ผมไล่อ่านตั้งแต่หน้าแรก ยันหน้าท้าย ผมคิดว่าข้อความของคุณ Anthoprosclay เข้าใจ
ถ้าคิดว่าความรู้ผมยังน้อย ขอความกรุณาแนบลิงค์ที่เกี่ยวข้องในเวปนี้ ในเรื่องนี้ให้ด้วยครับ
ส่วนคำว่าขึ้นสูงเหนือบังลังค์ อาจจะมีคนพยายามถาม
แต่มันคือการให้ความหมายที่สุดทาง ที่จะทำให้รู้ว่า แท้จริงเราไม่มีความรู้ในเรื่องความหมายแท้จริง
“มันคือสิ่งที่จำเป็นต่อการยืนยันถึงศิฟัตอิสติวะอฺ (การขึ้นสูงเหนือบัลลังค์) โดยปราศจากการตีความ(เป็นความหมายอย่างอื่น) และแท้จริงแล้วพระองค์อัลลอฮฺทรงขึ้นอิสติวะอฺเหนือบัลลังค์ของพระองค์โดยอิสติวะอฺด้วยกับ “ซาต” (อาตมัน) ของพระองค์เหนือบัลลังค์ ซึ่งอิสติวะอฺไม่ได้แปลว่า กออู๊ด (นั่ง) หรือไม่ได้แปลว่าการสัมผัส ดังที่พวกมุญัสสิมะฮฺและกะรอมียะฮฺได้กล่าวไว้ และมันก็ไม่ได้หมายความว่า อุลูวว์ (ความสูงส่ง) ดังที่พวกอัชอะรียะฮฺ(อะชะอิเราะฮฺ)ได้กล่าวไว้ และมันก็ไม่ได้แปลว่า อิสติลาอ์ (การพิชิต) หรือ ฆอลาบะฮฺ (การสถาปนาอำนาจ) ดังที่พวกมุอฺตะสิละฮฺได้กล่าวแต่อย่างใด ตัวบททางศาสนาไม่ได้บอกกล่าวถึงความหมายใดๆเหล่านี้ไว้ แล้วก็ไม่ปรากฏการรายงานจากบรรดาซอฮาบะฮฺหรือจากบรรดาตะบีอีนจากยุคสลัฟหรือจากบรรดานักวิชาการหะดีษถึงการตีความในแบบเหล่านี้เลย”
ขออัลลอฮได้ทรงชี้นำข้าพระองค์ และรวมข้าพระองค์ไว้เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาชาวสวรรค์ชั้นฟิรเดาส์

อย่างนี้คับบัง อะกีดะฮฺของกลุ่มอะชาอิเราะฮฺกับอะกีดะฮฺอัฏ-เฏาะหาวียะฮฺนั้น จะไม่แตกต่างกัน
1. อิมามตาญุดดีน อัสสุบฺกียฺ กล่าวว่า :
وَبِالْجُمْلَةِ عقيدة الأشعري هى ما تَضَمَّنَتْهُ عقيدة أبى جعفرالطَّحاَوِيّ التى
تَلَقَّاهاعلماءالمذاهب بالقبول ورضوهاعقيدة
“กล่าวโดยสรุปคือ อะกีดะฮฺของอัล-อัชอะรียฺนั้นคือสิ่งซึ่งอะกีดะฮฺของอบีญะอฺฟัร อัฏ-เฏาะหาวียฺได้ประมวลสิ่งนั้นเอาไว้ ซึ่งบรรดานักปราชญ์ของมัซฮับต่างๆ ได้ รับเอาอะกีดะฮฺนั้นด้วยการยอมรับและพวกเขายินดีว่าอะกีดะฮฺนั้นเป็นหลักศรัทธาและความเชื่อ” (มุอีด อัน-นิอัม ว่า มุบีด อัน-นิกอม หน้า 62)
ทั้งนี้อิมาม อัฏเฏาะหาวียฺ (ร.ฮ.) ได้รวบรวมหลักความเชื่อของอะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัล-ญะมาอะฮฺตามแนวทางของบรรดา “ฟุเกาะฮาอฺ อัล-มิลละฮฺ” คือ อิมาม อบูหะนีฟะฮฺ อัน-นุอฺมาน อิบนุ ษาบิต อัล-กูฟียฺ , อิมาม อบูยูสุฟ ยะอฺกู๊บ อิบนุ อิบรอฮีม อัล-อันศอรียฺ และอิมาม อบู อับดิลลาฮฺ มุฮัมมัด อิบนุ อัล-หะสัน อัช-ชัยบานียฺ (ริฎวานุลลอฮฺอะลัยฮิม) เอาไว้ในตำราของท่านที่ชื่อว่า “อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียะฮฺ”
(อิซฮารุลอะกีดะฮฺ อัส-สุนนียะฮฺ บิชัรหิ อัล-อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียะฮฺ ; ชัยคฺ อับดุลลอฮฺ อัล-ฮะเราะรียฺ หน้า 23)
บรรดาอิมามทั้ง 3 ท่านนี้เป็นอิมามของอะฮฺลิสสุนนะฮฺ วัล-ญะมาอะฮฺที่เป็นชาวสะลัฟศอลิหฺ (คืออยู่ใน 300 ปีแรก) เพราะอิมามอบูหะนีฟะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านเสียชีวิตในปีฮ.ศ. 150 , อิมาม อบูยูสุฟ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 182 และอิมามมุฮัมมัด อิบนุ อัล- หะสัน เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 189 (ตารีคบัฆดาด)
ซึ่งอิมามอบูญะอฺฟัร อัฏ-เฏาะหาวียฺ (ร.ฮ.) นั้นท่านสังกัดมัซฮับอัล-หะนะฟียฺ และเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 321 ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยพบอิมามทั้ง 3 แต่ท่านก็รับความรู้และหลักความเชื่อจากอิมามทั้ง 3 ด้วยสายรายงานที่ถูกต้อง
ส่วนอิมาม อบุล-หะสัน อัล-อัชอะรียฺ (ร.ฮ.) นั้นท่านเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 324 อิมาม ตาญุดดีน อัส-สุบกียฺ กล่าวว่า : จงรู้เถิดว่า แท้จริง อบุลหะสัน อัล-อัชอะรียฺ มิได้อุตริทัศนะขึ้นใหม่ และมิได้ตั้งมัซฮับขึ้นแต่อย่างใด อันที่จริงเขา (อบุลหะสัน อัล-อัชอะรียฺ) คือผู้ที่รับรองบรรดามัซฮับของชาวสะลัฟ ต่อสู้ปกป้องสิ่งที่บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรสูลลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้เคยดำเนินบนสิ่งนั้น
ฉนั้น การอ้างถึงเขา (อบุลหะสัน อัล-อัชอะรียฺ) นั้นอันที่จริงคือด้วยการพิจารณาว่า เขา (อบุลหะสัน อัล-อัชอะรียฺ) ได้ผูกผ้ารัดเอว (หมายถึงเตรียมพร้อมและสะสางเรื่องนั้นให้ชัดเจน) บนแนวทางของชาวสะลัฟและยึดมั่นต่อแนวทางนั้น ตลอดจนดำรงบรรดาหลักฐานและบรรดาสิ่งที่ยืนยันถึงแนวทางนั้น จึงกลายเป็นว่าผู้ที่ถือตามเขา (อบุลหะสัน อัล-อัชอะรียฺ) ในสิ่งดังกล่าว อีกทั้งดำเนินตามวิถีของเขาในเรื่องของบรรดาหลักฐานที่บ่งชี้ทั้งหลายถูกเรียกขานว่า อัช-อะรียฺ” จบคำของอิมาม อัส-สุบกียฺ (จากเฏาะบะกอตฺ อัช-ชาฟิอียะฮฺ อัล-กุบรอ) วัลลอฮุอะลัม