วะฮาบีย์กลุ่มหนึ่งในอียิปต์ กล่าวว่า
ดังนั้นก็ตกลงว่าอัลลอฮฺ อยู่บนฟ้าใช้หรือเปล่า? ไม่ได้อยู่ในทุกๆที่ใช้ไหม? ถ้าหากว่าให้ความหมายว่าعلى السماء บนฟ้า ก็ยังคงอยู่ในความหมายเดิม
ชี้แจง
ผมได้อธิบายไปแล้วนะครับว่า คำว่า "บนฟ้า" นี้ ไม่ได้หมายถึงอยู่บนฟ้าแบบมีทิศ แต่ "บนฟ้า" ตรงนี้หมายถึงสูงส่งด้วยเกียติของพระองค์เหนือท้องฟ้าและแผ่นดิน และสำหรับอะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺแล้ว เราไม่เคยบอกว่าอัลลอฮฺอยู่ในทุกสถานที่ครับ การบอกว่าอัลลอฮฺอยู่ในทุกสถานที่นั้นไม่ใช่หลักการยึดมั่นของอะชาอิเราะฮฺ วะฮาบีย์บางคนที่ไม่รู้จริง แต่กลับมายัดเยียดว่า อุละมาอฺอะชาอิเราะฮฺ กล่าวว่า "อัลลอฮฺอยู่ทุกที่ นี่เป็นสิ่งที่มุสาต่ออะชาอิเราะฮฺ" เพราะหลักการของอะชาอิเราะฮฺ คือ "อัลลอฮฺทรงมี แต่ไม่มีสถานที่ ไม่มีใครู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ไหน" แม้แต่มลาอิกะฮฺผู้แบกอะรัช ยังไม่รู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ที่ไหน แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์อย่างเราจะรู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ที่ไหน
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ
"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ไหน" หะดิษนี้ซอฮิหฺ
ท่านอะบียะอฺลาได้รายงานฮะดิษไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 , ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้ตัดสินซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับฮะดิษของอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) , และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ) , ท่านอิมามอัศศะยูฏีย์ได้รายงานไว้ในหนังสืออัลญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฆีร ฮะดิษลำดับที่ (906) , และฮะดิษนี้ได้รับการสนับสนุนจากจากฮะดิษท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ด้วยสองรายงาน ซึ่งรายงานโดยท่านอะบูดาวูด ฮะดิษลำดับที่ (4727) และอัลบานีย์เอง ก็ตัดสินว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์ ไว้ในหนังสือ มุตตะซ็อรสุนันอะบีดาวูด (4727) , และอัลบานีย์ยังตัดสินเป็นฮะดิษซอฮิห์ไว้ในหนังสือ ญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฮิห์ (854)
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺผู้ที่โลกอิสลามให้ฉายาว่า "อะมีรุลมุมินีนฟิลฮะอิษ" (หัวหน้ามวลผู้ศรัทธาในวิชาฮะดิษ) ได้อธิบายฮะดิษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า
إِنَّ أَحَدَكُمْ إِذَا قَامَ فِي صَلَاتِهِ فَإِنَّهُ يُنَاجِي رَبَّهُ أَوْ إِنَّ رَبَّهُ بَيْنَهُ وَبَيْنَ الْقِبْلَةِ فَلَا يَبْزُقَنَّ أَحَدُكُمْ قِبَلَ قِبْلَتِهِ
"แท้จริงเมื่อคนใดจากพวกท่านอยู่ในละหมาด แท้จริงแล้วเขากำลังเข้าเฝ้าผู้อภิบาลของเขา หรือแท้จริงผู้อภิบาลของเขานั้น อยู่ระหว่างเขากับกิบละฮ์ ดังนั้นคนใดจากพวกท่านอย่าถ่มน้ำลายท่านด้านกิบลัต" รายงานโดยบุคอรีย์ (390)
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุฮะญัร กล่าวอธิบายฮะดิษนี้ว่า
وَفِيهِ الرَّدّ عَلَى مَنْ زَعَمَ أَنَّهُ عَلَى الْعَرْش بِذَاتِهِ
"ในฮะดิษนี้ ได้โต้ตอบผู้ที่อ้างว่า อัลเลาะฮ์อยู่บนอะรัชด้วยซาตของพระองค์" หนังสือฟัตฮุลบารีย์ : 1/508
รายงานจากท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ความว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ أَقْرَبُ مَا يَكُونُ الْعَبْدُ مِنْ رَبِّهِ عَزَّ وَجَلَّ وَهُوَ سَاجِدٌ فَأَكْثِرُوا الدُّعَاءَ
"ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า บ่าวคนหนึ่ง จะใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากที่สุด โดยที่เขาทำการสุยูด ดังนั้น พวกท่านจงขอดุอาอ์ให้มากๆ"
รายงานโดย อิมามมุสลิม
ท่าน อิมาม หาฟิซฺ อัสสะยูฏีย์ ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺ หนึ่งในผู้ได้รับฉายาว่า "อะมีรุลมุมินีนฟิลฮะอิษ" (หัวหน้ามวลผู้ศรัทธาในวิชาฮะดิษ) ได้กล่าวว่า
وَقَالَ الْبَدْر اِبْن الصَّاحِب فِي تَذْكَرَته : فِي الْحَدِيث إِشَارَة إِلَى نَفْي الْجِهَة عَنْ اللَّه تَعَالَى
" ท่าน อัลบัดรฺ บิน อัสศอฮิบ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตัษฺกิเราะฮ์ของเขาว่า ในหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธทิศจากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) "
ดู หนังสือ อธิบาย สุนัน อันนะซาอีย์ ของท่าน อัสสะยูฏีย์ : 1/576
ดังนั้น
เมื่อบรรดาตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษที่ซอฮิห์ได้ระบุว่า อัลเลาะฮ์อยู่ใกล้ชิดเรา , พระองค์อยู่ระหว่างเรากับกิบลัต , พระองค์อยู่เหนืออะรัช , พระองค์อยู่พร้อมกับเรา , และมะลาอิกะฮ์ผู้แบกบัลลังก์ยังไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน , ซึ่งประมวลหลักฐานทั้งหมดโดยที่เราไม่ปฏิเสธหลักฐานใดหลักฐานหนึ่งนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์ฐานันดรทรงสูงส่งมิใช่พระองค์ทรงอยู่บนสถานที่สูง
วะฮาบีย์บางคนอ้างด้วยคำกล่าวที่ไม่รู้จริงว่า ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺมีทัศนะว่า "อัลลอฮฺอยู่ในทุกๆ ที่ ด้วยซาตของพระองค์" ดังนั้น นี่คือ คำกล่าวหาต่ออะชาอิเราะฮฺที่มุสา ท่านอิมาม อัลฆอซาลีย์ ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺ ผู้ได้รับฉายา "หุจญะตุลอิสลาม" (หลักฐานแห่งอิสลาม) กล่าวว่า "และพระองค์ทรงอยู่กับพวกเจ้าไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด" การตีความดังกล่าวด้วยความเห็นพร้องจากปวงปราชญ์ คือ (อัลเลาะฮ์ทรงอยู่พร้อมกับพวกเรา) ด้วยอิลมุ(ความรอบรู้ของพระองค์) " ดู หนังสือ เอี๊ยะห์ยาอ์ อุลูมิดดีน ของท่านอิมามอัลฆอซะลี 1/108)
ท่านอิมามอัลกุชัยรีย์ ปราชญ์ตะเซาวุฟ กล่าวว่า " โองการที่ว่า (พระองค์อยู่พร้อมกับพวกท่าน) นั้น หมายถึง อยู่พร้อมด้วยการอิลมุ(ความรอบรู้ของพระองค์)" ดู หนังสือ อิตฮาฟ อัซซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน ของท่านอัซซะบีดีย์ 2/108) เพราะหากคุณเชื่อว่าอัลลอฮฺทรงอยู่บนฟ้าแบบมีทิศ คือ อยู่บนฟ้าข้างบน ก็เท่ากับว่าคุณมีอะกีดะฮฺ แบบเดียวกับฟิรอูนผู้ถูกสาปแช่ง
ท่านอิมามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ ได้กล่าวอธิบายไว้ในตัฟซีรของท่านว่า
إن فرعون لما طلب حقيقة الإله من موسى عليه السلام ولم يزد موسى عليه السلام على ذكر صفة الخلاقية ثلاث مرات ، فإنه لما قال " وما رب العالمين " ففي المرة الأولى قال " رب السماوات والأرض وما بينهما إن كنتم موقنين " وفي الثانية قال " ربكم ورب آبائكم الأولين " وفي المرة الثالثة " رب المشرق والمغرب وما بينهما إن كنتم تعقلون " ومثل ذلك إشارى إلى الخلاقية ، وأما فرعون لعنه الله فإنه قال " يا هامان ابن لي صرحا لعلي أبلغ السباب ، أسباب المساوات فأطلع إلى إله موسى " فطلب الإله في السماء فعلمنا أن وصف الإله بالخلاقية وعدم وصفه بالمكان والجهة دين موسى عليه السلام وسائر جميع الأنبياء وصفه تعالى بكونه في السماء دين فرعون وإخوته من الكفرة
"แท้จริงฟิรอูนนั้น ในขณะที่เขาต้องการทราบถึงแก่นแท้พระเจ้าของนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม ท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม ก็มิได้กล่าวเพิ่มเติมมากไปกว่า 3 ครั้งจากคุณลักษณะผู้ทรงสร้าง ดังนั้นในขณะที่ฟิรอูนถามว่า "อะไรคือผู้อภิบาลแห่งสากลโลก" ท่านนบีมูซาได้ตอบในครั้งแรกว่า "พระองค์คือผู้อภิบาลแห่งบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในระหว่าง 2 แผ่นดิน หากพวกท่านเป็นผู้มีความมั่นใจ" ในครั้งที่สองท่านนบีมูซาตอบว่า "พระองค์คือผู้อภิบาลของพวกท่านและเป็นผู้อภิบาลของบรรพบุรุษของพวกท่านในยุคแรก" และตอนในครั้งที่สองว่า "พระองค์เป็นผู้อภิบาลทั้งตะวันออกและตะวันตกและสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านใช้สติปัญญาใคร่ครวญ" และเฉกเช่นดังกล่าวนี้เป็นการชี้ถึงการเป็นผู้ทรงสร้าง(ของอัลเลาะฮ์) สำหรับฟิรอูนนั้น - ขออัลเลาะอ์ทรงสาปแช่งเขา - เขาได้กล่าวว่า "โอ้ฮามานเฮ่ยจงสร้างหอส่งให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่ฉันจะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่บรรดาชั้นฟ้าเพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา" ดังนั้นฟิรอูนจึงแสวงหาพระเจ้าบนฟากฟ้า ฉะนั้นเราจึงรู้เลยว่า การพรรณาคุณลักษณะของพระเจ้าด้วยคุณลักษณะการเป็นผู้ทรงสร้าง(ฟากฟ้าและแผ่นดิน)และไม่พรรณาคุณลักษณะของพระองค์ด้วยการมีสถานที่และทิศนั้น เป็นศาสนาของนบีมูซาอะลัยฮิสลามและบรรดานบีอื่น ๆ ทั้งหมด และการพรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ด้วยคุณลักษณะที่พระองค์อยู่บนฟ้า (แบบฟิรอูนโดยพรรณาว่าพระองค์ทรงอยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ในเชิงรูปธรรม)นั้น เป็นศาสนาของฟิรอูนและบรรดาวงศ์วานของพวกจากพวกกาเฟร" หนังสืออัตตัฟซีร อัลกะบีร : 14/119
ดังนั้น สำหรับเรา ชาวอะลิสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ ปราชญ์ส่วนมากในโลกอิสลาม เราเชื่อว่า อัลลอฮฺทรงมีมาแต่เดิม แต่ไม่มีสถานที่ ไม่มีใครู้ว่าอัลลอฮฺทรงอยู่ไหน แม้แต่มลาอิกะฮฺผู้แบกอะรัชก็ยังไม่รู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ที่ไหน .............