salam
ขอบคุณแชมัดและท่านนักปราชญ์น้อยมากๆค่ะ
ที่นำความรู้และประสบการณ์มานำเสนอและเล่าให้ฟังกันค่ะ

โดยเฉพาะประสบการณ์ที่แชมัดเล่ามา ข้าน้อยเพิ่งได้ยินค่ะ...
ตัวข้าน้อยเองเคยเกือบสูญเสียแก้วตาไปแล้วเช่นกันค่ะ...
เนื่องด้วยอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นสิ่งที่รักษายากมาก
หากว่าเป็นการเสื่อมโดยธรรมชาตินั้นพอรักษาได้บ้าง
แต่หากเกิดจากอุบัติเหตุก็จะยากขึ้น เพราะเมื่อก่อนน้ันการแพทย์
และเครืื่องมือแพทย์ยังไม่เจริญเท่าสมัยนี้ หมอเคยทักถึงขนาดว่า
ข้าน้อยต้องผ่าตัดเปลี่ยนแก้วตาด้วยซ้ำไปค่ะ ซึ่งมันค่อนข้างเสี่ยง
ว่าอาจจะหายหรืออาจจะไม่หายก็ได้ ตอนนั้นท้อแท้สิ้นหวังและก็กลัว
เริ่มเห็นคุณค่าของดวงตาเมืื่อยามจะเสียมันไป...
และได้รู้ว่า ไอ้ที่เขาเปรียบเทียบกันว่า พ่อแม่รักลูกดังแก้วตาดวงใจ
มันเป็นความรู้สึกประมาณไหน เพราะตอนนั้นทั้งพ่อและแม่เอง
ก็ดูทุกข์ร้อนไม่แพ้กับข้าน้อยเลย บางครั้งยิ่งกว่าเราด้วยซ้ำไป
ทำให้ซึ้งถึงความรักของพ่อกับแม่ไปพร้อมๆกับความรักที่มีต่อดวงตาของตัวเอง
หมอเองก็ทำได้แค่ให้ยามาทานและยามาทา กินและทาอยู่เป็นเดือนๆ
ก็ทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการเจ็บปวดให้ทุเลาลงเท่านั้น แต่ก็ยังไม่หาย
หรือกลับมามองเห็นได้ดังเดิม แต่เหมือนยิ่งทานยาร่างกายส่วนอื่น
อวัยวะส่วนอื่นเริ่มทำงานผิดปกติ โรคภัยรุมเร้าจนพ่อต้องเอายาที่ได้
ไปถามญาติที่เป็นหมอ(ซึ่งเป็นหมอคนละทางกับเรื่องตา)
ญาติที่เป็นหมอบอกว่า มันเป็นยาแก้อักเสบ เป็นยาปฏิชีวนะที่อาจจะมี
ผลข้างเคียงทำให้กระดูกพรุน พ่อกลับมาบอกว่าไม่ต้องทานมันแล้ว
เพราะหากจะสูญเสียดวงตาไปสักข้างก็ยังดีกว่าให้กระดูกที่เป็นส่วนเชื่อม
ให้คนเป็นรูปเป็นร่างมีปัญหาในภายหลัง...ตอนนั้นร้องไห้เลยค่ะ...
(พ่อกับแม่เองก็พยายามทำทุกทางเลยค่ะ แม่นั้นจะอ่านฟาติฮะและดุอาฮฺเป่าให้
เวลาที่รู้สึกปวดดวงตา) พ่อก็ลองไปหายาสมุนไพร ถามผู้รู้เกี่ยวกับยาสมุนไพรทั่วทิศ
แล้วนำสูตรที่ได้มาต้มให้ข้าน้อยกินและทา ข้าน้อยนี้ไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง
ได้แต่ยอมทำตามเพราะความกลัวว่าตาจะบอดและเพราะความเจ็บ
พ่อทำอยู่อย่างนั้นเป็นปี ข้าน้อยเองก็เกลียดยาเพราะว่ามันขม กลิ่นก็ไม่น่าพิสมัย
ต้องปิดจมูกปิดตาก่อนจะเอาเข้าปากได้และต้องกินไปพร้อมๆกับน้ำผึ้งป่า
ซึ่งก็มีสรรพคุณสมานแผลด้วยค่ะ...
ซึ่งพ่อบอกว่า แม้ตาจะไม่หายเป็นปกติ
แต่อย่างน้อยร่างกายเราก็ดีขึ้น เพราะทุกอย่างที่พ่อให้กินพ่อบอกว่า
มันช่วยแซ่มแซมร่างกาย และยังห้ามให้ข้าน้อยกินโน่นกินนี่อยู่พักใหญ่
แถมยังย้ำทุกครั้งว่าก่อนกินยาต้องบิสมินลาฮฺแล้วขอต่ออัลลอฮฺ
ให้เราหายจากโรคด้วยยานี้ เพราะโรคทุกโรคมาจากพระองค์
ผู้จะให้หายคือพระองค์...เพราะว่าอันข้าน้อยนี้ทำมันมาแทบทุกทางก็ไม่หายค่ะ...
เวลาท้อๆพ่อก็บอกว่าให้มองไปยังคนที่เขาตาบอดตั้งแต่เกิด
คนที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นสีสันของโลก เรานั้นอัลลอฮฺเมตตาแล้ว ที่ให้เป็นแค่นี้...
แต่ข้าน้อยก็รู้ว่าพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ไม่ยอมหมดหวังเท่านั้น
ตอนนั้นจากที่ท้อๆและสิ้นหวังก็เริ่มเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺจะให้เราหาย
กินมันทุกอย่างค่ะ ยาอะไรที่พ่อเอามาก็กินหมด ไม่บ่นเลยจริงๆค่ะ
แต่ก็ยังขยาดกับความขมของมันอยู่ดี
ปรากฏว่าหายวันหายคืนค่ะ ตาค่อยๆกลับมาเห็นชัดเจนขึ้น
แม้จะไม่ดีเท่าเดิมแต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องเจ็บปวดและมันไม่บอดสนิท
ก่อนมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น หมอก็เช็คร่างกายทุกส่วน
แล้วบอกว่า ประสิทธิภาพในการมองโดยรวมถือว่ายังดีเยี่ยม
เพราะว่าตาอีกข้างนั้นมองเห็นชัดเจน มีเพียงอีกข้างที่ไม่เท่่ากับอีกข้าง...
และย้ำว่าไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดต่อการเล่าเรียน
แต่ให้หมั่นดูแลไม่ใช้งานมันหนักจนเกินไป แล้วมันจะค่อยๆดีขึ้น
หากหมั่นดูแลสุขภาพให้ดีด้วย...
โรคตามันมีหลายชนิดค่ะ...แล้วแต่กรณี และคนที่ประสบกับปัญหาเกี่ยวกับดวงตา
ส่วนใหญ่ยินยอมที่จะทำทุกทาง เพราะรู้ดีว่า หากขาดมันไป
แสงสว่่างที่เคยมองเห็น อาจจะดับวูบลง...
เมืื่อก่อนห่วงดวงตายิ่งกว่าสิ่งใด แต่หลังๆมาชักปลงตกว่า
ทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระองค์จะเอากลับคืนไปในวันใดก็ย่อมได้
และบางครั้งก็ไม่มีการแจ้งเตือน(เช่นอุบัติเหตุที่ข้าน้อยเคยเจอ)
และสิ่งที่เราทำได้คือ รักษามันให้ดีที่สุด
ให้สมกับที่เราไดรับเนี๊ยมัตมา ที่เหลือก็ต้องมอบหมายไปยังพระองค์...
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ...อยู่ๆดวงตาข้างนั้นเริ่มประท้วงอีกรอบหลังจาก
เงียบมานาน จนต้องไปปรึกษาแพทย์...หมองี้เบิกตาแล้วฉายแสงอะไร
ก็ไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าตาเราที่เปิดไม่ได้อยู่แล้วเพราะปวด สู้แสงไม่ได้ในตอนนั้น
พอหมอง้างมันออกด้วยเครื่องมือ ก็เหมือนเข็มนับร้อยนับพันทิ่มแทง
เจ็บไหนไม่สู้เท่าเจ็บตา(คือเจ็บพอๆกับในอดีตเลยค่ะ) และยังบอกว่า
ให้ไปหาหมอเรื่อยๆ
ด้วยเหตุผลว่าต้องรอหมอนานครึ่งวันกว่าจะได้ตรวจและค่าตรวจแพงแสนแพง
เลยถอดใจว่าจะกลับไปรักษาอย่างจริงๆจังที่ไทยดีกว่า
คุยกับหมอเข้าใจมากกว่าด้วย
ตอนนั้นน้องชายรู้เรื่อง ก็ชวนพี่ชายเข้าป่าหาน้ำผึ้งหลายๆรังรวมกันส่งมาให้
ทั้งกินทั้งทาค่ะ...พอได้ถามพี่สาวว่าน้องชายกับพี่ชายไปเอาน้ำผึ้งมาได้
ยังไงด้วยวิธีไหน...มาชาอัลลอฮฺ...ตอนนั้นตื้นตันสุดจะบรรยายเลยค่ะ...
เพราะผึ้งมันจะทำรังอยู่บนปลายกิ่งไม้ใหญ่บนยอดเขา...คนที่เคยขึ้นผึ้ง
จะเข้าใจดีว่ามันเสี่ยงขนาดไหน...แต่อัลลอฮฺให้พี่และน้องชายรอดมาได้
อย่างปลอดภัย...อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
ข้าน้อยรู้สึกแย่ตรงคนอื่นเขาเป็นห่วงเรา แต่เรานี่ไม่ห่วงตัวเอง
ละเลยสุขภาพตัวเอง ไม่สนใจมันมานานค่ะ คือตอนนั้นใช้มันคุ้มทั้งวันทั้งคืน
ไม่หยุดเลยค่ะ...จนร่างกายมันเสื่อม อวัยวะต่างๆมันเลยประท้วงเอา
ก็เลยหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ...
ปัญหาเลยเริ่มน้อยลง ตาก็ไม่ปวดแล้วค่ะ...ค่อยๆแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ...
ด้วยวิธีให้สิ่งที่มีในธรรมชาติช่วยบรรเทารักษา และดุอาฮฺขอให้หายค่ะ...
ปล.เคยอ่านเจอเรื่องแร่พลวงที่พี่น้องเคยนำเสนอในบอร์ดนี้มาเช่นกันค่ะ
แต่ว่าไม่เคยลองใช้เลยค่ะ ว่าจะลองหามาใช้แล้วล่ะค่ะ...อินชาอัลลอฮฺ
และคิดว่า หากใครมีปัญหาเรื่องดวงตา อันดับแรกเลยต้องรีบปรึกษาแพทย์
อย่างที่แชเล่ามาให้ฟัง ส่วนวิธีรักษานั้น ต้องขึ้นอยู่กับกรณีค่ะ...
บางครั้งต้องเสี่ยงและต้องเจ็บ
แต่ความเจ็บไม่ว่าจะเกิดที่ร่างกายหรือที่จิตใจนั้นสามารถเยียวยาได้ด้วยศรัทธาค่ะ...
วัลลอฮุอะลัม
หากพี่น้องท่านใดมีเคล็ดลับดีๆหรือประสบการณ์ดีๆมาร่วมนำเสนอกันต่อไปนะคะ
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
