้ข้าอีก"

ชายหนุ่มให้เป็นแสนจะดีใจที่ได้เงินมามากอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นนั้น
จึงรีบเอาเงินที่ได้รับนั้นไปซื้อเสบียงอาหารและของฝากมากมายกลับมาบ้าน...

เมื่อมาถึงบ้านชายหนุ่มก็รีบเล่าเรื่องราวต่าง ๆที่เกิดขึ้นในเมือง
และไม่ลืมเล่าเรื่องที่ตนโชคดีได้พบกับญาติของโตโน่เข้าอย่างบังเอิญ...
และได้ขายผ้าผืนนั้นไปได้เงินมากมาย ชายหนุ่มเห็นว่าผ้านั้นขายได้ราคาดีจริง ๆ
ก็เกิดความโลภ และกล่าวขอร้องกับนางว่า

"ญาติของโตโน่ท่านนั้นท่านถูกใจผ้าที่เจ้าทอมาก อยากได้อีกเจ้าช่วยทอ
ให้ท่านอีกสักผืนสิ"หญิงสาวทนคำอ้อนวอนของสามีไม่ได้ ก็จำใจเดินระทวย
เข้าไปทอผ้าให้ตามคำขอร้องของสามีสุดที่รักอีกครั้ง
และนางก็ยังหันมาคาดคั้นสั่งกับชายหนุ่มเหมือนกับกลัวเขาจะลืมอีกว่า
"ท่านอย่าลืมสัญญานะว่า..จะไม่เปิดประตูเข้าไปดูข้างในอย่างเด็ดขาด..."

     แล้วเสียงกี่ทอผ้าก็ดัง...กะตั้ง..ปัตตั้ง...กะตั้ง..ปัตตั้ง ดังขึ้นมาอีกวาระ....
จากนั้นอีกสามวันต่อมา พอเสียงกี่กระตุกเงียบลงประตูก็ค่อยๆแง้มเปิดออก
หญิงสาวดูร่างกายผอมทรุดโทรมลงไปจนแปลกตา นางเดินระทวยถือผ้าที่ทอเสร็จ
ออกมามอบให้กับชายหนุ่ม แต่ด้วยความดีใจที่เห็นผ้าและคิดถึงแต่รางวัล
ที่จะได้รับอย่างเดียวนั้น ชายหนุ่มจึงมิได้เห็นความทรุดโทรมจนผิดสังเกตุ
ของหญิงสาวผู้เป็นภรรยา เขารีบตาลีตาเหลือก ฉวยผ้าจากนาง
แล้วรีบออกเดินทางไปขายผ้าทันที ญาติของโตโน่เห็นชายหนุ่มดั้นด้นเอาผ้ามาให้
ก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมากพร่ำพูดชมแต่ความสวยงามของผ้าไม่ขาดปาก...

"ทำไมมันถึงได้สวยงามจนไม่มีที่ติทุกผืนแบบนี้ จะหาที่เปรียบเสมือนไม่มีอีกแล้ว"
และได้สมนาคุณ มอบเงินให้ชายหนุ่มมากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่าตัว
เมื่อชายหนุ่มได้เงินแล้ว และกำลังจะลากลับญาติของโตโน่ก็พูดขึ้นอีกว่า

"ถ้าท่านยังมีทางที่จะหาผ้าอย่างนี้มาได้อีก ก็นึกถึงข้านะ ข้าจะรับซื้อเองทั้งหมด
หามาให้ข้าอีกสิ...." ชายหนุ่มยิ่งคิดโลภ เขาจึงรับปากออกไปว่า

"แล้วข้าจะรีบหาผ้าผืนไหม่มาให้ท่าน..."ว่าแล้วก็อำลากลับเขา
เดินนึกมาตลอดทางว่า...ถ้าขายได้ราคาดีอย่างนี้เรื่อยไปเขาจะต้องสุขสบาย
และรวยขึ้นมาอย่างแน่นอน

      ชายหนุ่มขนเงินมากมายกลับมาบ้าน แต่เพราะความคิดโลภ
ได้มามากแล้วก็อยากที่จะได้มากขึ้นไปอีก เขาจึงอ้อนวอนหญิงสาวอีกว่า

"ได้โปรดเถิด ขอข้าอีกครั้งเดียว ข้าให้สัญญากับญาติของโตโน่ไปแล้ว
ว่าจะเอาผ้าไปให้ ข้าขอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วข้าจะไม่ขอให้เจ้าทอผ้าให้อีกต่อไป.." หญิงสาวนั้นนางร่างกายทรุดโทรมลงมากจากการทอผ้าผืนที่สอง
แต่นางก็ทนการขอร้องของสามีมิได้
นางนั่งคิดและสุดท้ายก็เอ่ยกับชายหนุ่มผู้เป็นสามีว่า

"ข้าจะขึ้นกี่ ทอผ้าให้กับท่านอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย แต่ท่านจะต้องตรงต่อคำสัญญา
เหมือนกับทุกๆครั้งนะ คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่เปิดประตูและเข้าไปดู
ในขณะที่ข้าทอผ้าอยู่เป็นอันขาด..." กล่าวแล้วหญิงสาวก็เดินอย่างคนหมดแรง
หายเข้าไปในห้อง

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ก.ย. 16, 2009, 11:18 PM »
0
เสียง..กะตั้ง..ปัตตั้ง...กะตั้ง..ปัตตั้ง...ก็เริ่มดังขึ้นเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ เสียงกี่กระตุกดังอย่างอ่อนแรง เหมือนเศร้าโศรกไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ได้ยิน
ชายหนุ่มให้นึกเป็นห่วงและก็เริ่มคิดสงสัยว่าทำไมนางจึงคอยห้ามไม่ให้เปิดประตู
และดูนะ...และเมื่อความสงสัยบังเกิดขึ้น และพร้อมกับความเป็นห่วงหญิงสาว
ผู้เป็นภรรยาก็บังเกิดขึ้นมาอีกด้วย เขานั่งฟังเสียงกี่กระตุกที่ดังเศร้าสร้อย
เหมือนระทมทุกข์นั้นอย่างทุรนทุราย...แล้วเขาก็มาได้คิดขึ้นได้ว่า...
เขาก็ได้เงินมามากแล้ว...และก็มีเงินมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมาย...
แล้วทำไมเข้าจึงจะคิดโลภอีกเล่า...

    แล้วอยู่ ๆเขาก็เกิดสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
แล้วทันทีนั้นเขาก็วิ่งไปที่ห้องที่นางอยู่นั้น...เขาตรงเข้าทุบประ
ตูและตะโกนบอกกับนางว่า

" พอเถอะ...พอแล้ว..ไม่ต้องทอผ้าแล้ว...ได้โปรดเถิด "
แต่เสียงกี่กระตุกที่ดังอยู่ไม่ยอมหยุดนั้น...คงดังกลบเสียงของเขาเสียจนหมด
ไม่มีเสียงของหญิงสาวตอบรับออกมาเลย ยังคงมีแต่เสียงกี่นั้นกระตุกดัง..ปะตัง...
ปะตัง...อยู่อย่างเดิม อย่างเดียว...

ความรู้สึกเป็นห่วงนั้นทวีมากขึ้นๆจนเขาสุดที่จะระงับใจไว้ได้
และลืมสัญญาที่ให้ไว้กับหญิงสาวเสียสนิท ชายหนุ่มค่อยๆแง้มเปิดประตูออก
และเข้าไปข้างใน แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักตกใจสุดขีดกับภาพที่เขาได้เห็น...
เพราะข้างในห้องนั้นไม่มีหญิงสาว มีแต่นกกระเรียนสีขาวตัวหนึ่ง
ร่างกายผ่ายผอม และขนตามปีกตามตัวแทบจะไม่มีตัวหนึ่ง
กำลังนั่งกระชากกี่กระตุกไปและดึงขนจากปีกของตัวเองปักแซมเข้าไปกับตัวผ้า
ที่อยู่ในกี่นั้นอย่างขะมักเขม้น...เขาถึงกับพูดขึ้นด้วยความตกใจว่า
"โอ้...นก...นกกระเรียน"

     เมื่อเสียงตกใจของชายหนุ่มดังขึ้น...เสียงกี่กระตุกก็หยุดลงอย่างกะทันหัน...
นกกระเรียนสีขาวตัวนั้นก็ค่อย ๆกลับร่างขึ้นกลับมาเป็นหญิงสาวทันที...
นางลุกขึ้นเดินเข้ามาหาชายหนุ่มผู้สามีและร้องให้คร่ำครวญสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
บอกกับเขาว่า

"ฮื่อ ๆๆ ข้าคือนกกระเรียนตัวที่โดนลูกธนูยิงและตกลงมาเอง ข้าได้ท่านช่วยเหลือไว้
ฮื่อๆๆ...จึงไม่ต้องตายไปครั้งนั้น..ข้าจึงอยากจะตอบแทนพระคุณของท่าน
ที่เมตตาช่วยเหลือ..จึงแปลงร่างมา...เพราะอยากจะรับใช้เพื่อตอบแทนบุญคุณ
ของท่าน..."และนางยังบอกเขาทั้งน้ำตาอีกว่า

"แต่เมื่อท่านได้เห็นร่างที่แท้จริงของข้าแล้ว...ฮื่อๆๆ...ข้าก็ไม่สามารถที่จะอยู่กับท่าน
ต่อไปได้อีก...ข้าจะต้องจากไปเพราะมันเป็นกฏข้อห้ามที่สำคัญ..."
ชายหนุ่มรีบบอกและอ้อนวอนนางว่า

"อภัยให้ข้าเถิด...ข้าผิดไปแล้วและอย่าจากข้าไปไหนเลย..นางจะเป็นอย่างไรก็ได้..
แต่อย่าจากข้าไปเลย..."แต่นางก็ได้แต่ส่ายหน้าและก้มหน้าลงต่ำอย่างเศร้าหมอง
ร้องให้อยู่อย่างนั้น

"ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุข ข้าจำต้องขอลา...ลาก่อน...ฮื่อๆๆ "
เมื่อนางพูดลาชายหนุ่มจบแล้ว หญิงสาวก็เดินออกไป

     พอร่างของนางออกมาพ้นประตู ก็ค่อยๆกลับร่างเป็นนกกระเรียนสีขาวอีกครั้ง
แล้วทะยานบินขึ้นสู่ท้องฟ้า บินสูงขึ้น สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ชายหนุ่มนั้นก็รีบวิ่งตามนางออกมา แล้วชายหนุ่มเห็นนกกระเรียนตัวนั้น
กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า เขาตะโกนจนสุดเสียงว่า

"ข้าไม่ดีเอง ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าจากข้าไปเลย.."

แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะร่ำให้ คร่ำครวญ และตะโกนร้องเรียกอย่างไร
นกกระเรียนขาวตัวนั้น ก็ไม่มีท่าทีที่จะหันกลับมามองชายหนุ่มผู้เป็นสามีอีกเลย...
ยังคงบินสูงขึ้นๆ และกระพือปีกเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนจะกล่าวลาเขา...
และลาจากการเป็นมนุษย์....แล้วบินหายลับไปจากท้องฟ้าในที่สุด...

.....END.........

แปลโดย:สุขุมาลย์

____________________________________________________________________

ความเชื่อใจคือเสาหลักของความรัก ต่อให้รักและเป็นห่วงมากมายสักแค่ไหน
หากขาดความเชื่อใจ ก็มีแต่พังกับพัง...

หมายเหตุ:นกกระเรียน(Crane)คือสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นเคียงคู่กับดอกซากุระ
เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว เพราะเป็นนก
ที่มีคู่แค่ตัวเดียว และอยู่เป็นคู่อย่างนั้น แม้ตัวหนึ่งตายไป ตัวหนึ่งก็จะไม่ยอม
มีคู่ใหม่จนกว่าจะตาย(เหมือนกับช้าง) และเป็นนกที่หายากเป็นอันดับสองของโลก
อีกทั้งยังเป็นนกที่มีอายุยืนยาวโดยคนญี่ปุ่นเชื่อว่า
"Tancho"(ชื่อของนกกระเรียนมงกุฏสีแดง)มีอายุขัยยาวนานถึง1000ปี...

วัสลามุอะลัยกุมวะเราะมาตุลลอฮฺวะบารอกาตุ

^__________________________________^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 16, 2009, 11:21 PM โดย dho_dho »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ก.ย. 17, 2009, 09:53 AM »
0
ญะซากัลลอฮ์ค็อยรอนนะคะ ที่นำเสนอเรื่องราวดีๆให้อ่านกัน mycool:

เป็นคนไม่ชอบอ่านนิยาย หรือเรื่องสั้น  อ่านแล้วจะอินค่ะ...เผลอๆหลับคาหนังสือได้  ;D

สมัยมัธยมชอบเช่าการตูณญี่ปุ่นมาอ่าน อ่านแบบหมดร้าน อ่านจนกลายเป็นคนอ่านหนังสือเร็วมากๆ เช่าทีหลายๆเล่ม และคืนเร็วมากวันเดียวก็อ่านจบแล้ว

อ่านตั้งแต่เรื่องกุ๊กกิ๊กๆ  พอเริ่มเบื่อ ก็เป็นหนังผีญี่ปุ่นที่น่ากัวมากๆ  เรื่อยมาจนชอบอ่านพวกแนวซีเรียสๆ เช่นสงคราม  หรือ  นักต่อสู้ ฟันกันเลือดสาด

แนวสืบสวนสอบสวน พลิกล็อคประมาณนี้   บางทีก็ดูเว่อร์ๆไปบ้าง

ให้บอกชื่อเรื่องที่ดังๆ ก็จำไม่ได้แล้วล่ะ มันนานมาแล้ว

ซีตี้ฮันเตอร์งี้...อิอิ 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 17, 2009, 10:07 AM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานนานาชาติน่ารักๆ(เบาสมอง)
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ก.ย. 17, 2009, 01:46 PM »
0

ให้บอกชื่อเรื่องที่ดังๆ ก็จำไม่ได้แล้วล่ะ มันนานมาแล้ว

ซีตี้ฮันเตอร์งี้...อิอิ 




 salam

โห....แล้วจะไม่ให้เรียกก๊ะได้ไงคะเนี่ย...อิอิ
 cool2:

ไม่ได้เชื่ออิลฮามนะคะ แต่เชื่อในสิ่งที่อ่านมา555
หลักฐานมัดก๊ะแน่นเรยยยยยยย... hehe

โด่โด่ก็ไม่ต่างจากก๊ะสักเท่าไหร่หรอกค่ะ...อ่านมาแล้วทุกแนว
ดูหนังมาแล้วทุกแบบ...เมื่อก่อนตอนละอ่อนก็อ่านอะไรที่มันหวานๆ
ชวนให้ฝันหวานได้ทั้งวัน โตมานิดชอบหนังบู้ล้างผลาญ
กับหนังผีชวนขวัญกระตุก พอได้ที่ก็เริ่มที่สืบสวนสอบสวน
โคนันงี้...แล้วก็มาอ่านอะไรแนวๆชีวิตๆ พอเบื่อสิ้นทุกอย่าง
ก็หันมาอ่านบทความบ้าง เรื่องสั้นสะท้อนสังคมบ้าง
พออิ่มตัวกับการอ่านได้ที่ คราวนี้ขอเขียนบ้างนะ
หยิบไดอารี่เล่มเก่ามาปัดฝุ่น แล้วก็พร่ามอะไรไร้สาระไปก่อน
พอเบื่อเรืื่องไร้สาระก็มาต่อที่มีสาระบ้าง...
พอเบื่ออีกก็วกมาอ่านอะไรที่มันเป็นสัจธรรม คราวนี้ว่าแล้วอ่านเท่าไหร่
ก็ไม่หมดสักที อ่านไปจนนอนหลับคาคอมฯ ตื่นมารีเฟรชหน้าจออีก
อ่านอีก ปรากฏว่ายังไม่เบื่อค่ะ และคิดว่าคงไม่เบื่อไปอีกนาน
เพราะยิ่งอ่านยิ่งอยากศึกษาเรื่อยๆค่ะ...อ่านไปก็เขียนไปด้วย
แต่อ่านมากกว่าเขียน เพราะเขียนไม่เก่งเหมือนอ่านค่ะ...อิอิ...
แต่ว่าเวลาอ่านอะไรแบบนี้ต้องหาอะไรมาทำให้ตัวเองหัวเราะได้ก่อนนะคะ
ไม่งั้นไม่เข้าหัว อ่านไปมึนไปว่างั้นค่ะ เลยเลือกนิทาน อ่านแล้วมันน่ารักดี
ไม่ต้องคิดมากเท่าไหร่ อ่านเพื่อผ่อนคลายน่ะค่ะ...
(ยิ่งตอนที่ต้องติดแหง็กอยุ่กับที่แบบนี้ การอ่านนี่แหล่ะค่ะที่ผลาญเวลาชั้นดี...)

แต่เห็นอีกอย่างนึงตอนนี้ นั่งฟังบรรยายของบรรดาอ.หลายๆท่าน
เกี่ยวกับศาสนา มีมุกฮาๆทำให้ฟังไปซึมซับความรู้ไปโดยไม่รู้ตัวค่ะ
เพลินเชียว...แต่มีอย่างเดียวที่ตอนนี้อ่านไม่จบสักที อ่านผิดบ้างถูกบ้าง
ไม่เข้าใจบ้าง นั่นคือ...อัลกุรอานค่ะ...แต่ไม่มีคนสอนให้อ่าน
อาศัยฟังเอาก็ไม่ค่อยได้เรื่องเอาเสียเลย...อินชาอัลลอฮฺ
จะพยายามต่อไปเท่าที่สามารถทำได้ค่ะ...
สิ่งหนึ่งที่ได้จากการเรียนรู้คือต้องเรียนรู้ต่อไปค่ะ...

ร่ายซะยาวตามเคย...ไม่เคยเขียนอะไรสั้นๆกับเขาได้สักที...อิอิ...

หากทำให้ก๊ะตาลายรึไม่สบายใจ มะอัฟด้วยนะคะ...

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^____________^
   
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged