ผู้เขียน หัวข้อ: การเผยแผ่และการเข้ารับอิสลามในประเทศญี่ปุ่น  (อ่าน 43970 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
^
^
ค่ะ...

แต่ก็ทำได้แค่ขอดุอาฮฺให้อัลลอฮฺเปิดใจพวกเขาค่ะ...
เขาจะได้ศรัทธา แล้วหันมาศึกษาอัลอิสลาม ดังในบทความด้านบน
ที่กว่าเขาจะกล่าวคำปฏิญาณเข้ารับอิสลามได้นั้น
เขาศึกษาและปฏิบัติอยู่หลายปีเลยค่ะ...ซึ่งเรื่องเขวนั้น
ต้องยอมรับว่า ย่อมเขวได้กว่าบ้านเราแน่ๆค่ะ...
เพราะว่าสังคมที่รายล้อมพวกเขาอยู่นั้น มิใช่สังคมมุสลิมส่วนใหญ่
เขาต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของบ้านเมืองเขา...
กฎเกณฑ์ต่างๆของบ้านเมืองเขา...
จึงเป็นการญิฮาดที่น่าประทับใจมากค่ะ อย่างการที่เมื่อเขารู้ว่า
จะมีการสร้างมัสยิด มุสลิมในประเทศญี่ปุ่นต่างก็ย้ายบ้าน
ย้ายที่พักเพื่อไปอยู่ใกล้ๆกับมัสยิด...สวนกระแสของเสียงคัดค้าน
จากชาวบ้านที่ไม่ต้องการให้สร้างมัสยิดเพราะความหวาดกลัว
กับสิ่งที่เขารับรู้มาผิดๆ

ต่างกับตัวข้าน้อยลิบลับ...เพราะปัจจุบันอยู่ไกลจากมัสยิดมากๆค่ะ...
ไกลจากพี่น้องมุสลิมด้วย...อยากอยู่ใกล้ๆก็จริง...
แต่อะไรๆไม่ค่อยเป็นใจนัก นอกจากโอกาสอำนวยเท่านั้นค่ะ
จึงสามารถไปพบปะกันได้...แต่ก็พอใจค่ะ...
อย่างน้อยก็จะได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย...

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^__________^


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
วะอะลัยกุมมุสลามค่ะ

ถ้าหมายถึงมัสยิดฟุกุโอกะ ที่คิวชูนั้น...พี่ยังไม่เคยไปเลยค่ะ
เพราะว่าอยู่กันคนละภูมิภาค ฟุกุโอกะเป็นเมืองใหญ่และสวยงามที่สุด
ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นก็ว่าได้เลยล่ะค่ะ...ส่วนพี่นั้นอยู่ทางภาคตะวันตก
(คันไซ)ค่ะ...

ลองเข้าไปตามลิงก์นี้ดูนะคะ มีรายละเอียดเกี่ยวกับภาพมัสยิดฟุกุโอกะค่ะ

http://www.jihadforjannah.com/bp5/node/449

ส่วนสภาพแวดล้อมนั้น...พี่ขอรวบรวมภาพดีๆน่่าประทับใจๆจากหลายๆที่
ที่เกี่ยวกับการเผยแผ่อิสลามในประเทศญี่ปุ่น
แล้วจะนำมาลงที่นี่ในคราเดียวกันในครั้งถัดๆไปค่ะ อินชาอัลลอฮฺ

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^_____________^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 29, 2009, 01:41 AM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
 salam

ค้นพบพระเจ้าในมหาวิทยาลัย


    เช้าตรู่ของวันที่ 19 พฤษภาคม 2004 ผมได้เจอกับนักเรียนมุสลิม
ที่ห้องโถงสำนักงานใหญ่มหาวิทยาลัยคาลิฟอร์เนียสเตทยู ลองบีช (คาลสเตทยู)
ซึ่งต่อมาเขาก็กลายเป็นเพื่อนมุสลิมคนแรกของผม

แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลายมาเป็นมุสลิม
เมื่อหวนนึกไปแล้ว วันนั้นแหละที่การเดินทางสู่อิสลามของผมได้เริ่มต้นขึ้น

ผมเกิดที่ญี่ปุ่น ในครอบครัวคาทอลิก เข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนคาทอลิก
และโรงเรียนประถมที่โรงเรียนคริสเตียน

ตอนเด็ก ครอบครัวผมไปโบสถ์วันอาทิตย์เป็นประจำ จนกระทั่งผมขึ้นป.3
เราก็เข้าร่วมพิธีคริสตศาสนาเฉพาะคริสต์มาสและอีสเตอร์
และไปโบสถ์วันอาทิตย์บ้างเป็นครั้งคราว

กระนั้นก็ตาม คาทอลิกมีบทบาทต่อชีวิตผมเสมอ ผมมีศรัทธาและความเชื่อ
จากนั้นผมก็มองหาทางที่จะปฏิบัติตามศรัทธาและความเชื่อ
แต่ผมก็ไม่เจอสิ่งนั้นในคาทอลิก

จากวันที่ได้เจอกับเด็กมุสลิมคนแรก ผมก็ได้ติดต่อกับสมาคมนักเรียนมุสลิม
และเด็กนักเรียนมุสลิมที่คาลสเตทลองบีชเสมอมา

ผมเข้าร่วมในกิจกรรมของพวกเขาทั้ง Islamic Awareness Week ประจำปี,
ฟาสต์อะทอน (ถือศีลอดรอมดอน), และเทศกาลอีดที่บีชคาร์นิวัล
ผมแวดล้อมไปด้วยเพื่อนมุสลิม ซึ่งผมมักตั้งคำถามแปลกๆ กับพวกเขาเสมอ

เช่น 'มุสลิมดื่มกาแฟได้ไหม?' หรือ 'มุสลิมแต่งหน้าได้ป่ะ?'

ผมสำรวจเกี่ยวกับอิสลามเพิ่มเติม ทั้งจากการได้มองเห็น ฟัง
และเรียนรู้จากพี่น้องมุสลิมที่สมาคมนักเรียนมุสลิม

สังคมสมัยนี้ทำให้เราเข้าถึงในทุกๆ เรื่อง รวมทั้งเรื่องที่เป็นข้อห้ามทางศาสนา
และการที่เรารู้จักควบคุมตัวเอง รักษาวินัยนั่นแหละที่ทำให้เราเป็นมุสลิมที่ดีขึ้น

มุสลิมผู้ยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

สิ่งที่ผมเห็นจากชุมชนมุสลิมช่างต่างจากที่สื่อมวลชนพยายามป้ายสีกันยิ่งนัก
ผมไม่เห็นมีใครโดนบังคับให้เป็นมุสลิมซักหน่อย
ตรงกันข้าม ผมกลับมองเห็นชุมชนที่สนับสนุนทุกคนให้เป็นมุสลิมที่ดี

ต่อมาผมได้ร่วมละหมาดจุมมาอ์วันศุกร์ และจากนั้นก็ตัดสินใจถือศีลอด
ช่วงรอมดอน เมื่อรอมดอนผ่านไป ผมมองเห็นว่าอิสลามช่างเหมาะกับผมมากขึ้น
ทุกๆ วัน

จริงๆ แล้วผมว่าผมได้ค้นพบแล้ว ที่ๆ ผมจะใช้ชีวิตทุกๆวันด้วยศรัทธา
และความเชื่อ และชุมชนมุสลิมที่นี่ก็ได้ช่วยเหลือผมให้ทำเช่นนี้ได้

แรกเริ่มเดิมที ผมรู้สึกว่าศรัทธาของผมก็เป็นเรื่องส่วนตัวเฉพาะอัลลอฮกับผมเท่านั้น
ไม่เห็นต้องไปกล่าวชาฮาดาฮ์ ปฏิญาณตนเป็นมุสลิมต่อหน้าใครๆ

อย่างไรก็ตาม ในคืนหนึ่งของรอมดอน ช่วงที่ผมขับรถกลับจากละหมาดตารอเวียฮ
ผมครุ่นคิดว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร มันมิได้เป็นเพราะผมตื่นขึ้นมา
ในเช้าวันหนึ่งและก็ได้รับสารจากเบื้องบนหรอกนะ

แต่ผมได้รับทางนำจากพระเจ้าผ่านทางเพื่อนๆ มุสลิมทั้งหลายที่ได้เจอะเจอ
และนั่นก็คือสัญญาณจากพระเจ้าไงล่ะ

เมื่อตระหนักดังนี้ ผมก็รู้สึกอยากให้พวกเขาทุกคนรู้ว่า
ตอนนี้ผมกลายมาเป็นพี่น้องร่วมศรัทธาของพวกเขาแล้วล่ะ

จากนั้นไม่นาน ในเช้าวันอีด ผมกล่าวชาฮาดาฮ์ ปฏิญาณตนรับอิสลาม.

________________________


ฮิโรนาโอะ โอกาฮานา กล่าวชาฮาดาฮ์รับอิสลามที่อิสลามมิกเซ็นเตอร์เออร์วิน
ในวันที่ 13 ตุลาคม 2007 - วันตรุษอีดิลฟิตรีย์ของปี 2007

ฮิโรนาโอะเป็นนักกิจกรรมตัวยงของมหาวิทยาลัยคาลสเตทลองบีช
เป็นรองประธานนักเรียน Associate Students Inc. (ASI)
จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์.


แปลโดย วาริษาฮ์ อัมรีล

คัดลอกจาก www.newmuslimthailand.com


วัสลามุอะลัยกุมค่ะ

^___________^


"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ไปลองค้นดู

ทัวร์ญี่ปุ่นเดือนตุลาคม
1.ทัวร์ญี่ปุ่น-นาริตะ 3 วัน 2 คืน ราคา 25,900 เดินทางตุลาคม
2.ทัวร์ญี่ปุ่นฟุจิ-ล่องเรือ-โตเกียว 3 วัน 2 คืน ราคา 26,900 เดินทางตุลาคม
3.ทัวร์ญี่ปุ่น 4 วัน 3 คืน ราคา 29,900 เดินทางตุลาคม
4.ทัวร์ญี่ปุ่น อาบนำแร่ออนเซ็น ชอปปิ้ง 4 วัน 3 คืน ราคา 29,900 เดือนตุลาคม
5 ทัวร์ญี่ปุ่น - อาบน้ำแร่-ฟูจิ-ชินจุกุ 4 วัน 3 คืน ราคา 29,900 เดือนตุลาคม
การันตีคุณภาพ Consortium Sukui Group Japan


http://th.88db.com/Travel/Travel-Agencies/ad-330395/


แต่คงจะไม่ใช่ของมุสลิม อาหารคงได้กินแต่อาหารทะเลมั้ง แต่ราคาน่าจะถูกนะ

คุณนาดาว่าอย่างนั้นรึปล่าวครับ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

แต่คงจะไม่ใช่ของมุสลิม อาหารคงได้กินแต่อาหารทะเลมั้ง
แต่ราคาน่าจะถูกนะ

คุณนาดาว่าอย่างนั้นรึปล่าวครับ


เห็นด้วยค่ะว่าถ้ามากับทัวร์ราคาจะถูกค่ะ...

เพราะปกติถ้าเป็นช่วงเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นปีหน้า
ราคาตั๋วไปกลับไทย-ญี่ปุ่นค่อนข้างแพง(แต่สำหรับข้าน้อยนั้น
ต้องบอกว่าแพงมากกกกกกกกกกค่ะ;D)

แค่ราตาตั๋วไปกลับก็ตกประมาณ30,000บาทแล้วอ่ะค่ะ...
กลับบ้านทีอยากกินหญ้าแทนข้าวเลยล่ะค่ะ...:D
ต้องทำงานไปด้วยค่ะถึงจะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน...

ช่วงนี้เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า โคโยหรือโมมิจิ...
สวยมากค่ะ...โดยเฉพาะที่เกียวโต ตอนนี้นักท่องเที่ยวกำลังหลั่งไหลกันมาค่ะ
ข้าน้อยได้ยุ่งก็งานนี้ล่ะค่ะ...เพราะว่าเพื่อนๆคงมาเที่ยวส่งท้ายกันในช่วงนี้
อากาศเริ่มหนาวแล้วค่ะ...

หากใครสนใจมาเที่ยวญี่ปุ่น
ถ้าเป็นช่วงนี้คือระหว่างเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายน
ข้าน้อยขอแนะนำเกียวโตค่ะ...ไปมาหลายที่ คิดว่าที่เกียวโตสวยสุดๆ
สำหรับช่วงเวลานี้ค่ะ...ฟันธง!!

หากมาอย่าลืมบอกกันนะคะ จะพาไปเที่ยวและกินค่ะ...
เพราะหากเที่ยวในเกียวโตนั้นค่าโดยสารถูกมากค่ะ
ซื้อตั๋วเหมาทั้งวันราคาประมาณ200บาทไทยก็นั่งรถเที่ยวทั่วเมืองได้ทั้งวันค่ะ
จะลงที่ไหนก็ได้ตามแต่สะดวกเลยค่ะ
จะนั่งรถสักกี่เที่ยวก็ได้ค่ะ...ตัดปัญหาเรื่องค่าโดยสารในการท่องเที่ยว
ไปได้เลยค่ะ...

ส่วนที่กินนั้นหายห่วงค่ะ...อาหารทะเลเพียบ...
ร้านอาหารมุสลิมก็มีค่ะ...ร้านอาหารไทยก็เยอะ...
มัสยิดก็มี ศูนย์กลางอิสลามในประเทศญี่ปุ่นก็มีสาขาตั้งอยู่ที่เกียวโตด้วยค่ะ...
แหล่งชอปฯ และป่าเขามีให้เที่ยว เลือกได้ตามสไตล์เลยค่ะ
(หาได้โฆษณาเลย แต่อยากบอกว่า หากจะมาอย่าได้กังวลเลยค่ะ
มุสลิมมาเที่ยวกันเยอะค่ะ...ข้าน้อยก็คนนึงที่อยู่เมืองนี้มาหลายปี)
และสามารถไปเที่ยวเมืองรอบๆได้สะดวกสบายด้วยค่ะ...

หากพี่น้องท่านใดจะมาติดต่อมาได้ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ...
ยินดีพาเที่ยวพากินค่ะ...ถ้าไม่ติดอะไร...อินชาอัลลอฮฺ

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ค่าไกด์ไม่ต้อง ขอแค่ตั๋วกลับบ้านก็พอ 5555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
ค่าไกด์ไม่ต้อง ขอแค่ตั๋วกลับบ้านก็พอ 5555

ค่าไกด์ไม่คิด..แค่เอาทุเรียน มังคุด มะม่วง และเงาะติดไม้ติดมือมาฝาก
ไกด์ก็หน้าบานแว้ววววววววว...hehe
ยิ่งหิ้วไก่มาให้สักตัวซ้องตัว...อาจจะบานเท่าด้ง...

รับรอง ถึงไหนถึงกัน...

มาจิ เดี๋ยวจะเจียวไข่ให้กิน... ;D


ปล.อย่าลืมเอาโหมหญิงมากัน555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 28, 2009, 03:09 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
จะเอาไปได้ยังไง ว่าจะไปหาแถวญี่ปุ่นนิ 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

เป็นความคิดที่ดีเรยยยย
จะได้มีมุสลิมะฮฺญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกสักคนซ้องคน...งิงิ

หากต้องการศิราณี...
อย่าลืมหิ้วไก่ติดไม้ติดมือมาสักตัวซ้องตัวมาฝากพี่กัน...
เอาโคลงเคลงมาด้วยได้จะเยี่ยมมากกกกก อยากเจอนิ

 boulay:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
เดี๋ยวเครื่องตกแน่XoSขึ้น 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ไม่ต้องเจาะ แค่ขึ้นนั่งก็แบนแล้ว 5555



จอดในหอชาย เข้ามาเจาะไม่ได้หรอก
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
^
^

หว่านเรือใบไว้หน้าหอเลยโคลงเคลง...แบนแต๊ดแต๋แน่ๆ


 boulay:
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ read

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 130
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อยากถามว่า

1) ทำไมคนญี่ปุ่น เวลาคุยกัน ทำไมต้อง พยักหน้าตลอดเวลา

2) ทำไมต้องเคารพ หรือ ก้มโค้ง อยู่บ่อย ๆ

3) "  จัง "  แปลว่าอะไร 

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
salam

ขอตอบตามความเข้าใจและประสบการณ์ของข้าน้อยนะคะ

อยากถามว่า

1) ทำไมคนญี่ปุ่น เวลาคุยกัน ทำไมต้อง พยักหน้าตลอดเวลา



หมายความว่าเขากำลังทำความเข้าใจคำพูดของคู่สนทนาอยู่ค่ะ...
คือเขาจะพยักหน้าตอบรับบทสนทนาของอีกฝ่าย...
บางครั้งก็พยักไปพร้อมๆกับพูดว่า "ไฮ" พอตรงไหนไม่เข้าใจจึงค่อยถาม
เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ เป็นแบบฟอร์มหรือมารยาทการสนทนา
ของคนญี่ปุ่นโดยทั่วไปน่ะค่ะ...คนญี่ปุ่นมักทำอะไรเป็นรูปแบบ
หรือแบบอย่าง(Pattern)ที่คนในสังคมวางไว้
จนอาจกลายเป็นความเคยชินก็เป็นได้ค่ะ

และมิใช่แต่คนญี่ปุ่นนะคะ ข้าน้อยเองก็เป็น เป็นก่อนมาอยู่ญ่ีปุ่นด้วยค่ะ..
เวลาเราพูดแล้วมีคนนั่งฟังเราพร้อมกับพยักหน้าตั้งใจฟังมันทำให้
การสนทนาไหลลื่นดีค่ะ...อีกอย่างคู่สนทนาจะได้ไม่รู้สึกเหมือนพูดอยู่คนเดียว
เพราะการฟังก็เป็นอิบาดะฮฺอย่างหนึ่งด้วยค่ะ... ;D

อยากถามว่า


2) ทำไมต้องเคารพ หรือ ก้มโค้ง อยู่บ่อย ๆ


เป็นธรรมเนียมปฏิบัติและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นค่ะ...
เหมือนกับการยกมือไหว้ของคนไทย และการเช็คแฮนด์ของฝรั่ง
ไม่ว่าจะเป็นการทักทายหรือว่าขอบคุณ...
บางครั้งถือเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย...

เขามีวางรูปแบบไว้เช่นกันค่ะเรื่องมารยาทในการทักทาย
การขอบคุณและการกล่าวลา ไม่ว่าจะตอนยืนหรือนั่ง
ท่านั่ง ท่ายืนควรนั่งหรือยืนอย่างไร
ซึ่งไม่ต่างจากประเทศอื่นๆที่จะมีรูปแบบตรงนี้เช่นกันน่ะค่ะ...


อยากถามว่า

3) "  จัง "  แปลว่าอะไร 


คำว่า"จัง" เป็นคำลงท้ายชื่อคนที่เราเรียกหรือคู่สนทนา
และบุคคลที่เรากล่าวถึงค่ะ...

เช่น readจัง

เปรียบได้ดั่งในภาษาไทยว่า...คุณread

แต่การเรียกคำหลังชื่อในภาษาญี่ปุ่นมีหลายระดับค่ะ
จะใช้ตามใจนั้นไม่ได้...

ตัวอย่างเช่น

1.(ชื่อคน)ซามะ คำนี้ใช้เรียกบุคคลที่เรากล่าวถึงเป็นการให้เกียรติระดับสูง
เวลาจ่าหน้าซองถึงใคร ก็จะลงท้ายหลังชื่อผู้รับว่า "ซามะ"
แม้จะเป็นสถานที่มิใช่ตัวบุคคลก็ตามค่ะ

2.(ชื่อคน)ซัง คำนี้ใช้เรียกบุคคลที่เรากล่าวถึงหรือคู่สนทนา
เพื่อเป็นการให้เกียรติในระดับทั่วไป คือสุภาพ
และคนส่วนใหญ่จะเรียกด้วยคำว่าซัง ซึ่งดูเป็นทางการ

3.(ชื่อคน)จัง คำนี้จะใช้เรียกหลังชื่อเด็กค่ะ...
เช่นลูกหรือคนที่อายุน้อยกว่าหรือไม่ก็กับบรรดาผองเพื่อนและคนที่สนิทสนมกัน...
จะไม่ใช้ตามหลังเรียกชื่อบุคคลที่เราเพิ่งพบหรือเพิ่งรู้จัก...
เพราะคำนี้จะแฝงไปด้วยความน่ารักค่ะ
เหมาะสำหรับคนที่เราสนิทสนมด้วย
หรือบางครั้งก็ใช้เรียกเพื่อให้เขาดูน่ารักขึ้น บางคนชอบบางคนไม่ชอบ
ดังนั้น หากไม่สนิทพอ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้คำว่า "ซัง"หลังชื่อแทนค่ะ...

หากเวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนนั้นเราจำเป็นเช่นกันที่ต้องใช้คำพูดที่สนิทสนม
หากใช้ระดับคำพูดที่สุภาพกับเพืื่อน ก็ดูจะเสียมารยาท
หรืออีกนัยนึงคือแบ่งชนชั้นน่ะค่ะ...
เพราะหลักไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่นมีหลายระดับ มีหลายรูป
มีระดับสูง ระดับที่เป็นทางการ(สุภาพ) และระดับทั่วไป(ใช้กับคนที่เราสนิท)
หากเราใช้ผิดระดับก็จะกลายเป็นการเสียมารยาทค่ะ...
ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีได้...


ซึ่งการเรียกคำหลังชื่อของคู่สนทนาหรือบุคคลที่เรากล่าวถึงนั้น
ถือเป็นการให้เกียรติค่ะ ดังนั้นเวลาแทนช่ือตัวเองกับคู่สนทนา
จึงไม่มีการเติมคำว่า ซามะ ซัง และจัง ลงท้ายชื่อของตัวเองค่ะ...
เพราะเท่ากับเรายกเกียรติตัวเองขึ้น...

เช่น...readซัง(จัง)สบายดีมั้ยคะ ส่วนโด่โด่สบายดีค่ะ...
อิลฮามซามะ(ซัง/จัง)ไม่รู้ว่าสบายดีมั้ย ฝากสลามถึงอิลฮามซามะ(ซัง/จัง)ด้วยนะคะ...
(ซึ่งเราแทนตัวเองด้วยชื่อเราหรือใช้คำว่า วะตะชิ ก็ได้ค่ะ
และเพื่อเป็นการให้เกียรติท่านread ข้าน้อยจึงเรียกท่านว่า readซัง
และเพื่อเป็นการให้เกียรติอิลฮามซึ่งเป็นบุคคลที่เรากล่าวถึงซึ่งเขาไม่ได้อยู่ด้วย
จึงเรียกอิลฮามว่าอิลฮามซามะ(ซึ่งถือว่าให้เกียรติอิลฮามมากๆค่ะ)
แต่ข้าน้อยจะไม่เรียกท่านreadว่า readซามะ เพราะว่าคำว่า ซามะ
ส่วนใหญ่ใช้เรียกบุคคลที่เรากล่าวถึง)

และหากอยู่ๆเพื่อนญี่ปุ่นที่เราสนิทเกิดเพี้ยนใช้คำสุภาพกับเรา
หรือใช้คำระดับสูงกับเราขึ้นมา
นั่นหมายความว่า เขาอาจจะโกรธหรือไม่พอใจเราแล้ว
คนญี่ปุ่นเวลาโกรธจะใช้ศัพท์ในระดับที่สูงขึ้นจากปกติที่เคยใช้กับเราค่ะ ;D
(นั่นล่ะค่ะคำต่อว่าของคนญี่ปุ่น เขาใช้ระดับภาษาในการต่อว่าหรือตำหนิเรา
หรืออีกนัยคือพูดให้เจ็บด้วยความห่างเหินของระดับภาษาค่ะ...)

แรกๆไม่รู้เรื่องเราก็ยิ้มรับทุกสถานการณ์(มีความสุขเพราะไม่รู้ว่าเขาต่อว่าเรา
นึกว่าเขาชมเรา เห็นใช้ศัพท์ซะสูงเชียว เลยยิ้มรับ ;D)
อยู่ไปอยู่มาเดี๋ยวก็เจ็บไปเองค่ะ...เหอๆ


เสริมอีกนิดค่ะ

คำว่า "คุง" ใช้เรียกหลังชื่อผู้ชายค่ะ...ไม่นิยมใช้เรียกกับผู้หญิง...

ส่วนคำว่า ซามะ ซัง และ จัง ใช้ได้ทุกเพศค่ะ...


ปล.ร่ายเสียยาว อธิบายสั้นๆไม่เคยได้สักทีอ่ะค่ะ...อ่านไปสงสัยตรงไหน
ถามได้นะคะ...

ปล.2 ว่าแต่ถามอย่างนี้ ท่่านreadสนใจจะมาดะวะห์ที่ญี่ปุ่นใช่ไหมคะ hehe

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ


 loveit:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 29, 2009, 05:53 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
 salam


อิสลามิกชนบนแผ่นดินอาทิตย์อุทัย

ถนนนะกะยามะเตะ (Nakayamate Dori) ย่านคิตาโนะโช (Kitano-cho)
เมืองโกเบ (Kobe) ประเทศญี่ปุ่นในยามใกล้เที่ยงของวันศุกร์
แตกต่างจากวันอื่นๆ ด้วยผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่จุดหมายเดียวกัน

อาภรณ์แปลกตาชวนให้นักท่องเที่ยวที่กำลังเยี่ยมชมย่านโบราณของเมืองโกเบ
อาจฉงนสนเท่ห์ในความแปลกแยกแตกต่างของคนกลุ่มนี้กับชาวญี่ปุ่นทั่วไป

เพราะฝ่ายชายสวมหมวก บ้างก็ใส่เสื้อปล่อยชายยาวถึงเข่า
สตรีคลุมศีรษะและสวมอาภรณ์มิดชิด บ้างก็เดินมาคนเดียว
บ้างก็มาเป็นกลุ่มหรือครอบครัว พวกเขาต่างมุ่งสู่อาคารหลังใหญ่
ที่มีประตูทางเข้ารูปโค้งแหลมขนาบด้วยหอสูงสองข้าง
รูปแบบสิ่งก่อสร้างแตกต่างไปจากอาคารในย่านเดียวกัน
หรือแม้แต่อาคารอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น


สถานที่แห่งนี้คือ 'มัสยิดแห่งเมืองโกเบ'
ศูนย์รวมของมุสลิมในประเทศญี่ปุ่นสำหรับการสวดมนต์ขอพรต่อพระเจ้า
ในวันศุกร์อันเป็นกิจซึ่งอิสลามิกชนทั่วโลกยึดถือปฏิบัติร่วมกันมา
ยาวนานนับศตวรรษ




มัสยิดเมืองโกเบ ศาสนสถานแห่งแรกของมุสลิมในประเทศญี่ปุ่น

แม้อิสลามจะเข้ามาตั้งมั่นในดินแดนบนภาคพื้นทวีปของเอเชียตะวันออก
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม
ข้ามน้ำข้ามทะเลสู่เกาะญี่ปุ่น

ร่องรอยที่พอมีอยู่บ้างคือการติดต่อระหว่างพ่อค้ามุสลิมอินเดียและเปอร์เซีย
ที่เข้ามาค้าขาย ณ เมืองท่านางาซากิ (Nagasaki) เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 16-17

อย่างไรก็ตามยังไม่พบข้อมูลซึ่งอ้างถึงการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม
ในแดนอาทิตย์อุทัยจนล่วงถึงสมัยเมจิ (Meiji : ค.ศ.1868-1962)
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นได้เปิดประเทศรับการติดต่อจากนานาชาติ


ช่วงเวลานี้เองที่มุสลิมจากประเทศต่างๆ เริ่มอพยพสู่ญี่ปุ่น
มุสลิมเชื้อชาติมลายูและมุสลิมอินเดียเข้ามาพร้อมกับชาวอังกฤษ

เนื่องจากมลายูและอินเดียในช่วงเวลานั้นยังเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร
เมื่อชาวอังกฤษเข้ามาค้าขายและติดต่อกับชาวญี่ปุ่นทำให้มุสลิมในบังคับ
(subjects) จากดินแดนอาณานิคมพลอยติดตามมาด้วย 


กลุ่มต่อมาคือมุสลิมชาวตุรกีซึ่งเข้าสู่ญี่ปุ่นเนื่องจากความสัมพันธ์อันดีทางการค้า
และการทูตระหว่างราชสำนักพระจักรพรรดิญี่ปุ่น
กับสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมาน-เตอร์ก

นอกจากนี้ยังมีมุสลิมจากอินเดียที่เข้ามาค้าขายและตั้งห้างร้านในเมืองโกเบ
ศูนย์กลางการค้านานาชาติริมทะเลของญี่ปุ่นสมัยเมจิ

มุสลิมเหล่านี้ได้นำเอาความเชื่อและวัฒนธรรมต่างๆ
เข้ามาเผยแผ่ทำให้ชาวญี่ปุ่นรับรู้ความเชื่อและศรัทธาอย่างใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม




มัสยิดแห่งนครโตเกียว รูปทรงจำลองมาจากสถาปัตยกรรม
แบบออตโตมาน-เตอร์ก

ราว ค.ศ.1870 มีการแปลชีวประวัติของพระศาสดามูฮัมหมัดเป็นภาษาญี่ปุ่นขึ้นครั้งแรก


ต่อมาโกทะโร ยะมะโอกะ (Kotaro Yamaoka) ชาวญี่ปุ่นได้เปลี่ยนมารับนับถืออิสลามพร้อมกับเปลี่ยนชื่อตามแบบมุสลิม
โดยใช้นามว่าโอมาร์ ยะมะโอกะ

หลักฐานกล่าวว่ายะมะโอกะเป็นมุสลิมชาวญี่ปุ่นคนแรกที่เดินทางไปแสวงบุญ
ยังนครเมกกะเมื่อ ค.ศ. 1909
หลังจากนั้นก็มีชาวญี่ปุ่นอีกจำนวนหนึ่ง
ได้เปลี่ยนมารับนับถืออิสลาม


โกทะโร ยะมะโอกะ หรือโอมาร์ ยะมะโอกะ
ในชุดแต่งกายแบบมุสลิม

อย่างไรก็ตามมุสลิมชาวญี่ปุ่นมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับศาสนิกในศาสนาอื่น
กระทั่งภายหลังการปฏิวัติบอลเชวิกในรัสเซียอันเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ครั้งใหญ่บนดินแดนภาคพื้นทวีปของเอเชียตะวันออก   


การแผ่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ทำให้มุสลิมจำนวนมากจากเอเชียกลาง และจีน
อันได้แก่พวกเชื้อชาติเตอร์ก ทาจิก อุซเบ็ก คะซัก ตาตาร์ และไคกิซ
อพยพลี้ภัยจากการปราบปรามและการยกเลิกความเชื่อทางศาสนา
ของพรรคคอมมิวนิสต์ มุสลิมเหล่านี้ข้ามทะเลสู่เกาะญี่ปุ่น

ต่อมาพวกเขาได้รับพระราชานุญาตจากสมเด็จพระจักรพรรดิให้ลงหลักปักฐาน
สร้างชุมชน และได้กลายเป็นประชากรมุสลิมกลุ่มใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
พวกเขายังได้ร่วมกันสร้างศาสนสถานเพื่อเป็นศูนย์กลางทางศาสนา
และชุมชนตามเมืองต่างๆ


มัสยิดแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่นสร้างขึ้น ณ เมืองโกเบเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.1935
โดยกลุ่มมุสลิมเชื้อสายเตอร์ก-อินเดีย เพื่อเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรม
ของมุสลิมจนได้รับการขนานนามว่า 'เมกกะแห่งญี่ปุ่น'

ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ราชนาวีญี่ปุ่นได้ยึดอาคารมัสยิดไว้เป็นที่ทำการ
ส่งผลให้ศาสนสถานเปลี่ยนสถานะกลายเป็นศูนย์ยุทธศาสตร์ทางทหาร

จึงตกเป็นเป้าโจมตีทางอากาศจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบ
ฝ่ายสัมพันธมิตรทำให้มัสยิดและอาคารโดยรอบได้รับความเสียหาย
ในช่วงสงคราม ค.ศ.1945



หลังสงครามสงบ มัสยิดได้เริ่มการบูรณะอีกครั้งและกลับมาใช้เป็นศาสนสถาน
ของมุสลิมตามเดิม

มัสยิดแห่งที่สองสร้างขึ้นที่กรุงโตเกียว เมื่อ ค.ศ.1938
โดยการสนับสนุนของมุสลิมเชื้อสายตาตาร์ มัสยิดได้รับการรื้อสร้างขึ้นใหม่
เมื่อ ค.ศ.1986 แล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ.2000 ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลตุรกี
เป็นมัสยิดที่มีความสวยงามสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมออตโตมาน-เตอร์ก
ในประเทศตุรกี เมื่อจำนวนมุสลิมเพิ่มมากขึ้นได้มีการสร้างมัสยิดตามเมืองสำคัญๆ
อีกหลายแห่ง ได้แก่ โอซากา นาโกยา เกียวโต และฮิโรชิมา เป็นต้น


ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเตรียมการที่จะขยายบทบาทเข้าสู่จีน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ทำให้เกิดการขยายการศึกษาความรู้
ด้านอิสลามในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับถือศาสนาอิสลาม
ส่วนในจีนก็มีประชากรมุสลิมอยู่เป็นจำนวนมาก

รัฐบาลญี่ปุ่นได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
และโลกมุสลิมขึ้นเพื่อดำเนินการศึกษาวิจัย

สถาบันแห่งนี้ได้ตีพิมพ์งานวิจัยและตำราต่างๆ เป็นภาษาญี่ปุ่น
จำนวนกว่าร้อยฉบับเพื่อประโยชน์ในการขยายบทบาทของกองทัพญี่ปุ่น
ในดินแดนต่างๆ


ทหารญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่เดินทัพเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ติดต่อสัมพันธ์กับมุสลิม
และหลายคนหันมารับนับถืออิสลาม

เมื่อสงครามยุติและคนเหล่านั้นเดินทางกลับมาตุภูมิ
ก็ได้นำเอาแนวคิดทางศาสนาเข้ามาด้วย

กระทั่งใน ค.ศ.1953 พวกเขาได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมมุสลิมแห่งญี่ปุ่นขึ้น
โดยมีซาเด็ก อิมาอิซูมิ (Sadiq Imaizumi) เป็นประธานสมาคมคนแรก


ประธานคนต่อมาคือ โอมาร์ มิตะ (Umar Mita) ที่เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม
ในช่วงที่เขาทำงานอยู่กับบริษัทรถไฟแห่งแมนจู (The Manchu Railway Company)
ซึ่งดำเนินงานสร้างทางรถไฟในเขตตอนเหนือของจีนช่วงที่กองทัพญี่ปุ่น
ยึดครองแมนจูเลีย


เขาได้รับศาสนาอิสลามจากมุสลิมชาวจีนและเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามที่ปักกิ่ง
เมื่อสงครามยุติและมิตะเดินทางกลับประเทศ เขาได้เข้าร่วมกับสมาคม

ต่อมาได้รับเลือกเป็นประธานคนที่สองของสมาคมมุสลิมแห่งญี่ปุ่น
มิตะสนับสนุนให้มีการแปลพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานจากภาษาอาหรับ
เป็นภาษาญี่ปุ่น นับเป็นครั้งแรกที่มีการแปลคำสอนทางศาสนา
โดยนักวิชาการมุสลิมชาวญี่ปุ่น


ปัจจุบันประชากรมุสลิมในประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนราว 60,000-70,000 คน
ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมเชื้อสายต่างชาติ ส่วนมุสลิมเชื้อสายญี่ปุ่นมีอยู่เพียงร้อยละ 10
ของจำนวนมุสลิมทั้งหมด

อิสลามิกชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นคือพวกเชื้อชาติอินโดนีเซีย
ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เนื่องจากญี่ปุ่นให้การสนับสนุนขบวนการเรียกร้องเอกราชของชาวอินโดนีเซีย
ในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
จึงมีชาวอินโดนีเซียอพยพเข้าไปในญี่ปุ่นเพื่อฝึกฝนการต่อสู้กับเจ้าอาณานิคม
และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ


แม้ทุกวันนี้รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้เสรีภาพทางศาสนา แต่เหตุการณ์โจมตีตึกเวิลด์เทรด
เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 ซึ่งส่งผลให้มีชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต
ก็ทำให้เกิดความระแวงต่อมุสลิมเชื้อสายต่างชาติ
ประกอบกับการที่รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนรัฐบาลสหรัฐในการโจมตีอัฟกานิสถาน
และอิรัก ก็ทำให้ประชาคมมุสลิมญี่ปุ่นประสบปัญหาจากความไม่ไว้ใจกัน
ในสังคมต่างศาสนา เช่นเดียวกับที่เกิดในหมู่มุสลิมกลุ่มน้อย
ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม


ปัญหาดังกล่าวอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างความไม่เข้าใจกัน
อันจะนำไปสู่อคติที่บั่นทอนความสงบสุขและความเข้าใจกันระหว่างคนในสังคม
และตราบเท่าที่มนุษย์ยังคงใช้ศรัทธาเป็นอาวุธประหัตประหารกันเอง
ความสงบสุขของชุมชนและความสันติของโลกย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้



ดร.จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 06:00:00

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 31, 2009, 12:05 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged