salam

เพื่อนเล่าว่า ไปกิน "ไข่ดำ" ซึ่งอยู่บนภูเขานั่น
เค้าเล่าว่ากินแล้วจะอายุยืน อีก 7 ปี (อันนี้เพื่อนต่างศาสนิกบอกนะคะ
) สงสัยจะเป็นของดำ 7 อย่าง 
พอลองกินดู ก็เหมือนไข่ต้มธรรมดา แต่ตลกดี 
เพราะเอาไข่ ไปต้มในน้ำที่เขานี้ ไข่จะเป็นสีดำ
อาจจะเป็นเพราะแร่ธาตุบางชนิดที่ไหลมาจาก ภูเขาไฟฟูจิ
อันนี้ต้องให้ คุณ nada-yuru มาเฉลยซะแล้ว
วะอะลัยกุมมุสลามค่ะ
"ไข่ดำ"ที่ก๊ะอัลฟิรเดาส์เอ่ยถึง คือไข่ดำจาก "หุบเขานรก"
หรือ "หุบเขาโอวาคุดานิ" ใช่มั้ยคะ

มันเป็นไข่ดำที่เขาต้มในบ่อแร่กำมะถันค่ะ...
บ่อจะมีลักษณะเป็นโคลนสีดำๆ มีควันสีขาวๆพวยพุ่ง กลิ่นเหม็น
ไม่ต้องเดินไปที่บ่อ แค่เข้าใกล้เขตของอุทยานฮาโกเน่(Hakone)
ก็สัมผัสถึงกลิ่นแก๊สไข่เน่า(เกิดจากไอกำมะถันสาว่า)ได้แล้วค่ะ...
ข้าน้อยเองตอนไปปีนฟูจิเมื่อห้าปีที่แล้ว(นานพอที่จะลืมได้บ้างนิดหน่อยค่ะ

)
หลังจากปีนฟูจิเสร็จ เขามีโปรแกรมไปล่องเรือโจรสลัดที่ทะเลสาปอาชิ
ซึ่งก็อยู่ที่ฮาโกเน่เช่นกันค่ะ...
และที่นั่นก็จะมีหุบเขานรกที่ว่าด้วย ต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไป
หรือจะเป็นรถโค้ชก็ได้ค่ะ ขึ้นไปถึงก็ปีนไปอีกหน่อย
ก็จะถึงบ่อต้มไข่ ซึ่งมันจะดำแค่เปลือกค่ะ ดำเพราะแร่กำมะถันอย่่างเข้ม
ตัวข้าน้อยไม่ได้ขึ้นไปค่ะ แค่ไปล่องเรือยังอด เพราะดวงไม่ดี
ไต้ฝุ่นเข้าวันนั้นพอดี(วันที่พิชิตยอดฟูจิลงมาน่ะค่ะ)...
โปรแกรมที่เขาวางไว้เลยต้องยกเลิกหมด
ขากลับจากฟูจิเลยได้ไปเที่ยวฮาโกเนะตรงด้านล่่างเฉยๆค่ะ
(จำได้แม่นว่าวันนั้นฝนตกหนักมากค่ะ
แต่ก็ไม่ทำให้ใครบางคนหยุดเดินเที่ยวได้)
ซึ่งด้านล่างก็มีขายไข่ดำค่ะ...ซึ่งจริงๆมันก็คือไข่ต้มดีๆนี่เอง...
ดำแต่เปลือกค่ะ แต่ข้างในไม่ดำ และยังคงรสชาติเดิมๆของไข่เอาไว้

อีกอย่าง เขาก็ไม่ให้เราเอาไข่ไปต้มเองในบ่อด้วยค่ะ...
(คนพาเที่ยวเขาบรรยายให้เราเสียดายเล่นค่ะ)
ตอนนั้นก็เสียดายเหมือนกันค่ะที่ไม่ได้ขึ้นไปดูให้เห็นกับลูกกะตา
แต่ถึงไต้ฝุ่นไม่เข้า ก็คิดว่าไม่มีแรงปีนหุบเขานั้นได้อย่างแน่นอนค่ะ
เพราะฟูจิทำเอาแรงที่มีหมดไปแล้วน่ะค่ะ...

เสียดายก็แต่เรือโจรสลัดนี่แหล่ะค่ะที่ไม่ได้ขึ้นไปดู
ไม่ได้ล่องทะเลสาปอาชิ เพราะว่ามันสวยค่ะ(ทั้งเรือทั้งวิวรอบๆทะเลสาป)...
ดูจากโฆษณามาค่ะ เลยลงสมัครทริปนั้น เสียเงินเปล่าเลย...

แต่ก็อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...ได้ปีนฟูจิสำเร็จไปหนึ่ง ไข่ดำก็ได้ลองกินแล้ว...
ตอนนั้นไม่รู้หรอกค่ะว่่าไอ้เจ้าไข่ดำมันมีความเป็นมายังไง
ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ เห็นมันดำๆ เขาว่ากินได้
เราก็เห็นว่าเป็นไข่ ฮาลาลเห็นๆ เลยลองชิมดู...ก็ไข่ต้มนี่หว่า เหอๆ
มารู้เอาตอนที่กลับมาค่ะ อาจารย์บรรยายให้ฟัง...
มีตำนานด้วยนะคะ...ตอนแรกว่าจะนั่งแปลให้ดูเป็นทางการหน่อย
แต่ไปจ๊ะเอ๋ที่เขาแปลไทยให้แล้ว เสร็จนาดาโยรุ อิอิ
ตำนานของไข่ดำแห่งหุบเขานรก(หุบเขาโอวาคุดานิ)มีอยู่ว่่า....
"ในสมัยญี่ปุ่นโบราณ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายชราี่ซึ่งกำลังป่วย
จนหมอประจำหมู่บ้าน บอกว่า ไม่มีทางรักษาหายได้แล้ว
คงต้องตายในเร็ววัน ด้วยความกตัญญููของลูกชาย
จึงได้พยายามถามหายาวิเศษเพื่อมารักษาพ่อ
มีคนบอกว่า ให้ขึ้นไปที่หุบเขา โอวาคุดานิเพื่อหายาวิเศษ
ชายผู้กตััญญูไม่รอช้า ดั้นด้นเดินทางมาด้วยความยากลำบาก
เมื่อถึงบ่อน้ำแร่ ได้พบชายชราผู้หนึ่ง กำลังนั่งทำอะไรเพลินๆอยู่
จึงร้องทักออกไปด้วยเสียงอันดัง ชายชราก็ตกใจทำของหล่นไปในบ่อ
ชายผู้กตัญญูก็ถามว่า มียาวิเศษอะไรไปช่วยพ่อหรือไม่
ชายชราฟังไม่เข้าใจ และคงโมโห ชี้ลงไปในบ่อ
เหมือนจะบอกว่าทำเขาตกใจจนของตกลงไป แล้วก็ เดินจากไป ...
ชายหนุ่ม เข้าใจว่า ชายชราชี้ว่ามีของวิเศษอยู่ในบ่อนั้น
จึงรีบงมของจากในบ่อขึ้นมา พบไข่เปลือกเป็นสีดำ
ดีใจว่า นี่คือ ไข่วิเศษ อย่างแน่แท้
จึงนำกลับมาให้พ่อของตนกิน
หลังจากกินไข่ดำแล้ว ชายชราผู้เป็นพ่อก็มีอายุยืนยาวต่อมาได้ อีก 7 ปี
จึงเป็นที่มาของความเชื่อของเขาค่ะ...
ตำนานไข่ดำ ที่เขาว่่ากิน 1 ฟอง อายุยืนอีก 7 ปีมันเป็นดังฉะนี้แลค่ะ

ปล.ไม่รู้ว่าปัจจุบันเขาขายยังไง แต่เมื่อก่อน ถุงนึงจะมี 6 ฟอง
ราคาถุงละ 500 เยน(สาว่่า) หรือ ประมาณ 170 บาทไทย
ไข่ปกติไม่แพงหรอกค่ะ แต่ไข่ดำ มันหายาก ก็เลยแพงค่ะ อิอิ...
อีกอย่างที่นั่นไม่ได้ขายแต่ไข่ดำ แต่มีแชมพูดำ สบู่ดำ โฟมล้างหน้าดำ
แม้แต่คิตตี้ก็ดำค่ะ อะไรๆก็ดำค่ะ แต่คนไปไม่ดำ 555555
ปล.2 ชอบสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองฮาโกเน่
เพราะนอกจากผลิตภัณฑ์ดำๆแล้ว สัญลักษณ์ของเมืองจะเป็นสีม่วงค่ะ
ป้ายอะไรก็สีม่วง โน่นนี่ก็สีม่วงค่ะ ใครไปที่นั่นเมื่อเห็นสีม่วงๆ
ก็จะรู้ได้เลยว่าถึงเขตแดนฮาโกเน่แว้ววววววววว...
เหมือนเมื่อก่อนเวลาได้กลิ่นขี้หมู เราจะรู้ทันทีว่า ที่นี่ นครปฐม อิอิ

ขออภัยในฟาร์มยาวค่ะ เล่าอะไรได้สั้นๆมันไม่ใช่ตัวจริงของ...
nada-yoru หรือโด่โด่ค่ะ 55555
วัสลามค่ะ