ผู้เขียน หัวข้อ: จะไปออก ดะวะห์ โดยละทิ้งครอบครัวได้รึไม่.... ปัญหาครอบครัวที่ต้องขอความช่วยเหลือ  (อ่าน 20906 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
 salam

พี่น้องของผม
ศอบาร ครับ

ทั้งทางกาย วาจาและใจ

ด้วยจิตบริสุทธิ์


 ;D

ออฟไลน์ itoursab

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 199
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณสับสนครับ
หากมนุษย์มีความสามารถแล้วไซร้ แน่นอน ผมย่อมต้องการห้ามคนจากการมึนเมา แต่ลุงนบียังไม่ได้เข้ารับอิสลามเลยน๋ะครั๋บ นั่น หมายความว่า นบีไม่มีความสามารถในการเชิญชวนคนเข้าสู่อิสลาม ใช่ หรือ ไม่ (ตอบแค่ใช่ หรือ ไม่ใช่ ไม่จำเป็นต้องยกเหตุผลอื่นมาอ้าง)
หากท่านตอบว่า ใช่ ท่าน ก็ ผิด
หากท่านตอบว่า ไม่ใช่ ท่าน ก็ ผิด
ผมยังไม่รู้ และยัง งง อยู่ว่า ผมผิดอย่างไร  ถ้าผมตอบว่า "ไม่ใช่"  ผมยังรอคำอธิบายอยู่นะครับ จะได้ปรับความเข้าใจอันผิดๆของตัวเอง 

ขออนุญาติแส่นะครับ
แต่แค่จะบอกว่าผิดตั้งแต่คำถามแล้ว
เหมือนกับถามว่าท่านไม่เชื่อรึว่า อัลลอฮฺ(ซบ.) ไม่มีความสามารถทำให้ทุกคนเป็นมุสลิม
และผมว่า คำตอบมีเป็นคำชี้แนะลงมาแล้ว เพียงแต่การกระทำเป็นหน้าที่เรา ผลอยู่ที่ท่านจะกำหนด
...
แวะมาบอกว่า หลังจากได้คำแนะนำจากในนี้
ก็ไปลองพูดคุยกับพี่เค้าดู
ได้ผลดีขึ้นครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ

ออฟไลน์ Asadullah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Once Dawah... Forever Dawah...
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ไม่เลือกสถานที่ว่า  ไปภูเก็ตดีกว่าหรือพังงาดี ยะลาไม่ไป ไม่สวย น่ากลัว ฯลฯ 

ไม่เลือกคน ว่าเอาคนนี้ดี บ้านนี้ดีกว่า บ้านนั้นไม่อยากเข้าเด๋วโดนทืบ พวกนี้วัยรุ่น มันขี้เมา ขี้เกียจคุยกับพวกมันฯลฯ

ไม่เลือกเวลา ว่าวันนี้ใครจะทำอะไรก็ช่าง  เด๋วเดือนหน้าค่อยไปเชิญชวน


เพราะจริงๆแล้วเราสามารถดะวะกับทุกคนทุกเวลาทุกสถานที่ได้

 ท่านนบีไม่เลือกคน แม้แต่ผู้คนที่ต่อต้านในมักกะ  ไม่เลือกเวลาแม้แต่ในยามสงคราม ไม่เลือกสถานที่ แม้แต่ในทุ่งนา

ท่านก็ยังดะวะ ไม่เว้นกระทั่งในห้องนอนบนเตียง

salam...

อันนี้ راجيس อธิบายเคลียร์แล้วครับ.......สับสนอย่าสับสนกับสับสนเองนะครับ............. cool2:

งานดะวะห์ที่กำลังเดินอยู่นี้ไม่ได้เลือกคนเลือกเวลาเลือกสถานที่...................... cool2:
งานดะวะห์เข้าไปหมดครับ...จะเป็นคนรวยหรือคนจน...จะเป็นคนมีความรู้หรือไม่มีความรู้..................... cool2:
จะเป็นคนหนุ่มหรือเป็นคนแก่...จะเป็นคนผิวขาวหรือผิวสี...จะสปีกภาษาไหนๆก็แล้วแต่................. cool2:
จะมีลูก1หรือมีลูกโหล....จะมีเมีย1หรือมีเมีย4...จะเป็นขี้ยาหรือเด็กเรียน..................... cool2:
หรืออะไรก็แล้วแต่.......สรุปก็คือ............................. cool2:
ดะวะห์เข้าหมดครับ............................. cool2: cool2: cool2:

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น....การดะวะห์ที่ดีคือการทำดะวะฮฺด้วยฮิกมะฮฺด้วยกับอัคลากที่ดี..................... cool2:
หาใช่ไปบุกโวยวายถ่ายวีดีโอประจานชาวบ้านชาวช่องเขา เป็นต้น....................... cool2:

ซอฮาบะฮฺส่วนใหญ่ได้รับฮีดายะฮฺด้วยกับอัคลากที่ดีด้วยกับฮิกมะฮฺ........................... cool2:
หาใช่ด้วยการเชิญชวนไม่......มีเหมือนกัน...แต่เป็นส่วนน้อยเท่านั้น............... cool2:

แค่นี้ก่อนละกัน............................... cool2:

wassalam...





กาย ใจ ชีวิต ลมหายใจและสายเลือด มอบเป็นอิสลามพลี.............Tidak Ada Ketarikan Hati Yang Harum Lebih Daripada Dibunuh Di Jalan Allah Azzawajalla...............

subson

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาบอกว่า หลังจากได้คำแนะนำจากในนี้
ก็ไปลองพูดคุยกับพี่เค้าดู
ได้ผลดีขึ้นครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ

อัลฮัมดูลิลลอฮ   ผมคงไม่มีอะไรจะสนทนาต่อไป  

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
คุณสับสนครับ
หากมนุษย์มีความสามารถแล้วไซร้ แน่นอน ผมย่อมต้องการห้ามคนจากการมึนเมา แต่ลุงนบียังไม่ได้เข้ารับอิสลามเลยน๋ะครั๋บ นั่น หมายความว่า นบีไม่มีความสามารถในการเชิญชวนคนเข้าสู่อิสลาม ใช่ หรือ ไม่ (ตอบแค่ใช่ หรือ ไม่ใช่ ไม่จำเป็นต้องยกเหตุผลอื่นมาอ้าง)
หากท่านตอบว่า ใช่ ท่าน ก็ ผิด
หากท่านตอบว่า ไม่ใช่ ท่าน ก็ ผิด
ผมยังไม่รู้ และยัง งง อยู่ว่า ผมผิดอย่างไร  ถ้าผมตอบว่า "ไม่ใช่"  ผมยังรอคำอธิบายอยู่นะครับ จะได้ปรับความเข้าใจอันผิดๆของตัวเอง 

ขออนุญาติแส่นะครับ
แต่แค่จะบอกว่าผิดตั้งแต่คำถามแล้ว
เหมือนกับถามว่าท่านไม่เชื่อรึว่า อัลลอฮฺ(ซบ.) ไม่มีความสามารถทำให้ทุกคนเป็นมุสลิม
และผมว่า คำตอบมีเป็นคำชี้แนะลงมาแล้ว เพียงแต่การกระทำเป็นหน้าที่เรา ผลอยู่ที่ท่านจะกำหนด

...
แวะมาบอกว่า หลังจากได้คำแนะนำจากในนี้
ก็ไปลองพูดคุยกับพี่เค้าดู
ได้ผลดีขึ้นครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ

แค่จะบอกว่าถ้าท่านศึกษาตะเซาวุฟ ท่านจะมีคำตอบแบบไม่ต้องสงสัยอะไรเลยครับ


ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ

มีบทความมาฝาก เป็นแง่คิด

คนทำงานดะวะฮ์ มิใช่คนที่อยู่ในสังคมที่มีแต่ความหวาดระแวงสงสัยเมื่อเห็นคนทำดีเพื่อสังคม เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถ มีความตั้งใจดีใด้เสียสละและมีโอกาสได้ทำความดี ไม่ปิดกั้นคนมีปัญญา มีความรู้ ความสามารถ

ชุมชนคนดะวะฮ์เปิดโอกาสให้คนใด้ใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็น แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ให้เกียติกัน ไว้วางใจกัน ไม่ดูหมิ่นดูแคลน อิจฉาริษยากันและกัน ไม่อยู่ใต้อิทธิพล อำนาจที่มาจากเกียรติยศ ชื่อเสียง ตำแหน่ง การเงินหรืออำนาจอื่นๆที่ขาดปัญญาในการดำเนินชีวิต

ชุมชนคนดะวะฮ์ สร้างผู้นำทางความคิด กำลังดำเนินชีวิตที่เสริมสร้าง “ ปัญญา” มากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นได้จากการดำเนินชีวิตที่มี “อิสลาม” นำ มากกว่าที่จะเลือกใช้เหตุผลและอารมณ์ความรู้สึกในการตัดสินใจ
สังคมดะวะฮ์ เป็นสังคมแห่งการเปิดโอกาส ไม่ใช่สังคมที่อยู่ในภาวะแห่งการปิดกั้น เหมือนสังคมมุสลิมโดยทั่วไปที่ตั้งกำแพงปิดกั้นคนให้อยู่ใน “ภาวะของการกดคน” และก็ตามมาด้วย “ภาวะของการลองของ” จากนั้นก็เข้าสู่ “ภาวะของการใช้ประโยชน์”

เด็กหนุ่มรั้วบ้านติดมัสยิดในชุมชนมุสลิมใจกลางเมืองหลวง ตอนเป็นเด็กก็ละหมาดเป็น  โตเป็นหนุ่มใจแตกลืมละหมาด สักยันต์เต็มตัว หลงผิดติดยา

ผู้คนในชุมชนมุสลิมที่ “บ้านมีรั้ว” ต่างพากันระแวดระวัง………………  ต่างขับใล่ไสส่ง เด็กหนุ่มมีค่าน้อยกว่า”ขยะ” ที่ซาเล้งชาวอีสานมาเก็บเรียงกองไว้ที่หน้าบ้านเช่าของผู้ที่บอกว่า “เป็นผูศัรทธา มีฐานะ ในชุมชนมุสลิม”

กลุ่มคนทำงานดะวะฮ์ กลุ่มแรกและกลุ่มเดียวที่เดินเข้าไป”สลาม” ที่หน้าบ้านของเด็กหนุ่ม ………  สัมผัสมือด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวชวนให้ไปละหมาด ร่วมกันที่มัสยิด แล้วทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน
เด็กหนุ่มได้รับโอกาสที่จะทำดี จนสามารถผ่านภาวะแห่งการที่ถูกสังคม “ กดคน “ ได้มีโอกาสสร้างความดี เลิกพฤติกรรมเสี่ยงเดิมๆ เดินไปละหมาดที่มัสญิดได้ทุกวันเวลา

มุสลิมในชุมชนที่ “บ้านมีรั้ว” จับตามองเด็กหนุ่มด้วยกับการตั้งคำถาม

“ดีจริงหรือ?”

“จะทำดีไปได้นานแค่ไหนกันเชียว”

“ มันไม่เคยทำดี พอทำดี มันก็คลั่งในความดี อีกไม่นานก็สู่สภาพเดิม”

ถ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ ไม่สามารถที่จะยืนหยัดและหันหลังกลับไปมีพฤติกรรมเดิมอีก  คนในสังคมรู้สึก “สะใจ” มากกว่าที่จะเอาใจช่วยเหลือ แต่ถ้าเด็กหน่มผู้นี้ สามารถผ่านวาระของการ “ลองของ” เขาก็จะเข้าร่วมสนับสนุน แอบอิงใช้ประโยชน์กันอย่างมากมาย  เป็นที่นิยมชมชอบ เขากลายเป็นผู้มีอิทธิพลทั้งความคิดและการกระทำแก่คนในสังคม

คนทำงานดะวะฮ์ ยังคงยืนหยัดอยู่ในสังคมมุสลิม เวลานี้เขาเหล่านั้นได้ผ่านสภาพสังคมที่ “ กดคน ลองของ และใช้ประโยชน์” ดุจดังเพชรเม็ดงามที่ได้รับการเจียระไนจากนายช่างที่เต็มไปด้วยพลังแห่งศัรธาจนส่องแสงประกายใส ยังประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ชิดใกล้อย่างแท้จริง

คนทำงานดะวะฮ์ มองเห็นว่าความคิดเป็นบ่อเกิดปัญญา  เป็นจินตนาการที่ทำให้คนเหนือกว่าสัตว์ เป็นลักษณะพิเศษที่พระเจ้ามอบให้  เป็นตัวการที่ทำให้เกิด การสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมการพัฒนา ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่บนโลกนี้อย่างต่อเนื่องยาวนานจวบจนถึงวันสิ้นโลก “ วันที่ฟ้าขาดเสายัน จนต้องตกลงมาแตกกระจาย”

       ท้องฟ้าดุจดังหลังคาคลุมโลก คนศัทรธาในพระเจ้าเป็นเสาค้ำยันฟ้า…………………………. โลกกำลังเคลื่อนย้ายไปสู่ความสังเวชใจด้วยเพราะเทคโนโลยี่ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจนคนละทิ้งศาสนาหัวใจไม่เชื่อมั่นในพระเจ้า ศาสนาเป็นเพียงประเพณี ไร้การศัรธา

       เมื่อคนไม่ศัรทธา คนก็หมดสถานะแห่งการเป็นเสาค้ำยันท้องฟ้า สู่การพินาศของโลกทั้งใบ………………….  วันสิ้นโลก
                                            ดำรัสของพระเจ้า สัจจริงเสมอ
 

คัดลอกมาเพียงบางส่วน จากหนังสือ คนขายเครา  

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ mustura^@^

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 336
  • เพศ: หญิง
  • ALLAH is the only ONE !!!
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด


อยากได้หนังสือ คนขายเครา มั่งจัง(น่าจะมีเวอร์ชั่นคนขายหนวดมั่งเน้ออ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

ออฟไลน์ a d n a n

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 698
  • เพศ: ชาย
  • "และคำพูดที่ดี เป็นซอดาเกาะฮฺ" (บุคอรียฺ , มุสลิม)
  • Respect: +13
    • ดูรายละเอียด


อยากได้หนังสือ คนขายเครา มั่งจัง(น่าจะมีเวอร์ชั่นคนขายหนวดมั่งเน้ออ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

ไม่เคยอ่านเหมือนกัน เคยเห็นปกหลายสีเลย (น่าจะออกมาหลายเล่มละ พี่น้องท่านใดมีข้อมูล เพิ่มเติมหน่อยสิ่)

ดูจากบางส่วน แว้บ ๆ จากบัง راجيس น่าอ่านแฮะ

แต่ขายหนวดนิ่ เหอะ ๆ จะขายออกป่าวนี่  loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 25, 2009, 01:34 PM โดย a d n a n »
หากมาอย่าง " ผึ้ง " ก็จะได้ ~o น้ำหวาน o~ กลับไป oOo หากมาอย่าง " แมลงวัน " ก็จะไม่ได้อะไร นอกจาก

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
วิถีคนใว้เครา

คนทำงานดะวะฮ์ สร้างพลังในการเปลี่ยนแปลงความคิดและความเชื่อ ค่านิยมเดิมของสังคมที่มีพลังและมีเสเถียรภาพจากที่ใช้มัสญิดเป็นเพียงแค่ละหมาดวันศุกร์……………………วันนี้เปิดละหมาดทุกวันทั้งวันห้าเวลา…………………จากเดิมที่ผู้ชายไม่มาละหมาด เวลานี้ผู้ชายนิยมที่จะมาละหมาดห้าเวลาพร้อมกันที่มัสญิด ………………. ผู้หญิงปล่อยผม  มาเป็นปกปิดผมพร้อมนุ่งห่มให้มิดชิด เป็นไปตามคำสั่ง……………..

มุสลิมกล้าพอที่จะแสดงตนในที่สาธารณะ ผู้ชายใว้เครายาวตามแบบอย่างท่านศาสดา เลือกอาหารที่ฮาลาล ใช้สถาบันการเงินที่ปราศจากดอกเบี้ย……………ผู้หญิงเริ่มอยู่กับบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะมีสถานภาพแห่งความเป็น” มารดาของผู้ศัรธา” ผู้ชายรับผิดชอบอาชีพหน้าที่ การงาน ดูแลรับผิดชอบครอบครัวและงานศาสนาที่ได้รับมอบหมาย

วิถีชีวิตที่เปลี่ยนเป็นเพื่อโลกหน้า สำหรับโลกนี้ “ อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงส่งมาเพื่อทดสอบก่อนกลับคืนสู่พระองค์”

คนทำงานดะวะฮ์ เป็นกลุ่มคนในสังคมมุสลิมที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางความคิด

เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงฐานความคิดของตนเอง มีความคิดในการมองโลกด้วยความศัรทธา จากใจและด้วยความเต็มใจ

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังมากกว่าการเปลี่ยนแปลงที่ใช้บีบบังคับจากภายนอก

ถ่ายทอดอิทธิพลทางคำสอน คำกล่าวเตือน และคำเชิญชวนบนพื้นฐานแห่งความรักและความปรารถนาดีไปยังผู้สนิท ชิดใกล้และขยายกว้างออกไปทั่วทุกมุมโลก

เขาเหล่านั้นคือ”นักปฎิรูปสังคม” เขามีตำแหน่งในฐานะของ “ผู้บัญชาศัรทธาชน”

คนทำงานดะวะฮ์ เป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลง โครงสร้างทางความคิดและการดำเนินชีวิตผู้คนในสังคม จากเดิมที่หลงใหลใน “ความมั่งคั่ง”มาสู่”ความพอเพียง”

คนในสังคมมุสลิมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงสู่แนวคิดนี้และมีค่านิยมที่เห็นได้อย่างเป็นรูปร่างลางๆได้ในเวลานี้………………

หลายคนเริ่มศึกษา”วิถีคนมีเครา”

คนดะวะฮ์ใช้ชีวิตแบบ”เรียบง่าย”แต่ “ไม่มักง่าย”ด้วยกับการมีชีวิตในโลกไม่มีความสำคัญเท่าชีวิตที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ “ชีวิตหลังความตาย”

ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ยอมให้ทรัพย์สินที่หามาได้หมดไปกับการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงให้เกิดความสัมพันธ์ที่แพร่กระจายออกไปอย่างมั่งคงแข็งแรง

………………เผยแผ่อิทธิพลความคิดด้วยกับความเชื่อมั่นในพระเจ้า มุ่งพัฒนาวิธีการ “รวมพลัง” สร้างอณาจักรแห่ง “ความร่วมมือร่วมใจ” พร้อมถ่ายทอดความรู้ด้านต่างๆอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้เกิดการก้าวกระโดดในเชิงคุณภาพและศักยภาพของคนในสังคมมุสลิม

นักคิดในกลุ่มสังคมคนดะวะฮ์ เป็นผู้ต้องการ การเรียน รู้ที่จะรักในการแสวงหาปัญญาด้วยตนเอง เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากปัญญา ที่ร่วมสร้างขึ้นมาจากภูมิปัญญานานาชาติ

สังคมดะวะฮ์ เป็นสังคมที่มีการสร้างปัญญา วิถีที่มีผู้นำจุดชนวน นำพาสังคมมุสลิมสู่มิติการศรัทธาอย่างแท้จริง

“ศรัทธาวิถี” เป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จที่แท้จริงทั้งโลกนี้และโลกหน้า

“ศรัทธาวิถี” ภายใต้โลกที่เชื่อมต่อกันด้วยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยี่ สามารถสร้างความอยู่รอดได้อย่างมีเสถียรภาพ มีความสุขและมีความดีงาม

ดะวะฮ์เป็นการปรับกระบวนทัศน์ใหม่ของแนวทางการพัฒนาโดยการมุ่งสร้าง”คน” สู่วิถีศรัทธา

สังคมไทยยุคข้อมูลข่าวสาร ผู้มีความรู้กลายเป็นผู้มีอำนาจเพราะใช้ปัญญาในการประยุกต์ใช้ความรู้ เมื่อปัญญาถูกควบคุมด้วยแรงศัรทธา ความรู้ที่มีก่อให้เกิดเป็นความดีงามแก่มนุษย์ชาติเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระเจ้า

คนดะวะฮ์ ดุจดังผู้นำสังคมที่เป็นผู้จุดชนวนศรัทธาวิถี โดยการฟื้นฟูอุดมการณ์อิสลามที่คนในสังคมมีความคิดร่วมกันที่จะบรรลุเป้าหมาย การคืนกลับสู่อัลลอฮ์ ตะอาลา ในแบบอย่างของท่านศาสดาสุดท้าย

คนทำงานดะวะฮ์ ดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา มีความสามารถใช้ชีวิตด้วยเหตุผลมากกว่าชีวิตเพื่อสนองตอบอารมณ์ ความรู้สึกและความต้องการของตนเอง

มีความคิดที่ถูกต้อง มีแรงผลักดันให้ทำในสิ่งที่ดีงามไม่ล่องลอยไปกับอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด

ผู้สร้างความเจริญให้แก่ชุมชนเพราะสามารถใช้ความรู้ได้ถูกที่ ถูกคน และถูกเวลา

สามารถวิเคราะห์อดีต เข้าใจปัจจุบันและคาดการณ์อนาคต มีอุดมการณ์ในการดำเนินชีวิต อุทิศตน ทรัพย์สินและเวลาเพื่อการเผยแผ่ศาสนาและถ่ายทอดอิสลามให้เกิดการยอมรับ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวางในสังคม ด้วยกับการนำความคิดเข้าสู่การปฎิบัติ เกิดขึ้นจริงเห็นเป็นรูปธรรมและบอกต่อด้วยความมั่นใจ

คนดะวะฮ์ ดำเนินชีวิตโดยใช้ศัรธาที่หยั่งรากลึกในธรรมชาติแห่งความเป็นมนุษย์ ก้าวทันการใช้ชีวิตที่ต้องสนองตอบความต้องการพื้นฐาน ทำให้ชีวิตวางอยู่บนความเป็นจริง ความเข้าใจถึงและตระหนักสำนึกแห่งความรับผิดชอบชั่วดีที่ปรากฏชัดในจิตใจ ภายใต้สภาวะโลกแห่งความเป็นจริง มีสมาธิในปัจจุบัน คลายทุกข์ในอดีตและไม่เพ้อฝันสิ่งในอนาคต

กลุ่มคนดะวะฮ์ เป็นมุสลิมในสังคมของผูใช้ปัญญา ยึดมั่นในหลัการ เคราพในกฎเกณฑ์กติกาพร้อมปฎิบัติในแต่ละขั้นตอน พิถีพิถันในรายละเอียดสู่การเป็นสังคม คนคิดเป็น ทำเป็น ประยุกต์ใช้เป็นในทุกสิ่งที่ใด้เรียนรู้ จนมองโลกที่สอดคร้องกับความจริงที่ดีงาม มุ่งมั่นปรารถนาที่จะพบตัวเอง ค้นพบชีวิต ค้นพบความหมายและสามารถยกระดับศรัทธาตลอดการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้

กลุ่มคนดะวะฮ์เป็นนัก”ปรัญญา” เต็มไปด้วย”ความรักและมีปัญญา” เป็นชาวศรัทธาในสังคมที่น่าจับตามอง

ความรักที่แสดงออกให้เห็นถึงความห่วงใย ความคิดถึงและความรู้สึกดีๆ

ชุมชนมุสลิมที่คนขาดศรัทธาในการดำเดินชีวิต จะส่งผลร้ายแรงเพราะนอกจากจะเป็นชุมชนที่ล้าหลังแล้วยังเกิดเป็นปัญหาติดตามมามากมาย ผู้คนไร้สารไม่สามารถแก้ปัญหาให้แก่ตนเอง ผู้นำศาสนานำพาให้ชุมชนเข้าสู่การล่มสลาย ผู้คนไร้ซึ่งแก่นสาร เป็นคนคิดสั้น คิดแคบและคิดร้าย มีพฤติกรรมแสดงออกต่อกันด้วยความหวาดระแวงสงสัย หยาบคายแข็งกระด้าง ไร้ปัญญาโดยสิ้นเชิง

ชุมชนมุสลิมที่มีผู้รู้ศาสนาต่อต้านงานดะวะฮ์ สภาพชุมชนจึงมีแต่ “ผู้รู้ที่แสวงหาความรู้เพื่อความรู้” เพื่อยกระดับฐานะรายได้ เกียรติยศของตน มิใช่นำความรู้ไปก่อให้เกิดการศรัทธา สร้างความเข้าใจในอิสลามอย่างแท้จริง และในชุมชนนั้นยังมีสภาพเป็นแหล่งเพาะความเสื่อมศรัทธา ซึ่งผ่านการชี้นำในทิศทางของผู้มที่” มีเพียงความรู้” นำพาให้สังคมในชุมชนเกิดสภาพความเสื่อมทางจิตใจ

ผู้รู้ที่ต่อต้านงานดะวะฮ์ จึงเป็นผู้รู้ที่ไร้ซึ่งปัญญา คับแคบในความคิด ติดยึดในกรอบคิดประเพณีเดิม แสวงหาความรู้ได้เพียงพลิกตำรา หยุดนิ่งไม่เคลื่อนใหว “เรียกหาแค่หลักฐาน”

……………………..ในขณะที่คนทำงานดะวะฮ์มุ่งมั่นสู่การปฏิบัติแสวงหาความรู้เพื่อเพิ่มพลังแห่งการศรัทธา ให้เกิดการเคลื่อนไหวสู่การเปลี่ยนแปลง หวังให้ผู้ที่กล่าวรับในคำมั่นสัญญาได้ยืนหยัดและมั่นคงแห่งความเป็น “พระเจ้า” เพียงหนึ่งเดียว

พร้อมกับเร่งฟื้นฟูแบบฉบับของท่านศาสดาสุดท้าย ที่ผู้รู้ศาสนาได้ละทิ้งและเมินเฉยต่อการปฎิบัติ อีกทั้งยังกล่าวสอนแบบ “ ไม่เต็มปาก “ อธิบายหลีกห่างจากสิ่งที่รู้มาแต่ไม่กล้าปฎิบัติ

………………………….ท่านได้แค่ยืนหยุดนิ่ง แหกปากตะโกนร้องหาหลักฐาน ในขณะที่มุสลิมจำนวนมากกำลังละทิ้งวิถีอิสลาม

โอ้!พระเจ้า ได้โปรดเหลียวมองดูพวกเขาแม้นเสี้ยวนาที

วันนี้ท่านผู้รู้ก็ยังคงหาหลักฐานของงานดะวะฮ์ ในขณะที่มุสลิมกว่าสองร้อยประเทศทั่วโลก สอดสานเครือข่ายเคลื่อนไหวกันอย่างต่อเนื่อง สร้างพลังคลื่อนศรัทธาด้วยการเดินทางออกไปเยี่ยมเยียนหาสู่กันทั่วทุกมุมโลก ………………. แต่สำหรับท่านยังคง “หยุดนิ่ง”

“น้ำนิ่งรอเน่าเหม็นสกปรก น้ำไหลสะอาดใสยังประโยชน์”

ผู้รู้ศาสนา “นำศาสนามาต่อต้านงานดะวะฮ์” นำเอาแนว” ซุนนะห์” มาบอกกล่าวให้มุสลิมที่ด้อยปัญญาปฎิบัติ “แบบดูแคลน”

นำเอาซุนนะห์มาบอกเพียงให้ระลึกถึงท่านนบี แต่มิได้เน้นให้ปฏิบัติตาม ผู้รู้เหล่านี้จึงเลือกปฏิบัติ ซึ่งในขณะที่กลุ่มคนทำงานดะวะฮ์ พยายามฟื้นฟู ซุนนะห์ ระลึกนบีโดยมุ่งปฏิบัติตาม

ผู้รู้ศาสนาจึงเป็นผู้ที่สังคมให้สมญานามว่า “ ผู้ศรัทธาตามตำรา”

สังคมดะวะฮ์ เป็นสังคมแห่งผู้ใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต ผู้ที่ทำงานดะวะฮ์มีควมเป็น “ปราชญ์” ในระดับความลึกไม่เท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับการก้าวลึกลงไปแสวงหาทางนำอย่างสม่ำเสมอโดยใช้เวลามาเป็นตัวชี้วัดที่เป็น 3วัน 40 วัน หรือ 4 เดือน
รวมถึงการให้เวลากับมัสญิด การออกไปเยี่ยมเยียนผู้คนในชุมชน การเข้าร่วมประชุมประจำวัน ประจำสัปดาห์ และการสนองตอบความเป็นในงานที่ได้รับมอบหมายจากการตัดสินในที่ประชุม

คนดะวะฮ์ จึงเป็น “ปราชญ์ “ ที่ไม่มีวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดพักผ่อนประจำปี มีความอดทนในทุกสภาพแห่งกาลเวลา กล้าที่จะเดินก้าวผ่านประตูแห่งความเหนื่อยยาก  ทำงานด้วยพลังอันบริสุทธิ์  ต้องการเพียงความอิสระ ความสงบ ชีวิตที่มีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และแบ่งปันกัน เวลากลางวันเร่งรีบเข้าหามนุษย์ แต่พอยามดึกนั่งสงบนิ่งร้องให้ขอต่อ อัลลอฮ์ ตะอาลา

ปราชญ์ เหล่านี้เป็นเพียงลูกชาวบ้านธรรมดา ที่ขวนขวายหาความรู้ความเข้าใจอิสลาม จนเป็นได้ทั้ง “นักคิด” และเป็น” มันสมอง”ให้แก่สังคม

ผู้ที่อยู่ในสังคมดะวะฮ์ จะเป็นผู้ที่รักในการแสวงหาความรู้และแสวงหาปัญญามากกว่าการใช้เวลาให้หมดไปกับสิ่งไร้สาระ ที่ออกมาในรูปของการดูหนัง ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ เดินเล่นในห้างสรรพสินค้า งานรื่นเริงพบปะสังสรรค์ที่อยู่นอกกรอบวิถี ภารกิจส่วนใหญ่ได้ถูกทดแทน ด้วยการนั่งตรึกตรอง กำหนดเป้าหมาย แผนการเพื่อปฏิบัติแก่มนุษย์ชาติทั้งสิ้น
 
  คัดลอกมาเพียงบางส่วน จากหนังสือ คนขายเครา  

little cat

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะเคยเห็น ที่ศูนย์กลาง นะคะ(มั้ง)  :ameen:

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด


“น้ำนิ่งรอเน่าเหม็นสกปรก น้ำไหลสะอาดใสยังประโยชน์”


 myGreat:


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เคยไปออกดะวะฮฺกับคนเขียนหนังสือคนขายเครา

ที่จำได้เขาคิดมัตดีมากๆ ตอนเขาเป็นตออาม

จากอดีตนายธนาคารสู่รากหญ้า ลุยฝน แบกหม้อ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
การตัซกิยะฮฺให้จิดใจบริสุทธ์

ก็วิธีนี้แหละ ที่ผมรึสึกว่ามันได้เร็ว และสนุกกับมันด้วย 
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
123
« ตอบกลับ #179 เมื่อ: พ.ย. 26, 2009, 02:13 AM »
0
ดะวัฮแต่ละคน ลองย้อนกลับไปดูอาชีพสิ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาทำงานขนาดนั้นแล้วมาทำงานดะวัฮ เป็นครูใหญ่ อาจารย์ ทนาย เจ้าของโรงเรียน นักธุรกิจ ฯลฯ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged