ผู้เขียน หัวข้อ: มีคำถามมาถามเกี่ยวกับ TV MUSLIM THAILAND  (อ่าน 16205 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Fathoni

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Kid d Tum d อัลลอฮฺรู้
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มีคำถามมาถามเกี่ยวกับ TV MUSLIM THAILAND
« ตอบกลับ #75 เมื่อ: ก.ค. 02, 2011, 12:29 PM »
0
 :salam:

แต่ต้องยอมรับ ครับ

พอดีที่บ้านก็มีช่องนี้อยู่ ช่วงอัล กุรอาน นี้ดีครับได้ฟัง  ส่วนช่วงขายยา  ซีดี  หรืออื่น ๆ อีกมากมายก็ไม่เป็นไรเข้าใจ เขามีรายการ 24 ชม.ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นธรรมดา

แต่ที่ไม่ค่อยพอใจก็มีช่วงตอบปัญหา สอนศาสนา ที่ชอบกระแนะกระแหน่ผู้อื่น  ด่าทัศนะอื่นที่แตกต่าง ตัวเองถูกคนเดียว เปิดมาเจอช่วงนี้ทีไรห่วงเด็ก ๆ คนที่ศึกษาอิสลามใหม่ ๆ คนที่มีความรู้ไม่มาก จริง ๆ 3 จวใต้

ตอนนี้เลยมีโครงการเล็ก ๆ ปลูกฝั่งเด็ก ๆ ซะหน่อย  ขออนุญาตเอาความรู้ ข้อมูลในนี้ไปใช้บ้างนะครับ ...
อิสลามสอนฉันให้รู้จักเสียสละเพื่อสังคม แม้สังคมจะจำสิ่งที่ฉันทำไม่ได้เลย

ฉันไม่เคยท้อที่จะทำมันต่อเพราะรู้ว่าอัลลอฮฺจะอยู่ข้างฉัน จะไม่ทิ้งฉันแน่นอน ...

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: มีคำถามมาถามเกี่ยวกับ TV MUSLIM THAILAND
« ตอบกลับ #76 เมื่อ: ก.ค. 02, 2011, 01:23 PM »
0
 :salam:
ขอแจมด้วยคนคับ เห็นว่าไม่ค่อยมีใครตอบตรงประเด็นผู้ถามนะครับ อย่าหาว่าเสือกนะคับ
ที่ถามว่า.
..

...ใครพอทราบบ้างครับว่า TV MUSLIM THAILAND นำเสนอแนวทางในรูปแบบไหนครับ เป็นรูปแบบมัสฮับ หรือไม่ใช่อย่างไรเรามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ..

   
อ้างถึง
เท่าที่ศึกษาและติดตามมาไม่ใชแนวทางมัสหับหนึ่งมัสหับใดครับแต่แนวทางการนำเสนอเนื้อหาความรู้ส่วนมากจะเป็นแนวทางของวะฮาบีมากกว่า เช่นถ้าด้านฟิกกอฮ์จะใช้ฟิกฮ์แบบปะปนซะมากกว่า และตามคำอธิบายของอุลามะที่ตนยึดตาม บางทีของเป็นฟิกฮ์ของอีม่ามมาลิก บ้างก็ใช้ของอัชชาฟีอี บางทีก็ใช้ฟิกฮ์ของ ฮัมบาลี  บ้างของ ดาวูด ซอฮีรีย์ บ้างก็ใช้ของอัชเชาษีย์ แต่พวกเขาก็จะนำแนวทางของอุลามะที่เขาตักลีดที่ตนชอบส่วนมากเป็นพื้นฐานแนะนำหรือชี้แนะความเข้าใจให้ผู้คนรับรู้และจะเป็นแนวทางที่ฝักใฝ่อยู่กับวาฮาบีโดยตรงเช่น ท่าน อัลบานีย์  ท่่านบินบาช ท่านอุษัยมีย์  ท่านมุกบิล ฯลฯซึ่งอุลามะเหล่านี่อยู่บนแนวทางของซุนนะวาฮาบีทั้งนั้น คับ


อ้างถึง
...อยากรู้จริงๆ คือ Wahabi นี่อะมีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วแตกต่างจากมัสฮับไหม หรือปฎิบัติเหมือนกัน....
ยังงัยก็ลองเซิทร์เข้าดูนิยามของวาฮาบีที่เวปนี้ได้ซิคับแล้วจะรู้สิ่งที่ใฝ่หาอยู่...

แต่ที่ผมทราบมานี้คือการตัดสินของปราชญ์แห่งโลกอิสลามที่ได้นำเรื่องอะกีดะฮ์มาเป็นตัวตัดสินว่า  กลุ่มใดคือกลุ่มอะฮ์ลิสซุนนะฮ์และกุล่มใดคือกลุ่มบิดอะฮ์ 

อนึ่ง  คำถามนี้ผมถือว่าไม่จำเป็นต้องตอบเพราะได้นำเสนอหลักการในกระทู้ต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว  แต่ยังมีวะฮาบีย์บางคนเร่งเร้าให้ผมตอบ  ดังนั้นผมจึงขอตอบด้วยใจเป็นธรรมและปราศจากความอคิต  ซึ่งผมจะไม่ตอบแบบเจาะจง  แต่จะบ่งถึงคุณลักษณะของผู้ที่อยู่ในแนวทางบิดอะฮ์เบี่ยงเท่านั้น  และผมก็หวังอย่างยิ่งว่าพี่น้องบางส่วนจะอยู่ในกลุ่มที่หนึ่ง  กล่าวคือ

กลุ่มวะฮาบีย์นั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม :

1. กลุ่มวะฮาบียะฮ์ที่มั๊วะตะดิละฮ์  หมายถึงกลุ่มวะฮาบีย์ที่เป็นกลาง  ไม่กล่าวหาฮุกุ่มบิดอะฮ์ต่อกลุ่มอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรีดียะฮ์แบบเหมารวมว่าเป็นกลุ่มที่บิดอะฮ์เบี่ยงเบน  ซึ่งวะฮาบีย์กลุ่มนี้ถือว่าอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์โดยความหมายรวม โปรดดูกระทู้ ตัวอย่างของจุดยืนนี้ จากกลุ่มที่หนึ่ง

2. กลุ่มวะฮาบียะฮ์ฆุลาฮ์  หมายถึงกลุ่มวะฮาบีย์สุดโต่ง  ซึ่งกลุ่มนี้จะทำการฮุกุ่มบิดอะฮ์ต่อทุกแนวทางที่ไม่เหมือนกับตน  เช่น  ฮุกุ่มแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรียะฮ์และแนวทางอื่น ๆ ที่ต่างจากแนวทางของตนเองว่าเป็นพวกบิดอะฮ์เบี่ยงเบน   ซึ่งวะฮาบีย์กลุ่มนี้จะพรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์โดยมีหลักการที่ตัชบีห์(พรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์คล้ายกลับมัคโลค) และมีหลักการตัจญ์ซีม(พรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์โดยเป็นรูปร่าง)  แน่นอนพวกเขาที่มีคุณลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็นกลุ่มบิดอะฮ์เบี่ยงเบนไม่ใช่อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ โปรดดูกระทู้ ตัวอย่างที่1 , ตัวอย่างที่2 จากกลุ่มที่สองนี้

ดังนั้นแนวทางใดที่ฮุกุ่มตัดสินอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ว่าบิดอะฮ์  ผู้นั้นย่อมอยู่ในแนวทางบิดอะฮ์ , ผู้ใดฮุกุ่มพวกเขากลุ่มหลง  ผู้นั้นคือผู้ที่ลุ่มหลง , และผู้ใดที่ฮุกุ่มพวกเขากาเฟร
 ผู้นั้นย่อมเป็นกาเฟรกลับไปหาตัวเขา  ตามคำฟัตวาของนักปราชญ์ผู้มีคุณธรรมดังต่อไปนี้

ท่านอิมาม อะบุลมุซ็อฟฟัร  อัลอิสฟิรอยีนีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  กล่าวว่า  "และท่านจะทราบว่า  ทุกคนที่ยอมรับด้วยกับหลักการของศาสนานี้ที่เราได้พรรณามันไว้จากหลักศรัทธาของกลุ่มที่ปลอดภัย(คือกลุ่มอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรียะฮ์) เขาย่อมอยู่บนสัจธรรมและอยู่บนหนทางที่เที่ยงตรง  ดังนั้นผู้ใดที่ฮุกุ่มบิดอะฮ์ต่อเขา(ผู้อยู่แนวทางดังกล่าว)  ผู้นั้นย่อมเป็นคนบิดอะฮ์ , และผู้ใดฮุกุ่มเขาว่าลุ่มหลง  ผู้นั้นย่อมเป็นคนลุ่มหลง , และผู้ใดฮุกุ่มเขาเป็นกาเฟร  ผู้นั้นย่อมเป็นคนกาเฟรด้วย"  หนังสืออัตตับซีร ฟิดดีน หน้า 111 ของท่านอิมามอัลอัสฟิรอยีนีย์

ท่าน อิมาม อิบนุ รุชดฺ อัลมาลิกีย์ (ผู้เป็นปู่) (รอฮิมะฮุลลอฮ์) ที่ได้รับฉายานามว่า ชัยค์อัลมัซฮับ (ปรมาจารย์แห่งมัซฮับมาลิกีย์) ฟัตวาว่า "ปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์เหล่านั้น ที่ท่านได้กล่าวชื่อพวกเขามา เป็นส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์ที่เป็นแกนนำของนักปราชญ์แห่งความดีงามและอยู่ในทางนำ  และเป็นบรรดาบุคคลที่จำเป็นต้องดำเนินตามพวกเขา  เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ยืนหยัดช่วยเหลือหลักชาริอะฮ์(บทบัญญัติแห่งอิสลาม) และทำลายสิ่งคลุมเครือต่าง ๆ ของพวกเบี่ยงเบนและลุ่มหลง  พวกเขาได้ทำให้ประเด็นปัญหาต่าง ๆ มีความคลี่คลายและชัดเจน  พวกเขายังอธิบายถึงสิ่งที่จำเป็นต้องยอมรับจากบรรดาหลักการศรัทธา  ดังนั้น  ด้วยการรอบรู้ถึงบรรดาหลักพื้นฐาน(อุซูล)ของศาสนา จึงทำให้พวกเขาเป็นนักปราชญ์ที่แท้จริง  เนื่องจากพวกเขารู้ดียิ่งเกี่ยวกับอัลเลาะฮ์  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่วายิบสำหรับพระองค์  สิ่งที่อนุญาติต่อพระองค์ และสิ่งที่(มุสตะฮีล)เป็นไปไม่ได้จากพระองค์  เพราะประเด็นนิติบัญญัติข้อปลีกย่อยจะไม่สามารถรู้ได้นอกจากต้องรู้หลักอุ ศูล(หลักศรัทธา)เสียก่อน   เพราะฉะนั้น  จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงความประเสริฐและยอมรับถึงสถานะความเป็นแกนนำ ของพวกเขา  ฉะนั้น  พวกเขาย่อมเป็นจุดมุ่งหมายของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า  "ความรู้นี้  ได้แบกรับจากทุก ๆ ผู้สืบทอด(ต่อ ๆ กันมา)  โดยบรรดาผู้ทรงคุณธรรม  ซึ่งพวกเขาจะทำการปฏิเสธจากการบิดเบือนของผู้ที่เลยเถิด  , (ปฏิเสธ)การประกาศศาสนาของบรรดาผู้ที่อธรรม และจากการตีความของบรรดาบุคคลโง่เขลา"  ดังนั้น จะไม่มีการเชื่อว่าพวกเขา(อัลอะชาอิเราะฮ์)ได้อยู่บนความลุ่มหลงและความโง่เขลา นอกจากผู้ที่เขลาเบาปัญญาหรือผู้ที่อุตริกรรมอีกทั้งเบี่ยงเบนออกจากสัจจะธรรมเท่านั้น  และคนหนึ่งจะไม่ประณามอัลอะชาอิเราะฮ์และพาดพิงกล่าวหาไปยังพวกเขาด้วยกับสิ่งที่ไม่พวกเขาไม่ได้ยึดถืออยู่  นอกจาก(คนกล่าวหานั้น)เขาคือคนชั่ว  แท้จริงอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่า ทรงตรัสว่า "บรรดาบุคคลที่สร้างความเดือนร้อนแก่บรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธา หญิง  ด้วยกับสิ่งที่พวกเขาไม่ได้พากเพียรไว้  แน่นอน พวกเขาย่อมแบกรับความมุสาและบาปอันชัดแจ้ง" ฟะตาวา อิบนุ รุชด์ เล่ม 2 หน้า 802  ตีพิมพ์ ดารุลฆ่อร่อบิลอิสลามีย์ เบรุต ฮ.ศ. 1407

ท่านชัยคุลิสลาม อิบนุ ฮะญัร อัลฮัยตะมีย์ ตอบฟัตวาความว่า "บรรดาปวงปราชญ์(อัลอะชาอิเราะฮ์)เหล่านั้น  มิได้เป็นเฉกเช่นที่ผู้ที่แหวกแนวทาง  ออกนอกหลักศาสนา  คาดเดา  ลุ่มหลง  เลยเถิด  โง่เขลา  และเอนเอียงออกจากสัจธรรมเลย  ยิ่งกว่านั้น  พวกเขาเป็นนักปราชญ์แห่งศาสนา  เป็นนักปราชญ์มุสลิมีนที่ยิ่งใหญ่  ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องเจริญรอยตาม  เนื่องจากพวกเขาได้ยืนหยัดช่วยเหลือชะรีอะฮ์ (อิสลาม) และแจกแจงบรรดาข้อสงสัยต่าง ๆ  และทำการโต้ตอบความคลุมเครือจากพวกที่เบี่ยงเบน  และทำการชี้แจงสิ่งที่จำเป็นของหลักความเชื่อ(เอี๊ยะติก๊อต)และหลักการต่าง ๆ ของศาสนา  เนื่องจากพวกเขามีความรู้เกี่ยวกับอัลเลาะฮ์  ในสิ่งที่จำเป็นสำหรับพระองค์  สิ่งที่มุสตะฮีล(เป็นไปไม่ได้)ต่อพระองค์  และสิ่งที่อนุญาตในสิทธิของพระองค์  และจะไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้นอกจากรู้จักถึงหลักศรัทธาพื้นฐานเสีย ก่อน  และจำเป็นต้องยอมรับถึงความประเสริฐของบรรดานักปราชญ์ที่ถูกกล่าวมาข้างต้น และนักปราชญ์ก่อนหน้าพวกเขาด้วย  และพวกเขาก็คือกลุ่มเป้าหมายจากคำกล่าวของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า "ความรู้นี้  ได้แบกรับจากทุก ๆ ผู้สืบทอด(ต่อ ๆ กันมา)  โดยบรรดาผู้ทรงคุณธรรม  ซึ่งพวกเขาจะทำการปฏิเสธจากการบิดเบือนของผู้ที่เลยเถิด  , การประกาศศาสนาของบรรดาผู้ที่อธรรม และจากการตีความของบรรดาบุคคลโง่เขลา"  ดังนั้นจะไม่กล่าวหาว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ลุ่มหลงนอกจากผู้ที่โฉดเขลาหรือผู้ทำบิดอะฮ์ ที่เบี่ยงเบนจากสัจธรรม  ดังนั้น  จึงจำเป็นให้คนไม่รู้ได้ประจักษ์ถึงพวกเขา  คนชั่วต้องถูกลงโทษ  ผู้บิดอะฮ์ที่เบี่ยงเบนจากสัจธรรมที่กระทำมักง่ายด้วยบิดอะฮ์ต้องถูกใช้ให้ เตาบะฮ์" อัลฟะตาวา อัลฮะดีษียะฮ์ อัลกุบรอ หน้า 227  ตีพิมพ์ เอี๊ยะห์อุษตุร๊อษ เบรุต 

ท่านชัยค์  อะบุล  หะซัน  อัลนัดวีย์  ได้กล่าวถึงแนวทางอัลอะชาอิเราะฮ์  ความว่า  "ทั่วทุกมุมโลกอิสลาม  ต้องน้อมรับให้กับวิชาความรู้และและความสำเร็จของปวงปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์...และด้วยความประเสริฐของพวกเขาเหล่านั้น  ทำให้แกนนำเชิงแนวคิดแห่งโลกอิสลามมีการขับเคลื่อน  และสามารถชี้นำกลุ่มมั๊วะตะซิละฮ์ให้กลับไปสู่แนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์"  หนังสือ ริญาลุล ฟิกร์วัดดะอฺวะฮ์ ฟีลอิสลาม หน้า 137 ของท่านอะบุลฮะซัน อัลนัดวีย์

ดังนั้น  ผมจึงอยากจะสรุปให้พี่น้องทราบว่า  วะฮาบีย์ที่ฮุกุ่มอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์บิดอะฮ์  ผู้นั้นแหละอยู่ในแนวทางบิดอะฮ์  ตามที่บรรดาปราชญ์ผู้มีคุณธรรมได้ฟัตวาเอาไว้นั่นเอง  ส่วนกลุ่มพี่น้องวะฮาบีย์ที่มั๊วะตะดิ้ลเป็นกลาง  พวกเขาคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ถึงหากแม้นว่าบางประเด็นที่ต่างกันแต่เราไม่ฮุกุ่มว่าเป็นแนวทางบิดอะฮ์หรือฮุกุ่มกาเฟรต่อกัน  นี่คือเอกลักษ์ของแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  อัลฮัมดุลิลลาฮ์

وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ


....แล้วทำไม อาจารย์ บรรจง ถึง anti จุฬา..

 cool2:
อ้างถึง
เพราะพวกเขาเข้าใจว่า ท่านจุฬาไม่เป็นอะลิสซุนนะวัลญามาอะ และเป็นพวกทำบิดอะที่่พวกเขาพูดในทีวี ของพวกเขาที่เขาตัดสินไว้งัยครับ

...แล้วอาจารย์ ซิดดีก อาจารย์มุสตาฟา นี่ เป็น Wahabi ด้วยหรือไม่...

 loveit:
อ้างถึง
ซิกดิก เป็นเหมือนที่แนวทางที่เขาตักลีดแหละคับ เพราะเขานำเสนอแนวทางของอุลามะที่ตนชอบ

  ส่วนอจ.มุสตอฟา ก็คล้ายๆกัน แต่วางตัวเป็นกลางในบางเรื่องครับ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 06, 2011, 08:57 AM โดย al-ciddix »

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: มีคำถามมาถามเกี่ยวกับ TV MUSLIM THAILAND
« ตอบกลับ #77 เมื่อ: ก.ค. 03, 2011, 01:49 PM »
0
อ้างจาก คุณsharif1
....แล้วที่อาจารย์ๆ ทั้งหลาย เรียนจบจาก ประเทศต้นกำเนิดอิสลามล่ะ หมายความว่ายังไง???

[
อ้างถึง
quote]ก็ต้องมองที่เขาเหล่านั้นได้รับการสอนและเจตนารมซิคับ เมื่อแหล่งที่เขาเหล่านั้นได้ศึกษานั้นมันมีที่มาที่ไปยังไง
ซาอุ ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีหลายเชื้อชาติและหลายศาสนา ดังนั้นสถาบันหรือกระทรวงที่ฝ่ายปกครองหรือมีการจัดระเบียบตามแผนที่วางเอาไว้ และทบวงกรมก็ย่อมตอบสนองนโยบายหลักสูตรที่ทางกระทรวงบรรจุเอาไว้ให้กับบรรดาผู้ที่เป็นนักศึกษา..ดังนั้นผู้ที่จบมาก็ต้องได้รับสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาจากสถาบันนั้น
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ตำราต่างๆหลังจากที่ท่านมุฮำมัดบินอับดุลวาฮาบมีอำนาจร่วมปกครองกับกษัตริย์ซาอูด
นั้นเอามาจากใคร และท่านอับดุลวาฮาบชื่นชอบหรือตักลีดตำราใคร..

ในเมื่อ ที่ผ่านมาตำราก็มาจากท่านผู้นี้ ฉนั้นมันจึงถูกสืบทอดมาจนทุกวันนี้  จึงไม่ผิด ที่บางคนที่ไปศึกษาที่นั้นก็จริงแต่อยู่คนละแนวทางกับเมืองดังกล่าวที่เขาตักลีดกันก็มากมาย(ขึ้นอยู่กับพื้นฐานที่มี)แต่ในขณะบางคนก็ตามแนวทางวะฮาบีชัดเจนแล้วก็นำแนวทางนี่มาเผยแพร่เมืองไทยก็มีเช่นกัน และก็มีผู้ช่วยเหลือ จากหน่วยงานทั้งในและนอกก็มี

ดังนั้นกระบอกเสียงมันเป็นสื่อสำคัญที่จะสะท้อนว่าผู้ที่เผยแพร่นั้นนิยมชมชอบแนวทางใด
อย่าได้คิดว่าซาอุดีเ ป็นแหล่งกำเนิดอิสลามแล้วทุกอย่างคือบทสรุปว่าถูกต้อง..ยังมี.อียิปต์ ปาลิสไตน?ซีเรียฯลฯเหล่านี้ก็คือมี่มาและต่นกำเนิดอิสลามเช่นกัน

ใช่ ท่านนบีเป็นผู้กำเนิดที่นี้ แต่ท่านนบีไม่รู้ว่า ท่านมุฮำมัดบินอับดุลวาฮาบ จะเข้าใจสิ่งที่ท่านนบีเข้าใจหมดหรือไม่และท่านตักลีดตามตำราของผู้ที่ท่านชื่นชอบนั้นจะถูกต้องหรือไม่ เพราะ มันมีทัศนะแตกต่างกันมาก แม้
กรุอ่านและฮาดิสบทเดียวกัน..
ฉนั้น  สถานที่ศึกษษไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สำคัญคือผู้ที่รอบรู้ที่ถูกต้องและโลกที่ปราชย์ยอมรับต่างหากที่ไม่ได้กำจัดอยู่แค่บางกลุ่ม
วัลลอฮูอะลัม
[/quote]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 06, 2011, 08:48 AM โดย al-ciddix »

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: มีคำถามมาถามเกี่ยวกับ TV MUSLIM THAILAND
« ตอบกลับ #78 เมื่อ: ก.ค. 07, 2011, 11:55 AM »
0
...

"จงทำงานศาสนาเพื่อให้อัลเลาะฮ์ยอมรับท่าน  แต่อย่าทำงานศาสนาเพื่อให้มนุษย์ยอมรับท่าน"

คำพูดนี้  ทำให้ต้องคิดหนัก  ...
     

           กดไลค์ให้ไม่อั้นครับ ทำให้ต้องคิดหนักจริงๆ เพราะชัยฏอนจะพยายามหาทุกวิถีทาง เพื่อให้เราไม่ทำความดี หรือหากทำแล้ว ก็ให้ได้แค่ทำ แต่ไร้ผลบุญและความเมตตาจากอัลลอฮฺ เนื่องจากไปติดที่การตะกับบุร, ริยาอ์, อุจุบ, สุมอะฮ์ เป็นต้น น่ากลัวทั้งนั้นเลยครับ วัลอิยาฑุบิลลาฮิมินฑาลิค
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged