ผู้เขียน หัวข้อ: อัลหะะดิษ  (อ่าน 4456 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ +Kamarutdin+

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อัลหะะดิษ
« เมื่อ: พ.ค. 04, 2007, 06:50 PM »
0

...อัสลามมุอลัยกุมฯ พี่น้องน้องร่วมศรัทธา ชาว sunnahstudents.com ทุกท่าน ครับ...

   วันนี้ได้รับ E-mail จากเพื่อนสมาชิกของเราใน sunnahstudents.com นามว่า sareeyah เป็น E-mail ที่ได้รวบรวม อัลหะดิษไว้จำนวนหนึ่ง ทางคุณ sareeyah เห็นว่ามีประโยชน์ จึงอยากให้พี่น้องของเราได้ศึกษากัน ผมเมื่อได้รับอะมานะฮุมาก็ยินดีมาก เพราะเห็นว่ามีประโยชน์ต่อพี่น้องของเรา จึงใคร่ขออนุญาตินำเสนอเพื่อพี่น้องของเรา ถ้าหากพี่น้องท่านใดจะเสริม เพิ่มเติม หรือ แนะนำ อะไร ตัวกระผมเองยินดีมากๆครับ...

...ขออัลลอฮุทรงตอบแทนคุณ sareeyah ด้วยเทอญ อามีน...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 04, 2007, 07:27 PM โดย +Kamarutdin+ »
.....เมื่อใครคนหนึ่งซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ในหัวใจของเขา  ลิ้นของเขาก็จะชี้ให้ และ สีหน้าของเขาก็เปิดมันออกมา จงอย่าเป็นทาสของผู้ใดนอกจากตัวท่านเอง เพราะ อัลลอฮุ ได้ทำให้ท่านเกิดมาเป็นอิสระ.....

ออฟไลน์ +Kamarutdin+

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 60
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลหะะดิษ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พ.ค. 04, 2007, 07:18 PM »
0
อัลฮะดิษ

" พึงทราบเถิดว่า ในร่างกายนั้นมีเนื้อก้อนหนึ่ง เมื่อมันดีร่างกายนั้นก็ดีด้วย แต่เมื่อมันเสีย ร่างกายก็เสียด้วย เนื้อก้อนนั้นก็คือหัวใจ " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" หากพวกท่านรู้ในสิ่งที่ฉันรู้ แน่นอนพวกท่านจะหัวเราะแต่เพียงน้อย และจะร้องไห้อย่างมากมาย "
(บุคอรีย์-มุสลิม)



" การศรัทธาของคนๆหนึ่งจะยังไม่สมบูรณ์จนกว่าเขาจะรักพี่น้อง (มุสลิม)ของเขา เช่นเดียวกับที่เขารักตัวของเขาเอง " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" จงประกอบการงานตามที่พวกท่านมีความสามารถ เพราะแท้จริง อัลลอฮฺมิทรงเบื่อจนกว่าพวกท่านจะเบื่อ และแท้จริง การงานที่อัลลอฮฺทรงรักยิ่งคือที่ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะน้อยก็ตาม " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" เมื่อใดก็ตามที่ท่านรสูลถูกให้เลือกระหว่างสองอย่าง ท่านมักจะเลือกเอาที่สะดวกและง่ายยกว่าเสมอ หากว่าสิ่งนั้นไม่เป็นบาป "(บุคอรีย์-มุสลิม)


" นมาซสุนนะฮฺสองร็อกอะฮฺก่อนนมาซศุบหฺนั้น ดีกว่าโลกนี้และสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งหมด " (มุสลิม)


" จงกล่าวว่าฉันศรัทธาต่ออัลลอฮฺ แล้วจงยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น " (มุสลิม)


" บุคคลที่อัลลอฮฺทรงบันทึกเขาทั้งสองให้เป็นผู้ที่ขอบคุณและอดทน คือคนที่มองเรื่องศาสนาของเขาแล้วเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่า แล้วเขาก็ปฏิบัติตามบุคคลนั้น และคนที่ทองโลกดุนยาของเขาแล้วเปรียบเทียบกับคนที่ด้อยกว่าแล้วเขาขอบคุณอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพให้เขาดีกว่าบุคคลนั้น " (ติรมิซีย์)


" ความโปรดปรานสองประการที่คนส่วนมากปล่อยให้สูญเปล่าไปโดยไร้ประโยชน์นั่นคือ การมีสุขภาพดี  และการมีเวลาว่าง "  (บุคอรียฺ)


" ดุนยาเป็นคุกสำหรับมุอฺมิน และเป็นสวรรค์สำหรับกาฟิรฺ " (มุสลิม)

 
" โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย จงสำนึกผิดต่ออัลลอฮฺ และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิดความจริงฉันสำนึกผิดวันหนึ่ง 100 ครั้ง " (มุสลิม)

 
" แท้จริง อัลลอฮฺไม่ทรงพิจารณาที่รูปร่างหน้าตาของพวกท่าน แต่อัลลอฮฺทรงพิจารณาที่หัวใจของพวกท่าน " (มุสลิม)


" โอ้ อัลลอฮฺ ขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจากความรู้ที่ไม่ยังประโยชน์ หัวใจที่ไม่นอบน้อม ชีวิตที่ไม่รู้จักพอและคำวิงวอนที่ถูกตอบรับ " (มุสลิม)


" อันใดที่ฉันได้ห้ามท่าน ก็จงออกห่างจากมัน และอันใดที่ฉันสั่งให้ทำก็จงปฏิบัติเท่าที่สามารถ แท้จริง บรรดาที่พินาศไปก่อนหน้าพวกท่านคือพวกที่ถามมากและพวกไม่เชื่อฟัง " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" ผู้ศรัทธาที่เข้มแข็ง ย่อมดีกว่าและเป็นที่รักของอัลลอฮฺมากกว่าผู้ศรัทธาที่อ่อนแอ " (มุสลิม)


" ถ้าท่านอยูในเวลาเย็นก็อย่ารอถึงเช้า ถ้าท่านอยู่ในเวลาเช้าก็อย่าได้รอถึงเย็น จงทำงานในขณะท่านสุขสบาย ก่อนที่ท่านจะเจ็บป่วย และจงทำอะมั้ลในชีวิตของท่านก่อนที่ท่านจะตาย " (บุคอรีย์)


" ส่วนหนึ่งของความดีจากอิสลามในคนๆหนึ่ง ก็คือ การที่เขาละทิ้งจากสิ่งไร้สาระ " (ติรฺมิซีย์)


" ส่วนหนึ่งของสัญญาณวันสิ้นโลก คือ ความรู้จะถูกถอนไป และความงมงายมีแพร่หลาย การทำชู้จะมีมากขึ้น การดื่มของมึนเมาจะมีมากขึ้น จำนวนผู้ชายจะลดลง จำนวนผู้หญิงจะเพิ่มขึ้น จนกระทั่งชายคนหนึ่งต้องเกื้อกูลหญิงห้าสิบคน " (บุคอรีย์-มุสลิม)

 
" คนกาฟิรฺทำสิ่งดี เขาจะได้รับริซกีย์จากโลกนี้ เนื่องจากสิ่งดีที่เขาได้ทำ ส่วนมุอฺมินอัลลอฮฺจะทรงสะสมบรรดาสิ่งดีๆที่เขาได้ทำให้ในอาคิเราะฮฺ และจะทรงประทานริซกีย์แก่เขาในอาคิเราะฮฺด้วย เนื่องจากเขาเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ "(มุสลิม)


" จงยำเกรงอัลลอฮฺไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด และจงตามหลังความชั่วด้วยความดี มันย่อมลบล้างได้ และจงคบเพื่อนมนุษย์ด้วยมารยาทที่ดีงาม " (ติรฺมิซีย์)


" ถ้าหากมนุษย์มีหุบเขาทองคำหนึ่งแห่ง เขาก็อยากจะมีอีกสองแห่ง และจะไม่มีอะไรเต็มปากของเขานอกจากดินเท่านั้น และอัลลอฮฺทรงให้อภัยแก่ผู้ขออภัยต่อพระองค์ "(บุคอรีย์-มุสลิม)


" อุปมาบ้านที่กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ กับบ้านที่มมีการกล่าวรำลึกนั้น อุปมัยดั่งหนึ่งคนเป็นกับคนตายกระนั้น " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" ชายคนหนึ่งถามท่านรสูลว่า ท่านมีความเห็นอย่างไร ถ้าฉันนมาซตามที่ถูกบัญญัติและถือศีลอดในเดือนรอมะฎอน ฉันทำตามในสิ่งที่อนุมัติ และละเว้นในสิ่งที่ต้องห้าม และฉันจะไม่เพิ่มเติมอื่นนอกจากนี้อีก ดังนั้น ฉันได้เข้าสวรรค์ใช่ไหม ท่านนบีตอบว่า ใช่ " (มุสลิม)


" มิใช่พวกของเรา ผู้ที่ไม่ให้เกียรติแก่ผู้ใหญ่ ไม่เอ็นดูเมตตาเด็ก และไม่รู้จักสิทธิที่ผู้รู้ควรจะได้รับ "(อะหฺมัด)


" โอ้ท่านรสูลุลลอฮฺ เราจะประสบกับหายนะด้วยหรือ ทั้งๆที่หมู่พวกเรามีคนดีอยู่หลายคน ท่านตอบว่าใช่แล้ว เมื่อความชั่วมีมาก " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" ผู้ใดก็ตามที่เรียกร้องสู่ความดี เขาจะได้รับผลบุญเช่นเดียวกับผู้กระทำความดีนั้นด้วย " (มุสลิม)


" ความเหน็ดเหนื่อย ความเจ็บป่วย ความเศร้าโศก ความเดือดร้อน ความหม่นหมอง แม้กระทั่งหนามตำ ทั้งหมดเมื่อประสบกับมุสลิม อัลลอฮฺจะทรงลบล้างความผิดให้แก่เขาด้วยสาเหตุนั้น " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" ผู้ใดขวนขวายหนทางเพื่อแสวงหาความรู้ อัลลอฮฺจะทรงให้ความสะดวกแก่เขาในหนทางไปยังสวรรค์ " (มุสลิม)


" ความแตกต่างระหว่างมุสลิมกับกาฟิรฺ คือการนมาซ ดังนั้นผู้ทิ้งนมาซ แน่นอนเขาได้เป็นกาฟิรฺแล้ว " (ติรมิซีย์)


" ผู้ใดที่อัลลอฮฺปรารถนาให้เขาได้รับความดี เขาจะถูกทดสอบให้พบกับความเดือดร้อน " (บุคอรีย์)


" ลักษณของคนมุนาฟิก มี 3 ประการคือ เมื่อเขาพูดโกหก เมื่อสัญญาเขาก็ผิดสัญญา เมื่อได้รับความไว้วางใจก็บิดพลิ้ว " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" เด็กต้องให้สลามแก่ผู้ใหญ่ก่อน ผู้เดินผ่านต้องให้สลามแก่ผู้ที่นั่งอยู่ คนกลุ่มน้อยต้องให้สลามแก่คนกลุ่มมาก และผู้ที่ขี่พาหนะต้องให้สลามแก่คนเดิน " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" ผู้ใดสร้างมัสยิดหลังหนึ่งเพื่ออัลลอฮฺ แม้จะเท่าเนื้อที่นกตัวหนึ่งวางไข่ อัลลอฮฺก็จะสร้างบ้านให้แก่เขาในสวรรค์ " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" เป็นบาปเพียงพอแล้ว สำหรับบุคคลผู้พูดทุกอย่างที่เขาได้ฟังมา " (มุสลิม)


" ไม่มีอะไรที่จะหนักตราชั่งของบ่าวในวันกิยามะฮฺ ยิ่งกว่าการมีมารยาทที่ดี และแท้จริงอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงรังเกียจผู้มีมารยาทเลวและใช้วาจาลามก " (อบูดาวูด)


" แท้จริง อัลลอฮฺจะทรงประวิงเวลาไว้สำหรับผู้อธรรม แต่เมื่อพระองค์ทรงลงโทษเขาแล้ว เขาจะไม่รอดพ้นไปได้ " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" คนที่ดีที่สุดคือ คนอายุยืนและการงานของเขาดี และคนที่เลวที่สุด คือ คนที่อายุยืนและการงานของเขาเลว " (ติรฺมิซีย์)


" พวกท่านจงอย่ากินอาหารด้วยมือซ้าย เพราะแท้จริง ชัยฏอนกินอาหารด้วยมือซ้าย " (อิบนุ มาญะฮฺ)


" เวลาที่อัลลอฮฺใกล้กับบ่าวมากที่สุดคือ ช่วงสุดท้ายของกลางคืน ดังนั้น หากท่านสามารถเป็นผู้รำลึกถึงพระองค์ในเวลานั้นได้ก็จงทำ " (ติรฺมิซีย์)


" ใกล้เข้ามาแล้วที่ประชาชาติทั้งหลาย จะรุมกินโต๊ะพวกท่าน เหมือนกับกลุ่มคนที่นั่งล้อมวงกินอาหารจากสำรับ ไม่ได้หมายความว่าพวกเรามีน้อย พวกเรามีมาก แต่เหมือนฟองน้ำที่อยู่ในทะเล ศัตรูจะไม่เกรงขาม ความอ่อนแอจะเกิดขึ้นก็คือ ความรักดุนยา และเกลียดกลัวความตาย " (อะหฺมัด)


 " ผู้ที่ถือศีลอด ผู้ที่นมาซญะนาซะฮฺ และตามไปส่งมัยยิด ผู้ที่เลี้ยงอาหารแก่คนมิสกีน ผู้ที่ไปเยี่ยมคนป่วย ผู้ใดปฏิบัติเช่นนี้ เขาก็จะเป็นชาวสวรรค์ " (มุสลิม)


" ท่านรสูลุลลอฮฺ ไม่เคยกล่าวตำหนิอาหารใดๆเลย ถ้าท่านชอบก็จะทาน ถ้าท่านไม่ชอบท่านก็จะไม่ทาน " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" มารยาท 4 ประการอันเป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการปฏิบัติของศานทูตคือ ความอาย การใช้น้ำหอม การแต่งงาน และการแปรงฟัน " (ติรฺมิซีย์)


" มุสลิมที่สมบูรณ์นั้นคือ ผู้ที่มุสลิมทั้งหลายปลอดภัยจากลิ้นและมือของเขา และผู้อพยพนั้นคือ  ผู้ที่เขาอพยพจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้าม " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" ความประพฤติที่อัลลอฮฺทรงรักมากที่สุด คือ การนมาซตรงเวลา รองลงมาคือการทำดีต่อพ่อแม่ รองลงมาคือการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ " (บุคอรีย์-มุสลิม)


" ปากกา (การจดบันทึก) จะถูกยกออกจากคน 3 คน คือจากคนนอนหลับจนกว่าเขาจะตื่น จากคนวิกลจริตจนกว่าเขาจะหาย และจากเด็กจนกว่าเขาจะบรรลุศาสนภาวะ " (อะหฺมัด)


" ช่างอัปยศสิ้นดี ที่ชายคนหนึ่งอยู่กับพ่อแม่จนกระทั่งท่านแก่ชรา แต่ท่านทั้งสองก็มิได้ทำให้เขาเข้าสวรรค์ (เพราะไม่ปฏิบัติดีต่อท่าน) " (ติรฺมิซีย์)


" ผู้ใดเลียนแบบชนกลุ่มใด เขาก็เป็นเยี่ยงชนกลุ่มนั้น " (อบูดาวูด)


" ประชาชาติของฉันทุคนจะได้เข้าสวรรค์นอกจากผู้ไม่ยอมเข้าเท่านั้น มีผู้ถามว่าโอ้รสูลของอัลลอฮฺ มีใครเล่าที่ไม่ยอมเข้าสวรรค์ ท่านตอบว่า ผู้ใดเชื่อฟังฉันได้เข้าสวรรค์ ผู้ใดดื้อคือผ่าฝืนฉัน แน่แท้เขาไม่ยอมเข้าสวรรค์ " (บุคอรีย์)


" บุคคล 2 ประเภทนี้จะถูกลงโทษในกุบูรฺคือคนที่ล้างปัสสาวะไม่เกลี้ยง และคนที่ชอบนินทาใส่ร้าย " (บุคอรีย์-มุสลิม)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 04, 2007, 07:24 PM โดย +Kamarutdin+ »
.....เมื่อใครคนหนึ่งซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ในหัวใจของเขา  ลิ้นของเขาก็จะชี้ให้ และ สีหน้าของเขาก็เปิดมันออกมา จงอย่าเป็นทาสของผู้ใดนอกจากตัวท่านเอง เพราะ อัลลอฮุ ได้ทำให้ท่านเกิดมาเป็นอิสระ.....

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อัลหะะดิษ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พ.ค. 04, 2007, 09:03 PM »
0

...ขออัลลอฮุทรงตอบแทนคุณ sareeyah ด้วยเทอญ อามีน...


ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนคุณ +Kamarutdin+ และคุณ sareeyah  ดังนั้น  เพื่อให้คุณ sareeyah ผู้ส่งมาทางอีเมล์ และคนโพสต์ คือ คุณ +Kamarutdin+ ได้รับผลบุญการตอบแทนยิ่งขึ้นไปอีก  ว่าง ๆ เราก็ช่วย ๆ กันทยอยอธิบายและขยายความหะดิษดังกล่าวทั้งหมดครับ  อินชาอัลเลาะฮ์
 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ yaseen

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 36
  • ชีวิตนักเดินทาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลหะะดิษ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พ.ค. 06, 2007, 08:24 PM »
0

ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนคุณ +Kamarutdin+ และคุณ sareeyah  ดังนั้น  เพื่อให้คุณ sareeyah ผู้ส่งมาทางอีเมล์ และคนโพสต์ คือ คุณ +Kamarutdin+ ได้รับผลบุญการตอบแทนยิ่งขึ้นไปอีก  ว่าง ๆ เราก็ช่วย ๆ กันทยอยอธิบายและขยายความหะดิษดังกล่าวทั้งหมดครับ  อินชาอัลเลาะฮ์
 


ใช่ขอรับ
เคยได้ยินถ้อยคำในแต่ละหะดิษ แต่ยังไม่ทราบที่มา หรือสถานะของหะดิษต่างๆๆ รบกวนท่าน al-azhary และพี่น้องชาวซุนนะ ช่วยแนะนำกันด้วยนะขอรับ ;)
ช่วยเติมสมองให้กบตัวน้อยๆคนหนึ่ง ;D

*********************************
ไปอ่านเจอ เลยเก็บมาฝากขอรับ  ;D ;D

อิมาม บุคอรียฺ เจ้าของหนังสือหะดีษอันดับหนึ่ง         
 
เรียบเรียงโดย อาอิช http://www.fityah.com
 

หลังจากยุคของเหล่าเศาะฮาบะฮ์ผู้ทรงเกีรยติ อิมาม บุคอรีย์นับเป็นปราชญ์ที่โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่ง  ที่ได้มอบความปลื้มปิติให้กับอุมมะฮ์อิสลาม หลักฐานอันสำคัญที่สุดในเรื่องนี้ก็คือตำรับตำราหะดีษที่ท่านได้รวบรวมไว้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ  เศาะฮีย์ อัล บุคอรีย์  อันเป็นที่ถูกยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นหนังสือที่ถูกต้องมากที่สุดรองจากอัล กุรอาน 
 
ชีวิตในวัยเด็ก

                อิมาม อบู อับดุลลอฮ์ มูฮัมมัด บิน อิสมาอีล อัล บุคอรีย์เกิดในวันที่ 13 เดือนเชาวัล ปี194 ฮิจญ์เราะฮ์ศักราช ในเมืองแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงคือเมืองบุคอรอปัจจุบันอยู่ในประเทศอุเบกิสถาน บิดาของอิมาม บุคอรีย์มีชื่อว่า อิสมาอีล บิน มุฆีเราะฮ์ อัล ญะอ์ฟีเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในวิชาหะดีษและเป็นผู้ที่มีความสมถะ อิมามบุคอรีย์ได้รับมรดกอันเป็นคุณลักษณะพิเศษในด้านความกระตือรือร้นและความเป็นเลิศในงานวิชาการ

 อิมาม บุคอรีย์ สูญเสียบิดาขณะที่อายุยังน้อย  ดังนั้นมารดาของท่านจึงรับภาระหน้าที่ทั้งหมดในการเลี้ยงดู   อิมาม บุคอรีย์กลายเป็นคนตาบอดตั้งแต่เยาว์วัย เขาได้ไปหาหมอที่มีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงในขณะนั้นแต่การรักษาของหมอกลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ  แม่ของเขาเป็นผู้เคร่งครัดในการทำอิบาดะฮ์และเป็นผู้หญิงที่มีคุณธรรมสูงส่ง นางร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อลูกของนางและได้วิงวอนให้ลูกชายสามารถมองเห็นได้ดังเดิม จนในที่สุด สายธารแห่งความเมตตาได้หลั่งไหลมายังนาง  ด้วยการที่อัลลอฮ์ทรงตอบรับการวิงวอน    ในคืนหนึ่งนางเห็นท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลามในความฝันและพูดว่า ?อัลลอฮ์ทรงทำให้การมองเห็นของลูกเธอกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้งเพราะการวิงวอนของเธอ? ในตอนเช้าเมื่ออิมาม บุคอรีย์ตื่นขึ้นมาจากที่นอน เขาสามารถมองเห็นแสงริบหรี่ 

การศึกษาขั้นพื้นฐานและความสนใจในวิชาหะดีษ

          เมื่ออิมาม บุคอรีย์อายุได้ 10 ขวบท่านจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน  ท่านได้หันมาสนใจในวิชาหะดีษและได้รับอนุญาตให้เข้าชั้นเรียนวิชาหะดีษในบุคอรอ ท่านตั้งใจเรียนอย่างแข็งขัน หนึ่งปีต่อมาท่านสามารถจดจำตัวบทและสายรายงานหะดีษได้เป็นอย่างดี จนบางครั้งครูผู้สอนยังต้องตรวจความถูกต้องของหะดีษจากท่าน อิมามบุคอรีย์สามารถศึกษาความรู้ศาสนาด้วยความฉลาดและความว่องไว เมื่ออายุครบ 16 ปีท่านสามารถท่องจำหนังสืออัลวากิ๊อฺ  ของอับดุลลอฮ์ อิบนุ มุบาร๊อก ได้ทั้งเล่ม และหนังสือเล่มอื่นๆของผู้รู้ที่เป็นสหายของอบู หะนีฟะฮ์

การเริ่มต้นในการรวบรวมหะดีษ

            เมื่ออายุได้ 18ปีอิมาม บุคอรีย์ได้เดินทางไปมักกะฮ์พร้อมกับมารดาและพี่ชายของท่านที่ชื่อ อะห์มัด  อิบนุ อิสมาอีล หลังจากเสร็จสิ้นการทำฮัจญ์ พี่ชายได้กลับไปพร้อมกับมารดาของเขาแต่อิมาม บุคอรีย์ยังคงอยู่ที่นั่นเพื่อศึกษาต่อในระดับสูง ในระหว่างนั้นท่านได้เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า เกาะฎอยา อัศ เศาะฮาบะฮ์ วัต ตาบิอีนหลังจากนั้น ได้เดินทางไปยังมะดีนะฮ์เพื่อเรียบเรียงหนังสือ อัต ตารีค อัล กะบีร อันโด่งดัง 

                 เป็นเวลาหลายปีที่อิมาม บุคอรีย์ได้ออกเดินทางไกลเพื่อเสาะหาสายรายงานหะดีษและได้เพิ่มความรู้อันมากมาย เขากล่าวว่า?เพื่อแสวงหาความรู้  ฉันเดินทางไปทั้งอียิปต์ และซีเรียสองครั้ง  บัสเราะฮ์ 4 ครั้ง  และใช้เวลา 6 ปีอยู่ที่ฮิญาซ  อีกทั้งได้ร่วมเดินทางกับอุละมาอ์หะดีษไปยังกูฟะฮ์และบัฆดาดในหลายโอกาส?

 ความจำอันยอดเยี่ยม

          อิมาม บุคอรีย์เป็นผู้ที่มีความจำที่เป็นเลิศ ราวกับว่าทั้งร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเต็มไปด้วยข้อมูล ความจำอันยอดเยี่ยมของเขา  ทำให้เรานึกถึงอบูฮุรอยเราะฮ์ รดิยัลลอฮุ อันฮุ ท่านสุไลมาน อิบนุ มุญาฮิด กล่าวว่า ?วันหนึ่ง ฉันได้นั่งร่วมกับ มุฮัมมัด อิบนุ สลาม เขากล่าวว่า ถ้าท่านมาเร็วกว่านี้หน่อย ฉันจะให้ท่านดูเด็กคนหนึ่งที่จำหะดีษถึง 70,000 หะดีษ  สุไลมานลุกขึ้นและเริ่มมองหาอิมาม บุคอรีย์ สักพักเขาก็พบอิมาม บุคอรีย์และถามว่า ?ท่านคนเดียวจำหะดีษได้ตั้ง 70,000 หะดีษเชียวหรือ?? อิมาม บุคอรีย์ตอบว่า ?ฉันได้ศึกษาหะดีษมากว่าที่ท่องจำนี้เสียอีก ฉันรู้แม้กระทั่งสถานที่เกิด ตาย และที่อยู่ของเหล่าเศาะฮาบะฮ์ได้มากที่สุดถึงบุคคลที่ถูกรายงานไว้ในหะดีษ 

                เช่นเดียวกัน มุฮัมมัด อิบนุ อัซฮัร อัส ซาญิสตานี่ กล่าวว่า ?ฉันเคยไปหาสุไลมาน อิบนุ ฮัรบ์พร้อมกับอิมาม บุคอรีย์เพื่อที่จะฟังหะดีษ ฉันบันทึกหะดีษ  แต่อิมาม บุคอรีย์กลับไม่ทำอย่างนั้น มีคนพูดกับฉันว่า? ทำไมอิมาม บุคอรีย์ถึงไม่บันทึกหะดีษลงไป??  ฉันบอกกับเขาว่า  ?ถ้าเจ้าพลาดที่จะบันทึกหะดีษใดแล้ว เจ้าสามารถเอามันจากความจำของอิมาม บุคอรีย์??

เหลียวมองชีวิตส่วนตัวของเขา

ความเรียบง่ายและความถ่อมตัว

          อิมาม บุคอรีย์เป็นคนเรียบง่ายและทำงานหนัก  ท่านมักจะทำงานต่างๆด้วยตัวท่านเอง  แม้ว่าจะมีความร่ำรวยและสถานะที่มีเกียติ    ท่านมีลูกจ้างจำนวนน้อยมากตามความจำเป็นเท่านั้นและตัวเขาไม่เคยหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้ มุฮัมมัด อิบนุ ฮาติม อัล วัรรอกซึ่งเป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของเขากล่าวว่า ?อิมาม บุคอรีย์ทำห้องเช่าใกล้กับเมืองบุคอรอและกำลังก่ออิฐด้วยมือท่านเอง ฉันรีบเร่งมาหาและกล่าวว่า  ?ท่านหยุดเถอะ ปล่อยที่เหลือให้ฉันทำเอง? แต่ท่านกลับตอบว่า  ?ในวันแห่งการตัดสินการ งานนี้จะเป็นประโยชน์กับฉัน?

         วัรรอกกล่าวต่อไปว่า ?เมื่อเราร่วมเดินทางไปกับอิมาม บุคอรีย์ ท่านจะให้พวกเราอยู่รวมกันในห้องหนึ่งส่วนตัวท่านเองจะอยู่อีกห้องหนึ่ง ครั้งหนึ่งฉันเห็นอิมาม บุคอรีย์ตื่นขึ้นมาในช่วงกลางดึกประมาณ 15-20 ครั้งและทุกๆครั้งเขาได้จุดไฟขึ้น  เขาเอาหะดีษออกมาแล้วทำเครื่องหมายไว้  หลังจากนั้นจึงวางหัวบนหมอน แล้วเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ยาว   ฉันถามท่านว่า?ทำไมท่านต้องลำบากในช่วงกลางคืนเช่นนี้ ในเมื่อท่านสามารถปลุกฉันขึ้นมาได้(เพื่อที่ฉันจะได้ช่วยท่าน)? ท่านตอบกลับไปว่า  ?เจ้ายังเด็กอยู่และจำเป็นต้องนอนให้เต็มอิ่ม และฉันก็ไม่ต้องการจะรบกวนเวลานอนของเจ้า?

ความเอื้อเฝือเผื่อแผ่

                อิมาม บุคอรีย์ถือว่าเป็นตัวอย่างอันดีงามในเรื่องความเอื้อเฝือเผื่อแผ่  ท่านหวังว่าสักวันหนึ่งจะบริจาคให้ได้  3.000 ดิรฮัมในหนึ่งวัน    อัล วัรรอก กล่าวว่า อิมามบุคอรีย์มีรายได้ 500 ดิรฮัมต่อเดือนและเขาจะใช้จ่ายหมดไปกับนักเรียนของเขา 

 ความเกรงกลัวอัลลอฮ์

                อิมาม บุคอรีย์เป็นบุคลที่มีความเคร่งครัดและจริยธรรมสูงส่ง  ท่านเกรงกลัวอัลลอฮ์อย่างมากทั้งภายในและภายนอก  ท่านจะคอยยับยั้งตัวเองจากการนินทาและระแวงสงสัยผู้อื่น  และคอยระวังไม่ให้ก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น   บักร์ อิบนุ มุนีรเล่าว่าอิมาม บุคอรีย์กล่าวว่า ?ฉันหวังว่าเมื่อใดที่ฉันได้พบกับพระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์จะไม่ทรงคิดบัญชีกับฉัน เพราะฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการนินทา?

 อิมาม บุคอรีย์คอยระมัดระวังในการทำอิบาดะฮ์ของท่านให้มีความประณีตอยู่เสมอ ท่านจะละหมาดและถือศีลอดสุนัตอย่างมากมาย  และจะท่องกุรอานทั้งหมดให้ลุล่วงเป็นประจำในเดือนรอมฎอน และท่องกุร อานสิบยุซอ์ในช่วงกลางคืน เขาไม่เคยคิดจะรังเกียจคนอื่นๆถึงแม้ว่าบุคคลนั้นจะกระทำไม่ดีต่อท่านก็ตาม อิมามบุคอรีย์จะขอดุอาให้อัลลอฮฺทรงยกโทษให้กับผู้ที่ประพฤติไม่ดีกับท่าน  หากจำเป็นจะต้องมีการว่ากล่าวตักเตือนใครก็ตาม  ท่านก็จะไม่ทำให้บุคคลนั้นต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชน 

การจากไปของเขา

          อิมาม บุคอรีย์ตายในค่ำคืนของวันอิฎิล ฟิตรีอันเป็นค่ำคืนแรกของเดือนเชาวัลปีฮ.ศ. 56  ซึ่งอีกเพียง12 วันท่านก็จะมีอายุครบ 62 ปี  ในค่ำคืนนั้นเองที่ดวงตะวันแห่งความรู้ คุณความดี ความจำเริญได้ดับลง บุคคลที่ความรู้และการปฏิบัติของเขาได้ส่องสว่างให้กับหัวใจและจิตใจของปัญญาชนจำนวนมากรวมทั้งผู้คนแห่งซามัรคาน  บุคอรอ บัฆดาด และนัยซาปูร   ขออัลลอฮ์ทรงตอบรับความอุตสาหะที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและขอความเมตตาจากพระองค์ให้หลั่งไหลสู่ดวงวิญญาณของท่านด้วยเถิด อามีนยาร๊อบบัลอาละมีน!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 08, 2007, 01:46 PM โดย yaseen »
+ในร่างกายนั้นมีก้อนเนื้อหนึ่ง เมื่อมันดี ร่างกายทุกส่วนก็จะดี เมื่อมันเสีย ทุกส่วนของร่างกายก็จะเสีย จงจำไว้เถิด เนื้อก้อนนั้นคือหัวใจ+

 

GoogleTagged