"มัสยิดแห่งแรกในเกาะแดนใต้( คิวชู) กับเสียงที่ดังขึ้นของสังคมมุสลิม"

มัสญิดฟูกุโอะกะ มัสญิดน้องใหม่ของญี่ปุ่นที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา ค่อนข้างเป็นที่สนใจและได้รับการตอบรับ
(ทั้งดี และอื่นๆ)พอสมควรจากชาวญี่ปุ่น
มีทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์เข้ามาทำข่าวเป็นระยะ
โดยเฉพาะช่วงเปิดตัวใหม่ๆ
และที่สำคัญ การมีตัวตนของมัสยิดที่นี่เป็นการแสดงตัวตนอย่างชัดเจน
ของสังคมมุสลิมในเกาะคิวชู เรียกได้ว่าเราสามารถรวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ
ทั้งศาสนกิจ ละหมาดประจำวัน ละหมาดวันศุกร์ กิจกรรมพบปะของพี่น้องมุสลิม
การเรียนการสอนกุรอาน (ตัฟซีร ฯลฯ) ทั้งสำหรับฝ่ายมุสลิมะห์ และมุสลิมมีน
ซึ่งโดยหลักแล้วจะเป็นพี่น้องจากอิยิปต์ แต่หากใครสนใจจะเข้าร่วม
ก็มีอาสาสมัครช่วยเป็นล่ามแปลภาษาอังกฤษให้
และมีการสอนภาษาอาหรับฟรีแก่ผู้สนใจ ทั้งมุสลิมที่ไม่ได้มาจากประเทศอาหรับ
และคนญี่ปุ่นทั่วไปที่สนใจ แบ่งเป็นห้องเรียนสำหรับผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กๆ
นอกจากนี้ ยังมีงานสำคัญที่ถือเป็นเป้าหมายหลักหนึ่งคือ การดะวะฮฺ
และให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลามแก่คนญี่ปุ่น
เริ่มแรกด้วยการเปิดตา คือต้อนรับให้เข้ามาดูตัวอาคารมัสยิด
ดูสถาปัตยกรรม ดูการละหมาด
ต่อด้วยการเปิดหู ด้วยสัมมนาเกี่ยวกับอิสลามที่เพิ่งจัดไปครั้งแรก
เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
ในหัวข้อ ทำไมต้องรู้จักอิสลาม (เป็นภาษาญี่ปุ่น โดยอบู ฮากีม อะหมัด
หรือ อาจารย์ มะเอะโนะ ผู้รู้ชาวญี่ปุ่น)
ส่วนการเปิดใจ อินชาอัลลอฮฺ หากพระองค์ประสงค์
กิจกรรมอื่นที่จัดขึ้นนอกจากที่กล่าวมาแล้ว เช่น งานพบปะมุสลิมะฮฺ
โดยไม่จำกัดสัญชาติ(international) จัดเป็นครั้งแรกวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
และต่อด้วยวันที่10 เป็นค่ายสำหรับเด็ก ปลูกฝังเกี่ยวกับหลักพื้นฐานอิสลาม
มีเกมต่างๆ และสร้างบรรยากาศ สภาพแวดล้อมของมุสลิม
ซึ่งหายากในสังคมนี้
โดยให้เด็กๆ ได้สัมผัสและซึมซับความเป็นมุสลิม
งานนี้เด็กๆ ดูท่าทางทั้งสนุก และเต็มอิ่มด้วยความรู้ ความอบอุ่น
ได้มีเพื่อนต่างสัญชาติ โดยสื่อสารกันด้วยภาษาญี่ปุ่น
เพราะเด็กๆที่นี่ต่างก็ต้องเข้าเรียนโรงเรียนญี่ปุ่นในระหว่างที่พ่อหรือแม่
มาเรียนและใช้ชีวิตที่นี่
ระยะสองสามเดือนแรกของมัสยิดน้องใหม่นี้ มีข่าวดีด้วยการต้อนรับมุสลิมะฮฺใหม่
ชาวญี่ปุ่น ที่เข้ามากล่าวชาฮาดะฮฺรับอิสลามคนแรกของมัสญิด
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ เธอกล่าวว่าเธอประทับใจบุคลิกและนิสัยของเพื่อนมุสลิม
สมัยที่ไปศึกษาที่แคนาดา เธอกลับมาญี่ปุ่นแล้วศึกษาอิสลามด้วยตัวเอง
อาศัยทั้งหนังสือ อินเตอร์เน็ต และถามเพื่อนมุสลิมของเธอ
ฝึกถือศีลอดทุกเดือนรอมฎอนสามปีก่อนเข้ารับอิสลามในปีนี้
จนกระทั่งเธอรู้ว่ามีมัสยิดอยู่ในจังหวัดฟูกุโอะกะ
จึงเข้ามาหาพวกเราด้วยใจที่พร้อมจะเป็นมุสลิม (มาชาอัลลอฮฺ)
มันทำให้ฉันคิดว่า อาจจะมีคนญี่ปุ่นอีกไม่น้อยที่กำลังศึกษา
และค้นหาอิสลามอยู่ก็ได้ (อินชาอัลลอฮฺ)
เมื่อตัวตนของมุสลิมปรากฏชัดในสังคมญี่ปุ่น
เชื่อแน่ว่าพวกเขาคงอุ่นใจ และพร้อมจะเข้ามาสู่ทางนำแห่งอิสลามอินชาอัลลอฮฺ
"กว่าจะมาเป็นมัสยิดฟูกุโอะกะ"
เมืองฟูกุโอะกะ เป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ทางเกาะตอนใต้ของญี่ปุ่น
ชื่อว่าเกาะคิวชู เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยคิวชู มหาวิทยาลัยรัฐคุณภาพแห่งหนึ่ง
ของญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดรับนักศึกษาต่างชาติมากพอสมควร
เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว คือปี 2541 เดือนตุลาคม
ชมรมนักศึกษามุสลิมมหาวัทยาลัยคิวชู (KUMSA) วางโครงการที่จะสร้างมัสยิดขึ้น
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะต้องผ่านกระบวนการมากมายในระบบของญี่ปุ่น
และต้องใช้เงินจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั่น ยังเจอการประท้วงจากคนญี่ปุ่น
ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้ที่ดินที่จะใช้สร้างมัสยิด เพราะชาวญี่ปุ่นที่ไม่รู้จักมุสลิมเลย
นอกจาก ทางข่าว ทางสื่อต่างๆ ที่แน่นอนว่าเป็นภาพในแง่ลบ
คนญี่ปุ่นจึงกลัวกันว่าจะเป็นแหล่งรวมตัวก่อการร้าย ??
จนกระทั่งปี 2548 สามารถซื้อที่ดินซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยคิวชู
วิทยาเขต ฮะโกะซากิ
เดือนมกราคมปี 2551 แบบสร้างมัสยิดได้รับการยอมรับ
จากที่ว่าการเมืองฟูกุโอะกะ
เดือนเมษายนในปีเดียวกัน มีการเซ็นสัญญาการก่อสร้าง
และสองเดือนถัดไปก็สามารถเริ่มสร้างมัสยิด
ช่วงเวลาระหว่างนี้ ได้ฟังจากมุสลิมญี่ปุ่นเล่าว่า
มักจะแวะไปดูบ่อยๆระหว่างการก่อสร้างว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
นอกจากนี้ มุสลิมญี่ปุ่นหลายๆ ครอบครัวก็ย้ายบ้านมาอยู่บริเวณใกล้ๆ มัสยิด
หลังจากที่รู้เรื่องการก่อสร้างมัสยิด
ในที่สุด เมื่อราวกลางเดือนมีนาคมปีนี้ (2552)
มุสลิมในฟูกุโอะกะก็สามารถเข้าใช้มัสยิดได้ ได้ละหมาดในบ้านของอัลลอฮฺ
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเคยอาศัยตึกกิจกรรมนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัย
ละหมาดดุฮฺริ อัสริ หรือมัฆริบ หรือแม้กระทั่งละหมาดวันศุกร์
ส่วนการละหมาดอีดทั้งสอง ก็เคยใช้สถานที่ของห้องกิจกรรม
ในหอพักนักศึกษาต่างชาติ ด้วยประวัติที่ยาวนาน เรียกได้ว่าคุ้มค่า
เพราะมัสยิดสวยงาม และสะอาดตา ซึ่งความสะอาดเป็นเรื่องหลักที่อิสลาม
และสังคมญี่ปุ่นต่างให้ความสำคัญอย่างมาก
บรรยากาศข้างในมัสยิดก็สงบ ตัวอาคารมีทั้งหมดสี่ชั้น
ประตูทางเข้าแยกเป็นสองฝั่งหญิง-ชาย คือ ชั้นใต้ดิน มีห้องใหญ่
ที่ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งสัมมนา หรือสำหรับกรณีที่ละหมาดของผู้ชายบนชั้นหนึ่ง
ไม่เพียงพอก็สามารถลงมาใช้ที่นี่ได้
และมีห้องสมุดที่แม้จะยังมีหนังสืออยู่ไม่มาก แต่ก็มีหนังสือศาสนาภาษาญี่ปุ่น
ก็ตั้งเรียงรายอยู่เต็มหนึ่งชั้นหนังสือ
ต่อด้วยชั้นหนึ่ง เป็นที่ละหมาดของผู้ชาย และมีห้องของอิหม่ามมัสยิด(ชาวญี่ปุ่น) สำหรับผู้ที่จะมาติดต่อ หรือเยี่ยมชม สามารถข้ามาสอบถามโดยตรง
ที่อิหม่ามผู้ดูแลมัสยิด
ชั้นสองเป็นที่ละหมาดของผู้หญิง ชั้นสาม เป็นห้องทำกิจกรรมต่างๆ มีสามห้อง
โดยอาจมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับเด็กๆ
มีครัวสำหรับกิจกรรมสอนทำอาหารนานาชาติที่จะจัดขึ้นต่อไป อินชาอัลลอฮฺ
ส่วนประตูทางเข้าก็แยกเป็นสองฝั่งหญิง-ชาย
ฉบับนี้ขอเล่าภาพบรรยากาศของมัสญิดโดยรวมไว้ก่อน ฉบับหน้าอินชาอัลลอฮ์
จะขอเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของมุสลิมในแดนซากุระกัน จะยากลำบากหรือจะอบอุ่นขนาดไหน อดใจรอไปก่อน ระหว่างรอ อยากฝากพี่น้องให้ช่วยกันขอดุอาอฺให้การงานและการดะวะฮฺของพี่น้องที่นี่ด้วย (เผื่อมาถึงผู้เขียนด้วยจะยิ่งดี ) ญาซากุลลอฮุคอยรอน
ญะซากุมุลลอฮุคอยร็อน : zainzainJP
เขียนโดย jihad เมื่อ 27 พฤษภาคม, 2009 - 21:27
ที่มา:
http://www.jihadforjannah.com/bp5/node/449