ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อพี่น้อง(มุสลิม)ผู้ยากจนโดนเอาเปรียบ  (อ่าน 1844 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ tawakkal

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 32
  • คนเก่งนั้นมีมาก ที่หายากคือ... คนดี
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

อัสลามุอะลัยกุมฯ ครับ พี่น้องทุกท่าน

ผมมีเรื่องจะรบกวน  และขอคำแนะนำ  นิดหน่อยนะครับ
          คือเรื่องมันมีอยู่ว่า...  ในหมู่บ้านของผมมีครอบครัวยากจนอยู่ครอบครัวหนึ่ง  ได้ถูกโกงที่ดินเอาไปขายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง  และมารู้อีกทีก็เมื่อเขาได้ขายไปแล้ว  และตอนนี้ก็กำลังถูกทนายส่งหมายมาเพื่อให้ออกจากที่นั้น  ที่ซึ่งเขาได้อาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด  เดิมทีที่ดินแปลงนั้นเป็นของนางก.(นามสมมุติ)  และได้มอบให้กับหลานสาวทั้งสองคน  โดยนางก.  ได้กล่าวเป็นวาจา  และมีพยานยืนยัน 2 คน  รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบข้างก็สามมารถยืนยันได้ว่าเป็นความจริง  และลูกชายของนางก. คือนายค.(นามสมมุติ) ก็รับรู้เช่นกัน
          ก่อนที่นางก็. จะเสียชีวิตก็เคยจะไปทำหนังสือ เพื่อมอบที่ดินดังกล่าว  ให้กับหลานทั้สอง   แต่นายค.บอกว่าไม่เป็นไร   เพราะนายค. ยังอยู่  เขาจะเป็นคนจัดการให้เอง      ต่อมาเมื่อนางก.เสียชีวิต  นายค.ก็ยังไม่ได้ไปทำหนังสือเพื่อมอบที่ดินให้กับหลานทั้งสอง  หลานทั้งสองก็เคยชวนนายค. ไปทำหนังสือรับรองที่บ้านอิหม่ามประจำมัสยิด  แต่นายค.ไม่ยอมไป  โดยได้กล่าวไว้ว่าถ้าหลายทั้งสองอยากได้ที่ดินดังกล่าวก็ใหไปทำกันเอาเอง  จนกระทั่งนายค.  เสียชีวิต ก็ยังไม่มีใครดำเนินการ  ส่วนหลานสาวทั้งสองก็อาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวตลอดมาจนถึงปัจจุบัน   และมาทราบเรื่องว่า ที่ดินดังกล่าว  ได้ถูกขายไปแล้วเมื่อเดือน ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา
          หลานสาวทั้งสองจึงได้ทำหนังสือไปยังอิหม่ามประจำมัสยิด เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้  และการซื้อขายที่ดินดังกล่าว  ว่าถูกต้องหรือไม่  ซึ่งอิหม่ามประจำมัสยิดก็ได้เรียกประชุมคณะกรรมการมัสยิด  เพื่อตัดสินกรณีดังกล่าว  ผลปรากฎว่า  ที่ประชุมมีมติว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของหลานสาวทั้งสองคน   
          แต่... มีปัญหาอยู่ว่า  ที่ดินดังกล่าวได้มีการขายไปแล้ว(จ่ายแค่เงินมัดจำ  ยังไม่ได้ชำระเต็มจำวนตามราคาที่ขาย)   หลานสาวทั้งสองอยากได้ที่ดินคืน  เราสามารถเรียกคืนได้หรือเปล่า  และกฎหมายไทยให้น้ำหนักกับคำตัดสินทางศาสนามากเพียงใด


          รบกวนผู้รู้ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะครับ  ว่าพอจะมีวิธีการไหนช่วยได้บ้าง  หรือมีหน่วยงานทางศาสนาหน่วยงานใดบ้างที่สามารถช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว ได้บ้าง  เพราะว่าครอบครัวเขาน่าสงสารมาก จะไปจ้างทนายก็คงไม่มีเงิน  ลำพังพวกเขาสองคนก็พอมีพอกินจากการรับจ้าง และผลผลิตจากที่ดินที่อาศัย

หวังว่าคงจะได้รับความอนุเคราะห์ จากพี่น้องนะครับ
ญะซากัลลอฮุค็อยรอ ล่วงหน้านะครับ
วัสลามุอะลัยกุม วะเราะห์มาตุ้ลลอฮฺ วะบารอกาตุฮฺ

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
0
ที่ดินดังกล่าวเป็นโฉนดแล้วหรือยัง
หากมีโฉนด ใครเป็นเจ้าของชื่อดังกล่าว
หากคนที่ขายมีมนุษยธรรม เขาต้องคืนที่ดินให้เจ้าของที่แท้จริง
เรื่องนี้ต้องให้ทนายเข้าไกล่เกลี่ย  อยากให้ทนายมุสลิมเราเข้าช่วยเหลือค่ะ
ขอให้พบทางออกที่ดี อามีน

ออฟไลน์ tawakkal

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 32
  • คนเก่งนั้นมีมาก ที่หายากคือ... คนดี
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
ที่ดินดังกล่าวเป็นโฉนดแล้วครับ
เป็นชื่อของคนอื่น  ไม่รู้ว่าเขาไปทำกันตอนไหน
แต่เท่าที่เห็นระบุวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 โอนกันหลายต่อ แล้วก็มาขายวันที่ 9 กรกฎาคม 2552
แล้วก็คนรับสัญญา ก็เอามาขายเถ้าแก่อีกทอดนึง  ซึ่งจะมีกานโดนกันในเดือน มีนาคม  ปีหน้า
ไม่รู้ว่าถ้าทำหนังสือถึงประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เขาจะมีฝ่ายกฏหมายหรือเปล่า

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
0

  เดิมทีที่ดินแปลงนั้นเป็นของนางก.(นามสมมุติ)  และได้มอบให้กับหลานสาวทั้งสองคน  โดยนางก.  ได้กล่าวเป็นวาจา  และมีพยานยืนยัน 2 คน  รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบข้างก็สามมารถยืนยันได้ว่าเป็นความจริง  และลูกชายของนางก. คือนายค.(นามสมมุติ) ก็รับรู้เช่นกัน         

 

หากที่ดินแปลงนั้นเดิมทีเป็นชื่อของนางก. แสดงว่า เมื่อตอนนางก.เสียชีวิต ต้องมีคนทำเรื่องเป็นผู้จัดการมรดก และใช้สิทธิทายาท โอนเป็นชื่อตนเอง
ซึ่งลูกชาย และ นายค.ต้องรับรู้อยู่แล้ว  แค่สันนิษฐานนะคะ อยากให้คนเรียนกฎหมายมาให้ความรู้และช่วยเหลือพวกเขาค่ะ

ออฟไลน์ tawakkal

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 32
  • คนเก่งนั้นมีมาก ที่หายากคือ... คนดี
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
ที่น่าละอาย และเจ็บใจก็คือ คนที่ฉ้อโกงเป็นมุสลิมด้วยกันนี่แหละ
ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่า ที่ดินแปลงนั้นเป็นของหลานสาวทั้งสองของนางก.  คนทั้งหมู่บ้านเขาก็รู้กันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังงัย  แต่พวกเขาก็ยินดีเป็นพยานยืนยันให้ได้

ด้วยเหตุนี้แหละ ผมถึงอยากขอคำชี้แนะ  และขอความช่วยเหลือ จากพี่น้อง

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
0
น่าเห็นใจนะคะ

สำหรับพี่น้องที่มีความรู้หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็น่าจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้

   (กอลู  อินนาลิลลาฮุวะอินนาอิลัยฮิราญีอูน)

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

วัสสลาม
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
0
บังๆทนายความ..พอจะมีหนทางช่วยเหลือพี่น้องบ้างไหม natural:


ออฟไลน์ ADB

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 235
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
    • ตับลีฆ
0
 salam

กรณีตามอุทธาหรณ์ ต้องพิจารณาถึงระยะเวลาที่หลานทั้งสองคนครอบครองที่ดิน ว่าเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ และ

ลักษณะการถือครองเป็นอย่างไร หากสรุปได้ว่าเป็นการครอบครองปรปักษ์ หลานสาวทั้งสองสามารถใช้สิทธิทางศาล

เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์ และเพิกถอนการซื้อขายนั้นได้

หลักการวินิจฉัยในเรื่องการครอบครองปรปักษ์ ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์  มีดังนี้
มาตรา 1382 บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้ โดยสงบ และเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์

ได้ครอบครองกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่า บุคคลนั้นได้

กรรมสิทธิ์

เพราะฉะนั้นเงื่อนไขที่จะถือได้ว่า เป็นการครอบครองปรปักษ์ ซึ่งส่งผลให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์ไปนั้นจะต้อง

ประกอบด้วยเงื่อนไข
1. จะต้องเป็นการเข้าครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น (ทรัพย์สินดังกล่าวต้องเป็นกรรมสิทธ์ของผู้อื่น ไม่ใช่ที่ดินของรัฐ เช่น

เป็นที่ดินมีโฉนด)
2. จะต้องคือครองโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ (ไม่ใช่การคือครองทรัพย์สินในฐานะตัวแทน หรือผู้ดูแลแทน

เจ้าของ)
3.ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ (เช่นที่ดิน บ้าน) ต้องถือครองต่อเนื่องกัน เป็นเวลา สิบปีขึ้นไป

ประเด็นการครอบครองปรปักษ์เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ที่ศาลจะพิจารณาข้อเท็จจริง ตามหลักกฎหมายดังกล่าวก่อน ถ้า

เข้าหลักกฎหมาย ก้อไม่จำเป็นต้องพิจารณาในเรื่องของการให้ ซึ่งต้องสืบพยานหลักฐานกันยืดยาว

อนึ่ง ข้อกฎหมายดังกล่าว มีเป้าประสงค์ให้ทุกคนหวงแหน และหวงกันทรัพย์สมบัติของตน ไม่ว่าจะเป็นสังหาริมทรัพย์

หรืออสังหาริมทรัพย์ หากเจ้าของ ทรัพย์ไม่หวงกันทรัพย์สินของตนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กฎหมายก้อจะ

สันนิษฐานว่า เจ้าของทรัพย์อาจไม่มีความต้องการหรือหวงทรัพย์สินของตน จึงเป็นการสมควรที่จะให้ผู้ที่เข้าทำประโยชน์

แต่ในหลักการศาสนา ผมไม่พบว่ามีหลักการในเรื่องของการครอบครองปรปักษ์ หมายความว่า เราจะถือครองทรัพย์ของ

คนอื่นนานสักแค่ไหน กรรมสิทธิ์ในของนั้น ยังเป็นของเจ้าของของมัน

กรณีดังกล่าวต้องพิจารณาเรื่องของการให้เป็นหลัก ซึ่งไม่น่าจะต้องพิจารณาเข้าไปถึงเรื่องมรดก ตามหลักการศาสนา

เพราะ ทรัพย์สินดังกล่าว เป็นการให้ก่อนเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย เพียงแต่มิได้มีการโอนกันทางทะเบียน จึงเป็นช่องโหว่

ให้ทายาทคนอื่น ผู้รับมรดก ใช้ช่องว่างอันนี้โอนขายให้กับบุคคลภายนอก ซึ่งถ้าบุคคลภายนอกรู้ข้อเท็จจริงอันนี้ ก้อจะถือ

ว่าเป็นผู้ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอีกด้วย

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีการวางมัดจำ หรือซื้อขายเสร็จเด็ดขาด จนถึงโอนที่ดินไปให้ผู้ซื้อแล้วก้อตาม นิติกรรมดังกล่าวสามารถ

เพิกถอนได้ทั้งหมด ท่านสามารถขอให้ทนายอาสาประจำศาล ตั้งเรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ท่านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ใน

ที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์ (ถ้าครบเงื่อนไขดังกล่าว)

* หมายที่ทนายความส่งมาให้นั้น ไม่ใช่หมายศาล เพราะยังไม่มีการฟ้องร้องเกิดขึ้น เป็นเพียงหนังสือบอกกล่าวจากทนาย

ความเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องเชื่อตามนั้น

แวะมาตอบตามการแจ้งของ "หนูจำมัย"

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
0
มีค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างทนายอาสาประจำศาลหรือไม่?

ออฟไลน์ ADB

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 235
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
    • ตับลีฆ
0
ทนายอาสา ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐโดยผ่านงบของสภาทนาย ส่วนเรากับทนายอาสา เป็นเรื่องของน้ำใจล่ะ

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
0
 salam

อ่านกระทู้นี้แล้วห่อเหี่ยวว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ขอดุอาอุ์ต่ออัลลอฮฺให้กับฝ่ายที่ถูก

อินชาอัลลอฮฺ เห็นที่ท่าน ADB โพสต์แล้วทำให้มีความหวัง ถ้ามันมีค่าใช้จ่าย

สมาชิกเวบช่วยกันคนละมือสองมือ คงไม่มีใครใจไม้ไส้ระกำ

วัสสลาม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
0
ทนายมาเองเลย สอบผู้พิพากษาเลยนิบัง จะได้ไปจัดการเรื่องนี้ช่วยเขา
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ADB

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 235
  • Respect: +24
    • ดูรายละเอียด
    • ตับลีฆ
0
ถ้าคิดอยากจะพิพากษาใครจริง ต้องหัดฟังความทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญ ต้องตัด คำว่า "มุสลิม" "ผู้ยากจน" "โดนเอาเปรียบ" ออกจากหลักการพิจารณา เพราะเหล่านี้เป็นการชี้นำให้เราเบี่ยงเบนความยุติธรรม

ออฟไลน์ a d n a n

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 698
  • เพศ: ชาย
  • "และคำพูดที่ดี เป็นซอดาเกาะฮฺ" (บุคอรียฺ , มุสลิม)
  • Respect: +13
    • ดูรายละเอียด
0
 salam

ดุอาอฺของผู้ที่ถูกอธรรม เป็นที่รับรอง

บาลา คือ การทดสอบ ของการที่พระองค์ จะเพิ่มเกียรติให้กับคน ๆ นึง ในสวงสวรรค์

ขอให้ ซอบัร และหาวิธีแก้ปัญหาต่อไป

ปล.ผู้รู้น้อย มาเพื่อให้กำลังใจครับ  loveit:

หากมาอย่าง " ผึ้ง " ก็จะได้ ~o น้ำหวาน o~ กลับไป oOo หากมาอย่าง " แมลงวัน " ก็จะไม่ได้อะไร นอกจาก

ออฟไลน์ cliniccom

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 15
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 salam

ไม่ทราบว่าอยู่ จังหวัดอะไรครับ
หากว่าอยู่4จังหวัดภาคใต้นั้น(ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล) ในเรื่องของมรดก และเรื่องของครอบครัวนั้น หากว่ามีปัญหาที่ขัดแย้งกันสามารถที่จะไปฟ้องศาลเพื่อใช้หลักกฎหมายอิสลามได้ เนื่องจาก 4จังหวัดที่กล่าวมานั้น สามารถใช้กฎหมายอิสลามได้ ในเรื่องของมรดก และครอบครัว ซึ่งจะมี ดาโต๊ะยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดตามข้อกฎหมายของอิสลาม


สำหรับสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนั้น เป็นมีฐานะเป็นแค่องค์กรอิสระ ไม่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย สามารถทำได้แค่การไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณีเท่านั้น
แต่ดาโต๊ะยุติธรรมนั้น สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ เนื่องจากเป็น ข้าราชการกระทรวงยุติธรรม เทียบเท่าผู้พิพากษา


สำหรับในส่วนของกฎหมายของรัฐนั้นท่านก็ต้องไปปรึกษากับทนาย อาจจะเป็นชมรมทนายความมุสลิมก็ได้

เอาเป็นว่า ท่านอยู่ที่ไหน สะดวกที่ไหน ก็ไปที่นั่นครับ แต่ต้องไม่ลืมว่า การตัดสินความอันใดนั้น ขึ้นอยู่สิ่งที่ปรากฎ แม้ลึกๆแล้วความจริงจะเป็นอย่างอื่นก็ตาม หากสิ่งที่ปรากฎนั้นเป็นเช่นใด ก็ต้องตัดสินไปตามนั้น ส่วนสิ่งที่เป็นที่ซ้อนเร้นนั้น อัลลอฮฺจะเป็นผู้ตัดสินเอง

วัสลาม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 15, 2009, 10:07 AM โดย cliniccom »

 

GoogleTagged