เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
ขอความกระจ่าง และสนทนา เรื่อง"กอฎอรและกอฎัร"
Goddut:
ถูกต้องครับ
ดุอา คือ อาวุธ ของมุมิน ตามที่ผมได้เคยเสนอไปแล้วว่า "มันจะต่อสู้กับ กำหนดของอัลลอฮฺ จนถึงวันกิยามะ"
subson:
ทีนี้มาดูต่อว่า คนที่พิการกับคนที่ไม่พิการจะเท่าเทียมกันอย่างไร ในมุมมองของผม ก่อนอื่นต้องย้อนไปดูโองการต่างๆดังนี้
มนุษย์คิดหรือว่า พวกเขาจะถูกทอดทิ้งเพียงแต่พวกเขากล่าวว่าเราศรัทธา และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ กระนั้นหรือ? 29:2
แน่นอนยิ่งพวกเจ้าจะถูกทดสอบ ในทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าและตัวของพวกเจ้า
3:186
ทุกชีวิตย่อมลิ้มรสความตาย และเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยด้วยเคราะห์กรรมและความโปรดปราน และพวกเจ้าจะต้องกลับไปหาเราอย่างแน่นอน21:35
จากโองการนี้เห็นได้ว่ามนุษย์ทุกคนต้องถูกทดสอบ แต่อาจจะต่างกันที่รูปแบบ และการทดสอบไม่ได้มีเฉพาะ การทดสอบด้วยเคราะห์กรรมอย่างเดียว ความโปรดปรานก็ถือเป็นการทดสอบได้เช่นกัน เมื่ออัลลอฮฺ ทรงทดสอบมนุษย์ด้วยการประทานความโปรดปราน พระองค์ทรงให้เกียรติแก่เขาด้วยความมั่งมีและความสะดวกสบาย และทรงให้เขามีความสุขสำราญในโลกนี้ด้วยการ มีเกียรติ มีอำนาจ เขาก็จะกล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงประทานความดีต่าง ๆ แก่ฉัน ซึ่งก็เป็นการเหมาะสมดีแล้ว แต่เขาหารู้ไม่ว่า การทดสอบแก่เขานี้ก็เพื่อจะดูว่าเขาจะเป็นผู้ขอบคุณหรือทรยศต่อพระองค์
อีกทั้งมีโองการมายืนยันเรื่องนี้คือโองการที่มีใจความว่าและพระองค์นั้นคือผู้ที่ทรงให้พวกเจ้าเป็นผู้สืบแทนในแผ่นดิน และได้ทรงเทิดบางคนของพวกเจ้าเหนือกว่าอีกบางคนหลายขั้น เพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่พวกเจ้า แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น เป็นผู้รวดเร็วในการลงโทษและแท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตา6:165
แต่กระนั้นก็ตามได้ระบุไว้อีกโองการว่า
ไม่มีชีวิตใดจะถูกบังคับนอกจากเท่าที่ชีวิตนั้นมีกำลังความสามารถเท่านั้น... 2:233
อัลลอฮ์จะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น ชีวิตนั้นจะได้รับการตอบแทนดีในสิ่งที่เขาได้แสวงหาไว้ และชีวิตนั้นจะได้รับการลงโทษในสิ่งชั่วที่เขาได้แสวงหาไว้
2:286
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า แต่ละคนจะได้รับการทดสอบตามความสามารถของตน โดยมีโองการ 48:17 เป็นตัวอย่าง ( คือคนตาบอดคนพิการและคนป่วยจะไม่คิดโทษและเป็นบาปในการที่ไม่ได้ออกไปร่วมทำสงครามเพราะเหตุขัดข้องดังกล่าวและผู้ใดเชื่อฟังและปฏิบัติตามข้อใข้ของอัลลอฮ.และรซูลของพระองค์เขาจะได้รับการตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ส่วนผู้ใดหลีกเลี่ยงจากการทำญิฮาดโดยปราศจากข้อขัดแย้งอัลลอฮ.ก็จะลงโทษเขาทั้งโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮ)
อีกอย่างอัลลอฮ นั้นไม่ได้พิจารณาที่รูปร่างหน้าตา ถึงเขาจะพิการแต่ถ้าเขามีความศรัทธา มีอีหม่าน สุดท้ายก็อาจจะได้เข้าสวรรค์เหมือนๆกับคนอื่นที่สมบูรณ์ ซึ่งคนสมบูรณ์บางคนตกนรกด้วยซ้ำ
เสริมอีกนิด
.โชคร้ายของพวกท่านอยู่ที่อัลลอฮ์ ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่ถูกทดสอบ27:47
Goddut:
ตรงนี้ ความเห็น ของคุณสับสน ผมถือว่า ถูกต้องในสิ่งที่ผมได้ยกตัวอย่างไป 50% ( 1 ใน 2 ข้อ )
ส่วนความเห็นเก่าๆ ที่คุณสับสน เสนอไปนั้น เหมือนกับผมอยู่แล้ว ในข้อของการมีความสามารถ
ประเด็นข้อ 4 ที่ผมแยกออกมา 2 ประเด็น มีดังนี้ได้ว่า
1. พวกเขานั้นเลือกของเขาเอง โดยมาจากพระองค์ที่ทรงกำหนดรากฐานของมันมาแต่เดิม แต่พวกเขานั้นไม่ตระหนักถึงมัน
2. พวกเขานั้นถูกเลือกบททดสอบด้วยพระองค์ ซึ่งเท่าที่พวกเขานั้นมีความสามารถ โดยไม่มากกว่านั้น หรือน้อยกว่านั้น
ดังนั้น ตามความเห็นของคุณ สับสน ด้านบนนั้น ก็เคลียร์โจทย์ที่เป็นคำตอบ ข้อ 2 ได้แล้ว
ส่วนอีกข้อ ( ข้อ 1 ) นั้น จะเป็นตัวชี้ไปยังข้อต่อไป ซึ่งผมถือว่า หากคุณสับสน อธิบายได้ดี
แล้ว ข้อที่ 5 ก็คงเป็นเพียงข้อสุดท้าย แล้ว ที่จะอธิบายเรื่อง กอฎอกอดัร ได้สมบูรณ์ ได้ในระดับหนึ่ง ที่พอจะดะวะพี่น้องที่ยังไม่เข้าใจ และ กาเฟร อีกด้วย
และผมนั้นจะขอเฝ้าดูอยู่ห่างๆ นะครับ เชิญ ต่อได้เลย...
อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...
subson:
ดูเหมือนว่าผมไม่เข้าใจคำถาม หรือผมไม่รู้(ไม่มีข้อมูล) แต่ผมขอดำน้ำไปก่อน boulay:
ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ และไม่มีแม้แต่ในตัวของพวกเจ้าเอง เว้นแต่ได้มีไว้ในบันทึกก่อนที่เราจะบังเกิดมันขึ้นมา แท้จริงนั่นมันเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮ 57:22
และเจ้ามิได้อยู่ในเรื่องหนึ่งเรื่องใด และเจ้ามิได้อ่านบางส่วนจากมันในอัลกุรอาน และพวกท่านมิได้กระทำการใดๆ เว้นแต่เราได้เป็นพยานแก่พวกท่าน ในขณะที่พวกท่านกำลังง่วงอยู่ในเรื่องนั้น และจะไม่รอดพ้นจากพระเจ้าของเจ้า (การกระทำใด ๆ) ที่มีน้ำหนักเท่าธุลี ทั้งในแผ่นดินและในชั้นฟ้า และที่เล็กกว่านั้นและที่ใหญ่กว่านั้นเว้นแต่อยู่ในบันทึกอันชัดแจ้งทั้งสิ้น10:61
ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ และไม่มีแม้แต่ในตัวของพวกเจ้าเอง เว้นแต่ได้มีไว้ในบันทึกก่อนที่เราจะบังเกิดมันขึ้นมา แท้จริงนั่นมันเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮ57:22
พระองค์ทรงรู้จักพวกเจ้าดียิ่ง เมื่อครั้งบังเกิดพวกเจ้าจากแผ่นดิน และเมื่อครั้งพวกเจ้าเป็นทารกอยู่ในครรภ์ของมารดาของพวกเจ้า...53:32
จากโองการเหล่านี้ คงเพียงพอที่จะสรุปว่า พระองค์ทรงรู้ดีว่า เราจะเลือกสิ่งใด เมื่อเราเกิดมาบนโลกนี้ ก่อนที่เราจะเกิดมาด้วยซ้ำ (ด้วยความรอบรู้ของพระองค์)
''ดังนั้นบรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา (มุฮัมมัด) จงระวังตัวเถิดว่า เคราะห์กรรมจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา หรือว่าการลงโทษอันเจ็บปวดจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาเช่นกัน24:63
''และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้ และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว''42:30
...และหากเคราะห์กรรมประสบแก่พวกเขา เนื่องจากน้ำมือของพวกเขาได้ประกอบเอาไว้ ดังนั้นแน่นอนมนุษย์นั้นเป็นผู้เนรคุณเสมอ42:48
ความดีใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากอัลลอฮฺ(เนื่องจากปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงแนะนำไว้)และความชั่วใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากตัวของเจ้าเอง( เนื่องจากฝ่าฝืนคำแนะนำของพระองค์)4:79
จากโองการเหล่านี้ ก็พอจะอธิบายได้ว่า เคราะกรรมบางอย่างที่เราเจอนั้นก็เพราะว่า เราได้เลือกฝ่าฝืนบทบัญญัติ (เราเลือกที่จะฝ่าฝืนเอง โดยไม่มีใครบังคับ และไม่ใช่การดลใจ)
(แต่เคราะกรรมนั้นก็มีข้อดีบางอย่างเช่น คือได้ทำให้บางคนสำนึกผิด อีกทั้งแยกระหว่างผ็ศรัทธากับไม่ศรัทธา)
และขอทิ้งท้ายด้วยโองการ
จงดูเถิด ! เราได้ทำให้บางคนในหมู่พวกเขาดีเด่นกว่าอีกบางคนอย่างไร? และแน่นอนปรโลกนั้นมีฐานะยิ่งใหญ่กว่าหลายชั้น และยิ่งใหญ่กว่าในทางดีเด่น 17:21
และจงอย่าปรารถนาในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงให้แก่บางคนในหมู่พวกเจ้าเหนือกว่าอีกบางคน สำหรับผู้ชายนั้นมีส่วนได้รับจากสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ และสำหรับหญิงนั้นก็มีส่วนได้รับจากสิ่งที่พวกนางได้ขวนขวายไว้ และพวกเจ้าจงขอต่ออัลลอฮฺเถิด จากความกรุณาของพระองค์แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง 4:32
Goddut:
เรื่องที่คุณสับสน กล่าวก็เป็นเรื่องที่หมายถึง กำหนดของอัลลอฮฺ
แต่กำหนดของอัลลอฮฺ อย่างที่เคยกล่าวนั้น ผมพยายาม แยกให้เป็นสองประเด็นในเรื่องของ บุคคลที่พิการ อันจะได้จาก พิการ แต่กำเนิด หรือ พิการ ในวัยต่างๆ
ตรงนี้ ผมพยายาม จะชี้ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ที่เป็นผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงเมตตา และผู้ทรงยุติธรรม
คำถามคือ พระองค์นั้น ทรงยุติธรรมอย่างไร ที่ทำให้ คนบางคนนั้นพิการ
คำตอบที่คุณสับสนได้ตอบไปนั้น ถือว่าดีทีเดียว ในเรื่องความทรงรอบรู้ของพระองค์
ซึ่งอธิบายได้อย่างง่ายๆ คือ พระองค์นั้นทรงรู้ อยู่ก่อนแล้ว
แล้วพระองค์จะให้บททดสอบแก่เขา โดยทรงรู้อยู่แล้วว่า เขาจะผ่านพ้นมันไปได้
อีกนัยนึง ก็หมายความว่า สิ่งที่ไม่ประสบแก่เขา ก็หมายถึง เขานั้นอาจจะผ่านมันไปไม่ได้ ( วัลลอฮฺอะลัม )
หมายถึง บุคคลหนึ่ง หากพิการ แล้วตายในสภาพมุสลิม เขาคือผู้ชนะ แต่ไม่แน่ว่าหากเขานั้น ไม่พิการ เขาก็อาจจะตายในสภาพกาเฟร ก็เป็นได้ ( วัลลอฮฺอะลัม )
ส่วน สิ่งที่สอง ที่ผมกำลังอยากจะให้ คุณสับสน นั้นช่วยอธิบายก็คือ
ความหมายของ การเกิดขึ้นของมัน โดยผมให้นิยามมาว่า
พวกเขานั้นเลือกของเขาเอง โดยมาจากพระองค์ที่ทรงกำหนดรากฐานของมันมาแต่เดิม แต่พวกเขานั้นไม่ตระหนักถึงมัน
ตรงนี้ นั้นหมายถึง การที่เขาได้เลือก อย่างไร มีหลักฐาน ในความเชื่อของมันเอง ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ความสมบูรณ์ของอัลกรุอาน และความเมตตาของอัลลอฮฺ รวมทั้งความยุติธรรมนั้น มีมากเพียงไร
คำตอบของมัน ก็มาจากอัลกรุอาน และ หลักวิทยาศาสตร์ เบื้องต้น ที่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
จากที่คุณสับสน อธิบายว่า ....
เคราะกรรมบางอย่างที่เราเจอนั้นก็เพราะว่า เราได้เลือกฝ่าฝืนบทบัญญัติ (เราเลือกที่จะฝ่าฝืนเอง โดยไม่มีใครบังคับ และไม่ใช่การดลใจ)
ซึ่งตรงนี้ แหละเป็นเครื่องยืนยันว่า มนุษย์นั้น มีความสามารถ และทางเลือกของเขา ที่จะปฏิบัติในขั้นต้นได้
จากที่ เรายกตัวอย่างว่า "เมื่อเป็นไข้ ให้กินยา" หากใครไม่กินยาก็อาจจะไม่หาย
เพราะนั้นคือสิ่งที่อัลลอฮฺนั้นทรงกำหนดไว้แต่เดิม เป็นสมการของมัน ตามหลักฐานดังกล่าวว่า
"พระองค์จะไม่ทรงให้โรคใดๆ มา โดยไม่มียารักษา ยกเว้นโรคชรา"
ดังนั้นการเกิดโรค หรือการเกิดทุกสรรพสิ่งนั้น ก็เป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ ที่ถูกกำหนดไว้โดยพระองค์แล้ว
เราสามารถตอบความพิการได้สองแบบ ในกรณีข้างต้น คือ
1. พิการแต่กำเนิด
2. พิการในวาระต่างๆ
1. การพิการแต่กำเนิดนั้น มีอยู่หลายปัจจัย การแต่งงาน ในวัยที่ไม่เหมาะสม หรือ ตั้งครรภ์แล้วมิได้ดูแลเอาใจใส่ต่อมัน รวมทั้งการแต่งงานในเครือญาติ โดยเฉพาะพี่น้องนั้น ถูกกล่าวไว้ในบทบัญญัติแล้ว
เมื่อมีการฝ่าฝืนเกิดขึ้น จึงได้รับผลตามที่พระองค์นั้นทรงกำหนดไว้แล้ว แน่นอนมันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติข้อห้ามต่างๆ ที่มีอยู่
2. พิการในวาระต่างๆ อันได้แก่ พิการแขนขา จากอุบัติเหตุ หรือ จากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งได้ถูกกล่าวเตือนไว้อีกเช่นกัน
หากเรามาพิจารณา จะเห็นว่า การพักผ่อนก็ดี การกินอยู่ก็ดีนั้น ล้วนมีแนวทางทั้งสิ้น จากอัลกรุอาน และ ท่านนบี เช่น การรับประทานเนื้อสัตว์ การรับประทานอาหารทะเล
จากกระทู้ที่เราเคยคุยกันว่า สัตว์ทะเลนั้นทานได้ แต่ไม่ใช่หมายถึงปลาน้ำจืด ที่มีพยาธิ ซึ่งแน่นอนเป็นภัยต่อเรา ดังนั้นบางคนจึงเจ็บไข้ได้ป่วยจากการรับประทานปลาน้ำจืดดิบๆ เป็นต้น
อีกเช่นกันว่า การกระทำต่างๆ นั้น เมื่อฝ่าฝืน ในคำเตือน หรือสั่งห้ามของมันแล้ว ก็จึงบังเกิดผลตามมา
สรุป ทั้งสอง ว่า เหตุใด เราจึงเรียกว่า ความเมตตา และยุติธรรม
มันหมายถึงว่า ความเมตตา ของพระองค์นั้น หมายถึง ความเมตตาต่อทุกสิ่งในดุนยาทั้งหมด ไม่มียกเว้น ใครทำได้ถูกกำหนดที่พระองค์ทรงตั้งไว้ หรือใครฝ่าฝืนจึงต้องได้รับผลของมัน ทันทีในโลกนี้ ( เรื่องดุนยา )
เช่น คนมุสลิม ชอบกินเนื้อ จนบางคนกลายเป็นโรคไต แต่คนกาเฟร กินผักผลไม้ ก็เลยมีอายุยืน ( ท่านนบีนั้นไม่ได้ทานเนื้อสัตว์เป็นประจำ และท่านนั้นไม่ชอบของร้อน ๆ ตามฮะดิสที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน )
หรือ คนมุสลิมชอบกินนอนไม่ทำงาน ก็จน กลับกัน คนกาเฟรขยันทำงาน ก็รวย ( อิสลามให้เรานั้นทำงาน ตามวลีที่ว่า "จงทำงานเหมือนที่จะไม่ตาย แต่จงทำอิบาดะเหมือนจะตายวันพรุ่งนี้" )
หรือ คนมุสลิมไม่ออกกำลังกาย ก็เลยอ้วน ไม่แข็งแรง แต่คนกาเฟร ออกกำลังกาย ก็เลยแข็งแรง ( ท่านนบีนั้นส่งเสริมการออกกำลังกาย ตามแนวทางของเราคือ มวยปล้ำ ขี่ม้า และยิงธนู )
นี่แหละ คือความเมตตา และ ความยุติธรรม ที่ ไม่เลือกปฏิบัติ จากการที่พวกเขาเหล่านั้นได้ทำในสิ่งที่เหมาะสม และสมควรตามกำหนด ที่พระองค์นั้นได้ทรงแนะแนวทางไว้ให้แล้วนั่นเอง
วัลลอฮฺอะลัม
มาถึงข้อสุดท้ายผมคิดว่าจะทำให้เราเข้าใจเรื่องกำหนดของอัลลอฮฺจนสามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างกระจ่าง คำถามมีอยู่ว่า
ข้อที่ 5. การขอดุอา สามารถเปลี่ยนแปลง อนาคต ของเราได้ หรือไม่ ? หากได้ สิ่งนั้นจะเกี่ยวพันกับ กำหนดของพระองค์เช่นไร ?
( คำตอบอาจจะกว้าง แต่เชื่อว่าจะสรุปที่เดียวกัน )
วัสลาม...
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version