ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความกระจ่าง และสนทนา เรื่อง"กอฎอรและกอฎัร"  (อ่าน 15808 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
 salam

ญะซากัลลอฮุคอยรอนค่ะ

วัสลามุอะลัยกุม
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ khata

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 209
  • เพศ: หญิง
  • ซอบัร ซอบัรและซอบัร
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
ก็มันวัฮฮาบีนิ จะหมดได้ยังไง แล้วยังไม่ยอมรับตัวเองอีก

 

เข้าของกระทู้ถามแบบต้องมีโต้เถียง  ไม่ใช่ถามแบบต้องการขอความรู้อย่างแท้จริงตามหลักการอิสลาม

ต้องเรียนรู้ถึงมารยาทการถามด้วยก็จะดีไม่น้อย  ไม่ใช่มีผู้ตอบให้แล้ว  จะเถียงกลับอย่างเดียว  แบบนี้ไม่ใช่การถามที่ถูกต้องน่ะครับ

ดังนั้นการถามเพื่อความเข้าใจ  กับการถามเพื่อการโต้ตอบ  มันต่างกันลิบลับ

สรุปคือกลิ่นไอของความเป็นวะฮาบีย์ยังไม่หมดสิ้น

 
salam

เรื่องนี้ก็เข้าใจอีกอย่างอย่างก็คือ....อัลลอฮฺจะทรงให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์....ท่านสับสนขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺสิค่ะให้มีความเข้าใจและกระจ่าง..ในกฎกอฎดกอฎัรของพระองค์.....

อธิบายเป็นคำพูดไม่เป็นแต่เข้าใจค่ะ....เพราะได้รับบททดสอบเยอะ...จนรู้ว่า.ทุกอย่างอัลลอฮฺได้กำหนดไว้แล้ว...และในเรื่องที่เราจะกระทำความดี กับความชั่วก็ย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง...


[อีกเรื่อง...ที่น้องอิลฮามและumry

ไม่อยากให้ว่าใครเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เลยค่ะ....มันดูเหมือนแบ่งแยก...การที่เค้าจะเป็นแบบนั้น แบบนี้...แต่เราไม่รู้ด้วยหรอกว่า เค้าอาจจะเป็นที่มีอิคลาศ ละหมาดครบถ้วนสมบูรณ์ หรือเป็นที่พึงพอพระทัยต่ออัลลออฮฺก็ได้...อย่าไปตัดสินใครเลยค่ะ...


เราเชื่อว่าทุกคนอยากเป็นที่รักและโปรดปรานของอัลลอฮฺ....และก็อยากตามแบบอย่างที่ดีของท่านรอซูลลุลลอฮฺกันทุกคน....แบบที่ใครเป็นก็คิดว่าแบบฉันนี้แหละซุนนะห์...ไม่อยากให้ว่าใคร....[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 08, 2009, 04:36 PM โดย khata »
ฉันไม่มีอะไรพิเศษหรอก หากอัลลอฮฺไม่ประสงค์ให้ฉันเป็น

ฉันจะขอยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
^
เห็นด้วย ไม่อยากให้ว่าใคร

แต่ก็ต้องดูเหมือนกันว่าใครว่าใครก่อน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
คุณสับสนครับ กลับมาก่อนเถิด
ผมมิได้ มีเจตนาไม่ดีเลย เพียงแต่อยากให้คุณเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ให้ถูกต้อง ( อย่างน้อยก็ให้มากกว่าเดิม )

ที่ผมถามคุณ ด้วยความจริงใจเลย อันเนื่องมาจากคุณนั้นบอกว่า ตัวเองนั้นเข้าใจ
ซึ่งผมจำเป็นต้องถามความเข้าใจของคุณ เพื่อดูว่า คุณเข้าใจแบบไหน
เพราะครั้นผมจะนำเสนอไป ก็ดันไปตรงกับที่คุณเข้าใจเสียอีก มันก็ป่วยการ
แต่พอผมจะปล่อยให้ผ่านไป ความเห็นของคุณมันก็ไม่ถูกต้อง กลายเป็นไม่ตรงกับที่ผมสื่อไปตอนแรก

เราเลยต้องมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ เป็นถามตอบ เพื่อทบทวนความเข้าใจ ทั้งผม ทั้งคุณ และพี่น้องหลายๆ เข้าหากัน
เพื่อที่พวกเราจะได้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันได้ เข้าใจเหมือนๆ กัน ไม่ใช่คนนึงเข้าใจทางหนึ่ง อีกคนเข้าใจทางหนึ่ง

ดังนั้น ตรงนี้ ที่ผมได้นำเสนอไปใหม่นั้น คุณสับสน มีความเห็นว่าอย่างไร ?
แล้วคิดเห็นอย่างไรกับ คำตอบ ที่ผมตอบไป ทั้ง 3 ข้อ
รวมทั้ง คำชี้แจง ในประโยค .. .. "สิ่งดีมาจากอัลลอฮฺ และสิ่งที่ชั่วมาจากมนุษย์"

หวังว่าเราคงมีโอกาสเสวนากันอีก
อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...

subson

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุนสำหรับความหวังดี   มารออ่านข้อ4ครับ

แล้ว คนอื่น เขาเข้าใจกันหมดแล้วหรือ ไม่เห็นเขาสงสัยกันเลย

แต่ดูๆไปคำอธิบายของคุนไม่ต่างกับที่ผมเข้าใจเลย  จะต่างกันก็ที่การอธิบาย(ไม่ถนัด ไม่สันทัด บางครั้งเข้าใจถูก อธิบายไม่ถูก)


ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
ขอบคุนสำหรับความหวังดี   มารออ่านข้อ4ครับ

แล้ว คนอื่น เขาเข้าใจกันหมดแล้วหรือ ไม่เห็นเขาสงสัยกันเลย

แต่ดูๆไปคำอธิบายของคุนไม่ต่างกับที่ผมเข้าใจเลย  จะต่างกันก็ที่การอธิบาย(ไม่ถนัด ไม่สันทัด บางครั้งเข้าใจถูก อธิบายไม่ถูก)

คนอื่นในเวปนี้นั้นส่วนมากแล้วจะเข้าใจเป็นส่วนมากแล้วนะครับเพราะเขาเหล่านั้นจะมีพื้นฐานเดิมในการเรียนโรงเรียนฟัรดูอีนภาคบังคับมาก่อนแล้ว และ

การเรียนซีฟัต20และเรื่องกอดอกอดัรที่ปอเนาะที่เรียนมาดังนั้นจึงไม่มีใครค้านในเรื่องนี้

แต่พออ่านคำถามของคุณสับสน หลายคนที่ยนี้พากันแปลกใจในสิ่งที่คุณถามนะครับ [/b]
บังกอดัรเลยอาสาสร้างความเข้าใจให้กับคุณสับสนไงละคับ


ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
นี่แหละ ถึงต้องเรียนกับคนสอน มาศึกษาเองไม่เข้าใจหรอก
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
 salam

ใช่เลยครับ  ต้องเรียนกับผู้สอน   :o ::)

วัสสาลาม
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ครับคุณสับสน ทีนี้เราก็เข้าใจว่า มนุษย์ทุกคนนั้นมีความสามารถ ตามอายะอัลกรุอาน ที่พระองค์ทรงกล่าวว่าเรานั้นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อน
อย่างไรก็ดี ความสามารถที่ได้มา บางครั้ง ในสิ่งหนึ่งก็มีมากกว่าผู้อื่น ซึ่งก็เป็นบททดสอบอีกแบบหนึ่ง บางคนอาจจะถูกทดสอบด้วย ความสวย  บางคนอาจจะถูกทดสอบด้วย ความรวย หรือบางคนอาจจะถูกทดสอบด้วยความสามารถ
นี่เป็นสิ่งยืนยันเลยครับว่า คนที่มีความสามารถ คนที่มีความรู้ บางครั้งนั้น ถูกทดสอบมากกว่าเสียอีก เช่น มีความรู้แล้วตักเตือนพี่น้อง ช่วยเหลือพี่น้องแค่ไหน เป็นต้น
เอาล่ะมาถึงข้อ 4 เช่นเดิม ผมจะตอบคำถามสั้นๆ ง่ายๆ แล้วค่อยมาอธิบายด้วยตัวบททีหลังนะครับ ดังนี้

ข้อ 4. เมื่อพระองค์ทรงให้คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งสมบูรณ์ พระองค์นั้นทรงเท่าเทียมกันอย่างไร ?
(อธิบายพื้นฐานคำตอบ) ในที่นี้ แบ่งได้ 2 นัยยะ จริงๆ แล้วเราต้องเข้าใจว่า การที่เรามีความสามารถ ที่จะสามารถทำอะไรๆ นั้น ได้อย่างอิสระ ก็จริงอยู่ แต่ทั้งหมดนั้นล้วนอยู่บนกฎที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น
อันหมายถึง หากมีทางเลือก 1 กับ 2 ก็หมายความว่า หากเราเลือก 1 ก็เป็นทางที่พระองค์ทรงกำหนดไว้แล้วแต่เดิม และหากเราเลือก 2 ก็เป็นทางที่พระองค์นั้นทรงกำหนดไว้แล้วอีกเช่นกัน
โดยที่ทั้ง 1 และ 2 นั้น ต่างก็จะต้องถูกทดสอบเช่นกัน แต่แตกต่างจากที่อีกทางหนึ่ง ( รูปแบบ ) เช่นตัวอย่าง เลือกทำงาน ก็จะถูกทดสอบเรื่องการงาน เลือกตกงาน ก็จะถูกทดสอบเรื่องไม่มีงาน เป็นต้น
* เหตุผล ที่ต้องอธิบาย เนื่องจากว่า ยุคปัจจุบันนี้ มีผู้คนหลายคนนัก ที่เข้าใจ บททดสอบของอัลลอฮฺแตกต่างไป จนยกสิ่งที่เขาประสบทั้งหมดนั้นเป็นกำหนดของอัลลอฮฺ ( สิ่งที่ไม่ดีที่เขาพบเจอ ) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
สิ่งที่พวกเขาต้องเข้าใจคือ แม้ว่าเขาจะเลือกทางใด พวกเขานั้นก็ต้องเจอบททดสอบทั้งนั้น มิใช่ว่าพวกเขาเลือกอย่างใด อย่างหนึ่งแล้วพวกเขาจะรอดพ้นมัน
อินชาอัลลอฮฺ ไว้เรามาพูดถึงบททดสอบของอัลลอฮฺกันต่อ...

(คำตอบ) สรุปในขั้นต้น ของความเท่าเทียม ของบุคคลที่สมบูรณ์ กับบุคคลที่พิการนั้น อธิบายได้ว่า
1. พวกเขานั้นเลือกของเขาเอง โดยมาจากพระองค์ที่ทรงกำหนดรากฐานของมันมาแต่เดิม แต่พวกเขานั้นไม่ตระหนักถึงมัน
2. พวกเขานั้นถูกเลือกบททดสอบด้วยพระองค์ ซึ่งเท่าที่พวกเขานั้นมีความสามารถ โดยไม่มากกว่านั้น หรือน้อยกว่านั้น
ซึ่ง พระองค์นั้นทรงเลือกบททดสอบที่เหมาะสมกับเขาอยู่เสมอ แม้ว่าเขานั้นจะปฎิบัติ หรือเจตนารมณ์เช่นไร ก็ตาม

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

subson

  • บุคคลทั่วไป
 คุนGoddut  กล่าวว่า * เหตุผล ที่ต้องอธิบาย เนื่องจากว่า ยุคปัจจุบันนี้ มีผู้คนหลายคนนัก ที่เข้าใจ บททดสอบของอัลลอฮฺแตกต่างไป จนยกสิ่งที่เขาประสบทั้งหมดนั้นเป็นกำหนดของอัลลอฮฺ ( สิ่งที่ไม่ดีที่เขาพบเจอ ) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

******************************************************************************************

ผมว่าคุนอธิบายสั้นๆจนผมรู้สึกเสียวๆยังไงไม่รู้กลัวคนอื่นที่ไม่เข้าใจจะชีริกอ่ะ 

ในอัลกุรอานระบุว่า"และพวกเจ้าจะไม่สมประสงค์สิ่งใดเว้นแต่อัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลกจะทรงประสงค์ "81:29

สิ่งที่เขาประสบทั้งหลายนั้นคือสิ่งที่อัลลอฮฺ อนุมัติให้เกิด บางสำนวนก็กล่าวว่า ได้ถูกกำหนด  บางสำนวนก็กล่าวว่า ตามความประสงค์

 อีกโองการระบุว่า “จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า จะไม่ประสบแก่เราเป็นอันขาด นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้กำหนดไว้แก่เราเท่านั้น  ซึ่งพระองค์เป็นผู้คุ้มครองเรา และแด่อัลลอฮฺนั้น มุอฺมินทั้งหลายจงมอบหมายเถิด”  9:51

ดังนั้น ความเห็นของผมคือให้ผู้อ่านย้อนไปอ่านคำอธิบายของคุนGoddut  ก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็ให้คุนGoddut   ใส่วงเล็บไว้ว่า

สิ่งที่ที่ไม่ดีที่เขาเลือก เขาเลือกเอง ทำเอง โดยอัลลอฮ(ซบ.)ไม่ได้บังคับ และห้ามไว้ในอัลกุรอานแล้ว  แต่สิ่งที่เขาประสบนั้น ก็คือความประสงค์ของพระองค์

ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นได้ถ้าอัลลอฮ(ซบ.)ไม่อนุมัติให้มันเกิด   เพราะศาสนาของเราไม่ได้มีพระเจ้า2องค์เหมือนศาสนาอื่นๆที่มีพระเจ้าแห่งความดีควบคุมเรื่องดีๆ และเรื่องไม่ดีมาจากพระเจ้าแห่งความเลว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 11, 2009, 09:33 PM โดย สับสน »

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณที่คุณสับสน ช่วยแนะนำ
จริงๆ แล้วผม ขยายความนิดนึง ตามที่ได้เรียนไปจากประโยค ดังกล่าว ซึ่งมีใจความว่า ...
* เหตุผล ที่ต้องอธิบาย เนื่องจากว่า ยุคปัจจุบันนี้ มีผู้คนหลายคนนัก ที่เข้าใจ บททดสอบของอัลลอฮฺแตกต่างไป จนยกสิ่งที่เขาประสบทั้งหมดนั้นเป็นกำหนดของอัลลอฮฺ ( สิ่งที่ไม่ดีที่เขาพบเจอ ) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

ซึ่งทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความประสงค์ของพระองค์อยู่แต่เดิม ก่อนหน้าแล้ว และทรงกำหนดมาเป็นมาตราฐานอยู่ก่อนหน้าแล้วเช่นกัน ( ก่อนที่บ่าวของพระองค์จะรู้สึก )
คนบางคนนั้น ที่ผมได้สัมผัส พบเจอมาด้วยตัวเอง ผมขอยกตัวอย่าง กรณีหนึ่ง ซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงกล่าวแนะนำพวกเขาไว้ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับเพิกเฉย

ตัวอย่างจาก ( เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ) หนุ่มสาวคู่หนึ่งก่อนแต่งงาน
ญ คนหนึ่งได้เหนียต และขอดุอา ต่ออัลลอฮฺ ขอให้นางนั้นได้แต่งงานกับผู้ชายคนไหนก็ได้ที่มีอีหม่าน ภายในระยะเวลาหนึ่ง ( หมายถึง อาจจะภายใน 1 เดือน หรือ อาจจะ 1 ปี เป็นต้น )
ส่วน ชาย คนหนึ่งได้เหนียต และขอดุอา ต่ออัลลอฮฺ ขอให้เขานั้นได้แต่งงานกับ ญ สาวคนไหนก็ได้ที่มีอีหม่าน ภายในระยะเวลาหนึ่ง  ( หมายถึง อาจจะภายใน 1 เดือน หรือ อาจจะ 1 ปี เป็นต้น )

เมื่อทั้งสองได้แต่งงานอยู่ร่วมกันแล้ว ในช่วงแรก ก็ประสบปัญหาชีวิตคู่ เช่น การไม่เข้าใจกัน การทะเลาะในเรื่องสิ่งชอบพอของแต่ละฝ่าย การเข้าหน้ากับญาติพี่น้องของอีกฝ่ายไม่ได้
แล้วพวกเขาทั้งสองจึงได้กล่าวว่า ( เมื่อพวกเขารู้สึกตัว ) พวกเขาจึงกล่าวว่า "นี้เป็นบททดสอบของอัลลอฮฺ"

แต่ในความเป็นจริงๆ แล้ว ไม่ว่าเขาจะเลือกแต่งงานกันทั้งสองหรือไม่ พวกเขาจำต้องเจอบททดสอบจากพระองค์อยู่ดี เพียงแต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปนั้นเอง
สิ่งที่ทำให้เขาทั้งสองนั้นมีปัญหา หากเราพิจารณาให้ดีแล้วนั้น พวกเขามิได้ทำตามคำแนะนำของพระองค์ดังที่พระองค์นั้นทรงได้ชี้แนวทางที่เหมาะสมให้

ความว่า "สูเจ้าจงขอ แล้วพระองค์จะทรงให้" และ "พระองค์นั้น มิได้เป็นผู้ทรงตระหนี่" ( บทย่อความจากอายะอัลกรุอาน )
ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การขอต่อพระองค์นั้น มิได้มีข้อจำกัด แต่เราผู้ซึ่งเป็นบ่าวนั้น กลับที่จะจำกัดในดุอา หรือบทวิงวอนต่อพระองค์เสียเอง
เมื่อเขาทั้งสอง ตั้งใจและแสวงหา ตามความสามารถที่พระองค์ได้ให้กับพวกเขา เขาจึงได้แต่งงานกัน โดยทั้งสองนั้นมีอีหม่าน และได้แต่งงานในเวลาที่กำหนดไว้แล้ว

ด้วยเหตุนี้ จึงอธิบายได้ว่า พระองค์นั้นทรงประสงค์ให้กับบ่าวของพระองค์ตามที่พวกเขาร้องขอ แต่บททดสอบของเขานั้นอยู่นอกเหนือที่บ่าวของพระองค์เหล่านั้นร้องขอพระองค์
เช่นกัน หากเราอยู่ในมักกะระหว่างฮัจย์ คนทั่วไปมักจะไอ เมื่อเราขอต่อพระองค์มิให้ไอ เขาก็จะไม่ไอ แต่เขาอาจจะถูกทดสอบเรื่องอื่นอีก เช่น ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า มนุษย์นั้น เป็นผู้เลือก (เหนียต) และ ปฏิบัติ ( อามาล ) ของพวกเขานั้น ตามที่พวกเขานั้นยินยอมของเขาเอง
แต่แน่นอนว่า เมื่อพวกเขาทั้งสองนั้นรู้สึกตัว และรู้ตัวแล้ว การที่พวกเขาทั้งสองมีอีหม่านที่ดี จึงทำให้พวกเขาทั้งสองนั้นเข้าหาพระองค์ ดุอาขอต่อพระองค์และยินยอมรับในบททดสอบเหล่านี้
จึงไม่แปลกใจว่า ในอนาคตของพวกเขาจะได้พบกับความผาสุข ตามที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้แล้ว และตามซุนนะที่ท่านร่อซู้ลได้ใช้ให้เรานั้นต่อสู้กับกำหนดของอัลลอฮฺอย่างถูกวิธี

ดังนั้น การวิงวอนร้องขอ ต่อพระผู้ทรงอภิบาล ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวล ผู้ทรงรู้ ผู้ทรงอำนาจ นั้น
เราจึงจำเป็นต้องขอให้อย่างดีเหมาะสม ยอดเยี่ยม และ ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ( หมายถึงไม่ได้ขอแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยคิดว่ามากเกินไป )

วัลลลอฮฺอะลัม

ส่วนเรื่อง อธิบาย ข้อ 4 นั้นจะตามมาเร็ววันนี้ ครับ ( พอดีเห็นพูดคุยเรื่องนี้ เลยพยายามจะอธิบายก่อน )
อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด

******************************************************************************************

ผมว่าคุนอธิบายสั้นๆจนผมรู้สึกเสียวๆยังไงไม่รู้กลัวคนอื่นที่ไม่เข้าใจจะชีริกอ่ะ 




อะไรทำให้คุณสับสนคิดว่าคนอื่นที่ไม่เข้าใจอ่านแล้วจะก่อให้เกิดชีริกหล่ะคะ?

เอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานในการวัดหล่ะคะ?

     ถามน้องสับสนนิดนึงนะคะ

ถ้าอัลลอฮ์กำหนดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้แล้วหลังจากนั้นพระองค์ทรงประสงค์จะเปลี่ยนสิ่งที่กำหนดไว้เดิมได้หรือไม่ตามความเข้าใจของน้อง  เพราะอะไรคะ?

 loveit:
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

subson

  • บุคคลทั่วไป
[

อะไรทำให้คุณสับสนคิดว่าคนอื่นที่ไม่เข้าใจอ่านแล้วจะก่อให้เกิดชีริกหล่ะคะ?

เอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานในการวัดหล่ะคะ?

     ถามน้องสับสนนิดนึงนะคะ

ถ้าอัลลอฮ์กำหนดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้แล้วหลังจากนั้นพระองค์ทรงประสงค์จะเปลี่ยนสิ่งที่กำหนดไว้เดิมได้หรือไม่ตามความเข้าใจของน้อง  เพราะอะไรคะ?

 loveit:

ครับ  ผมไม่ได้บอกว่าคนอื่นไม่เข้าใจ (คนที่เข้าใจก็ผ่านไปไม่พูดถึง)  กลัวคนที่ไม่เข้าใจ 

ที่ว่าชีริกคือ กลัวเขาจะคิดว่า ความไม่ดีที่พบเห็นนั้นไม่เกี่ยวกับผู้สร้างแต่อย่างใด  นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้สร้างพระเจ้าขึ้นมาอีก1 คือพระเจ้าที่บริหารสิ่งที่ไม่ดี

เป็นการสร้างพระเจ้าอีก1 มาเทียบเคียงผู้สร้างของเรา กลายเป็นว่ามีพระเจ้าแห่งความดี(กำหนดเฉพาะสิ่งดีๆ)กับพระเจ้าแห่งความเลว(บริหารสิ่งที่ไม่ดี) เหมือนพวกบูชาไฟเขาเข้าใจกัน


สิ่งที่กำหนดมาแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้  แต่สมุดบันทึกที่อยู่กับมลัก(ที่ถูกบันทึกเมื่ออยู่ในครร ) สามารถเปลี่ยนแปลงได้  ส่วนสมุดบันทึกที่อยู่ ณ อัลลอฮ(ซบ.) ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย
   แล้วก๊ะเข้าใจว่าไงบ้างครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 12, 2009, 04:12 PM โดย สับสน »

ออฟไลน์ binti

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 261
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาตนอกเรื่องหน่อยนะ

คือ นั่งอ่านมานานแล้ว  อ่านไปก็ระวังใจตัวเองไป  เหนื่อยนะ

อยากรู้ว่า ถ้าเราหลีกเลี่ยงที่จะไม่สนทนากับใครเรื่องกอฏอกอดัร 

เพราะกลัวว่าคุยไปคุยมาแล้วความเข้าใจของตัวเองจะเขว

หรือที่เรียกง่ายๆว่า อากีดะห์เสีย  อย่างนี้เราจะมีความผิดกรณีไม่ศึกษาหาความรู้หรือไม่


คือตัวเองเนี่ย  ก็ไม่ได้เรียนรู้อะรัยมากมาย ซักเท่าไหร่หรอก 

และก็ไม่ฉลาดพอที่จะคิดอะไรได้ซับซ้อน ลึกซึ้ง เหมือนคู่สนทนาที่นี่

เพียงรับรู้และเข้าใจกับตัวเองตามที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กเรื่อง  กอฏอกอดัรว่า 

-กำหนดสภาวะการณ์มาจากอัลลอฮ์ทั้งสิ้น

 แต่พระองค์สร้างมนุษย์ให้มีสมอง คิดเองได้  เลือกเองได้ว่าเป็นคนดี หรือคนเลว

  ซึ่งอัลลอฮ์รู้อยู่แล้วว่าเราจะเลือกยังงัย

-อัลลอฮกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างมาให้เรา ไม่ว่าจะเกิดอะรัยขึ้นกับเรา

  นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว  พระองค์จึงเลือกให้เกิดขึ้นกับเรา

- เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องกอฏอกอดัร  ของใครแต่งไม่รู้จำไม่ได้แล้ว

  แต่ท่านเปรียบเทียบให้เข้าใจเป็นพื้นฐานว่า กำหนดของอัลลอฮ์กับความสามารถของมนุษย์

  เปรียบดั่ง  เราอยู่ในเรือที่แล่นอยู่กลางทะเล (เราไม่ใช่คนขับ)

  คือ อัลลอฮ์เป็นผุ้กำหนดว่าเรือนั้นจะแล่นไปทิศไหน ที่ใด  เราไม่สามารถรู้และกำหนดเองได้

  แต่เรามีอิสระที่จะทำอะรัยบนเรือนั้นก็ได้  แต่เราไม่สามารถออกนอกเรือนั้นได้

  เพราะอัลลอฮ์กำหนดความสามารถมาให้เราจำกัดเฉพาะในเรือนั้น




ถ้าเราทำความเข้าใจอากีดะห์พื้นฐานแค่เนี้ยเพียงพอมั้ยสำหรับการเป็นมุสลิมที่หวังจะให้อัลลอฮ์พอพระทัย

หรือเราต้องทำความเข้าใจมากกว่านี้อีก


คือโดยส่วนตัวคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับตัวเองที่จะยึดมั่นอิสลามแล้ว 

เพราะถ้าขืนคิดอะรัย  สงสัยอะรัยมากเกินกว่าที่สมองของเราจะคิดได้  มันเสี่ยงต่อการเสียอากีดะห์

เลยพยายามยึดมั่นเท่าที่สมองและจิตใจตัวเองจะสามารถ 
อัสตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ศึกษาสิ เรียน กีตาบฟารีดัฮก็ได้ ปลอดภัย แต่ต้องเข้าครู
ไม่ก็ฟังไฟล์เสียงในเว็บนี้พลางๆถ้าหาที่เรียนไม่ได้ ไม่เข้าใจก็ถามผู้รู้ (ที่ไม่ใช่วัฮฮาบี)
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged