بسم الله الرحمن الرحيم
สงครามครูเสด
[/color]
salam
แหล่งข้อมูลอ้างอิงหลัก : หนังสือ
สงครามครูเสด. โดย
สำนักพิมพ์วิทยปัญญา. พิมพ์ครั้งที่
7, 2545.
คำนำครั้งที่ 7 โดย
สำนักพิมพ์วิทยปัญญา. เกริ่นนำเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหา โดย
กอง บก. "อัลญิฮาด" เนื้อหาของหนังสือ บันทึกจากการปาฐกถา เรื่อง
"สงครามครูเสด" โดย
"อิบรอฮีม กุเรชี"ตอนที่ 1 : เกริ่นนำเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหา
"สงครามครูเสด" "สงครามครูเสด" ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นไปนานแล้ว แต่สำหรับผู้ที่เฝ้าพฤติกรรมของพวกตะวันตกที่มีต่ออิสลาม และต่อมุสลิมแล้ว เขาจะเข้าใจว่า "สงครามครูเสด" ยังไม่สิ้นสุด...จนถึงทุกวันนี้
สัยยิด ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี (เกิด 1879) ได้กล่าวว่า
"สงครามครูเสดที่ยังดำเนินอยู่ในจิตใจของคริสเตียนนั้น พวกเขายังมองมุสลิมด้วยความเคียดแค้น และเกลียดชังอยู่...ความเกลียดชังต่อมุสลิมนั้น ไม่เพียงแต่เกิดจากส่วนหนึ่งของพวกเขาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วๆ ไป" ความรู้สึก หรือไฟแห่งสงครามครูเสดนั้น ยัง (คง) คุกรุ่นอยู่ในหัวอกของชาวคริสเตียนตะวันตก และวิญญาณแห่งอคติดังกล่าวนั้น ยังไม่ได้ดับไปจากจิตใจของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน เหมือนสมัยก่อนที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจของบาดหลวงปีเตอร์ เดอะเฮอร์มิต (ปีเตอร์ นักพรต) เชื้อของเพลิงและอคติเหล่านั้น ได้กลายเป็นเลือดเนื้อของคริสเตียนตะวันตกส่วนใหญ่ พวกเขายังมองมุสลิม และอิสลามด้วยความเป็นศัตรู และความอิจฉาริษยา...
พวกเขา
"ถึงแม้จะแตกต่างกันในด้านเผ่าพันธุ์ และเชื้อชาติ" ดังที่ญะมาลุดดีนได้กล่าวไว้
"แต่เมื่อเผชิญกับตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชาติอิสลาม พวกเขาจะร่วมมือกัน เพื่อขจัดประเทศมุสลิมให้หมดสิ้นไป...พวกเขาได้พยายามอย่างลับๆ ตลอดเวลา เพื่อขจัดอิสลาม...(ให้จงได้)" "วิญญาณแห่งความป่าเถื่อน และความแค้น" นั้น จะเห็นได้ชัดจากชัยชนะของพวกครูเสด พวกเขาไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะได้ชัยชนะอย่างเดียวในการต่อสู้กับมุสลิม ชัยชนะนั้น เป็น (เพียง) จุดเริ่ม (ต้น) ของการฆ่า และไม่เพียงการนองเลือดเท่านั้น เด็ก สตรี และคนแก่ ก็ไม่เว้นจากน้ำมืออันสกปรกของพวกเขา พวกเขาฆ่าไปพลาง ดื่มเหล้าไปพลางอย่างสนุกสนาน มิหนำซ้ำยังภูมิใจเสียอีกที่สามารถทำลายชาวมุสลิมได้
การสังหารนั้น มิใช่เพื่อจะให้ตายอย่างเดียว แต่ต้องการทรมานอีกด้วย แม่ทัพนิโคลสัน (Nicholson) ได้เขียนว่า
"เราต้องตรากฎหมายที่อนุมัติให้เราเผ่า และสับพวกเขาอย่างเป็นๆ เพราะไฟที่คุกรุ่นอยู่ในอกของเรานั้น จะไม่ดับไปด้วยแค่การแขวนคอพวกเขาเท่านั้น" (Prof.Dr.Shalaby, Masyarakat Islam, Pustaka Nasional, Singapore, 1976, p.271)
นายพลนิโคลสันนี้ ยังอยู่ในกลุ่มของบุคคลที่มีจิตใจดีด้วยซ้ำไปที่คิดจะตรากฎหมายเพื่อการทรมานดัวกล่าว เพราะมีพวกเขาอีกจำนวนมากที่กระทำการดังกล่าวนั้น หรือที่โหดร้ายกว่านั้นอีก โดยไม่คำนึงถึงจะต้องตรากฎหมาย หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น
นักประวัติศาสตร์ชาวยุโรปเองก็มีเหมือนกันที่เขียนประวัติศาสตร์อันแสนจะป่าเถื่อนนี้ และพวกเขาได้โจมตีอย่างรุนแรงต่อพฤติกรรมดังกล่าว Guillaume de Tyr เขียนว่า "...ถ้ามีนักประวัติศาสตร์จะเขียนถึงความป่าเถื่อน ความโหดร้ายของพวกครูเสดแล้ว ย่อมจะถูกขนานนามจากการ
เป็นนักประวัติศาสตร์ กลายเป็น
นักการโจมตี และ
นักการด่า..."
ดร.กุสตัส เลอะบอน (Dr.Gustave Le Bon) ได้เขียนว่า
"ทวีปยุโรป โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 11 ซึ่งเป็นศตวรรษแห่งการสงครามครูเสดครั้งที่ 1 นั้น อยู่ในสภาพที่มืดมน และป่าเถื่อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ลัทธิ "ฟิวดัล" (ระบบศักดินา) ได้ทำลายประเทศฝ...." ว่า........เวลาหมดซะแล้ว หอสมุดจะปิดแล้วอะครับ มาต่อฉบับหน้านะ กำลังเข้มแข็งใช่ไหมหละ :inshallah ติดตามต่อไปนะครับ ไม่ทันแล้ว ชะแว้บๆ บายๆ
วัสสลามุ อลัยกุม