ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 45 สูเราะฮฺ อัล-ญาษิยะฮฺ  (อ่าน 2603 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัล-ญาษิยะฮฺ - (الجاثية) - ผู้คุกเข่า

เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 37 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อัลญาซิยะฮฺ (R4.)
   ซูเราะฮฺญาซิยะฮฺ เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ประมวลไว้ด้วยเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับหลักการอิสลามในวงกรอบที่กว้าง ๆ คือ การศรัทธาต่ออัลลอฮฺตะอาลา และความเป็นเอกภาพของพระองค์ การศรัทธาต่ออัลกุรอาน การเป็นนะบีของมุฮัมมัด การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ การฟื้นคืนชีพและการตอบแทน เกือบจะกล่าวได้ว่าจุดสำคัญของซ฿เราะฮฺ คือการแสดงออกซึ่งหลักฐานและข้อพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ถึงความเป็นเอกภาพของพระเจ้าแห่งสากลโลก
   ซูเราะฮฺได้เริ่มด้วยการกล่าวถึงอัลกุรอานและแหล่งที่มาของอัลกุรอาน คือ อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจในอาณาจักรของพระองค์ ผู้ทรงปรีชาญาณในการสร้างของพระองค์ ซึ่งทรงประทานคัมภีร์อันทรงเกียรติของพระองค์ลงมาเพื่อเป็นความเมตตา ต่อปวงบ่าวของพระองค์ และเพื่อเป็นประทีปโคมไฟส่องทางแห่งความสันติสุขและความดีให้แก่มนุษยชาติ
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงสัญญาณทั้งหลายแห่งจักรวาล ซึ่งเรียงรายอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ เช่นในชั้นฟ้าทั้งหลายอันสวยงามก็มีสัญญาณ ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่ก็มีสัญญาณในการสร้าง มนุษย์ ปศุสัตว์และมัคลู๊กทั้งหลายก็มีสัญญาณ ในการสับเปลี่ยนเวลากลางคืนและเวลากลางวันก้มีสัญญาณ ในการให้ลมพัดและฝนตกลงมาก็มีสัญญาณ ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺตะอาลา เดชานุภาพของพระองค์ และความเป็นเอกภาพของพระองค์ แล้วซูเราะฮฺได้กล่าวถึงพวกปฏิเสธศรัทธาต่ออัลกุรอานซึ่งพวกเขาได้ฟังอายาตอันกระจ่างแจ้งของพระองค์  ก็มิได้เพิ่มอันใดให้พวกเขานอกจากความหยิ่งยโสและการฝ่าฝืน ทรยศ ซูเราะฮฺได้เตือนพวกเขาถึงการลงโทษอันเจ็บปวดในก้นบึ้งของนรกญะฮันนัม
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงความโปรดปรานอันมหาศาลของอัลลอฮฺต่อปวงบ่าวของพระองค์ เพื่อที่จะให้พวกเขาขอบคุณพระองค์ และใคร่ครวญถึงบุญคุณของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงประทานให้แก่พวกเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็รู้ดีว่า อัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้นคือที่มาแห่งความโปรดปรานทั้งหลายนี้ คือทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ทั้งแจ้งและลับ และไม่มีผู้สร้างและผู้ประทานปัจจัยยังชีพอื่นใด นอกจากอัลลอฮฺ
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงการที่อัลลอฮฺตะอาลาทรงยกย่องให้เกียรติแก่บะนีอิสรออีลอย่างมากมาย แต่พวกเขาได้ตอบรับความโปรดปรานและความดีต่าง ๆ ของพระองค์ด้วยการดื้อรั้นและฝ่าฝืน ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงท่าทีของบรรดาผู้ฝ่าฝืน อาชญากรเหล่านั้น ที่มีต่อการเรียกร้องเชิญชวนของบรรดารอซูลผู้มีเกียรติเหล่านั้น และได้ชี้แจงด้วยว่า ในความยุติธรรมของอัลลอฮฺ และความปรีชาญาณของพระองค์ย่อมจะเท่าเทียมกันไม่ได้ในการที่พระองค์จะทรงทำให้บรรดาอาชญากรเสมือนกับบรรดาผู้กระทำความดี และจะทรงทำให้คนชั่วเสมือนกับคนดี และได้ชี้แจงถึงสาเหตุแห่งการหลงผิดของพวกมุชริกีน คือ การกระทำผิดของพวกเขา และการยึดถือเอาความใคร่ใฝ่ต่ำเป็นพระเจ้าและเป็นที่เคารพบูชา จนกระทั่งนัยน์ตาของพวกเขาได้บอดลง จึงมองไม่เห็นทางไปสู่ความจริงเอาเสียเลย
ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการกล่าวถึงการตอบแทนที่ยุติธรรมในวันแห่งการตอบแทน โดยแบ่งมนุษย์ออกเป็นสองจำพวก พวกที่หนึ่งอยู่ในสวนสวรรค์ อีกพวกหนึ่งอยู่ในนรกญะฮันนัม
       ชื่อของซูเราะฮฺ
       ซูเราะฮฺ อัลญาซิยะฮฺถูกขนานนามเช่นนี้ เนื่องจากความหวาดกลัวที่มนุษย์จะได้พบกับมันในวันแห่งการชำระบัญชี โดยที่ทุกสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้างมาจะอยู่ในสภาพการคุกเข่าอันเนื่องมาจากความกลัว เพื่อรอคอยการชำระบัญชี มนุษย์จะงุนงงเนื่องจากความหวาดกลัวโดยไม่คาดคิดมาก่อนเลย “และเจ้าเห็น (กลุ่มชน) ทุกชาติอยู่ในสภาพคุกเข่า ทุกชนชาติจะถูกเรียกมาตามบันทึกของตน วันนี้พวกเจ้าจะได้รับการตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้” เป็นความจริงทีเดียว มันเป็นวันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน จนกระทั่งเด็ก ๆ จะกลายเป็นคนแก่ เพราะการเปลี่ยนสีของผมบนศีรษะของพวกเขา
 


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 1 - 3




คำอ่าน
1. หา มีม
2. ตัน..ซีลุลกิตาบิมินัลลอฮิลอะซีซิลหะกีม
3. อิน..นะฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ ละอายาติลลิลมุอ์มินีน

คำแปล R1.
1. Ha-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an and none but Allah (Alone) knows their meanings].
2. The revelation of the Book (this Qur'an) is from Allah, the All-Mighty, the All-Wise.
3. Verily, in the heavens and the earth are signs for the believers.


คำแปล R2.
1. ฮา, มีม
2. คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานลงมาจากอัลเลาะฮฺผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง
3. แท้จริงในฟากฟ้าและแผ่นดินย่อมเป็นสัญลักษณ์ (ชี้ถึงเอกานุภาพและเดชานุภาพแห่งอัลเลาะฮฺ) สำหรับมวลศรัทธาชน


คำแปล R3.
1. ฮา มีม
2. การประทานคัมภีร์นี้มาจากอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงปรีชาญาณ
3. แท้จริงในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินมีสัญญาณต่าง ๆ มากมายสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
1. ฮา มีม
2. การประทานลงมาขอคัมภีร์นี้จากอัลลอฮฺ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
3. แท้จริงในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินนั้น แน่นอนย่อมมีสัญญาณหลากหลายสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๑. ฮา มีม อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวที่ทราบความหมาย
๒. การประทานคัมภีร์กุรอานนี้นั้น ถูกประทานมาจาก อัลเลาะห์ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง
๓. แท้จริงในชั้นฟ้าและแผ่นดินมีสัญลักษณ์ให้ตริตรองสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาเพื่อพิสูจน์ในเอกานุภาพและเดชานุภาพแห่งเอกองค์อัลลอฮฺเจ้า



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 28, 2011, 09:59 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 4 - 6


คำอ่าน
4. วะฟีค็อลกิกุม วะมายะบุษษุ มิน..ดา..บบะติน อายาตุลลิก็อวมี..ยูกินูน
5. วัคติลาฟิลลัยลิ วัน..นะฮาริ วะมา..อัน..ซะลัลลอฮุ มินัสสะมา...อิ มิรฺริซกิน..ฟะอะหฺยาบิฮิลอัรฺเฎาะ บะอฺดะเมาติฮา วะตัศรีฟิรฺริยาหิ อายาตุลลิก็อวมี..ยะอฺกิลูน
6. ติลกะอายาตุลลอฮินัตลูฮา อะลัยกะบิลหักกฺ ฟะบิอัยยิหะดีษิม..บะอฺดัลลอฮิ วะอายาติฮียุอ์มินูน


คำแปล R1.
4. And in your creation, and what He scattered (through the earth) of moving (living) creatures are signs for people who have faith with certainty.
5. And in the alternation of night and day, and the provision (rain) that Allah sends down from the sky, and revives therewith the earth after its death, and in the turning about of the winds (i.e. sometimes towards the east or north, and sometimes towards the south or west etc., sometimes bringing glad tidings of rain etc., and sometimes bringing the torment), are signs for a people who understand.
6. These are the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, revelations, etc.) of Allah, which we recite to you (O Muhammad) with truth. Then in which speech after Allah and his Ayat will they believe?


คำแปล R2.
4. และในการบันดาลพวกเจ้ารวมทั้งส่ำสัตว์ทั้งหลายที่แยกย้ายกัน(อยู่บนหน้าแผ่นดิน) ก็เป็นสัญลักษณ์สำหรับกลุ่มชนที่มีความเชื่อมั่น
5. และในการเปลี่ยนสลับของกลางคืนและกลางวัน รวมทั้งโชคผล (น้ำ) ที่อัลเลาะฮฺได้หลั่งลงมาจากฟ้า แล้วทรงชุบชีวิตแก่แผ่นดิน ภายหลังจากมันได้ตายไปแล้ว และการผันแปรของลม(ในฤดูกาลต่าง ๆ )ล้วนเป็นสัญลักษณ์สำหรับกลุ่มชนที่ใช้ปัญญาทั้งมวล
6. เหล่านั้นเป็นโองการแห่งอัลเลาะฮฺซึ่งเราได้อ่านให้เจ้าฟังโดยสัจจะ แล้วยังจะมีถ้อยคำใดอีกเล่าภายหลังจากอัลเลาะฮฺ(ได้ตรัสแล้ว) และบรรดาสัญลักษณ์ของพระองค์ (ที่ได้ปรากฏขึ้นแล้ว) ที่พวกเจ้าพึงศรัทธา?


คำแปล R3.
4. และในการสร้างสูเจ้าและในสรรพสัตว์ทั้งหลายที่อัลลอฮฺได้ทรงแพร่กระจายออกไปนั้นล้วนเป็นสัญญาณสำหรับหมู่ชนผู้เชื่อมั่น
5. และในความแตกต่างของกลางคืนและกลางวัน และปัจจัยทั้งหลายที่อัลลอฮฺทรงประทานมาจากฟากฟ้า ซึ่งพระองค์ได้ทำให้แผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่มันได้ตายไป และในการหมุนเวียนของลมนั้น มีสัญญาณต่าง ๆ มากมายสำหรับหมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา
6. เหล่านี้คืออายะฮฺต่าง ๆ ของอัลลอฮฺซึ่งเราได้สาธยายให้แก่เจ้าโดยแท้จริง ดังนั้น ยังจะมีคำบอกเล่าอันใดอีกเล่าหลังจากอัลลอฮฺและอายะฮฺทั้งหลายของพระองค์ที่พวกเขาจะศรัทธา


คำแปล R4.
4. และในการบังเกิดพวกเจ้า และสิ่งที่พระองค์ทรงให้สัตว์แต่ละชนิดแพร่สะพัดออกไปนั้นย่อมเป็นสัญญาณหลากหลายสำหรับหมู่ชนผู้เชื่อมั่น
5. และการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน และสิ่งที่อัลลอฮฺทรงหลั่งลงมาจากฟากฟ้า เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพนั้น พระองค์ทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาโดยน้ำฝนหลังจากการแห้งแล้งของมัน และการเปลี่ยนทิศทางเดินของลมย่อมเป็นสัญญาณหลากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ใช้สติ ปัญญา
6. นั่นคือสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮฺ ซึ่งเราได้สาธยายสัญญาณเหล่านั้นแก่เจ้าด้วยความจริง และสัญญาณต่าง ๆ ของพระองค์ที่พวกเขาจะศรัทธากัน


คำแปล R5.
๔. และในการกำเนิดของพวกเจ้า และสัตว์ที่กระจายกันอยู่บนพื้นปฐพีมีสัญลักษณ์นานาประการสำหรับกลุ่มชนที่มีความมั่นใจในคำประกาศของศาสนทูต เช่น เรื่องการฟื้นคืนชีพไปสู่โลกหน้า เป็นต้น กล่าวคือการที่ได้ตริตรองถึงความสลับซับซ้อนของระบบต่าง ๆ ในชั้นฟ้า แผ่นดิน ในตัวมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็ประจักษ์ในความมหัศจรรย์และยอมรับว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นไปโดยอำนาจอันสมบูรณ์แห่งองค์อภิบาลเท่านั้น และเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิตจนถึงชีวิตในโลกหน้า
๕. และการสลับสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน และสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาจากฟากฟ้าจากโชคผลอันบังเกิดขึ้นจากน้ำฝนเป็นสาเหตุสำคัญและพระองค์ได้ทรงชุบชีวิตแก่พื้นดินด้วยสิ่งนั้นจนมันอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ต่าง ๆ หลังจากความตายความแห้งแล้งของมันและการพัดของลมไปในทิศต่าง ๆ ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสัญลักษณ์เพื่อการตริตรองสำหรับกลุ่มชนั้ใช้ปัญญา
๖. ดังที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นสัญลักษณ์อันพิสูจน์ถึงเอกานุภาพและเดชานุภาพแห่งอัลเลาะห์ ซึ่งเราได้แถลงมันแก่เจ้าโดยสัจจะ แล้วจะมีเรื่องใดบ้างเล่าหลังจากอัลเลาะห์และสัญลักษณ์ของพระองค์ได้ถูกนำมาประกาศที่พวกเขาพึงศรัทธาแน่นอน ไม่มีสาระอื่นใดอีกแล้วที่ควรศรัทธา นอกจากที่มาจากอัลเลาะห์เท่านั้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. วัยลุลลิกุลลิอัฟฟากินอะษีม
8. ยัสมะอุอายาติลลาฮิ ตุตลาอะลัยฮิ ษุม..มะยุศิรฺรุ มุสตักบิร็อน..กะอัลลัมยัสมะอฺฮา ฟะบัชชิรฺฮุ บิอะยาบินอะลีม
9. วะอิซาอะลิมะ มินอายาตินา ชัยอะนิตตะเคาะซะฮาฮุซุวา อุลา...อิกะละฮุมอะซาบุม..มุฮีน


คำแปล R1.
7. Woe to every sinful liar,
8. Who hears the Verses of Allah (being) recited to him, yet persists with pride as if he heard them not. So announce to him a painful torment!
9. And when he learns something of Our Verses (this Qur'an), he makes them a jest. For such there will be a humiliating torment.


คำแปล R2.
7. ความวิบัติย่อมตกแก่จอมโกหก ผู้ทำบาปทุกคน
8. เขาได้ยินบรรดาโองการของอัลเลาะฮฺที่ถูกอ่านแก่เขา แต่หลังจากนั้น เขาก็เปลี่ยนมาเป็นผู้ทระนงตน ทำประหนึ่งเขาไม่ได้ยินสิ่งนั้นเลย ดังนั้นเจ้าจงแจ้งให้เขาทราบเถิด (ว่าเขาต้องประสบ) กับการลงโทษอันทรมานที่สุด
9. และเมื่อเขารู้บางสิ่งจากบรรดาโองการของเรา เขาก็ยึดสิ่งนี้มาเย้ยหยัน พวกเหล่านั้น ต้องรับการลงโทษอันอัปยศที่สุด


คำแปล R3.
7. ความวิบัติจงมีแก่ผู้โกหก ผู้ทำบาปทุกคน
8. เขาได้ยินอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺที่ถูกอ่านให้เขาแล้ว แต่หลังจากนั้นเขาก็ยังดึงดันปฏิเสธอย่างโอหังเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอายะฮฺเหล่านั้น ดังนั้นจงแจ้งข่าวการลงโทษอันเจ็บปวดแก่เขา
9. และเมื่อเขารู้บางสิ่งจากอายะฮฺทั้งหลายของเรา เขาก็ถือเอาอายะฮฺเหล่านั้นเป็นเรื่องล้อเล่น คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับการลงโทษอันอัปยศ


คำแปล R4.
7. ความหายนะจงประสบแด่ทุกคนที่เป็นผู้โกหก ผู้ทำบาปมาก
 8. เขาได้ฟังอายาต ( อัลกุรอาน) ของอัลลอฮฺถูกสาธยายแก่เขา แล้วเขาก็ดื้อรั้นอย่างยะโส ประหนึ่งว่าเขาไม่เคยฟังอายาตมาก่อนเลยดังนั้นจงแจ้งข่าวแก่เขาถึงการลงโทษ อันเจ็บปวด
9. และเมื่อเขาได้ทราบสิ่งใดจากอายาตของเรา เขาก็ถือเอาอายาตนั้น ๆ เป็นการล้อเลียน ชนเหล่านี้สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ


คำแปล R5.
๗. ความหายนะย่อมเป็นของนักกุข่าวเท็จผู้ทำบาปทุก ๆ คน
๘. นักกุข่าวเท็จที่ทำบาปนั้นเขาได้ยินโองการของอัลเลาะห์ที่ถูกอ่านให้เขาฟังเพื่อนำพวกเขาสู่ศาสนาอันเที่ยงแท้และเป็นสัจจะ แต่หลังจากนั้นเขาก็คงสภาพเนรคุณอย่างเดิมหาได้ศรัทธาในโองการเหล่านั้นไม่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาแสดงความยโส ประหนึ่งเขาไม่ได้ยินมันเลยดังนั้น โอ้มูฮำมัด เจ้าจงแจ้งให้เขาทราบเถิดว่าเขาจะต้องได้รับการตอบสนองด้วยการลงโทษอันทรมาน
๙. และเมื่อเขาได้รู้ถึงสิ่งหนึ่งจากบรรดาโองการของเรา เขาก็เอาโองการนั้นมาล้อเลียนและสบประมาท เช่นอัลกุรอานเกี่ยวกับต้นซะกูมในนรก พวกเขาก็ล้อเลียนว่า ต้นซะกูมนั้นไม่น่ากลัวอะไร มันพอ ๆ กับต้นอินทผมนั่นเอง เมื่อโองการเกี่ยวกับมลาอิกะห์ที่เฝ้านรก พวกเขาก็ล้อเลียนว่า มลาอิกะห์กลุ่มนี้มีเพียง ๑๙ คน พอสู้กันได้ เป็นต้น พวกเหล่านั้นย่อมประสบการลงโทษอันน่าอัปยศยิ่ง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 10 - 11


คำอ่าน
10. มิว..วะรอ...อิฮิมญะฮัน..นัม วะลายุฆนีอันฮุม..มากะสะบูชัยเอา..วะลามัตตะเคาะซูมิน..ดูนิลลาฮิเอาลิยา...อ์ วะละฮุมอะซาบุนอะซีม
11. ฮาซาฮุดา วัลละซีนะกะฟะรู บิอายาติร็อบบิฮิม ละฮุมอะซาบุม..มิรฺริจญซิน อะลีม


คำแปล R1.
10. In front of them there is Hell, and that which they have earned will be of no profit to them, nor (will be of any profit to them) those whom they have taken as Auliya' (protectors, helpers, etc.) besides Allah. And theirs will be a great torment.
11. This (Qur'an) is Guidance. And those who disbelieve in the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of their Lord, for them there is a painful torment of Rijz (a Severe kind of punishment).


คำแปล R2.
10.   จากเบื้องหลังของพวกเขา(ในวันชาติหน้า)คือนรกยะฮันนัม และบางสิ่งที่พวกเขาพากเพียรไว้ ไม่อาจป้องกันพวกเขาได้เลยแม้สักนิดเดียวก็ตาม และไม่(อาจป้องกันพวกเขาได้) สิ่งที่พวกเขาได้อุปโลกน์นอกเหนือจากอัลเลาะฮฺขึ้นมาเป็นผู้คุ้มครอง(เพื่อนมัสการ) และพวกเขาต้องได้รับโทษอันใหญ่หลวง!
11.   (อัลกุรอาน)นี้เป็นสิ่งชี้นำทาง และบรรดาผู้ปฏิเสธโองการแห่งองค์อภิบาลของพวกเขาย่อมได้รับการลงโทษ จากโทษทัณฑ์อันแสนสาหัส


คำแปล R3.
10. พวกเขาจะมีนรกอยู่ข้างหน้าพวกเขา และไม่มีอะไรที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ในโลกนี้จะสามารถอำนวยประโยชน์แก่พวกเขาได้ และบรรดาที่พวกเขายึดเอาไว้เป็นผู้คุ้มครองแทนอัลลอฮฺนั้นก็จะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้ด้วย สำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันมหันต์
11. กุรอานคือทางนำที่ถูกต้องสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวดอย่างมหันต์


คำแปล R4.
10. เบื้องหน้าพวกเขาคือนรกญะฮันมัน และสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้จะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่พวกเขาได้ และสิ่งที่พวกเขายึดถือเอาเป็นผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮฺ ก็จะไม่อำนวยประโยชน์เช่นกัน และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างใหญ่หลวง
11. นี่คือแนวทางที่ถูกต้อง ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออายาต (อัลกุรอาน) แห่งพระเจ้าของพวกเขา สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันมหันต์อย่างเจ็บปวด


คำแปล R5.
๑๐. จากเบื้องหลังของเขาคือนรก และสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้นั้นไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินหรืออื่นใดก็ตามไม่สามารถป้องกันพวกเขาให้รอดพ้นไปจากโทษทัณฑ์ของอัลเลาะห์ได้ และไม่อาจป้องกันเขาได้อีกเหมือนกันสิ่งที่พวกเขาอุปโลกน์มันขึ้นมาเป็นผู้ปกครองและกราบไหว้อันนอกเหนือจากอัลเลาะห์ได้แก่เจว็ดและเทวรูปต่าง ๆ และพวกเขาต้องได้รับโทษทัณฑ์อันใหญ่หลวง
๑๑.คัมภีร์กุรอานนี้เป็นสิ่งนำทางสำหรับมนุษยชาติและบรรดาผู้ปฏิเสธโองการแห่งอัลเลาะห์นั้น พวกเขาย่อมได้รับการลงโทษทัณฑ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากมหันตโทษอันทรมานยิ่ง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 12 - 13


คำอ่าน
12. อัลลอฮุลละซี สัคเคาะเราะละกุมุลบะหฺเราะ ลิตัจญริยัลฟุลกิ ฟีฮิบิอัมริฮี วะลิตับตะฆูมิน..ฟัฎลิฮี วะละอัลละกุมตัชกุรูน
13. วะสัคเคาะเราะละกุมมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ ญะมีอัม..มินฮฺ อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติลลิก็อวมียะตะฟักกะรูน


คำแปล R1.
12. Allah it is He who has subjected to you the sea, that ships may sail through it by His Command, and that you may seek of his Bounty, and that you may be thankful,
13. And has subjected to you all that is in the heavens and all that is in the earth; it is all as a favour and kindness from Him. Verily, in it are signs for a people who think deeply.


คำแปล R2.
12. อัลเลาะฮฺพระผู้ทรงอำนวยทะเลให้ยังประโยชน์แก่พวกเขา เพื่อเรือจะได้วิ่งสัญจรในนั้น โดยพระบัญชาของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์(ด้วยการประกอบอาชีพประมง หรือการค้า หรือการขนส่ง) และเพื่อพวกเจ้าจะได้กตัญญู
13. และทรงอำนวยสิ่งในฟากฟ้าและสิ่งในแผ่นดินทั้งสิ้นให้ยังประโยชน์แก่พวกเจ้า จากพระองค์ แท้จริงในนั้นย่อมมีสัญลักษณ์ (เตือนสติ) สำหรับกลุ่มชนที่ตริตรอง


คำแปล R3.
12. อัลลอฮฺคือผู้ทรงทำให้ทะเลอำนวยประโยชน์แก่สูเจ้า เพื่อที่เรือทั้งหลายจะได้แล่นไปในนั้นโดยคำบัญชาของพระองค์ และสูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อที่สูเจ้าจะได้ขอบคุณพระองค์
13. พระองค์ได้ทรงทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน อำนวยประโยชน์ต่อสูเจ้า ซึ่งทั้งหมดมาจากพระองค์ แท้จริงแล้ว ในนั้นมีสัญญาณสำหรับหมู่ชนผู้ใช้ความคิด


คำแปล R4.
12. อัลลอฮฺ คือผู้ทรงทำให้ทะเลเป็นประโยชน์สำหรับพวกเจ้า เพื่อให้เรือเดินสมุทรแล่นไปตามน่านน้ำโดยพระบัญชาของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ
13. และพระองค์ทรงทำให้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า ทั้งหมดนี้มาจากพระองค์แท้จริงในการนั้น แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณสำหรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ


คำแปล R5.
๑๒. อัลเลาะห์ พระผู้ทรงอำนวยแก่พวกเจ้าให้ได้รับประโยชน์มหาศาลและถาวรและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่ประการใด ๆ จากท้องทะเล เพื่อเรือจะได้วิ่งในนั้นโดยอนุญาตของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาจากความโปรดปรานของพระองค์ด้วยการทำการค้า หรือทำการประมง และเพื่อพวกเจ้าทั้งหลายจะได้ขอบคุณในความเมตตาอันไพศาลของอัลเลาะห์ที่ได้ทรงประทานแก่พวกเจ้าและสรรพสิ่งทั้งปวง
๑๓. และพระองค์ทรงอำนวยแก่พวกเจ้าให้ได้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าเช่น ดวงอาทิตย์ ดวงดาวต่าง ๆ และสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดิน เช่น สัตว์ พืช น้ำ เป็นต้น ทั้งมวลจากพระองค์ แท้จริงในนั้นเป็นสัญลักขณ์ให้ใช้วิจารณญาณสำหรับกลุ่มชนที่ตริตรองในสิ่งเหล่านั้น แล้วจะพบความมหัศจรรย์ที่มีอยู่ เหล่านั้นเขาก็จะเกิดศรัทธามั่นในพระองค์อย่างมั่นคง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 14 - 15


คำอ่าน
14. กุลลิลละซีนะอามะนู ยัฆฟิรูลิลละซีนะ ลายัรฺญูนะ อัยยามัลลอฮิ ลิยัจญซิยะ ก็อวมัม..บิมากานูยักสิบูน
15. มันอะมิละ ศอลิหัน ..ฟะลินัฟสิฮี วะมันอะสา...อะ ฟะอะลัยฮา ษุม..มะอิลาร็อบบิกุมตุรฺญะอูน


คำแปล R1.
14. Say (O Muhammad) to the believers to forgive those who (harm them and) hope not for the days of Allah (i.e. His recompense), that He may recompense people according to what they have earned (i.e. to punish these disbelievers, who harm the believers).
15. Whosoever does a good deed, it is for his own self, and whosoever does evil, it is against (his own self). Then to your Lord you will be made to return.


คำแปล R2.
1. จงประกาศเถิดแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้พวกเขาอภัยแก่บรรดาจำพวกที่ไม่นึกหวังว่าจะได้พบกับวันต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ(ที่ได้สัญญาไว้) เพื่อพระองค์ทรงตอบแทนแก่กลุ่มชนหนึ่ง ๆ ตามที่พวกเขาได้เคยประพฤติไว้
2. ผู้ใดประพฤติความดีงามหนึ่ง แน่นอนความดีงามนั้นย่อมเป็นคุณแก่ตัวเขาเอง และผู้ใดประพฤติชั่ว แน่นอนความชั่วนั้นก็จักสนองแก่ตัวเขาเอง แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องถูกนำตัวกลับคืนสู่องค์อภิบาลของพวกเจ้า(เพื่อรอรับการพิจารณา)


คำแปล R3.
14. (โอ้ นบี) จงบอกบรรดาผู้ศรัทธาให้พวกเขาอภัยแก่บรรดาผู้ที่ไม่กลัวการมาของวันอันเลวร้ายจากอัลลอฮฺ เพื่อที่ว่าพระองค์จะทรงตอบแทนแก่หมู่ชนตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้
15. ผู้ใดทำความดีก็จะได้แก่ตัวเอง และผู้ใดทำชั่วก็จะต้องแบกภาระไว้เอง หลังจากนั้นสูเจ้าก็จะถูกนำกลับไปยังพระผู้อภิบาลของสูเจ้า


คำแปล R4.
14. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้พวกเขาอภัยแก่บรรดาผู้ที่ไม่หวังใน วันทั้งหลายของอัลลอฮฺ เพื่อพระองค์จะทรงตอบแทนแก่หมู่ชนตามที่พวกเขาได้ขวนขวายเอาไว้
15. ผู้ใดกระทำความดีก็จะได้แก่ตัวของเขาเอง และผู้ใดกระทำความชั่ว ก็จะตกหนักแก่ตัวของเขาเองแล้วพวกเจ้าย่อมจะกลับไปหาพระเจ้าของพวกเจ้า


คำแปล R5.
๑. โอ้ มูฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิดแก่บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายให้พวกเขาอภัยแก่บรรดาพวกปฏิเสธผู้ที่ไม่หวังจะได้พบและไม่รู้สึกหวั่นกลัววันต่าง ๆ ของอัลเลาะห์ที่ทรงกำหนดเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้แล้วโดยครบครันเพื่อพระองค์ทรงตอบสนองกลุ่มชนหนึ่งตามเหตุแห่งความพากเพียรของพวกเขา
๒. บุคคลใดประพฤติความดีงาม แน่นอนความดีนั้นก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของเขาเองหาได้เป็นสิทธิ์ของผู้อื่นไม่และบุคคลใดประพฤติความชั่วร้าย แน่นอนความชั่วร้ายก็ย่อมประสบแก่พวกเขาเอง หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกนำตัวส่งคืนไปยังองค์อภิบาลแห่งพวกเจ้าเพื่อรับสนองตอบการกระทำจากพระองค์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 16 - 18


คำอ่าน
16. วะละก็อดอาตัยนา บะนี..อิสรอ..อีลัลกิตาบะ วัลหุกมะ วัน..นุบูวะตะ วะเราะซักนาฮุม..มินัฏฏ็อยยิบาติ วะฟัฎฎ็อลนาฮุมอะลัลอาละมีน
17. วะอาตัยนาฮุม..บัยยินาติม..มินัลอัมริ ฟะมัคตะละฟู..อิลลามิม..บะอฺดิมาญา...อะฮุมุลอิลมุ บัฆยัม..บัยนะฮุม อิน..นะร็อบบะกะ ยักฎีบัยนะฮุม เยามัลกิยามะติ ฟีมากานูฟีฮิ ยัคตะลิฟูน
18. ษุม..มะญะอัลนากะ อะลาชะรีอะติม..มินัลอัมริ ฟัตตะบิอฺฮา วะลาตัตตะบิอฺอะฮฺวา...อัลละซีนะลายะอฺละมูน


คำแปล R1.
16. And indeed we gave the Children of Israel the Scripture, and the understanding of the Scripture and its laws, and the Prophethood; and provided them with good things, and preferred them above the 'Alamin (mankind and jinns) (of their time, during that period),
17. And gave them clear proofs in matters [by revealing to them the Taurat (Torah)]. And they differed not until after the knowledge came to them, through envy among themselves. Verily, your Lord will judge between them on the Day of Resurrection about that wherein they used to differ.
18. Then we have put you (O Muhammad) on a plain Way of (Our) Commandment [like the one which we commanded Our Messengers before you (i.e. legal ways and laws of the Islamic Monotheism)]. So follow you that (Islamic Monotheism and its laws), and follow not the desires of those who know not. [Tafsir At-TabariVol. 25, Page 146].


คำแปล R2.
16. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้มอบคัมภีร์(เตารอฮฺ)แก่วงศ์วานของอสรออีล มอบวิทยญาณและมอบตำแหน่งศาสดา(แก่สมาชิกในชุมชนพวกเขา) และเราได้ให้สิ่งที่ดีต่าง ๆ เป็นโชคผลแก่พวกเขา และให้พวกเขาได้ล้ำเลิศเหนือชาวโลกทั้งมวล(ในยุคของพวกเขา)
17. และเราได้มอบบรรดาหลักการอันแจ่มชัดที่เกี่ยวกับงาน(ทางศาสนาแก่พวกเขา) แต่แล้วพวกเขาก็มิได้พิพาทกัน(ในเรื่องนั้น) เว้นแต่ภายหลังจากความรู้แท้(ในเรื่องดังกล่าว)ได้มายังพวกเขาแล้ว เพราะความล่วงละเมิดระหว่างพวกเขากันเอง แท้จริงองค์อภิบาลของพวกเจ้าทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันชาติหน้า ในกรณีที่พวกเขาได้เคยพิพาทกันมาก่อน
18. หลังจากนั้นเราได้จัดการให้เจ้าได้ยืนอยู่บนบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการงานทางศาสนา ดังนั้นเจ้าจงตามบทบัญญัตินั้นเถิด และอย่าตามอารมณ์ของบรรดาจำพวกที่ไม่รู้


คำแปล R3.
16. ก่อนหน้านี้เราได้ประทานคัมภีร์ และการตัดสิน และการมีนบีแก่ลูกหลานอิสราเอล และเราได้ประทานสิ่งดี ๆ ทั้งหลายแห่งชีวิตแก่พวกเขา และเราได้ยกย่องพวกเขาให้เหนือกว่าประชาชาติทั้งหลาย
17. และเราได้ประทานหลักฐานอันชัดเจนแก่พวกเขาเกี่ยวกับเรื่องศาสนา หลังจากนั้น พวกเขาก็ขัดแย้งกันเอง (มิใช่เพราะความโง่เขลาแต่) หลังจากที่ความรู้ได้มายังพวกเขาแล้ว เพียงเพราะว่าพวกเขาต้องการอธรรมต่อกัน แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาได้ขัดแย้งกัน
18. หลังจากนั้น (โอ้ นบี) เราได้ทำให้เจ้าอยู่บนหนทางอันชัดเจน (ของชะรีอ๊ะฮฺ) ในเรื่องศาสนา ดังนั้น จงปฏิบัติตามมันและจงอย่าปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของบรรดาผู้ไม่มีความรู้


คำแปล R4.
16. และโดยแน่นอนเราได้ประทานคัมภีร์และข้อชี้ขาดตัดสินและการเป็นนะบีแก่ วงศ์วานของอิสรออีล และเราได้ให้ปัจจัยยังชีพจากสิ่งดีๆ แก่พวกเขา และเราได้ยกย่องพวกเขาให้เหนือประชาชาติทั้งหลายในยุคนั้น
17. และเราได้ประทานหลักฐานอันชัดแจ้งทั้งหลายแก่พวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขามิได้ขัดแย้งกันเว้นแต่หลังการได้มีความรู้มายังพวกเขาแล้วแต่เนื่องจากความริษยาระหว่างพวกเขากันเอง แท้จริงพระเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันกิยามะฮฺ ในสิ่งที่พวกเขาได้ขัดแย้งกันในเรื่องนั้น
18. แล้วเราได้ตั้งเจ้าให้อยู่บนแนวทางหนึ่ง ในเรื่องของศาสนาที่แท้จริง ดังนั้นจงปฏิบัติตามแนวทางนั้น และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของบรรดาผู้ไม่รู้


คำแปล R5.
๑๖. และแท้จริง เราได้ประทานแก่พวกบะนีอิสรออีล (บุตรหลานของยะกู๊บ คือพวกยิว) .งคัมภีร์เตาร๊อต ข้อกฎหมายสำหรับใช้ตัดสินคดีความอันเกิดแก่มวลมนุษย์และศาสดาภาพอันได้แก่นบีมูซาและฮารูนและเราได้ประทานโชคผลอันดีงามแก่พวกเขาอันได้แก่อาหารทิพย์จากสวรรค์ที่เรียกว่า อัลมันนิและซัลวา และเราได้ดลความเลอเลิศแก่พวกเขาเหนือชาวโลกในยุคของพวกนั้น
๑๗. และเราได้ประทานแก่พวกเขาซึ่งกิจกรรมอันแจ้งชัดทางศาสนา เช่น บทบัญญัติเกี่ยวกับข้อห้ามข้อใช้ต่าง ๆ หลักความเชื่อ และสถานภาพแห่งศาสนทูตเป็นต้น แต่แล้วพวกเขาไม่ได้มีการพิพาทในกิจกรรมดังกล่าวนอกจากการพิพาทนั้นได้เกิดขึ้นภายหลังจากความรอบรู้เกี่ยวกับสถานภาพของนบีมูฮำมัดได้มายังพวกเขาแล้ว เพราะความละเมิดที่มีอยู่ระหว่างพวกเขานั่นคือความอิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน หากพวกเขาจะยอมรับสถานะภาพของนบีมูฮำมัดก็เท่ากับยอมรับให้นบีมูฮำมัดเป็นผู้นำ พวกเขาก็บังเกิดความอิจฉาเพราะนบีมูฮำมัดเป็นคนสามัญเช่นพวกเขา และเป็นคนหนึ่งในหมู่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงคัดค้านจนถึงที่สุดแท้จริงองค์อภิบาลแห่งเจ้าจะทรงพิพากษาระหว่างพวกเขาในวันกิยามะฮฺ ในกรณีที่พวกเขาพิพาทกันนั้นอย่างแน่นอน
๑๘. หลังจากนั้นเราได้ดลบันดาลเจ้าให้ตั้งมั่นอยู่บนแนวทางจากกิจการทางศาสนาดังนั้น เจ้าจงถอตามเถิดและเจ้าอย่าคล้อยตามอารมณ์ความเห็นอันงมงายของบรรดาพวกเนรคุณที่ไม่รู้อะไรเลย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 19 - 21


คำอ่าน
19. อิน..นะฮุม ลัย..ยุฆนู อัน..กะมินัลลอฮิชัยอา วะอิน..นัซซอลิมีนะ บะอฺฎุฮุม เอาลิยา...อุบะอฺฎฺ วัลลอฮุละลียุลมุตตะกีน
20. ฮาซาบะศอ...อิรุลิน..นาสิ วะฮุเดา..วะเราะหฺมะตุลลิก็อวมี..ยูกินูน
21. อัมหะสิบัลละซีนัจญตะเราะหุสสัยยิอาติ อันนัจญอะละฮุม กัลละซีนะฮามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ สะวา...อัม..มะหฺยาฮุม วะมะมาตุฮุม สา..อะมายะหฺกุมูน


คำแปล R1.
19. Verily, they can avail you nothing against Allah (if He wants to punish you). Verily, the Zalimun (polytheists, wrong-doers, etc.) are Auliya' (protectors, helpers, etc.) to one another, but Allah is the Wali(helper, Protector, etc.) of the Muttaqun (pious - see V.2:2).
20. This (Qur'an) is a clear insight and evidence for mankind, and guidance and a mercy for people who have faith with certainty.
21. Or do those who earn evil deeds think that we shall hold them equal with those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and do righteous good deeds, in their present life and after their death? Worst is the judgment that they make.


คำแปล R2.
1. แท้จริงพวกเขานั้นไม่อาจปกป้องเจ้าให้พ้นจาก(โทษทัณฑ์ของ)อัลเลาะฮฺได้ แม้สักนิดเดียวก็ตาม และแท้จริงบรรดาทุจริตชนทั้งหลาย ต่างก็เป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน(ในพวกเขา) และอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้ช่วยเหลือแก่บรรดาผู้ยำเกรงทั้งมวล
2. อัลกุรอานนี้ เป็นข้อพินิจพิเคราะห์สำหรับมวลมนุษย์ และเป็นสิ่งนำทาง อีกทั้งเมตตาธรรม สำหรับกลุ่มชนที่มีความเชื่อมั่น
3. หรือว่าบรรดาจำพวกที่ประกอบความชั่วคิดว่าเราจัดการพวกเขาให้เหมือนกับบรรดามวลชนผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงาม ไม่ว่าในช่วงเวลาที่พวกเขามีชีวิตและเมื่อเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม? อันสิ่งที่พวกเขาตัดสินไว้นั้นช่างเลวร้ายนัก


คำแปล R3.
19. พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าให้พ้นจากอัลลอฮฺได้ และแท่จริงแล้ว บรรดาผู้อธรรมนั้นต่างเป็นสหายซึ่งกันและกัน และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้คุ้มครองผู้ยำเกรง
20. นี่คือแสงสว่างสำหรับมนุษยชาติทั้งมวล และเป็นทางนำและความเมตตาแก่หมู่ชนผู้เชื่อมั่นในความศรัทธา
21. บรรดาผู้ทำความชั่วคิดหรือว่าเราจะถือว่าพวกเขาและบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีนั้นเท่ากัน เพื่อที่ชีวิตและความตายของพวกเขาจะเหมือนกัน? ชั่วแท้ ๆ ที่พวกเขาตัดสินเช่นนั้น

 
คำแปล R4.
19. แท้จริงพวกเขาไม่อาจจะช่วยเจ้าให้พ้นจากอัลลอฮฺแต่อย่างใด และแท้จริงพวกอธรรมนั้นต่างก็เป็นมิตรซึ่งกันและกัน แต่อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้ยำเกรง
20. อัลกุรอานนี้เป็นแสงสว่างแก่มวลมนุษย์ และเป็นแนวทางที่ถูกต้องและความเมตตาแก่หมู่ชนที่มีความเชื่อมั่น
21. หรือบรรดาผู้ที่กระทำความชั่ว คิดหรือว่าเราจะทำให้พวกเขาเป็นเช่นกับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้ง หลาย ให้เท่าเทียมกันทั้งในเวลามีชีวิตของพวกเขาและการตายของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาตัดสินนั้นมันชั่วแท้ ๆ


คำแปล R5.
๑๙. แท้จริงพวกเขาไม่อาจป้องกันเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์สักสิ่งเดียวก็ตาม และแท้จริงบรรดาผู้ฉ้อฉลต่างยึดถือกันเองเป็นผู้ปกครองซึ่งกันและกัน โดยไม่ยอมยึดถือในอัลเลาะห์ว่าทรงปกครองและสงเคราะห์พวกเขาและอัลเลาะห์ทรงเป็นผู้ปกครองที่ให้การสงเคราะห์แก่บรรดาผู้ยำเกรงพระองค์
๒๐.อัลกุรอานนี้เป็นจุดพิจารณาสำหรับมวลมนุษย์ เป็นสิ่งนำทาง และเป็นเมตตาธรรมแก่กลุ่มชนที่มีความมั่นใจในคำประกาศของศาสนทูตมุฮำมัด
๒๑.หรือบรรดาผู้พากเพียรความเลวร้ายจะคิดว่า เราจะบันดาลให้พวกเขาเป็นเช่นบรรดาผู้มีศรัทธาและปฏิบัติความดีความจริงแล้วพวกเขาไม่ถูกบันดาลให้เหมือนกับฝ่ายศรัทธาอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามจะเท่าเทียมกันไปจนตลอดสำหรับพวกเขา ไม่ว่าในช่วงเวลาแห่งการมีชีวิตของพวกเขาและการตายของพวกเขานั่นคือจะเหมือนกับพวกที่มีศรัทธาไม่ได้อย่างเด็ดขาด สิ่งที่พวกเขาตัดสินไว้เลวร้ายยิ่งนัก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 22 - 24


คำอ่าน
22. วะเคาะละก็อลลอฮุสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะบิลหักกิ วะลิตุจญซา กุลลุนัฟสิม..บิมากะสะบัต วะฮุมลายุซละมูน
23. อะฟะเราะอัยตะ มะนิตตะเคาะซะ อิลาฮะฮู ฮะวาฮุ วะอะฎ็อลละฮุลลอฮุอะลา อิลมิว..วะเคาะตะมะอะลาสัมอิฮี วะก็อลบิฮี วะญะอะละ อะลาบะเศาะริฮีฆิชาวะฮฺ ฟะมัย..ยะฮฺดีฮิ มิม..บะอฺดิลลาฮฺ อะฟะลาตะซักกะรูน
24. วะกอลูมาฮิยะอิลลาหะยาตุนัดดุนยา นะมูตุ วะนะหฺยา วะมายุฮฺลิกุนา..อิลลัดดะฮฺรุ วะมาละฮุม..บิซาลิกะ มินอิลมิน อินฮุวะอิลลายะซุน..นูน


คำแปล R1.
22. And Allah has created the heavens and the earth with truth, in order that each person may be recompensed what he has earned, and they will not be wronged .
23. Have you seen him who takes his own lust (vain desires) as his Ilah (God), and Allah knowing (him as such), left him astray, and sealed his hearing and his heart, and put a cover on his sight. Who then will guide him after Allah? Will you not then remember?
24. And they say: "There is nothing but our life of this world, we die and we live and nothing destroys us except Ad-Dahr (the time). And they have no knowledge of it, they only conjecture.


คำแปล R2.
22. แล้วอัลเลาะฮฺได้บันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินโดยสัจธรรม และเพื่อทุก ๆ ชีวิตจะถูกตอบสนองตามที่เขาได้พากเพียรไว้ โดยพวกเขาไม่ถูกฉ้อฉลเลย
23. เจ้าเห็นไหม? ผู้ที่ยึดเอาอารมณ์ของตนมาเป็นพระเจ้า และอัลเลาะฮฺทรงปล่อยให้เขาหลงผิด โดยพระองค์ทรงรู้ดี และพระองค์ทรงตีตราประทับไว้บนหูและหัวใจของเขา อีกทั้งทรงบันดาลความฝ้าฟางให้ปรากฏอยู่บนดวงตาของเขา? แล้วใครกันเล่าที่จะชี้นำทางเขาได้ภายหลังจากอัลเลาะฮฺ(ได้บันดาลให้เขาหลงผิด)? แล้วไฉนพวกเจ้าจึงไม่สำนึก?
24. และพวกเขากล่าวว่า “ไม่มีชีวิตอื่นใดนอกจากชีวิตของเราที่มีอยู่ในโลกนี้ เราตาย เรามีชีวิต และไม่มีสิ่งใดทำลายเราได้ นอกจากกาลเวลาเท่านั้น” ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่มีความรู้ใด ๆ เลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น พวกเขาไม่รู้อะไรจริง ๆ นอกจากพวกเขาเข้าใจเอาเอง


คำแปล R3.
22. อัลลอฮฺได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริง ทั้งนี้เพื่อที่แต่ละชีวิตจะได้รับการตอบแทนตามที่มันได้ขวนขวายไว้ และพวกเขาจะไม่ได้รับความอธรรม
23. เจ้าเคยพิจารณาคนั้ถือเอาอารมณ์ต่ำของเขาเป็นพระเจ้าของเขาบ้างไหม? ถึงแม้จะมีความรู้ อัลลอฮฺก็ทรงปล่อยให้เขาหลงผิดและปิดหูของเขาและหัวใจของเขา และทรงทำให้มีสิ่งปิดบังดวงตาของเขา และใครเล่าที่สามารถจะนำทางเขาหลังจากอัลลอฮฺ แล้วสูเจ้ายังไม่คิดกันอีกหรือ?
24. พวกเขากล่าวว่า “ไม่มีชีวิตอื่นใดนอกไปจากชีวิตของเราในโลกนี้ เราจะตายและมีชีวิตอยู่ที่นี่ และไม่มีสิ่งใดนอกไปจากการเปลี่ยนแปลงของเวลาที่ทำลายเรา” ความจริงแล้ว พวกเขาไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาเพียงแด่เดาเอาเท่านั้นเอง


คำแปล R4.
22. และอัลลอฮฺทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความเที่ยงธรรม และเพื่อทุก ๆ ชีวิต (ทุกคน) จะได้รับการตอบแทนตามที่ได้ขวนขวยเอาไว้ และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแต่อย่างใด
23. เจ้าเคยเห็นผู้ที่ยึดถือเอาอารมณ์ต่ำของเขาเป็นพระเจ้าของเขาบ้างไหม? และอัลลอฮฺจะทรงให้เขาหลงทางด้วยการรอบรู้ (ของพระองค์) และทรงผนึกการการฟังของเขาและหัวใจของเขาและทรงทำให้มีสิ่งบดบังดวงตาของเขา ดังนั้นผู้ใดเล่าจะชี้แนะแก่เขาหลังจากอัลลอฮฺ พวกเจ้ามิได้ใคร่ครวญกันดอกหรือ ?
24. และพวกเขากล่าวว่า ไม่มีชีวิตอื่นใดดอกนอกจากการมีชีวิตของเราในโลกนี้ เราจะตายไปและเราจะมีชีวิตอยู่ และไม่มีสิ่งใดจะมาทำลายเราได้ (ให้เราตาย) นอกจากกาลเวลาเท่านั้น สำหรับพวกเขาไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นดอก นอกจากพวกเขาเดาเองเท่านั้น


คำแปล R5.
๒๒. และอัลเลาะห์ทรงบันดาลชั้นฟ้าและแผ่นดินโดยสัจจะมีเป้าหมายที่จะให้มนุษย์พินิจพิเคราะห์ถึงอำนาจของพระองค์ และยอมรับในอำนาจนั้นและเพื่อทุกชีวิตจะถูกตอบสนองไปตามการพากเพียรของตนเอง โดยพวกเขาไม่ถูกฉ้อฉลเลย
๒๓. เจ้าสังเกตเห็นไหม ผู้ที่ยึดเอาอารมณ์ของเขาขึ้นมาเป็นพระเจ้าของเขาเอง และอัลเลาะห์ได้ทรงดลความหลงผิดแก่เขาโดยความรอบรู้ของพระองค์ที่มีมาแต่ดั้งเดิมแล้วและพระองค์ทรงประทับไว้บนหูของเขา และจิตใจของเขา และทรงบันดาลความฝ้าฟางไว้บนตาของเขาเขาจึงไม่สามารถจะรับฟัง จะคิด และจะมองให้เห็นเหตุผลและสัจธรรมที่นบีมุฮำมัดนำมาประกาศ แล้วใครเล่าที่ชี้นำเขาได้อีกภายหลังจากอัลเลาะห์ได้ทรงชี้นำเขาแล้วพวกเจ้าไม่สำนึกดอกหรือ
๒๔. แล้วพวกเขากล่าวว่า มิใช่ความตายนั้นจะมีหลายครั้ง ความจริงนอกจากความตายของเราในโลกนี้แล้วจะไม่มีความตายอื่นใดอีกแล้วเราตายและเรามีชีวิตเป็นไปตามธรรมชาติปกติและจะไม่ทำลายเราโดยพระเจ้าเลยนอกจากกาลเวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีเท่านั้นที่ทำให้เราตายได้และพวกเขาปราศจากความรู้ใดทั้งสิ้นเกี่ยวกับสิ่งนั้น นอกจากพวกเขาเพียงแต่คิดเอาเอง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 09, 2011, 07:43 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 25 - 29


คำอ่าน
25. วะอิซาตุตลาอะลัยฮิม อายาตุนา บัยยินาติม..มากานะหุจญะตะฮุม อิลลา..อัน..กอลุอ์ตู บิอาบา...อินา..อิน..กุน..ตุมศอดิกีน
26. กุลิลลาฮุ ยุหฺยีกุม ษุม..มะยุมีตุกุม ษุม..มะยัจญมะอุกุม อิลาเยามิลกิยามะติ ลาร็อยบะฟีฮิ วะลากิน..นะอักษะร็อน..นาสิ ลายะอฺละมูน
27. วะลิลลาฮิมุลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะเยามะตะกูมุสสาอะตุ เยามะอิซี..ยีคสะรุลมุบฎิลูน
28. วะตะรอกุลละอุม..มะติน..ญาษิยะฮฺ กุลลุอุม..มะติน..ตุดอา..อิลากิตาบะฮษ อัลเยามะตุจญเซานะ มากุรตุมตะอฮมะลูน
29. ฮาซากิตาบุนา ยัน..ฏิกุอะลัยกุม บิลหักกฺ อิน..นากุน..นา นัสตัน..สิคุ มากุนตุมตะอฺมะลูน


คำแปล R1.
25. And when Our clear Verses are recited to them, their argument is no other than that they say: "Bring back our (dead) fathers, if you are truthful!"
26. Say (to them): "Allah gives you life, then causes you to die, then He will assemble you on the Day of Resurrection about which there is no doubt. But most of mankind know not."
คำแปล R1.
27. And to Allah belongs the Kingdom of the heavens and the earth. And on the Day that the hour will be established, on that Day the followers of falsehood (polytheists, disbelievers, worshippers of false deities, etc.) shall lose (everything).
28. And you will see each nation humbled to their knees (kneeling), each nation will be called to its record (of deeds). This Day shall be recompensed for what you used to do.
29. This our record speaks about you with truth. Verily, we were recording what you used to do (i.e. our angels used to record your deeds).


คำแปล R2.
25. และเมื่อบรรดาโองการอันชัดแจ้งของเราได้ถูกอ่านแก่พวกเขา ข้อโต้แย้งของพวกเขาก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเพียงแต่พวกเขากล่าวว่า “พวกท่านจงนำบรรพบุรุษของพวกเรา(ที่ได้ตายไปแล้ว)มาพิสูจฯสิ หากแม้นพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง”
26. จงประกาศเถิด! อัลเลาะฮฺทรงให้พวกเจ้ามีชีวิต หลังจากนั้นทรงให้พวกเจ้าตาย หลังจากนั้นทรงรวบรวมพวกเจ้าไปสู่วันชาติหน้า อันไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น
27. และอัลเลาะฮฺทรงอำนาจปกครองฟากฟ้าและแผ่นดิน และในวาระที่วันอวสานโลกอุบัติขึ้น ในวันนั้นบรรดาพวกโมฆะชนทั้งมวล จะประสบความขาดทุน
28. และเจ้าจะได้พบเห็น(ในวันชาติหน้า) ทุกประชาชาติต่างก็ทรุดกายลงนั่งคุกเข่า แต่ละประชาชาติถูกเรียกไปรับหนังสือบันทึกความประพฤติของตนเอง (และมีผู้ประกาศแก่พวกเขาว่า) ในวันนี้พวกเจ้าจะต้องรับการตอบสนองในสิ่งที่พวกเจ้าได้เคยประพฤติมา
29. “นี่คือหนังสือบันทึกของเรา(มลาอิกะฮฺ)หนังสือนี้จะพูด (ชี้แจง) เกี่ยวกับ (ความประพฤติของ) พวกเจ้าโดยสัตย์จริง ส่วนพวกเรานั้นแท้จริงเราได้ทำการ (ควบคุมมลาอิกะฮฺให้)บันทึกสิ่งที่พวกเจ้าได้เคยประพฤติไว้


คำแปล R3.
25. และเมื่ออายะฮฺทั้งหลายอันชัดแจ้งของเราได้ถูกอ่านให้พวกเขา พวกเขาก็มีข้อโต้แย้งเพียงแค่กล่าวว่า “จงนำบรรพบุรุษของเรากลับมาถ้าหากท่านพูดจริง”
26. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “อัลลอฮฺต่างหากที่ให้ชีวิตพวกท่าน หลังจากนั้นก็ทรงทำให้พวกท่านตาย หลังจากนั้นพระองค์ก็จะทรงรวบรวมพวกท่านในวันฟื้นคืนชีพที่จะมาถึงอย่างแน่นอน แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
27. และอัลลอฮฺเป็นเจ้าของอำนาจสูงสูดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และเมื่อวันที่เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง บรรดาผู้บูชาความเท็จทั้งหลายจะขาดทุนอย่างย่อยยับ”
28. และในตอนนั้นเจ้าจะได้เห็นทุกชนชาตอยู่ในสภาพนั่งคุกเข่า ทุกชนชนติจะถูกเรียกมาดูบันทึกของพวกเขา พวกเขาจะถูกบอกว่า “วันที่สูเจ้าจะได้รับการตอบแทนในสิ่งที่สูเจ้าได้ทำไว้
29. นี่คือบันทึกที่เราได้จัดเตรียมไว้ มันมีหลักฐานความจริงยืนยันต่อสูเจ้า แท้จริงเราได้บันทึกการกระทำทั้งหมดของสูเจ้าไว้”


คำแปล R4.
25. และเมื่ออายาตต่าง ๆ อันชัดแจ้งของเราถูกสาธยายแก่พวกเขา ข้อขัดแย้งของพวกเขาก็ไม่มีอะไร นอกจากพวกเขาจะกล่าวว่า จงนำบรรพบุรุษของเราให้คืนชีพกลับมา หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
26. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด อัลลอฮฺทรงให้พวกท่านมีชีวิตขึ้นมา และทรงให้พวกท่านตายไป แล้วพระองค์จะทรงรวบรวมพวกท่านในวันกิยามะฮฺ อย่างไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในเรื่องนั้น แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้
27. และอำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮฺ วันแห่งยามอวสานจะเกิดขึ้นในวันนั้น บรรดาผู้กล่าวเท็จจะขาดทุนอย่างย่อยยับ
28. และเจ้าจะเห็น (กลุ่มชน) ทุกชาติอยู่ในสภาพคุกเข่า ทุกชนชาติจะถูกเรียกมาตามบันทึกของตน วันนี้พวกเจ้าจะได้รับการตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
29. นี้คือบันทึกของเราจะพูดถึงเรื่องของพวกเจ้าด้วยความจริง แท้จริงเราได้ให้บันทึกไว้ตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้


คำแปล R5.
๒๕. และเมื่อโองการของเราอันชัดแจ้งถูกอ่านให้แก่พวกเขา ข้ออ้างแย้งของพวกนั้นก็ไม่มีอะไรอื่น นอกจากพวกเขาพูดว่า พวกท่านจงนำบรรพบุรุษของเรามาแสดงให้เราดูโดยยังมีชีวิต
๒๖. โอ้มุฮำมัดจงประกาศเถิดว่า อัลเลาะห์ทรงให้พวกเจ้ามีชีวิตหลังจากนั้นพระองค์ทรงให้พวกเจ้าตาย หลังจากนั้นพระองค์ทรงรวบรวมพวกเจ้าให้ประกอบเป็นเรือนร่างที่มีชีวิตอีกครั้งหนึ่งสู่วันปรภพ ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในนั้นทั้งสิ้น และแต่ทว่า มนุษย์ส่วนมากหามีความรู้ไม่
๒๗. และอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงสิทธิ์แห่งชั้นฟ้าและแผ่นดิน และในวันปรภพได้อุบัติขึ้นนั้น ในวันนั้นบรรดาพวกเนรคุณที่ทำแต่สิ่งโมฆะจะขาดทุนอย่างแน่นอน
๒๘. และเจ้าจะเห็นทุกประชาชาติต่างคุกเข่าลงบนพาหนะ ทุกประชาชาติต่างถูกเรียกตัวไปสู่หน้าบันทึกความประพฤติของพวกเขาเอง วันนี้ พวกเจ้าจะต้องได้รับการตอบสนองตามที่พวกเจ้าได้เคยประพฤติไว้
๒๙. นี่เป็นบทบันทึกของเราที่มอบหมายแก่มลาอิกะห์ นะฟะเซาะห์เป็นผู้บันทึกมันจะรายงานเกี่ยวกับพวกเจ้าตามความเป็นจริงทุกประการแท้จริงเราได้เก็บรักษาสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติในหน้าบันทึกนั้นทุกประการ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 30 - 33


คำอ่าน
30. ฟะอัม..มัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ฟะยุดคิลุฮุม ร็อบบุฮุม ฟีเราะหฺมะติฮี ซาลิกะฮุวัลเฟาซุลมุบีน
31. วะอัม..มัลละซีนะกะฟะรู อะฟะลัมตะกุนอายาตี ตุตลาอะลัยกุม ฟัสตักบัรฺตุม วะกุนตุมก็อวมัม..มุจญริมีน
32. วะอิซากีละ อิน..นะวะอฺดัลลอฮิหักกู..วัสสาอะตุ ลาร็อยบะฟีฮา กุลตุม..มานัดรีมัสสาอะฮฺ อิน..นะซุน..นุ อิลลาซ็อน..เนา..วะมานะหฺนุ บิมุสตัยกินีน
33. วะบะดาละฮุม สะยยิอาตุ มาอะมิลู วะหาเกาะบิฮิม..มากานูบิฮี ยัสตะฮฺซิอูน


คำแปล R1.
30. Then, as for those who believed (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and did righteous good deeds, their Lord will admit them to his Mercy. That will be the evident success.
31. But as for those who disbelieved (it will be said to them): "Were not Our Verses recited to you? But you were proud, and you were a people who were Mujrimun (polytheists, disbelievers, sinners, criminals)."
32. And when it was said: "Verily! Allah's Promise is the truth, and there is no doubt about the coming of the Hour," You said; "We know not what is the Hour, we do not think it but as a conjecture, and we have no firm convincing belief (therein)."
33. And the evil of what they did will appear to them, and they will be completely encircled by that which they used to mock at!


คำแปล R2.
30. แท้จริงบรรดาปวงชนที่ศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามนั้น องค์อภิบาลของพวกเขาย่อมนำพวกเขาเข้าสู่พระเมตตาธิคุณของพระองค์ นั่นเป็นชัยชนะอันชัดแจ้ง   
31. แท้จริงบรรดาปวงชนที่ไร้ศรัทธา(ก็จะมีคำตรัสแก่เขาว่า) “ก็โองการต่าง ๆ ของข้ามิได้ถูกนำมาอ่านแก่พวกเจ้าดอกหรือ แล้วพวกเจ้าก็ทระนงตน และเป็นกลุ่มชนที่ทำบาป?”
32. และเมื่อมีผู้กล่าว(แก่พวกนั้น)ว่า “แท้จริงสัญญาณของอัลเลาะฮฺย่อมเป็นจริงเสมอและกาลอวสานโลกก็ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น” พวกเจ้ากลับกล่าวว่า “เราไม่รู้หรอกว่า อะไรคือกาลอวสานโลก เราไม่เคยคิดอะไรนอกจากถือเป็นเรื่องคาดคิดขึ้น(โดยไร้แก่นสาร) และเราไม่มีความเชื่อมั่นเลย”
33. และได้ประจักษ์แก่พวกเขาแล้วซึ่งความเลาร้ายจากสิ่งที่พวกเขาประพฤติไว้และ(การรับโทษทัณฑ์)ที่พวกเขาเคยนำมาเย้ยหยันก็ได้อุบัติแก่พวกเขา(จริงตามที่ถูกสัญญาไว้)


คำแปล R3.
30. ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดี พระผู้อภิบาลของพวกเขาก็จะทรงรับพวกเขาไว้ในความเมตตาของพระองค์ นี่คือความสำเร็จอันชัดเจน
31. ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น จะมีการบอกพวกเขาว่า “อายะฮฺทั้งหลายของเรามิได้ถูกอ่านให้สูเจ้าฟังกระนั้นหรือ? แต่สูเจ้ากลับแสดงความโอหัง และเป็นผู้กระทำผิด
32. และเมื่อได้มีการกล่าวว่า ‘สัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริงและไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับยามอวสาน’ สูเจ้าได้กล่าวว่า ‘เราไม่รู้ว่ายามอวสานนั้นคืออะไร เราคิดว่ามันเป็นเพียงการเดาเอาเท่านั้นเอง และเราไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้’”
33. ดังนั้นพวกเขาจะได้เห็นความชั่วที่พวกเขาได้ทำไว้ และสิ่งที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยไว้จะห้อมล้อมพวกเขา


คำแปล R4.
30. ดังนั้นส่วนบรรดาผู้ศรัทธา และกระทำความดีทั้งหลาย พระเจ้าของพวกเจ้าของพวกเขาก็จะทรงให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์ นั่นคือความสำเร็จอันชัดแจ้ง
31. และส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธผู้ศรัทธานั้นอายาตต่าง ๆ ของข้า มิได้ถูกสาธยายแก่พวกเจ้าดอกหรือ? แต่พวกเจ้าอวดโอหังและพวกเจ้าเป็นหมู่ชนผู้กระทำผิด
32. และเมื่อได้มีการกล่าวว่า แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นความจริง และยามอวสานนั้นไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในเรื่องนั้น พวกเจ้าก็จะกล่าวว่า เราไม่รู้ว่ายามอวสานคืออะไร ? เราคิดว่ามันมิใช่อะไรเลย นอกจากเป็นการเดาเท่านั้น และเรามิได้เป็นผู้เชื่อมั่นในเรื่องนี้
33. และความชั่วที่พวกเขาได้กระทำเอาไว้จะเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยไว้นั้นห้อมล้อมพวกเขา


คำแปล R5.
๓๐. แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธา และประพฤติความดี แน่นอนองค์อภิบาลของพวกเขา จะนำเขาสู่พระเมตตาธิคุณของพระองค์ นั่นเป็นรางวัลอันชัดแจ้ง
๓๑. และส่วนบรรดาผู้เนรคุณนั้น ก็โองการต่าง ๆ ของเรามิได้ถูกอ่านแก่พวกเจ้าแล้วดอกหรือ แต่พวกเจ้าแสดงอาการเย่อหยิ่งไม่ยอมศรัทธาสิ่งนั้นและพวกเจ้าเป็นกลุ่มชนที่ทำบาปและเนรคุณต่ออัลเลาะห์
๓๒. และเมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเจ้าว่า โอ้พวกเนรคุณทั้งหลายแท้จริงสัญญาการฟื้นจากสุสานของอัลเลาะห์นั้นเป็นเรื่องจริง และปรภพก็ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในนั้นเพราะมันเป็นเรื่องจริงพวกเจ้าเคยพูดว่า พวกเราไม่รู้หรอกว่า อะไรคือปรภพ เราไม่คิดอะไรมากนัก นอกจากเรื่องของปรภพนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝันไร้สาระโดยแท้จริง และพวกเราไม่ยอมเชื่อมั่นอย่างแน่นอน
๓๓. และเราได้ประจักษ์แก่พวกเขาในวันอาคิเราะห์ บรรดาความชั่วช้าแห่งสิ่งที่พวกเขาได้เคยประพฤติไว้ในโลกดุนยานี้ โดยพวกเขาต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม และจะอุบัติแก่พวกเขาซึ่งสิ่งที่พวกเขาเคยสบประมาท ว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ สิ่งนั้นคือการลงโทษแก่พวกเขา



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลญาษิยะฮฺ อายะฮฺที่ 34 - 37


คำอ่าน
34. วะกีลัลเยามะนัน..สากุม กะมานะสีตุม ลิกอ...อะเยามิกุมฮาซา วะมะอ์วากุมุน..นารุ วะมาละกุม..มิน..นาศิรีน
35. ซาลิกุม..บิอัน..นะกุมุตตะค็อซตุม อายาติลลาฮิ ฮุซุเวา..วะอัรฺร็อตกุมุลหะยาตุดดุนยา ฟัลเยามะลายุคเราะญูนะ มินฮา วะลาฮุมยุสตะอฺตะบูน
36. ฟะลิลลาฮิลหัมดุ ร็อบบิสสะมาวาติ วะร็อบบิลอัรฺฎิ ร็อบบิลอาละมีน
37. วะละฮุลกิบนริยา...อุ ฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม


คำแปล R1.
34. And it will be said: "This Day we will forget you as you forgot the meeting of this Day of yours. And your abode is the Fire, and there is none to help you."
35. This, because you took the revelations of Allah (this Qur'an) in mockery, and the life of the world deceived you. So this day, they shall not be taken out from there (Hell), nor shall they be Yusta'tabun (i.e. they shall not return to the worldly life, so that they repent to Allah, and beg his pardon for their sins).
36. So all the praises and thanks are to Allah, the Lord of the heavens and the Lord of the earth, and the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists).
37. And his (Alone) is the Majesty in the heavens and the earth, and He is the All-Mighty, the All-Wise.


คำแปล R2.
34. และผู้กล่าว(แก่พวกเขา)ว่า “ในวันนี้เราปล่อยลืมพวกเจ้า(ไว้ในโทษทัณฑ์) ประดุจเดียวกับที่พวกเจ้าเคยลืม (ไม่สนใจว่าจะได้) พบวันนี้ของพวกเจ้า และที่อยู่ของพวกเจ้าคือนรก และพวกเจ้าจะไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลืออีกเลย
35. นั้น! เป็นเพราะเหตุพวกเจ้าได้ยึดเอาโองการต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺมาเย้ยหยัน และพวกเจ้าปล่อยให้(ความภิรมย์ของ)ชีวิตทางโลกนี้หลอกลวงพวกเจ้า(ให้หลงใหลคลั่งไคล้จนลืมโลกหน้า)” ดังนั้นในวันนี้ พวกเขาจะไม่ได้ออกมาจากมัน และพวกเขาไม่ได้รับโอกาสให้ขอลุแก่โทษแก่ความผิดของตัวเองได้
36. แท้จริงการสรรเสริญทั้งมวลย่อมเป็นสิทธิของอัลเลาะฮฺผู้ทรงอภิบาลฟากฟ้าและทรงอภิบาลแผ่นดิน ผู้ทรงอภิบาลโลกทั้งหลาย
37. และพระองค์ทรงไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่ทั้งในฟากฟ้าและแผ่นดิน และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
34. พวกเขาจะถูกบอกว่า “วันนี้เราจะลืมสูเจ้าเช่นเดียวกับที่สูเจ้าลืมการพบกันของวันนี้ ตอนนี้ที่พำนักของสูเจ้าก็คือนรก และจะไม่มีใครช่วยเหลือสูเจ้าได้”
35. สูเจ้าประสบชะตากรรมเช่นนี้ก็เพราะสูเจ้าถือเอาอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺเป็นเรื่องล้อเล่น และชีวิตแห่งโลกนี้ได้ล่อลวงสูเจ้า ดังนั้น ในวันนี้พวกเขาจะไม่ถูกนำออกจากนรก และพวกเขาจะไม่ถูกขอให้กลับไปแก้ตัวเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่พระผู้อภิบาลของพวกเขาอีก
36. ดังนั้น การสรรเสริญทั้งหลายเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงเป็นพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
37. พระองค์ทรงเป็นเจ้าของความยิ่งใหญ่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์เท่านั้นคือผุ้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R4.
34. และจะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า วันนี้เราจะลืมพวกเจ้าเช่นที่พวกเจ้าได้ลืมการพบในวันนี้ของพวกเจ้า และนรกคือที่พำนักของพวกเจ้า และสำหรับพวกเจ้าจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ
35. เช่นนั้นแหละ เพราะพวกเจ้าได้ยึดถือเอาอายาตต่าง ๆ ของอัลลอฮฺเป็นการล้อเลียนและชีวิตในโลกดุนยานี้ ได้ล่อลวงพวกเจ้า ดังนั้นวันนี้พวกเข้าจะไม่ถูกนำออกจากนรกนั้นและพวกเข้าจะไม่ถูกขอร้องให้ กลับไปแก้ตัวเพื่อขอขมาโทษ
36. ฉะนั้นมวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และพระเจ้าแห่งแผ่นดินนี้ พระเจ้าแห่งสากลโลก
37. ความยิ่งใหญ่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และในแผ่นดินนี้เป็นกรรมสิทธิของอัลลอฮฺเท่านั้น และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R5.
๓๔. และมีผู้กล่าวว่า ในวันนี้เราปล่อยลืมพวกเจ้าไว้ในนรก เหมือนที่พวกเจ้าเคยลืมการพบกับวันนี้ของพวกเจ้า และที่อยู่ของพวกเจ้าคือนรก และพวกเจ้าจะไม่มีผู้ช่วยเหลือเลย
๓๕. นั้นก็เป็นเพราะพวกเจ้าทั้งหลายได้ยึดเอาโองการแห่งอัลเลาะห์เป็นสิ่งล้อเลียน และชีวิตแห่งโลกนี้ได้ลวงล่อพวกเจ้าให้หลงระเริงกับมันจนลืมโลกหน้าดังนั้น ในวันนี้พวกเขาจึงไม่ถูกนำตัวออกจากนรกนั้น และพวกเขาจะมไม่ถูกขอให้ยินดีต่อพระผู้ทรงอภิบาลด้วยการสารภาพผิดและทำความดีใด ๆ
๓๖. แท้จริง อัลเลาะห์นั้นทรงสิทธิ์แห่งการสรรเสริญทั้งมวล ทรงอภิบาลชั้นฟ้าและอภิบาลแผ่นดิน ทรงอภิบาลโลกทั้งมวล
๓๗. และพระองค์ทรงความเกรียงไกรในชั้นฟ้าและแผ่นดิน และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง



----------------------------------------------------------------------

ดำรัสแห่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 45 อัลญาษิยะฮฺ

 

GoogleTagged