เรื่องการยกมือดุอาอุ์นี่ ผมว่าท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ของเราทำไว้เป็นแบบอย่าง บางครั้งท่านก็ยกมือ บางครั้งก็ไม่ได้ยกมือ
เช่น หลังกินอาหารและดื่มน้ำ กล่าวดุอาอุ์ โดยไม่ยกมือ บางครั้งยกมือสูงกว่าปกติ เช่น ในละหมาดขอฝน
เพราะฉะนั้นใครจะยกมือหรือไม่ยกมือ ก็ปล่อยไปตามการเชื่อถือของเขา การกล่าวอามีนก็เช่นกัน
เคยได้ยินจาก เอซีดี ดุอาอุ์ของอิมามท่านหนึ่งในอียิปต์ มะมูมกล่าวอามีนเสียงดังพร้อม ๆ กัน (ไม่เห็นภาพ เลยไม่รู้ว่าเขายกมือหรือเปล่า)
บางครั้งไม่กล่าวอามีน แต่กล่าวว่า ยาอัลลอฮฺ พร้อม ๆ กัน ไม่รู้อีกเหมือนกันว่า เขาส่งซิกกันอย่างไรว่า ประโยคไหนที่จะกล่าวอามีน หรือประโยคไหนจะกล่าว ยาอัลลอฮฺ
เคยเห็นคอเฏบท่านหนึ่ง ปกติไม่เคยยกมือดุอาอุ์เลย ไม่ว่าหลังละหมาด ไปซิยาเราะฮฺคนตาย หรืออื่น ๆ แต่เมื่อช่วงอเมริการุกรานอิรัค
คอเฎบคนนี้ยกมือดุอาอุ์สูง ในขณะที่จะจบคุฏบะฮฺวันศุกร์ ผู้ที่ร่วมญุมุอะฮฺ ยกมือตามกันเกือบทุกคน(มัสญิดนั้นเขาไม่ยกมือกันอยู่แล้ว)
ส่วนมัสยิดที่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นหะนะฟียะฮฺ ดุอาอุ์ในคุฏบะฮฺไม่มีการยกมือ แต่ถ้าเวลาอื่นจะให้ความสำคัญ เช่น เชิญมาเลี้ยงอาหารเนื่องในสาเหตุอะไรก็ตาม
กินอาหารเสร็จ อิมามยกมือ กล่าวว่า อัลลอฮุมมะ อามีน คนอื่น ๆ ได้ยินจะยกมือตามกันทั้งหมด บางคนยังกินไม่อิ่มด้วยซ้ำ
กลุ่มที่ดุอาอุ์โดยไม่ยกมือเลย คงจะเป็นคนกลุ่มน้อย
ผมกอบคำตอบบางส่วนของเวปอจ.อาลีและเวปที่นี้มาให้เกี่ยวกับการยกมือขอดุอาและลูบหน้าครับมาเสนอบังมุดคับ
รายงานจาก ท่านอะนัส จากท่านนบี(ซ.ล.) ท่านกล่าวว่า " แท้จริง อัลเลาะฮ์ทรงมี บรรดามะลาอิกะฮ์ที่เดินทาง เพื่อแสวงหา บรรดาวงที่ล้อมทำซิกิร ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้มา ที่บรรดาผู้ล้อมวงทำซิกิร มะลาอิกะฮ์จึงทำการห้อมล้อมพวกเขา หลังจากนั้น พวกเขาก็ส่งหัวหน้าของมะลาอิกะฮ์ไปยังฟากฟ้า โดยขึ้นไปหาพระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติ(ซึ่งเป็นจุดนัดพบจากพระองค์ผู้ไม่มีเวลาและสถานที่อยู่) แล้วพวกเขาก็กล่าวว่า โอ้องค์ผู้อภิบาลของเรา เราได้ไปหาบรรดาบ่าว จากปวงบ่าวของพระองค์ ซึ่งพวกเขาได้ทำการกล่าวบรรดาเนี๊ยะมัตต่างๆ ของพระองค์ พวกเขาทำการอ่าน(อายะฮ์อัลกุรอาน)คำภีร์ของพระองค์ และพวกเขาทำการซ่อลาวาต ต่อ มุฮัมมัด(ซ๊อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาได้ทำการวอนขอต่อพระองค์ เกี่ยวกับเรื่องอาคิเราะฮ์และดุนยาของพวกเขา ดังนั้น พระองค์ทรงตรัสว่า ความเมตตาของข้าได้ แผ่ปกคลุมกับพวกเขาแล้ว แล้วมะลาอิกะฮ์กล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของเรา แท้จริง ในบรรดาผู้ทำการล้อมวงซิกิรนั้น มีชายคนหนึ่งที่มีบาป โดยที่แท้จริง เขาได้นั่งร่วมอยู่พร้อมกับพวกเขา และอัลเลาะฮ์ทรงตรัส ว่า ความเมตตาของข้าได้แผ่คลุมเขาแล้ว เพราะพวกเขาเป็นผู้ที่ทำการนั่ง(ซิกรุลเลาะฮ์) โดยที่ผู้นั่งร่วมอยู่กับพวกเขานั้น จะไม่อับโชค " สายรายงานหะดิษนี้ หะซัน ดู หนังสือ มัจญฺมะอฺ อัลซะวาอิด ของท่าน นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ เล่ม 10 หน้า 77 หะดิษที่ 16769
การขอดุอาอฺนั้นมีมารยาทที่ควรปฏิบัติอยู่หลายอย่างขณะทำการขอดุอาอฺ ส่วนหนึ่งก็คือการยกมือ ซึ่งมีรายงานมากมายต่างกรรมต่างวาระจากการกระทำของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และคำพูดของท่าน นักวิชาการเรียกรายงานในเรื่องนี้ (การยกมือขณะขอดุอาอฺ) ว่าเป็นมุตะวาติร มะอฺนะวีย์ (مُتَوَاتِرٌمَعْنَوِيٌّ) อย่างไรก็ตามการยกมือในขณะขอดุอาอฺนี้เป็นซุนนะฮฺในหลาย ๆ กรณี และเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติทั่ว ๆ ไป มิใช่เป็นสิ่งที่จำเป็น (วาญิบ) แต่อย่างใด ในบางกรณีก็ไม่มีซุนนะฮฺให้ยกมือ เช่น ดุอาอฺอิฟติตาฮฺ ดุอาอฺขณะอิอฺติด้าล หรือ ดุอาอฺหลังการอ่านตะชะฮฺฮุดครั้งสุดท้ายก่อนให้สล่าม เป็นต้น
ส่วนคนที่เขาไม่ยกมือในขณะขอดุอาอฺนั้น เขาก็คงมีหลักฐานของเขากระมัง ส่วนที่ไม่ยกมือแล้วกล่าวหาคนยกมือว่ากระทำบิดอะฮฺหรืออุตริกรรมนั้น เข้าใจว่าพวกเหล่านี้คงไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมาสนับสนุนการกล่าวหาของพวกตนหรอกจะมีก็แต่ความเข้าใจที่ได้จากตัวบทว่านบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ไม่ยกหรือหลักฐานที่ว่ายกมือนั้นอาจจะมีปัญหาสำหรับพวกเขาก็เลยไม่ยกมือ ส่วนที่ว่ายกมือขณะขอดุอาอฺแล้วเป็นบิดอะฮฺชัดเจนโดยตรงที่ได้จากตัวบทนั้น ยังไม่พบ ใครพบก็ช่วยนำมาบอกที!
ส่วนการลูบหน้าหลังการให้สล่ามเมื่อเสร็จละหมาดนั้น ไม่ใช่ซุนนะฮฺแต่อย่างใด เพราะหลักฐานที่รายงานมาในเรื่องนี้มีปัญหา และเคยตอบไปแล้ว แต่ที่ถามว่าสามารถทำได้หรือไม่? ก็ตอบว่า ทำได้ เพราะเป็นการกระทำนอกละหมาด เพราะการละหมาดจบสิ้นลงแล้วด้วยให้สล่ามครั้งที่ 1 จึงไม่เกี่ยวกับตัวละหมาด สรุปก็คือลูบก็ได้ ไม่ลูบก็ได้ ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะต้องนำมาเป็นข้อถกเถียงกัน
ดุกระทู้นี้ต่อครับ เพราะมีการโต้กับวาฮาบีเวปมรดกคับ
วิจารณ์เกี่ยวกับหะดิษล้อมวงซิกรุลลอฮ์ การลูบหน้าหลังขอดุอาเป็นบิดอะฮ์www.sunnahstudents.com