ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับมารยาทในการหลับนอน ระหว่าง สามีภรรยา  (อ่าน 52085 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
คัดลอกมาให้อ่านเล่นครับ
 :)อิสลามกับเรื่องเพศ

      การแตกสลายของครอบครัว ความขาดตกบกพร่องและการศึกษาในรูปแบบที่ก่อให้เกิดการ
ขาดระเบียบ ทางสังคม ตลอดจนความยุ่งเหยิงทางวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความจำเป็นอัน
ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยเกิดมาก่อนที่ ต้องนำคำสอนของอิสลามเกี่ยวกับครอบครัว และวัฒนธรรมทาง
เพศมากล่าวถึง 

      การรุกเข้ามาอย่างป่าเถื่อนของวิถีชีวิตแบบตะวันตก การโฆษณาอย่างขาดมารยาทโดยผู้
สร้างภาพยนต์ ทำให้แบบอย่างที่ดีทางเพศของชาวมุสลิมเหือดหายไป   ตัวอย่างภาพเปลือยจาก
วีดีโอ การหาความสุขจากภาพเปลือย    การโผล่ตัวออกมาของคนที่เป็นทอมอันเป็นงานที่ผลิต
ขึ้นมาโดยสื่อที่ "ก้าวหน้า" ก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดความ
ตกต่ำเพราะไม่อาจควบคุมจิตใจและมีการละเลยมารยาท (อะดาบ) ของอิสลามบ้านที่แตกทำลาย
คือหลักฐานที่เด่นชัดของความล้มเหลวทางจิตวิทยาและสังคมวิทยา"สมัยใหม่" จิตวิทยา และ
สังคมวิทยาสมัยใหม่ได้ตั้งคำถามอยู่เสมอถึงการนำภาวการณ์ของท่านศาสดาสุดท้ายมาใช้ใน
ครอบครัวของเราทุกวันนี้และปฏิเสธ "ความมีเหตุผล" ของการนำการแก้ปัญหาของศตวรรษ
ที่เจ็ดมาใช้โดยสมมุติฐานสองประการ   

      ประการแรกท่านนบีมุฮัมมัดรอซุลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)มีชีวิตอยู่ใน"สังคมที่แตกต่างและสิ่งแวด
ล้อมทางสังคม ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง"   สมมุติฐานข้อที่สองคือ ภรรยาของท่านศาสดามุฮัมมัด
(ศ็อลฯ)   ซึ่งเป็นมารดาแห่งศรัทธาชนนั้นมี "ความแตกต่างและหล่อหลอมมาดีกว่าผู้หญิงอื่นๆ
ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่พวกเธอทำจึงไม่อาจนำมาใช้กับผู้หญิงอื่น ๆ ของโลกร่วมสมัยนี้ได้"

      อย่างไรก็ตามสมมุติฐานข้างต้นย่อมมีความผิดพลาดได้เพราะแม้ว่าท่านศาสดามุฮัมมัด
(ศ็อลฯ) จะมีชีวิตอยู่ในสมัยเก่าซึ่งเป็นสังคมเผ่าก็ตาม แต่ในสมัยของท่าน การคอร์รัปชั่น ความ
โง่เขลา การขาดศีลธรรมทำลายศึลธรรม และคุณค่าทางวัฒนธรรมและความเลวร้ายที่บีบคั้นอยู่
กับวัฒนธรรมที่แปลกแยกก็ไม่ได้ มีน้อยไปกว่าสิ่งที่เรามีในประเทศ "มุสลิม" ที่ตกเป็นอาณานิ
คมและในประเทศมุสลิมที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของ ตะวันตกแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่ถูกต้องว่าภรรยา
ของท่านศาสดา (อุมมะฮาตุลมุอ์มินีน) นั้นมีตำแหน่งพิเศษใน หมู่ผู้หญิงทั้งหมดในเมื่อพวกนาง
ได้รับเกียรติอันเนื่องมาจากความใกล้ชิดผูกพันกับท่านศาสดาสุดท้าย (ศ็อลฯ) ในอีกทางหนึ่ง
พวกนางมีความเป็นมนุษย์ในทุกรูปแบบ และพวกนางก็มีทัศนคติที่กระจ่างชัดเท่ากับที่จะหวัง
ได้จากผู้หญิงอื่น ๆ อาจกล่าวเพิ่มเติมได้ว่า ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และภรรยา (ร.ฎ.) ของท่าน
ต้อง เผชิญกับความยากจน และความลำบากในความเป็นมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ต้องเผชิญกับ
การกล่าวหาอย่างผิด ๆ การสูญเสียภรรยา และบุตรอย่างน่าเศร้าโศก การเป็นศัตรูกับชาวยิว
คนนอกศาสนาและคริสเตียน ฯลฯ ไม่เคยเลยที่ชีวิตของท่านจะไม่พบอุปสรรคชีวิตครอบครัว
ของท่านศาสดาสุดท้าย(ศ็อลฯ) นั้นเป็นความจริง ดังนั้นการประยุกต์เอาชีวิตซุนนะฮ์ (แบบฉัน)
และแนวทางของท่านมาปฏิบัติใช้เราก็สามารถแก้ปัญหาได้ อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงเกรียงไกร
ได้กล่าวไว้ในอัลกรุอานว่า "แท้จริงในศาสนทูตของอัลลอฮ์ย่อมมีแบบฉบับอันดีงาม
สำหรับพวกเจ้า"  (33:21) 

      อาอีซะห์ (ร.ฎ.) ภรรยาผู้เป็นที่รักของท่านศาสดากล่าว่า "รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ไม่เคยตบตี
ภรรยาและคนรับใช้ และท่านไม่เคยทุบตีสิ่งใด ๆ ด้วยมือของท่านยกเว้นเพื่อการต่อสู้ในหนทาง
ของอัลลอฮ์" 

      แม้ว่าจะอนุญาตให้ใช้การสั่งสอนโดยใช้การลงโทษภรรยาที่จิตใจยังไม่เป็นผู้ใหญ่ได้และ
เป็นที่ยอมรับ ในอัลกุรอาน แต่ศาสดาก็มักจะไม่สนับสนุนการกระทำเช่นนี้ ท่านกล่าวว่า "ที่ดี
ที่สุดในหมู่พวกท่านคือการไม่ตบตี" ตบหน้าเฆี่ยนด้วยแส้หรือไม้ เราอยู่ในยุคสมัยที่เรียก
ว่ามีการทำตามใจชอบทางเพศเพศสัมพันธ์ทางธรรมชาติถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสกปรก เป็น
ธุรกิจของการ "หาความสนุกสนาน"

      ปัจจุบันนี้ลูกตุ้มของพฤติกรรมสังคมมันแกว่งจากลัทธิที่ถือความบริสุทธิ์อย่างเสแสร้งของ
ตะวันตกจน ถึงปลายสุดแห่งความสุดโต่งทางเพศ   เรื่องเพศได้หลุดออกมาจากเรื่องลับไปสู่เรื่อง
เปิดเผย การแสดงออก ทางเพศกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่และถูกนำมาใช้งาน ไม่เฉพาะในทีวี
และในนิตยสารแบบเพลย์บอย หรือ หนุ่มเจ้าสำราญเท่านั้น แต่เรื่องเพศยังนำมาขายได้ทุก ๆ อย่าง
ตั้งแต่เรื่องไข่จนถึงเรื่องรถไฟทีเดียว ที่เรียก กันว่า "การปฏิวัติทางเพศ" ในทศวรรษที่ 60 นั้นได้
นำมาซึ่งปัญหารุนแรงในบั้นปลายความหลงไหลในกามอารมณ์ ความบ้าคลั่ง และกามวิตถาร (เกย์
เลสเบี้ยน กะเทย ฯลฯ) ทั้งหมดนี้ล้วนหลุดออกมาจากหลุมมืดแห่งความเกินขอบเขตของพวกเขา   

      คุณค่าของมนุษย์กับความรักตามธรรมชาติถูกแทนท ี่ด้วยการสมสู่แบบสัตว์ตามที่สาธารณะ
อิสลาม ต่อต้านขบวนการปลดปล่อยผู้หญิงที่ปล่อยให้มีการผสมปนเปกันระหว่างเพศ ซึ่งผู้หญิงและ
ผู้ชายมั่วสุมกัน ในสังคมโสเภณีแห่งโลกของความก้าวหน้านั้น คาร์ลมาร์กซ์ ได้วาดภาพเอาไว้แล้ว
ใน "The Communist Manifesto" นั่นคือ "จากจุดหนึ่งของความเสื่อมทรามทางศีลธรรม ผู้คน
ได้หันไปหาการผสมปนเปทาง เพศอย่างเสรีในที่สุด เมื่อไม่ได้รับความพึงพอใจทางเพศ ก็เลยหัน
ไปสู่การเปลือยอย่างสุดสุด"   สำหรับผู้มีจิตใจปกติชาวมุสลิมทั้งชายและหญิง จะต้องยอมรับว่าหาก
พวกเขาและเธอไม่ปฏิบัติตามอย่างจริงจังต่อ แนวทางอิสลามตามคำสอนของท่านศาสดาแล้ว ระ
บบทั้งหมดของชีวิติก็จะต้องเสียหาย   

      การแยกบทบาททางเพศนั้นเป็นที่ต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์    อัลลอฮ์ได้สร้างผู้ชาย
และผู้หญิง เพื่อใช้ให้ดำรงบทบาทอันสูงส่งในขอบเขตและกิจกรรมของพวกเขา อเล็กซิส คาร์เรล
ผู้ได้รับรางวัลโนเบล จากฝรั่งเศสได้กล่าวไว้อย่างถูกต้องว่า "ความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ชาย
และผู้หญิงนั้นมีมาจากพื้นฐาน ลักษณะดั่งเดิมมากกว่าที่เรายอมรับกัน การเพิกเฉยต่อพื้นฐานหลัก
นี้ก่อให้เกิดการสนับสนุนลัทธิปลดปล่อย    ผู้หญิงที่มีความเชื่อว่าสองเพศควรจะมีความรับผิดชอบ
ที่เหมือนกัน ในความเป็นจริงผู้หญิงนั้นต่างกับผู้ชาย อย่างลึกซึ้ง ผู้หญิงควรจะพัฒนาทักษะของตัว
เองโดยไม่ลอกเลียนแบบผู้ชาย พวกปลดปล่อยสตรีมีความเข้า ใจผิดพลาดในเรื่องความเท่าเทียม
กัน" 

      สัญชาติญาณทางเพศเป็นพลังที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิตอยู่อย่างมนุษย์     อิสลามได้ให้ภาพ
ลักษณ์ที่สมบูรณ์ในพลังทางเพศ การยับยั้งชั่งใจในทางเพศเป็นพื้นฐานของสถาบันครอบครัวของ
อิสลามจำนวนมาก โดยการแยกบทบาททางเพศ ผู้ชายจะมีบทบาทมากกว่า ความเหนือกว่าผู้ชาย
มีอยู่หลายด้าน  นั่นคือ ผู้หญิง จะต้องแสดงความเคารพต่อผู้ชาย และผู้ชายจะต้องคุ้มครองผู้หญิง
ที่มีสรีระอ่อนแอกว่า     ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ระบบสังคมของอิสลาม   ในเรื่องบุรดะฮ์ฮิญาบนั้นก็คือ
การทำให้ผู้หญิงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ชาย   การปล่อยตัวทางเพศของผู้หญิงและตัณหาที่ไม่อาจ
ควบคุมได้ของผู้ชายนำไปสู่การขาดระเบียบทางสังคม   และนำไปสู่ความตกต่ำทางวัฒนธรรมทั้ง
หมด สถานะที่เหนือกว่าของผู้ชายได้บอกได้อย่างไว้อย่างชัดเจนใน อัลกุรอาน (4:34) ท่านศาสดา
มุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า "ชาติจะไม่รุ่งเรืองหากนำโดยผู้หญิง" มีเพียงนิกายนอกศาสนาของ
พวกคอริญีย์เท่านั้นที่ยอมรับความเป็นผู้นำของผู้หญิง   

      แต่ความเหนือกว่าของเพศชายไม่ได้หมายถึงการกดขี่เพศหญิง การขาดวัฒนธรรมอิสลาม
ก่อให้เกิด ขอบเขตแห่งความมืดมน เพราะมีการละเมิดสิทธิของผู้หญิง   มนุษย์เรานั้นแสดงความ
ผูกพัน ทางด้านอารมณ์โดยการผ่านคำพูด   การมองและการสัมผัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีความ
สัมพันธ์ทางเพศ คนเคร่งครัดศาสนาชาวมุสลิมทั้งชายและหญิงที่คุ้นเคยอยู่กับซุนนะฮ์จะรู้ถึงความ
สำราญทางกายเป็นอย่างดี ซุนนะฮ์ โดยตัวของมันเองนั้นเป็นตำราแห่งความรัก   หะดีษจำนวนนับ
ร้อยก่อให้เกิดศิลปะแห่งความรักของอิสลาม การเล้าโลมก่อนร่วมเพศเป็นเรื่องของศีลธรรม และ
การแสวงหาด้านจิตวิญญาณทางศาสนาในอิสลาม และประสบการณ์างจิตวิทยาทางเพศต่อการถึง
จุดสุดยอด เป็นบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาบุคลิกของมุสลิมกิจกรรมทางเพศที่ได้รับอนุญาต ได้
เพิ่มและก่อให้เกิดความเข้มแข็งต่อความสามารถทางด้านจิตใจของชาวมุสลิม   ดังนั้นชีวิตทาง
เพศจึงไม่ใช่สิ่งต้องห้ามในอิสลามและชาวมุสลิมจะต้องรู้ถึงเพศศึกษาในอิสลาม และการทำให้
คู่รักพอใจ ซึ่งโดยปกติแล้วมุสลิมทั้งชายและหญิงจะร่วมเพศครั้งแรกกับคู่แต่งงานเท่านั้น   

      ความอายและความกังวลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของทุก ๆ ประสบการณ์ใหม่    และมันจะหายไป
เมื่อความแปลกแยกของบุคคลถูกแทนที่ โดยความรู้ที่เหมาะสม 


นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ญะซากัลลอฮ์ครับคุณ ฟารีท  ;D

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอิบนุอามูนกล่าวว่า  เจ้าสาวนั้น  ภายในเจ็ดวันห้ามรับประทาน  น้ำส้ม , ผักชี ,  นม , แอ๊ปเปิ้ลเปรี้ยว  และทุกอย่างที่มีรสเผ็ดร้อนและขม  เช่น  ถั่ว , มะกอก  ถั่วปากเหนี่ยว  ถั่วฝักยาว  เพราะสิ่งดังกล่าวนั้นให้อารมณ์ตายด้าน  และทำให้เกิดการไม่ตั้งครรภ์ขึ้นได้  และจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่จากการแต่งงาน  ก็คือลูก  เพราะท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า  "พวกท่านจงแต่งงาน  แล้วพวกท่านก็จะได้สืบพันธ์แพร่หลาย  เพราะแท้จริงฉันนั้นจะมีประชากรมากมายด้วยกับพวกท่านในวันกิยามะฮ์"  และสิ่งที่สมควรรักประทานนั้นคือ  เนื้อไก่ , ผลซะฟัรญัล, ทับทิม , แอ๊บเปิ้ลหวาน , และอื่น ๆ

สมควรสำหรับภรรยาให้ทำการเคี้ยวลุบาน(หมากฝรั่งที่ทำมาจากต้นกำยาน)  เพราะท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "โอ้บรรดาสตรีตั้งครรภ์ทั้งหลาย  พวกเธอจงให้อาหารบรรดาบุตร(ในครรภ์)ของพวกเธอด้วยลุบาน  เพราะมันจะเพิ่มสติปัญญา  ลดเสมหะ  ทำให้มีความจำดี  และทำให้ความหลงลืมหายไป"  และให้รับประทานซะฟัรญัล เพราะท่านยะห์ยา บิน ยะห์ยา ได้รายงานจาก คอลิต บิน เมี๊ยะอฺดาน  ว่า "พวกท่านจงกินซะฟัรญัลซิ เพราะมันจะทำให้บุตรหล่อสวยงาม"  มีรายงานว่า "ชนกลุ่มหนึ่งได้ร้องทุกข์ต่อนบีของพวกเขาถึงความน่าเกลียดของบุตรหลานพวกเขา  ดังนั้นอัลเลาะฮ์จึงดนใจมายังท่านนบีว่า  เจ้าจงใช้ให้พวกเขาบรรดาภรรยาที่ตั้งครรค์ในเดือนที่สามและเดือนที่สี่ทำการรับซะฟัรญัลเถิด"  และสมควรให้ห่างไกลจากอาหารที่ไม่มีประโยชน์และอาหารที่ผสมกันหลายอย่าง

มีรายงานว่า  บ้านใดที่รมด้วยกำยาน  คนอิจฉาริษยา , หมอดู , ชัยฏอน , และนักไสยศาสตร์จะไม่เข้าใกล้บ้านหลังนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 30, 2007, 07:19 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอิบนุยามูนกล่าวว่า  มารยาทในการร่วมหลับนอนนั้น  คือต้องหลังจากที่มีการเล้าโลมและจูบจนกระทั่งทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยสำหรับการร่วมหลับนอน  เพราะท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "คนใดจากพวกท่านอย่าร่วมหลับนอนกับภรรยาของเขาเหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน  แต่ต้องให้ระหว่างทั้งสองนั้นมีสื่อ  จึงถูกถามว่า อะไรคือสื่อครับ? ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า มันก็คือการจูบและการพูดจา(หยอกเย้าเอาใจ) ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น  และส่วนหนึ่งจากมารยาทในการร่วมหลับนอนคือต้องหลังจากท้องและส่วนอวัยวะต่าง ๆ มีความผ่อนคลาย เพราะในการร่วมหลับนอนด้วยอวัยวะไม่ผ่อนคลายนั้น(เช่นแน่พุง)ก็จะทำให้เกิดโทษเป็นอย่างมาก  และทำจะทำให้ข้อกระดูกต่าง ๆ เจ็บ และอื่น ๆ ดังนั้นหากต้องการรักษาสุขภาพตนเองเขาก็จงระวังในสิ่งดังกล่าว

กล่าวกันว่า  สามประการ  ซึ่งบางครั้งมันจะมาทำลาย  คือร่วมหลับนอนในขณะหิว  ร่วมหลับนอนในขณะอิ่ม  และร่วมหลับนอนหลังจากรับประทานเนื้อตากแห้ง
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอิบนุอามูน  กล่าวว่า  การร่วมหลับนอนระหว่างสามีภรรยานั้น  ถูกห้ามในขณะที่มีประจำเดือน  เพราะอัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับ(ปัญหาของ) ประจำเดือน  เจ้าจงตอบเถิดว่า  อันประจำเดือนนั้นเป็นความสกปรกอย่างหนึ่ง  ดังนั้นพวกเจ้าจงแยกตัวออกจากสตรี(ผู้เป็นภรรยา)ในช่วงมีประจำเดือนเถิด" อัลบะกอเราะฮ์ 222  บางทัศนะกล่าวว่า  ความหมายของมันก็คือ  พวกท่านจงห่างจากอวัยวะเพศของพวกนาง  ซึ่งเป็นทัศนะคำกล่าวของท่านหญิงหัฟเซาะฮ์  และได้ถูกรายงานจากท่านมุญาฮิด  และเป็นทัศนะที่ท่านอัสบัฆยึดถือ  และได้ถูกรายงานจากท่านอิมามอัชชาฟิอีย์และท่านอิกริมะฮ์เช่นกัน   และบางทัศนะกล่าวว่า  หมายถึงห่างไกลจากที่นอนของพวกนาง  ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกรายงานจากท่านอิบนุอับบาสและท่านอิบนุอับบาสก็ทำการแยกที่นอนกับภรรยาของท่านในขณะที่มีประจำเดือน  ดังนั้นเรื่องดังกล่าวจึงทราบถึงน้าสาวของท่านคือท่านหญิงมัยมูนะฮ์  ท่านนางจึงกล่าวกับท่านอิบนุอับบาสว่า  ท่านไม่ปรารถนาซุนนะฮ์ของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กระนั้นหรือ?  ขอสาบานว่า แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้นอนพร้อมกับบรรดาภริยาของท่านในขณะที่มีประจำเดือนโดยที่ระหว่างท่านและนางนั้นมีผ้าปิดจนพ้นสองหัวเขา  และบางทัศนะกล่าวว่า  สิ่งที่อยู่ภายใต้ผ้านุ่งของพวกนาง  ซึ่งเป็นทัศนะที่เลื่องลือของท่านอิมามมาลิก  เหมือนที่ได้ระบุไว้ในหะดิษซอฮิห์ความว่า "ผู้มีประจำเดือนนั้น  จงผูกผ้าให้แน่นและส่วนเรื่องของท่านนั้นคือข้างบนของนาง(จากสะดือขึ้นไป)"   

และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า "จนกว่าพวกนางจะสะอาด" อัลบะกอเราะฮ์ 222 หมายถึง  จนกระทั่งพวกนางได้เห็นเครื่องหมายของความสะอาดแล้ว จากเลือดหยุดหรือเลือดแห้ง "ดังนั้นเมื่อพวกนางสะอาดแล้ว" อัลบะกอเราะฮ์ 222 หมายถึง สะอาดด้วยการอาบน้ำตามทัศนะที่เลื่องลือ  "พวกเจ้าก็จงเข้าหาพวกนางเถิดตามที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงบัญชาแก่พวกเจ้า" อัลบะกอเราะฮ์ 222 หมายถึง  ร่วมหลับนอนกับนางทางด้านหน้าไม่ใช่ทางทวารด้านหลัง , และหลักการของนิฟาส(เลือดที่ออกมาหลังจากคลอดบุตร)ก็เหมือนกับหลักการของเลือดประจำเดือนโดยทั้งหมด

ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรห์ อัลอุมดะฮ์  ว่า "ห้ามทำการร่วมหลับนอนในขณะมีประจำเดือนนั้น  ถือว่าเป็นอิบาดะฮ์ , หมายถึงเรื่องของเลือดนิฟาสก็เช่นเดียวกันกับเลือประเดือน เพราะมันมีหลักการเหมือนกัน"

ในหนังสือ  อัลกุสตุลลานีย์  กล่าวว่า "การร่วมประเวณีในขณะมีประจำเดือนนั้น  เป็นสิ่งที่ต้องห้าม  โดยมติของปวงปราชญ์  ดังนั้นผู้ใดที่เชื่อมั่นว่า  การร่วมประเวณีในขณะมีประจำเดือนเป็นสิ่งที่อนุญาต  เขาย่อมเป็นกาเฟร"
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
สมควรสำหรับภรรยาให้ทำการเคี้ยวลุบาน(หมากฝรั่งที่ทำมาจากต้นกำยาน)  เพราะท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "โอ้บรรดาสตรีตั้งครรภ์ทั้งหลาย  พวกเธอจงให้อาหารบรรดาบุตร(ในครรภ์)ของพวกเธอด้วยลุบาน  เพราะมันจะเพิ่มสติปัญญา  ลดเสมหะ  ทำให้มีความจำดี  และทำให้ความหลงลืมหายไป"

หมากฝรั่ง لُبَانٌ (บุลาน) ที่อียิปต์ก็มีขายตามร้านทั่วไป  ก่อน ๆ ผมเคยซื้อมาคิ้ว เห็นวางขายอยู่  นึกว่าจะมีรสชาติหวานอร่อย  แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่เลย  อีกทั้งยังมีรสเหมือนกับเป็นยาอะไรสักอย่าง   ซื้อครั้งเดียวหลังจากนั้นก็ไม่ซื้อมาเคี้ยวเล่นอีกเลย

หมากฝรั่ง لُبَانٌ (บุลาน) ที่ผมไปเห็นมาร้านของชำมาเมื่อกี้  เป็นกล่องขนาดกลางมีรูปผู้หญิงอยู่  ชื่อยี่ห้อ  عَرُوْسَتِيْ "อะรูซะตี"  (เจ้าสาวของฉัน)   คิดว่ากลับไปคราวนี้ก็จะซื้อไปเยอะ ๆ  เอาไปฝากเก็บไว้สำหรับอะรูซะตี   เผื่อลูกเกิดมาจากได้หล่อสวย  สติปัญญาดี  และความจำดีอะน่ะ  อินชาอัลเลาะฮ์ตาอาลา   ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ pareet

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 241
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
ฝากผมด้วยนะครับ
สมควรสำหรับภรรยาให้ทำการเคี้ยวลุบาน(หมากฝรั่งที่ทำมาจากต้นกำยาน)  เพราะท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "โอ้บรรดาสตรีตั้งครรภ์ทั้งหลาย  พวกเธอจงให้อาหารบรรดาบุตร(ในครรภ์)ของพวกเธอด้วยลุบาน  เพราะมันจะเพิ่มสติปัญญา  ลดเสมหะ  ทำให้มีความจำดี  และทำให้ความหลงลืมหายไป"

หมากฝรั่ง لُبَانٌ (บุลาน) ที่อียิปต์ก็มีขายตามร้านทั่วไป  ก่อน ๆ ผมเคยซื้อมาคิ้ว เห็นวางขายอยู่  นึกว่าจะมีรสชาติหวานอร่อย  แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่เลย  อีกทั้งยังมีรสเหมือนกับเป็นยาอะไรสักอย่าง   ซื้อครั้งเดียวหลังจากนั้นก็ไม่ซื้อมาเคี้ยวเล่นอีกเลย

หมากฝรั่ง لُبَانٌ (บุลาน) ที่ผมไปเห็นมาร้านของชำมาเมื่อกี้  เป็นกล่องขนาดกลางมีรูปผู้หญิงอยู่  ชื่อยี่ห้อ  عَرُوْسَتِيْ "อะรูซะตี"  (เจ้าสาวของฉัน)   คิดว่ากลับไปคราวนี้ก็จะซื้อไปเยอะ ๆ  เอาไปฝากเก็บไว้สำหรับอะรูซะตี   เผื่อลูกเกิดมาจากได้หล่อสวย  สติปัญญาดี  และความจำดีอะน่ะ  อินชาอัลเลาะฮ์ตาอาลา   ;D

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ได้ถูกรายงานว่า  มีชายและหญิงคู่หนึ่ง  ได้ขัดแย้งกันเกี่ยวกับบุตรชายของทั้งสองที่มีผิวดำ  ฝ่ายหญิงกล่าวว่า  เขาคือบุตรของท่าน  แต่ฝ่ายชายให้การปฏิเสธ  ดังนั้นท่านนบีสุไลมาน อะลัยฮิสลาม  กล่าวว่า  ทั้งสองได้ร่วมหลับนอนในขณะมีประจำเดือนหรือไม่? ฝ่ายชายกล่าวว่า  ครับ  ท่านนบีสุไลมานจึงกล่าว  บุตรคนนี้เป็นของท่าน และแท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงทำให้ใบหน้าของเขาดำเพื่อลงโทษท่านทั้งสอง  ซึ่งกล่าวกันว่า  มันคือจุดมุ่งหมายของคำตรัสของอัลเลาะฮ์  ที่ว่า "แล้วเราได้ให้ความเข้าใจใน (หลักการตัดสิน) นั้น แก่สุไลมาน" อัลอัมบิยาอฺ 87  และกล่าวสิ่งเหล่านี้ไว้ในหนังสือกุชฟุลอิสร๊อร

ท่านอัฏฏ๊อบรีนีย์ ได้รายงานไว้ในหนังสือ อัลเอาซัฏ  จากอบูฮุร๊อยเราะฮ์  โดยอ้างถึงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า "ผู้ใดที่ร่วมหลับนอนกับภรรยาของเขา โดยที่นางมีประจำเดือน  ดังนั้นใด้ถูกกำหนดให้มีบุตรระหว่างทั้งสอง  แล้วบุตรของเขาก็ประสบโรคเรื้อน  ดังนั้นเขาอย่าตำหนิ(ผู้ใดเลย)นอกจากตัวเขาเอง" หมายถึง เพราะเป็นสาเหตุจากเขาเองในสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรของเขานั้น  และเขาอย่าไปตำหนิอัลเลาะฮื  เพราะเพราะพระองค์ได้เตือนให้ระวังแล้ว

ท่านอิมามอัลฆอซาลีย์ กล่าวว่า "การร่วมหลับนอนในขณะที่มีประเดือนหรือมีเลือดหลังจากการคลอดบุตรนั้น ทำให้เกิดโรคเรื้อนแก่เด็ก  ท่านอิมามอะห์มัด และคนอื่น ๆ ได้รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ โดยยกอ้างไปยังท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยวะซัลลัม ว่า "ผู้ใดที่ไปหาหมอดู แล้วเขาก็เชื่อในสิ่งที่หมอดูพูด หรือร่วมหลับนอนกับผู้มีประจำเดือน หรือร่วมประเวณีกับภรรยาทางทวารหนัก แท้จริงเขาได้หลุดพ้นจากสิ่งที่ถูกประทานลงมาให้แก่มุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม" หมายถึง หากเขาเชื่อว่าดังกล่าวเป็นสิ่งที่อนุมัติ หรือท่านนบีต้องการที่จะพูดหักห้ามหรือเตือนให้ระวัง  หะดิษนี้ไม่ใช่มีจุดมุ่งหมายถึงการกุฟุรจริงๆ  หากไม่เช่นนั้นแล้ว  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ไม่ใช้ให้ผู้ร่วมหลับนอนกับผู้มีประจำเดือนทำการเสียค่าปรับ(กัฟฟาเราะฮ์) ตามที่ท่านอัลมุนาวีย์ได้กล่าวไว้  ดังนั้น  ในหะดิษของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์  ซึ่งรายงานจากท่านอิบนุอับบาส  โดยยกอ้างถึงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า "ผู้ใดที่ร่วมหลับนอนกับภรรยาในขณะมีประจำเดือน  ดังนั้น  เขาก็จงบริจาคทานเหรียญทองหนึ่งดีนาร  และผู้ใดที่ร่วมหลับนอนกับภรรยา (ขณะมีประจำเดือนแต่) เลือดประจำเดือนได้ผ่านพ้นจากนางพอดี  ก็ให้เขาบริจาคครึ่งของเหรียญทองดีนาร"
คำว่า "เขาจงบริจาคทาน" นั้น  บางทัศนะกล่าวว่า เป็นวายิบ และบางทัศนะกล่าวว่า เป็นสุนัต  และเช่นเดียวกันนี้  คือห้ามการร่วมหลับนอน หากเวลาละหมาดกระชั้นชิด โดยที่ว่า หากเขาทำการร่วมหลับนอน และทำการอาบน้ำ  เขาก็จะไม่ได้เวลาละหมาด  ดังนั้น หากเขาได้กระทำ  เขาก็จงเตาบะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอิบนุยามูน ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า  การร่วมหลับนอนนั้น  ถูกห้ามในสี่คืน  คือคืนวันอีดอัฏฮา  เพราะถูกกล่าวว่า  การร่วมหลับนอนในคืนอีดอัฏฮานั้นทำให้ลูกเป็นผู้ชอบนองเลือด  และคืนแรกของทุก ๆ เดือน  และคืนช่วงกลางเดือนของทุก ๆ เดือน  และคืนสุดท้ายของทุก ๆ เดือน  เพราะท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ท่านอย่าร่วมหลับนอนในคืนของต้นเดือนและคืนของกลางเดือน"

ท่านอิมามอัลฆอซาลี ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า "มักโระฮ์กับร่วมหลับนอนในสามคืน  ช่วงแรกของคืน , ช่วงท้ายของคืน , และช่วงกลางของเดือน  ถูกกล่าวว่า  บรรดาชัยฏอนนั้นจะมาอยู่ร่วมในขณะที่ร่วมหลับนอนในค่ำคืนเหล่านี้  และกล่าวกันว่า  บรรดาชัยฏอนก็จะทำการร่วมหลับนอนในค่ำคืนเหล่านี้เช่นกัน  และได้รายงานกับการมักโระฮ์สิ่งดังกล่าว จากท่านอะลี , ท่านมุอาวียะฮ์ , และท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฮิยัลลอฮุอันฮุม  และถูกกล่าวว่า  การร่วมหลับนอนในค่ำคืนเหล่านี้  จะทำให้บุตรมีสติฟั่นเฟือน...วัลลอฮุอะลัม

แต่ทว่าการห้ามจากค่ำคืนเหล่านี้ อยู่ในความหมายของมักโระฮ์ไม่ใช่หะรอม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอิบนุยามูน ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า  โปรดระวังการร่วมหลับนอนในขณะที่หิว , กระหาย , และโกรธเคือง  เพราะมันจะทำให้ลดพละกำลัง ตามที่ท่านอัรรอซีย์กล่าวไว้ , และในขณะที่ดีใจจนเกินเลยเพราะอาจจะทำให้หน้ามืด และในขณะที่อิ่มจนเพราะมันจะทำให้กระดูกข้อต่อตามร่างกายเจ็บ  และเช่นเดียวกันนี้  คือถัดจากการอดหลับอดนอนหรือมีความโศรกเศร้าเพราะมันจะทำให้ลดกำลัง และเช่นเดียวกันนี้  ก่อนจากร่วมหลับนอน  ไม่สมควรอาเจียร , ท้องร่วง , เกิดอาการเหน็ดเหนื่อย , สูญเสียเลือด , ปัสสาวะมาก , หรือประเภทใดประเภทหนึ่งของการสำรอกอาเจียน เพราะมันจะทำให้เกิดโทษตามที่ท่านอัรรอซีย์ได้กล่าวไว้...วัลลอฮุอะลัม

ท่านอัรรอซีย์ กล่าวว่า  ผู้ร่วมหลับนอนต้องระวังการร่วมหลับนอนในช่วงอากาศร้อนและช่วงอากาศเย็น  และสมควรร่วมหลับนอนให้น้อยในช่วงฤดูร้อยและฤดูหนาว  เพราะสมควรทิ้งการร่วมหลับนอนให้น้อยในช่วงเวลาที่อากาศไม่ดีและช่วงเกิดโรคระบาด 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านอิบนุยามูน ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า  โปรดระวังการร่วมหลับนอนในขณะที่หิว , กระหาย , และโกรธเคือง  เพราะมันจะทำให้ลดพละกำลัง ตามที่ท่านอัรรอซีย์กล่าวไว้ , และในขณะที่ดีใจจนเกินเลยเพราะอาจจะทำให้หน้ามืด และในขณะที่อิ่มจนเพราะมันจะทำให้กระดูกข้อต่อตามร่างกายเจ็บ  และเช่นเดียวกันนี้  คือถัดจากการอดหลับอดนอนหรือมีความโศรกเศร้าเพราะมันจะทำให้ลดกำลัง และเช่นเดียวกันนี้  ก่อนจากร่วมหลับนอน  ไม่สมควรอาเจียร , ท้องร่วง , เกิดอาการเหน็ดเหนื่อย , สูญเสียเลือด , ปัสสาวะมาก , หรือประเภทใดประเภทหนึ่งของการสำรอกอาเจียน เพราะมันจะทำให้เกิดโทษตามที่ท่านอัรรอซีย์ได้กล่าวไว้...วัลลอฮุอะลัม

ท่านอัรรอซีย์ กล่าวว่า  ผู้ร่วมหลับนอนต้องระวังการร่วมหลับนอนในช่วงอากาศร้อนและช่วงอากาศเย็น  และสมควรร่วมหลับนอนให้น้อยในช่วงฤดูร้อยและฤดูหนาว  เพราะสมควรทิ้งการร่วมหลับนอนให้น้อยในช่วงเวลาที่อากาศไม่ดีและช่วงเกิดโรคระบาด 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านชัยค์ อัซซัรรูก ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อันนะซีฮะฮ์ อัลกาฟียะฮ์ ว่า "ตามสิทธิของนาง  ที่สามีสนองให้กับนางนั้น  สองครั้งแต่สัปดาห์  และการร่วมหลับนอนเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ชายที่ร่วมแบบปกติปานกลางนั้น คือสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง"

ท่านซัยยิดินาอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ปฏิบัติกิจเพียงแค่หนึ่งครั้งในช่วงที่เกลี้ยงจากประจำเดือน  เพราะว่าช่วงเกลี้ยงประจำเดือนนั้นทำให้นางตั้งครรภ์และทำให้นางบริสุทธิ์จากความชั่วโดยแต่งงานแล้ว  แต่ว่า  สมควรเพิ่มและลดตามที่นางต้องการในความบริสุทธิ์  เพราะการยืนยันความบริสุทธิ์ของนางจากความชั่วนั้นเป็นสิ่งจำเป็นบนสามี และไม่สมควรแก่สามีทำการร่วมหลับนอนกับภรรยาให้น้อยจนเกินไปจนกระทั่งเกิดความเดือนร้อนแก่นาง และอย่าให้มากจนเกินไปจนเกิดความเบื่อหน่าย

ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อันนะซีฮะฮ์  ว่า "สามีอย่าร่วมหลับนอนกับภรรยามากเกินไปจนนางาเบื่อหน่ายและอย่าน้อยเกินไปจนนางเดือดร้อน .  ดังนั้นหากภรรยาเรียกร้องการร่วมหลับนอน  ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัตเตาฮีหฺ ว่า  ให้สามีทำการสนองแก่นางสี่ครั้งในตอนกลางคืนและสี่ครั้งในหนึ่งวัน และไม่อนุญาตให้งดเว้นในกรณีนี้โดยปราศจากอุปสรรค  เพราะมีหะดิษของท่านอิบนุอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า "มีสตรีคนหนึ่งได้มาหาท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้น นางกล่าวว่า  โอ้ ร่อซูลัลลอฮ์  อะไรคือสิทธิจำเป็นของภรรยาที่มีต่อสามี? ท่านนบีกล่าวว่า "คือนางจะไม่ต้องหักห้ามตัวเอง  หากแม้นนางจะอยู่บนหลังหลังอานม้า"

และคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า "เมื่อสามีได้เรียกให้ภรรยาไปยังที่นอน  แล้วนางก็ปฏิเสธ  บรรดามะลาอิกะฮ์ก็จะสาปแช่งนาง(ขอดุอาอ์ให้นางห่างไกลจากความเมตตา)จนกระทั่งถึงเช้า"

และย่อมไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ ที่นางจะกังวลเกี่ยวบุตรของเธอที่จะดื่มนม เพราะน้ำอสุจิ(ของฝ่ายชาย) จะ(เป็นสาเหตุ)ทำให้น้ำนมเพิ่มทวีคูณ...วัลลอฮุอะลัม   
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ *_,*

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 18
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สมควรสำหรับภรรยาให้ทำการเคี้ยวลุบาน(หมากฝรั่งที่ทำมาจากต้นกำยาน)  เพราะท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "โอ้บรรดาสตรีตั้งครรภ์ทั้งหลาย  พวกเธอจงให้อาหารบรรดาบุตร(ในครรภ์)ของพวกเธอด้วยลุบาน  เพราะมันจะเพิ่มสติปัญญา  ลดเสมหะ  ทำให้มีความจำดี  และทำให้ความหลงลืมหายไป"

หมากฝรั่ง لُبَانٌ (บุลาน) ที่อียิปต์ก็มีขายตามร้านทั่วไป  ก่อน ๆ ผมเคยซื้อมาคิ้ว เห็นวางขายอยู่  นึกว่าจะมีรสชาติหวานอร่อย  แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่เลย  อีกทั้งยังมีรสเหมือนกับเป็นยาอะไรสักอย่าง   ซื้อครั้งเดียวหลังจากนั้นก็ไม่ซื้อมาเคี้ยวเล่นอีกเลย

หมากฝรั่ง لُبَانٌ (บุลาน) ที่ผมไปเห็นมาร้านของชำมาเมื่อกี้  เป็นกล่องขนาดกลางมีรูปผู้หญิงอยู่  ชื่อยี่ห้อ  عَرُوْسَتِيْ "อะรูซะตี"  (เจ้าสาวของฉัน)   คิดว่ากลับไปคราวนี้ก็จะซื้อไปเยอะ ๆ  เอาไปฝากเก็บไว้สำหรับอะรูซะตี   เผื่อลูกเกิดมาจากได้หล่อสวย  สติปัญญาดี  และความจำดีอะน่ะ  อินชาอัลเลาะฮ์ตาอาลา   ;D

ท่านปู อัล ชวยบอกลักษณะต้นลุบานหน่อย...เพราะนึกไม่ออก ว่ามันมีลักษณะเช่นไร

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านปู อัล ชวยบอกลักษณะต้นลุบานหน่อย...เพราะนึกไม่ออก ว่ามันมีลักษณะเช่นไร

ลู้บาน(ภาษาอาหรับ) หรือ เขาเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  กุนดุร (ภาษาเปอร์เซีย) เป็นต้นชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นระเหยออกมา  ซึ่งมันหลั่งออกมาเป็นน้ำยาง  สามารถนำมาทำเป็นหมากฝรั่งได้  หรือนำมาสะกัดเป็นผงก็ได้นะครับ 


ลู้บานหรือกุนดุรนี้  จะมีสรรพคุณ  ช่วยบำรุงหัวใจ  บำรุงสมอง  ทำให้มีความเข้าใจและมีความจำดี  บรรเทาหวัด  เจ็บหน้ทรวงอก  รักษาโรคไตอ่อนแอ เป็นต้น

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "โอ้บรรดาสตรีตั้งครรภ์ทั้งหลาย  พวกเธอจงให้อาหารบรรดาบุตร(ในครรภ์)ของพวกเธอด้วยลุบาน  เพราะมันจะเพิ่มสติปัญญา  ลดเสมหะ  ทำให้มีความจำดี  และทำให้ความหลงลืมหายไป"

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged