salam
ดูเหมือนมนุษย์ในยุคปัจจุบันจะกลัวการแต่งงาน
กลัวความผูกพัน กลัวการผูกพันธะกับใครคนใดคนหนึ่งยังไงๆไม่รู้ค่ะ...
เคยมีพี่สาวคนนึงผู้มีประสบการณ์เรื่องครอบครัวและการหย่าร้างบอกว่า...
การแต่งงานให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
มันดีกว่่าการอยู่กันโดยไม่มีอะไรผูกพันธะกันเลย...
หากกลัวว่าแต่งไปแล้วอยู่กันไม่ได้ เดี๋ยวก็หย่า เลยต้องลองโน่นลองนี่ก่อนแต่ง...
พ่ีเค้าบอกว่า คนที่ว่ารักกันแทบจะกลืนกิน ดูใจกันมาสิบปี
แต่งกันปีเดียวเลิกกันก็ถมเถไป...พี่เค้าเลยบอกว่่า
การแต่งงานหรือการหย่าร้างไม่ได้น่ากลัวเท่าการหาคู่ไม่ได้
หรือหาไม่เจอ อกหักซ้ำซาก ไม่มีคนสนใจเสียอีก...
หากเจอใครที่ถูกตาต้องใจแล้วอยากคบหาด้วยจริงๆ
ก็ให้ทำให้เรื่องราวมันถูกต้องแล้วค่อยศึกษาเรียนรู้กันในระหว่างนั้นก็ได้...
หากเริ่มด้วยดี สิ่งดีๆก็จะตามมาเรื่อยๆ...ความรักก็จะมีมาเรื่อยๆเช่นกัน
หากเริ่มด้วยความเห็นแก่ได้ เห็นแก่สนุกไปวันๆ
จุดลงเอยก็คงไม่แคล้วการเลิกรากัน...พี่เค้าบอกว่า
การแต่งงานทำให้ผู้หญิงมีความมั่นใจ และทำให้ผู้ชายมีความรับผิดชอบมากขึ้น...
อย่าให้ความรักตั้งอยู่บนความไม่ถูกต้อง...เพราะรักมันจืดได้...
เมื่อมันจืดลง สิ่งที่จะทดแทนได้คือสายใยผูกพัน
หากไม่มีสายใยหรือเยื่อใยต่อกันเลย การเลิกรากันก็ง่ายดาย...
เล่าสู่กันฟังค่ะ...
ปล.จริงๆ ข้าน้อยเองก็รู้สึกว่า...การไม่แต่งงานแล้วอยู่ด้วยกัน
ศึกษาชีวิตกันก่อนแต่งตามแบบฉบับของตะวันตกที่มาตามสื่อต่างๆ
มันทำให้ผู้ชายสบาย ได้กำไร แต่ผู้หญิงขาดทุนสุดๆ...
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม...ผู้หญิงก็ขาดทุนอยู่ดี...
เคยมีคนค้านว่า...ความรักไม่มีขาดทุนหรือกำไร...รักคือการให้...
(เขาก็เลยยอมๆให้กันด้วยความเต็มใจซะงั้น)
ข้าน้อยเลยบอกว่า...พ่อแม่ก็รักเรา ท่านให้เรา บางครั้งเราไม่ค่อยต้องการ
ในสิ่งที่ท่านให้มานัก และบางทีเราก็ไม่ได้ให้ท่านในสิ่งที่ท่านต้องการนะ...
หรือว่าเราไม่รักท่าน...ไม่จริงมั้ง...เรารักท่านออก...
ท่านก็ออกจะรักเรา...บางครั้งทะเลาะกันบ้านแทบแตก
แต่เราไม่เคยเลิกเป็นพ่อแม่ลูกกันสักวันเดียว...

วัสลามค่ะ