ผู้เขียน หัวข้อ: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ  (อ่าน 6823 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 05:46 PM »
0
อันนะญาส๊าต (สิ่งสกปรก)

สุรา (เคาะมัร)
            ปวงผู้นำแห่งสำนักนิติลงมติพ้องกันเกี่ยวกับสุรานั้นเป็นสิ่งสกปรก (นะญิส) เว้นแต่ราย งานเดียวจากท่านดาวูด อัซซอฮิรีย์ที่กล่าวว่า มันสะอาด แต่มันเป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) พวกเขาเห็นพ้องกันว่า เมื่อสุราเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำส้มสายชูด้วยตัวมันเองแล้ว ดังนั้น หุกุมของมันก็จะกลายเป็นสิ่งสะอาด แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสุราเกิดเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำส้มสายชู เพราะมีบางสิ่งปะปนอยู่ ตามทัศนะของชาฟิอีย์และหันบาลีย์นั้น, สิ่งนั้นไม่สะอาด
มาลิกีย์: การเปลี่ยนสภาพของสุราเป็นน้ำส้มสายชูนั้น หุกุมของมันคือ มักรูฮฺ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสุราได้กลายเป็นน้ำส้มสายชู ดังนั้น หุกุมของน้ำส้มสายชูนั้นสะอาดและหะลาล ส่วนหะนะฟีย์นั้น: สุราสามารถใช้ทำเป็นน้ำส้มสายชูได้ และเมื่อมันได้กลายเป็นน้ำส้มสายชู ดังนั้น หุกุมของมันก็จะกลายเป็นสิ่งสะอาดและหะลาล

สุนัขและสุกร
         ชาฟิอีย์และหันบาลีย์: สุนัขนั้นเป็นนะญิส และภาชนะที่ถูกสุนัขเลียนั้นจำเป็นจะต้องล้างเจ็ดครั้ง ส่วนหะนะฟีย์: สุนัขนั้นเป็นนะญิส แต่ภาชนะที่ถูกเลียนั้นสามารถทำความสะอาดเช่น เดียวกับที่เราทำความสะอาดนะญิสอื่นๆ ได้ เมื่อคาดคะเนว่า สิ่งสกปรกนั้นสะอาดแล้ว แม้จะล้างเพียงครั้งเดียวก็ตาม ดังนั้น เป็นการเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคาดเดาว่านะญิสยังไม่หาย ดังนั้น ก็จะต้องล้างภาชนะนั้นต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าสะอาดแล้ว แม้จะต้องล้างถึงยี่สิบครั้งก็ตามที ส่วนมาลิกีย์: สุนันนั้นสะอาด และภาชนะที่ถูกสุนัขเลียก็ไม่เป็นนะญิสด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ภาชนะที่ถูกสุนัขเลียนั้นก็จะต้องล้างอยู่ดีในฐานะที่เป็นอิบาดะฮ์
            ถ้าหากขาสุนัขทั้งสี่ข้างเข้าไปยังภาชนะหนึ่งๆ ดังนั้น ภาชนะดังกล่าวจำเป็นต้องล้างเจ็ดครั้งเช่นเดียวกับการทำความสะอาดภาชนะที่ถูกสุนัขเลีย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้นั้น มาลิกีย์มีทัศนะที่แตกต่างออกไป เพราะการล้างเจ็ดครั้งนั้น ถูกเจาะจงเฉพาะกับภาชนะที่ถูกสุนัขเลียเท่านั้น
            สุกรนั้น หุกุมของมันก็เช่นเดียวกับสุนัข กล่าวคือ ภาชนะที่เปื้อนสุกรจะต้องล้างเจ็ดครั้ง ดังกล่าวนี้ตามทัศนะที่ถูกต้องที่สุดในสำนักนิติชาฟิอีย์, อิมามอันนวาวีย์มีทัศนะว่า “ทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุดในแง่ของหลักฐานนั้นก็คือ นะญิสสุกรนั้นเพียงพอแล้วกับการล้างเพียงแค่ครั้งเดียวโดยไม่ต้องตามด้วยดิน” ซึ่งทัศนะนี้ก็เป็นที่ยึดถือของปวงปราชญ์ส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน เหตุ ที่ทัศนะนี้ได้รับการเลือก ก็เพราะแต่ดั้งเดิมของมันนั้น ไม่ได้เป็นที่บังคับจนกว่าจะมีคำสั่งออกมา
            มาลิกีย์: สุกรนั้นสะอาดในขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่ เพราะไม่มีหลักฐานบ่งบอกถึงความเป็นนะญิสของมัน ส่วนหะนะฟีย์: นะญิสสุกรนั้นจำเป็นจะต้องล้างเช่นเดียวกับนะญิสอื่นๆ
            การชำระล้างภาชนะ เครื่องแต่งกาย และร่างกายจากนะญิสที่นอกเหนือจากนะญิสสุนัขและสุกรนั้น ตามทัศนะของหะนะฟีย์, มาลิกีย์ และชาฟิอีย์: ไม่ต้อง (ล้างซ้ำกันถึง) เจ็ดครั้ง ซึ่งรายงานที่เลืองลื่อที่สุดจากหันบาลีย์: จำเป็นจะต้องล้างซ้ำๆ กัน ยกเว้นนะญิสที่เป็นดิน ดังนั้น ภาชนะก็จะต้องล้างเจ็ดครั้ง อย่างไรก็ตาม ตามรายงานอื่น (จำนวน) การล้างคือสามครั้ง นอก จากนี้ ยังมีรายงานว่า ไม่จำเป็นต้องล้างซ้ำๆ กัน ถ้าหากนะญิสนั้นไม่มีสุนัขและสุกร

ปัสสาวะเด็กทารก
            ชาฟิอีย์และหะนะฟีย์: การทำความสะอาดน้ำปัสสาวะของเด็กทารกเพศชายที่ยังดื่มน้ำ- นมเท่านั้น เป็นการเพียงพอแล้วกับการพรมน้ำบนมัน อย่างไรก็ตาม น้ำปัสสาวะของเด็กทารกเพศหญิงนั้น จำเป็นจะต้องล้าง หรือรดน้ำ ส่วนมาลิกีย์นั้น: เด็กทารกทั้งสองเพศนั้น จำเป็นจะต้องล้างและหุกุมของทั้งสองก็เหมือนกัน ส่วนหันบาลีย์นั้น: น้ำปัสสาวะของเด็กทารกเพศหญิงที่ยังคงดื่มนมนั้นคือ สะอาด

ซากสัตว์
            หะนะฟีย์: หนังสัตว์ทุกชนิดสามารถกลายเป็นสิ่งสะอาดได้โดยการฟอก ยกเว้นหนังสุนัขและสุกร และรายงานที่มีน้ำหนักอย่างยิ่งจากมาลิกีย์นั้น: หนังไม่สามารถกลายเป็นสิ่งสะอาดได้ แต่มันสามารถถูกใช้สำหรับของเปียกได้
            ชาฟิอีย์: หนังสัตว์ทุกชนิดสามารถทำให้สะอาดได้โดยการฟอก ยกเว้นหนังสุนัขและสกุร พร้อมทั้งลูกที่เกิดจากการจับคู่ (ผสมพันธุ์) กับตัวใดตัวหนึ่งจากสัตว์ทั้งสองนั้นกับสัตว์อื่น
            จากหันบาลีย์นั้น มีสองรายงาน แต่ (รายงาน) ที่เลื่องลือกล่าวว่า: หนังของซากสัตว์นั้นไม่สะอาด และไม่สามารถใช้เพื่อการใดๆ ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับเนื้อของซากสัตว์
ถูกรายงานจากท่านอัซซุฮฺรีย์: หนังของซากสัตว์สามารถนำใช้ได้ แม้ไม่ได้ฟอกมาก็ตาม
            ชาฟิอีย์และหันบาลีย์: หนังของสัตว์ที่ถูกเชือดนั้น ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อการใดๆ ได้ทั้งสิ้น ถ้าหากสัตว์ดังกล่าวเป็นสัตว์ที่ไม่อนุมัติให้รับประทานได้ ซึ่งถ้าหากสัตว์นั้นถูกเชือด มันก็จะกลายเป็นซากสัตว์
            มาลิกีย์: หนังของซากสัตว์สามารถนำมาใช้ได้ ยกเว้นหนังสุกร และถ้าหากสัตว์ประเภทดุร้าย หรือสุนัขถูกเชือดนั้น ดังนั้น หนังของพวกมันสะอาด สามารถนำมาซื้อขายได้ และสามารถใช้เก็บน้ำวุฎูอ์ได้ด้วย แม้จะไม่ได้ฟอกมากก็ตาม และหะนะฟีย์นั้น: ทุกส่วนของมันนั้นสะอาด แต่เนื้อของมันหะรอม ส่วนมาลิกีย์: เนื้อของมันมักรูฮฺ
            ชาฟิอีย์: ผมและขนของซากสัตว์ที่อื่นจากมนุษย์นั้นเป็นนะญิส และมาลิกีย์: ขนนั้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่เคยตาย เพราะฉะนั้น หุกุมของมันคือสะอาดตามหลักกว้างๆ (มุฏลัก) ไม่ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่เนื้อของมันเป็นที่อนุมัติ เช่น แพะและม้า (เป็นต้น) หรือจะเป็นสัตว์ที่ไม่อนุมัติให้รับประทานได้ก็ตาม เช่น ลา (keladai) และสุนัข (เป็นต้น) มีทัศนะว่า ขน และยังมีทัศนะอีกว่า ขนของสุนัขและสุกรนั้นสะอาด ไม่ว่าจะในตอนมีชีวิตอยู่ หรือตายไปแล้วก็ตาม
            ทัศนะที่ถูกต้องอย่างยิ่งจากหันบาลีย์: ผมและขนของสุนัขและสุกรนั้นสะอาด ดังกล่าวนี้เป็นทัศนะของหะนะฟีย์ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งเพิ่มเติมอีกว่า เขา, ฟัน และกระดูกนั้นสะอาด เพราะมันไม่มีชีวิต
            ถูกรายงานจากท่านอัลหะสัน อัลบัศรีย์และท่านอัลเอาซาอีย์ว่า ผม (หรือขน) ของสัตว์ทุกชนิดนั้นเป็นนะญิส แต่มันสามารถทำความสะอาดได้โดยการล้าง
            ปวงปราชญ์มีทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากขนสุกร เพื่อทำเป็นหมอน; หะนะฟีย์และมาลิกีย์: มันเป็นที่อนุโลมให้, ชาฟิอีย์: มันเป็นที่ต้องห้าม, และหันบาลีย์: พึงละเว้นมันเสีย, หันบาลีย์ มีทัศนะว่า: หมอนที่ทำมาจากกาก (หรือเปลือกไม้) เป็นที่น่ายินดียิ่งกว่า
            หะนะฟีย์และมาลิกีย์: สัตว์ทุกชนิดที่เลือดของมันไม่ไหลเวียน เช่น ผึ้ง มด แมลงปีกแข็ง (kumbang) และแมลงป่อง ถ้าหากมันตายบนสิ่งเปียก สิ่งนั้นจะไม่ได้เป็นนะญิสแต่อย่างใด เนื่องจากตัวสัตว์เหล่านั้นสะอาด และทัศนะที่มีน้ำหนักยิ่งจากชาฟิอีย์และหันบาลีย์: สิ่งเหล่านั้นจะไม่ได้เป็นนะญิส แต่ตัวของสัตว์นั้นเป็นนะญิส
            ชาฟิอีย์: หนอนที่ปรากฏบนสิ่งที่หะลาลนั้น เมื่อมันตายในนั้น ก็จะไม่เป็นนะญิส และสิ่งนั้นสามารถรับประทานได้พร้อมกับหนอนนั้น
            สามอิมามแห่งสำนักนิติ: สัตว์ที่มีชีวิตในน้ำเช่นกบนั้น เมื่อมันตายในน้ำที่มีปริมาณน้อย น้ำนั้นก็จะกลายเป็นนะญิส ส่วนหะนะฟีย์: น้ำนั้นจะไม่เป็นนะญิส
            ตามมติเอกฉันท์: ซากแมลงและปลานั้นสะอาด อนึ่ง เกี่ยวกับศพมนุษย์, ตามทัศนะของมาลิกีย์, หันบาลีย์ และชาฟิอีย์ (ตามทัศนะที่มีน้ำหนักยิ่ง) นั้น: ไม่เป็นนะญิส, ส่วนหะนะฟีย์: ศพ (มนุษย์) นั้นเป็นนะญิส แต่สามารถทำความสะอาดโดยการอาบน้ำให้ได้
            ผู้ที่อยู่ในสภาพญุนุบ, สตรีที่เลือดประจำเดือนมา และชาวมุชริก เมื่อเอามือส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าไปยังภาชนะน้ำที่มีปริมาณเพียงเล็กน้อย – คือน้อยกว่าสองกุลละฮ์ – น้ำดังกล่าวย่อมสะอาดอย่างแน่หลับ ดังกล่าวนี้ตามมติเอกฉันท์แห่งปวงปราชญ์

เศษ (sisa) อาหารและเครื่องดื่มของสัตว์
            หะนะฟีย์, ชาฟิอีย์ และหันบาลีย์: เศษอาหาร หรือเครื่องดื่มของสุนัขและสุกรนั้นเป็นนะญิส แต่เศษอาหาร หรือเครื่องดื่มของสัตว์ชนิดอื่นๆ นั้นสะอาด และทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุดจากหันบาลีย์: เศษอาหารและเครื่องดื่มของสัตว์ดุร้ายนั้นเป็นนะญิส ส่วนมาลิกีย์: เศษอาหารและเครื่องดื่มของสัตว์นั้นสะอาด
            สามอิมามแห่งสำนักนิติมีมติพ้องกันว่า: เศษเครื่องดื่มของล่อและลานั้นสะอาด แต่ไม่สามารถใช้ทำความสะอาดได้ ส่วนหะนะฟีย์นั้นยังคลุมเครือว่า มันสามารถใช้ทำความสะอาดได้หรือไม่? และทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุดจากหันบาลีย์: สิ่งนั้นเป็นนะญิส
            สิ่งสำคัญที่ต้องทราบในเรื่องนี้ก็คือ เมื่อบุคคลคนหนึ่งไม่พบน้ำ - นอกเหนือจากน้ำที่เป็นเศษเครื่องดื่มของสัตว์ – จะให้เขาทำวุฎูอ์ด้วยน้ำนั้น หรือให้ทำการตะยัมมุมเสีย?
                ปวงปราชญ์มีมติพ้องกันเกี่ยวกับความสะอาดของแมวและสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่าแมว, หะนะฟีย์นั้น: เศษ – อาหารและเครื่องดื่ม – ของแมวนั้นให้พึงละทิ้ง (มักรูฮฺ) ในขณะที่ท่านอัลเอาซาอีย์และท่านอัษเษารีย์มีทัศนะว่า: เศษ – อาหารและเครื่องดื่ม – ของสัตว์ที่ไม่สามารถรับประทานเนื้อของมันได้นั้นเป็นนะญิส(binatang yang tidak dimakan dagingnya adalah najis) เว้นแต่มนุษย์

สิ่งสกปรกที่อนุโลมให้
            ทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุดจากชาฟิอีย์กล่าวว่า: สิ่งสกปรกทั้งหมด ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม หุกุมในการขจัด (ทำความสะอาด) มันก็เหมือนกัน ไม่เป็นที่อนุโลม เว้นแต่ที่ยากต่อการหลีกเลี่ยงตามสภาพทั่วไป เช่น เลือดสิว เลือดริดสีดวง เลือดเหา ไฝ, tempat bercantuk, และผงฝุ่นตามถนน ส่วนมาลิกีย์ก็มีทัศนะเช่นนี้เหมือนกัน แต่ทว่าเขากล่าวว่า เลือดเพียงเล็กน้อยนั้นเป็นที่อนุโลมให้ และหะนะฟีย์มีทัศนะว่า เลือดเหาและเลือดของแมลง (หรือสัตว์) ตัวเล็กๆ นั้นสะอาด หะนะฟีย์ยังกล่าวต่อไปอีกว่า สัตว์ทุกชนิดที่ขนาดของมันเล็กกว่าเหรียญหนึ่งดิรฮัมนั้นเป็นที่อนุโลมให้

สิ่งที่ออกมาจากท้อง
            สิ่งที่มีลักษณะอ่อนนิ่มที่ออกมาจากท้องผ่านทางท่ออุจจาระนั้นเป็นนะญิส ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่เห็นพ้องกันโดยปวงปราชญ์ แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานจากหะนะฟีย์ซึ่งกล่าวว่า สิ่งดังกล่าวนั้นสะอาด
            ชาฟิอีย์: น้ำปัสสาวะและอุจจาระนั้นเป็นนะญิสเชิงมุฏลัก ส่วนมาลิกีย์และหันบาลีย์: น้ำปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลของสัตว์ที่เนื้อของมันสามารถรับประทานได้นั้นสะอาด
            หะนะฟีย์: สิ่งปฏิกูลของนกที่เนื้อของมันรับประทานได้ เช่นนกพิราบ และนกกระจอกนั้นสะอาด ส่วนชาฟิอีย์ตามทัศนะเก่า (ก็อวฺล์ เกาะดีม) นั้น: สิ่งปฏิกูลที่นอกเหนือจากนกทั้งสองชนิดดังกล่าวนั้นเป็นนะญิส
            และถูกรายงานจากท่านอันนฅออีย์ว่า น้ำปัสสาวะของสัตว์ที่สะอาดทุกชนิดนั้นสะอาด

อสุจิ
            b]หะนะฟีย์[/b]และมาลิกีย์: อสุจิของมนุษย์นั้นเป็นนะญิส ซึ่งมาลิกีย์: อสุจินั้นจะต้องล้างด้วยน้ำ ไม่ว่าเปียกหรือแห้งก็ตาม, ส่วนหะนะฟีย์นั้น: อสุจินั้นให้ล้างถ้ามันยังคงเปียกอยู่ และให้ขูดออกถ้าแห้งแล้ว
            ส่วนทัศนะที่มีถูกต้องที่สุดจากชาฟิอีย์: อสุจินั้นสะอาดเชิงมุฏลัก เว้นแต่อสุจิของสุนัขและสุกร ในขณะที่ทัศนะที่ถูกต้องที่สุดจากหันบาลีย์: อสุจิที่สะอาดนั้นคืออสุจิของมนุษย์เท่านั้น

น้ำที่โดนนะญิส
            ปวงปราชญ์ได้มีทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับหุกุมการทำวุฎูอ์จากบ่อน้ำที่มีซากสัตว์ตกลงไป; หะนะฟีย์: เมื่อซากสัตว์นั้นได้เปื่อย (rusak) แล้ว ดังนั้น ก็จำเป็นจะต้องละหมาดซ้ำใหม่เป็นเวลาสามวัน (หนึ่งคืน) ส่วนถ้าหากว่ามันไม่ได้เปื่อย ก็ให้ละหมาดซ้ำใหม่เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ส่วนชาฟิอีย์และหันบาลีย์: ถ้าหากน้ำมีปริมาณน้อย ก็ให้ทำละหมาดซ้ำใหม่โดยนับตามจำนวนที่ทำวุฎูอ์จากน้ำดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ถ้าหากน้ำมีปริมาณมากและไม่มีการเปลี่ยนสภาพใดๆ ดังนั้น ละหมาดของเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำใหม่อีก อย่างไรก็ตาม ถ้าหากน้ำดังกล่าวเกิดเปลี่ยนสภาพ ก็จะต้องทำละหมาดซ้ำใหม่อีกโดยเริ่มตั้งแต่ที่น้ำเกิดเปลี่ยนสภาพ
            มาลิกีย์: ถ้าหากน้ำเป็นตาน้ำและไม่ได้เกิดการเปลี่ยนสภาพของมันแต่อย่างใด ดังนั้น น้ำนั้นสะอาดและละหมาดของเขาก็จะไม่จำเป็นต้องทำซ้ำใหม่อีก แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่เป็นตาน้ำแล้ว มาลิกีย์มีสองรายงานคือ ท่านกอสิม สหายของอิมามมาลิกมีทัศนะว่า เป็นสิ่งสกปรกเชิงมุฏลัก

ลังเลว่าอันไหนสะอาด
         เมื่อสภาพของน้ำเกิดไม่ชัดเจนว่า สะอาดหรือสกปรก เมื่อมีภาชนะที่ส่วนหนึ่งสะอาด และอีกส่วนหนึ่งโดนนะญิสนั้น สามารถที่จะอิจติฮาด (วินิจฉัย) หรือเลือก (ทัศนะ) ที่ถูกต้องเหมาะสมยิ่งกว่าในเรื่องนี้ได้หรือไม่?
            ชาฟิอีย์: เขาสามารถทำการอิจติฮาดได้และสามารถทำวุฎูอ์ด้วยกับน้ำที่ถือว่าสะอาดนั้นได้ ส่วนหะนะฟีย์: ถ้าหากภาชนะที่สะอาดมีมากกว่าภาชนะที่สกปรกแล้ว ก็สามารถให้ทำการเลือกที่ถือว่าสะอาดนั้นได้ ส่วนหันบาลีย์นั้น: อย่าเลือกตามที่เห็นว่าสะอาด เว้นแต่ทั้งหมดนั้นจะถูกเทลง หรือถูกปนเปไปหมด ก็ให้ทำตะยัมมุมเสีย และมาลิกีย์ – ตามรายงานหนึ่ง : คนนั้นไม่สามารถทำการเลือกตามที่ถือว่าสะอาดนั้นได้
          และถ้าหากคนนั้นมีผ้าสองผืน, ซึ่งผืนหนึ่งนั้นสะอาดและอีกผืนนั้นสกปรก แต่ไม่ทราบว่าผืนไหนที่สะอาด ดังนั้น เขาสะอาดเลือกไหนก็ได้ตามที่เขาเห็นว่าสะอาด ซึ่งมาลิกีย์และหันบาลีย์: เขาจำต้องละหมาดสองครั้ง คือหนึ่งครั้งด้วยกับผ้าผืนแรก และอีกหนึ่งครั้งด้วยกับผ้าผืนที่สอง ส่วนหะนะฟีย์และชาฟิอีย์: เขาจำเป็นจะต้องเลือกผืนใดผืนหนึ่งจากทั้งสองผืนนั้น
[/size]

_____________________
   
              ต่อจากนี้, เราจะกล่าวถึงกันในเรื่อง "สาเหตุที่ทำให้เกิดหะดัษ"กัน, อินชาอัลลอฮฺ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 12, 2009, 10:48 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 07:09 PM »
0
รบกวนพี่น้องช่วยกันก๊อบเก็บสะสมไว้ด้วยนะครับ ผมกลัวว่าข้อมูลที่มีอยู่กับผมหรือในเว็บนี้จะหายไป เราจะได้มีข้อมูลสำรองไว้ รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญด้วยนะครับ ขอความร่วมมือจากพี่น้องหน่อยนะครับ หากไม่ขอช่วยจากพวกเรา ผมก็ไม่รู้จะขอช่วยใครแล้วละครับ รบกวนจริงๆ - เก็บสะสมไว้เป็นคลังของตัวเองเลยนะครับ - วัสสลาม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 07:33 PM »
0
 salam

อ้างถึง
มาลิกีย์: น้ำที่อยู่ในที่ๆ หนึ่งตามปริมาตรดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นนะญิส ถ้าหากโดนสิ่งนะญิส อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสี รส หรือกลิ่นของมันไม่เปลี่ยนสภาพ ดังนั้น หุกุมของมันก็คือ นะญิส ไม่ว่าน้ำนั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม

ตัวแดงนี่พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ถ้าน้ำปริมาณมาก ไม่เปลี่ยนสีกลิ่นรส ก็ไม่น่าเป็นนะญิส ถ้าเป็นนะญิส แสดงว่า ต้องเปลี่ยนสีกลิ่นรส

والسلام

ออฟไลน์ tholib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 07:36 PM »
0
ja‘faran

คืออะไรหรอ

ผมว่าที่ถูกต้อง ต้องเขียนว่า "za'faran"  เพราะในต้นฉบับภาษาอาหรับเขียนว่า   والماء المتغير بالزعفران
ไงก็คุณ Al Fatoni  ลองดูจากต้นฉบับภาษามลายูอีกที

ส่วนความหมายของ "za'faran" ก็คือ หญ้าฝรั่น

ออฟไลน์ tholib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 07:52 PM »
0
salam

อ้างถึง
มาลิกีย์: น้ำที่อยู่ในที่ๆ หนึ่งตามปริมาตรดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นนะญิส ถ้าหากโดนสิ่งนะญิส อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสี รส หรือกลิ่นของมันไม่เปลี่ยนสภาพ ดังนั้น หุกุมของมันก็คือ นะญิส ไม่ว่าน้ำนั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม

ตัวแดงนี่พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ถ้าน้ำปริมาณมาก ไม่เปลี่ยนสีกลิ่นรส ก็ไม่น่าเป็นนะญิส ถ้าเป็นนะญิส แสดงว่า ต้องเปลี่ยนสีกลิ่นรส

والسلام


"และอิมามมาลิกกล่าวว่า : น้ำที่เจือปนกับสิ่งที่เป็นนะญิส (แล้วจะถือว่าน้ำนั้นเป็นนะญิส) ไม่มีการจำกัดปริมาตรที่แน่นอน แต่ทว่าเมื่อใดที่สี รส และกลิ่นของมันเปลี่ยนไป ก็ถือว่าน้ำนั้นเป็นนะญิส ไม่ว่าปริมาณน้ำจะน้อยหรือมากก็ตาม."

แปลจากต้นฉบับภาษาอาหรับ

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 09:28 PM »
0
ขอขอบคุณมากครับสำหรับคำท้วงติงที่มีค่ายิ่ง ก่อนอื่นผมขอชี้แจ้งเล็กน้อยว่า หนังสือเล่มนี้นั้น ผมแปลมาจากหนังสือฉบับแปลภาษาอินโดเนเซียอีกที ซึ่งแปลมาจากภาษาอาหรับอีกทอดหนึ่ง ดังนั้น ความคลาดเคลื่อนของสำนวนการแปลจึงจะมีมากกว่า แต่เหตุที่ผมยังคงอยากจะแปลและนำเสนอ ก็เพราะผมอยากให้เกิดบรรยากาศการถกวิชาการศาสนากันอีกครั้ง เพราะบรรยากาศเช่นนี้รู้สึกว่าจะห่างหายจากเว็บนี้ไปนานพอสมควร และถือเป็นการฝึกแปลและเรียนรู้ไปด้วยครับ ฉะนั้น ฝากพี่น้องตรวจทานไปด้วยนะครับ อินชาอัลลอฮฺ หากใครมีหนังสือเล่มนี้อยู่ และอยากจะแปลด้วย ติดต่อผมได้นะ เรามาแปลร่วมกัน แล้วเรามาตกลงส่วนในการรับไปแปลกัน - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 09:43 PM »
0
salam

อ้างถึง
มาลิกีย์: น้ำที่อยู่ในที่ๆ หนึ่งตามปริมาตรดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นนะญิส ถ้าหากโดนสิ่งนะญิส อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสี รส หรือกลิ่นของมันไม่เปลี่ยนสภาพ ดังนั้น หุกุมของมันก็คือ นะญิส ไม่ว่าน้ำนั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม

ตัวแดงนี่พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ถ้าน้ำปริมาณมาก ไม่เปลี่ยนสีกลิ่นรส ก็ไม่น่าเป็นนะญิส ถ้าเป็นนะญิส แสดงว่า ต้องเปลี่ยนสีกลิ่นรส

والسلام

                จากประโยคในฉบับแปลอินโดเนเซียให้ความหมายดังนี้ครับ
             "Maliki: Air yang berada di sebuah tempat dengan ukuran tersebut tidak najis jika terkena benda najis. Namun jika warna, rasa, atau baunya berubah maka hukumnya adalah najis, baik air itu sedikit maupun banyak"

                 จากข้างต้นนี้ ผมเผลอไปใส่คำว่า "ไม่" ทำให้คำแปลเพี้ยนไป แต่แก้ให้แล้วครับ ญซากัลลอฮุค็อยร็อนครับ ที่ท้วงมา - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ tholib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 10:02 PM »
0
salam

อ้างถึง
มาลิกีย์: น้ำที่อยู่ในที่ๆ หนึ่งตามปริมาตรดังกล่าวนั้น จะไม่เป็นนะญิส ถ้าหากโดนสิ่งนะญิส อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสี รส หรือกลิ่นของมันไม่เปลี่ยนสภาพ ดังนั้น หุกุมของมันก็คือ นะญิส ไม่ว่าน้ำนั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม

ตัวแดงนี่พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ถ้าน้ำปริมาณมาก ไม่เปลี่ยนสีกลิ่นรส ก็ไม่น่าเป็นนะญิส ถ้าเป็นนะญิส แสดงว่า ต้องเปลี่ยนสีกลิ่นรส

والسلام

                จากประโยคในฉบับแปลอินโดเนเซียให้ความหมายดังนี้ครับ
             "Maliki: Air yang berada di sebuah tempat dengan ukuran tersebut tidak najis jika terkena benda najis. Namun jika warna, rasa, atau baunya berubah maka hukumnya adalah najis, baik air itu sedikit maupun banyak"

                 จากข้างต้นนี้ ผมเผลอไปใส่คำว่า "ไม่" ทำให้คำแปลเพี้ยนไป แต่แก้ให้แล้วครับ ญซากัลลอฮุค็อยร็อนครับ ที่ท้วงมา - วัสสลามุอลัยกุม

ฉบับภาษาอาหรับ

وقال مالك: ليس للماء اللذي تحله النجاسة قدر معلم، ولكنه متى تغير لونه وطعمه أو ريحه تنجس، قليلاًَ كان أو كثيراً

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 10:29 PM »
0
 salam

อ้างถึง
ชาฟิอีย์: หหลับที่ปรากฏบนสิ่งที่หะลาลนั้น เมื่อมันตายในนั้น จะไม่เป็นนะญิส และสิ่งนั้นสามารถรับประทานได้พร้อมกับหหลับนั้น
            สามอิมามแห่งสำนักนิติ: สัตว์ที่มีชีวิตในน้ำเช่นกบนั้น เมื่อมันตายในน้ำที่มีปริมาณน้อย น้ำนั้นก็จะกลายเป็นนะญิส ส่วนหะนะฟีย์: น้ำนั้นจะไม่เป็นนะญิส
            ตามมติเอกฉันท์: ซากแมลงและปลานั้นสะอาด อนึ่ง เกี่ยวกับศพมนุษย์, ตามทัศนะของมาลิกีย์, หันบาลีย์ และชาฟิอีย์ (ตามทัศนะที่มีน้ำหนักยิ่ง) นั้น: ไม่เป็นนะญิส, ส่วนหะนะฟีย์: ศพ (มนุษย์) นั้นเป็นนะญิส แต่สามารถทำความสะอาดโดยการอาบน้ำให้ได้
            ผู้ที่อยู่ในสภาพญุนุบ, สตรีที่เลือดประจำเดือนมา และชาวมุชริก เมื่อเอามือส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าไปยังภาชนะน้ำที่มีปริมาณเพียงเล็กน้อย – คือน้อยกว่าสองกุลละฮ์ – น้ำดังกล่าวย่อมสะอาดอย่างแน่หลับ ดังกล่าวนี้ตามมติเอกฉันท์แห่งปวงปราชญ์

คำที่มาร์คไว้นี้ ตั้งใจจะพิมพ์ว่าอะไรครับ คิดไม่ออก

والسلام

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ธ.ค. 12, 2009, 10:44 PM »
0
salam

อ้างถึง
ชาฟิอีย์: หหลับที่ปรากฏบนสิ่งที่หะลาลนั้น เมื่อมันตายในนั้น จะไม่เป็นนะญิส และสิ่งนั้นสามารถรับประทานได้พร้อมกับหหลับนั้น
            สามอิมามแห่งสำนักนิติ: สัตว์ที่มีชีวิตในน้ำเช่นกบนั้น เมื่อมันตายในน้ำที่มีปริมาณน้อย น้ำนั้นก็จะกลายเป็นนะญิส ส่วนหะนะฟีย์: น้ำนั้นจะไม่เป็นนะญิส
            ตามมติเอกฉันท์: ซากแมลงและปลานั้นสะอาด อนึ่ง เกี่ยวกับศพมนุษย์, ตามทัศนะของมาลิกีย์, หันบาลีย์ และชาฟิอีย์ (ตามทัศนะที่มีน้ำหนักยิ่ง) นั้น: ไม่เป็นนะญิส, ส่วนหะนะฟีย์: ศพ (มนุษย์) นั้นเป็นนะญิส แต่สามารถทำความสะอาดโดยการอาบน้ำให้ได้
            ผู้ที่อยู่ในสภาพญุนุบ, สตรีที่เลือดประจำเดือนมา และชาวมุชริก เมื่อเอามือส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าไปยังภาชนะน้ำที่มีปริมาณเพียงเล็กน้อย – คือน้อยกว่าสองกุลละฮ์ – น้ำดังกล่าวย่อมสะอาดอย่างแน่หลับ ดังกล่าวนี้ตามมติเอกฉันท์แห่งปวงปราชญ์

คำที่มาร์คไว้นี้ ตั้งใจจะพิมพ์ว่าอะไรครับ คิดไม่ออก

والسلام

               อ้อ ไอคำว่า "หลับ" หลายตัว หมายถึง "หนอน" ครับ ผมเองก็งงนะครับ ทำไมถึงเป็นคำนี้ไปได้ แต่มานึกดูอีกที ก็ปรากฏว่า ก่อนหน้านี้ ผมไปเปลี่ยนคำแบบอัตโนมัตทั้งหมดทีเดียว จะเปลี่ยนคำว่า "นอน" เป็น "หลับ" ผลที่ได้จึงทำให้ เจ้าหนอนหลายตัว กลายเป็นตัว "หหลับ" ได้โดยปริยายครับ เดียวแก้ให้ครับ ขอบคุณที่เป็นตรวจทานให้ครับ และหวังว่าจะตรวจทานตลอดไปนะครับ  mycool: :laugh: - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ธ.ค. 13, 2009, 08:26 PM »
0
อัลฮัมดูลิลลาฮ์ 

เนื่องด้วยความรู้ที่มีอยู่ไม่มากนัก  พอศึกษาแล้วก็ไม่เห็นภาพเท่าที่ควร

ขออนุญาตรบกวนพี่น้องที่ช่วยกันนำเสนอช่วยยกตัวอย่างเพิ่มเติมในแต่และประเด็นด้วยได้ไหมคะ

วัสสลาม
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ธ.ค. 13, 2009, 11:38 PM »
0
เดี๋ยวได้ดูคนถูกลบกระทู้แน่ 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2009, 10:21 AM »
0
Assalammualaikum warahmatullah wabarakatuh

แวะมาให้สลามและซือดือกอฮค่ะ
^________^

วะอะลัยกุมุสสลามวาเราะห์มาตุลลอฮิวะบารอกาตุฮ์
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2009, 10:22 AM »
0
เดี๋ยวได้ดูคนถูกลบกระทู้แน่ 555

การให้สลามเป็นสุนัต  และเป็นการให้พรกับพี่น้อง

          แต่การรับสลามเป็นฟัรฎูกีฟายะห์
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: หนังสือ ฟิกฮฺเปรียบเทียบ ๔ มัฑฮับ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2009, 12:59 PM »
0
งั้นตามไปรับมันทุกกระทู้เลยนะก๊ะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged