salam
ถึงอิลฮามและโคลงเคลงน้อย...
ถ้าหมายถึงภาพถ่ายเองของฟูจิพี่มีเป็นอัลบัมเลยค่ะ เพราะเคยไปปีนมา...
แต่ถ้าหมายถึงภาพเมฆจานบินบนฟูจิ
อัลฮัมดุลิลละฮฺ ตอนนั้นพี่ทำได้แค่มองอย่างเดียวค่ะ
(ไม่ได้เอากล้องไป...โทรศัพท์ก็แบตหมด...ก็เลยคิดว่า
ถ้าวิ่งกลับไปเอากล้องในกระเป๋ามีหวังกลับมาอีกทีคงไม่ได้เห็นแล้ว
ก็เลยยืนดูยืนเก็บความสวยงามแล้วถ่ายภาพเอาไว้ในความทรงจำแทน
แอบอิจฉาคนที่เขาได้ภาพสวยๆไปเหมือนกันนั้น...

)
แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้แค่มองค่ะ แม้ไม่สามารถเก็บภาพสวยๆนั้น
มาเป็นของตัวเองได้

พออ่านฮิกัมบทที่16 ก็เลยนึกถึงภาพนั้นเข้า
เลยลองค้นหาดู เพราะคิดว่าต้องมีคนที่เอามาโพสลงเนตแน่ๆ

^
^
คุณAHMD
ใช่แล้วค่ะ...หมายถึง...ภูเขาไฟฟูจิยาม่าหรือฟูจิซัง...
เพราะคำว่า "ยาม่า" แปลว่า"ภูเขา"ค่ะ...
ชื่อภูเขาไฟลูกนี้ก็คือ"ฟูจิ"...คนทั่วไปจะเรียกว่า "ฟูจิซัง"
เพราะว่า คำว่า"ซัง" นั้นแปลว่า"ภูเขา" ซึ่งคือคันจิตัวเดียวกับคำว่า "ยาม่า"ค่ะ
(อักษรตัวเดียวอ่านได้สองเสียงน่ะค่ะ)...
แต่คำว่า"ซัง"จะกินความหมายลึกตรงที่เวลาเรียกชื่อคน จะลงท้ายว่า"ซัง"
เพื่อเป็นการให้เกียรติด้วยค่ะ...เช่น AHMDซัง อะไรแบบนี้น่ะค่ะ
ดังนั้น พอเรียกว่า "ฟูจิซัง"จึงกินลึกถึงสองความหมาย
คือหมายถึง..."ภูเขาฟูจิ" และ "คุณฟูจิ"ไปด้วยในตัวนั่นเองค่ะ...
ซึ่งเขาลูกนี้เป็นภูเขาไฟที่สวยที่สุดและสูงที่สุดในญี่ปุ่นและในโลก
ด้วยความสูง 3776เมตรค่ะ...ไม่มีต้นไม้และต้นหญ้าแม้แต่ต้นเดียวค่ะ
มีปล่องภูเขาไฟอยู่บนยอดเขาสูงสุด...ซึ่งตั้งเด่นอยู่ที่เมือง"ชิซุโอกะ"
เมืองที่เพิ่งโดนทั้งไต้ฝุ่น สึนามิและแผ่นดินไหวถล่มพร้อมกัน
เมื่อเดือนที่แล้วนี่เองค่ะ...ตรงกับคืนที่กลุ่มเพื่อนของโด่โด่ที่ยังไม่เคยปีนฟูจิ
เขาไปปีนกันพอดีค่ะ...
บอกตรงๆเลยค่ะว่า ฟูจิซังให้อะไรมากมายกับโด่โด่
เขาจะปีนกันตอนกลางคืนค่ะ...ตอนอยู่ตรงตีนเขานั้นฝนตกหนักเลยค่ะ
เลยต้องสวมชุดกันฝน พอเลยกลุ่มเมฆไปได้ ก็จะไม่มีฝนแล้วค่ะ
(แต่ข้างล่างนั้นฝนยังตกอยู่นะคะ) หลังจากนั้นก็จะเริ่มหนาวถึงหนาวมากเลยค่ะ
ติดลบเลยก็ว่าได้ มีช่วงหนึ่งทำสปอร์ตไลท์ตก มันเลยใช้งานไม่ได้
แถมไม่มีสำรอง แต่โชคดีที่คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง เลยได้แสงจันทร์นำทาง
เพราะเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ไปด้วยกัน ก็มีแค่อันเดียว ทุกคนมีแค่อันเดียวกันทั้งนั้นค่ะ
แล้วก็เป็นแค่ไฟดวงเล็กเอาไว้ส่องสำหรับทางเดินข้างหน้าของตัวเองเท่าน้ัน
เลยส่องให้คนอื่นไม่ได้ โด่โด่ก็เลยเดินงมๆทางไปค่ะ
ที่นั่นมีแต่หินและหน้าผา บางช่วงก็ชวนหวาดเสียว แต่มันก็ท้าทายค่ะ...
เพราะเมื่อขึ้นไปแล้ว การจะลงมาไม่ใช่เรื่องง่่าย
เราก็อยากขึ้นไปให้ถึงยอดกันทุกคน เพราะเรื่องลงเราต้องลงแน่นอนอยู่แล้ว
ตอนนั้นพูดกับเพื่อนว่า จะไม่ลงจนกว่าจะถึงยอด...
เพื่อนเองก็ไม่ไหว เราก็ไม่ไหวกันทั้งคู่ เลยนั่งพักค่ะ แล้วก็ปีนต่อ
มิตรภาพก็เกิดขึ้นบนยอดเขานั้นเช่นกันค่ะ...ดีที่ชอบออกกำลังกาย
โดยการเล่นบาสหลังเลิกเรียนทุกเย็นค่ะ แรกๆเล่นเพราะอยากสูง...อิอิ...
แต่จริงๆแล้วการเล่นบาสนั้นทำให้เราใช้ทุกส่วนของร่างกาย
แม้กระทั่งสมองและสมาธิในระหว่างที่ร่างกายเคลื่อนไหวหลบหลีกไปด้วย
แล้วสิ่งเหล่านั้นก็สามารถนำไปใช้บนยอดภูเขาได้ดีนักแล...

ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวค่ะ อากาศก็น้อย จนแทบหายใจไม่ออก
แต่เราก็เอาถังออกซิเจนอันน้อยไปด้วยค่ะ...บางคนใกล้จะถึงยอดอยู่รอมร่อ
ก็ต้องลงมาเพราะไปไม่ไหว หายใจไม่ออกบ้าง เพราะหากหมดแรงนั้นพักได้
แต่ถ้าหมดใจนั้นยากค่ะ...ดวงจันทร์นั้นใกล้แค่เอื้อมค่ะ แต่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง
จะหยิบกล้องมาถ่ายค่ะ ถึงยอดพอดีตอนตะวันขึ้น คราวนี้แรงมีไม่มี
ก็ต้องฮึดหยิบกล้องมาถ่่ายล่ะค่ะ...ได้ภาพสวยๆมาหลายภาพเลยค่ะ...
เพิ่งรู้ว่าการยืนอยู่เหนือเมฆบนผืนดินที่ไม่ใช่บนเครื่องบินเป็นยังไงก็ตอนนั้นล่ะค่ะ...
แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นได้มันสุดจะบรรยายเลยค่ะ...
แล้วพอถึงยอดแล้วก็ต้องรีบไต่ลงมาอีก เพราะถ้าช้า พระอาทิตย์จะเผาหัวเอาค่ะ
เพราะว่าดวงอาทิตย์เองก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมไม่ต่างจากดวงจันทร์เช่นกันค่ะ
จากฝน สู่หนาว แล้วก็จบลงด้วยร้อนเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเองค่ะ...
คนญี่ปุ่นเขาถึงเปรียบเปรยว่า
การปีนฟูจิได้สำเร็จ โจทย์คณิตที่ว่ายากแค่ไหนก็ง่ายหมด...

ปีนขึ้นไปยากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน ตอนจะปีนลงก็พอๆกันค่ะ
ระยะทางมันเท่าๆกัน...แต่แรงมันน้อยกว่าตอนปีนเท่่านั้นเองค่ะ...
(ได้โอกาสเล่าประสบการณ์ตอนปีนยอดฟูจิให้ฟังพอดี

)
ถึงพี่กอ-กล้วย
โด่โด่ก็ชอบมองท้องฟ้าทั้งกลางวันและกลางคืนเช่นกันค่ะ...
ตอนอยู่เหนือเมฆบนยอดฟูจิกับตอนอยู่เหนือเมฆบนเครื่องบิน
ในยามที่มองลงมาที่เมฆเหล่านั้น
มันบอกให้เราทราบได้อย่างนึงว่า...
"แม้ว่าเมฆจะอยู่เหนือภูเขาที่ว่าสูงแล้ว เมฆที่สวยงาม เมฆที่สร้างภาพโน่นนี่
ให้เราได้ชื่นชมความงามราวกับวิมานนั้น มันก็ได้แค่สร้างภาพไปเรื่อยๆ
ไม่สามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวหรือที่พักพิงให้แก่ใคร
ได้เหมือนกับภูผาที่หนักแน่นที่เรายืนอยู่...นกเองแม้จะบินได้เหนือเมฆ
แต่สุดท้ายนกก็ต้องบินลงมายังพื้นดินกลับรังที่พักอยู่ดีน่ะค่ะ..."
ปล.อินชาอัลลอฮฺ หากมีโอกาสเราคงได้ไปนอนนับดาวด้วยกันนะคะ

เดี๋ยวจะเอาภาพปริศนา หินเดินได้มาโพสค่ะ
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
^___________^