ผู้เขียน หัวข้อ: การอบรมเลี้ยงดูบุตรของเหล่าศอฮาบะฮและสลัฟ  (อ่าน 2902 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ummun

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *****
  • กระทู้: 16
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด


เสนอว่า อยากให้มาช่วยกันนำเสนอเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกของท่านนบี เหล่าศอฮาบะฮทั้งชายและหญิง และบรรดาสลัฟ กัน คิดว่า น่าจะมีประโยชน์มากทีเดียว อินชาอัลลอฮ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ที่รู้ๆ คงไม่มีให้กินนมผงแน่
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
salam





และเมื่อลุกมานได้กล่าวแก่บุตรชายของตนขณะทำการอบรมว่า  "โอ้ลูกรักของฉัน เธออย่าตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้น เป็นความอธรรมอันใหญ่หลวงยิ่ง"  (ซูเราะฮ์ลุกมาน : 13)  


ได้บันทึกคำบอกเล่าว่าอับดุลลอฮฺได้เล่าว่า : เมื่ออายะฮฺที่ว่า บรรดาผู้ศรัทธาโดยที่มิได้ให้ความศรัทธาของพวกเขาปะปนกับการอธรรม (นำสิ่งอื่นมาเคารพควบคู่กับอัลลอฮฺ) ได้ถูกประทานมา เราได้กล่าวว่า “ท่านรอซูล ซ็อลลัลลอฮ์อะลัยฮิวัสซัลลัม ใครในหมู่เราที่ไม่อธรรมต่อตัวเอง?” ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวว่า “ไม่ใช่อย่างที่ท่านพูด เพราะคำว่าอธรรมในอายะฮฺนี้ และประโยคที่ว่า ‘มิได้ให้ความศรัทธาของพวกเขาปะปนกับการอธรรม’ นั้นหมายถึงการตั้งภาคี (ชิริก) ท่านไม่ได้ยินคำพูดของลุกมานที่กล่าวกับลูกชายของเขาหรือว่า "โอ้ลูกรักของฉัน เธออย่าตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้น เป็นความอธรรมอันใหญ่หลวงยิ่ง"  รายงานโดยบุคอรี




หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ก็ทรงแจ้งให้ทราบถึงคำแนะนำของพระองค์ที่มีต่อมนุษยชาติ ให้ดูแลพ่อแม่ของเขา พระองค์กล่าวถึงสิทธิของพ่อแม่ที่มีต่อลูก และสั่งให้เอ็นดูต่อท่านทั้งสอง ถึงแม้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นผู้เคารพบูชาเทวรูปก็ตาม หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ก็กลับมายังคำแนะนำของลุกมานที่มีต่อลูกชายของท่านว่า ลูกเอ๋ย ถึงแม้สิ่งหนึ่งจะหนักเท่ากับเมล็ดผักเมล็ดหนึ่ง และถูกซ่อนไว้ในหินหรือในชั้นฟ้าและในแผ่นดิน อัลลอฮฺ ก็จะทรงนำมันออกมา อัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่ละเอียดอ่อน และทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง กล่าวคือ เขาห้ามลูกสร้างความอธรรมต่อผู้คน แม้แต่ในเรื่องเล็กน้อย เพราะอัลลอฮฺจะต้องนำเขาไปสอบสวน อัลลอฮฺ ทรงกล่าวไว้อีกเช่นกันว่า “แท้จริง อัลลอฮฺ ไม่ทรงอธรรมต่อผู้ใดแม้แต่เพียงนิดเดียว และถ้าหากใครทำดี พระองค์จะทรงเพิ่มพูมมันเป็นทวีคูณ และจะประทานรางวัลอันใหญ่หลวงจากพระองค์” และ “อัลลอฮฺ จะตั้งตราชูที่เที่ยงธรรม สำหรับวันกิยามะฮฺ ดังนั้น จะไม่มีชีวิตใดถูกอธรรมแต่อย่างใด และแม้ว่า มันเป็นเพียงน้ำหนักเท่าเมล็ดผักกาด อัลลอฮฺ ก็จะนำมาแสดงและเป็นการเพียงพอแล้ว สำหรับอัลลอฮฺ ที่จะเป็นผู้ชำระ”



อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า “และจงอย่าพูดกับผู้คนโดยหันหน้าออกไปจากเขาอย่างยโส และจงอย่าเดินบนแผ่นดินอย่างทะนงตน เพราะอัลลอฮฺ ไม่ทรงรักผู้โอหัง และผู้คุยโวทุกคน ตรงนี้บ่งบอกถึงมารยาทอันดีงานในการสื่อสาร ผู้พูดก็ควรหันหน้าไปยังผู้ฟัง และผู้ฟังก็ควรหันหน้าไปยังผู้พูด หรืออีกนัยหนึ่งคือการหันหน้าเข้าหากัน เพราะการเมินหน้าหรือแสดงท่าทางไม่สนใจ โดยไม่ตั้งใจเพียงนิดเดียวก็ทำให้ผู้พูดถอดใจที่จะพูดต่อไป และทำให้เกิดความระหองระแหงขึ้นได้


ลุกมานได้ห้ามลูกชายของเขาเดินวางท่ายโส นอกจากนี้แล้ว อัลลอฮฺ ทรงกล่าวอีกว่า “จงอย่าเดินวางท่าผยองในแผ่นดินเพราะสูเจ้าไม่สามารถที่จะแยกแผ่นดิน และขึ้นสูงถึงภูเขาได้เลย นั่นคือเจ้าไม่มีทางจะย่ำโลกได้ทั้งหมด และไม่สามารถเดินแทรกเข้าไปในแผ่นดิน และการยโสโอหังของเจ้าก็จะไม่ทำให้เจ้าสูงเหมือนภูเขา ดังนั้น จงรู้จักตัวเองให้ดีเพราะเจ้าก็เป็นแค่เพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกสร้างมาเพื่อเคารพรักอัลลอฮฺ เท่านั้น”

ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮ์อะลัยฮิวัสซัลลัม กล่าวว่า “ในขณะที่คนผู้หนึ่งเดินลากชายเสื้อของเขาด้วยความทะนงนั้น เขาได้เป็นสาเหตุให้ถูกแผ่นดินกลืน และจะจมลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันแห่งการฟื้นคืนชีพ”

“จงระวังการลากชายเสื้อด้วยความทะนง เพราะนี้คือการโอ้อวด ซึ่งไม่เป็นที่รักของอัลลอฮฺ”
อัลลอฮฺ ไม่ทรงรักผู้โอหัง และผู้คุยโวโอ้อวด”  รายงานโดยบุคอรี




หลังจากลุกมานได้ห้ามลูกชายของเขาไม่ให้เดินอย่างยโสโอหังแล้ว เขาก็สั่งลูกให้เดินอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน โดยกล่าวว่า “และจงสงบเสงี่ยมในท่าทางของเจ้า” นั่นคือ จงอย่าเดินเร็วหรือช้าจนเกินไป

อ้างอิง :  อัลกุรอานแปลไทยโดยอ.มัรวาน สะมะอุน

ออฟไลน์ เหรียญ 2 ด้าน

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 753
  • เพศ: ชาย
  • เรียบง่าย แต่ไร้เทียมทาน (จิงๆๆ)
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • กัมปงดูกู
เป็นตัวอย่างที่ควรทำตามอย่างยิ่ง
ชื่อที่เคยใช้ในบอร์ดคือ ahmdduku, الدوكوي, เหรียญ 2 ด้าน

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
salam


“จงระวังการลากชายเสื้อด้วยความทะนง เพราะนี้คือการโอ้อวด
ซึ่งไม่เป็นที่รักของอัลลอฮฺ”

อัลลอฮฺ ไม่ทรงรักผู้โอหัง และผู้คุยโวโอ้อวด”  รายงานโดยบุคอรี[/size]


อ่านตรงประโยคที่ว่า การลากเสื้อ...ทำให้นึกถึงคำสอน
ของพ่อกับแม่เมื่อตอนเด็กๆค่ะ...

เมื่อก่อนเวลาจะนุ่งผ้าถุงมักจะโดนตำหนิบ่อยค่ะ...
เวลานุ่งสั้นเลยหัวเข่าไปนิดก็โดนดุ
พอนุ่งยาวจนผ้าลากกับพื้น ก็โดนดุ
กว่าจะถูกใจพ่อกับแม่นี่เกือบได้หันไปนุ่งอย่างอื่นแทนแล้วค่ะตอนนั้น...เหอๆ...

พ่อมักบอกว่านุ่งให้มันพอดี
แค่ระดับตาตุ่มก็พอแล้ว สั้นไปก็ไม่ดี ยาวไปก็เกินไป
พอข้าน้อยกับพี่สาวออกความเห็นว่า นุ่งสั้นมันไม่ดีพอจะเข้าใจ
แต่ว่านุ่งยาวให้คลุมเท้านี่มันไม่ดีตรงไหนกัน...
แม่ก็เลยเสริม(ร้องรับต่อจากพ่อเหมือนจะซ้ำเรา)ว่า
นุ่งยาว ลากดินอย่างนี้ เวลาเดินไปไหน
อะไรๆสกปรกบนพื้นเราก็จะลากมันไปด้วย
ริมผ้าก็จะเปื่อยง่าย เดี่ยวต้องซื้อใหม่ให้อีกนั้น มันเปลืองรู้ไหมลูก...

ซึ่งมันก็จริงอย่างแม่ว่าเสียด้วยค่ะ...ริมผ้าจะเปื่อยเร็วหากเรานุ่งลากพื้น


  boulay:

เกือบยี่สิบปีได้แล้วค่ะสำหรับคำพูดนั้น...
แต่แปลกที่คำบางคำ น้ำเสียง ท่าทาง
และแววตาของพ่อแม่ยังก้องและติดตาเวลาสอนเราอยู่เลย...
สงสัยตอนเด็กๆคงจะช่างจำ ไม่เหมือนตอนนี้เลยค่ะ...
อ่านแล้วเดี๋ยวก็ลืม ต้องอ่านใหม่อีก...
ฟังแล้วเดี๋ยวก็ลืมต้องถามใหม่หล่าว... hehe

แม้จะมิใช่คนดีนัก แต่ก็กำลังพยายามอยากเป็นคนดีของพ่อกับแม่
และของอัลลอฮฺตาอาลาค่ะ...


วัสลามุอะลัยกุมค่ะ



"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


แม้จะมิใช่คนดีนัก แต่ก็กำลังพยายามอยากเป็นคนดีของพ่อกับแม่
และของอัลลอฮฺตาอาลาค่ะ...



رضى الرب في رضى الوالدين وسخطه في سخطهما

ความพึงพอพระทัยขององค์อภิบาลนั้น ขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ให้กำเนิด ความกริ้วโกรธขององค์อภิบาลก็ขึ้นกับความกริ้วโกรธของท่านทั้งสอง

ทำความดีกับพ่อ-แม่เถิดครับ ได้ประโยชน์ 2 ต่อ พ่อแม่พึงพอใจ อัลลอฮฺก็ทรงพอพระทัยด้วย

والسلام عليكم

 

GoogleTagged