salam
ขอนำบทความสั้นๆส่วนหนึ่งจากเรื่องยาวมาลงให้อ่านกันเล่นๆนะคะ

บรรยากาศของทะเลยามพลบค่ำช่างให้ความรู้สึกเงียบเหงายิ่งนัก
แต่ยังดีที่มีเสียงคลื่นที่คอยขับกล่อมเป็นท่วงทำนองราวกับเสียงดนตรี...
ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์เอาไว้อย่างลงตัว
ใครนะที่เป็นผู้ออกแบบธรรมชาติเหล่านี้ขึ้นมา...
ดวงตะวันกำลังเคลื่อนตัวเองลงไปยังตรงเส้นขอบฟ้าทีละนิดๆ
เหมือนจะบอกว่าหน้าที่ของมันสำหรับวันนี้ใกล้จะหมดลงแล้ว...
นกกาใหญ่น้อยต่างบินกลับเข้ารัง...พวกมันต่างโผบินกลับไปยังรัง
รังที่ที่มีครอบครัวที่รอมันอยู่ข้างหลัง...
จะมีก็แต่เจ้าเหยี่ยวที่ยังคงกระพือปีกบินว่อนอย่างโดดเดี่ยว
อยู่เหนือบรรดาก้อนเมฆเหล่านั้น...
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...จะได้หยุดพัก...
"พ่อคะ
พ่อดูนั่นสิคะ"หนูน้อยวัยสิบขวบหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
กำลังชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าพร้อมกับถามบิดาด้วยความสงสัย
"พ่อคะ ทำไมเจ้าเหยี่ยวมันถึงบินอยู่ตัวเดียวบนท้องฟ้าล่ะคะ
ทั้งๆที่นกตัวอื่่นๆต่างก็บินกันเป็นฝูงๆ" บิดายิ้มและตอบลูกสาวไปว่า
"ก็เพราะว่าเจ้าเหยี่ยวน่ะมันเป็นถึงจ้าวแห่งท้องฟ้าไงล่ะลูก"
"จ้าวแห่งท้องฟ้า" หนูน้อยพูดตามบิดา แล้วถามต่อว่า
"จ้าวแห่งท้องฟ้า
ต้องอยู่ตัวเดียวหรือคะคุณพ่อ"
บิดายังคงยิ้มแล้วตอบลูกสาวตัวน้อยว่า
"คงงั้นมั้งลูก
ความยิ่งใหญ่มักมาพร้อมกับภาระหนักเสมอ
เจ้าเหยี่ยวมันคงกำลังทำหน้าที่ของมันอยู่ก็ได้
และอีกอย่าง อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าเหยี่ยวของลูกน่ะมันเก่ง
และก็มีสายตาที่เฉียบคม แฝงไปด้วยอำนาจ ทำให้ศัตรูของมันเกรงกลัว
ไม่กล้าเข้าใกล้มั้ง อันนี้พ่อก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะพ่อไม่ใช่เหยี่ยว...
แต่พ่อว่า...ต่อไปลูกสาวของพ่อคนนี้จะสามารถตอบคำถามนี้ได้แน่นอน"
บิดาหัวเราะและยกมือตัวเองลูบหัวลูกสาวพร้อมทั้งโยกไปมา
ด้วยความรักใคร่เอ็นดูแต่ลูกสาวตัวดียังไม่วายถามต่อว่า
"แล้วเหยี่ยวมันมีครอบครัวมั้ยคะ" บิดายังคงยิ้มและตอบว่า
"มีสิลูก ทำไมจะไม่มีล่ะ" แต่หนูน้อยยังคงคลางแคลง
ก่อนจะเอียงคอถามบิดาด้วยแววตาอยากรู้
"แล้วครอบครัวมันไปไหนซะล่ะคะ"
"ครอบครัวมันก็รอมันอยู่ที่รังไงล่ะลูก"ผู้เป็นบิดายังคงตอบคำถามลูกสาว
อย่างไม่รู้เบื่อในความขี้สงสัยของลูกสาว
"รัง...เหยี่ยวมีรังด้วยหรือคะ...หนูคิดว่่ามันจะพักอยู่บนก้อนเมฆนั่นซะอีก"
ผู้เป็นบิดาได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะชอบใจในความคิดของลูกสาวพลางอธิบายว่า
"ทำไมจะไม่มีล่ะลูก เจ้าเหยี่ยวมันก็ต้องมีรังไว้คอยเป็นที่พักพิง
แล้วรังของมันก็ไม่ได้อยู่บนก้อนเมฆหรอกลูก"
ลูกสาวยิ้มโชว์ฟันทั้งสามสิบสองซี่และไม่วายถามต่อ
"อ้าว...งั้นแล้วรังมันอยู่ที่ไหนล่ะคะ...ถ้าไม่ใช่บนก้อนเมฆนั่น"
บิดาหันไปยิ้มให้ลูกสาวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มว่า
"เอาไว้หนูโตขึ้นแล้วหนูจะรู้เอง...เชื่อพ่อ"
แม้แม่หนูน้อยจะยังคงสงสัยแค่ไหนแต่ก็พยักหน้ารับคำบิดา
แล้วทั้งสองต่างเงียบไปพักนึงก่อนที่แม่หนูน้อยจะทำลายความเงียบโดยการถามว่า
"พ่อคะ...พ่อว่าเหยี่ยวมันจะเหงามั้ย"บิดาเงียบไปชั่วครู่ก่อนตอบลูกสาวว่า
"จำคำพ่อไว้นะลูก...ว่ายิ่งสูงก็ยิ่งหนาว"หนูน้อยขมวดคิ้ว
เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดาพูด
เมื่อบิดาเห็นดังนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า
"พ่อว่าเรากลับกันดีกว่านะลูก
เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง"
พูดจบผู้เป็นบิดาก็ดึงมือลูกสาวให้ลุกขึ้นจากแผ่นหิน
ที่ทั้งสองใช้นั่งมองท้องทะเล แม้มันจะอยู่บนผาที่ค่อนข้างสูงจากพื้นดิน
แต่ก็ไม่ได้ชันจนน่าหวาดกลัวนัก
พอลูกสาวลุกขึ้นมาได้ผู้เป็นบิดาก็กุมมือผู้เป็นลูกสาวเอาไว้มั่น
แล้วหันหลังเดินจากไปยังบ้านที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
ทิ้งความสงสัยในคำพูดทั้งหมดเอาไว้
คำพูดที่เด็กน้อยวัยสิบขวบไม่มีทางจะเข้าใจความหมายได้
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~...พ่อรักแม่ของเธอ รักด้วยหัวใจ รักและก็เชื่อใจ
...ถ้าหากว่าขอได้ เธอก็อยากได้ใครสักคนที่รักเธอได้
อย่างที่พ่อรักและเชื่อใจแม่
ไม่รู้ว่าเธอจะขอมากไปรึเปล่า
รักแท้มีจริงใช่มั้ยคะพ่อคนเป็นลูกถามบิดา
พร้อมกับก้มมองและคลึงแหวนไพลินสีน้ำเงินที่นิ้วเบาๆ
คนเป็นพ่อลูบหัวลูกสาวแผ่วเบาก่อนจะยิ้มกว้างแล้วตอบว่า
มีจริงสิหนุ่ย แต่กว่าจะเจอรักแท้ เราก็ต้องยอมเสียอะไรๆไปบ้าง
ต้องยอมเจ็บบ้างเป็นธรรมดา
คนเป็นลูกเอียงคอมองคนเป็นพ่อด้วยแววตาสงสัย บิดาเลยอธิบายเสริมว่า
ดูอย่างฟันของเราสิ กว่าจะมีฟันแท้ เราก็ต้องเสียฟันน้ำนม
ที่มีมาแต่กำเนิดไปทีละซี่ ฟันแท้ก็จะค่อยๆโผล่ออกมาให้เห็นทีละซี่
บางครั้งเจ็บจนน้ำตาเล็ด ปวดจนแก้มบวมไปหลายวัน เพราะฟันผุ
หนุ่ยคงจำความรู้สึกนั้นได้ใช่มั้ยลูกลูกสาวยิ้มขันกับคำเปรียบเปรยของบิดา
ค่ะ จำได้ว่าร้องไห้ลั่นบ้าน เดินวนรอบบ้านไปหลายรอบ เพราะอยู่ไม่สุข
ปวดฟันจนไม่มีที่จะนอน เพราะจะนอนก็นอนไม่ได้
เหมือนโลกแคบจนเหลือแค่นิดเดียว พยายามหาอะไรมาอุดตรงรูฟันที่มันผุ
หายไปแค่แป๊บเดียว ความเจ็บก็กลับมาอีก
แต่พอพ่อพาไปหาหมอก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ
แม้จะดูโล่งๆไปบ้าง แต่ก็ไม่เจ็บอีกเลย จนได้ฟันแท้มาเนี่ยแหล่ะค่ะ
คนเป็นลูกเอ่ยด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่ปวดฟัน
แล้วต้องตัดใจถอนมันทิ้งไป และเลิกคิ้วราวกับจะบอกบิดาเป็นนัยๆว่า
หนูรู้นะว่าพ่อคิดอะไรอยู่
แต่ก็ต้องอึ้งกับคำพูดต่อมาของบิดาที่ว่า
แต่สุดท้าย ฟันแท้มันก็ต้องจากไป ไม่มีสิ่งใดจะอยู่กับเราไปตลอดหรอกหนุ่ย
เราต้องทำใจทุกๆครั้งเวลาที่เราต้องถอนฟันแต่ละซี่ทิ้ง
เพราะจะยื้อไว้ก็มีแต่จะเจ็บ บางซี่ก็จากไปโดยไม่ได้ร่ำลา
ไม่มีวี่แววว่าจะโยกเยก แต่กลับทิ้งเหงือกคู่ใจในปากของเราไปเฉยเลย
บางซี่เราก็พอยื้อเวลาได้บ้าง ทั้งอุดทั้งครอบ
ทำทุกวิถีทางให้มันได้อยู่กับเราไปนานๆ
แต่สุดท้ายมันก็ต้องทิ้งเราไปอยู่ดี
บางคนที่อายุมากหน่อยก็ต้องอยู่เพื่อเรียนรู้การสูญเสียมากขึ้น
แล้วสุดท้ายก็เหลือผมสีดำไม่กี่เส้นกับฟันแท้ไม่กี่ซี่ที่คอยบอกเราว่า...
ฉันจะไปอยู่กับเธอในหลุมด้วยนะ...
รึบางคนก็แทบจะไม่มีฟันแท้เหลือเลยซักซี่ก่อนตายด้วยซ้ำ
คำพูดเจือแววตลกของบิดาทำให้หญิงสาวได้คิด
เธอพอจะเข้าใจความนัยนั้นได้บ้าง
หนุ่ยไม่สงสัยเลยว่า ทำไมเมื่อเรายิ่งโตขึ้น เพื่อนของเรา
และคนที่พร้อมจะเดินไปกับเราจึงค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆ
จนสุดท้ายก็เหลือแค่ไม่กี่คนหรือแทบไม่เหลือใครเลยด้วยซ้ำ
เหมือนครั้งนึงที่เราเคยยิ้มสวยด้วยฟันเต็มปาก
หากวันนึงเราต้องสูญเสียมันไป ก็อย่าได้สูญเสียรอยยิ้มไปพร้อมกับมันเลย
แม้ว่าจะมีฟันบางซี่ที่หายไป แม้ว่าเราจะยิ้มไม่สวยเท่าเดิม
แต่เราก็ต้องยิ้ม เราต้องกล้าที่จะฉีกยิ้มให้โลกเห็น
เราต้องยิ้มแม้ว่าวันนึงจะไม่มีฟันสักซี่ให้เราโชว์แล้วก็ตาม
คนเป็นลูกยิ้ม น้ำตาปริ่ม แล้วโอบกระชับเอวบิดาไว้แน่น
เธอไม่อยากสูญเสียฟันแท้ซี่ใดในชีวิตไปเลย
โดยเฉพาะซี่นี้...
อยากจะให้มันอยู่กับเธอแบบนี้ อยากยิ้มโชว์ฟันแบบนี้ไปจนวันตาย
เราทุกคนมีฟันแท้เท่าๆกัน แต่ละซี่ไม่เหมือนกัน แต่มันก็มีอย่างละซี่
ความรักที่เราให้มันจึงไม่เหมือนกัน
บางซี่เราก็ละเลยจนมันต้องจากเราไปก่อนเวลาอันควร
เพราะหากซี่ใดหลุดไป ก็จะไม่มีฟันซี่ใหม่งอกมาอีกแล้ว...
นอกจากเราจะต้องใส่ฟันปลอม อยู่กับของปลอมท่ีไม่มีทางดีกว่าของแท้
พ่อจึงอยากให้หนุ่ยดูแลรักษาฟันแท้ทุกๆซี่ที่มีอยู่ในวันนี้ให้ดีที่สุด
เผื่อวันใดที่เราต้องถอนมันทิ้งหรือมันทิ้งเราไป
เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายหรือเสียใจที่ไม่ได้ดูแลมันให้ดี
แล้วสุดท้ายหนุ่ยจะรู้ว่ามีฟันแท้แค่ไม่กี่ซี่ที่จะอยู่กับหนุ่ยไปจนวันตาย
แต่ขอให้หนุ่ยเชื่อว่า รักแท้ไม่ได้มีแค่คนเดียวเช่นรักของหนุ่มสาว
อย่างที่ใครๆเฝ้าฝันหรอกนะ เหมือนฟันแท้ที่ไม่ได้มีแค่ซี่เดียว
อย่าให้ความเจ็บจากการที่เราต้องสูญเสียฟันสักซี่สองซี่ไป ทำให้เรายิ้มไม่ออก
หมดความมั่นใจที่จะฉีกยิ้มต่อไป ไม่กล้าหัวเราะ แล้วละเลยฟันที่เหลือ
เพราะเรายังมีฟันแท้ที่เราต้องดูแลเอาใจใส่อีกหลายซี่
หนุ่ยยังมีพ่อ มีพี่น้อง มีเพื่อนๆที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างหนุ่ย
พวกเขาเหล่านั้นคงอยากเห็นรอยยิ้มของหนุ่ยมากกว่าน้ำตา
คนเป็นลูกยิ้มอย่างซึ้งใจในสิ่งที่บิดาสอน เธอจะลองทำอย่างที่บิดาแนะนำ
แม้บางครั้งการตัดสินใจบางอย่างจะทำให้อะไรๆเปลี่ยนไป
แต่เธอมั่นใจว่าฟันแท้มันก็ย่อมเป็นฟันแท้อยู่วันยันค่ำ
แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไร เธอจะรักษามันให้ดีที่สุด
เพราะหากวันนึงต้องสูญเสียมันไป เธอก็พร้อมที่จะอยู่อย่างไร้ฟันแท้
แต่จะไม่ขออยู่กับฟันปลอม
เพราะเธอรู้ว่าอะไรที่สูญเสียไปแล้ว ย่อมไม่มีอะไรมาทดแทนได้
เหมือนความรู้สึกที่สูญเสียไป อะไรก็มาทดแทนไม่ได้เช่นกัน
เราต้องยิ้ม แม้ฟันจะหลอก็ตามใช่มั้ยคะพูดเสร็จคนเป็นลูกก็หัวเราะร่า
ทำเอาผู้เป็นบิดาหัวเราะตามไปด้วย
อุ้ย! ฟันหลอหญิงสาวยิ้มล้อพร้อมกับมองรอยยิ้มของบิดาไปด้วย
บิดาที่ปัจจุบันมีฟันแท้ไม่เท่ากับที่เธอมี...
เลยไม่วายหยอกเย้าคนเป็นพ่ออย่างนึกสนุกด้วยความเคยชิน
ชายสูงวัยจึงโยกศรีษะลูกสาวด้วยความรักใคร่และเอ็นดู
ดีใจที่ลูกยิ้มได้อย่างนี้ แล้วก็หวังว่าลูกสาวจะไม่แอบเศร้าเวลาอยู่คนเดียว

ปล.ส่วนหนึ่งจากเรื่องยาว...เป็นเรื่องราวของพ่อกับลูกสาวค่ะ...
ความรัก บางครั้งก็มองไม่เห็น อาจต้องใช้หัวใจส่อง
ถึงจะมองเห็นรัศมีสีขาวเรืองรองของมัน...
วัสลามค่ะ