ผู้เขียน หัวข้อ: หรือเป็นคู่ขนานที่ไม่มีวันบรรจบ? ใครมีข้อมูลบอกหน่อยครับ  (อ่าน 3918 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ลองดูผู้รับรองหนังสือนั้นก่อนสิ อิสมาอีลัยนี(มะแอทั้ง2 วอศ.และ มอย.)
ถ้าพวกนี้ผ่าน ก็อย่าไปหวังอะไรมากจากหนังสือนั้น
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ซิ่งที่นบีไม่กลัว มันพยายามจะกลัว

แต่สิ่งที่นบีกลัว มันกลับเฉยเมือย
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ Al-Ainawi

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 53
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อาจารย์  al-azhary  วิจารย์ว่า
"ตราบ ใดที่ชีอะฮ์ยึดประวัติศาสตร์มาอ้างโดยลักษณะที่ขัดแย้งกับตัวบทของอัลกุรอาน และซุนนะฮ์  ผมไม่ขอเชื่ออย่างเด็ดเขาฉันท์ใด  แน่นอนจากบทนำประวัติกำเนิดวะฮาบีย์นี้ผมก็ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดฉันท์นั้น  เพราะประวัติบทนำกำเนิดวะฮาบีย์นี้  มันขัดแย้งกับซุนนะฮ์นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และเป็นการกล่าวมุสาต่อซุนนะฮ์นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นหากเราเชื่อต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เราก็ห้ามเชื่อบทนำประวัติกำเหนิดวะฮาบีย์อันนี้  เพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้สาบานต่ออัลเลาะฮ์ในการปฏิเสธเนื้อหาประวัติอันนี้ ไว้ตั้งแต่ 1400 ปีมาแล้ว   

รายงานจากอุกบะฮ์ บิน อามีร  เขากล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

"แท้จริงบรรดาคลังกุญแจแห่งแผ่นดินได้ถูกมอบให้แก่ฉัน และแท้จริงฉันขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ว่า  หลังจากที่ฉันเสียชีวิตไปแล้ว  ฉันไม่กลัวว่าพวกท่านจะทำชิริก  แต่ทว่าฉันกลัวว่าพวกท่านจะแข่งขันกันชิงดีชิงเด่นบนผืนแผ่นดิน" รายงานโดยบุคอรีย์ (3329) "



ผมขอแสดงความคิดเห็นว่า  ในฮาดิษนั้นบอกว่า"ฉันไม่กลัวพวกท่านจะทำชีริก"    แต่ท่านนบีไม่ได้บอกสักหน่อยว่า"หลังจากฉันเสียชีวิตไปแล้ว จะไม่มีการทำชีริก"  ดังนั้นมันก็เหมือนการเกาไม่ถูกจุด 

 
หากเราจะบอกว่าประวัติศาสตร์ที่ค้านกับอัลกุรอานหรือฮาดิษ นั้นเชื่อไม่ได้  ก็ขอให้อาจารย์พิจารณาตรงนี้สักนิด

 จากโองการอัลกุรอานระบุว่า "และจงรำลึกเมื่ออิบรอฮีมกล่าวว่า “โอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้เมืองนี้ (มักกะฮ) ปลอดภัยและทรงให้ข้าพระองค์และลูกหลานของข้าพระองค์พ้นจากการบูชาเจว็ด"14:35

ที่ผมรู้มาคำวิงวอนของบรรดารซูลจะถูกตอบรับ  นั่นหมายความว่า เมืองมักกะฮจะ ปราศจากพวกบูชาเจว็ด  แต่ที่เรารู้มาคือ  มักกะในยุคญาฮีลียะนั้น มีเจว็ดตั้งมากมาย  จนถึงยุคของท่านนบีของเรา เจว็ดเหล่านั้นจึงถูกทำลายไป   แล้วจะอธิบายยังไงดี??


ถ้าเราจะอธิบายว่า พระองค์นั้นทรงปกป้องเมืองแห่งนี้  และทุกศตวรรศพระองค์ทรงส่งบ่าวของพระองค์มาฟื้นฟู(จำไม่ได้แล้วว่าประโยคนี้มาจากอัลกุรอานหรือฮาดิษ)  ดังนั้นเมื่อถึงช่วง ที่เมืองนั้นเต็มไปด้วยการทำชีริก  พระองค์จึง ส่ง มูฮัมหมัด ลูกของวาฮาบ มาฟื้นฟู
และการที่ท่านนบีบอกว่าไม่กลัวนั้นก็เพราะว่า พระองค์ทรงปกป้องให้   
เรื่องการแตกแยกเป็นสิ่งที่ท่านห่วง เพราะแตกถึง73พวก แถมตกนรกถึง 72พวก  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ท่านห่วงได้อย่างไร    ที่ว่าไม่กลัวการทำชีริก ก็ไม่ได้แปลว่าชีริกจะไม่เกิด  ผมเชื่อว่าตอนนี้ก็ยังมีการทำชีริกอยู่ ในซาอุ (แต่จำน้อย)  บางคนยังเชื่อหมอดูก็มี   อีกอย่างลึกๆแล้ว ท่านจะไม่ห่วงได้อย่างไรกับชีริก  ก็ในเมื่อในอัลกุรอานและฮาดิษก็มีบอกว่า  การทำชีริกเป็นบาปที่คนทำไม่มีสิทธ์เข้าสวรรค์เลย  ส่วนบาปอื่นพระองค์จะทรงประสงค์   ดังโองการ


" แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์ และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวงขึ้น"  4:48

อย่าลืมว่าท่านนบีดูอาให้ประชาชาติของท่านบ่อยมาก  นั่นก็คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าท่านเป็นห่วง  และอย่าลืมว่า ชีริกคือบาปใหญ่ในบรรดาบาปทั้งมวล  แล้วท่านไม่ห่วงได้อย่างไรกัน!!!







บังสับสนกำลังสับสนจิงๆด้วย
ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลกนี้ เว้นเเต่ต้องสรรเสริญอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
เเต่สูเจ้าตั่งหากที่ไม่เข้าใจมัน

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อาจารย์  al-azhary  วิจารย์ว่า
"ตราบ ใดที่ชีอะฮ์ยึดประวัติศาสตร์มาอ้างโดยลักษณะที่ขัดแย้งกับตัวบทของอัลกุรอาน และซุนนะฮ์  ผมไม่ขอเชื่ออย่างเด็ดเขาฉันท์ใด  แน่นอนจากบทนำประวัติกำเนิดวะฮาบีย์นี้ผมก็ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดฉันท์นั้น  เพราะประวัติบทนำกำเนิดวะฮาบีย์นี้  มันขัดแย้งกับซุนนะฮ์นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และเป็นการกล่าวมุสาต่อซุนนะฮ์นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นหากเราเชื่อต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เราก็ห้ามเชื่อบทนำประวัติกำเหนิดวะฮาบีย์อันนี้  เพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้สาบานต่ออัลเลาะฮ์ในการปฏิเสธเนื้อหาประวัติอันนี้ ไว้ตั้งแต่ 1400 ปีมาแล้ว   

รายงานจากอุกบะฮ์ บิน อามีร  เขากล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

"แท้จริงบรรดาคลังกุญแจแห่งแผ่นดินได้ถูกมอบให้แก่ฉัน และแท้จริงฉันขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ว่า  หลังจากที่ฉันเสียชีวิตไปแล้ว  ฉันไม่กลัวว่าพวกท่านจะทำชิริก  แต่ทว่าฉันกลัวว่าพวกท่านจะแข่งขันกันชิงดีชิงเด่นบนผืนแผ่นดิน" รายงานโดยบุคอรีย์ (3329) "



ผมขอแสดงความคิดเห็นว่า  ในฮาดิษนั้นบอกว่า"ฉันไม่กลัวพวกท่านจะทำชีริก"    แต่ท่านนบีไม่ได้บอกสักหน่อยว่า"หลังจากฉันเสียชีวิตไปแล้ว จะไม่มีการทำชีริก"  ดังนั้นมันก็เหมือนการเกาไม่ถูกจุด 

 
หากเราจะบอกว่าประวัติศาสตร์ที่ค้านกับอัลกุรอานหรือฮาดิษ นั้นเชื่อไม่ได้  ก็ขอให้อาจารย์พิจารณาตรงนี้สักนิด

 จากโองการอัลกุรอานระบุว่า "และจงรำลึกเมื่ออิบรอฮีมกล่าวว่า “โอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้เมืองนี้ (มักกะฮ) ปลอดภัยและทรงให้ข้าพระองค์และลูกหลานของข้าพระองค์พ้นจากการบูชาเจว็ด"14:35

ที่ผมรู้มาคำวิงวอนของบรรดารซูลจะถูกตอบรับ  นั่นหมายความว่า เมืองมักกะฮจะ ปราศจากพวกบูชาเจว็ด  แต่ที่เรารู้มาคือ  มักกะในยุคญาฮีลียะนั้น มีเจว็ดตั้งมากมาย  จนถึงยุคของท่านนบีของเรา เจว็ดเหล่านั้นจึงถูกทำลายไป   แล้วจะอธิบายยังไงดี??


ถ้าเราจะอธิบายว่า พระองค์นั้นทรงปกป้องเมืองแห่งนี้  และทุกศตวรรศพระองค์ทรงส่งบ่าวของพระองค์มาฟื้นฟู(จำไม่ได้แล้วว่าประโยคนี้มาจากอัลกุรอานหรือฮาดิษ)  ดังนั้นเมื่อถึงช่วง ที่เมืองนั้นเต็มไปด้วยการทำชีริก  พระองค์จึง ส่ง มูฮัมหมัด ลูกของวาฮาบ มาฟื้นฟู
และการที่ท่านนบีบอกว่าไม่กลัวนั้นก็เพราะว่า พระองค์ทรงปกป้องให้   
เรื่องการแตกแยกเป็นสิ่งที่ท่านห่วง เพราะแตกถึง73พวก แถมตกนรกถึง 72พวก  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ท่านห่วงได้อย่างไร    ที่ว่าไม่กลัวการทำชีริก ก็ไม่ได้แปลว่าชีริกจะไม่เกิด  ผมเชื่อว่าตอนนี้ก็ยังมีการทำชีริกอยู่ ในซาอุ (แต่จำน้อย)  บางคนยังเชื่อหมอดูก็มี   อีกอย่างลึกๆแล้ว ท่านจะไม่ห่วงได้อย่างไรกับชีริก  ก็ในเมื่อในอัลกุรอานและฮาดิษก็มีบอกว่า  การทำชีริกเป็นบาปที่คนทำไม่มีสิทธ์เข้าสวรรค์เลย  ส่วนบาปอื่นพระองค์จะทรงประสงค์   ดังโองการ


" แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์ และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวงขึ้น"  4:48

อย่าลืมว่าท่านนบีดูอาให้ประชาชาติของท่านบ่อยมาก  นั่นก็คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าท่านเป็นห่วง  และอย่าลืมว่า ชีริกคือบาปใหญ่ในบรรดาบาปทั้งมวล  แล้วท่านไม่ห่วงได้อย่างไรกัน!!!   



ก่อนยุคสมัยนบีนั้น มีชิริกเกิดขึ้นมากมาย  ด้วยการกราบไหว้เจว็ด  แต่เมื่อนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้มาเผยแผ่อิสลาม  ชิริกก็ถูกขจัดไป  และยืนยันไว้ว่า  ฉันจะไม่กลัวจะเกิดชิริกขึ้นและชัยฏอนมันสิ้นหวัง

มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  เป็นนักปฏิรูป  ไม่ใช่เป็นนบี  ดังนั้นนักปฏิรูปที่ไม่ใช่เป็นนบี  ย่อมมีผิดมีถูก  สิ่งใดที่มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ ผิด  เราก็ต้องยอมรับว่ามันผิด  เพราะมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ไม่ใช่นบี  จะไม่มีผิดเลยไม่ได้ 

ดังนั้นกรุณาอย่าเชิดชู  มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  มากกว่า  (นบี)มุฮัมมัด บิน อับดิลลาฮ์  เพราะนบีบอกว่า ไม่กลัวว่าจะเกิดชีริกในในประชาชาติของฉัน  และยังบอกอีกว่า ชัยฏอน มันสิ้นหวังที่จะทำบรรดามุสลิมีนทำชิริก(กราบไหว้มัน)ในคาบสมุทรอาหรับ  ตรงนี้นบีได้บอกอย่างชัดเจน  โดยไม่ต้องตีความเพื่อปกป้อง มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ 

ฉะนั้น  ให้เราเชื่อว่า   นบีได้ยืนยันว่า ไม่กลัวชีริกจะเกิดในประชาชาติของท่านและชัยฏอนมันสิ้นหวังให้เกิดชิริกในคาบสมุทรอาหรับ  นี่คืออะกีดะฮ์   นี่คือคำสอนของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ส่วนประวัติวะฮาบที่เขียนขึ้นมาด้วยมือนั้น  เอาทิ้งไปให้ไกล  เพื่อจะได้ห่างไกลจากการปฏิเสธคำพูดของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

แต่ฮะดีษนบีได้ยืนยันข้อเท็จจริงแล้วว่า  ชัยฏอนมันสิ้นหวังที่จะทำให้เกิดชิริกในคาบสมุทอาหรับ  แต่นบีได้ยืนยันว่า ชัยฏอนมันจะยุยงให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งและสงครามขึ้น  ซึ่งประวัติศาสตร์ของวะฮาบีได้ยืนยันแล้วว่า  มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ทำสงครามกับบรรดามุสลิมีน  ทำการเผาเรือกสวนไร่นา  ซึ่งตรงกับคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยืนยันเอาไว้  ดังนั้นใครปฏิเสธนบี  ก็ไปพิจารณาตนเองครับ  หวั่นว่าอีหม่านมันจะสั่นคลอน วัลอิยาซุบิลลาฮ์

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
" แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์ และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวงขึ้น"  4:48

อย่าลืมว่าท่านนบีดูอาให้ประชาชาติของท่านบ่อยมาก  นั่นก็คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าท่านเป็นห่วง  และอย่าลืมว่า ชีริกคือบาปใหญ่ในบรรดาบาปทั้งมวล  แล้วท่านไม่ห่วงได้อย่างไรกัน!!!


ใช่น่ะว่า  ท่านนบีได้ขอดุอาให้ประชาชาติของท่าน  ซึ่งประชาชาติของท่านนั้น  พูดครอบคลุมทั่วโลก  ไม่ใช่เพียงแค่มักกะฮ์และมะดีนะฮ์เท่านั้น   แต่นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้พูดเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษถึงคาบสมุทรอาหรับ  ว่าชัยฏอนมันสิ้นหวัง  นบียืนยันว่าชัยฏอนมันสิ้นหวัง  แต่วะฮาบีดันบ่งชี้ว่าชัยฏอนไม่สิ้นหวัง  จึงทำให้เกิดชิริกในมักกะฮ์! 

ดังนั้นหากคุณสับสนพูดถึงประชาชาติทั้งหมด ก็พูดไป  แต่ที่วะฮาบีกล่าวหานั้น  คือกล่าวหาเฉพาะว่าคาบสมุทรอาหรับ  เช่น มักกะฮ์  มีชิริก  แต่นบีบอกว่า ที่มักกะฮ์(คาบสมุทรอาหรับ)นั้น  ไม่มีชิริก ชัยฏอนมันสิ้นหวัง  หากเรากล่าวอ้างว่า  ที่มักกะฮ์มีชิริก เท่ากับว่าเราไปกล่าวหาว่า นบีพูดโกหกโดยนัย  วัลอิยาซุบิลลาฮ์!
 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

สรุปตรงนี้ก็คือ  ประวัติของชีอะฮ์ขัดกับอัลกุรอาน  ส่วนประวัติของวะฮาบีนั้น ขัดกับซุนนะฮ์นบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ซิ่งที่นบีไม่กลัว มันพยายามจะกลัว

แต่สิ่งที่นบีกลัว มันกลับเฉยเมือย

ใช่ครับ  นบีบอกว่าชัยฏอนมันสิ้นหวังและไม่กลัวชิริก  แต่วะฮาบีกลัว

นบีกลัวจะเกิดสงครามรบกันเองเพราะชัยฏอนมันยุยง  แต่วะฮาบีกลับทำตามที่ชัยฏอนมันยุยง 

ยึดซุนนะฮ์นบีครับปลอดภัย  อย่ายึดประวัติศาสตร์วะฮาบี
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

subson

  • บุคคลทั่วไป
  มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เป็นนักปฏิรูป นักฟื้นฟู นั่นแหละครับที่ผมหมายถึง ไม่รู้ว่าประโยคหนัย ทำให้อาจาร เข้าใจจผิด คิดว่าผมเชิดชู มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ เป็นนบี  ไม่บังอาจหรอกครับเพราะท่านนบีก็บอกแล้ว ว่าไม่มีนบีหลังจากท่าน  
แต่อาจารย์บอก "ส่วนประวัติวะฮาบที่เขียนขึ้นมาด้วยมือนั้น  เอาทิ้งไปให้ไกล "  แล้วจู่ๆอาจารย์ก็มาบอกว่า"ซึ่งประวัติศาสตร์ของวะฮาบีได้ยืนยันแล้วว่า  มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ทำสงครามกับบรรดามุสลิมีน  ทำการเผาเรือกสวนไร่นา"  อาจารเลือกเอาเฉพาะที่ตนเองต้องการแล้วทิ้งในสิ่งที่ทิ่มแทงใจ  ไม่เป็นไรมันไม่ใช่สาระและเป้าหมาย  ช่างเหอะ

คงไม่กล้าปฏิเสธ ท่านบีหรอกครับ แต่ผมเห็นว่า อาจารย์กำลังเอาฮาดิษที่บริสุทไปใช้ในทาง ที่ไม่ควรเท่าไหร่ อยากให้อาจารตั้งกระทู้ เรื่องชีริก ว่ามีกี่ประเภทอะไรบ้างที่เข้าข่าย เพราะผมเชื่อว่าในคาบสมุทรอาหรับปัจจุบันก็ยังมีชีริก แต่จำนวนน้อย ไม่ได้ชีริกโดยการกราบรูปปั้น แต่อาจจะรูปแบบอื่น

การที่อาจารกล่าวว่าท่านนบีไม่กลัว  ตามความเห็นผมได้นำเสนอแล้ว แต่ตามที่ผมวิเคราะคำของอาจาร  เหมือนกับอาจารบอกเป็นนัยๆว่า

ท่านนบีไม่กลัวว่าประชาชาติของท่านจะตกนรกตลอดกาล  แต่ท่านนบีกลัวประชาชาติของท่าน จะตกนรกชั่วคราว  (เนื่องจาก ชีริกนั้นอัลลอฮจะไม่ให้อภัย และอื่นจากชิริกแล้วแต่ความประสงค์ของพระองค์  คนไที่ไม่ทำชีริกบางคน จะต้องถูกชำระล้างโดยการลงนรก หลังจากนั้นได้เข้าสวรรค์   ชีริกอันตรายกว่าความแตกแยก  ขนาดความแตกแยกท่านนบียังห่วง แล้ว ชีริกท่านจะไม่ห่วงได้อย่างไร  ถือว่าท่าน เข้าใจเจตนารมของท่านผิดนั่นเอง
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 22, 2010, 12:27 PM โดย สับสน »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
คงไม่กล้าปฏิเสธ ท่านบีหรอกครับ แต่ผมเห็นว่า อาจารย์กำลังเอาฮาดิษที่บริสุทไปใช้ในทาง ที่ไม่ควรเท่าไหร่ อยากให้อาจารตั้งกระทู้ เรื่องชีริก ว่ามีกี่ประเภทอะไรบ้างที่เข้าข่าย เพราะผมเชื่อว่าในคาบสมุทรอาหรับปัจจุบันก็ยังมีชีริก แต่จำนวนน้อย ไม่ได้ชีริกโดยการกราบรูปปั้น แต่อาจจะรูปแบบอื่น  

นบี ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกชัดเจนแล้วว่า  ไม่กลัวชิริก(ใหญ่)จะเกิดขึ้นในประชาติของฉัน  ชิริกใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่การกราบไว้เจว็ด  ยังมีชิรกใหญ่อื่น ๆ อีกที่นอกเหนือจากนี้  และนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ยืนยันไว้แล้วว่าชัยฏอนมันสิ้นหวังที่จะทำให้เกิดชิริก(ใหญ่)ขึ้นในคาบสมุทรอาหรับ

ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า  เหตุใดวะฮาบีจึงกล่าวหาว่าที่มักกะฮ์ทำชิริกใหญ่ จนทำให้ประกาศสงครามกับมุสลิมที่ถูกกล่าวหา  ที่ผมพูดนั้นคือพูดในสมัย มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  ไม่ใช่สมัยนี้  คำพูดของท่านนบีเอง  ก็ไม่ได้เจาะจงว่าชัยฏอนมันมีหวังในสมัยมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ 

ดังนั้นการที่บรรดาอาจารย์วะฮาบี  พยายามที่จะเอาประวัติศาสตร์มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  มายืนยันว่าชิริกใหญ่เกิดขึ้นในมักกะฮ์(คาบสมุทร)อาหรับ  แต่ทั้งที่ความจริงประวัติศาสตร์ดังกล่าว มันขัดกับซุนนะฮ์ที่ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยืนยันเอาไว้  แล้วคุณสับสนจะเลือกอะไรล่ะ  ระหว่างซุนนะฮ์นบี กับ ประวัติศาสตร์ของวะฮาบี


วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

subson

  • บุคคลทั่วไป
ชิริกใหย่ๆ มุสลิมเกือบทุกคน รู้และหลีกเลี่ยง  และเมื่อทำชีริก ก็เห็นได้ชัดเจน แน่นอนต้องมีคนเตือน
แต่ความแตกแยก คือ สิ่งที่ ทุกคนรู้และไม่สนใจ  ไม่มีใครกล้าเตือนด้วยเหตุผลหลายอย่าง  หนึ่งในนั้นคือ  บรรดาอาจารย์ก็ยังไม่ลด ละเลิก ลูกศิษ จึงไปไม่ไกล   จะว่าเขา แต่เราก็ทำ  จึงปล่อยไป   จนเราได้ห็นอยู่ถึงปัจจุบัน  อันเนื่องจากสัจธรรมมันทิ่งแทงคนบางกลุ่ม  จึงเกิดแรงต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา กลายเป็นแตกแยกในที่สุด  73 พวก ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว  นี่คือส่วนหนึ่งในหลายเหตุผล ที่ผมคิดว่า ท่านนบีจึงกลัวประชาติแตกแยกมากว่าชีริก  (แต่ไม่ได้หมายความไม่มีการทำชีริก)

คำว่าไม่มีที่อาจารย์บอกนั้นคือไม่มีตามคำตรงๆ เลยรึครับ  ไม่ใช่อุปมาอุปไมหรืออะไรบางอย่าง นะ   คล้ายๆฮาดิษที่ว่า  ไม่มีการละหมาดสำหรับผู้ไม่อ่านฟาตีฮะฮฺ  ซึ่งเราก็เห็นว่าคนที่ไม่อ่าน ยังละหมาดก็มี แสดงว่าไม่มีในที่นี้ เป็นคำเปรียบเทียบอะไรประมานนั้น  รึครับ??  





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 22, 2010, 12:29 PM โดย สับสน »

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
 salam

อ้างถึง
ชิริกใหย่ๆ มุสลิมเกือบทุกคน รู้และหลีกเลี่ยง  และเมื่อทำชีริก ก็เห็นได้ชัดเจน แน่นอนต้องมีคนเตือน
แต่ ความแตกแยก คือ สิ่งที่ ทุกคนรู้และไม่สนใจ  ไม่มีใครกล้าเตือนด้วยเหตุผลหลายอย่าง  หนึ่งในนั้นคือ  บรรดาอาจารยืก็ยังไม่ลด ละเลิก ลูกศิษ จึงไปไม่ไกล   จะว่าเขา แต่เราก็ทำ  จึงปล่อยไป   จนเราได้ห็นอยู่ถึงปัจจุบัน  อันเนื่องจากสัจธรรมมันทิ่งแทงคนบางกลุ่ม  จึงเกิดแรงต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา กลายเป็นแตกแยกในที่สุด  73 พวก ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว  นี่คือส่วนหนึ่งในหลายเหตุผล ที่ผมคิดว่า ท่านนบีจึงกลัวประชาติแตกแยกมากว่าชีริก  (แต่ไม่ได้หมายความไม่มีการทำชีริก)

คำว่าไม่มีที่อาจารย์บอกนั้นคือ ไม่มีตามคำตรงๆ เลยรึครับ  ไม่ใช่อุปมาอุปไมหรืออะไรบางอย่าง นะ   คล้ายๆฮาดิษที่ว่า  ไม่มีการละหมาดสำหรับผู้ไม่อ่านฟาตีฮะฮฺ  ซึ่งเราก็เห็นว่าคนที่ไม่อ่าน ยังละหมาดก็มี แสดงว่าไม่มีในที่นี้ เป็นคำเปรียบเทียบอะไรประมานนั้น  รึปล่าว


ญาซากัลลอฮสำหรับคำอธิบาย  เด๋วว่างๆผมจะมาอีก  ขอตัวไปดูเสาเข็มก่อน

นี่ ก็มัสฮับ สับสน

เข้าใจว่าหลายคนที่เป็นสมาชิกเวปนี้ คงดูรายการ24 ช.ม.และมีคำถามเหมือนกัน  คงได้รับคำตอบกัน

วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 15, 2009, 12:26 PM โดย sufriyan »
--//---

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ที่ผมคิดว่า ท่านนบีจึงกลัวประชาติแตกแยกมากว่าชีริก  (แต่ไม่ได้หมายความไม่มีการทำชีริก)

คุณ "คิด" ขึ้นมานั้นมันขัดกับซุนนะฮ์  เรานับถือศาสนาอิสลาม ไม่ใช่ศาสนาคิด  คุณบอกว่า "ไม่ได้หมายความไม่มีการทำชิริก"  แต่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยืนยันว่า ชัยฏอนมันสิ้นหวังการทำให้ชิริกเกิดขึ้นในคาบสมุทรสำทับเข้ามาอีกด้วย  ส่วนวันกิยามะฮ์จะมีชิริกขึ้นในคาบสมุทรอาหรับนั้น มันอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับใกล้วันกิยามะฮ์  แต่สมัยมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบนั้น  ยังไม่ถึงวันกิยามะฮ์  ฮะดีษที่ท่านนบีไม่กลัวชิริกจะเกิดขึ้นในคาบสมุทรอาหรับและชัยฏอนมันสิ้นหวัง ก็ยังคงมีอยู่และเราต้องศรัทธาคำพูดของท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ต่อ

อูลามาอ์ที่ถูกเนรเทศกลับประเทศไทย  จึงสร้างเรื่องใหม่และให้ข้อมูลผิดๆ ในทางลบ ต่ออิบนุวาฮาบ และ อินบุซาอูด   จึงเป็นที่มาของคณะใหม่ หรือวาฮาบี

            อ่านประโยคนี้ มันก็เหมือนกับคนที่โดนนกขี้ใส่หัว แล้วไปโทษนกตัวอื่นแบบมั่วสั่ว โดยที่ไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
กลุ่มวะฮาบีย์เรียกร้องจะเป็นจะตายให้ผู้อื่นเลิกว่าตัวเองว่าวะฮาบีย์ และให้กลุ่มอื่นยอมรับตัวเอง แต่ขอถามหน่อยเถิดว่า ท่านเรียกผู้อื่นว่าอย่างไรหรือ แม้บางครั้งท่านไม่เอ่ยมันออกมาตรงๆ แต่การกระทำของท่านเหมือนกับท่านไม่ยอมรับคนกลุ่มนั้น ตัวอย่างเช่นนี้ มีให้เห็นในพฤติกรรมของเด็กบางกลุ่มที่เรียนที่ ม.อิสลามแห่งของประเทศไทย ที่พวกเขามองชาวบ้านรอบ ม. ว่าพวกบิดอะฮื แล้วอย่างนี้ ท่านจะเรียกร้องให้ผู้อื่นยอมรับในตัวท่านได้อย่างไร อยากจะให้เขาวางมีด แต่ตัวเองดันเอามีดจ่อเขาอยู่ ผมว่ามันคงไม่มีใครที่ไหนโง่วางมีดเล่มนั้นหรอกครับ ขืนวางก็ตายห่ากันพอดี - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

subson

  • บุคคลทั่วไป
อาจารย์กล่าวว่า "คิด ขึ้นมานั้นมันขัดกับซุนนะฮ์  เรานับถือศาสนาอิสลาม ไม่ใช่ศาสนาคิด" 

   ขอบคุนครับอาจารที่กล้าพูดคำนี้ออกมา เห็นอาจารย์ใช้บ่อยเหมือนกัน  ถือเป็นการตักเตือนซึ่งกันและกันนะ

 ถ้าเอาคำพูดของอาจารมาบวกกันระหว่างคำพูดที่ว่า "หลังจากที่ฉันเสียชีวิตไปแล้ว  ฉันไม่กลัวว่าพวกท่านจะทำชิริก" + "ส่วนวันกิยามะฮ์จะมีชิริกขึ้นในคาบสมุทรอาหรับนั้น มันอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับใกล้วันกิยามะฮ์แต่สมัยมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบนั้น  ยังไม่ถึงวันกิยามะฮ์ " 

จากสองคำพูดของอาจารเมื่อบวกกันก็จะได้ว่า ท่านนบีเสียชีวิตหลังสมัยมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ หรือไม่ก็ วันกียามะฮ์เกิดก่อนที่ท่านนบีเสียชีวิต

 เฮอๆ ทำได้ไงครับอาจารย์

ท่านนบีกล่าวไว้ว่า ใกล้เข้ามาแล้ว วันกีมะฮฺจะมาถึง   จนศอฮาบะฮฺบางคนก็ยังกลัว เมื่อเห็นคนที่มีลักษณะคล้ายๆกับดัจญาล  และท่านนบีเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร่  เพียงแค่รู้ว่าใกล้แล้ว แต่ทำไมอาจารถถึงรู้อ่ะ


สรุปคือ คำว่า"ไม่กลัว" ตามมุมมองของอาจารย์ คือจะไม่เกิด     แต่มุมมองของผมคือ เกิด แต่แล้วพระองค์ก็ส่งนักฟื้นฟูลงมาเพื่อขจัด  

ในศตวรรศที่เราพุดถึง นักฟื้นฟูที่ถูกส่งลงมาคือ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ   คงเพียงพอแล้วที่เราจะมอบหมายแด่พระองค์อันเนื่องจากมีบางโองการที่บอกเป็นนัยๆว่าพระองค์จะทรงคุ้มครองแผ่นดินอาหรับจากการทำชีริก  แต่ไม่มีโองการใดเลยที่พระองค์จะป้องกันการแตกแยก แถมมีบางโองการเตือนสำทับ ว่าอย่าแตกแยกด้วยซ้ำไป  

ผมคงไม่ถามมากแล้วครับ  เด๋วจะรำคาญเอา  คิดซะว่าเรามองไม่เหมือนกัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 22, 2010, 08:28 PM โดย สับสน »

 

GoogleTagged