ผู้เขียน หัวข้อ: คุฏบะฮฺมัสยิดฮารูณ วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2552  (อ่าน 1573 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพ

   
สติปัญญาเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจากบรรดาความดีทั้งหลายที่อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาประทานมาให้ สติปัญญา

ที่ได้รับการศึกษาและพัฒนาแล้ว จะสามารถแยกแยะว่าสิ่งไหนดีและสิ่งไหนไม่ดี สิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนควรงดเว้น

จึงจะเรียกว่าสติปัญญานั้นได้รับแสงสว่างทางนำจากอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาแล้ว แล้วต่อจากนั้นไปก็จะพัฒนาขึ้นไป

สู่การเห็นว่าทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งธรรมดา ไม่ตื่นเต้นกับโชคลาภ และไม่เสียใจกับการสูญเสีย หมดความโลภหลง

ในดุนยา และยึดเอาอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาเป็นที่พึ่ง และพอใจกับการมีชีวิตอยู่เพื่ออัลลอฮฺและตายเพื่ออัลลอฮฺ นั่นแปลว่า

สติปัญญาได้พาตัวเองไปสู่ชีวิตที่สุขสันติแล้ว ชีวิตอย่างนี้เป็นชีวิตที่ได้กำไรที่สุด

   แต่การก้าวไปสู่ระดับความบริสุทธิ์ของชีวิตเช่นว่านั้น มันเริ่มยากตั้งแต่ขั้นต้นแล้ว คือขั้นปรับระดับสติปัญญา ให้มองเห็น

ผิดเป็นผิดและถูกเป็นถูก ตราบใดที่ยังมีความรัก โลภและหลงใหลในโลกวัตถุอย่างมากมาย โดยไม่ยอมลดความหลงใหล

ในดุนยา ไปสู่การละหมาด การถือศีลอด การยอมตนเพื่อผจญกับความยากลำบากในขณะประกอบพิธีหัจญ์ การทำทาน

การมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น และการระลึกถึงบุญคุณของอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา และในเวลาเดียวกันก็หลีกเลี่ยง

การนินทา การให้ร้ายป้ายสีคน การทำลายคนอื่นเพื่อหวังประโยชน์ และหลีกเลี่ยงความมัวหมองทั้งหมด สรุปสั้น ๆ ว่า

ต้องทำดีทุกอย่าง ตามที่อัลลอฮฺกำหนด และหนีความชั่วทุกชนิดที่อัลลอฮฺบัญชา ถึงจะเรียกว่า เป็นผู้มี ตักวา (คือการเกรงกลัวอัลลอฮฺ)

และหลังจากมีตักวาสมบูรณ์แล้วเท่านั้น อัลลอฮฺจึงจะประทานแสงสว่างให้จำแนกได้ว่า สิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด ดังหลักฐานที่พระองค์ทรงประทานไว้ว่า



สูเราะฮฺ อัล-อันฟาล 8:29

"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากพวกเจ้ายำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงให้มีแก่พวกเจ้า ซึ่งสิ่งจำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ

และจะทรงลบล้างความผิดของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้า และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าด้วย และอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงมีบุญคุณอันใหญ่หลวง"


จากอายะฮฺดังกล่าวทำให้เข้าใจได้ว่า ผู้ศรัทธาจะต้องศรัทธาและเกรงกลัวไปพร้อม ๆ กัน กล่าวคือ ต้องไม่ละเมิดด้วย ไม่ใช่ศรัทธาแล้ว

แต่ยังละเมิดอยู่ ต้องเป็นผู้ศรัทธาที่ไม่ละเมิดบัญญัติของอัลลอฮฺเท่านั้น จึงจะมีความรู้เข้าขั้นระดับปัญญาชน ดังนั้น ผู้รู้จึงไม่ใช่

ผู้อ่านมากหรือเรียนมากเท่านั้น แต่ผู้รู้จะต้องเกิดความเกรงกลัวอัลลอฮฺในทุก ๆ เรื่องด้วย เป็นสติปัญญาที่อยู่ภายใต้การนำพาของอัลลอฮฺ

เมื่อพระองค์ทรงนำแล้ว ผู้นั้นจะไม่นินทาคนอื่น และจะเป็นผู้มีพฤติกรรมที่น่าเคารพในสายตาของสาธุชนทั่วไป คนอย่างนี้ถึงจะเข้าขั้นปัญญาชนที่น่านับถือ

ท่านพี่น้องมุสลิมที่เคารพ การประพฤติตนผิดต่อคำสั่งของอัลลอฮฺนั้นเป็นเหตุให้เกิดความมืดมิดในจิตใจ เป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ

และความวิบัตินานาชนิด ที่ลูกหลานของเราจะต้องประสบ ดังที่อัลลอฮฺทรงเตือนไว้แล้วว่า



สูเราะฮฺอัรฺ-รูม 30:41

"การบ่อนทำลายได้เกิดขึ้นทั้งทางบกและทางน้ำเนื่องจากสิ่งที่มือของมนุษย์ได้ขวนขวายไว้เพื่อที่พระองค์จะให้พวกเขาลิ้มรสบางส่วน

ที่พวกเขาประกอบไว้ โดยที่หวังจะให้พวกเขากลับเนื้อกลับตัว"


หลักฐานนี้ก็พิสูจน์แจ้งแล้วว่า เนื่องจากความอวิชาของมนุษย์ จึงก่อให้เกิดอากาศเป็นพิษ แผ่นดินเสียหาย น้ำท่วมหรือแห้งแล้ง

และน้ำเน่าเสียนี้ เกิดจากมนุษย์ที่ปราศจากทางนำ และการกระทำที่ปราศจากทางนำนี้ ก็จะนำสังคมไปสู่ความเสียหาย

เกิดความอธรรม เกิดการกดขี่ข่มเหง การเอารัดเอาเปรียบสารพัดนั้น เกิดจากการกระทำของผู้ขาดทางนำทั้งสิ้น และการขาดทางนำ

จากอัลลอฮฺ ก็เป็นผลมาจากการประพฤติผิดคำบัญชาของพระองค์ในข้อใดข้อหนึ่งเป็นแน่ ดังข้อกำหนดของอัลลอฮฺที่ว่า



สูเราะฮฺ อัรฺ-รูม 30:29

"เปล่าเลย แต่ว่าบรรดาผู้อธรรมได้ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาโดยปราศจากความรู้ แล้วผู้ใดเล่าจะแนะแนวทาง

แก่ผู้ที่อัลลอฮฺทรงปล่อยให้เขาหลงทางไปแล้ว และสำหรับพวกเขาจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ"


ความผิดที่มนุษย์ประพฤติกันอยู่ โดยไม่ยอมละเว้นนั้นเป็นเหตุให้เกิดความหายนะนานับประการ และจะยิ่งทวีความรุนแรง

ขึ้นไปเรื่อย ๆ หากมนุษย์ไม่ยอมยุติความชั่วลง กี่ครั้งแล้วในอดีตที่อัลลอฮฺลงโทษมนุษย์แบบชนิดล้างแผ่นดิน ในสมัยนบีนุฮฺ

อะไรเล่าเป็นเหตุให้อัลลอฮฺทรงบันดาลให้น้ำท่วม ในสมัยของประชากรของอ๊าด ก็เกิดพายุพัดกระหน่ำบ้านเมืองจนจมดิน

อีกทั้งความหายนะที่เกิดกับพวกซะมู๊ดและความหายนะในสมัยลูต  ความหายนะของฟิรฺอูน ทรัพย์สมบัติของกอรูนสูญหาย

ภายใต้แผ่นดิน ความตกต่ำของบนีอิสรออีลภายใต้การกดขี่ข่มเหงที่เหี้ยมโหด ทั้งหมดก็เนื่องจากความผิดของพวกเขาเหล่านั้น

นั่นเอง จนกระทั่งความเดือดร้อนของมนุษย์ในปัจจุบัน รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บ และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ก็เนื่องจาก

มือของมนุษย์ผู้อธรรมและปราศจากความรู้เป็นผู้สร้างขึ้น ด้วยเพราะขาดทางนำ และขาดแสงสว่างในจิตใจ อันเนื่องจาก

ความคิดที่ทำเป้นประจำ จนเกิดโลภหลง เกิดความอยากที่วิตถารกลายมาเป็นโรคเอดส์ และโรคร้ายต่าง ๆ นานา ซึ่งสมัย

ก่อนไม่เคยได้ยิน และการลงโทษทางเศรษฐกิจ ก็เนื่องมาจากความอธรรมของมนูาย์นั่นเอง

จึงสมควรอย่างยิ่งที่มุมินจะต้องเริ่มสร้างสังคมตัวอย่างขึ้นมาได้แล้ว โดยเริ่มต้นจากครอบครัวของแต่ละคน

สู่ระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับประเทศและทั่วโลก แล้วทุกอย่างก็จะคืนสู่สภาพสันติสุขสืบไป (อินชาอัลลอฮฺ)



(คัดลอกจากเอกสารเผยแพร่ของมัสยิดฮารูณ โดย Bangmud เมื่อ 13 ธ.ค. 2552)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 13, 2009, 10:14 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
0


และหลังจากมีตักวาสมบูรณ์แล้วเท่านั้น อัลลอฮฺจึงจะประทานแสงสว่างให้จำแนกได้ว่า สิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด ดังหลักฐานที่พระองค์ทรงประทานไว้ว่า


สูเราะฮฺ อัล-อันฟาล 8:29

[/center]




อายะฮฺข้างต้น

ความว่า

“บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย !
หากพวกเจ้ายำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงให้มีแก่พวกเจ้า
ซึ่งสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงและความ(*1*)เท็จ
และจะทรงลบล้างบรรดาความผิดของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้า
และจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าด้วย
และอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงมีบุญคุณอันใหญ่หลวง”


(1)  หมายถึงให้มีพิจารณญาณ
ซึ่งสามารถที่จะจำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จได้
แล้วก็ปฏิบัติตนโดยถูกต้องไม่สับสนและมืดมน



ญะซากัลลอฮุคอยรอนค่ะแช

จะพยายามขัดเกลาทั้งกาย วาจา และใจ ให้สะอาดเรื่อยๆค่ะ
อินชาอัลลอฮฺ


ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนแช

วัสลามค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 13, 2009, 10:34 AM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged