เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ขอความกระจ่าง และสนทนา เรื่อง"กอฎอรและกอฎัร"
Goddut:
ขอบคุณที่คุณสับสน ช่วยแนะนำ
จริงๆ แล้วผม ขยายความนิดนึง ตามที่ได้เรียนไปจากประโยค ดังกล่าว ซึ่งมีใจความว่า ...
* เหตุผล ที่ต้องอธิบาย เนื่องจากว่า ยุคปัจจุบันนี้ มีผู้คนหลายคนนัก ที่เข้าใจ บททดสอบของอัลลอฮฺแตกต่างไป จนยกสิ่งที่เขาประสบทั้งหมดนั้นเป็นกำหนดของอัลลอฮฺ ( สิ่งที่ไม่ดีที่เขาพบเจอ ) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
ซึ่งทุกอย่างนั้นล้วนเป็นความประสงค์ของพระองค์อยู่แต่เดิม ก่อนหน้าแล้ว และทรงกำหนดมาเป็นมาตราฐานอยู่ก่อนหน้าแล้วเช่นกัน ( ก่อนที่บ่าวของพระองค์จะรู้สึก )
คนบางคนนั้น ที่ผมได้สัมผัส พบเจอมาด้วยตัวเอง ผมขอยกตัวอย่าง กรณีหนึ่ง ซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงกล่าวแนะนำพวกเขาไว้ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับเพิกเฉย
ตัวอย่างจาก ( เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ) หนุ่มสาวคู่หนึ่งก่อนแต่งงาน
ญ คนหนึ่งได้เหนียต และขอดุอา ต่ออัลลอฮฺ ขอให้นางนั้นได้แต่งงานกับผู้ชายคนไหนก็ได้ที่มีอีหม่าน ภายในระยะเวลาหนึ่ง ( หมายถึง อาจจะภายใน 1 เดือน หรือ อาจจะ 1 ปี เป็นต้น )
ส่วน ชาย คนหนึ่งได้เหนียต และขอดุอา ต่ออัลลอฮฺ ขอให้เขานั้นได้แต่งงานกับ ญ สาวคนไหนก็ได้ที่มีอีหม่าน ภายในระยะเวลาหนึ่ง ( หมายถึง อาจจะภายใน 1 เดือน หรือ อาจจะ 1 ปี เป็นต้น )
เมื่อทั้งสองได้แต่งงานอยู่ร่วมกันแล้ว ในช่วงแรก ก็ประสบปัญหาชีวิตคู่ เช่น การไม่เข้าใจกัน การทะเลาะในเรื่องสิ่งชอบพอของแต่ละฝ่าย การเข้าหน้ากับญาติพี่น้องของอีกฝ่ายไม่ได้
แล้วพวกเขาทั้งสองจึงได้กล่าวว่า ( เมื่อพวกเขารู้สึกตัว ) พวกเขาจึงกล่าวว่า "นี้เป็นบททดสอบของอัลลอฮฺ"
แต่ในความเป็นจริงๆ แล้ว ไม่ว่าเขาจะเลือกแต่งงานกันทั้งสองหรือไม่ พวกเขาจำต้องเจอบททดสอบจากพระองค์อยู่ดี เพียงแต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปนั้นเอง
สิ่งที่ทำให้เขาทั้งสองนั้นมีปัญหา หากเราพิจารณาให้ดีแล้วนั้น พวกเขามิได้ทำตามคำแนะนำของพระองค์ดังที่พระองค์นั้นทรงได้ชี้แนวทางที่เหมาะสมให้
ความว่า "สูเจ้าจงขอ แล้วพระองค์จะทรงให้" และ "พระองค์นั้น มิได้เป็นผู้ทรงตระหนี่" ( บทย่อความจากอายะอัลกรุอาน )
ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การขอต่อพระองค์นั้น มิได้มีข้อจำกัด แต่เราผู้ซึ่งเป็นบ่าวนั้น กลับที่จะจำกัดในดุอา หรือบทวิงวอนต่อพระองค์เสียเอง
เมื่อเขาทั้งสอง ตั้งใจและแสวงหา ตามความสามารถที่พระองค์ได้ให้กับพวกเขา เขาจึงได้แต่งงานกัน โดยทั้งสองนั้นมีอีหม่าน และได้แต่งงานในเวลาที่กำหนดไว้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ จึงอธิบายได้ว่า พระองค์นั้นทรงประสงค์ให้กับบ่าวของพระองค์ตามที่พวกเขาร้องขอ แต่บททดสอบของเขานั้นอยู่นอกเหนือที่บ่าวของพระองค์เหล่านั้นร้องขอพระองค์
เช่นกัน หากเราอยู่ในมักกะระหว่างฮัจย์ คนทั่วไปมักจะไอ เมื่อเราขอต่อพระองค์มิให้ไอ เขาก็จะไม่ไอ แต่เขาอาจจะถูกทดสอบเรื่องอื่นอีก เช่น ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า มนุษย์นั้น เป็นผู้เลือก (เหนียต) และ ปฏิบัติ ( อามาล ) ของพวกเขานั้น ตามที่พวกเขานั้นยินยอมของเขาเอง
แต่แน่นอนว่า เมื่อพวกเขาทั้งสองนั้นรู้สึกตัว และรู้ตัวแล้ว การที่พวกเขาทั้งสองมีอีหม่านที่ดี จึงทำให้พวกเขาทั้งสองนั้นเข้าหาพระองค์ ดุอาขอต่อพระองค์และยินยอมรับในบททดสอบเหล่านี้
จึงไม่แปลกใจว่า ในอนาคตของพวกเขาจะได้พบกับความผาสุข ตามที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้แล้ว และตามซุนนะที่ท่านร่อซู้ลได้ใช้ให้เรานั้นต่อสู้กับกำหนดของอัลลอฮฺอย่างถูกวิธี
ดังนั้น การวิงวอนร้องขอ ต่อพระผู้ทรงอภิบาล ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวล ผู้ทรงรู้ ผู้ทรงอำนาจ นั้น
เราจึงจำเป็นต้องขอให้อย่างดีเหมาะสม ยอดเยี่ยม และ ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ( หมายถึงไม่ได้ขอแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยคิดว่ามากเกินไป )
วัลลลอฮฺอะลัม
ส่วนเรื่อง อธิบาย ข้อ 4 นั้นจะตามมาเร็ววันนี้ ครับ ( พอดีเห็นพูดคุยเรื่องนี้ เลยพยายามจะอธิบายก่อน )
อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...
คนเดินดิน:
--- อ้างจาก: สับสน ที่ ต.ค. 11, 2009, 09:14 PM ---
******************************************************************************************
ผมว่าคุนอธิบายสั้นๆจนผมรู้สึกเสียวๆยังไงไม่รู้กลัวคนอื่นที่ไม่เข้าใจจะชีริกอ่ะ
--- End quote ---
อะไรทำให้คุณสับสนคิดว่าคนอื่นที่ไม่เข้าใจอ่านแล้วจะก่อให้เกิดชีริกหล่ะคะ?
เอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานในการวัดหล่ะคะ?
ถามน้องสับสนนิดนึงนะคะ
ถ้าอัลลอฮ์กำหนดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้แล้วหลังจากนั้นพระองค์ทรงประสงค์จะเปลี่ยนสิ่งที่กำหนดไว้เดิมได้หรือไม่ตามความเข้าใจของน้อง เพราะอะไรคะ?
loveit:
subson:
--- อ้างจาก: คนเดินดิน ที่ ต.ค. 12, 2009, 03:54 PM ---[
อะไรทำให้คุณสับสนคิดว่าคนอื่นที่ไม่เข้าใจอ่านแล้วจะก่อให้เกิดชีริกหล่ะคะ?
เอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานในการวัดหล่ะคะ?
ถามน้องสับสนนิดนึงนะคะ
ถ้าอัลลอฮ์กำหนดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้แล้วหลังจากนั้นพระองค์ทรงประสงค์จะเปลี่ยนสิ่งที่กำหนดไว้เดิมได้หรือไม่ตามความเข้าใจของน้อง เพราะอะไรคะ?
loveit:
--- End quote ---
ครับ ผมไม่ได้บอกว่าคนอื่นไม่เข้าใจ (คนที่เข้าใจก็ผ่านไปไม่พูดถึง) กลัวคนที่ไม่เข้าใจ
ที่ว่าชีริกคือ กลัวเขาจะคิดว่า ความไม่ดีที่พบเห็นนั้นไม่เกี่ยวกับผู้สร้างแต่อย่างใด นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้สร้างพระเจ้าขึ้นมาอีก1 คือพระเจ้าที่บริหารสิ่งที่ไม่ดี
เป็นการสร้างพระเจ้าอีก1 มาเทียบเคียงผู้สร้างของเรา กลายเป็นว่ามีพระเจ้าแห่งความดี(กำหนดเฉพาะสิ่งดีๆ)กับพระเจ้าแห่งความเลว(บริหารสิ่งที่ไม่ดี) เหมือนพวกบูชาไฟเขาเข้าใจกัน
สิ่งที่กำหนดมาแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สมุดบันทึกที่อยู่กับมลัก(ที่ถูกบันทึกเมื่ออยู่ในครร ) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนสมุดบันทึกที่อยู่ ณ อัลลอฮ(ซบ.) ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย แล้วก๊ะเข้าใจว่าไงบ้างครับ
binti:
ขออนุญาตนอกเรื่องหน่อยนะ
คือ นั่งอ่านมานานแล้ว อ่านไปก็ระวังใจตัวเองไป เหนื่อยนะ
อยากรู้ว่า ถ้าเราหลีกเลี่ยงที่จะไม่สนทนากับใครเรื่องกอฏอกอดัร
เพราะกลัวว่าคุยไปคุยมาแล้วความเข้าใจของตัวเองจะเขว
หรือที่เรียกง่ายๆว่า อากีดะห์เสีย อย่างนี้เราจะมีความผิดกรณีไม่ศึกษาหาความรู้หรือไม่
คือตัวเองเนี่ย ก็ไม่ได้เรียนรู้อะรัยมากมาย ซักเท่าไหร่หรอก
และก็ไม่ฉลาดพอที่จะคิดอะไรได้ซับซ้อน ลึกซึ้ง เหมือนคู่สนทนาที่นี่
เพียงรับรู้และเข้าใจกับตัวเองตามที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กเรื่อง กอฏอกอดัรว่า
-กำหนดสภาวะการณ์มาจากอัลลอฮ์ทั้งสิ้น
แต่พระองค์สร้างมนุษย์ให้มีสมอง คิดเองได้ เลือกเองได้ว่าเป็นคนดี หรือคนเลว
ซึ่งอัลลอฮ์รู้อยู่แล้วว่าเราจะเลือกยังงัย
-อัลลอฮกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างมาให้เรา ไม่ว่าจะเกิดอะรัยขึ้นกับเรา
นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว พระองค์จึงเลือกให้เกิดขึ้นกับเรา
- เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องกอฏอกอดัร ของใครแต่งไม่รู้จำไม่ได้แล้ว
แต่ท่านเปรียบเทียบให้เข้าใจเป็นพื้นฐานว่า กำหนดของอัลลอฮ์กับความสามารถของมนุษย์
เปรียบดั่ง เราอยู่ในเรือที่แล่นอยู่กลางทะเล (เราไม่ใช่คนขับ)
คือ อัลลอฮ์เป็นผุ้กำหนดว่าเรือนั้นจะแล่นไปทิศไหน ที่ใด เราไม่สามารถรู้และกำหนดเองได้
แต่เรามีอิสระที่จะทำอะรัยบนเรือนั้นก็ได้ แต่เราไม่สามารถออกนอกเรือนั้นได้
เพราะอัลลอฮ์กำหนดความสามารถมาให้เราจำกัดเฉพาะในเรือนั้น
ถ้าเราทำความเข้าใจอากีดะห์พื้นฐานแค่เนี้ยเพียงพอมั้ยสำหรับการเป็นมุสลิมที่หวังจะให้อัลลอฮ์พอพระทัย
หรือเราต้องทำความเข้าใจมากกว่านี้อีก
คือโดยส่วนตัวคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับตัวเองที่จะยึดมั่นอิสลามแล้ว
เพราะถ้าขืนคิดอะรัย สงสัยอะรัยมากเกินกว่าที่สมองของเราจะคิดได้ มันเสี่ยงต่อการเสียอากีดะห์
เลยพยายามยึดมั่นเท่าที่สมองและจิตใจตัวเองจะสามารถ
ILHAM:
ศึกษาสิ เรียน กีตาบฟารีดัฮก็ได้ ปลอดภัย แต่ต้องเข้าครู
ไม่ก็ฟังไฟล์เสียงในเว็บนี้พลางๆถ้าหาที่เรียนไม่ได้ ไม่เข้าใจก็ถามผู้รู้ (ที่ไม่ใช่วัฮฮาบี)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version