ผู้เขียน หัวข้อ: อธิบายอะกีดะฮฺของอิมามอัฏเฏาะฮาวียฺ โดยอุละมาอฺสะละฟียฺบางท่าน  (อ่าน 2857 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด

ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่อธิบายอะกีดะฮฺของอิมามอัฏเฏาะฮาวียฺ โดยอุละมาอฺสะลาฟียะฮฺ 2 เล่ม ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาไทย เล่มหนึ่งเป็นของอิศลาหฺสมาคม อีกเล่มหนึ่งเป็นการแปลโดยอ.มุฮัมมัด เหมอนุกูล แล้วมีความสงสัยอยู่สามประเด็น จึงอยากให้พี่น้องช่วยอภิปราย นำเสนอข้อมูล หน่อยว่า สิ่งที่อุละมาอฺเหล่านี้ ได้อธิบายนั้น ตรงกับอะกีดะฮฺของอะฮฺลิซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺหรือไม่ และตรงตามจุดมุ่งหมายของอิมามอัฏเฏาะฮาวียฺ ซึ่งเป็นผู้เรียบเรียงหนังสือเล่มนี้หรือไม่

หมายเหตุ
การนำเสนอข้อมูลจากหนังสือทั้งสองเล่ม ผมพยายามใช้ข้อความเดิมของผู้แปล โดยไม่พยายามเปลี่ยนแปลงประโยค หากมีส่วนไหนที่เป็นข้อความของผมเองผมจะเขียนวงเล็บบอกว่าเป็นของผู้เขียน และในการนำเสนอข้อมูลนี้ ผมไม่มีข้อความที่เป็นภาษาอาหรับทั้งตัวบทอัลกุรอาน และข้อความจากหนังสือของอิมามอัฏเฏาะฮาวียฺ เพราะผมไม่มีแป้นพิมพ์ภาษาอาหรับ ดังนั้น ถ้าพี่น้องท่านใดสามารถนำมาลงเสริมให้ อาจทำให้ข้อความต่างๆ สมบูรณ์ขึ้น ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน

วัสสลาม

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด
ประเด็นที่หนึ่ง อิมามเฏาะฮาวีย์กล่าวว่า
“....พระองค์มีมานมนาน โดยไม่มีการเริ่มต้น มีอยู่ตลอดไป โดยไม่มีการจบสิ้น พระองค์ไม่ตาย ไม่สลาย...”
ชัยค์อับดุลอะซี้ซ อิบนุบ้าซ อธิบายว่า
คำกล่าวที่ว่า “....พระองค์มีมานมนาน โดยไม่มีการเริ่มต้น... (กอดีม-ผู้เขียน)” นั้น คำคำนี้นั้น ไม่มีปรากฏในนามต่างๆ ของอัลลอฮฺ ที่สวยงาม (อัลอัสมาอุลฮุสนา-ผู้เขียน) เหมือนกับที่ผู้อธิบาย ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ และท่านอื่นๆ ได้เตือนไว้ หากแต่บรรดาผู้รู้ในวิชาว่าด้วยเรื่องการพูดได้กล่าวไว้ (น่าจะหมายถึง มุตะกัลลิมูน-ผู้เขียน) เพื่อที่จะทำให้เกิดการยอมรับในการมีอยู่ของพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใด ในขณะที่นามต่างๆ ของพระองค์นั้น เป็นสิ่งที่มีการกำหนดมาจากเบื้องบน ไม่สามารถที่นำเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาระบุบอกได้ นอกจากจักต้องอาศัยตัวบท จากคัมภีร์ที่มีเกียรติหรือซุนนะฮฺที่ถูกต้อง และไม่เป็นที่อนุญาต ในการที่จะนำเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากนามต่างๆ เหล่านั้น มาระบุบอกด้วยความเห็น เหมือนกับที่บรรดาผู้นำของผู้คนรุ่นก่อนที่ดีทั้งหลาย (สะละฟุสศอและหฺ-ผู้เขียน) ทั้งหลายได้ตราเอาไว้ในเรื่องดังกล่าว และคำว่ามีมานมนาน (กอดีม-ผู้เขียน) นั้น มันไม่ได้บ่งถึงความหมายที่พวกผู้ใช้วิชาว่าด้วยเรื่องของการพูดต้องการ (อิลมุลกะลาม-ผู้เขียน) เพราะว่า ในภาษาอรับนั้น มันหมายถึงผู้ที่มาก่อนผู้อื่น ถึงแม้เขาจะเป็นที่ถูกนำหน้า ด้วยการไม่มีมาก่อน เหมือนกับที่มีมาก่อน ในคำตรัสของพระองค์ซุบฮานะฮฺ ที่ว่า
“จนกระทั้งมันได้หวนกลับมาเหมือนกับกิ่งอินทผาลัมที่เก่าแก่” (ยาซีน : 39)
แต่แท้จริง มันบ่งบอกถึงความหมายจริงด้วยการเพิ่มที่ผู้เรียบเรียงได้กล่าวถึง และอันนั้นก็คือ คำกล่าวของท่านที่ว่า “....พระองค์มีมานมนาน โดยไม่มีการเริ่มต้น...” แต่ทว่า ไม่สมควรที่จะนำมาไว้ในนามต่างๆ ของอัลลอฮฺที่สวยงาม (อัลอัสมาอุลฮุสนา-ผู้เขียน) เนื่องจากไม่มีการระบุบอกไว้ในด้านการถ่ายทอด และนามของพระองค์ที่ว่า พระองค์เป็นแรก (อัลเอาวัล-ผู้เขียน) นั้น มันให้ความพอเพียงแล้ว เหมือนกับที่พระองค์อั๊ซซะวญัลลฺ ได้ตรัสไว้ว่า
“พระองค์ทรงเป็นแรก และสุดท้าย” (อัลหะดี้ด : 3) และอัลลอฮฺนั้นพระองค์เป็นผู้ประทานความสำเร็จ

จากหนังสือ หลักยึดมั่นตามแนวทางอิมามเฏาะฮาวีย์ เรียบเรียงโดยอิมามเฏาะฮาวีย์ วิจารณ์โดยสะมาหะตุ๊ชไชยค์อัลดุลอะซี้ซ อิบนุบ้าซ ถอดความโดยอ.มุฮัมมัด เหมอนุกูล จัดพิมพ์โดยมูลนิธิ ชี้นำสู่สันติสุข หน้า 8-10

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด
มาดูสำนวนการแปลจากอีกสำนักพิมพ์หนึ่ง
อิมามเฏาะฮาวีย์กล่าวว่า
“....พระองค์ทรงเก่าก่อน ไม่มีจุดเริ่มต้น ทรงนิรันดร์ไม่มีสิ้นสุด...”
เชคอัลบานีย์กล่าวว่า
“เก่าก่อน (ก้อดีม) ไม่ใช่พระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ผู้ที่เรียกคุณลักษณะของอัลลอฮฺเช่นนี้คือ บรรดานักวิภาษวิทยา (อัลมุตะกัลป์ลิมูนหรืออะฮฺลุลกะลาม) คำว่า “ก้อดีม” ในภาษาอาหรับที่อัลลอฮฺทรงประทานอัลกุรอานมามีความหมายว่า สิ่งที่มาก่อนอีกสิ่งหนึ่ง เช่นกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่เก่า หมายถึงมีมาก่อน นี้เป็นสิ่งใหม่ หมายถึงสิ่งที่เกิดมาทีหลัง ไม่มีการใช้คำนี้นอกจากจะบ่งถึงสิ่งที่มีมาก่อนสิ่งอื่น แต่มิได้หมายความว่า ก่อนหน้านี้จะไม่มีสิ่งอื่นอีก ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า
“จนกระทั่งมันได้กลับมาเหมือนก้านอินทผลัมเก่า” (ยาซีน : 39)
จะเรียกกิ่งก้านไม้เก่าก็ต่อเมื่อมีกิ่งใหม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีกิ่งก่อนมันอยู่ก็ตาม ดังที่ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมิยะฮฺ ได้วิเคราะห์ไว้ในหนังสือ “มัจมูอุลฟะตาวา” (1-24) และผู้อธิบายอัลอะกีดะฮฺ อัฏฏอฮาวียะฮฺ กล่าวไว้”
เชคอิบนุมานิอฺ กล่าวว่า
“การบอกคุณลักษณะของอัลลอฮฺว่าพระองค์ทรงเก่าก่อน หมายถึง การขยายความคุณลักษณะของพระองค์ ดังที่อิบนุกอยยิมได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลบะดาเอียะอฺ” และบทว่าด้วยการขายความนั้นย่อมมีความหมายกว้างขวางกว่าคุณลักษณะของอัลลอฮฺที่ระบุไว้ นักวิชาการไม่ระบุคำว่า “อัลกอดีม” (เก่าก่อน, ดั้งเดิม) ไว้ในพระนามของอัลลอฮฺอันไพจิตร (อัลอัสมาอุลฮุสนา-ผู้เขียน) แต่ทว่าพวกเขาได้อธิบายตามคุณลักษณะของอัลลอฮฺว่า พระองค์ทรงมีมาก่อนอสิ่งใด
เชคอัลบานียฺ กล่าวว่า
“ดูเหมือนว่า ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ ได้ใช้คำว่า เก่าก่อน (ก่อดีม) เป็นคุณลักษณะของอัลลอฮฺในบางครั้ง ซึ่งข้าพเจ้าจะได้เขียนอธิบายไว้ในตอนต่อไป”

จากหนังสือหลักการศรัทธาตามแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ โดยอัลอิศลาหฺสมาคม หน้าที่ 27-29

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด
ประเด็นที่สอง อิมามอัฏเฏาะฮาวีย์กล่าวว่า
“และแท้จริงอัลกุรอานคือ ดำรัสของอัลลอฮฺซึ่งมาจากพระองค์ ปรากฏเป็นคำพูดโดยปราศจากวิธีและพระองค์ทรงประทานมายังร่อซูลของพระองค์ โดยการวะฮียฺ และบรรดาศรัทธาชนเชื่อมั่นว่าเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าอัลกุรอานคือคำดำรัสของอัลลอฮฺตะอาลาอย่างแท้จริง มิใช่สิ่งที่ถูกบังเกิดดังคำพูดของสิ่งที่ถูกสร้าง ดังนั้น ผู้ที่ได้ยินอัลกุรอาน แล้วอ้างว่านั้นเป็นคำพูดของมนุษย์ แท้จริง เขาเป็นผู้ปฏิเสธ และอัลลอฮฺทรงตำหนิ ทรงติเตียน และทรงสำทับเขาถึงนรก โดยที่อัลลอฮฺตรัสว่า “ข้าจะโยนเขาลงไปในนรก” อัลมุดดัซซิร : 26 เมื่ออัลลอฮฺทรงสำทับถึงการลงโทษในนรกสำหรับผู้ที่กล่าวว่า “นิ่มิใช่อื่นใดนอกจากคำพูดของมนุษย์” อัลมุดดัซซิร : 25 เรารู้และเราแน่ใจว่านั้นเป็นดำรัสของผู้ทรงสร้างมนุษย์ และไม่เหมือนกับคำพูดของมนุษย์”

เชคอัลบานียฺ กล่าวว่า
“ผู้เขียนอัลอะกีดะฮฺ อัฏฏอฮาวียะฮฺ ได้คัดลอกถ้อย่คำนี้มาจากข้อเขียนวของชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺ ในหนังสือมัจมูอุลฟะตะวา เล่มที่ 12 หน้าที่ 507 เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิง อบุลอิซ อัลหะนะฟียฺ – ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงพอพระทัยในท่านด้วย - ได้กล่าวไว้ในคำอธิบายอัลอะกีดะฮฺ อัฎฏอวาวียฺว่า “นี่เป็นสิ่งที่อัฏฏอวาวียฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ เขียนไว้ ซึ่งเป็นจริงที่มีหลักฐานจากอัลกุรอาน และซุนนะฮฺยืนยัน สำหรับผู้ที่ใคร่ครวญ และมีวิจารณญาณปรกติ ไม่มีความคลางแคลง ไม่มีความคลุมเครือ และทัศนะไม่ผันแปร ท่านกล่าวว่า นักวิชาการมีความเห็นเกี่ยวกับดำรัสของอัลลอฮฺ โดยแบ่งออกเป็น 9 ทัศนะ ทัศนะที่ 3 กล่าวว่า ดำรัสของอัลลอฮฺมีความหมายเดียว ดำรงอยู่กับองค์อัลลอฮฺ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งใช้คำสั่งห้าม การบอกกล่าว การถามรายละเอียด ถ้าหากว่าถ่ายทอดมาเป็นภาษาอาหรับ ก็เป็นคัมภีร์อัลกุรอาน ถ้าหากว่าถ้ายทอดมาเป็นภาษาฮิบรู ก็เป็นคัมภีร์เตารอต นี่คือ ทัศนะของอิบนุกิลาบ และผู้ที่มีความเห็นเช่นเดียวกันนี้คือ อบุลหะซัน อัลอัชอะรียฺ และบุคคลอื่นๆ ทัศนะที่ 7 กล่าวว่า ดำรัสของอัลลอฮฺประมวลถึงความหมายที่อยู่ ณ อัลลอฮฺ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างในสิ่งอื่น นี่เป็นทัศนะของอบูมันซูร อัลมาตุริดียฺ ทัศนะที่ 9 กล่าวว่าอัลลอฮฺยังคงตรัส เมื่อพระองค์ทรงประสงค์ และตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงตรัสโดยมีเสียงได้ยินชนิดของถ้อยคำ นี่เป็นร่องรอยมาจากนักวิชาการทางด้านหะดีษและซุนนะฮฺ””
เชคอิบนุมานิอฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“อัลกุรอานคือดำรัสของอัลลอฮฺ ทั้งถ้อยคำและความหมาย ท่านไม่พูดว่าอัลกุรอานเป็นเพียงถ้อยคำไม่มีความหมาย ดังเช่นคำพูดของพวกมัวะตะซิละฮฺ และไม่พูดว่า อัลกุรอานเป็นแต่เพียงความหมายไม่มีถ้อยคำ ดังทัศนะของพวกอัลกิลาบียะฮฺ ผู้หลงผิด และที่หลงผิดจากผู้ดำเนินตามพวกเขา อันได้แก่พวกอะฮฺลุลกะลาม (นักวิภาษวิทยา) ชาวอะฮฺลุซซุนนะฮ วัลญะมาอะฮฺเชื่อมั่นว่า อัลกุรอานเป็นดำรัสของอัลลอฮฺ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้าง ถ้อยคำและความหมายของอัลกุรอานเป็นดำรัสของอัลลอฮฺ ท่านญิบรีลได้รับฟังมาจากอัลลอฮฺ ต่อจากนั้นนบีมุฮัมมัดก็นำไปถ้ายทอดต่อไปยังบรรดาซ่อฮาบะฮฺ มีการบันทึกไว้ ท่องจำไว้ในใจ และอ่านอยู่ตลอดเวลา”

จากหนังสือหลักการศรัทธาตามแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ โดยอัลอิศลาหฺสมาคม หน้าที่ 51-54

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด
ประเด็นที่สามอิมามเฏาะฮาวีย์กล่าวว่า
 
“...และพระองค์ทรงสูงส่งจากการจำกัดขอบเขต จุดหมาย องค์ประกอบอวัยวะ และชิ้นส่วน ทิศทางทั้งหกไม่เกี่ยวกับพระองค์ ดังเช่นสิ่งอุตริทั้งหลาย...”

เชคอัลบานียฺ กล่าวว่า
“จุดประสงค์ของอัฏฏอฮาวียฺ ในการเขียนหัวข้อนี้ เพื่อตอบโต้ต่อบุคคล 2 กลุ่มคือ
1.   พวกอัลมุญัสสิมะฮฺและพวกอัลมุชับบิฮะฮฺ ที่กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงมีเรือนร่าง มีซาต มีอวัยวะ และลักษณะอื่นๆ แท้จริงอัลลอฮฺทรงสูงส่ง ทรงยิ่งใหญ่เหนือสิ่งที่พวกเขากล่าว
2.   พวกมุอัฏฏิละฮฺ คือ พวกที่ปฏิเสธคุณลักษณะของอัลลอฮฺ เพื่อไม่ให้พระองค์เหมือนกับสิ่งที่ถูกสร้าง พระองค์ทรงแตกต่างจากพวกเขาอย่างแน่นอน บางคนมีความเห็นว่า อัลลอฮฺทรงประทับในทุกสิ่ง หมายความว่า พระองค์ทรงสถิตอยู่ในเรือนร่างของสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง และพระองค์ทรงห้อมล้อมทิศทั้ง 6 ที่ถูกสร้าง พระองค์ไม่ทรงอยู่เหนือพวกมัน ผู้เขียนอัลอะกีดะฮฺอัฏฮาวียะฮฺปฏิเสธคำพูดเช่นนี้ แต่ทว่าพวกนักอุตริกรรมบางคน (ผู้ทำบิดอะฮฺ) พวกเขาได้ตีความหมายไปจนเกือบจะยกเลิกคุณลักษณะของพระองค์ ดังที่ผู้อธิบายได้ชี้แจงไว้ และเชคมุฮัมมัด อิบนุมานิอฺ ได้สรุปว่า
“เป้าหมายในการนี้เพื่อตอบโต้ต่อพวกอัลมุชับบิฮะฮฺ แต่ทว่าข้อความมีความรวบรัดไม่ชัดเจน ซึ่งไม่เป็นที่รู้กันในหมู่ชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ การตอบโต้ต่อพวกเขาโดยอ้างตัวบทจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺเหมาะสมและดีกว่าการตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่คลุมเครือ ซึ่งค้านกับสิ่งที่ถูกต้อง ดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า “ไม่มีสิ่งใดเหมือนพระองค์ และพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น” เป็นการตอบโต้ต่อพวกอัลมุชับบิฮะฮฺและอัลมุอัฏฏิละฮฺ จึงไม่สมควรที่ผู้แสวงหาความถูกต้องจะให้ความสนใจต่อถ้อยคำเช่นนี้และยึดถือเป็นหลักฐาน แท้จริง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มีคุณลักษณะที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทรงยิ่งใหญ่ ทรงสูงส่ง พระองค์ทรงอยู่เหนือสิ่งที่ถูกบังเกิดทั้งหลาย พระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์ พระองค์ทรงแตกต่างจากสรรพสิ่งทั้งหลาย พระองค์ทรงลงมายังฟากฟ้าแห่งดุนยา ทรงมาในวันกิยามะฮฺ ทุกสิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของพระองค์ที่แท้จริง เราจะไม่ผินความหมายไปดังเช่นการผินความหมาย “มือ” ว่าหมายถึงความสามารถ “การลงมาของพระองค์” หมายถึง การลงมาของคำบัญชาของพระองค์ ตลอดจนคุณลักษณะอื่นๆ เรายึนยันถึงการมีคุณลักษณะของอัลลอฮฺ โดยไม่จำตอ้งรู้รายละเอียดหรือวิธีการ อิมามอัฏฏอฮาวียฺได้ใช้ถ้อยคำที่กะทัดรัดมีความหมายคลุมเครือ จึงทำให้มีกล่าวว่าเป้นถ้อยคำที่ถูกปลอมแปลง แล้วพาดพิงไปยังท่าน ซึ่งไม่ใช่ถ้อยคำของท่าน ส่วนข้าพเจ้ามิได้มองท่านอิมามอัฏฏอฮาวียฺในแง่ไม่ดี จะอย่างไรก็ตาม ความเท็จย่อมจะตกเป็นของผู้ที่พูดเช่นนั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ผู้ใดที่อ่านชีวประวัติของอิมามอัฏฏอฮาวียฺ เฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือลิซานุลมีซาน ก็จะทราบว่า ท่านเป็นผู้หนึ่งจากนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ โดยเหตุนี้ เราจึงมองท่านในแง่ที่ดี เมื่อมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ถึงท่าน”
จบคำพูดของอิบนุมานิอฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ”
จากหนังสือหลักการศรัทธาตามแนวทางอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ โดยอัลอิศลาหฺสมาคม หน้าที่ 71-74

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด
มาดูข้อมูลจากหนังสืออีกเล่มหนึ่ง
อิมามเฏาะฮาวีย์กล่าวว่า
“...พระองค์ทรงสูงส่งเลยขอบเขต จุดหมายปลายทาง หลักใหญ่ องค์ประกอบ อุปกรณ์ต่างๆ ทิศต่างๆ ทั้งหกไม่สามารถโอบล้อมพระองค์ได้ เหมือนกับสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ต่างๆ...”
ชัยค์อับดุลอะซี้ซ อิบนุบ้าซ อธิบายว่า
“คำกล่าวของท่านที่ว่า “...พระองค์ทรงสูงส่งเลยขอบเขต จุดหมายปลายทาง หลักใหญ่ องค์ประกอบ อุปกรณ์ต่างๆ ทิศต่างๆ ทั้งหกไม่สามารถโอบล้อมพระองค์ได้ เหมือนกับสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ต่างๆ...” คำพูดนี้ มีการย่นย่อ ซึ่งพวกผู้ชอบตีความ และออกนอกลู่นอกทาง อาจจะฉวยโอกาสนำมาใช้ในนาม และลักษณะต่างๆ ของอัลลอฮฺ ซึ่งมันไม่มีข้ออ้างใดๆ สำหรับพวกเขา ในเรื่องดังกล่าว เพราะว่า จุดมุ่งหมายของท่าน ร่อหิมะฮุลลอฮฺนั้น คือ การทำให้พระผู้ทรงสร้าง โดยไม่มีรูปแบบมาก่อน ซุบฮานะฮฺ สะอาดบริสุทธิ์ จากการเหมือนกับสิ่งถูกสร้างต่างๆ แต่ทว่า ท่านได้นำเอาถ้อยคำที่มีการย่นย่อมา ที่จักต้องมีการขยาย เพื่อที่จะทำให้การเหมือนนี้หมดไป ดังนั้น จุดมุ่งหมายของท่านในคำว่า “ขอบเขต” นั้น ท่านหมายถึงขอบเขตที่มนุษย์รู้ ซึ่งพระองค์ซุบฮานะฮฺนั้น ไม่มีใครรู้ขอบเขตของพระองค์ได้ นอกจากพระองค์เท่านั้น เพราะว่าสิ่งถูกสร้างทั้งหลายนั้น ไม่สามารถรู้ในพระองค์โดยหมดสิ้นได้ เหมือนกับที่พระองค์อั๊ซซะวะญัลลฺได้กล่าวว่า
“พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่มีอยู่ด้านหน้าของพวกเขา และสิ่งที่มีอยู่ด้านหลังของพวกเขา และพวกเขาไม่สามารถรู้ในพระองค์ โดยหมดสิ้นได้” (ฏอฮา : 110)
และชนรุ่นก่อนคนใด (สลัฟ – ผู้เขียน) ที่ได้กล่าวถึงการมีขอบเขต ในการสถิต หรืออื่นจากนั้น จุดมุ่งหมายของเขา ก็คือ ขอบเขตที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮฺทรงรู้ ในขณะที่บรรบ่าวไม่รู้
ส่วน “...จุดหมายปลายทาง หลักใหญ่ องค์ประกอบ อุปกรณ์ต่างๆ...” นั้น จุดมุ่งหมายของท่าน ร่อหิมะฮุลลอฮฺนั้น ก็คือ การทำให้อัลลอฮฺบริสุทธิ์ผุดผ่องจากการเหมือนกับสิ่งถูกสร้างต่างๆ ในเรื่องของความรอบรู้ของพระองค์ และลักษณะแห่งตนต่างๆ ของพระองค์ อันประกอบไปด้วย ใบหน้า มือ เท้า และอื่นจากนั้น พระองค์ซุบฮานะฮฺนั้น ก็เป็นผู้ได้รับการให้ลักษณะด้วยลักษณะดังกล่าว แต่ทว่า ลักษณะต่างๆ ของพระองค์นั้น ไม่เหมือนกับลักษณะต่างๆ ของสิ่งถูกสร้าง ไม่มีใครรู้วิธีของมันได้ นอกจากพระองค์ซุบฮานะฮฺเท่านั้น พวกผู้อุตริกรรม (บิดอะฮฺ) ต่างๆ จะใช้คำต่างๆ ในทำนองนี้ เพื่อที่จะใช้มันไปสู่การปฏิเสธลักษณะต่างๆ โดยใช้คำอื่นที่ไม่ใช้คำที่อัลลอฮฺทรงพูด และระบุบอกมันแก่ตัวตนของพระองค์ เพื่อที่จะได้มีมีการเปิดโปง และเพื่อที่จะไม่ให้บรรดาผู้รักความจริงออกมาแฉความน่าเกลียดของพวกเขา ท่านผู้เรียบเรียง อัฏเฏาะฮาวียฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ นั้นไม่ได้มีความมุ่งหมาย ในจุดมุ่งหมายนี้ เนื่องจากว่า ท่านเป็นผู้ที่สังกัดอยู่ในแนวความคิดของบรรดาผู้ยึดมั่นอยู่ในแนวทางของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผู้ระบุบอกในลักษณะต่างๆ ของอัลลอฮฺ และคำพูดของท่าน ในหลักการเชื่อถือนี้ ขยายความซึ่งกันและกัน ยืนยันซึ่งกันและกัน มันขยายความสิ่งที่มีความหมายหลายนัย ด้วยสิ่งที่มีความหมายหลายนัยเดียว คำพูดของท่านนะเป็นอย่างนี้ เป็นต้น
“...ทิศต่างๆ ทั้งหกไม่สามารถโอบล้อมพระองค์ได้ เหมือนกับสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ต่างๆ...” จุดมุ่งหมายของท่านนั้นคือ ทิศทางต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา จุดมุ่งหมายของท่านนั้น ไม่ใช่การปฏิเสธความสูงส่งของอัลลอฮฺ และการสถิตอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์แต่ประการใด เพราะว่า อันนั้น มันไม่ได้เข้าอยู่ในทิศทางต่างๆ ทั้งหก หากแต่พระองค์ทรงอยู่เหนือโลก และเป็นผู้โอบล้อมโลก ในขณะที่อัลลอฮฺทรงให้บรรดาบ่าวของพระองค์เกิดขึ้นมา โดยมีการศรัทธาในความสูงส่ง ในขณะที่อะฮฺลิซซุนนะฮฺวั้ลญะมาอะฮฺ จากบรรดาสาวกของท่านนบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาผู้ติดตามพวกเขามาด้วยดีได้เห็นพ้องต้องกันในเรื่องดังกล่าว และหลักฐานต่างๆ ในกิต้าบ และซุนนะฮฺที่ถูกต้อง ที่มีการรายงานมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทั้งหมดมันบ่งบอกถึงว่า พระองค์ซุบฮานะฮฺนั้น ทรงอยู่บนที่สูง โอ้ท่านผู้อ่านที่มีเกียรติ ก็ขอให้ท่านได้ระวังในเรื่องที่ยิ่งใหญ่นี้ และจงรู้ไว้เถิดว่า พระองค์นั้น คือ ความจริง และสิ่งที่นอกเหนือไปจากพระองค์ เป็นความเท็จ และอัลลอฮฺนั้น พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานความสำเร็จให้”


จากหนังสือ หลักยึดมั่นตามแนวทางอิมามเฏาะฮาวีย์ เรียบเรียงโดยอิมามเฏาะฮาวีย์ วิจารณ์โดยสะมาหะตุ๊ชไชยค์อัลดุลอะซี้ซ อิบนุบ้าซ ถอดความโดยอ.มุฮัมมัด เหมอนุกูล จัดพิมพ์โดยมูลนิธิ ชี้นำสู่สันติสุข หน้า 15-17

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ประเด็นที่หนึ่ง อิมามเฏาะฮาวีย์กล่าวว่า
“....พระองค์มีมานมนาน โดยไม่มีการเริ่มต้น มีอยู่ตลอดไป โดยไม่มีการจบสิ้น พระองค์ไม่ตาย ไม่สลาย...”
ชัยค์อับดุลอะซี้ซ อิบนุบ้าซ อธิบายว่า
คำกล่าวที่ว่า “....พระองค์มีมานมนาน โดยไม่มีการเริ่มต้น... (กอดีม-ผู้เขียน)” นั้น คำคำนี้นั้น ไม่มีปรากฏในนามต่างๆ ของอัลลอฮฺ ที่สวยงาม (อัลอัสมาอุลฮุสนา-ผู้เขียน) เหมือนกับที่ผู้อธิบาย ร่อหิมะฮุ้ลลอฮฺ และท่านอื่นๆ ได้เตือนไว้ หากแต่บรรดาผู้รู้ในวิชาว่าด้วยเรื่องการพูดได้กล่าวไว้ (น่าจะหมายถึง มุตะกัลลิมูน-ผู้เขียน) เพื่อที่จะทำให้เกิดการยอมรับในการมีอยู่ของพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใด ในขณะที่นามต่างๆ ของพระองค์นั้น เป็นสิ่งที่มีการกำหนดมาจากเบื้องบน ไม่สามารถที่นำเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาระบุบอกได้ นอกจากจักต้องอาศัยตัวบท จากคัมภีร์ที่มีเกียรติหรือซุนนะฮฺที่ถูกต้อง และไม่เป็นที่อนุญาต ในการที่จะนำเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากนามต่างๆ เหล่านั้น มาระบุบอกด้วยความเห็น เหมือนกับที่บรรดาผู้นำของผู้คนรุ่นก่อนที่ดีทั้งหลาย (สะละฟุสศอและหฺ-ผู้เขียน) ทั้งหลายได้ตราเอาไว้ในเรื่องดังกล่าว และคำว่ามีมานมนาน (กอดีม-ผู้เขียน) นั้น มันไม่ได้บ่งถึงความหมายที่พวกผู้ใช้วิชาว่าด้วยเรื่องของการพูดต้องการ (อิลมุลกะลาม-ผู้เขียน) เพราะว่า ในภาษาอรับนั้น มัน

อัลฮัมดุลิลลาฮ์  ที่อุลามาอฺวะฮาบียะฮ์ยุคค่อลัฟปัจจุบัน(ไม่ใช่สะลัฟ)  ได้เริ่มอธิบายอะกีดะฮ์ก้าวแรกของตนเองด้วยความผิดพลาด  เนื่องจากคำว่า "กะดีม" นั้นเป็นนามของอัลเลาะฮ์ที่ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ในซุนนะฮ์ของท่าน  ซึ่งได้รายงานโดยอะบูดาวูด  ความว่า

عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ كَانَ إِذَا دَخَلَ الْمَسْجِدَ قَالَ أَعُوذُ بِاللَّهِ الْعَظِيمِ وَبِوَجْهِهِ الْكَرِيمِ وَسُلْطَانِهِ الْقَدِيمِ مِنْ الشَّيْطَانِ الرَّجِيمِ

"รายงานจากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า แท้จริง  เมื่อท่านได้เข้ามัสยิด  ท่านก็กล่าวว่า  ข้าพเจ้าขอความคุ้มครองด้วยอัลเลาะฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่  ด้วยพระองค์ผู้ทรงมีเกียรติ  ด้วยอำนาจของพระองค์ที่ทรงก่อดีม(มีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น) (ให้พ้น)จากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่งด้วยเถิด"  รายงานโดยอะบูดาวูด (394)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 14, 2009, 01:58 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ อิดริส

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 77
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
แล้วหนังสือที่แปลโดยอัลอิศลาสมาคมนั้นอ่านได้ไหม พอดีมี 1 เล่ม แล้วอัลอิสลาสมาคมอยู่สำนักไหนครับ อยากถามตั้งนานแล้วเรื่องหนังสือเล่มนี้ บังเอิญมีกระทู้นี้เลยถามซะเลย วัสลาม
การเงียบคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio

เคยได้ยินมาว่า อัลอศลาสมาคม นั้นเป็นสายใหม่ที่ตรงกันข้ามกับ มรฟ

ออฟไลน์ abu-khulus

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 76
  • Respect: -3
    • ดูรายละเอียด
ฝากอาจารย์ al-azhary ช่วยชี้แจงอีกสองประเด็นที่เหลือด้วยครับ
ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน

ออฟไลน์ nextstep555

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 4
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เข้ามาเยี่ยมค้าบ

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้เข้าห้องสมุดของมหาลัยที่ผมเรียนอยู่ที่อินโดฯ ก็ไปที่หมวดหนังสือเกี่ยวกับอกีดะฮ์ ก็พบหนังสืออธิบายอะกีดะฮฺของอิมามอัฏเฏาะฮาวียฺเล่มหนึ่ง เป็นฉบับแปลภาษาอินโดเนเซีย เล่มหนาก็พอสมควร ซึ่งผู้ทำการอธิบาย (ชะเราะหฺ) นั้นก็คือ เชคเฟาซาน อุละมาอ์ชาวสอูดีย์ฯ ส่วนเนื้อหานั้น ผมยังไม่ได้อ่านแบบทำความเข้าใจ แค่ดูผ่านๆ ไปก่อน เพราะต้องการจะหาหนังสือเล่มอื่นอีกอะครับ - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ทัศนะที่ 9 กล่าวว่าอัลลอฮฺยังคงตรัส เมื่อพระองค์ทรงประสงค์ และตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงตรัสโดยมีเสียงได้ยินชนิดของถ้อยคำ นี่เป็นร่องรอยมาจากนักวิชาการทางด้านหะดีษและซุนนะฮฺ””

ความจริงเบื้องลึกของทัศนะที่เก้านี้  ไม่ใช่เป็นอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วั้ลญะมาอะฮ์  แต่เป็นทัศนะของมั๊วะตะซิละฮ์และทัศนะของวะฮาบียะฮ์ในปัจจุบันครับ   เพราะการที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสด้วยซีฟัตเสียงนั้น  ไม่มีอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่ซอฮิห์ได้ยืนยันคุณลักษณะดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนเลย

ดังนั้นคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์  ต้องหลักฐานที่ซอฮิห์ชัดเจน  มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน  จะมาวินิจฉัยทึกทักกันเอาเองไม่ได้

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
ทัศนะที่ 9 กล่าวว่าอัลลอฮฺยังคงตรัส เมื่อพระองค์ทรงประสงค์ และตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงตรัสโดยมีเสียงได้ยินชนิดของถ้อยคำ นี่เป็นร่องรอยมาจากนักวิชาการทางด้านหะดีษและซุนนะฮฺ””

ความจริงเบื้องลึกของทัศนะที่เก้านี้  ไม่ใช่เป็นอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วั้ลญะมาอะฮ์  แต่เป็นทัศนะของมั๊วะตะซิละฮ์และทัศนะของวะฮาบียะฮ์ในปัจจุบันครับ   เพราะการที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสด้วยซีฟัตเสียงนั้น  ไม่มีอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่ซอฮิห์ได้ยืนยันคุณลักษณะดังกล่าวไว้อย่างชัดเจนเลย

ดังนั้นคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์  ต้องหลักฐานที่ซอฮิห์ชัดเจน  มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน  จะมาวินิจฉัยทึกทักกันเอาเองไม่ได้

วัลลอฮุอะลัม


การกล่าวว่า คำตรัสของอัลลอฮฺตะอาลา นั้น มีเสียง เป็นถ้อยคำ  นี่ไม่ใช่ทัศนะของอะลิสสุนนะฮฺ คับ

เพราะการให้ทัศนะว่า คำตรัสของอัลลอฮฺมีเสียง เป็นถ้อยคำ นั้น เท่ากับว่า ทำให้อัลลอฮฺเหมือนกับมัคลูก คับ




// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

 

GoogleTagged