บังกอดัรกล่าวว่า...
วะฮะบี จะสอนได้เฉพาะ บุคคลที่ มีความรู้ พื้นฐาน ในหลักศาสนาน้อย
พูดง่ายๆ คือ หากเขา มีความรู้เดิมที่ดี ที่เหมาะสม สายคณะใหม่ ก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกซึมได้
แต่ผมว่าไม่ใช่สอนอย่างเดียวนะบังกอดัร แต่กลุ่มวาฮาบียะนั้นตั้งใจจะดึงคนเหล่านั้นต่างหาก..ด้วยเหตุผลว่าทัศนะต่างๆทั้ง4 ,มัสหับนั้น จำเป็นต้องละทิ้ง
ด้วยเหตุผลของเขาที่นั้นถือว่า เรื่องทัศนะนั้นสามารถตัลฟีก(คละมัสหับ)กันได้นั่นเอง
ซึ่งในเรื่องดังกล่าวบังกอดัรก็รู้ดีว่าอุลามะวาฮาบียะ เขาห้ามอย่างไรในเรื่องนี้
ที่จะโทษ เราจะโทษ สายวะฮะบี อย่างเดียวไม่ได้
เพราะพวกเขานั้น พยายามเรียกร้อง ไปสู่ซุนนะ เช่นกัน
ณ.วันนี้ผมไม่ค่อยมั่นใจในจุดยืนของบังกอดัรซะแล้วครับพี่น้อง ดูบังเขาเปลี่ยนไปจากเดิม.มาก.
..บังกอดัรอ้างว่าวาฮาบียะเรียกร้องไปสู่ซุนนะ...คำพูดนี้ผมว่ามันกว้างมากครับคำว่าซุนนะ กลุ่มชีอะก็อ้างว่าซุนนะ กลุ่มมุชชับบีอะ กลุ่ม มุตะซีละ กลุ่ม อะลิสซุนนะวัญญามะอะ ทั้ง 4 ก็อ้างว่าเรียกร้องไปสู่ซุนนะ.
.. loveit:แล้วอะไรคือซุนนะที่แท้จริงและถูกต้อง บังกอดัรพอจะตอบได้ไหม
ก็ในเมื่อ วาฮาบียะที่ผมอ้างถึงและอยู่ในกลุ่มวาฮาบีบอกว่า..
-การยกมืออ่านกูนุตในมัสหับชาฟีอี ของท่านนบีนั้นไม่เป็นสิ่งถูกต้อง
เพราะท่านนบียกมืออ่านกูนุตสาบแช่ง
เพียง1เดือน...ทั้งที่ 2 สายรายงานก็นี้มาจากท่าน อนัส ซอฮาบะท่านนบี เหมือนกัน
แล้วตกลงอันไหนล่ะคับ ที่เป็นซุนนะท่านนบี ที่แท้จริง แล้ว ที่เราสายชาฟีอี(รฮ)กระทำนั้น มีวาฮาบียะกลุ่มใดบ้างยอมรับว่าเป็นซุนนะ ส่วนมากที่เจอๆมาจะบอกว่า
เป็นบิดอะดอลาละ ดูในสื่อต่างๆของพวกเขาได้..
-การอ่านบิสมินละในละหมาด ก็เช่นกัน สายงานที่มาจากท่านอนัสเหมือนกันอ้างจากท่านบีเช่นกัน
วาฮาบียะ กล่าวอ้างเอาฮาดิสที่ ว่า
ท่านอนัสเคยละหมาดตามหลังท่านนบี พวกเขาจะเริ่มต้นด้วย อัลหัมดูลิ้ลา..และพวกเขาจะไม่อ่านบิสมินละทั้งตอนเริ่มและตอนจบฮาดิสซอหิฮ์
ซึ่งกลุ่มวาฮาบียะเอาฮาดิสนี้มาอ้าง โดยพวกเขาเข้าใจว่า ท่านนบีไม่เคยอ่านบิสมินละ ในซุเราะ อัลหัมดูลิ้ลา..เลย..
แบบนี้ใช่ไหมครับ การเรียกร้องไปสู่ซุนนะของวาฮาบียะ ที่บังกอดัรเข้าใจ.
.
งั้นในมัสหับฮานฟี(รฮ)ที่บอกว่าให้อ่านทุกครั้งแต่อ่านค่อย..และมัสหับชาฟีอี และมัสหับบาลีนั้นให้อ่านดังละหมาดดังและค่อยในละหมาดอ่านค่อยใน 3ทัศนะไม่ได้เรียกร้องสู่ซุนนะหรือคับ
ทั้งที่สายงานนี้มีซอหิและที่บ่งบอกว่าให้อ่านบิสมินละมากกว่าสายรายงานที่ไม่อ่านบิสมินละ
ซึ่งมีแค่1-2รายงานและเป็นอาดิสมุอัลล้ลเพราะจริงๆแล้ว ท่านอนัส(รด)เองยังเคยถูกถามในเรื่องของการกล่าวบิสมินละในการอ่านซุเราะอัลหัมดู..ขณะท่านเป็นอิม่าม ท่านจะอ่านในทุกครั้งและบอกว่านีคือแบบอย่างท่านนบีที่ฉันรับมา
พี่น้องคิดดูเถอะ อามาล บางอย่าง พี่น้องซุนนะเก่านั้น เข้าใจคลาดเคลื่อนไปหมด
แต่พอสายซุนนะใหม่ อย่างวะฮะบี เข้ามา ได้นำเสนอแนวคิดที่ห้ามละหมาดกอฎอ
โดยให้เหตุผลว่า การละหมาดกอฎออย่างนั้น ( หมายถึงที่ทำตามด้านบน ) นั้นไม่มีรูปแบบจากซุนนะ แต่อย่างใด
การทำอย่างนั้นเป็นบิดอะ ( หมายถึงโมฆะ ) ละหมาดไปก็ไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายที่ต้องรับผลจากการละทิ้ง
เช่น การละหมาดกอฎอ พี่น้องบางท่าน หรือ ตัวผมเอง เมื่อสมัย 20 ปี ที่แล้ว ก็ยังเข้าใจผิด
ชอบพูดว่า ไม่เป็นไร เวลานี้ไม่ต้องละหมาด เดี๋ยวผมไปละหมาดใช้รวมกัน ในเวลา อีซา 5 วักตูเลยก็ได้ เป็นต้น
อันนี้ผมไม่เคยพบว่าในทัศนะทั้ง4หรือคณะเก่าให้กระทำเช่นนั้น แต่อาจจะเป็นความเข้าใจผิดของบางคนมากกว่า
เรื่องการละหมาดกอดอนั้นเป็นอิจมาฮ์อุลามะนะครับบัง พูดอะไรระวังสักนิด..อุลามะทั้ง4เขาอิจมาฮ์กันแล้วว่า การกอดอนั้นดีกว่าทิ้งเฉยๆ เพราะ
ท่านนบีกล่าวว่า
และหนี้ของอัลลออฮ์นั้นย่อมถูกชดใช้ก่อนเสมอ..การทิ้งละหมาดด้วยเหตุใดก็ตามจำต้องกอดอเสมอ.
ส่วนที่บังกอดัรว่า ละหมาดชดทีเดียว5เวลานั้น ผมว่า อันนี้มันต้อง
แยกนะครับว่า มันเป็นนัฟซุหรือความเกียจคร้านของบางคนเท่านั้นไม่ใช่อิจมาฮ์อุลามะ
ฉะนั้นจึงไม่แปลกทีเราจะพบว่า เฉพาะวาฮาบียะหรือคณะใหม่เท่านั้นทีไม่ยอมรับให้มีการกอดอ ที่โดยอ้างว่า ไม่เป็นซุนนะ
การเรียกร้องอย่างนี้หรือคับ บังกอดัร ที่ว่า เป็นซุนนะที่บังกอดัรเข้าใจ...และเห้นชอบด้วย

.
ค่อยมาต่อคับ