ผู้เขียน หัวข้อ: หุกุมของบัสมะละฮฺกับมุมมองที่แตกต่างของอุลามาอฺ  (อ่าน 4406 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด



บิสมิลลาฮิรเราะฮฺมานิรเราะฮฺฮีม

กระผมได้ย่อและฝึกแปลบางส่วนของตัฟซีร อัลอะฮฺกามของเชค มุฮัมหมัดอาลี อัซซายิส ซึ่งเป็นหนังสือเรียนปีหนึ่งของอัซฮัรครับ

بسم الله الرحمن الرحيم

معنى الاستعاذة ความหมายของการอิสติอาซะฮฺ

(أعوذ بالله من الشيطان الرجيم)

أعوذ : أستجير.  ฉันขอคความคุ้มครอง

الشيطان : المتمرد من الإنس والجن والدواب ، بدليل قوله تعالي :
{وَكَذَلِكَ جَعَلْنَا لِكُلِّ نِبِيٍّ عَدُوّاً شَيَاطِينَ الإِنسِ وَالْجِنِّ }[الأنعام 112 ]

ชัยตอน คือ ผู้ที่ฝ่าฝืนจากมนุษย์ ยิน และสัตว์พาหนะ จากหลักฐานที่พระองทรงตรัสว่า และเช่นนั้นแหละ เราได้ให้นบีทุกคนมีศัตรู พวกเขาคือบรรดาชัยตอน มนุษย์ และยิน .

وقول عمر رضى الله عنه وقد ركب برذونا فتبختربه ((لقد حملتنى على شيطان ، والله لقد أنكرت نفسي))

และคำกล่าวของท่านอุมัร รอดิยัลลอฮุอันฮู ซึ่งท่านได้ขี่ม้าบัรซูน แล้วท่านได้รึสึกหยิ่งด้วยกับม้านั้น ท่านก็ได้กล่าวว่า แท้จริงแล้วฉันได้ถูกแบกไว้บนชัยตอน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า

ฉันรังเกียจตัวเองซะเหลือเกิน(ท่านอิบนุกะษีรได้กล่าวเรื่องนี้ไว้ในตัฟซีรของท่าน๑/๑๗ ด้วยสายรายงานที่ศอฮีฮฺ)

الرجيم : بمعنى مرجوم  รอยีมหมายถึงถูกขว้าง
و الشيطان مرجوم إذ هو مرمى باللعن والسب .

และชัยตอนถูกขว้าง คือเขานั้นถูกขว้างด้วยการสาบแช่งและการด่า

والمعنى : أستجير بالله من الشيطان الملعون المذموم أن يغوينى ويضنى.

และความหมายก็คือ ฉันขอความคุ้มครองด้วยอัลลอฮฺให้พ้นจากชัยตอนผู้ถูกสาปแช่ง ผู้ที่มีความผิด ที่จะทำให้ฉันหลงผิด และหลงทาง.




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 19, 2009, 04:49 AM โดย bashir »
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด



قول فى البسملة 

ทัศนะในบัสมะละฮฺ(บัสมะละฮฺคือ คำย่อของ บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรเราะฮีม)

{ بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ }

อุลามาอฺมีความเห็นพร้องกันว่า บัสมะละฮฺนั้น เป็นบางอายะฮฺของ ซูเราะตุลนัมลฺ แต่ บรรดา กุรรอฺ(นักอ่าน) และอุลามาอฺ มีความเห็นที่แตกต่างกันในบัสมะละฮฺ ว่า เป็นอายะฮฺหนึ่งของ

อายะฮฺแรกในซูเราะฮฺฟาติฮะฮฺ หรือไม่? และเป็นอายะฮฺแรกของทุกๆซูเราะฮฺหรือไม่?

และเราจะกล่าวถึงทัศนะต่างๆที่แตกต่างกัน และการยึดหลักฐานของทุกกลุ่ม.

ได้มีการเขียน(อัลกุรอ่าน)มุฮัฟอัลอีหม่ามและได้มีการเขียนบัสมะละฮฺในตอนเริ่มซูเราะฮฺฟาติฮะฮฺ และในทุกการเริ่มซูเราะฮฺเว้นแต่ซูเราะฮฺบะรออะฮฺ

และได้มีการเขียนบัสมะละฮฺเช่นกันในมะซอฮิฟ อัลอัมซอร ที่ได้นำมาจากมุซฮัฟอัลอีหม่าม และได้มีการเขียนกันอย่างตะวาตุร(อย่างมาก)ในการเขียนบัสมะละฮฺในการเริ่มซูเราะฮฺ

พร้อมกับความรู้ที่ว่าพวกเขานั้นจะไม่เขียนสิ่งใดในมุสฮัฟในสิ่งที่ไม่ใช่อัลกุรอ่าน และปรากฏว่าพวกเขาแน้นหนักในสิ่งนั้น จนกระทั้งว่าพวกเขาได้ห้ามการเขียนชื่อของซูเราะฮฺต่างๆ

และด้วยกับสาเหตุนี้แหละที่ท่านอิหม่ามชาฟิอีรอดิยัลลอฮุอันฮู

และผู้มีความเห็นตรงกับท่านนั้น ถือว่า { بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ }

เป็นอายะฮฺหนึ่งของซูเราะฮฺฟาติฮะฮฺและทุกๆซูเราะฮฺที่ได้มีการเขียนบัสมะละฮฺไว้ และท่านก็ได้ยึดแน่นกับทัศนะนี้ด้วยกับหลักฐานจากหะดีษต่างๆที่บ่งบอกว่าบัสมะละฮฺนั้นเป็นอายะฮฺหนึ่งของ

อัลฟาติฮะฮฺ และเราถือว่าเพียงพอที่จะนำเสนอบางส่วนเท่านั้น

روى عبد الحميد بن جعفر ، عن نوح بن أبى بلال ، عن سعيد المقبرى عن أبى هريرة عن النبى صلى الله عليه وسلم أنه كان يقول: {الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ } سبع آيات إحداهن{ بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ }.

มีรายงานจาก อับดุลฮามีด บิน ยะอฺฟัร จากนูฮฺ บินอะบี บิลาล

จากซะอีด อัลมักบะรี่ จาก อะบีฮุรอยเราะฮฺ จากท่านนบี ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ปรากฏว่าว่าแท้จริงท่านได้กล่าวว่า

{الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ } 
เจ็ดอายะฮฺหนึ่งในนั้นก็คือ{ بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ }.

وأخرج ابن خزيمة فى صحيحه عن  أم سلمة أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قرأ البسملة فى أول الفاتحة فى الصلاة وغيرها آية ، فى أسناده عمر بن هارون البلخى وفيه ضعف ، وحديث أبي هريرة المتقدم  روى مرفوعا وموقوفا وفيه اضطراب فى السند وفى رفعه إلى رسول الله صلى الله عليه وسلم

และท่านอิบนุคุซัยมะฮฺได้รายงานไว้ในซอฮีฮฺของท่าน จากอุมซะละมะฮฺ แท้จริงท่านรอซูลลุลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อ้านบัสมะละฮฺเป็นอายะฮฺหนึ่งในตอนเริ่มฟาติฮะฮฺ

ในการละหมาดหรืออื่นจากการละหมาด .

ในสายรายงานนี้มี อุมัร บินฮารูน อัลบัลคี ซึ่งเขานั้นอ่อน

และหะดีษอบีฮุรอยเราะฮฺที่ผ่านมา มีการรายงานที่ มัรฟูอฺ และมัวกูฟ และมีการอิดติรอบในสายรายงาน และได้มาการยกไปยังท่านรอซูลลุลลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

 وروى الترمذي وأبوداود عن ابن عباس رضى الله عنهما أنّ رسول الله صلى الله عليه وسلم كان يفتتح الصلاة ب{ بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ }. قال ترمذي : وليس إسناده بذالك.

และได้มีรายงานของท่านติรมีซี และอบูดาวุด จากอิบนุอับบาส รอดิยัลลอฮฺอันฮุมา แท้จริงท่านรอซูลลุลลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เริ่มการละหมาด ด้วยกับ { بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ }

ท่านติรมีซีได้กล่าวว่า สายรายงานไม่ได้เป็นเช่นนั้น

وأخرج البخاري عن أنس رضى الله عنه أنه سئل عن قراءة رسول الله
صلى الله عليه وسلم  فقال : كانت قراءته مدا . ثم قرأ : بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ {1} الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ {2} الرَّحْمـنِ الرَّحِيمِ {3} مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ {4} وقال دارقطنى : إسناده صحيح .

ท่านบุคอรีได้รายงานไว้จากท่านอนัส รอดิยัลลอฮุอันฮู  ว่าท่านอนัสได้ถูกถามถึงการอ่านของท่านรอซูลุลลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วท่านอนัสก็กล่าวว่า

การอ่านของท่านนบีได้อ่านยาว

แล้ะท่านอนัสก็อ่าน بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ {1} الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ {2} الرَّحْمـنِ الرَّحِيمِ {3} مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ {4}

ดารุกุตนีกล่าวว่า สายรายงานซอฮีฮฺ

และด้วยกับสิ่งนั้น จำเป็นที่ผู้นำท่านอื่นๆจะต้องกล่าวเหมือนอิหม่ามชาฟิอี และสิ่งนั้นเป็นแนวทางของชาวกุรอ่านที่ได้รับรู้ในระหว่างสองด้านของมุซฮัฟ(อัลกุรอ่าน)

ว่านี้คืออายะฮฺนี้ของซูเราะฮฺนี้ และนั้นจากนั้น.

นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด


แต่ทว่า อิหม่ามมาลิก รอฮิมะฮุลลอฮฺ ได้รับรู้ถึงทัศนะของชาวมะดีนะฮฺ ว่า พวกเขาไม่อ่านบัสมะละฮฺ ในการละหมาดของพวกเขาในมัสยิดมะดีนะฮฺ และการกระทำนั้นได้ดำเนินมาในสมัย

ของท่านนบีซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จนถึงในสมัยของอิหม่ามมาลิก รอฮิมะฮุลลอฮฺ พร้อมกับการที่ท่านได้ยกหลักฐานถึงการวายิบที่จะต้องอ่านฟาติฮะฮฺในการละหมาด

 ซึ่งถ้าหากว่าบัสมะละฮฺเป็นอายะหนึ่งของฟาติฮะฮฺก็จำเป็นที่เขาจะต้องอ่านพร้อมกับฟาติฮะฮฺในละหมาด.

และได้ถูกทำให้แข็งแรงในทัศนะของอิหม่ามมาลิกจากหลายๆหะดีษ

ที่ทำให้เข้าใจได้ว่าบัสมะละฮฺไม่ใช่อายะฮฺหนึ่งของฟาติฮะฮฺ

หรือเป็นอายะแรกของซูเราะฮฺต่างๆ เราขอนำเสนอให้กับท่านบางส่วนจากหะดีษต่างๆ.

ได้มีมาในซอฮีฮฺมุสลิมจากท่านหญิงอาอิชะฮฺรอดิยัลลอฮุอันฮา นางได้กล่าวว่า ปรากฏว่าท่านรอซูลลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้เปิดการละหมาดด้วยกับการตักบีร

และอ่านด้วยกับ الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ  .

และในซอฮีฮฺทั้งสอง จากท่านอนัสได้กล่าวว่า ฉันได้ละหมาดหลังท่านนบีซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และอบูบักร และ อุมัร และ อุษมาน

ซึ่งพวกเขาได้เปิดการละหมาดด้วยกับ الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ.

และรายงานโดยมุสลิมด้วยคำว่า

”พวกเขาไม่กล่าวว่า بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ

ในตอนเริ่มอ่านหรือในตอนท้ายของการอ่าน.

และจากหลักฐานที่ว่าบัสมะละฮฺไม่ใช่อายะฮฺหนึ่งของซูเราะฮฺฟาติฮะฮฺ حديث سفيان بن عيينة عن العلاء بن عبد الرحمن عن أبيه عن أبي هريرة أن النبي صلى الله عليه وسلم قال : قال الله تعالى : (( قسمت الصلاة بينى

 وبين عبدى نصفين ، فنصفها لى ونصفها لعبدى ما سأل ، فإذا قال : الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ ،  قال : حمدني عبدي ، وإذا قال : الرَّحْمـنِ الرَّحِيمِ ، قال مجدني عبدى، وإذا قال مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ ،قال فوض إلى عبدى، وإذا قال : إِيَّاكَ نَعْبُدُ وإِيَّاكَ

 نَسْتَعِينُ ، قال: هذا بيني وبين عبدي ولعبدي ماسأل، فيقول عبدى  اهدِنَــــا الصِّرَاطَ المُستَقِيمَ   إلى أخرها، قال لعبدى ما سأل.

หะดีษจากท่านซุฟยาน บิน อุยัยนะฮฺ จากท่าน อะลาอฺ บิน อับดุรเราะฮฺมาน จากพ่อของเขา จากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ

แท้จริงท่านนบีซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า อัลลอฮฺตะอาลากล่าวว่า ฉันได้แบ่งการละหมาดระหว่างฉัน และบ่าวของฉันอย่างละครึ่ง ครึ่งนึงเป็นของฉัน และอีกครึ่งนึงแก่บ่าวของฉัน

 และสำหรับบ่าวของฉันก็ตามแต่ที่เขาขอ

และหากบ่าวกล่าวว่า الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ

พระองค์ก็ได้กล่าวว่า บ่าวของฉันได้สรรเสริญฉัน

และหากบ่าวกล่าวว่า  الرَّحْمـنِ الرَّحِيمِ

พระองก็ได้กล่าวว่า บ่าวของฉันได้มอบหมายแก่ฉัน

และหากบ่าวกล่าวว่า  إِيَّاكَ نَعْبُدُ وإِيَّاكَ نَسْتَعِين

พระองค์ก็ได้กล่าวว่า นี่คือระหว่างฉันและบ่าวของฉัน และสำหรับบ่าวของฉันตามแต่ที่เขาขอ

และบ่าวของฉันก็กล่าวว่า اهدِنَــــا الصِّرَاطَ المُستَقِيمَ  จนกระทั้งจบ

พระองค์ก็ได้กล่าวว่า สำหรับบ่าวของฉันตามที่เขาขอ.

เช่นนั้นแหละที่อิหม่ามมาลิก รอฮิมะฮุลลอฮฺ ได้เข้าใจหะดีษต่างๆนี้ว่า บัสมะละฮฺไม่ได้เป็นอายะฮฺหนึ่งของฟาติฮะฮฺ และเขาตีความว่า การเขียนในตอนเริ่มของซูเราะฮฺต่างๆนั้น เป็นไปตาม

คำสั่ง ในการขอให้เขียนบัสมะละฮฺ และเป็นการเริ่มในทุกๆการงาน และก็คือแม้ว่าจะมีการเขียนกันอย่างตะวาตุร(มากมาย)ในตอนเริ่มของซูเราะฮฺต่างๆ

แต่ก็ไม่ได้ตะวะตุรว่าบัสมะละฮฺนั้นเป็นกุรอ่านในตอนเริ่มต้นของซูเราะฮฺต่างๆ.

นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ยังไม่จบครับ อินชาอัลลอฮฺแปลเสร็จแล้วจะเอามาลงต่อ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
ญาซากัลลอฮูค็อยรอน 
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ตอนนั้นอนัสยังเด็กอยู่ ละหมาดด้านหลังด้วยเด็กๆ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
อุลามาอฺชาฟิอี ถือว่า การที่เขาเริ่มด้วย الْحَمْدُ للّهِ หมายถึงเริ่มด้วยซูเราะ อัลฟาติฮะฮฺ ไม่ได้หมิายความว่าไม่ได้อ่านบัสมะละฮฺ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด




ส่วนทัศนะของมัซฮับฮะนะฟีนั้น พวกเขาถือว่าบัสมะละฮฺที่เขียนอยู่ในมุซฮัฟนั้นบ่งบอกถึงอัลกุรอ่าน

 แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงว่าเป็นบางส่วนของซูเราะฮฺ 

ส่วนหะดีษต่างๆที่บ่งบอกว่าไม่ต้องอ่านบัสมะละฮฺในละหมาดแบบเสียงดังตอนที่อ่านพร้อมฟาติฮะฮฺ

 บ่งบอกให้เห็นว่าบัสมะละฮฺนั้นไม่ใช่อายะฮฺหนึ่งของฟาติฮะฮฺ

ซึ่งพวกเขาได้ตัดสินว่าบัสมะละฮฺนั้นคืออายะฮฺหนึ่งของอัลกุรอ่านอย่างสมบูรณ์อื่นจากซูเราะฮฺนัมล ถูกส่งลงมาเพื่อแยกระหว่างซูเราะฮฺต่างๆ

และด้วยเหตุนี้จึงมีหะดีษที่ได้บ่งบอกซึ่งรายงานจาก อบูดาวุด ด้วยกับสายรายงานที่ซอฮีฮฺ จาก อิบนุอับบาส รายงานว่า

 ปรากฎว่าท่านรอซูลุลลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่รู้การแบ่งระหว่างซูเราะฮฺ จนกระทั้ง بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ ได้ถูกประทานมายังท่าน

และท่านอิหม่ามหากิมได้รายงานหะดีษนี้ไว้ในมุสตัดร็อก.

และนี้คือทัศนะที่ใกล้เคียง(เป็นทัศนะที่มุอัลลิฟ ผู้เขียน ได้ตัรยีฮฺ)

และได้มีความแตกต่างถึงหุกุมในการอ่านบัสมะละฮฺในละหมาด

อิหม่ามมาลิกรอฮิมะฮุลลอฮฺถือว่าห้าม(แบบมักรูฮฺ)อ่านในละหมาดมักตูบะฮฺ(ละหมาดฟัรดู)ทั้งเสียงดังและเสียงเบา ไม่ต้องอ่านในตอนเริ่มฟาติฮะฮฺ

หรือตอนอ่านซูเราะฮฺด้วยเช่นกัน

แต่อนุญาติให้อ่านในละหมาดนาฟิละฮฺ(ละหมาดสุนัดทั้วไป)

ส่วนอิหม่ามอบูหะนีฟะฮฺถือว่าให้อ่านบัสมะละฮฺแบบเบาๆพร้อมกับการอ่านฟาติฮะฮฺในทุกรอกะอะฮฺ

 และได้ถูกรายงานว่าท่านนั้นอ่านเฉพาะรอกะอะฮฺแรกเท่านั้น

ส่วนทัศนะของอิหม่ามชาฟิอีและอิหม่ามอะฮฺหมัดนั้นวายิบที่ต้องอ่านในละหมาด  ในการอ่านเสียงดัง(ส่งเสริม)ให้อ่านเสียงดัง

 และเสียงเบาก็(ส่งเสริม)ให้อ่านเสียงเบา.

ส่วนสาเหตุที่มีความแตกต่าง ดังที่เราได้กล่าวมาแล้วว่า

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ เป็นอายะฮฺหนึ่งของอายะฮฺหนึ่งของการเริ่มต้นฟาติฮะฮฺ และการเริ่มต้นของการเริ่มต้นทุกซูเราะฮฺหรือไม่

และอีกสิ่งหนึ่งก็คือความแตกต่างของอาษาร(หะดีษ)ในเรื่องนี้

แล้วใครก็ตามที่ถือว่าบัสมะละฮฺเป็นอายะฮฺหนึ่งของฟาติฮะฮฺ และทุกๆซูเราะฮฺ เช่นอิหม่ามชาฟิอี  ก็ถือว่าจำเป็น(วายิบ)ที่จะต้องอ่านพร้อมกับฟาติฮะฮฺ
 
และใครก็ตามที่ถือว่าบัสมะละฮฺนั้นไม่ใช่อายะฮฺหนึ่งของฟาติฮะฮฺ พร้อมกับยึดหะดีษต่างๆ ที่บ่งบอกว่าไม่มีการอ่านบัสมะละฮฺในละหมาด

 เขาถือว่าห้ามที่จะอ่านในละหมาด เช่นอิหม่าม มาลิก

และใครที่เห็นว่า บัสมะละฮฺนั้น ไม่ได้เป็นอายะฮฺหนึ่งของฟาติฮะฮฺ

แต่ว่าเขานั้นถือว่าได้มีหะดีษต่างๆศอฮีฮสำหรับพวกเขาที่บ่งบอกว่ามีการอ่านบัสมะละฮฺ แบบเบาๆ

เขาจึงถือว่าต้องอ่านบัสมะละฮฺ แบบเบาๆ เช่น อิหม่าม อะบูหะนีฟะฮฺ รอฮิมะฮุลลอฮฺ.

فأماالآثار التى تدل على إسقاط البسملة

ส่วนอาษาร ที่บ่งบอกถึงการไม่นับบัสมะละฮฺ ส่วนหนึ่งก็คือจากหะดีษ อิบนุ มุฆอฟฟัล กล่าวว่า “พ่อของฉันได้ยิน ว่าฉันอ่าน بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ

แล้วพ่อของฉันก็กล่าวว่า  โอ้ลูกของฉัน เจ้านั้นต้องระวังการอุตริ เพราะว่าแท้จริงแล้ว

ฉันได้ละหมาดพร้อมกับท่านรอซุลลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และอบูบักร และอุมัร  แล้วฉันไม่เคยได้ยินคนใดที่อ่านบัสมะละฮฺ”

ท่านอบูอุมัรบินอับดิลบัรกล่าวว่า ((อิบนุ มุฆอฟฟัล เป็น ผู้ชายที่ไม่ถูกรู้จักمجهول))

และบางส่วนจากอาษาร ในรายงานของมาลิก จากหะดีษ อะนัส เขานั้นได้กล่าวว่า ฉันได้ลุกขึ้นหลัง อบูบักร อุมัร อุสมาน รอฎิยัลลอฮุอันฮุม

 ซึ่งพวกเขาทุกคนเมื่อเริ่มละหมาดไม่ได้อ่าน بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ    .

อบูอุมัรกล่าวว่า แท้จริงอะฮฺลุลฮะดีษกล่าวถึงหะดีษอนัสนี้ว่า การนำรายงานนั้นมุดตอริบمضطرب  เป็นมุดตอริบที่ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้

ก็เนื่องจากว่า บางครั้งเขารายมัรฟูอฺไปยังท่านนบีซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

และบางครั้งรายงานไม่ได้มัรฟูอฺ และบางครั้ง มีอุษมาน และบางครั้งไม่มีอุษมาน และจากพวกเขากล่าวว่า

 พวกเขาอ่านبِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ และจากพวกเขากล่าวว่า พวกเขาไม่อ่าน بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ

และจากพวกเขาได้รายงานด้วยกับคำที่ว่า พวกเขาไม่อ่านเสียงดังด้วยกับبِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ

ส่วนหะดีษที่ค้านกับหลักฐานนี้ คือหะดีษของท่านนะอีม บิน อับดุลลอฮฺ อัลมุจยมัร ซึ่งกล่าวว่า “ฉันได้ละหมาดหลังอบีฮุรอยเราะฮฺ

แล้วเขาก็อ่าน بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ ก่อนการอ่านอุมมุลกุรอ่าน(ฟาติฮะฮฺ) และก่อนอ่านซูเราะฮฺ และทำการตักบีรเมื่อก้มลง และลุกขึ้น 

และกล่าวว่า ฉันนั้นใกล้เคียงกับท่านรอซูลุลลอฮฺในการละหมาด มากกว่าพวกท่าน.

และจากอะษารหนึ่ง หะดีษที่รายงานโดย อิบนุอับบาส ว่าปรากฎว่าท่านรอซูลุลลอฮฺได้อ่านเสียงดังด้วยกับبِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ

และอีกหะดีษหนึ่ง เป็นหะดีษของอุม ซะละมะฮิ นางได้กล่าวว่า ประกฎว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ได้อ่าน بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِِ
الْحَمْدُ للّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ  .


นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam
ต้องอ่านโดยใช้ความพยายามพอสมควร เพราะศัพท์เทคนิคเยอะ แต่ก็ได้ความรู้มากขึ้น
ตามเนื้อหาข้างต้น บางรายงานก็บอกว่า ท่านนะบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อ่านบิสมิลลาฮฺ บางรายงานก็ว่าไม่อ่าน
เป็นไปได้ไหมว่า ท่านทำไว้หลายรูปแบบเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับประชาชาติของท่าน
เคยอ่านหนังสือนานมาแล้วว่า ท่านอีหม่ามชาฟิอีย์ อ่านบิสมิลลาฮ์ทุกครั้งที่นำผู้ตามที่เป็นสานุศิย์ของท่าน แต่บางครั้งถ้าผู้ตามมิได้ยึดตามการตีความของท่าน ท่านก็จะให้เกียรติความเห็นของเขาด้วยการไม่อ่านบิสมิลลาฮฺ(ให้ได้ยิน)
สังเกตกุรฺอานที่ตีพิมพ์รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ก็ไม่เหมือนกัน บางเล่มก็ใส่เลข 1 ไว้หลังบิสมิลลาฮ์ของสูเราะฮฺฟาติหะฮฺ บางเล่มก็ไม่ใส่ ไปใส่เลข 1 ไว้ท้ายอายะฮฺ อัลฮัมดุลิลลาฮิร็อบบิลอาละมีน โดยเฉพาะกุรฺอานที่พิมพ์แบบรีซัมอุสมานียฺ
ส่วนบิสมิลลาฮฺที่พิมพ์ไว้ต้นสูเราะฮฺอื่น ๆ นั้น ไม่มีเลข 1 กำกับ ไม่ว่าจะเป็นรีซัมบัฆดาดียฺหรืออุสมานียฺ
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่เพิ่มขึ้น
แชมัด

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ที่ผมนำเสนอมาก็เพื่อให้เห็นว่า การแตกต่างของอุลลามาอฺเป็นเรื่องปรกติ และทุกท่านนั้นมีหลักฐานทั้งนั้น

แต่หากใครก็ตามที่คิดว่าอิหม่ามทั้งสี่ตัดสินหุกุมขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่ได้มีหลักฐานนั้น และยึดติดกับหัวใจเช่นนั้นแล้ว เขานั้นฟาซิก

เพราะอุลามาอฺนั้นไม่ได้คิดหุกุมขึ้นมาลอยๆครับ

และดีใจที่มีคนอ่านครับ เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นหลักศูตรปี1ของอัซฮัร ซึ่งผมกำลังใช้เรียนอยู่

เลยแปลมา จะได้จำๆหน่อย
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ wahaba

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 219
  • สร้างรูปร่างให้พระเจ้าคือความเชื่อของวะฮาบีและยิว
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam เป็นความรู้มากครับ    แตกต่างแต่ไม่แตกแยก   mycool:

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 mycool: mycool: mycool:

นำเสนอต่อไปนะคะน้องบาซิร


ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam  ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนคับ..บังบาชิร  ผมได้กอ็บมาจากเวปๆหนึ่งที่พวกเขายืนยันว่า บิสมินละนั้นไม่จำเป็นต้องอ่านและจะไม่อ่านดังไม่ว่าเวลาไหนๆ
فائدة :

لَيْسَتْ الْبَسْمَلَةُ آيَةً مِنْ أَوَّلِ كُلِّ سُورَةٍ سِوَى الْفَاتِحَةِ بِلَا نِزَاعٍ قَالَ الزَّرْكَشِيُّ وَغَيْرُهُ : وَلَا خِلَافَ عَنْهُ نَعْلَمُهُ أَنَّهَا لَيْسَتْ آيَةً مِنْ أَوَّلِ سُورَةٍ إلَّا فِي الْفَاتِحَةِ وَجَزَمَ بِهِ فِي الْفُرُوعِ ، وَالرِّعَايَةِ ، وَابْنُ تَمِيمٍ ، وَغَيْرُهُمْ
.

บิสมิลลาฮฺนั้นไม่ใช่อายะฮฺหนึ่งจากต้นสูเราะฮฺต่างๆ ยกเว้น "สูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ" โดยไม่มีข้อขัดแย้ง อัซซัรกะชีย์ และคนอื่นๆ กล่าวว่า : "และไม่มีข้อขัดแย้งในรายงานจากท่าน (อิหม่ามอะหฺมัด) ที่เราทราบ ว่ามัน (บิสมิลลาฮฺ) ไม่ใช่อายะฮฺในต้นสูเราะฮฺต่างๆ นอกจากในต้นสูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ และเจ้าของหนังสืออัลฟุรูอฺ หนังสืออัรริอายะฮฺ อิบนุตะมีม และคนอื่นๆก็กล่าวเช่นนั้นเช่นเดียวกัน"


تَنْبِيهٌ : ظَاهِرُ قَوْلِهِ ( وَلَا يَجْهَرُ بِشَيْءٍ مِنْ ذَلِكَ ) أَنَّهُ لَا يَجْهَرُ بِالْبَسْمَلَةِ سَوَاءٌ قُلْنَا هِيَ مِنْ الْفَاتِحَةِ أَوْ لَا ، وَهُوَ صَحِيحٌ ، وَصَرَّحَ بِهِ الْمَجْدُ فِي شَرْحِهِ ، وَقَالَ : الرِّوَايَةُ لَا تَخْتَلِفُ فِي تَرْكِ الْجَهْرِ ، وَإِنْ قُلْنَا هِيَ مِنْ الْفَاتِحَةِ.

หมายเหตุ : จากประโยคที่ (เจ้าของมะตันมุกนิอฺนั่นคือท่านอิบนุกุดามะฮฺ) กล่าวว่า "และไม่ต้องอ่านออกเสียงสิ่งเหล่านั้น (อะอูซุบิลลาฮฺ และบิสมิลลาฮฺ) แต่อย่างใด" เข้าใจได้ว่า ไม่ต้องอ่านบิสมิลลาฮฺเสียงดัง ไม่ว่าเราจะกล่าวว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของฟาติหะฮฺหรือไม่ก็ตาม" ซึ่งนี่คือทัศนะที่ถูกต้อง เป็นทัศนะที่ท่านอัลมัจญด์กล่าวถึงในชัรหฺของท่าน และท่านกล่าวว่า "รายงาน (จากอิหม่ามอะหฺมัด) ไม่มีข้อขัดแย้งว่า ไม่ต้องอ่าน (บิสมิลลาฮฺ) เสียงดัง แม้ว่าเราจะกล่าวว่ามันคือส่วนหนึ่งของฟาติหะฮฺก็ตาม"



وَصَرَّحَ بِهِ ابْنُ حَمْدَانَ ، وَابْنُ تَمِيمٍ ، وَابْنُ الْجَوْزِيِّ [ وَصَاحِبُ التَّلْخِيصِ ] وَالزَّرْكَشِيُّ ، وَغَيْرُهُمْ وَقَدَّمُوهُ ، وَعَلَيْهِ الْجُمْهُورُ .

และนี่ก็เป็นทัศนะของ อิบนุหัมดาน อิบนุตะมีม อิบนุลเญาซีย์ (และเจ้าของหนังสืออัตตัลคีศ) อัซซัรกะชีย์ และคนอื่นๆ โดยที่พวกเขาต่างให้น้ำหนักทัศนะดังกล่าว และมันคือทัศนะของอุละมาอ์ส่วนใหญ่ (จากมัซฮับหัมบะลีย์)
จาก อัลอินศอฟ ของอัลมิรดาวีย์ เล่ม 2 หน้า 37 พิมพ์อิหฺยาอุตตุรอษ อัลอะเราะบีย์ ปี 1419 (ตำราอันดับต้นๆที่เอาไว้เช็คทัศนะที่มุอฺตะมัดของมัซฮับหัมบะลีย์)


 hihi:สิ่งที่ผมนำมาข้างบนนั้นรบกวนคุณบาขิรวิจารณ์ด้วยครับ  คือผมสับสนครับกับ เหตุผลและคำอธิบายของพวกเขา party:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 20, 2009, 09:29 PM โดย al-ciddix »

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
มันมีหลักฐาน อื่นๆ มาเกี่ยวข้องน่ะครับ
ผมเองจะมาช่วยนำเสนอให้ และก็จะพยายาม ไม่พาดพิงถึงผู้อื่น
เน้นวิชาการ...

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ในวิทยะลัย ครูที่สอนเขาอยู่มัสฮับมาลิกี

และมีนักเรียนถามว่า อะไรคือหุกุมของการอ่านดุอาอิฟติตาฮฺ

ครูบอกว่า มักรูฮฺ และบางทัศนะถือว่าอนุญาติ ที่กล่าวมาคือมัสฮับมาลิกี

นักเรียนที่ถามเลยงง

ว่ามุกรูฮด้วยอะนะ นึกว่าจะตอบว่าสุนนะฮฺสะอีก

ผมก็งง แต่ก็นึกออกแล้วว่า ขนาดบัสมะละฮฺในฟัรดู ยังมักรูฮฺเลย
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

 

GoogleTagged