ผู้เขียน หัวข้อ: มุสลิมะห์กับการเดินทางโดยไม่มีมะหรอม  (อ่าน 2065 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู

 salam

จากเวบ www.alisuasaming.com

คำถาม

อยากให้ช่วยอธิบายเกี่ยวกับฮุก่มการเดินทางและค้างคืนของผู้หญิง ค่ะ ว่าต้องมีมะหรอมหรือไม่อย่างไร กำหนดระยะทางไว้หรือไม่  ขอหลักฐานที่ชัดเจนด้วยค่ะ

อยากให้ช่วยยกหลักฐานที่เกี่ยวกับการสุหญูดของมุสลิมะห์ปิดหน้าค่ะ เคยทราบมาว่า มีฮะดิษที่ท่านนบีคลุมร่างกายหมดทำการละหมาดแต่นบีก็ยังเปิดบริเวณหน้าผากไว้ มีฮะดีษนี้หรือไม่ แต่เป็นที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่ค่ะ

อยากทราบความหมายของอายะฮกุรอ่านที่อัลลอฮสั่งใช้ให้ มุสลีมะห์อยู่ในบ้าน " และจงอยู่ในบ้านเรือนของพวกเธอและอย่าได้โอ้อวดความงามของพวกเธอเช่นการโอ้อวดความงาม(ของพวกสตรี)แห่งความงมงายในยุคก่อน "(อัลอะหซาบ:33) อยากทราบว่า การทำงานนอกบ้านของมุสลีมะห มีความจำเป็นหรือไม่ ถือเป็นความผิดหรือไม่ ถ้ามุสลีมะห์ คนนั้นไม่ได้มีความเดือดร้อนในด้านการเงิน หากไม่ได้ออกไปทำงาน มุสลีมะห์ คนนั้นจำเป็นที่จะต้องอยู่ในบ้านมากกว่าหรือไม่ ช่วยยกหลักฐานสนับสนุนด้วยค่ะ


ยาซากิลลาฮุคอยรอน

คำตอบ

الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛


1.ในซ่อฮีฮฺ  อัลบุคอรีย์  มีหะดีษระบุว่า  :

لاتُسَافِرِالْمَرْأَةُ ﺋﻼ ﺋﺔَ أَيَّامٍ إلامع ذِىْ مَحْرَمٍ

“สตรีอย่าได้เดินทางเป็นเวลา  3  วันนอกจากพร้อมกับผู้ที่เป็นมะฮฺร็อมฺ”  (ญาติที่ห้ามแต่งงานด้วย) 

และในซ่อฮีฮฺ  มุสลิม  มีหะดีษระบุว่า  :

لاَتَحِلُّ لاِمْرَأَةٍ تُؤمِنُ بِاللهِ وَاليَوْمِ الآخِرِتُسَافِرُمَسِيْرَةَ ﺋﻼثِ لَيَالٍ إلاومَعَهَاذُوْ مَحْرَمٍ

“ไม่อนุมัติสำหรับสตรีที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันสุดท้ายที่นางจะเดินทางในระยะทาง  3  คืน  นอกจากว่ามีผู้ที่เป็นมะฮฺร็อมอยู่พร้อมกับนาง”  ในบางกระแสรายงานระบุระยะเวลาในการเดินทางว่า  1  วัน  1  คืน  (รายงานโดยมาลิก,  อัลบุคอรีย์,  มุสลิม,  อบูดาวูด,  อัตติรมิซีย์และอิบนุมาญะฮฺจากอบีฮุรอยเราะฮฺ)  ในบางกระแสรายงานระบุว่า  ระยะทาง  2  วัน  (รายงานโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม  จากอบี  สะอีด)  ก็มี 



นักวิชาการอธิบายว่า  :  การรายงานที่แตกต่างกันเป็นไปตามความแตกต่างของบรรดาผู้ถามและคำถามของพวกเขา  จึงมีคำตอบจากท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  แตกต่างกันไป  นอกจากว่าท่านอิหม่ามอบีฮะนีฟะฮฺ  (ร.ฮ.)  ได้ให้น้ำหนักกับหะดีษที่รายงานจากท่านอิบนุ  อุมัร  (ร.ฎ.)  ซึ่งระบุระยะเวลาการเดินทาง  3  คืน  และท่านมีความเห็นว่า  ไม่ต้องพิจารณาเรื่องของมะฮฺร็อมนอกจากในการเดินทางไกลที่มีระยะทางให้ละหมาดย่อได้  อันเป็นริวายะฮฺ  (การรายงาน)  หนึ่งจากท่านอิหม่ามอะฮฺหมัด  (ร.ฮ.)  และบรรดาหะดีษเหล่านี้ครอบคลุมการเดินทางทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่วาญิบ  เช่น  เดินทางเพื่อไปเยี่ยมเยือน  (ซิยาเราะฮฺ)  การค้าขายหรือการแสวงหาความรู้  เป็นต้น 



และนักวิชาการฟิกฮฺได้มีทัศนะเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางของสตรีเอาไว้ดังนี้

1.ส่วนหนึ่งยึดตามนัยปรากฏชัด  (ซฺอฮิรฺ)  ของบรรดาหะดีษที่ถูกระบุมา  และถือว่าเป็นที่ต้องห้ามในการเดินทางของสตรีที่ไม่มีมะฮฺร็อมร่วมเดินทางไปด้วยโดยไม่มีข้อยกเว้น  แม้กระทั่งการเดินทางไปประกอบฟัรฎูฮัจญ์ก็ตาม

2.ส่วนหนึ่งยกเว้นสตรีผู้สูงอายุที่ไม่มีปัญหาในเรื่องอารมณ์ทางเพศ  ดังมีการถ่ายทอดจากท่านอัลกอฎีย์  อบุลวะลีด  อัลบาญีย์  จากนักวิชาการสังกัดมัซฮับมาลิกียะฮฺ

3.ส่วนหนึ่งยกเว้นเอาไว้ในกรณีที่สตรีผู้นั้นเดินทางไปพร้อมกับเหล่าสตรีด้วยกัน  ซึ่งไว้เนื้อเชื่อใจได้  หรือเดินทางไปพร้อมกับมุสลิมะฮฺที่เป็นเสรีชนที่เชื่อถือได้เพียงคนเดียวก็พอ

4.ส่วนหนึ่งพิจารณาถึงความปลอดภัยของเส้นทาง  ทัศนะนี้ชัยคุลอิสลาม  อิบนุ  ตัยมียะฮฺ  (ร.ฮ.)  เลือกเอาไว้  และท่านอัลกะรอบีซีย์ได้ถ่ายทอดจากอิหม่ามอัชชาฟิอีย์  (ร.ฮ.)  ในเรื่องการทำฮัจญ์สุนัต  ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  ฮะญัร  (ร.ฮ.)  กล่าวว่า  :  ที่มัชฮู๊ร  (รู้กันดี)  ในหมู่นักวิชาการสังกัดมัซฮับอัชชาฟิอีย์  คือ  กำหนดเงื่อนไขว่าต้องมีสามีหรือมะฮฺร็อม หรือกลุ่มสตรีที่เชื่อถือได้ร่วมเดินทางไปด้วย  ในคำกล่าวหนึ่งระบุว่า  มีสตรีมุสลิมะฮฺที่เชื่อถือได้เพียงคนเดียวก็พอ  ในอีกคำกล่าว  (เกาว์ลุน)  หนึ่งที่อัลกะรอบีซีย์รายงานเอาไว้และเป็นทัศนะที่ถูกต้องในอัลมุฮัซซับ  ระบุว่า  :  นางเดินทางคนเดียวได้เมื่อเส้นทางมีความปลอดภัย



เมื่อปรากฏว่าประเด็นเหล่านี้ถูกกล่าวถึงในเรื่องการเดินทางเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะฮฺ  ก็สมควรถือเป็นมาตรฐานในข้อชี้ขาดสำหรับการเดินทางทั้งหมด  ดังที่นักวิชาการบางท่านได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในเรื่องดังกล่าว  (ฟัตฮุ้ลบารีย์  เล่มที่  4  หน้า  447)  สำนักพิมพ์มุสตอฟา  อัลฮะละบีย์) 



และส่วนหนึ่งจากหลักฐานที่บ่งชี้ว่าอนุญาตให้สตรีเดินทางได้โดยไม่มีมะฮฺร็อมขณะที่มีความปลอดภัยในเส้นทางและมีบรรดาสตรีที่เชื่อถือร่วมเดินทางไปด้วย  คือ  หะดีษที่อิหม่ามอัลบุคอรีย์  รายงานว่า 

ท่านอุมัร  (ร.ฎ.)  ได้อนุญาตแก่บรรดาภริยาของท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ในการประกอบพิธีฮัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่าน  โดยส่งท่านอุสมาน  อิบนุ  อัฟฟานและท่านอับดุรเราะฮฺมานไปพร้อมกับพวกนาง  ซึ่งท่านอุมัรท่านอุสมาน,  ท่านอับดุรเราะฮฺมานและเหล่าภริยาของท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เห็นพ้องกันถึงสิ่งดังกล่าว  และไม่มีซอฮาบะฮฺท่านอื่นใดคัดค้านพวกนางในเรื่องดังกล่าว  ซึ่งถือว่าเป็นอิจญมาอฺ  นักวิชาการได้พิจารณาว่า  การเดินทางในอดีตกับการเดินทางในปัจจุบันมีความแตกต่างกัน  ซึ่งการเดินทางในปัจจุบันเป็นการเดินทางโดยอาศัยเครื่องมือในการขนย้ายผู้โดยสารเป็นหมู่คณะและมีความปลอดภัยในการเดินทาง  (สรุปความจากฟะตาวา  มุอาซิเราะฮฺ  ;  ดร.ยูซุฟ  อัลก็อรฎอวีย์  เล่มที่  1  หน้า  351-353)




2.ตามมัซฮับอัชชาฟิอีย์ ถือว่าจำเป็นต้องเปิดเผยในส่วนของหน้าผากขณะทำการก้มสุหญูดโดยไม่มีสิ่งปิดกั้น  (กิตาบ  อัลมัจญ์มูอฺ  ชัรฮุ้ลมุฮัซซับ  ;  อันนะวาวีย์  เล่มที่  3  หน้า  399-400)  ดังนั้นหากมุสลิมะฮฺปิดหน้าในส่วนของหน้าผากของนางก็ถือว่าการสุหญูดใช้ไม่ได้  แต่ถ้านางปิดเฉพาะส่วนล่างของใบหน้าและเปิดส่วนของหน้าผากก็ถือว่าใช้ได้  ส่วนหะดีษที่ถามมายังไม่พบครับ!




3.อายะฮฺที่  33  จากซูเราะฮฺอัลอะฮฺซ๊าบฺนั้น  โต้ตอบกับบรรดาภริยาของท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ซึ่งถึงแม้ว่าจะโต้ตอบกับพวกนางแต่บุคคลอื่นจากเหล่ามุสลิมะฮฺก็เข้าอยู่ในความหมายของการโต้ตอบนั้นด้วย  ทั้งนี้เพราะหลักนิติธรรมอิสลามได้มีคำสั่งใช้ให้พวกนางประจำอยู่ในบ้านของพวกนาง  และไม่ออกจากบ้านของพวกนางนอกจากมีความจำเป็น  (อัตตัฟซีร  อัลมุนีร  ;  ดร.วะฮฺบะฮฺ  อัซซุฮัยลีย์  เล่มที่  22  หน้า  13) 



การที่มุสลิมะฮฺประจำอยู่ในบ้านเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกนาง  แต่ก็มิได้หมายความว่า  สตรีมุสลิมะฮฺไม่สามารถออกจากบ้านของพวกนางโดยปิดตัวจากโลกภายนอกตลอดชีวิต  ทั้งนี้อายะฮฺที่  32  จากซูเราะฮฺอัลอะฮฺซาบฺ  ระบุว่า  :  “โอ้บรรดาสตรี  (ภรรยา)  ของนบีเอ๋ย  พวกเธอไม่เหมือนกับผู้หนึ่งผู้ใดจากบรรดาสตรีทั้งหลาย”  นั่นหมายความว่า  สำหรับบรรดาสตรีผู้เป็นภริยาของท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  นั้นมีความเป็นพิเศษ  (الخُصُوْصِيَّةُ)  ซึ่งสตรีอื่นไม่มี  และพวกนางมีกฎระเบียบในการวางตัวเข้มงวดกว่าสตรีโดยทั่วไป 



ทั้ง ๆ ที่เป็นเช่นนี้  อายะฮฺที่  33  ก็มิได้ห้ามมิให้ท่านหญิงอาอิชะฮฺ  (ร.ฎ.)  จากการออกสู่สมรภูมิอูฐ  เพื่อเรียกร้องสิ่งที่พระนางเชื่อว่าเป็นสิ่งถูกต้องในเรื่องทางการเมือง  และพร้อมกับนางก็มีบรรดาซ่อฮาบะฮฺชั้นอาวุโสและอีก  2  ท่านที่ถูกเสนอให้ดำรงตำแหน่งค่อลีฟะฮฺ  และเป็น  2  ท่านจากเหล่าบุคคลที่ถูกแจ้งข่าวดีในการได้รับสวนสวรรค์  และสิ่งที่ถูกรายงานมาว่าท่านหญิงเสียใจต่อท่าทีดังกล่าว  ก็มิใช่เป็นเพราะการออกจากบ้านของท่านหญิงไม่ถูกต้องตามหลักศาสนบัญญัติ  แต่เป็นเพราะความเห็นของท่านหญิงในเรื่องการเมืองเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากการเตาฟีก   



และถ้าเรายึดถือความเห็นของนักวิชาการฝ่ายที่ระบุว่าอายะฮฺนี้ครอบคลุมสตรีทั้งหมด  นั่นก็มิได้หมายความต้องกักพวกนางเอาไว้ในบ้านโดยมิให้ออกจากบ้าน  เพราะการกักตัวดังกล่าวนี้เป็นบทลงโทษสำหรับสตรีที่ประพฤติผิดประเวณี  ดังปรากฏในอายะฮฺที่  15  จากซูเราะฮฺอันนิซาอฺ  (ฟะตาวา  มุอาซิเราะฮฺ  ;  ดร.ยูซุฟ  อัลก็อรฎอวีย์  เล่มที่  3  หน้า  285-286) 



ส่วนกรณีการทำงานของสตรีนอกบ้านนั้น  นักวิชาการระบุว่า  การทำงานเป็นสิทธิสำหรับมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชายหรือเป็นหญิง  ยิ่งไปกว่านั้นยังถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น  เพราะการทำงานเป็นสื่อของการดำรงชีวิต  และทั้งชายหญิงย่อมมีสิทธิในการทำงานในด้านที่มีความเหมาะสม  นักวิชาการระบุว่า  :  การออกนอกบ้านของสตรีเพื่อทำงานนั้นถูกตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่มีความบกพร่องในหน้าที่ภารกิจพื้นฐาน  ซึ่งคือบ้านนั่นเอง  และต้องได้รับการยินยอมจากสามีของนาง  และนางจำต้องระวังรักษากฎระเบียบในด้านมารยาทเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างเพศ  (สรุปความจากอะฮฺซะนุ้ลกะลาม  ฟิลฟะตาวา  วัลอะฮฺกาม ; ชัยค์  อะฎียะฮฺ  ศ็อคร์  เล่มที่ 3 หน้า 336-340) 




ดร.ยูซุฟ  อัลก็อรฎอวีย์ก็มีความเห็นว่าอนุญาตให้สตรีทำงานนอกบ้านได้  ซึ่งบางทีก็อาจจะเป็นเรื่องที่ส่งเสริม  หรือบางทีก็เป็นสิ่งจำเป็นเมื่อนางจำต้องทำงาน  อาทิเช่น  การที่นางเป็นสตรีหม้าย  หรือถูกหย่า  และไม่มีแหล่งรายได้  และผู้เลี้ยงดู  แต่การทำงานของนางก็มีเงื่อนไขอยู่หลายประการ  อาทิเช่น  งานที่นางจะทำนั้นต้องเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับหลักศาสนบัญญัติ  กล่าวคือ  ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามหรืออาจจะนำไปสู่การประพฤติผิดสิ่งต้องห้าม  เช่น  เป็นคนรับใช้ชายโสด,  เป็นเลขาฯพิเศษของชายผู้เป็นผู้จัดการที่จำต้องอยู่กัน  2  ต่อสองในขณะทำงาน  หรือเป็นนักเต้นรำ  เป็นต้น  และนางจะต้องมีความเคร่งครัดในมารยาทของสตรีมุสลิมะฮฺเมื่อออกจากบ้านทั้งเรื่องเครื่องแต่งกาย,  การเดิน,  คำพูดและอากัปกริยา  เป็นต้น  (ฟะตาวา  มุอาซิเราะฮฺ  ;  ดร.ยูซุฟ  อัลก็อรฎอวีย์  เล่มที่  2  หน้า  303-306


والله أعلم بالصواب

ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ ฮัยฟาอ์

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 263
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมะห์กับการเดินทางโดยไม่มีมะหรอม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ต.ค. 24, 2009, 08:29 PM »
0
อยากให้มุสลิมะห์ตระหนักเรื่องนี้ให้มากหากมองข้ามก็เท่ากับลดเกียรติของเธอเอง

 

GoogleTagged