อัสลามุอะลัยกุมวะเราะมาตุลลอฮฺวะบารอกาตุ
เท่าที่ศึกษามา ปูเป็นสัตว์มีเลือดค่ะ
เพราะว่าปูจัดอยู่ในสัตว์จำพวก(ไฟลัม)อาร์โทรพอด(สัตว์ที่มีเปลือกแข็ง)ทั้งหลาย
เช่นแมลงและปู กุ้ง กั้ง (แมงดา กิ้งกือ ทั้งหลายก็อยู่ในไฟลัมนั้นด้วยค่ะ)
แบ่งเป็นคลาสและเป็นสปีชีย์ได้อีกเป็นล้านสปีชีย์ค่ะ...
ซึ่งเม็ดเลือดของมันจะมีคอปเปอร์(ทองแดง)เป็นหลัก
ทำให้เลือดของมันมีสีออกไปทางสีฟ้าจางมากจนเกือบไม่มีสี
(สีฟ้าจะมาจากสนิมทองแดง)
และเนื่องจากเลือดปูมันออกไปทางสีฟ้าใสจนเกือบไม่มีสี
หลายๆคนเลยนึกว่าปูไม่มีเลือด
ส่วนมนุษย์และสัตว์มีกระดูกสันหลัง ซึ่งเม็ดเลือดมีธาตุเหล็กเป็นหลัก
ก็จะทำให้เลือดมีสีแดง(แบบสนิมเหล็ก)
เช่นตัวอย่างสำนวนสุภาษิตของไทยเราที่ว่า...
"รีดเลือดเอากับปู"
***การที่สัตว์บางจำพวกมันมีเลือดต่างสีกับเรา
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีเลือดนะคะ...

ซึ่งปูนาหรือปูน้ำจืดนั้นเป็นสัตว์ที่มีคุณค่าอนันต์ต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ
แต่ก็มีโทษมหันต์เช่นกันค่ะ
ตัวอย่าง(โหมดสุขภาพอีกแล้วเรา

)
"พิษร้ายของส้มตำปู"
พิษร้ายของส้มตำปู เลิกกินปูเถอะนะเป็นห่วงสุขภาพ
พิษร้ายของส้มตำปู รู้มั๊ยว่ามีพยาธิกินสมองอยู่ในปูเค็มด้วยนะ
ส้มตำปูเค็มที่เป็นปูน้ำจืดอันตรายมาก..มาก
เพราะในปูเค็มน้ำจืดนั้นเต็มไปด้วยพยาธิใบไม้ในปอด พยาธิตัวจี๊ด
และพยาธิอีกหลายชนิด ตัวที่ร้ายที่สุดมันจะไปชอนไชสมอง
ทำให้เลือดออกในสมอง และอาจเสียชีวิตทันที
และข่าวร้ายก็คือส้มตำปูเค็มที่มีขายอยู่ทั่วไป นิยมใช้ปูเค็มน้ำจืด
ฉะนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือเลิกทานปูเค็มไปเลยดีกว่า
โรคพยาธิในปอดจากปูเค็มจะรักษายาก เพราะแพทย์อาจวินิจฉัยโรคผิด
โดยคิดว่าเป็นอาการของวัณโรคที่ปอด เพราะอาการคล้ายกัน
เพื่อความปลอดภัยก็หลีกเลี่ยงการทานปูเค็มกันดีกว่าครับ
(จากบล็อกของการแพทย์และสุขภาพค่ะ)
แต่นักวิชาการหลายๆด้านบอกว่า หากนำปูน้ำจืดไปต้มก่อนนำไปดองเค็ม
ก็ไม่เป็นไร(อันนี้ความเห็นนักวิชาการคนละกลุ่มกันค่ะ)
หลายมุมมองเชียว

แต่คนที่ทำปูเค็มเขาจะพิถีพิถันหรือไม่ขนาดไหนนั้น
เราผู้บริโภคต้องชั่งใจกันเอาเองล่ะค่ะ...
เพราะจิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง...คิดในแง่ดีไว้ไม่เสียหลาย
แต่ว่าคิดในแง่ร้ายเพื่อสุขภาพ น่าจะไม่เป็นไรมั้งคะ...
ส่วนปูทะเลนั้น...ไม่มีปัญหาค่ะ...แต่คนที่แพ้อาหารทะเลก็คงอีกกรณีนึง
ซึ่งไม่เกี่ยวกันค่ะ...
(เดี่ยวว่าจะย้ายไปแปะไว้ในกระทู้สุขภาพแล้วค่ะ...

)
เรื่องคำศัพท์ของสัตว์ที่เราใช้เรียกกันนั้น จะนำมาแยกประเภท
หรือกลุ่มของสัตว์มิได้ค่ะ เพราะแต่ละประเทศใช้ศัพท์เรียกต่างกัน
เช่น ม้าน้ำนั้น...บ้านเราใช้คำว่า "ม้า"นำหน้าเพราะว่าเห็นว่าคล้ายม้า
แต่ในภาษาญี่ปุ่นเขาจะเรียกม้าน้ำว่า tatsu no otoshigo
ซึ่งคำว่า tatsu แปลว่า มังกร
ส่วนคำว่า otoshigo แปลตรงๆตัวคือ ลูกนอกกฎหมาย(ของผู้สูงศักดิ์)
เลยแปลสรุปว่า ม้าน้ำสำหรับคนญี่ปุ่นนั้น เขาคิดว่ามัน (ตามศัพท์)
"เป็นลูกนอกกฎหมายของมังกร(ผู้สูงศักดิ์)"
เพราะคิดว่าหน้าตามันคล้ายมังกร(สัตว์ในจินตนาการของพวกเขา)มั้งคะ...

ส่วนภาษาอังกฤษ เขาเรียกม้าน้ำว่า Hippopotamusค่ะ
นั่นเป็นเรื่องของศัพท์ค่ะ เพราะว่่า จริงๆม้าน้ำ ไม่ใช่ม้าค่ะ
อยู่คนละจำพวก(ไฟลัม)กับม้าบนบกด้วยค่ะ
ปล.ตอบไปตามที่เรียนมาเท่านั้นค่ะ ที่ยังไม่เรียนก็มีอีกเยอะค่ะ
เลยอาจไม่ครอบคลุม วอนผู้รู้ช่วยชี้แนะ หากมีข้อผิดพลาดนะคะ
อัลกุรอานนั้นสมบูรณ์แล้ว...
มวลความรู้ทุกอย่างเป็นของอัลลอฮฺ ซุบฮานาฮุวะตาอาลา
แล้วมันก็จะกลับไปยังพระองค์...วัลลอฮุอะลัม
และหากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ