ผู้เขียน หัวข้อ: การเผยแผ่และการเข้ารับอิสลามในประเทศญี่ปุ่น  (อ่าน 43687 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด

จริงๆเขาพูดญี่ปุ่นเก่งแล้วค่ะ แต่เขียนไม่ค่อยได้อ่านไม่ค่อยออก แล้วต้องการมาติว
วิชาเพื่อสอบเข้ามหาลัยที่ญี่ปุ่นค่ะ...


เป็นเพื่อนรุ่นน้อง หรือ รุ่นเดียวกันครับ
ถ้ารุ่นเดียวกัน แสดงว่าคุณโด่โด่ เพิ่งจะเข้ามหาลัยหรอคับ
ไม่น่าเป็นไปได้  natural:
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
 salam

มันเป็นเรื่องเล่าในอดีตกาลค่ะท่าน...:D

เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันและก็เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกันค่ะ...
แต่เขาจะอายุน้อยกว่าข้าน้อยหนึ่งปี มันไม่ใช่ความผิดข้าน้อยเลยนะคะ
ที่เกิดมาแก่กว่าเขาหนึ่งปี เพราะข้าน้อยเรียนตามหลักสูตร
แต่รายนั้นเขาเก่งเกินไป เลยเรียนก่อนหลักสูตรได้ ;D
หัวไวอีกต่างหากค่ะ...เรานั้นตามไม่ทัน
โรงเรียนนั้นมีแต่เด็กเกือบอัจฉริยะจากหลายๆประเทศมาเรียนกัน
อิจฉานะยะอย่างข้าน้อยที่จับพลัดจับผลูหลงเข้าไป
เลยได้แต่นั่งฟังเขาพูดกันแบบงงๆ ว่าเขาพูดเรื่องอะไรกัน
ไม่เข้าใจว่าเขาพูดรู้เรื่องกันได้ยังไงค่ะ

ความฉลาดจากเพื่อนมันออสโมซีสให้กันไม่ได้เหมือนน้ำซะด้วยสิคะ
;D ;D

ปล.จะว่าข้าน้อยแก่ก็บอกมาเต๊อะท่านอัญมณี...
ปรากฏว่ายังไม่แก่ที...ยังไม่ว่างแก่ค่ะ... natural:

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^_________^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 16, 2009, 03:43 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
 salam


วันนี้ขอนำเสนอจากบางส่วนของวิถีชีวิตของมุสลิมในประเทศญี่ปุ่นค่ะ

                 

     นี่คือแผนที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ มองๆไปก็ดูคล้ายมังกรในการ์ตูนของญี่ปุ่นนะคะ


                 

                 นี่คือเขตจินชูกุ เมืองโตเกียว ซึ่งเป็นย่านธุรกิจ
                   มีชาวต่างชาติมากมายพักอาศัยอยู่ในเขตนี้
     เป็นชุมทางสายรถไฟและยังเป็นเขตอาชญากรรมของญี่ปุ่นด้วยค่ะ...
                       เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของหลายๆชาติ

และหากต้องการดูของแปลกหรืออะไรแปลกๆของประเทศญี่ปุ่น
ข้าน้อยขอแนะนำเขตฮาราจูกุค่ะ(น่ังรถไฟจากสถานีชินจูกุไปไม่กี่ป้ายก็ถึงค่ะ)

หากต้องการมองหาอุปกรณ์ด้านอิเลคตรอนิคหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าแหล่งใหญ่ของญี่ปุ่น
คล้ายๆพันทิปบ้านเราคงต้องยกให้อากิฮาบาราค่ะ

และหนึ่งในเขตของชินจูกุที่มีต่างชาติอาศัยอยู่มากมายโดยเฉพาะมุสลิมนั้น
ก็คือชินโอกุโบ ซึ่งอยู่ตรงชินจูกุเหนือ(คิตะชินจูกุ)...
ตัวข้าน้อยนั้นก็เคยพักอาศัยและเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ที่โอกุโบ
ซึ่งที่นี่มีร้านอาหารมุสลิมและร้านขายของฮาลาลให้เลือกหาอยู่หลายร้านค่ะ
แต่ ณ ปัจจุบันเขาได้รวมตัวกัน ทำให้มีร้านขายของฮาลาลที่ใหญ่
และมีสินค้าให้เลือกมาขึ้นค่ะ โดยเมื่อก่อนนั้นมีร้านอาหารไทยของมุสลิมเรา
อยู่ร้านนึงใกล้ๆกัน แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังมีอยู่อีกหรือเปล่า
แต่ที่ชินโอกุโบนั้นมีร้านอาหารไทย อินโดฯ อินเดีย มาเลฯอยู่หลายร้านเลยค่ะ


               

                 สถานีชินโอกุโบในช่วงเวลากลางวัน
        (จากหน้าสถานีเดินตรงไปก็จะเจอร้านขายของฮาลาลค่ะ)


               

              แม้ในยามค่ำคืนก็จะมีผู้คนเดินพลุกพล่านตลอดค่ะ
              และหากออกจากสถานีแล้วเลี่ยวซ้ายเดินไปอีกสักนิด
              ก็จะเจอสายรถไฟอีกสายหนึ่งซึ่งเป็นสายออกชนบทค่ะ(Local Line)
              ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
              ตรงนั้นค่อนข้างเงียบสงบ บรรยากาศเหมาะแก่การศึกษามากค่ะ
 

                     

                   นี่คือภาพสถาบันสอนภาษาที่ข้าน้อยเคยจบมา
ชื่อศูนย์กลางสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นที่โตเกียว(โตเกียวนิฮงโกะเคียวอิคุเซนต้า)
            หรือJapan Students Service Oganization (JASSO)

โดยตรงกลางคือสนามบาส ด้านซ้ายมือคือตึกเรียน ด้านหน้าคือตึกติดต่อสอบถาม
หรือสำนักงานและลอบบี้ ส่วนด้านขวามือคือหอพักของโรงเรียน
ซึ่งมีห้าชั้น และชั้นสองถึงชั้นสี่นั้นเป็นของผู้หญิงล้วนๆค่ะ
ส่วนชั้นหนึ่งกับชั้นห้าเป็นของผู้ชาย ห้องน้ำห้องครัวหญิงชายแยกกันต่่างหากไม่มีปะปน
และมีต้นซากุระสองต้นใกล้ๆห้องที่ข้าน้อยเคยอยู่ด้วยค่ะ...;D
ห้องครัวจะเป็นห้องครัวรวม(แยกหญิงชาย) มีอุปกรณ์ให้
แต่เราจะซื้อหาอุปกรณ์กันมาเองทั้งนั้นค่ะ ซึ่งอุปกรณ์ทำครัวนั้นราคาถูกมากค่ะ
หาซื้อได้ตามร้านร้อยเยนทั่วไป(ซึ่งร้อยเยนนั้นเป็นราคาขั้นต้นของสินค้าที่ญี่ปุ่นค่ะ)
แม้คุณภาพไม่ดีเท่าของแพง แต่ก็คุ้มสำหรับเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ต้องเรียนภาษาค่ะ
ไม่ต้องกังวลว่าต้องใช้ภาชนะปะปนกับผู้อื่นด้วยค่ะ...

               

                           นี่คือภาพห้องเรียนค่ะ

มาฉายภาพให้เห็นเผื่อว่าในอนาคตจะมีพี่น้องมุสลิมมาเรียนภาษาที่นี่
ซึ่งข้าน้อยก็ไม่อาจให้ข้อมูลเชิงลึกของสภาบันอื่นๆได้
เนื่องจากไม่ได้เรียนมาโดยตรง แต่สามารถการันตีได้ว่า
ชีวิตมุสลิมจะไม่มีปัญหามากนัก
หากได้มาศึกษาภาษาญี่ปุ่น ณ โรงเรียนสอนภาษาแห่งนี้
เพราะที่นี่มีเพื่อนและพี่น้องมุสลิมจากหลายๆประเทศมาเรียนกันเยอะมากค่ะ
ทุกคนใจดีมีไมตรีจิต ถ้อยทีถ้อยอาศัย
แล้วที่สำคัญโรงเรียนแห่งนี้ก็อยู่ใกล้แหล่งจำหน่ายอาหารฮาลาล
และมีชาวต่างชาติที่เป็นมุสลิมอาศัยอยู่ในแหล่งนี้เยอะมากเลยค่ะ...

เมื่อถึงวันสำคัญของศาสนา ก็จะเห็นแต่พี่น้องมุสลิมออกมารวมตัวกัน
แถวๆหน้าสถานีชินโอกุโบเพื่อไปร่วมพิธีที่มัสยิดหรือที่สถานทูตของประเทศตนเอง
ซึ่งครั้งหนึ่งเพื่อนชาวมาเลยเซียได้ชวนข้าน้อยไปร่วมพิธีที่สถานทูตมาเลเซีย
มาแล้วเช่นกันค่ะ(ก็สถานทูตไทยเราไม่มีจัดน่ะค่ะ ;D)...

แม้ว่าช่วงแรกๆข้าน้อยจะเป็นมุสลิมไทยแค่คนเดียวในโรงเรียนสอนภาษาแห่งนั้น
แต่พี่น้องมุสลิมที่อยู่ร่วมหอเดียวกันจากหลายๆประเทศต่างก็เอื้ออาทรต่อกัน
ดูอบอุ่นไม่น้อยสำหรับชีวิตมุสลิมในโตเกียวค่ะ...

แล้วเดี๋ยวจะมาต่อภาพของร้านขายอาหารฮาลาล
พร้อมหลักการและวิธีเลือกซื้อของที่ไม่มีสารเจือปน(ฮาราม)
ตามที่หลักศาสนาห้ามไว้ในประเทศญี่ปุ่นค่ะ...อินชาอัลลอฮฺ


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
                 

                ข้างบนคือภาพร้านฮาลาลฟู้ดหน้าสถานีชินโอกุโบค่ะ

                 

                ส่วนของในร้านค่ะ มีอาหารฮาลาลจากหลายๆประเทศ
                รวมอยู่ในร้านนี้ด้วยค่ะ แม้แต่ของไทยเราก็มีค่ะ

                 

            เนื่องจากเนื้อสัตว์ที่วางขายตามร้านหรือซุปเปอร์มาร์เกต
            หรือตลาดในญี่ปุ่นโดยทั่วไปนั้นไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่และสัตว์บกที่จำเป็น
            ต้องผ่านการเชือดด้วยมุสลิมนั้นไม่ได้ผ่านการเชือดด้วยมุสลิมนะคะ
            จึงไม่ฮาลาลที่จะรับประทาน
            มุสลิมเราจึงต้องมองหาร้านฮาลาลฟู้ด
            ซึ่งที่นั่นจะมีเนื้อสัตว์แช่แข็งที่มุสลิมเราสามารถรับประทานได้ค่ะ


                   

                ลูกชิ้นที่วางขายตามร้านทั่วไปก็เช่นเดียวกันค่ะ...
   ร้านนี้จึงมีอาหารหลากหลายโดยที่เราไม่ต้องกังวลใจในเรื่องปากท้องค่ะ
   เจ้าของร้านก็เป็นพี่น้องมุสลิมของเราทั้งที่เป็นมุสลิมจากประเทศพม่า
   จากบังกลาเทศและแอฟริกาค่ะ และก็ใจดี เป็นกันเองค่ะ...
   เพื่อนที่อยู่ต่างเขตก็มักจะแวะมาซื้ออาหารจากร้านนี้ประจำ
   เพราะร้านฮาลาลฟู้ดในประเทศญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างหายากค่ะ...

และหากคิดอยากจะทำอาหารไทยหรืออยากได้เครื่องเทศของไทย
ถัดจากชินโอกุโบนั่งรถไฟไปหนึ่งป้ายก็จะถึงสถานีชินจูกุหรือจะปั่นจักรยาน
ไปก็ได้ค่ะ ประมาณสามสิบนาทีถึงค่ะ
ซึ่งที่สถานีนั้นจะมีร้านเอเชียสโตว์ ซึ่งเป็นร้านขายของไทย
มีเครื่องเทศ ผักสดของไทย ขนมไทย หนังสือไทย
ไม่เว้นแม้กระทั่งไตปลาก็มีค่ะ ;D

มีต่อค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 17, 2009, 08:11 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

ภาษาคือสิ่งสำคัญค่ะ โดยเฉพาะภาษาอาหาร
ซึ่งคำแรกและอักษรตัวแรก(ตัวคันจิ)ของญี่ปุ่นที่เราจำเป็นต้องรู้จัก
และอ่านออกก็คือ ตัวหมู(บุตะ)ค่ะ  ตัวข้างล่างนี้เลยค่ะ
หน้าตาตัวคันจิ(อักษร)ของตัวหมูในภาษาญี่ปุ่นเป็นฉะนี้ค่ะ


           

ตัวที่สองคือตัว "เหล้า สุรา ของมึนเมา"ทั้งหลาย
ไม่ว่าจะอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชนิดใด หรือถูกแปรสภาพไปเป็นอะไรก็ตาม
หากเจอตัวคันจิ(อักษร)ตัวนี้ปรากฏอยู่ตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้น
ฟังธงได้เลยค่ะว่า มีเหล้าและของมึนเมาเป็นส่วนผสม
ซึ่งตัวอักษรตัวนี้อ่านว่า "สาเก"ค่ะ หน้าตาของตัวสาเกในภาษาญี่ปุ่น
เป็นฉะนี้แลค่ะ

             


ซึ่งปกตินั้น ป้ายฉลากของผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นจะเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนค่ะ
เราจึงจำเป็นต้องอ่านฉลากคำบรรยายของส่วนผสมในสิ่งที่เรากำลังจะซื้อ
ให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมของหมูหรือเหล้า และที่สำคัญนอกจากหมูแล้ว
ยังมีส่วนที่ทำจากหมู ไม่ว่าจะแฮม ไส้กรอก แม้กระทั่งขนมขบเคี้ยว
ก็เช่นกันค่ะ แต่ในฉลากนั้นจะเขียนรายละเอียดของส่วนประกอบในซอง
เอาไว้หมดค่ะ อย่างในน้ำจิ้มของขนมขบเคี้ยวต่างๆก็จะมีวงเล็บว่่า
มีส่วนผสมของหมูอยู่หรือเปล่า ซึ่งหากมีตัวอักษรข้างต้นอยู่ตามฉลาก
นั่นก็หมายความว่ามีสิ่งปนเปื้อน(ฮาราม)สำหรับมุสลิมค่ะ...

และขนมปังที่วางขายทั่วไป ก็ใช่ว่าจะรับประทานได้ทุกชนิดค่ะ
เพราะบางอย่างทำจากไขมันจากสัตว์หรือหมู และขนมทอดกรอบด้วยก็เช่นกันค่ะ
จะมีบอกว่า ทำจากน้ำมันจากพืชหรือน้ำมันจากสัตว์ หรือแป้งที่ทำนั้น
เป็นแป้งที้มีส่วนผสมของสัตว์ด้วยหรือไม่ เพราะถึงแม้ไม่ใช่ส่วนผสมที่มาจากหมู
หากเป็นส่วนผสมที่มาจากสัตว์ เนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะป็นไก่ เนื้อวัวที่อิสลาม
อนุญาตให้ทานได้ หากแต่ในประเทศญี่ปุ่นนั้น สัตว์ทั้วไปไม่ได้ผ่านการเชือด
ด้วยมุสลิม ดังนั้นหากขนมหรือผลิตภัณฑ์ที่วางขายโดยทั่วไปเราจึงต้องเช็ค
ให้แน่ใจว่่าไม่มีส่วนผสมจากของต้องห้ามตามหลักศาสนาด้วยค่ะ

ซึ่งตอนมาอยู่ใหม่ๆ ข้าน้อยเองก็ไม่รู้เรื่องอะไร พูดภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้ค่ะ
แต่รุ่นพี่ชาวอินโดฯเจอเข้าเขาก็ใจดี ให้กระดาษที่เป็นตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นส่วนประกอบในอาหารที่อิสลามไม่สามารถทานได้
ให้ข้าน้อยพกติดตัวเพื่อเทียบตัวอักษรในฉลากสินค้า
เวลาเลือกซื้อของตามร้านญี่ปุ่นค่ะ...ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง
เพราะว่าอ่านไม่ออก แต่ก็เทียบตัวอักษรในยามออกไปซื้อของทุกครั้งค่ะ
ซึ่งรุ่นพี่คนนั้นกับรุ่นพี่คนไทยแต่นับถือศาสนาพุทธพาไปเลือกซื้อด้วยกัน...

และยังสามารถนำกระดาษแผ่นนั้นไปก็อปปี้ส่งให้เพื่อนชาวอาหรับ
ซึ่งเขานั้นไม่ทันได้คิดถึงจุดนี้ ตัวข้าน้อยเองก็คิดไม่ถึงด้วยเช่นกัน
หากว่ารุ่นพี่ชาวอินโดฯไม่มาแนะนำให้น่ะค่ะ...แถมยังแนะนำเกี่ยวกับ
ชีวิตมุสลิมในญี่ปุ่นให้ข้าน้อยฟังโดยมีรุ่นพี่คนไทยช่วยเป็นล่ามให้อีกที
ในตอนนั้น...หากว่าไม่ได้รุ่นพ่ีทั้งสองคนนั้นช่วยเหลือ
ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือร่อแร่ นี่คือความเมตตาของอัลลอฮฺ
ซุบฮานาฮุวะตาอาลา...

ข้าน้อยจึงอยากนำเสนอตรงจุดนี้ เผื่อว่าในอนาคตจะมีมุสลิมไทยเรา
คนใดต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น เพราะตัวข้าน้อยนั้น
ตอนมาแรกๆไม่รู้อะไรเลย ไม่มีคนแนะนำ เพราะคนรู้จักที่เป็นมุสลิม
ที่เคยมาอาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่มี มีแค่คนเดียว แต่ก็อยู่กันคนละเมือง
และเขาก็มาแค่ระยะสั้นๆ เลยให้คำแนะนำในเชิงลึกไม่ได้นัก
และทั้งโรงเรียนก็มีแค่ข้าน้อยที่เป็นมุสลิมไทย ภาษาเราก็ไม่ได้
สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ค่ะ...แต่ด้วยความเอื้ออาทรจากพี่น้องมุสลิม
จากประเทศอื่นๆพร้อมทั้งคนไทย เลยทำให้ผ่านชีวิตในเมืองหลวงอย่าง
โตเกียวมาได้...ซึ่งนับว่าหนึ่งปีครึ่งสำหรับที่โตเกียวนั้นคือบททดสอบ
จากอัลลอฮฺ ที่ตัวข้าน้อยเอง ณ ตอนนั้น ไม่สนใจใฝ่รู้เรื่องศาสนามากนัก
เพราะต้องวิ่งตามความรู้ในดุนยา วิ่งตามบททดสอบของห้องสอบในดุนยา
ทำทุกอย่างเพื่อให้ผ่านบททดสอบของมนุษย์ ที่ออกข้อสอบอันแสนหฤโหด
สำหรับต่างชาติที่ไม่รู้ภาษาของเขามากนัก เช้าเรียนหลักภาษาญี่ปุ่น
เย็นเรียนฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ในคอร์สภาษาญี่ปุ่น เพื่อใช้สอบเข้า
มหาวิทยาลัยในประเทศเขา จนไม่มีเวลาแม้จะหันมองอัลกุรอาน
ไม่มีเวลาทบทวนหรือใคร่ครวญถึงบททดสอบของอัลลอฮฺที่ตนกำลังประสบอยู่
จมดิ่งอยู่ตรงก้นเหวนั้นอยู่เนิ่นนานค่ะ เพราะเราคิดว่าสิ่งที่เรากำลังทำนั้น
มันถูกต้องแล้ว ไปเรียนภาษาได้เพียงหกเดือนก็ต้องสอบรอบแรก
ผลสอบออกมาอยากร้องไห้ ทำไม่ได้เลย...แต่นั่นทำให้เรารู้ว่าเราต้องพยายาม
อีกเท่าไหร่ จากที่เคยคิดว่าตัวเองนั้นใช้ได้แล้วจากบ้านเกิดเมืองนอน...
กลับไม่เหลืออะไรให้ภูมิใจอีกเลย ตัวนั้นหดเหลือไม่ถึงนิ้ว
อาจารย์ที่สอนเขาจะไม่รอเรา เพราะยึดคนส่วนมาก
เราจึงต้องวิ่งถี่ ซอยถี่กว่าคนอื่นๆ ไม่มีวันหยุดสำหรับครึ่งปีให้หลัง
เพราะหนึ่งปีก่อนหน้านั้นมัวแต่เที่ยวเหลวไหลไปวันๆค่ะ...
สับสนหลงทางอยู่หลายๆครั้งค่ะ แต่ก็ยังไม่สำนึกถึงบททดสอบที่แท้จริงของอัลลอฮฺ
มัวแต่ทำเพื่อบททดสอบในห้องสอบของมนุษย์ค่ะ...

ก็ว่าบททดสอบของมนุษย์นั้นโหดจนเราไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้ว
หากแต่บททดสอบของอัลลอฮฺนั้นยิ่งใหญ่จนทำให้เราต้องนอนร้องไห้
กับการเลือกทางเดินในชีวิตไม่ได้ ตกอยู่ในสถานการณ์
เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังไม่ได้ ราวกับถูกสาปเป็นหินค่ะ...

ตอนนั้นเดินทางไปสอบทั่วทิศ จากเหนือ กลาง ตะวันตก
และหากไม่ได้ในสามภาคที่ว่า ก็ตั้งใจว่าจะลงใต้...
บอกกับตัวเองว่าข้างหน้าไม่รู้จะเป็นยังไง แต่หากสอบติดที่ไหนที่แรก
ตนจะเลือกอยู่ที่นั่น เพราะนั่นหมายความว่า สี่ปีที่เหลือเราต้องอยู่ตรงนั้น
เราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หากไม่ได้เลย ก็จะไปสอบที่ใต้
หากไม่ได้ที่ใต้ก็จะขออยู่โตเกียวต่อไป(เพราะอยากได้ประสบการณ์หลากหลาย
จึงอยากไปใช้ชีวิตที่เมืองอื่นน่ะค่ะ)...

ปรากฏว่าที่ที่สอบติดที่แรก อยู่ในเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น ที่นี่มีแต่วัดวาอาราม
ของญ่ีปุ่นทั้งนั้นค่ะ...เป็นเมืองท่องเที่ยว...
ซึ่งสอบติดมหาลัยที่ไม่มีแม้แต่คนไทยหรือไม่มีประวัติว่าคนไทย
เคยเรียนมาก่อน ไม่มีแม้แต่มุสลิมหรือไม่เคยมีประวัติว่ามุสลิมเคยเรียนมาก่อน
ชื่อเสียงของมหาลัยก็แสนจะธรรมดาๆ
เพราะเลือกสอบตามที่อาจารย์โรงเรียนภาษาแนะนำมา
ตอนนั้นคิดหนักว่าจะเอายังไง จะทำอย่างที่เคยเหนียตเอาไว้หรือเปล่า
หรือจะผิดคำพูดของตัวเองแล้วเรียนมหาลัยดังๆในโตเกียวดีกว่า...
แต่นึกขึ้นมาได้ว่า นั่นอาจเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺ
เพราะเราได้เหนียตเอาไว้อย่างหนักแน่นว่าหากติดที่ใดที่แรกจะเรียนที่นั่น...
โดยไม่เคยคิดว่าจะติดที่นี่(ที่ที่เรียนอยู่)เลยด้วยซ้ำไปค่ะ...

แต่ด้วยความที่ต้องไปเผชิญหน้ากับอะไรก็ไม่รู้ตามลำพัง เพื่อนผองก็ได้ที่อื่นกัน
ไม่มีเพื่อนไปเรียนด้วย ไม่มีมุสลิม ไม่มีคนไทย เลยทำให้รู้สึกหวั่นไหว
พร้อมกับความกลัวเข้าจู่โจม แต่ด้วยไม่อยากผิดคำพูด
ก็เลยตัดสินใจมาเรียนที่นี่...ที่ที่เราคิดว่าไม่มีอะไรน่่าสนใจ
แต่ที่นี่ให้เราทุกอย่าง ชื่อเสียง ความอบอุ่น ความปลอดภัย ผองเพื่อน
ความมีไมตรี...แล้วที่สำคัญ ทำให้เขารู้จักคำว่ามุสลิมตัวเป็นๆ...
ทำให้เราเรียนรู้อะไรมากขึ้น มองเห็นโลกในอีกมุมนึงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยใช้มาก่อน ได้ทำอะไรอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
และที่สำคัญทำให้รักประเทศชาติ รักศาสนามากขึ้นกว่าแต่ก่อน...
พลิกชีวิตของผู้หญิงคนนึงไปตลอดกาลเลยล่ะค่ะ...

ทำให้รู้ว่ามุอัลลัฟที่เราเจอนั้น เขายิ่งกว่าเราอีก เราที่เกิดมาเป็นอิสลามตั้งแต่เกิด
ยังเทียบกับหัวใจของมุอัลลัฟไม่ได้ เพราะมุอัลลัฟที่นี่นั้น
เขาเข้ารับอิสลามด้วยจิตใจที่ศรัทธาอย่างแท้จริง
มิใช่เพราะชาติกำเนิดของพ่อแม่ เขาต้องผ่านกระแสต่อต้านต่างๆมากมาย
ท่ามกลางส่ิงแวดล้อมที่แทบไม่มีมุสลิม กว่าจะได้ศาสนาอิสลามมาเป็นทางนำ
แต่ตัวเรานั้นเจอปัญหายังไม่ถึงครึ่งนึงที่เขาเหล่านั้นเจอ
ก็โวยวายร้องไห้ ท้อแท้สิ้นหวังกับบททดสอบของอัลลอฮฺ
กว่าจะเห็นแสงสว่างตรงปากอุโมงก์ก็เมื่อเจอภัยพิบัติต่างๆนาๆ
ที่ไม่ว่าจะหนีไปตรงไหน ก็เจอที่นั่น...อัลฮัมดุลลิลลาฮฺ
ไม่ว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับบททดสอบอะไรอีกนั้น
สำหรับวันนี้คิดว่า แสงแห่งความหวังและแสงแห่งศรัทธาเท่านั้นที่จะช่วยเราได้
ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใดก็ตาม
และมันคงถึงเวลาที่จะเดินไปหาแสงสว่างตรงปากอุโมงก็นั้นเสียที...

มนุษย์ทุกคนล้วนต้องเจอกับบททดสอบ
อยู่ที่เราจะผ่านบททดสอบนั้นไปได้อย่างไรและในสภาพไหน...

ปล.หวังว่าบทความที่กล่าวมาข้างต้น จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
สำหรับผู้ที่ตั้งใจจะมาญี่ปุ่น หรือสนใจจะมาที่นี่...
ไม่ว่าท่านจะมาด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม

สิ่งหนึ่งที่อยากฝากก็คือ...

...ถ้าเรายอมรับแสงสว่างและความอบอุ่น
...เราต้องยอมรับฟ้าร้องและฟ้าแลบด้วย



แล้วจะพยายามนำข่าวสารของมุอัลลัฟในประเทศญี่ปุ่นมาฝากกันนะคะ
อินชาอัลลอฮฺ

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^__________^




 

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
มีภาพน่ารักๆที่ญี่ปุ่นมาฝากค่ะ


                 

                           จักรยานสีแดง

                                loveit:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ที่นั่งเด็กสำหรับจักรยานที่ญี่ปุ่นดูแข็งแรงนะคะ ตั้งไว้ส่วนหน้าด้วย...mycool:
จักรยานบ้านเราต่อที่นั่งให้เด็กนั่งท้าย
ปั่นไปปั่นมา...เด็กหายไปไหนก็ไม่รู้...หวาดเสียวมากๆ hehe

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

เคยเจอของคนที่มีลูกแฝดด้วยค่ะ...
ไม่ได้ถ่ายภาพเอาไว้ มัวแต่มองเพลิน...
ทั้งหน้าทั้งหลังเลยค่ะ... loveit:
สงสัยจะเป็นคนพี่ที่ได้นั่งหลัง เพราะพี่ต้องเสียสละให้น้อง ;D
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
นำเสนอต่อไปเรื่อยๆ นะคับ       loveit:
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ถ้าผมจะไป ญี่ปุ่น
ผมจะติดต่อให้ คุณนาดา เป็นไกด์ พาเที่ยวได้ไหมครับ
แต่ไม่ต้องสนใจอะไรมาก เพราะผมอาจจะมองแต่รอบๆ ทาง วะฮ่าฮ่า
เพราะผมอยาก กิน กิน และ ก็กิน
ผมอยากกิน อาหารญี่ปุ่น และสุดท้าย ผมอยากไปดูมัสยิดที่ ญี่ปุ่น ด้วยครับ

เสริมด้วย ขอถามอีก
คือ ที่ญี่ปุ่น อินเตอร์เนท เขาเร็วขนาดไหนครับ
แล้ว พวกร้านแบบนี้ มันมีไหม ค่าบริการเท่าไหร่
อยากรู้อ่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 18, 2009, 12:29 PM โดย Goddut »

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เห็นมีคนบอกว่า ค่าโรงแรมที่นู้นแพงมาก
ค่าห้องก็แพง
เค้าจึงมีบริการตู้นอนให้เช่า
ผมว่ามันคล้ายๆ กับล็อคเกอร์เก็บของไงไม่รู้    hehe
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
ถ้าผมจะไป ญี่ปุ่น
ผมจะติดต่อให้ คุณนาดา เป็นไกด์ พาเที่ยวได้ไหมครับ
แต่ไม่ต้องสนใจอะไรมาก เพราะผมอาจจะมองแต่รอบๆ ทาง วะฮ่าฮ่า
เพราะผมอยาก กิน กิน และ ก็กิน
ผมอยากกิน อาหารญี่ปุ่น และสุดท้าย ผมอยากไปดูมัสยิดที่ ญี่ปุ่น ด้วยครับ

เสริมด้วย ขอถามอีก
คือ ที่ญี่ปุ่น อินเตอร์เนท เขาเร็วขนาดไหนครับ
แล้ว พวกร้านแบบนี้ มันมีไหม ค่าบริการเท่าไหร่
อยากรู้อ่ะครับ

 salam

ได้สิคะท่าน...ข้าน้อยยินดี และท่านไม่ต้องกังวลใจเลยค่ะ
ข้าน้อยมีเพื่อนฝูง พอจะลากไปด้วยเป็นฝูงได้(หากพวกน้ันว่างนะคะ)...
หายห่วงค่ะ ;D

เรื่องกินกับเรื่องเที่ยวข้าน้อยและเพื่อนๆนั้นถนัดนักแล...
แต่ว่าข้าน้อยมิได้ถนัดเที่ยวในตัวเมือง ชมอาคารบ้านเรือนสักเท่าไหร่นะท่าน
แต่ส่วนใหญ่ที่ไปๆมาจะเป็นป่าเขา ล่องเรือล่องแพอะไรทำนองนั้นมากกว่าค่ะ
ไปทีก็ไปกันเป็นโขยง ไม่ใช่อะไรอื่น หาเพื่อนแชร์ค่าเรือเท่านั้นค่ะ  hehe

เมืองที่ข้าน้อยอยู่นั้นเป็นเมืองท่องเที่ยวค่ะ และจังหวัดรอบๆอย่างโอซากา นารา
โกเบนั้นก็มีความสวยที่แตกต่างกันค่ะ แล้วที่สำคัญอยู่ไม่ไกลกับเกาะฮิโรชิมา
ที่เคยโดนระบิดนิวเคลียร์ลงเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองพร้อมๆกับเกาะนางาซากิ
ด้วยค่ะ เพียงแต่เกาะนางาซากินั้นอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น
แต่เกาะฮิโรชิมาจะอยู่ทางตะวันตกหรือแถบคันไซ(แถบที่ข้าน้อยอยู่)น่ะค่ะ...
ส่วนโตเกียวซึ่งเป็นเมืองหลวงนั้น
อยู่แถบคันโตหรือแถบตะวันออกค่ะ...

และที่เมืองโกเบก็มีมัสยิดเก่าแก่หลังนึงที่ผ่านสงคราม
และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้ว แต่มัสยิดหลังนั้นยังคงอยู่...อัลลอฮุอักบัร....

ส่วนเรื่องที่พักนั้นพวกเราทั้งหลาย(หมายถึงข้าน้อยกับเพื่อนๆ)
มีวิธีง่ายๆค่ะ(เวลาไปเที่ยวต่างถิ่น) ก็จะหาศูนย์อินเตอร์เนตคาเฟ่เอา
ที่นั่นมีทุกอย่างค่ะ ทั้งห้องอินเตอร์เนต ห้องเล่นเกม ห้องเล่นกีฬา และอีกมากมาย
เปิดบริการตลอด24ชั่วโมง ถูกกว่าพักในโรงแรมหลายเท่าตัว

พวกผู้หญิงก็เปิดห้องคาราโอเกะนอนกันค่ะ
(ใครอยากแหกปากร้องเพลงก็ร้องไปค่ะข้าน้อยจะนอน)...
ส่วนพวกผู้ชาย อยากจะไปทำอะไรตรงส่วนไหนของศูนย์อินเตอร์เนตคาเฟ่
ก็แล้วแต่เราไม่สนค่ะ เราจะนอน...
เพราะจุดประสงค์ที่ไปคือกิน เที่ยวและก็นอนค่ะ:D

มันสะดวกสบายและคุ้มกว่าเปิดโรงแรมเสียอีกค่ะ
(ห้องนึงยัดได้ตั้งหลายคนแน่ะท่าน...ได้แชร์ค่าห้องกันอีก :D)
เพราะโรงแรมนั้นแพงมากค่ะ(นักศึกษาอย่างพวกข้าน้อยสู้ไม่ไหว
แต่อยากเที่ยวหาความรู้น่ะค่ะ เลยต้องมองหาทางเลือกอื่นๆกัน)
แต่ก็แล้วแต่นะคะ โรงแรมที่พักนั้นมีหลายระดับอยู่ค่ะ...

หากท่านจะมาเที่ยวจริงๆก็ติดต่อหลังไมค์มาได้ค่ะ
ข้าน้อยจะเสิร์ชหาข้อมูลให้ค่ะ...ส่วนเรืื่องกินและเรื่องเที่ยวนั้น
หายห่วงค่ะ ไม่มีหลง(มั้งคะ)...hehe

เรื่องความแรงของอินเตอร์เนตเดี๋ยวจะหาว่่าโม้
แรงใช้ได้เลยค่ะ โหลดอย่างเร็วค่ะ...หากไม่ใช่ในอินเตอร์เนตคาเฟ่
ก็คงหาเนตเล่นฟรีได้ตามห้องสมุด ศูนย์กลางนักท่องเที่ยวและแคมปัสพลาซ่าค่ะ
มันจะอยู่ใกล้ๆสถานีใหญ่เลย...ข้าน้อยไปสัมผัสมาแล้วว่าความเร็วใช้ได้เลยค่ะ
ส่วนจะเร็วเท่าไหร่นั้น ข้าน้อยไม่สันทัดเรื่องคอมฯเสียด้วยค่ะ
ใช้เป็นอย่างเดียว hehe...ของฟรีค่ะท่าน...

หากพักโรงแรม ทางโรงแรมจัดอำนวยความสะดวกตรงนี้ให้ค่ะ...
หายห่วง ยิ่งพกโน้ตบุ๊คมาด้วยก็เดินหาคลื่นได้ค่ะ
หากมีคนใจดีปล่อยสัญญาณให้ ก็ได้ของฟรี
แต่ของฟรีมักมาพร้อมกับไวรัสด้วยนะท่าน(เป็นของแถม) hehe...

ยินดีต้อนรับสู่แดนปลาดิบค่ะ
(แต่อีกไม่กี่เดือนข้าน้อยจะหลบบ้านเกิดอันเป็นที่รักแล้วนะท่่าน)

เห็นมีคนบอกว่า ค่าโรงแรมที่นู้นแพงมาก
ค่าห้องก็แพง
เค้าจึงมีบริการตู้นอนให้เช่า
ผมว่ามันคล้ายๆ กับล็อคเกอร์เก็บของไงไม่รู้    hehe

  salam

ใช่แล้วค่ะท่านอัญมณี ของหรูมักจะแพงเสมอค่ะ...hehe
ข้าน้อยก็เคยเข้าพักโรงแรมที่ญี่ปุ่นแค่ครั้งเดียวเองค่ะ
ตอนที่เดินทางมาสอบ...เรื่องตู้นอนให้เช่านั้นมีจริงค่ะ....
แต่เวลาไปเที่ยวข้าน้อยกับเพื่อนๆเลือกใช้บริการศูนย์อินเตอร์เนตคาเฟ่นะคะ
มันอาจดูเป็นสถานกึ่งๆบันเทิงก็จริงและอาจดูไม่เหมาะสมนัก
แต่อยู่ที่เราเหนียตค่ะ เพราะที่นั่นมีห้องเล่นเนต มีห้องคอมฯพร้อมบริการอย่างดี
และอย่างที่กล่าวไว้ข้างบนน่ะค่ะ...

แต่หากไม่อะไรแล้ว พวกเราก็ไม่ค่อยพักที่อื่นกันนะคะ
จะเที่ยวและแยกย้ายกลับที่พักของใครของมันกันเลย
(เพราะต่่างก็อยู่กันคนละจังหวัดค่ะ แต่ก็รวมตัวกันง่าย)
ซึ่งที่ญี่ปุ่นนั้นการคมนาคมสะดวกรวดเร็วค่ะ ไปเช้าเย็นกลับได้
(แม้จะไปต่างเมือง) เพราะมีรถเร็วและชินคังเซ็นค่ะ
จากเกียวโตไปจังหวัดโอซากานั่งแค่ประมาณสามสิบกว่านาทีเองค่ะ
 
นอกเสียจากว่าไปต่างภูมิภาคและไม่มีผองเพื่อนอาศัยอยู่แถบนั้นเท่านั้นค่ะ
ถึงจะใช้บริการอินเตอร์เนตคาเฟ่ และบางทีก็เปิดห้องคาราโอเกะนอนกันค่ะ...

ผู้ชายก็อีกห้อง ผู้หญิงก็อีกห้อง ห้องก็หรูใช้ได้เลยค่ะ...
ราคาถูกกว่าโรงแรมหลายเท่าค่ะ...จริงๆแค่ต้องการที่ซุกหัวนอนชั่วคราว
เท่านั้นน่ะค่ะ...รุ่งเช้าเราก็ไปเที่ยวกันต่อได้...
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำการบ้านมามักไม่รู้ว่่ามีทางประหยัดงบในกระเป๋า
ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่เหนียตค่ะ...;D
และการเดินทางท่องเที่ยวที่ไกลๆจากถิ่นที่คุ้นเคยนั้น
ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง...เราจึงจำต้องจับกลุ่มกันเป็นก้อน
จะแตกแถวไม่ได้ค่ะ...และจะทำกันช่วงปิดเทอมค่ะ...

นี่คือชีวิตนักศึกษาค่ะ อาจแตกต่างจากนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว
ที่มาประเทศญี่ปุ่น...:D

บางครั้งสังคมที่เราอยู่ไม่ใช่ตัวกำหนดความเป็นไปของตัวเรา
แต่เราสามารถกำหนดความเป็นไปของสังคมที่เราอยู่ได้...ว่าไหมท่่าน...

 cool2:

ผิดพลาดประการใด อภัยให้ด้วยนะคะ

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^____________^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 18, 2009, 08:07 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เรียนภาษายี่ปุ่นอย่างเดียวค่าเรียนเท่าไหร่ครับ

ต้องใช้วุตอะไรเพื่อเข้าเรียนภาษา

ต้องใช้เงินเท่าไหร่เป็นค่าครองชีพในยี่ปุ่นต่อเดือนครับ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
เรียนภาษายี่ปุ่นอย่างเดียวค่าเรียนเท่าไหร่ครับ

ต้องใช้วุตอะไรเพื่อเข้าเรียนภาษา

ต้องใช้เงินเท่าไหร่เป็นค่าครองชีพในยี่ปุ่นต่อเดือนครับ

ค่าเล่าเรียนนั้นขึ้นอยู่กับคอสที่เรียนค่ะ
ซึ่งโดยทั่วไปจะมีคอส1ปี กับ1ปีครึ่งค่ะ

คอส1ปี(เริ่มเรียนตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไปค่ะ)
รวมค่าเล่าเรียนทั้งหมดประมาณ 620,000เยน-7430,000เยน
หรือประมาณ 186,000บาท-260,050บาท(โดยประมาณตามค่าเงิน)

คอส1ปีครึ่ง(เริ่มเรียนตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไปค่ะ)
รวมค่าเล่าเรียนทั้งหมดประมาณ 1,089,500เยน-1,120,000เยน
หรือประมาณ 381,325บาท-392,000บาท

ส่วนหลักสูตรระยะสั้น(ซึ่งมีไม่กี่สถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรนี้)

10สัปดาห์ 225,750เยน (ประมาณ 79,012บาท)

12สัปดาห์ 259380เยน (ประมาณ 90,783บาท)



ส่วนค่าครองชีพตามมาตรฐานทั่วไปต่อเดือน
ประมาณ110,000เยน-150,000เยนค่ะ
(ประมาณ38,500บาท-52,500บาท) ซึ่งเหมารวมทุกอย่างแล้วค่ะ
ทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าโดยสาร ฯลฯ อยู่ในนั้นหมดแล้วค่ะ


ส่วนวุฒินั้น ม.6ขึ้นไปค่ะ... ;D

ปล.เรืื่องเรียนภาษานั้นจะมีVolunteer(อาสาสมัครสอนภาษาญี่ปุ่น)ด้วยค่ะ
ซึ่งสอนให้โดยไม่คิดค่าเล่าเรียนค่ะ...แต่ว่่าไม่แน่ใจรายละเอียดมากนัก
เอาไว้มีโอกาสจะสอบถามอาจารย์ที่มหาลัยดูนะคะว่ามีลักษณะเป็นอย่่างไร
เพราะที่มหาลัยข้าน้อยมีอาสาสมัครสอนภาษาอยู่หลายท่านค่ะ
แต่ว่าช่วงนี้ท่านติดธุระ กว่าจะได้เจอคงอีกสักพักค่ะ หากเจอท่านเมื่อไหร่
จะลองถามรายละเอียดดูค่ะ...

ส่วนเรื่องรายละเอียดที่ให้ไปนั้นเป็นหลักสูตรการเรียนขั้นพื้นฐาน
ของสถาบันสอนภาษาต่างๆในญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งมากค่ะ
แค่โตเกียวที่เดียวก็เกือบ50กว่าแห่งแล้วค่ะ...

และที่โรงเรียนสอนภาษาที่ข้าน้อยจบมานั้น เรียนในหลักสูตร1ปีครึ่ง
หนังสือที่ต้องเรียนมี20กว่าเล่มไม่รวมเอกสาร(ชิส)แน่ะค่ะ...
เขาติวโหดจริงๆค่ะ แต่ก็คุ้มค่ะ...ฟังพูดอ่านเขียนได้ภายในปีครึ่งค่ะ...
คือเริ่มติวสตาร์ทจากศูนย์ไปจนถึงระดับสูงเลยค่ะ

มีอะไรหรือสงสัยตรงไหนถามมาได้นะคะ  smile:


วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^_____________^


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ

สรุปว่าหากเรียนที่ภาษานั้นเป็นเวลา1ปี

ต้องใช้เงินโดยประมาณ260000+(50000*12)=  860000

แปดแสนหกหมื่น

ทำงานที่อมิเรต2ปีถึงจะได้ไป*-*

อยากไปครับ

แต่คงอีกนานเลย

อัลลอฮฺคือผู้ที่ส่งไปไหนก็ได้

วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 19, 2009, 03:06 AM โดย bashir »
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

 

GoogleTagged