ผู้เขียน หัวข้อ: ใครบ้างที่เคยเป็นวาฮาบีแล้วกลับใจมาอยู่ในมัสหับทั้ง4  (อ่าน 17373 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
salam
เรื่องการยกมือดุอาอุ์นี่ ผมว่าท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ของเราทำไว้เป็นแบบอย่าง บางครั้งท่านก็ยกมือ บางครั้งก็ไม่ได้ยกมือ
เช่น หลังกินอาหารและดื่มน้ำ กล่าวดุอาอุ์ โดยไม่ยกมือ บางครั้งยกมือสูงกว่าปกติ เช่น ในละหมาดขอฝน
เพราะฉะนั้นใครจะยกมือหรือไม่ยกมือ ก็ปล่อยไปตามการเชื่อถือของเขา การกล่าวอามีนก็เช่นกัน
เคยได้ยินจาก เอซีดี ดุอาอุ์ของอิมามท่านหนึ่งในอียิปต์ มะมูมกล่าวอามีนเสียงดังพร้อม ๆ กัน (ไม่เห็นภาพ เลยไม่รู้ว่าเขายกมือหรือเปล่า)
บางครั้งไม่กล่าวอามีน แต่กล่าวว่า ยาอัลลอฮฺ พร้อม ๆ กัน ไม่รู้อีกเหมือนกันว่า เขาส่งซิกกันอย่างไรว่า ประโยคไหนที่จะกล่าวอามีน หรือประโยคไหนจะกล่าว ยาอัลลอฮฺ
เคยเห็นคอเฏบท่านหนึ่ง ปกติไม่เคยยกมือดุอาอุ์เลย ไม่ว่าหลังละหมาด ไปซิยาเราะฮฺคนตาย หรืออื่น ๆ แต่เมื่อช่วงอเมริการุกรานอิรัค
คอเฎบคนนี้ยกมือดุอาอุ์สูง ในขณะที่จะจบคุฏบะฮฺวันศุกร์ ผู้ที่ร่วมญุมุอะฮฺ ยกมือตามกันเกือบทุกคน(มัสญิดนั้นเขาไม่ยกมือกันอยู่แล้ว)
ส่วนมัสยิดที่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นหะนะฟียะฮฺ ดุอาอุ์ในคุฏบะฮฺไม่มีการยกมือ แต่ถ้าเวลาอื่นจะให้ความสำคัญ เช่น เชิญมาเลี้ยงอาหารเนื่องในสาเหตุอะไรก็ตาม
กินอาหารเสร็จ อิมามยกมือ กล่าวว่า อัลลอฮุมมะ อามีน คนอื่น ๆ ได้ยินจะยกมือตามกันทั้งหมด บางคนยังกินไม่อิ่มด้วยซ้ำ
กลุ่มที่ดุอาอุ์โดยไม่ยกมือเลย คงจะเป็นคนกลุ่มน้อย
ทำตามที่เราเรียนรู้ เปิดใจให้กว้างเมื่อเห็นคนอื่นทำไม่เหมือนเรา ศึกษาจากผู้รู้ว่า ทำไมเราหรือเขาจึงทำไม่เหมือนกัน
หรือว่าอนุญาตให้ทำได้หลายแบบ
ยังไงก็มุสลิมด้วยกัน อย่าด่าว่ากันเลย
ไก่ขันเสียงดัง ถึงมันจะเป็นเพียงสัตว์ ท่านนะบียฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยังไม่ให้ด่า เพราะว่ามันปลุกให้ละหมาด
นี่คนด้วยกัน กล่าวกะลีมะฮฺชะฮาดะฮฺเหมือนกัน มาว่ากันเป็นหมูเป็นหมา จะเรียกว่าตามสุนนะฮฺได้อย่างไร
และความผิดฐานละเมิดศักดิ์ศรีเพือ่นมนุษย์นั้น เป็นหักกุลอาดัม หรือหักกุนนาส  ถ้าไม่มะอัฟกัน ก็ติดตัวยันอาคิเราะฮฺ
ฟังคนแก่บ้างเด๊อ
แชมัด

คับอกคับใจจากที่ไหนมารึ  hehe

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
คุณสะกิด คุณไม่เสียละหมาดหลอ ??
อุตส่าจะช่วยเขา ระวัง ละหมาดคุณ แล้วกัน....



เอ๊ะ ข้าพเจ้าคิดว่าน้องเค้าคงหมายถึงการสะกิดให้ยกมือขอดุอาอฺหลังละหมาดน่ะค่ะ ซึ่งไม่น่าจะเป็นการเสียละหมาด  smile:

อ่อผมนึกว่า กุนูต ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam
ขออีกสักเรื่อง
วันอาซูรอ มัสยิดที่บ้านกวน ซูฆอ กัน มีทั้งหวาน(ใส่ขนุน ฟักเชื่อมและผลไม้อื่น) และเค็ม (ใส่ไก่)
เชิญสัปปุรุษมาร่วมขอดุอาอุ์แล้วกินกัน ตอนเด็ก ๆ พอผู้ใหญ่เผลอ ชอบแอบหยิบไก่ออกมากิน
เดี่ยวนี้เลิกทำกันแล้ว เพราะ อาจารย์ยินดี บอกว่าบิดอะฮฺ เมื่อก่อนชมรมฯที่ขอนแก่นก็กวนกินกันที่หน้าชมรม เดี๋ยวนี้ทราบว่าเลิกไปแล้วเหมือนกัน
อ.ยินดี ท่านสอนว่า วันอาซูรอ ดัองถือศีลอดติดกัน 2 วันเป็นอย่างน้อย อ้างอิงหลักฐานครบถ้วน ผมไม่ปฏิเสธ
ผมว่าในวันอาซูรอ เรากวน ซูฆอ ไว้ละศีลอด อย่างนี้ จะเรียกว่าใจโลเลหรือเปล่า
สายนั้นว่าอย่างไรก็เอาด้วย ป๊ะ/แม่ เคยทำอย่างไร ก้ยังทำตาม กวนอาซูรอ นี่น่าจะเป็นอาดะฮฺ มากกว่า อิบาดะฮฺ
ใครลองกวนอาซูรอไปให้อาจารย์ยินดีและคณะกินหน่อยปะไร
والسلام

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด

ผมว่าในวันอาซูรอ เรากวน ซูฆอ ไว้ละศีลอด อย่างนี้ จะเรียกว่าใจโลเลหรือเปล่า

والسلام

การกวนอาซูรอกินกัน จะเรียกว่าใจโลเลได้อย่างไร ในเมื่อคุณก็บอกเองว่าเป็นอาดะห์ และเราก็ยอมรับว่ามันเป็นอาดะห์
แต่เป็นอาดะห์ที่นำไปสู่การเป็นอิบาดะห์ในเรื่องของการทำทาน แจกอาหารเลี้ยงกัน หากจะเน้นหนักทำ บริจาคหรือทำความดีใดๆในวันที่มีผู้คนถือศีลอดในวันอาซูรอ
เพื่อมักผลตอบแทนทั้งตัวผู้ทำ(การบริจาค)และผู้รับ(ในทานบริจาค) จากพระผู้เมตตา แล้วมันผิดหรืออย่างไรกัน???

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
เรื่องการยกมือดุอาอุ์นี่ ผมว่าท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ของเราทำไว้เป็นแบบอย่าง บางครั้งท่านก็ยกมือ บางครั้งก็ไม่ได้ยกมือ
เช่น หลังกินอาหารและดื่มน้ำ กล่าวดุอาอุ์ โดยไม่ยกมือ บางครั้งยกมือสูงกว่าปกติ เช่น ในละหมาดขอฝน
เพราะฉะนั้นใครจะยกมือหรือไม่ยกมือ ก็ปล่อยไปตามการเชื่อถือของเขา การกล่าวอามีนก็เช่นกัน
เคยได้ยินจาก เอซีดี ดุอาอุ์ของอิมามท่านหนึ่งในอียิปต์ มะมูมกล่าวอามีนเสียงดังพร้อม ๆ กัน (ไม่เห็นภาพ เลยไม่รู้ว่าเขายกมือหรือเปล่า)
บางครั้งไม่กล่าวอามีน แต่กล่าวว่า ยาอัลลอฮฺ พร้อม ๆ กัน ไม่รู้อีกเหมือนกันว่า เขาส่งซิกกันอย่างไรว่า ประโยคไหนที่จะกล่าวอามีน หรือประโยคไหนจะกล่าว ยาอัลลอฮฺ
เคยเห็นคอเฏบท่านหนึ่ง ปกติไม่เคยยกมือดุอาอุ์เลย ไม่ว่าหลังละหมาด ไปซิยาเราะฮฺคนตาย หรืออื่น ๆ แต่เมื่อช่วงอเมริการุกรานอิรัค
คอเฎบคนนี้ยกมือดุอาอุ์สูง ในขณะที่จะจบคุฏบะฮฺวันศุกร์ ผู้ที่ร่วมญุมุอะฮฺ ยกมือตามกันเกือบทุกคน(มัสญิดนั้นเขาไม่ยกมือกันอยู่แล้ว)
ส่วนมัสยิดที่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นหะนะฟียะฮฺ ดุอาอุ์ในคุฏบะฮฺไม่มีการยกมือ แต่ถ้าเวลาอื่นจะให้ความสำคัญ เช่น เชิญมาเลี้ยงอาหารเนื่องในสาเหตุอะไรก็ตาม
กินอาหารเสร็จ อิมามยกมือ กล่าวว่า อัลลอฮุมมะ อามีน คนอื่น ๆ ได้ยินจะยกมือตามกันทั้งหมด บางคนยังกินไม่อิ่มด้วยซ้ำ
กลุ่มที่ดุอาอุ์โดยไม่ยกมือเลย คงจะเป็นคนกลุ่มน้อย

ผมกอบคำตอบบางส่วนของเวปอจ.อาลีและเวปที่นี้มาให้เกี่ยวกับการยกมือขอดุอาและลูบหน้าครับมาเสนอบังมุดคับ

รายงานจาก ท่านอะนัส จากท่านนบี(ซ.ล.) ท่านกล่าวว่า " แท้จริง อัลเลาะฮ์ทรงมี บรรดามะลาอิกะฮ์ที่เดินทาง เพื่อแสวงหา บรรดาวงที่ล้อมทำซิกิร ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้มา ที่บรรดาผู้ล้อมวงทำซิกิร มะลาอิกะฮ์จึงทำการห้อมล้อมพวกเขา หลังจากนั้น พวกเขาก็ส่งหัวหน้าของมะลาอิกะฮ์ไปยังฟากฟ้า โดยขึ้นไปหาพระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติ(ซึ่งเป็นจุดนัดพบจากพระองค์ผู้ไม่มีเวลาและสถานที่อยู่) แล้วพวกเขาก็กล่าวว่า โอ้องค์ผู้อภิบาลของเรา เราได้ไปหาบรรดาบ่าว จากปวงบ่าวของพระองค์ ซึ่งพวกเขาได้ทำการกล่าวบรรดาเนี๊ยะมัตต่างๆ ของพระองค์ พวกเขาทำการอ่าน(อายะฮ์อัลกุรอาน)คำภีร์ของพระองค์ และพวกเขาทำการซ่อลาวาต ต่อ มุฮัมมัด(ซ๊อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาได้ทำการวอนขอต่อพระองค์ เกี่ยวกับเรื่องอาคิเราะฮ์และดุนยาของพวกเขา ดังนั้น พระองค์ทรงตรัสว่า ความเมตตาของข้าได้ แผ่ปกคลุมกับพวกเขาแล้ว แล้วมะลาอิกะฮ์กล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของเรา แท้จริง ในบรรดาผู้ทำการล้อมวงซิกิรนั้น มีชายคนหนึ่งที่มีบาป โดยที่แท้จริง เขาได้นั่งร่วมอยู่พร้อมกับพวกเขา และอัลเลาะฮ์ทรงตรัส ว่า ความเมตตาของข้าได้แผ่คลุมเขาแล้ว เพราะพวกเขาเป็นผู้ที่ทำการนั่ง(ซิกรุลเลาะฮ์) โดยที่ผู้นั่งร่วมอยู่กับพวกเขานั้น จะไม่อับโชค " สายรายงานหะดิษนี้ หะซัน ดู หนังสือ มัจญฺมะอฺ อัลซะวาอิด ของท่าน นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ เล่ม 10 หน้า 77 หะดิษที่ 16769


การขอดุอาอฺนั้นมีมารยาทที่ควรปฏิบัติอยู่หลายอย่างขณะทำการขอดุอาอฺ  ส่วนหนึ่งก็คือการยกมือ  ซึ่งมีรายงานมากมายต่างกรรมต่างวาระจากการกระทำของท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  และคำพูดของท่าน  นักวิชาการเรียกรายงานในเรื่องนี้  (การยกมือขณะขอดุอาอฺ)  ว่าเป็นมุตะวาติร  มะอฺนะวีย์  (مُتَوَاتِرٌمَعْنَوِيٌّ)  อย่างไรก็ตามการยกมือในขณะขอดุอาอฺนี้เป็นซุนนะฮฺในหลาย ๆ กรณี  และเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติทั่ว ๆ ไป  มิใช่เป็นสิ่งที่จำเป็น  (วาญิบ)  แต่อย่างใด  ในบางกรณีก็ไม่มีซุนนะฮฺให้ยกมือ  เช่น  ดุอาอฺอิฟติตาฮฺ  ดุอาอฺขณะอิอฺติด้าล  หรือ  ดุอาอฺหลังการอ่านตะชะฮฺฮุดครั้งสุดท้ายก่อนให้สล่าม  เป็นต้น 

ส่วนคนที่เขาไม่ยกมือในขณะขอดุอาอฺนั้น  เขาก็คงมีหลักฐานของเขากระมัง  ส่วนที่ไม่ยกมือแล้วกล่าวหาคนยกมือว่ากระทำบิดอะฮฺหรืออุตริกรรมนั้น  เข้าใจว่าพวกเหล่านี้คงไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมาสนับสนุนการกล่าวหาของพวกตนหรอกจะมีก็แต่ความเข้าใจที่ได้จากตัวบทว่านบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ไม่ยกหรือหลักฐานที่ว่ายกมือนั้นอาจจะมีปัญหาสำหรับพวกเขาก็เลยไม่ยกมือ  ส่วนที่ว่ายกมือขณะขอดุอาอฺแล้วเป็นบิดอะฮฺชัดเจนโดยตรงที่ได้จากตัวบทนั้น  ยังไม่พบ  ใครพบก็ช่วยนำมาบอกที!


ส่วนการลูบหน้าหลังการให้สล่ามเมื่อเสร็จละหมาดนั้น  ไม่ใช่ซุนนะฮฺแต่อย่างใด  เพราะหลักฐานที่รายงานมาในเรื่องนี้มีปัญหา  และเคยตอบไปแล้ว  แต่ที่ถามว่าสามารถทำได้หรือไม่?  ก็ตอบว่า  ทำได้  เพราะเป็นการกระทำนอกละหมาด  เพราะการละหมาดจบสิ้นลงแล้วด้วยให้สล่ามครั้งที่  1  จึงไม่เกี่ยวกับตัวละหมาด  สรุปก็คือลูบก็ได้  ไม่ลูบก็ได้  ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะต้องนำมาเป็นข้อถกเถียงกัน 

ดุกระทู้นี้ต่อครับ เพราะมีการโต้กับวาฮาบีเวปมรดกคับ

 วิจารณ์เกี่ยวกับหะดิษล้อมวงซิกรุลลอฮ์ 

การลูบหน้าหลังขอดุอาเป็นบิดอะฮ์

www.sunnahstudents.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 23, 2009, 09:14 AM โดย al-ciddix »

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
^^
^^
^^
ช่วยใส่การลิ้งค์ที่ชื่อกระทู้ด้วยน่ะฮั่บ ญาซากัลลอฮฺค็อยร็อน

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
สำหรับผมเห็นว่า การสลามนั้น เป็นเหมือนดุอา
แล้ว ซุนนะ เมื่ออ่านดุอา เราก็เป่า หรือ ใส่มือ แล้วนำมาลูบได้
ดังนั้น ทรรศนะ ลูบหน้า ก็มิได้ ตกไปเสียทีเดียว

ในความเป็นจริง กลุ่ม วะฮะบี เอง ยังยอมรับ การขอดุอา แล้วให้เป่าลงบนมือแล้วเอามือนั้นลูบไปทั่วตัว (บางรายงานกล่าวว่า อาจจะมีฟองน้ำด้วย เช่นการพรมน้ำแล้วลูบตามส่วนต่างๆ เป็นต้น)
โดยอาจารย์ สายวะฮะบี กล่าวเช่นนี้ คือ การลูบนั้น จะได้จากการรับดุอา
ซึ่ง การให้สลาม ก็ถือว่าเป็นดุอาเช่นกัน ( สันติ เมตตา และจำเริญ )
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
คุณสะกิด คุณไม่เสียละหมาดหลอ ??
อุตส่าจะช่วยเขา ระวัง ละหมาดคุณ แล้วกัน....

น้องบ่าว บาซีร ฝาก สลาม คุณพ่อท่านด้วย ฮี่ฮี่
วัสลาม...

ได้ครับ

ว่าแต่อบังรู้ได้ไงอ่ะ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ด้วยความรู้อันน้อยนิดของผม
ผมก็เกือบไปเป็นคณะใหม่คับ แต่ไม่แน่ใจว่าวะฮะบีย์หรือเปล่า
เพราะอิหม่ามมัสยิดนั้นและชาวบ้าน ไม่ถูกกับ เชคริฎอ
ถึงตอนนี้ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มิตรภาพ ความผูกพันธ์ในระยะเวลา 4 เดือน
ที่ผมได้จากชาวบ้านที่นั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าเราก็ไม่ได้ต่างกันเลย
เราก็คือพี่น้องร่วมศาสนากัน   loveit:

I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
คุณสะกิด คุณไม่เสียละหมาดหลอ ??
อุตส่าจะช่วยเขา ระวัง ละหมาดคุณ แล้วกัน....

น้องบ่าว บาซีร ฝาก สลาม คุณพ่อท่านด้วย ฮี่ฮี่
วัสลาม...

ได้ครับ

ว่าแต่อบังรู้ได้ไงอ่ะ


เมื่อก่อนจะเรียน อัซฮัร น้องเรียนที่ไหนมาก่อนล่ะครับ...

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
อ้างถึง
อ้างถึง
ผมก็เกือบไปเป็นคณะใหม่คับ แต่ไม่แน่ใจว่าวะฮะบีย์หรือเปล่า
เพราะอิหม่ามมัสยิดนั้นและชาวบ้าน ไม่ถูกกับ เชคริฎอ
ถึงตอนนี้ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มิตรภาพ ความผูกพันธ์ในระยะเวลา 4 เดือน
ที่ผมได้จากชาวบ้านที่นั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าเราก็ไม่ได้ต่างกันเลยเราก็คือพี่น้องร่วมศาสนากัน   [/te] q
uo

มองเผินๆอาจจะไม่ต่างครับแต่ถ้ามองลึกๆแล้วจะรู้ดีว่ามีความแตกต่างกันวาฮาบีจะไม่ยอมรับในทัศนะและจะไม่สังกัดทัศนะของมัสหับทั้ง4วาฮาบีคิดว่าการเรียกร้องให้พี่น้องมีมัสหับในการนำปฏิบัติในวิชาฟิกฮ์ของคนทัวไปนั้นเป็นแนวทางที่ลุ่มหลงวาฮาบีนั้นจะไม่สนับสนุนให้คนเอาวามมีมัสหับหรือมุฟตีของเขาวาฮาบีนั้นจะไม่ยอมรับการอิจมาฮ์ของอุลามาของอุลามะที่มันขัดแย้งกับทัศนะของตนวาฮาบนั้นจะไม่ยอมรับการกิยาสที่มันขัดแย้งกับแนวทางของตนวาฮาบนั้นจะอ้างกีตาบุลลอฮ์และซุนนะนบีในการตัดสินปัญหาฮากามต่างๆวาฮาบีนั้นจะไม่ยอมรับการตะวีลในบางอายะของอุลามะทั้ง4มัสหับ   มากมายครับบนความแตกต่าง   พียงแต่เราไม่ลึกซึ้งในทัศนะของเขาเท่านั้นหรืออาจจะมองแค่ผิวเผิน
การมองผิวเผินเพียงภายรนอกนั้นไม่สามารถตัดสินอะไรได้เลย



                                             รอบนอกคือพี่น้องร่วมต่างศานีกชนหรือ(กาเฟร)รอบนอกนี่คือพี่น้องคนต่างศาสนิกที่มีหลายภาษา

                                             อิสลาม
                   
                                             มุสลิม
                                                                       
                                             มุฮมิน

เป็นที่รู้ว่าในสังคนนั้น มีคนหลายเชื้อชาติหลายภาษาแต่เขาก็อยู่ร่วมกับเรา  ซึ่งสามารถแยกแยะพวกเขาได้ถูกต้อง
รอบบนอกนั้นเขาคือกาเฟร
วงกลมอิสลาม หมายถึง  ผู้ที่เข้านับถืออิลลามรวมทั้งมุอัลลัฟหรือคนฝ่าฝืน เหล่านี้อยู่ในวงกลมดังกล่าว
วงกลมมุสลิม  หมายถึงผู้ที่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติอิสลาม ที่เคร่งและไม่เคร่งรวมทั้งผู้ที่บกพร่อง 
เรื่องอีบาดัต
เรื่องเอียะติกอด   
เรื่องชารีอัต

กลุ่มนี้มีทั้งผู้ฝ่าฝืนทำบาปเล็กบาปน้อย มีทั้งมุนาฟิก และฟาซิกและทำบิดอะที่ลุ่มหลง
พวกที่ไม่เข้มงวดกับบทบัญญัติที่ วายิบ เขาเหล่านั้นก็ได้ชื่อพี่น้องมุสลิมเช่นกัน  ไม่ว่า
กลุ่มมุตาซีละ กอดรียะ มุชับบิอะ กอรมียะ ยับบรียะ อะลิสซุนนะ(มัสหับทั้ง4) ชีอะ(บางกลุ่ม) และอีกมากมาย

วงกลมมุฮูมิน หมายถึงผู้ที่มีศรัทธาที่ถูกตั้องตามแนวทางอะลิสซุนนะวัญยามอะ รวมทั้งการเอียะติกอด การมีตะเซาวุฟ
หลักการฟิกฮ์ของมัสหับทั้ง4  กลุ่มนี้แหละทที่ได้เข้าสวรรค์ที่ไม่ถูกสอบสวนเลย


         
                     
            
                  
                              
                              
                              
                              
                              
         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 24, 2009, 11:12 AM โดย อัล-อุม »

ออฟไลน์ as-satuly

  • พลังแห่งการศรัทธา
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 997
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +10
    • ดูรายละเอียด

          สงสัยเราคงไม่เกี่ยวกับกระทู้ต่อประเด็นดังกล่าวนี้ เพราะ(คง)ไม่เข้าข่ายมาตั้งแต่อดีตกาล...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
ไปอ้างอิงของใคร โพสต์มาเนี่ยะ  ดูฟันธงไปน่ะ 
                 

ไม่ได้อ้างอิงจากไหนครับแต่จากการศึกษาสาระความแตกต่างระหว่างซุนนะวาฮาบีกับอะลิศุนนะวัลญามะอะ  แต่เรื่องการวางกรอบความแตกต่างระหว่าง

อิสลาม มุสลิม มุฮืมิน ก็ฟังจากอาจารย์ดังในเวปนี้แหละครับแล้วนำประกอบกันอิๆๆๆ happy2:

subson

  • บุคคลทั่วไป
salam

วาฮาบีจะไม่ยอมรับในทัศนะและจะไม่สังกัดทัศนะของมัสหับทั้ง4  วาฮาบีคิดว่าการเรียกร้องให้พี่น้องมีมัสหับในการนำปฏิบัติในวิชาฟิกฮ์ของคนทัวไปนั้นเป็นแนวทางที่ลุ่มหลง วาฮาบีนั้นจะไม่สนับสนุนให้คนเอาวามมีมัสหับหรือมุฟตีของเขา วาฮาบีนั้นจะไม่ยอมรับการอิจมาฮ์ของอุลามาของอุลามะที่มันขัดแย้งกับทัศนะของตนวาฮาบนั้นจะไม่ยอมรับการกิยาสที่มันขัดแย้งกับแนวทางของตนวาฮาบนั้นจะอ้างกีตาบุลลอฮ์และซุนนะนบีในการตัดสินปัญหาฮากามต่างๆ วาฮาบีนั้นจะไม่ยอมรับการตะวีลในบางอายะของอุลามะทั้ง4มัสหับ   มากมายครับบนความแตกต่าง   

วงกลมมุฮูมิน หมายถึงผู้ที่มีศรัทธาที่ถูกตั้องตามแนวทางอะลิสซุนนะวัญยามอะ รวมทั้งการเอียะติกอด การมีตะเซาวุฟ
หลักการฟิกฮ์ของมัสหับทั้ง4  กลุ่มนี้แหละทที่ได้เข้าสวรรค์ที่ไม่ถูกสอบสวนเลย
                              
         

อัล-อุม   มั่วโครตเลย    เด๋วอีก2สัปดาห์ผมจะมาขุดกระทู้นี้ขึ้น     อัล-อุม เจ้าจงโกหกต่อไปตามสามารถของเจ้าเถอด แล้วไปรับผลในโลกหน้าด้วย

"ฟิตนะร้ายแรงกว่าการฆ่า" 

ออฟไลน์ al-um

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 154
  • الأم
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณสับสน 2สัปดา ผมจะรอทั่น หุหุ
*للزكريا    الأنصاري*
      อุลามะในทัศนะวะฮาบีย์บางคนได้ทิ้งขวางความรู้ความคิดเห็นหรือผลงานของอุลามะฮ์ผู้นำมัซฮับทั้ง 4   แบบไม่ใยดี แต่กลับมาชื่นชอบทัศนะใหม่ที่มาทีหลัง ว่า ถูกต้องที่สุด..จนมันได้กลายเป็น...บิดอะดอลาละที่ลุ่มหลง.แบบตะอัศศุบ..ในทัศนะตนเองแบบสุดโต่ง แบบไม่น่าให้อภัย  และคิดว่า  ทัศนะใหม่ของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง ....นะอูซุบิ้ลลา

 

GoogleTagged