โพลล์

ต้องการให้มีการอัฟเดตทุกวันหรือไม

สมควร
4 (100%)
ไม่สมควร
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 4

ผู้เขียน หัวข้อ: อัฟเดตข่าวสารสังคมมุสลิมทั้งในและต่างประเทศ  (อ่าน 3935 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด


คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยในการรับรู้เรื่องราวข่าวสาร
ของสังคมมุสลิมในประเทศและต่างประเทศ
โดยนำเสนอจากเว็บมุสลิมไทยขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 13, 2009, 06:39 PM โดย eno »
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
Re: อัฟเดตข่าวสารสังคมมุสลิม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ต.ค. 12, 2009, 02:15 AM »
0
วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2552


มุสลิมแคนาดาคิดอีกแบบเรียกร้องให้รัฐสั่งห้ามการแต่งกายแบบปิดหน้า บูก้า


เว็บไซต์ CBC รายงานข่าวว่า ฟาร์ซาน่า ฮัซซัน โฆษกสภามุสลิมแคนาดา The Muslim Canadian Congress กล่าวว่า เนื่องจากการแต่งกายแบบบุรก้า และนิกอบ เป็นเพียงประเพณีของชนเผ่าซึ่งส่วนมากอยู่ในตะวันออกกลาง และไม่ได้เป็นข้อกำหนดทางศาสนาแต่อย่างใด




ทางสภา ฯ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งห้ามการแต่งกายดังกล่าว ด้วยสาเหตุหนึ่งคือด้านความปลอดภัย และเป็นการให้ความสำคัญกับผู้หญิงในสังคมที่เสมอภาค   

        ในเรื่องนี้ มุฮัมมัด เอลมัสรี อดีตประธานสภามุสลิมแคนาดา ให้ความเห็นว่า ผู้หญิงที่สวมชุดเช่นนี้มีจำนวนไม่มากในแคนาดา และพวกเธอควรมีสิทธิเลือกแต่งกายตามที่ประสงค์ เพราะนั่นก็คือเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพวกเธอเช่นกัน

        อัฟฟิฟะฮฺ นาซ ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองมอนทรีออล กล่าวว่า เธอเลือกที่จะสวมชุดเช่นนี้เอง โดยไม่ได้ถูกบังคับ ใครที่กล่าวหาว่า เธอถูกบังคับให้ปิดหน้าก็เท่ากับดูหมิ่นสติปัญญาของเธอ

       เธอมีความเห็นว่า มุสลิมทุกกลุ่มมีความคิดที่เห็นพ้องกันบ้าง และขัดแย้งกันบ้าง บางสิ่งอาจจะมีผู้เห็นแตกต่างออกไป และไม่มีใครบังคับให้ต้องมีความเห็นเหมือนกันทั้งหมด แม้แต่การคลุมฮิญาบธรรมดาก็ยังไม่มีใครสั่งใครได้ ดังนั้น อย่ามาสั่งให้เธอถอดผ้าคลุมหน้า

       เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ชี้คมุฮัมมัด ซัยยิด ฏอนฏอวี แห่งมหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัรออกมาคัดค้านการคลุมหน้า และว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริม แต่ฝ่ายที่ตรงกันข้ามกับชี้ค ฯ ก็ออกมากล่าวคัดค้านเช่นกันว่า สิ่งที่ชี้คฏอนฏอวีอ้าง ก็เป็นการขัดรัฐธรรมนูญเช่นกัน หากจะไปบังคับจิตใจคนในเรื่องการแต่งกาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 13, 2009, 07:22 PM โดย eno »
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
น้ำใจจากพี่น้องมุสลิมไทยหลั่งไหลช่วยมือหล๊ะ


ชีวิตของ นางมือหล๊ะ ขาเจดอเลาะ มุสลิมะฮ์วัย 52 ปี ชาวบ้านบ่อเตย ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ผู้ที่มีแขนเพียงข้างเดียว ขาทั้งสองข้างพิการ สามีจากไปด้วยโรคชรา เมื่อห้าปีที่ผ่านมา ทิ้งลูกชายหญิงให้เธอดูแลอีกสามชีวิตเริ่มสดใสเช่นฟ้าหลังฝน เมื่อเรื่องราวและความเป็นไปของการสู้ชีวิตของเธอถูกเผยแพร่จากสื่อมวลชนไปสังคม ธารน้ำใจจากผู้คนในสังคมหลั่งไหลไปสู่ครอบครัวนี้อย่างน่าชื่นใจ



ขอขอบคุณพี่น้องมุสลิมทุกๆท่านที่ร่วมสมทบทุนบริจาคให้กับ นางมือหล๊ะ ขาเจดอเลาะ


เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2552 ทีมงานมุสลิมไทย.คอม ได้เดินทางไปที่บ้านของนางมือหล๊ะ เพื่อมอบเงินที่ผู้มีน้ำใจบริจาคผ่านเว็บไซต์มุสลิมไทย.คอม จำนวน 30,000 บาท โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านบ่อเตย ร่วมเป็นสักขีพยาน

         เมื่อให้สลาม(คำทักทายของมุสลิม ชื่อเต็มคือ “อัสลามมูอาลัยกุม” -ขอสันติสุขจงมีแด่ท่าน) นางมือหล๊ะในชุดเสื้อลาย ฮิญาบสีแดง เปิดประตูบ้านที่มีเพียงบานเดียวต้อนรับด้วยรอยยิ้มพร้อมเชิญขึ้นบ้าน เมื่อบอกถึงจุดประสงค์ของการมาและมอบเงินให้กับมือของนาง มือหล๊ะฝากสลามและขอบคุณในน้ำใจของทุกคนที่มีให้ต่อเธอและครอบครัว นางยิ้มด้วยความปิติและจับมือทีมงานมุสลิมไทย.คอมไว้ตลอดเวลา

       “รู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจมากที่มีคนให้ความสำคัญและให้โอกาสแก่ก๊ะและลูกๆ ก๊ะขอขอบคุณทุกท่านที่มีน้ำใจและให้ความช่วยเหลือมาในทุกๆ อย่าง จะเก็บเงินที่ได้รับมาไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกและใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น” นางมือหล๊ะกล่าวช้าๆ

       วันนั้น ด.ช.อับดุลฮาดี ลูกชายคนกลาง กับ ด.ญ.อาซีซะ นิยมเดชา ลูกสาวคนเล็ก ไปเรียนโรงเรียนตาดีกา ส่วน น.ส.ซารีปะห์ นิยมเดชา พี่สาวคนโต ยังคงไปทำงานหารายได้ที่โรงงานในอ.จะนะเพื่อช่วยแม่เหมือนทุกๆ วัน



                                                   บ้านหลังปัจจุบัน

บ้านหลังน้อยมีใต้ถุนของมือหล๊ะวันนี้มีสังกะสีหลายแผ่นมุงแทนจาก หากฝาบ้านไม้ไผ่และใบพ้อขัดแตะยังคงมีช่องโหว่ให้ลมและฝนพัดผ่านเข้าไปได้เช่นเดิม บ้านทั้งหลังมีขนาดเพียงประมาณสามคูณสี่เมตรเท่านั้น เป็นทั้งห้องนอน ที่นั่งเล่น ห้องครัว มือขวาเพียงข้างเดียวของนางสามารถทำงานบ้านได้ทุกอย่าง

      นายยะ สมาแอ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านบ่อเตย กล่าวว่า หลังจากที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวออกไป ทำให้สังคมได้รับรู้และส่งความช่วยเหลือมาให้นางมือหล๊ะ รู้สึกดีใจแทนนางมือหล๊ะที่ยังมีคนในสังคมมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม

        “ทาง อบต.ปากบางและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)  มีนโยบายจะสร้างบ้านเทิดไท้องค์ราชันให้กับนางมือหล๊ะ ซึ่งโครงการนี้จะมีงบประมาณสร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ตำบลละหนึ่งหลัง




ซึ่งทาง อบต.ปากบางตกลงกันแล้วว่าจะมอบบ้านของโครงการให้กับนางมือหล๊ะ คาดว่าหลังจากการเลือกตั้งอบจ.สงขลาเสร็จสิ้นจะสามารถดำเนินการสร้างบ้านใหม่ให้นางมือหล๊ะได้อย่างแน่นอน”

     น้ำใจจากพี่น้องชาวไทยร่วมแผ่นดินยังไม่เหือดหาย มีให้รับรู้และจับต้องได้ให้ชื่นหัวใจ น้ำใจแห่งการให้ที่ผู้รับตื้นตันใจ ชายแดนใต้แห่งนี้ยังมีผู้ด้อยโอกาสและผู้ยากไร้อีกมากมายที่ต้องการกำลังใจ น้ำใจและโอกาสที่สังคมหยิบยื่นมอบให้เช่นนี้





"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
มาเลย์เซียพร้อมไปทำฮัจย์ที่สนามบินนราธิวาส หากปรับปรุงแล้วเสร็จ


ปรับบริการและการคมนาคมท่าอากาศยานนราธิวาส มั่นในอีกสองปีรับชาวมาเลย์ไปทำฮัจย์ได้



 นายสุรพล เพชรวรา กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลไทยได้มีการสนับสนุนงบประมาณในการขยายรันเวย์และพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้กับท่าอากาศยานนราธิวาสเพื่อรองรับสายการบินพาณิชย์ที่จะบินตรงไปยังประเทศซาอุดิอาระเบียเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ซึ่งจะแล้วเสร็จในอีกประมาณสองปีข้างหน้าว่า

      ส่วนใหญ่จะเป็นการเน้นเฉพาะชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หากต้องการกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวมาเลเซียซึ่งโดยเฉลี่ยชาวมุสลิมในรัฐกลันตันจะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ประมาณ 4-5 พันคนต่อปีก็จะต้องเน้นย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของการบริการและข้อมูลการคมนาคมที่ชัดเจน ส่วนเรื่องของการรักษาความปลอดภัยเชื่อว่าปัจจุบันชาวมาเลเซียมีความมั่นใจในการเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากมีอัตราการใช้บริการที่ท่าอากาศนราธิวาสเพิ่มขึ้น

     ทั้งนี้กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตันประเทศมาเลเซียได้กล่าวถึงการบริหารจัดการเพื่อที่จะจัดส่งประชาชนในประเทศมาเลเซียไปประกอบพิธีฮัจย์ว่า ในประเทศมาเลเซียจัดระบบในรูปแบบขององค์กรฮัจย์

     โดยผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในแต่ละปีจะต้องจ่ายเงินเข้าองค์กรเป็นรายเดือน และจะมีเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทางในระหว่างการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ซึ่งหากประเทศไทยมีการดำเนินการเป็นรูปธรรมในลักษณะเดียวกันนี้เชื่อว่าจะเพิ่มความน่าสนใจให้ชาวมาเลเซียหันมาใช้บริการสายการบินที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาราเบียจากท่าอากาศยานนราธิวาสได้มากขึ้น
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
อ้างอิง
www.islam.in.th/Al-Aqsa-Eid

มัสญิด อัล อักศอ… ของขวัญวันอีดแด่เด็กปาเลสไตน์
เรื่องเด่น Al-Aqsa มัสญิด อัล อักศอ

อำเรย์ แปลและเรียบเรียงจาก islamonline.net

                 11 เดือน อันแสนยาวนานของเด็กๆปาเลสไตน์กับการรอคอยการมาถึงของวันอีดดิ้ลฟิตรียฺ ด้วยบรรยากาศของการละหมาดอันแสนอบอุ่นของพี่น้องมุสลิมปาเลสไตน์ ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อันดับสามของศาสนาอิสลามพร้อมด้วยการแจกของขวัญอัน สุดพิเศษจากโครงการของมัสญิดอัล อักศอที่มอบให้กับเด็กๆที่มาร่วมละหมาดอีดครั้งนี้

 
“ปี ที่แล้ว ผมไม่ได้ของขวัญจากมัสญิดอัล อักศอเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เพราะพ่อของผมไม่ได้พาผมไปละหมาดอีดที่นั่น” อิบรอฮีม เด็กปาเลสไตน์คนหนึ่งกล่าวอย่างรู้สึกเสียดาย

โครงการนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 ปี แล้ว ทั้งๆที่การถูกขัดขวางจากอิสลราเอลมีมากขึ้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แม้กระทั่งของเล่นเด็กๆที่จะนำไปมัสญิดอัล อักศอ ซึ่งกองกำลังอิสราเอลทำการปิดกั้นอย่างเข้มงวดเพื่อที่จะกันสิ่งต่างๆเข้า สู่มัสญิดอัล อักศอ

โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะผูกความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นสู่หัวใจของเด็กๆมุสลิมที่มีต่อมัสญิดอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

เราพยายามที่จะผูกความสัมพันธ์ของเด็กๆกับมัสญิดอัล อักศอ เนื่องจากว่า เด็กนับพันคนได้มาร่วมละหมาดอีดที่นี่  “มุฮัมมัด หนึ่งในผู้จัดโครงการนี้ กล่าว”

โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากทั้งคนอาหรับเองและองค์กรการกุศลของมุสลิมและคนที่มีจิตเมตตาของเมืองอัล กุดส์

มุฮัมมัด กล่าวเสริมอีกว่า  “อัล ฮัมดุลิ้ลลาฮฺ!! เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่เราได้เริ่มทำโครงการนี้ถึงแม้ว่าจะพบเจออุปสรรคบ้างก็ตาม”

“นี่ คือ ซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัดที่จะนำพาเด็กๆมาร่วมละหมาดอีด และที่สำคัญเราต้องการจะเชื่อมโยงมัสญิด อัล อักศอไปสู่หัวใจเด็กๆของเรา” พ่อของเด็กชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งกล่าว

อัล อักศอนับว่าเป็นกิบละฮฺแรก(คือ ทิศที่มุสลิมหันไปขณะละหมาด)และมันเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อันดับสามถัด จาก อัล กะอฺบะฮฺในมักกะฮฺและมัสญิดของท่านนบีมุฮัมมัดในมาดีนะฮฺ

และ ที่สำคัญนี่คือดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ เพราะมีเหตุการณ์อันมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับท่านนบีของเรา นั่นคือเหตุการณ์อิสเราะฮฺมิอฺรอจญฺ (การเดินทางยามค่ำคืนจากมักกะฮฺสู่อัล กุดส์และการขึ้นสู่ฟากฟ้าของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)
..........................................................


I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
มหาดไทยประกาศคณะกรรมการอิสลาม จังหวัดดีเด่น ปี 52

คณะกรรมการอิสลามกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ปี 2552

กอ.กทม.ได้รับรางวัลดีเด่นจากกระทรวงมหาดไทย



                              คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2552


จากการที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินโครงการมอบรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2552 เพื่อพิจารณามอบรางวัลให้แก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่ได้ปฏิบัติงานอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ทั้งในด้านการศาสนาธารณประโยชน์ การศึกษาและปกครอง และเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานและเป็นแบบอย่างแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด โดยคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครได้ส่งรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ. 2552 ให้กรมการปกครองพิจารณา


คณะกรรมการพิจารณาผลงานของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ซึ่งกรมการปกครองแต่งตั้งขึ้น ได้ร่วมกันพิจารณาผลงานของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรมการปกครอง จึงได้มีประกาศ ณ วันที่ 10 กันยายน 2552 เรื่องผลการพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2552 คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2552 ดังนี้


1.     ประเภทรางวัลดีเด่น ได้รับโล่เกียรติคุณพระราชทานและเงินรางวัล จำนวน 30,000 บาท ได้แก่


1.1   คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขนาดใหญ่ (จังหวัดที่มีมัสยิดตั้งแต่ 101 แห่งขึ้นไป) ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร

1.2   คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขนาดกลาง (จังหวัดที่มีมัสยิดตั้งแต่ 51-100 แห่ง) ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต

1.3   คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขนาดเล็ก (จังหวัดที่มีมัสยิดไม่เกิน 50 แห่ง)ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสมุทรปราการ


2.     ประเภทรางวัลดี ได้รับโล่เกียรติคุณพระราชทานและเงินรางวัล จำนวน 20,000 บาท

2.1   คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขนาดใหญ่ ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส           

2.2   คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขนาดกลาง ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพัทลุง

2.3   คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขนาดเล้ก ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์


3. ประเภทรางวัลดีเด่นกิตติมศักดิ์ ได้รับโล่เกียรติคุณพระราชทานและเงินรางวัล จำนวน 30,000 บาท ได้แก่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล


                                โดยกรมการปกครอง จะได้นำผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดที่ได้รับรางวัลดังกล่าว เข้าเฝ้าฯ เพื่อรับพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาสต่อไป

                                ผลงานของคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครที่ปรากฎเป็นประจักษ์นั้น เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมแรงของคณะกรรมการอิสลามประกรุงเทพมหานครทุกคน และที่สำคัญที่สุดได้มาจากความร่วมมือและเสียสละทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังขององค์กรมัสยิดในกรุงเทพมหานคร อันประกอบด้วย อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด ตลอดจน ปวงสัปปุรุษของมัสยิดทุกแห่งในกรุงเทพมหานคร ที่ได้ตระหนักในหน้าที่พันธกิจ และให้ความร่วมมือในการพัฒนาองค์กรศาสนา พร้อมทั้งสนองตอบต่อนโยบายการบริหารและริเริ่มในกิจกรรมกิจการทั้งปวงของคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครด้วยดีมาโดยตลอด

         ดังนั้น ในนามของคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร จึงขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ และขอพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ได้ทรงบันดาลความผาสุก ความเจริญก้าวหน้า และขอทรงคุ้มครองประชาชาติมุสลิมให้ปลอดภัย ทั้งดุนยา และอาคิเราะห์  อามีน

"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
อัล-อักซอ บอบช้ำหนัก ยิวบุกรุกพื้นที่ ปาเลสไตน์มอบชีวิตปกป้องดินแดน


กาซ่า – หลังการนมาซรวมวันศุกร์ (9/10) ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจากกลุ่มฮามาส อิสมาอีล ฮานียา เรียกร้องขอการสนับสนุนจากประชาชาติอิสลาม ต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่มัสยิดอัล-อักซอ ในเขตเมืองเก่าเยรูซาเล็ม

ก่อนหน้านี้ ทั้งฝ่ายปาเลสไตน์ และประเทศจอร์แดน ออกแถลงการณ์เตือน กรณีทางการอิสราเอลอนุญาตให้ชาวยิว ซึ่งมีกลุ่มหัวรุนแรงที่เคยประกาศจะระเบิดมัสยิด ฯ รวมอยู่ด้วย เข้ามาในเขตฮะรอม ซึ่งทำให้ ชี้คราอัต ซอและฮฺ ผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวอิสลามในอิสราเอล ออกมารณรงค์ให้ชาวปาเลสไตน์ยอมสละร่างกายเพื่อปกป้องอัล กุดส์


อิสมาอีล ฮานียา ผู้นำกลุ่มฮามาส
 ฮานิยากล่าวว่า ขณะนี้อันตรายใหญ่หลวงที่กำลังจะเกิดขึ้นต่ออัล-กุดส์ เป็นสิ่งที่เกินกว่าครั้งใดๆ ที่ชาวปาเลสไตน์ได้เคยเผชิญมาทั้งหมด แต่ชาวปาเลสไตน์จะไม่มีวันยอมละเลยที่จะทุ่มเทชีวิต และทรัพย์สินเพื่อปกป้องสถานที่นี้ไว้


ความตึงเครียดเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากหน่วยรักษาความปลอดภัยอิสราเอล คุ้มกันชาวยิวที่เข้าไปในเขตฮะรอม และเปิดการปะทะกันกับชาวปาเลสไตน์ที่ถูกขับออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

นายกรัฐมนตรีฮานิยา แสดงความเห็นต่อกรณีที่ประธานาธิบดีโอบาม่าได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพว่า ความพยายามใดๆ จะไม่มีความหมาย เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของอเมริกาอย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่ต้นตอ หรือรากฐาน โดยอเมริกาต้องรับรองสิทธิ และความมีอยู่ของชาวปาเลสไตน์เสียก่อน มิฉะนั้นการได้มาซึ่งรางวัลระดับโลกดังกล่าวเพียงแต่การพูด โดยไม่ลงมือปฏิบัติ ก็ไม่อาจขับเคลื่อนปัญหาไปสู่หนทางแก้ไขที่เหมาะสมได้
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
กมมุสลิมบราเธอร์ฮู้ด ฟ้องฏอนฏอวีกล่าวหาจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคล


ไคโร – เมื่อวันเสาร์ (10/10) ทนายความของกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮุ้ด ส.ส.อียิปต์ และศูนย์ซาวาเซยา เพื่อสิทธิมนุษยชน ร่วมกันกระทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือ ดำเนินการยื่นฟ้อง ชี้คมุฮัมมัด ซัยยิด ฎอนฎอวี กล่าวหาว่า กระทำการขัดกับรัฐธรรมนูญ ในการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล และเป็นปฏิปักษ์ต่อหลักการแห่งความเสมอภาค

โดยก่อนหน้านี้ ชี้คฎอนฏอวีได้ออกคำสั่งห้ามนักเรียนในโรงเรียน ที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัรปกปิดใบหน้า นอกจากนั้น กลุ่มนี้ยังได้ฟ้องร้องรัฐมนตรีดูแลด้านการอุดมศึกษา รวมทั้งประธานมหาวิทยาลัยไคโร ต่อกรณีที่มีการสั่งห้ามนักศึกษาหญิงคลุมหน้าในบริเวณหอพักของมหาวิทยาลัย

อับดุล-มุนีม อับดุล-มักซูด ทนายความของมุสลิมบราเธอร์ฮุ้ดกล่าวว่า เคยมีคำตัดสินของศาลสูงในเรื่องนี้ว่า ผู้หญิงมีสิทธิเสรีภาพที่จะแต่งกายแบบนิกอบได้ เพราะถึงแม้จะไม่ได้เป็นข้อบังคับในอิสลาม แต่ก็ไม่ได้เป็นการต่อต้านศาสนา

มุฮัมมัด อับดุล อาซิส รองประธานมหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร โต้ว่ากลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮู้ดไม่มีสิทธิในการฟ้องร้อง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และเรื่องนี้เป็นกิจการภายในของทางมหาวิทยาลัย โดยคำสั่งห้ามนี้ได้รับการอนุมัติจากสภาสูงของมหาวิทยาลัยแล้ว

อับดุลอาซิสขยายความว่า การสั่งห้ามนี้ไม่ได้เป็นการสั่งอย่างเด็ดขาด เป็นแต่เพียงการจำกัดขอบเขตในบางสถานที่ โดยห้ามเฉพาะในบริเวณโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้เป็นโรงเรียนที่แยกหญิง-ชายอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องปิดหน้าในห้องเรียน และเขาเชื่อว่า คุณครูก็คงอยากเห็นการแสดงความรู้สึกบนใบหน้า ของบรรดาลูกศิษย์เช่นกัน
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2552

เปิดบริสุทธิ์ หนุ่มๆอาหรับผวากลัวถูกหลอก เยื่อพรหมจารีปลอมระบาดหนัก


ดูไบ – ตามที่มีข่าวว่าเยื่อพรหมจารีปลอม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศจีน ได้เข้ามาระบาดในหลายประเทศ ที่บรรดาชายหนุ่มยังคาดหวังให้คู่ของตน เป็นหญิงสาวที่ไม่เคยผ่านมือชายอื่นมาก่อน ทำให้นักการเมืองในอียิปต์ต้องเดือดดาล และประณามว่าเป็นการหลอกลวง และฉ้อฉล

โดยความหัวใสของจีนที่คิดประดิษฐ์กระเปาะเล็กๆ บรรจุของเหลวสีแดงที่มีลักษณะคล้ายเลือด เพื่อสอดใส่ในช่องคลอดของสตรี และกระเปาะนี้จะแตกออกระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ของเหลวดังกล่าวเปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอน นำมาซึ่งความรู้สึกเสียหน้าแก่เหล่าผู้ชาย ที่เหมือนกับถูกหลอกว่าเป็นผู้พิชิตความบริสุทธิ์ของหญิง

อุปกรณ์ราคาประมาณ 15 ดอลล่าร์ดังกล่าว ก่อให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่นักการเมือง และผู้นำทางศาสนา เพื่อหาทางระงับไม่ให้นำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้หญิงสาวๆ ใจกล้ามากขึ้น

โดย ดร.อับดุล-โมอัดตี บายูมี สมาชิกศูนย์วิจัยอิสลาม (CIR) และอดีตรองประธานคณะกรรมการด้านกิจการศาสนาของรัฐสภา ฟัตวาให้มีการลงโทษทางอาญากับผู้นำเข้าอุปกรณ์นี้ ซึ่งผู้รู้หลายคนเห็นว่าไม่มีความจำเป็น

ผู้ที่ถือหางข้าง ดร.บายูมีคนหนึ่ง คือ อิหม่ามชี้คยูซุฟ อัล-บัดรี ซึ่งเห็นว่าน่าจะลงโทษผู้นำเข้าให้เป็นตัวอย่าง ด้วยการเฆี่ยนตี จำขัง หรือเนรเทศออกนอกประเทศ

ขณะเดียวกัน สมาชิก CIR บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องมีการฟัตวาในเรื่องนี้ โดยชี้คมุฮัมมัด อัชเอาร์ ซึ่งเคยเป็นรองประธานมหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัรให้ความเห็นว่า แทนที่จะฟัตวาให้ลงโทษทางอาญา ควรจะประกาศว่า ไม่เป็นที่อนุมัติทางศาสนาที่จะนำเข้า รวมทั้งขายและแจกจ่ายอุปกรณ์เช่นนี้ และควรจะมีการสั่งปรับผู้ที่ฝ่าฝืน

ดร.มุสตาฟา อัล-ชาการ์ สมาชิก CIR อีกผู้หนึ่งเห็นว่า ใช้กฎหมายเกี่ยวกับการพาณิชย์ก็น่าจะเพียงพอ เพราะเท่ากับเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค นอกจากนั้นดร.ชาการ์ ยังเสริมว่า ควรจะมีการจัดประชุม ระหว่างผู้นำศาสนาจากองค์กรต่างๆ เพราะสิ่งนี้เท่ากับเป็นการละเมิดมุสลิม

ขณะที่กลุ่มต่างๆ ออกมาทุ่มเถียงกันในเรื่องนี้ ปรากฏว่า ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่บ่งชี้ว่า สินค้าจากประเทศจีนดังกล่าวได้มีการวางขายในประเทศอียิปต์แล้ว โดยมีเพียงข่าวลือว่า แพทย์คลินิกเอกชนในอียิปต์ ได้นำเทคนิคในการติดอุปกรณ์ดังกล่าวเข้ามาใช้กับลูกค้าหญิงที่เข้ามาใช้บริการ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 13, 2009, 07:21 PM โดย eno »
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
สาวมุสลิม คนสวย จากแดนอิเหนา มิสอินโดงานเข้าแน่เหตุ โชว์หุ่นเซ็กซี่

เกิดปัญหาเมื่อมิสอินโดเชื้ออาเจะ ไม่คลุมหิญาบในการประกวด


อุละมาอฺในอาเจะ ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของอินโดนีเซีย ได้ออกมาประณามการประกวด “มิส อินโดนีเซีย” ซึ่งปีนี้บังเอิญได้แก่สาวงามเชื้อสายอาเจะ ที่มีผู้ส่งเข้าประกวด

กอรี ซานดิโอรีวา วัย 18 ปี เข้าประกวดในฐานะตัวแทนเขตอาเจะ และชนะเลิศเป็น มิส อินโดนีเซีย เมื่อวันศุกร์ (9/10) โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งอีก 37 คน และได้ครองมงกุฎในการประกวดครั้งนี้



                                                    กอรี ซานดิโอรีวา วัย 18 ปี

อุละมะอฺกล่าวว่า เธอได้ทรยศต่อชาวอาเจ๊ะทั้งมวล และนำมาซึ่งความอับยศอดสูแก่มาตุภูมิของบรรพบุรุษ เนื่องจากการไม่คลุมฮิญาบในการประกวด

     ปัจจุบันอาเจะริเริ่มใช้กฎหมายชาริอะฮฺ โดยเป็นเขตเพียงแห่งเดียวในอินโดนีเซีย ที่หันมาใช้การปกครองแบบอิสลาม ทั้งๆ ที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีมุสลิมมากที่สุดในโลก

   มิส อินโดนีเซียคนใหม่นี้มีมารดาเป็นชาวอาเจะ แต่เกิดในจาร์กาต้า เธอตอบคำถามถึงสาเหตุของการไม่คลุมผมในการประกวดว่า เพราะเธอเห็นว่าผมของเธอเป็นสิ่งสวยงาม และเธอมีความภาคภูมิใจ และต้องการอวดความสวยงามนี้

   เต็งกู ไฟซอล อาลี เลขาธิการสมาคมอุละมะอฺ แห่งอาเจะกล่าวว่า เธอควรจะคลุมฮิญาบในการประกวด เพื่อคงเอกลักษณ์ของมาตุภูมิ  มิฉะนั้นก็เท่ากับเธอไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวอาเจะ
 
    คาดว่าความขัดแย้งคงจะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอนในปีหน้า เมื่อ กอรี ต้องสวมชุดว่ายน้ำในการเข้าประกวดนางงามจักรวาลในฐานะตัวแทนของประเทศอินโดนีเซีย
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
ศาลจีนสั่งประหารต้นเหตุจลาจลเชื้อชาติที่เมืองอุยกูร์

ศาลจีนสั่งประหารต้นเหตุจลาจลเชื้อชาติที่เมืองอุยกูร์


ปักกิ่ง 10 ต.ค.- ศาลจีนได้ลงโทษประหารชีวิตชาวฮั่นในข้อหาเป็นตัวการยุยงให้เกิดการวิวาทกัน ในโรงงาน และจำคุกตลอดชีวิตผู้ต้องหาอีกคนที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทในโรงงานแห่งหนึ่ง ในเมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียงจนบานปลายกลายเป็นการจลาจลระหว่างชาวจีนเชื้อสายอุย กูร์ที่นับถือศาสนาอิสลามกับชาวฮั่นเมื่อเดือนกรกฎาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 197 คนโดยส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น

 
นอกจากนั้น ศาลจีนยังตัดสินจำคุกระหว่าง 5 ปีถึง 8 ปีผู้ต้องหาในเหตุทะเลาะวาทระหว่างชาวอุยกูร์กับชาวฮั่นที่มณฑลกวางตุ้ง เมื่อเดือนมิถุนายนอีก 9 คน สำหรับต้นเหตุที่ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างคนงานชาวอุยกูร์กับชาวฮั่น ในโรงงานผลิตของเล่นในเมืองอุรุมชี ก็คือข่าวลือที่แพร่สะพัดทางอินเทอร์เน็ตว่า มีสตรีชาวอุยกูร์ถูกคนงานชาวฮั่นข่มขืน

สำหรับคนงานชาวฮั่นที่ถูก พิพากษาประหารชีวิตก็คือนายเสี่ยว เจี้ยนหัว เนื่องจากพบว่านอกจากจะเป็นผู้ใช้ท่อนเหล็กทุบตีเพื่อนคนงานชาวอุยกูร์จน เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บสาหัสอีก 3 คนแล้ว เป็นผู้ยุยงคนงานชาวฮั่นด้วยกันให้ขัดขวางไม่ให้แพทย์เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ ได้รับบาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาทอีกด้วย สำหรับคนงานชาวอุยกูร์ที่มีส่วนร่วมในการทะเลาะวิวาท 3 คน ก็ถูกตัดสินจำคุกคนละ 6 ปี





http://www.islam.in.th/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 13, 2009, 08:04 PM โดย eno »
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
 salam

ขอบคุณสำหรับผู้ที่นำเสนอมากๆๆ ครับ

วัสสาลาม
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
 salam

ขอบคุณค่ะ...

  cool2:

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
วันพุธที่ 14  ตุลาคม 2552

แต่งงานพร้อมกัน 3 รุ่นที่มาเลเซีย

หนังสือพิมพ์รายวัน" เดอะ นิว สเตรทส์ ไทม์ส"ของมาเลเซีย รายงานเมื่อวันอังคารว่า ครอบครัวหนึ่งในมาเลเซียได้จัดงานแต่งงานพร้อมกันรวมสามรุ่นเมื่อวันอาทิตย์ทื่ผ่านมา ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภาคกลางของรัฐสลังงอ ประกอบด้วยคู่ของปู่คือนายโมฮัมเหม็ด ออสมัน วัย 78 ปี ผู้แต่งงานกับสาวิยา อวัง เจ้าสาววัย 70 ปี พร้อมกับคู่แต่งงานของบุตรชายคนหนึ่งของเขาซึ่งมีวัย 35 ปีและหกลานปู่คนหนึ่งซึ่งมีวัย 28 ปี

นายออสมันเป็นผู้สูงวัยที่สุดในหมู่บ้าน ภรรยาคนแรกของเขาเสียชีวิตเมื่อ 6 เดือนก่อน และเขาบอกว่าตัดสินใจแต่งงานใหม่ เพราะลูกๆสนับสนุนให้ทำเช่นนั้น เพื่อจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยกัน ตัวเขามีบุตรรวม 8 คน หลาน 26 คน และเหลน 11 คน และรายงานระบุด้วยการแต่งงานพร้อมกัน 3 คู่นี้เป็นผลงานการใช้บริการหาคู่ ซึ่งยังเป็นที่นิยมตามเมืองเล็กๆในประเทศมุสลิมแห่งนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 14, 2009, 01:44 AM โดย eno »
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
วิกฤติการเงิน อัล-กออิดะร่อแร่ ขาดเงินสนับสนุน แต่ตอลีบันกลับดีขึ้น


วอชิงตัน – เดวิด โคเฮน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ เปิดเผยในการประชุมเมื่อวันจันทร์ (12/10) ว่า การสนับสนุนด้านการเงินแก่กลุ่มอัล-กออิดะเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากมาตรการลงโทษที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ร่วมกันสอดส่อง และตัดเส้นทางการเงินที่คาดว่าจะนำไปสนับสนุน ส่วนด้านกลุ่มตอลิบันในอัฟกานิสถาน พบว่ากลับมีฐานะทางการเงินดีขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์ทางด้านที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด และการทำอาชญากรรมอื่นๆ

ดังนั้น ขณะนี้อัล-กออิดะจึงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงด้านการเงิน มากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  ซึ่งแสดงว่ามาตรการทั้งหลายที่ร่วมกันทำนั้นประสบความสำเร็จ

ส่วนเงินที่สนับสนุนกลุ่มตอลิบันในอัฟกานิสถาน ได้มาจากการก่ออาชญากรรมนานารูปแบบ รวมทั้งกลุ่มนี้มีรายได้จากการคุ้มกันพื้นที่ปลูกฝิ่น โรงงานผลิตเฮโรอีน และคุ้มครองขบวนลักลอบนำเคมีภัณฑ์ต้องห้าม ซึ่งใช้ในการผลิตเฮโรอีนเข้ามาในประเทศ และเส้นทางการขนเฮโรอีนออกนอกประเทศ

นอกจากนั้น กลุ่มนี้ยังขู่กรรโชกเอาค่าคุ้มครอง จากผู้ที่ต้องการดำเนินธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายในอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนใต้ และตะวันออกของประเทศอีกด้วย
"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

 

GoogleTagged