อัสลามมุอะลัยกุ้ม วะเราะมะตุ้ลลอฮฺ วะบะรอกัต ครับ
ผมเองเคยได้เขียน บทความ ย่อ ของเรื่อง กอดอกอดัร ไว้แล้ว ซึ่งจะขอนำเสนอ ดังนี้ ( เรียบเรียงใหม่ อันเก่าหาไม่เจอ )
ผมเคยกล่าวว่า กอดอ และ กอดัร นั้น เป็นคนละคำกัน ซึ่ง หากดูจาก บทความของ บังฟีน จะเห็นได้ว่า บังได้เขียนบทความโดยแยกเป็นสองคำด้วยกัน
ซึ่งผม ก็จะขอนำเสนอเช่นนั้น และจะอธิบาย ในส่วนคำกล่าวที่ผมได้กล่าวว่า
"สิ่งใดที่ดีนั้นล้วนมาจากพระองค์ สิ่งใดที่เลวนั้นล้วนมาจากเรา"
อันนึง คุณลักษณะของอัลลอฮฺ นั้น หากเราได้ศึกษาเรียนรู้ 13 ประการ แล้ว สิ่งที่เราต้องรู้คือ พระองค์นั้นคือผู้ทรงกำหนดทุกสรรพสิ่งในโลก
แต่เราจะกล่าวมิได้หรอกว่า การกระทำต่างๆ ของเรานั้นถูกกำหนด มาทุกสิ่งโดยถูกบังคับ ให้เป็นเช่นนั้น โดยมิเรานั้นมิได้กระทำมันเอง..
จากขั้นต้นหากทุกสิ่ง ทั้งความดี และชั่วนั้น มาจากพระองค์ทั้งสิ้น เราก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบสิ เพราะเรานั้นไม่ได้ทำ
ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำทั้งหมดนั้น มิได้มาจากอัลลอฮฺโดยตรง นั้นแหละ ที่เราต้องมาอธิบายกัน...
สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนั้นหมายถึง ความหมายของ คำศัพท์ทั้งสอง ซึ่งจะมีที่มาที่ไปให้ได้พี่น้องได้รับทราบ
1. กอดอ ในศัพท์ที่อุลามะ ได้อธิบายความไว้นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายนิยาม ซึ่งมีดังนี้
- อัลอัมรุ (บัญชาใช้), อัลค้อลกุ (สร้างสรรค์), อัลฮุกมุ (พิพากษา), อัลฟิรอฆู (เสร็จสิ้น), อัลอิรอดะตฺ (พึงประสงค์) และ อัลอะฮฺดุ (สัญญา)
ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ เด็ดขาด ทั้งสิ้น และนี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า การกำหนดโดยแท้จริง
2. กอดัร ในศัพท์ที่อุลามะ ได้อธิบายความไว้นั้นมีด้วยกันดังนี้
- เดชานุภาพ ความสามารถ การกำหนด และปริมาณ เช่น
สภาวะการณ์ต่างๆ ที่ถูกกำหนดไว้โดยมีคุณสมบัติ และความสัมพันธ์ที่แน่นอน อาทิ อุณหภูมิน้ำเดือด สูตรผสมแร่ธาตุต่างๆ ระบบจักรวาล
ในคำทั้งสองนี้ มีความหมายที่ใกล้เคียงกัน แต่แตกต่างกัน แม้จะดูผิวเผิน เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว แต่สิ่งที่ถูกกำหนดนั้นมิใช่สิ่งเดียวกันทั้งหมด อีหม่ามกอซาลี ได้ให้นิยามของมันว่า
กอดัรคือนามของสิ่งที่ถูกกำหนดไว้โดยการกระทำของผู้ทรงพลัง คือหมายถึงสิงที่อัลลอฮฺทรงกำหนด และกอฏอคือการสร้างสรรค์
ในนิยาม ของกอดอ ที่อุลามะอิสลามได้อธิบายไว้ ได้จำแนกทั้งสองนี้ออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. มุบรอม (กอดอที่ตายตัว)
2. มุอัลลัก (กอดอที่ไม่ตายตัว)
อธิบาย มุบรอม คือ สิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั้น หมายถึง การกำหนดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อาทิ บิดามารดาผู้ให้กำเนิดเป็นใคร เกิดมาเป็นชนชาติใด เกิดที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร ( แต่เกิด )
ส่วน มุอัลลัก คือ การกำหนดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากผลกรรมต่างๆ และการขอดุอา อาทิ ต้องเรียนถึงมีความรู้ ต้องทำงานถึงจะมีเงินใช้
สิ่งเหล่านี้เมื่อเรานำพิจารณา จะรู้ว่า มนุษย์นั้นต้องทำงาน หากเขาทำงาน ก็จะได้รับเงินเดือน อันเป็นภาคผลของการกระทำของเขา
เช่นกัน หากเขาไม่ได้ทำงาน เขาก็จะไม่ได้รับเงินเดือน อันหมายถึง เขานั้นไม่มีเงินทองใช้จ่าย
หากกล่าวทั้งสองนี้ เป็นผลจากการกำหนดสภาวะของพระองค์ แต่ก็มิได้หมายความว่า บุคคลทั้งสองนั้น ทำตามคำสั่งใช้ของพระองค์แต่อย่างใด
มิเช่นนั้นแล้ว การที่บุคคลหนึ่งทำงาน กับอีกบุคคลไม่ทำงานนั้น พวกเขาเหล่านั้น ก็จะโทษว่าเป็นเพราะกำหนดของพระเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
เพราะการที่เขาจะทำงาน หรือไม่ทำงานนั้น พระองค์มิได้บังคับเขา หรือสั่งให้เขานั้นได้ทำอย่างนั้น หรืออย่างนี้
ขออธิบาย คำกล่าวของ คุณสับสน ดังนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมสงสัยว่าทำไม สิ่งที่เลวมาจากเราเอง (แต่ผมไม่บังอาจ เข้าใจว่าพระองค์ทรงอธรรมเหมือนที่คุนคิดแทนผม)
ถ้าสิ่งที่เลวมาจากเราเอง แสดงว่าเรามีอำนาจ มีเดชานุภาพที่สามารถทำสิ่งเลวเกิดขึ้น
(แต่ผมไม่ได้เข้าใจอย่างนั้น) ผมเข้าใจว่าไม่ว่าสิ่งดีหรือสิ่งไม่ดีล้วนมาจากเดชานุภาพและการอนุมัติของอัลลอฮ(ซบ.)ทั้งสิ้น
เพราะบ่าวผู้อ่อนแอไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าไม่ได้รับการอนุมัติจากพระองค์ และไม่มีเดชานุภาพที่จะลิขิตความไม่ดีให้ตัวเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขออธิบายอย่างนี้ว่า ผมขอสาบานต่ออัลลอฮฺผมมิได้คิดแทนคุณว่า อัลลอฮฺทรงอธรรม อย่าคิดว่าผมคิดแทน นี่คือสิ่งที่คุณเข้าใจเอง
ผมขอกล่าวว่า ผมยกตัวอย่างว่า หาพระองค์ทรงบังคับให้คนหนึ่งคนใดเลว นั้นแหละจะหมายถึง พระองค์นั้นจะทรงอธรรมแก่เขา
อันหมายถึง อัลลอฮฺจะทรงสร้างมนุษย์เพื่อให้เขาตกนรก โดยเป็นสิ่งพระองค์ทรงประสงค์ ให้เขาตกนรก กระนั้นหรือ ?
นี่คือ สิ่งที่เรียกว่าเป็นนัยยะ เป็นปุจฉา ให้คุณสับสน ได้พิจารณา มิใช่กล่าวหาว่า คุณคิดเช่นนั้น ซุบฮานัลลอฮฺ
เอาล่ะมาดูต่อ คุณกล่าวว่า ถ้าสิ่งที่เลวมาจากเราเอง แสดงว่าเรามีอำนาจ มีเดชานุภาพที่สามารถทำสิ่งเลวเกิดขึ้น นั้นคือ สิ่งหนึ่งที่ผมกำลังจะกล่าว
และ การที่คุณกล่าวว่า ผมเข้าใจว่าไม่ว่าสิ่งดีหรือสิ่งไม่ดีล้วนมาจากเดชานุภาพและการอนุมัติของอัลลอฮ(ซบ.)ทั้งสิ้น นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด
เพราะ การงานทุกอย่างนั้น ล้วนเป็นอนุมัติจากพระองค์ทั้งสิ้น แต่มิได้หมายความว่า คนทำเลวนั้น พระองค์ทรงให้เขาทำเลว อันนี้ต่างกัน
แต่ เพราะบ่าวผู้อ่อนแอไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าไม่ได้รับการอนุมัติจากพระองค์ และไม่มีเดชานุภาพที่จะลิขิตความไม่ดีให้ตัวเอง กลับถูกต้องบางส่วน
กล่างคือ มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ลิขิต ขอบเขต หรือคะแนน ความไม่ดีของเขา แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำความไม่ดีของเขา
จึงสรุปได้ว่า ความเข้าใจของคุณ ก็หมายถึง เข้าใจครึ่ง ไม่เข้าครึ่ง ซึ่งจะขออธิบายต่อดังนี้
จากที่ผมได้นำเสนอคร่าวแล้ว เราก็จะเข้าใจได้ว่า การที่ พระองค์ทรงกำหนดสภาวะต่างๆ มานั้น มีอยู่สองประการ คือ มันถูกเปลี่ยนแปลงได้ กับไม่ได้ และยังเป็นสมการแบบตายตัวอีกด้วย ( กอดัร )
ดังนั้น จากอีกรูปแบบหนึ่ง กล่าวคือ ดวงจันทร์จะโคจรรอบโลก เป็นต้น ในลักษณะสมการ เช่นนี้ เช่นนั้น ซึ่งอธิบายได้ว่า
หากเราตั้งสมการว่า 2+1 เราก็จะเข้าใจได้ว่า คำตอบเป็น 3 หรือ หากเราเขียนเช่นนี้ว่า 2 + x = 3 เราก็จะได้คำตอบ x เป็น 1
จากตรงนี้ เราตั้งสมมุติฐานว่า หากสมการเป็นเช่นนี้ คือ ทำงาน + ดุอา = ริสกี นี่แหละคือสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว
สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ คือ 1. อามาลของเรา 2. คำวิงวอนของเรา และผลของมันก็จะได้ประสบผลสำเร็จ
เช่น อายะอัลกรุอาน ความว่า
"และพระเจ้าของพวกเจ้าตรัสว่า จงวิงวอนขอต่อข้า ข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้า ส่วนบรรดาผู้โอหังต่อการภักดีนั้น จะข้าไปอยู่ในนรกอย่างต่ำต้อย"
อัลกรุอาน 40 : 60
และด้วย กอดอ ของมันที่ถูกกำหนดไว้แล้วนั้น จะพบกับสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวของมันเป็น ( โดยมนุษย์ ) ดังโองการนี้
"อำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงประทานลูกหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงประทานลูกชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์"
อัลกรุอาน 42 : 49
ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ และกำหนดมาเรียบร้อยแล้ว คำถามที่น่าสงสัยตามมาว่า ?
หากพระองค์ทรงกำหนด มาแล้วไซร้ เหตุใด พระองค์จึงสั่งใช้ให้เรานั้น ได้ขอวิงวอน ต่อพระองค์อีก ? เหตุใด จึงเป็นเช่นนั้น
จากฮะดิส บทหนึ่ง ท่านร่อซู้ล ได้กล่าวว่า "การวิงวอนนั้น จะต่อสู้กับ กำหนดของพระองค์นั้นจนวันกิยามะ"
ในฮะดิสบทนี้ กล่าวถึงการฟาดฟัน กันระหว่าง กำหนด ที่พระองค์ทรงตั้งไว้ กับ ดุอาที่เราวิงวอนขอ ซึ่งหมายถึง การเปลี่ยนแปลงกำหนดของพระองค์ในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้
ดังที่กล่าวมาแล้ว เช่น อยากดีมีจน ชื่อเสียง เงินทอง มิตรสหาย ชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งเหล่านี้ถูกกำหนดมาแล้ว แต่ในความหมายที่กว้าง และอิสระ
ซึ่งอุลามะ ได้ให้ความหมายของมันว่า "สภาวะที่ถูกกำหนด แต่เจตนารมณ์อิสระ"
เราจึงเข้าใจได้ว่า สิ่งที่เราร่ำเรียนมาแต่เดิมที่กล่าวว่า "ความดีและความชั่วนั้นมาจากพระองค์ทั้งสิ้น"
จึงเป็นเพียงสโลแกน ให้จดจำง่าย ซึ่งมันไม่ผิดเพี้ยน แต่ประโยคนั้นมิได้อธิบายถึงให้กระจ่างในตัวของมัน
เพราะสิ่งที่พระองค์กำหนดนั้นคือ การกระทำเช่นนี้ได้เข้าสวรรค์ การกระทำเช่นนี้ตกนรก แต่เรานั้นมีปัญญา ดังอายะอัลกรุอาน ที่กล่าวว่า "พระองค์นั้นทรงประทานสติปัญญามา"
ซึ่ง สอดคล้องกับ การฮิดายะ ต่อ มนุษย์ 5 ประการ คือ ( ขออภัย จำชื่ออาหรับไม่ได้ )
1. ฮิดายะ ขั้นพื้นฐาน กิน ขับถ่าย สืบพันธ์ นอน ( มีอยู่ในสัตว์ทั่วไป )
2. ฮิดายะ ขั้นต่อมา ให้การมีสติ รู้จักควบคุมตนเอง รู้คุณโทษ
3. ฮิดายะ ขั้นกลาง ให้มีสติปัญญา รู้จักคิดไตร่ตรอง มีความอิสระทางความคิด ( มนุษย์ที่สมบูรณ์ทั่วไปพึงมีถึงขั้นนี้ )
4. ฮิดายะ ให้บุคคลใด บุคคลหนึ่ง เป็นมุสลิม ( มีเฉพาะผู้ที่เป็นมุสลิม )
5. ฮิดายะ ให้บุคคลใด บุคคลหนึ่ง คงความเป็นมุสลิม ( มีเฉพาะผู้ที่จากดุนยาในสภาพมุสลิม )
ดังนั้น สิ่งที่พระองค์ทรงประทานมาเหล่านี้ จะสอดคล้องกับ สิ่งที่พระองค์นั้นทรงกำหนดมา แต่เดิม กับสิ่งที่พระองค์ทรงกล่าวในอายะที่ว่า
" พระองค์ทรงบัญชา ( มาลาอิกะ ) ให้บันทึก 4 ประการ คือบันทึกปัจจัยยังชีพ(ริสกี)ของเขา , บันทึกวาระที่เขาจะตาย , บันทึกการปฏิบัติของเขา , และบันทึกว่าเขาเป็นคนดีหรือคนเลว"
กล่าวคือ เป็นสมการ หรือกำหนดให้แก่ตัวของเขา ในการกระทำเป็นเฉพาะบุคคล เช่น คนนี้ต้องทำอะไรจึงเข้าสวรรค์ คนนี้ต้องทำอะไรจึงเข้าสวรรค์เป็นต้น
เช่น ฮะดิสท่านร่อซู้ลกล่าวว่า "มีซอฮาบะมาถามท่านถึงการเข้าสวรรค์ ท่านตอบว่า แม่ แม่ และ แม่ ส่วนซอฮาบะอีกท่านมาถามท่านกลับตอบว่า ซอบัร ซอบัร ซอบัร"
ดังนั้น สิ่งที่ถูกบันทึกในแต่ละบุคคลนั้น ย่อมต่างกัน บางคนถูกทดสอบด้วยความร่ำรวย บางคนถูกทดสอบด้วยความจน บางคนถูกทดสอบด้วยความอัปลัก ความพิการ บางคนถูกทดสอบด้วยความสวยงามของเขา
แต่เราต้องเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้ นั้น เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงรู้มาแต่เดิม พระองค์ทรงรู้ถึงการกระทำของเขาจวบจนเขานั้น ตายจากดุนยาไปแล้วด้วยซ้ำ
กล่าวเช่นนี้ เราจึงถามว่า เหตุใด ? พระองค์จึงไม่ให้พวกเขาเหล่านั้น ลงนรก หรือ ขึ้นสวรรค์เลย กล่าวเช่นนี้ เพราะมนุษย์นั้นมีสติปัญญา พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเขายังมิได้ทำผิดอันใด
เฉกเช่นหากเราอยู่หน้าตำรวจ คงมีน้อยคนที่จะขับรถฝ่าไฟแดง และนี่หากอยู่ใกล้ชิดพระองค์แล้ว ใครเล่าจะกระทำการเช่นนั้น พวกเขาจะมีข้ออ้างในสิ่งพระองค์ทรงตัดสิน และจะเกิดคำถามเกี่ยวกับพระองค์ในเรื่องความยุติธรรม
ดังนั้นแม้พระองค์ทรงรู้ แต่เราผู้เป็นบ่าว กลับไม่รู้ และจำต้องกระทำไปในสิ่งที่เรานั้นต้องกระทำ ในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ( ไม่ได้บังคับ )
ตัวอย่าง เช่น ผมใช้ให้คุณซื้อน้ำ แต่การไปซื้อน้ำ คุณอาจจะเดินไป วิ่งไป หรือนั่งรถไป อันนี้ก็แล้วแต่คุณ เป็นต้น นี่แหละคือสิ่งที่อัลลอฮฺนั้นได้ตั้งกฎไว้ ให้มีความอิสระระหว่างเรากับพระองค์
ตรงกับฮะดิส อีกบท ที่กล่าวว่า "ศาสนานั้นเป็นเรื่องง่ายดาย"
ในส่วนจากอัลกรุอาน ได้กล่าวว่า "อัลลอฮฺผู้ทรงเมตตา ปราณีเสมอ"
ดังนั้น ด้วยความเมตตาของพระองค์ พระองค์จึงมิได้ทรงให้บ่าวของพระองค์นั้นทำเลว กล่าวเช่นนี้จืงหมายความว่า ความเลวที่เกิดนั้นมาจากตัวของเขาเองทั้งสิ้น
แต่นั้นคือ ความเลวที่เขาได้เลือก และมาจากความเชื่อของเขา ซึ่งพระองค์มิได้ทรงขัดขวาง เฉกเช่นผู้ที่พระองค์มิทรงประสงค์ให้เขาได้รับแสงสว่าง
เขาจึงได้ทำความเลว ตามอิสระ ตามที่ใจเขาต้องการ เพียงแต่ผลของมันนั้น อยู่ในหนทางที่หลงผิด
จากที่เราได้หยิบยกเรื่อง เยี่ยมญาติจะมีริสกี ก็เฉกเช่นการวิงวอนขอ ที่ได้กล่าวอธิบายในเรื่องของ การดุอา ในฮะดิสร่อซู้ล
นั้นหมายถึง สิ่งที่เป็น มุอัลลัก นั้น จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันจะเปลี่ยนแปลงตามสิ่งที่เราเชื่อมั่น ในปัจจุบัน และอนาคต ตราบเท่าที่พระองค์นั้นทรงอนุมัติให้มันเกิด ( ซึ่งพระองค์นั้นทรงรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว นี่คือความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ) อัลลอฮฺอักบัร
เช่นกัน พระองค์จึงสั่งใช้ให้เรานั้น ดุอา ขอต่อพระองค์ ซึ่งในอัลกรุอานใจความว่า "สูเจ้าจงขอ แล้วพระองค์จะทรงให้สิ่งนั้น"
จริงๆ แล้วเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อน เพราะมันเป็นเรื่อง อะกีดะ และเป็นรุก่น หนึ่งที่จะเติมเต็ม ความสมบูรณ์ในอิสลาม
พี่น้องต้องเข้าใจว่า หากเรื่องการมีพระเจ้า กำหนดของพระเจ้า เรายังตอบตัวเองไม่ได้ เราก็คงตอบคนอื่น ( กาเฟร ) ไม่ได้เช่นกัน
และเรื่องนี้ยาวมากแน่นอน ซึ่งจะขอพักให้ได้อ่านทำความเข้าใจ และตรวจสอบข้อมูลอีกที ( กลัวพิมพ์ผิด )
ปล. เรื่องนี้ เราต้องเข้าใจ คุณลักษณะของอัลลอฮฺ ก่อนนะที่จริงแล้ว เพราะมันเกี่ยวพันกันหมด
ซึ่งผมจะขอกล่าวสั้นๆ ว่า .. "พระองค์เป็นผู้ทรงกำหนดทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงอยู่เหนือมัน ความดีและความชั่ว โดยความดีความชั่วมาจากพระองค์ทรงกำหนด แต่มิได้ทรงกระทำให้บังเกิดความชั่ว เพราะ พระองค์นั้นมิได้ทรงผิดพลาด และทรงอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นทั้งปวง" ( นอกเหนือจากกฎเกณฑ์ )
"ดุอาผิด ชีวิตเปลี่ยน"
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...