ผู้เขียน หัวข้อ: จากอายะฮฺที่ว่า أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ  (อ่าน 2388 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด


วะฮาบีย์กลุ่มหนึ่งในอียิปต์ กล่าวว่า

อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า :}   {أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ

พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือจากการที่พระองค์ทรงสถิตอยู่บนฟากฟ้า(67:16)

อายะฮ์นี้ในทัศนะของอุลามาอฺอะหลิซซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์และนักตัฟซีร อนุญาตให้ตีความได้ 2 ความหมาย
ดังนั้นการตีความตามที่บรรดาอุลามาอฺอะหลิซซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์และนักตัฟซีรอนุญาตให้ ก็เป็นเรื่องที่อนุญาต


ชี้แจง

คุณเองก็ยอมรับว่า จากในทัศนะของอุลามาอฺอะหลิซซุนนะฮ์วัลญามาอะฮ์และนักตัฟซีร อนุญาตให้ตีความได้  แต่ในกรณีนี้มันไม่ใช่เรื่องที่อนุญาตหรือไม่อนุญาตหรอกครับ แต่มันคือการเข้าไปอยู่ในความหมายที่จำเป็นต้องใช้การตีความ เพื่อให้ความหมายของอัลกุรอานนั้นสอดคล้องกับความเป้นจริง เพราะคำว่า في นั้นเดิมๆ ของมันแล้วหมายถึง "ใน" หากว่าคุณได้ทำการอิษบาตอายะฮฺ (ยืนยันตามความหมายอายะฮฺ) ตามหลักการที่คุณยึดถือ  คุณก็ไม่ต้องตีความหมายของคำว่า في   ไปเป็น على  แต่เมื่อคุณได้ทำการแปลคำว่า في   ไปเป็นความหมายของ على  แล้ว นั่นก็แสดงว่าคุณไม่ได้อิษบาตอายะฮฺแล้ว  แต่มันคือการตะวีลอย่างแน่นอน เพราะคุณได้ให้ความหมายของคำว่า في   ไปเป็นอีกความหมายหนึ่ง 

ดังนั้นคำว่า فِي السَّمَاءِ  หรือคำว่า  عَلَي العَرْشِ ที่ได้กล่าวไว้ในอัลกุรอานนั้น 
เราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ไม่ได้ให้การขัดแย้งหรือปฏิเสธมันเลย
เพราะเราอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ยึดกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ 


ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ  อิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์ กล่าวว่า

وَلَا يَلْزَمُ مِنْ كَوْنِ جِهَتَىِ الْعُلُوِّ وَالسُّفْلِ مُحَالاً عَلىَ اللهِ أَنْ لاَ يُوْصَفُ بِالْعُلُوِّ ، لِأَنَّ وَصْفُهُ بِالْعُلُوَّ مِنْ جِهَةِ الْمَعْنَى ، وَالْمُسْتَحِيْلُ كََوْنُ ذَلِكَ مِنْ جِهَةِ الْحِسِّ وَلِذَلِكَ وَرَدَ فِىْ صِفَتِهِ الْعَالِى وَالعَلِىُّ وَالْمُتَعَالِى ، وَلَمْ يَرِدْ ضِدُّ ذَلِكَ ,إِنْ كَانَ قَدْ أَحَاطَ بِكُلِّ شَىْءٍ عِلْماُ جَلَّ وَعَزَّ

ความว่า “ ไม่จำเป็นจากการมีสองทิศสูง(บน)และทิศล่างนั้น เป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ไม่มีคุณลักษณะที่สูงส่ง เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านของนามธรรม(คือสูงส่งมิใช่รูปธรรมที่อยู่ในความหมายที่พระองค์มีสถานที่สถิตอยู่ให้กับพระองค์) และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับ(การมีคุณลักษณะสูงส่ง)ดังกล่าวนั้นมาจากด้าน(ความหมาย)ที่เป็นรูปธรรมสัมผัสได้(คือมีสถานที่อยู่แบบสูงๆขึ้นไป) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คำว่า العالى والعلى والمتعالى (หมายถึงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) จึงมีมาอยู่ในลักษณะของพระองค์ และไม่มีระบุมาโดยตรงกันข้ามกับสิ่งดังกล่าวเลย และหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุก ๆ สิ่งด้วยความรอบรู้ของพระองค์สักทีก็ตาม” ดู ฟัตหฺ อัลบารีย์ เล่ม 6 หน้า 136


ไม่ใช่แค่อายะฮฺนี้อายะฮฺเดียวเท่านั้นที่ต้องตีความแต่ ยังมีอีกหลายอายะฮ์และหลายหะดิษที่คุณต้องทำการตีความมัน เพื่อให้เข้าใจถึงเป้าหมายของอัลกุรอาน เช่น

1. ท่านอิมามอัตติรมีซีย์  กล่าวรายงานไว้ในหะดิษหนึ่ง  ความว่า

لو أنكم دليتم بحبل إلى الأرض السفلى لهبط على الله ، ثم قرأ ( هو الأول والآخر والظاهر والباطن وهو بكل شيء عليم

"หากแมันพวกท่านได้หย่อนเชือกหนึ่งลงมายังแผ่นดินชั้นล่างสุด  แน่นอนมันก็จะตกบนอัลเลาะฮ์  หลังจากนั้น ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ได้อ่านอายะฮ์ที่ว่า "พระองค์ทรงเป็นองค์แรก พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย พระองค์ทรงเป็นภายนอก และพระองค์ทรงเป็นภายใน" (อัล-หะดีด 3)


ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ กล่าวต่อไปว่า

هذا حديث غريب من هذا الوجه .. وفسر بعض أهل العلم هذا الحديث فقالوا :
إنما هبط على علم الله وقدرته وسلطانه ، وعلم الله وقدرته وسلطانه في كل
مكان وهو على العرش كما وصف في كتابه

"หะดิษนี้เป็นหะดิษฆอรีบ (หะดิษที่มีสายรายงานคนเดียวทั้งสายรายงาน) จากหนทางสายรายงานนี้  และนักปราชญ์(สะลัฟ)ส่วนหนึ่งได้อธิบายหะดิษนี้  โดยพวกเขากล่าวว่า "แท้จริงเชือกจะตกลงมาบนความรู้ , อานุภาพ , และอำนาจของอัลเลาะฮ์  และความรู้ ,อานุภาพ , และอำนาจของอัลเลาะฮ์นั้นอยู่ในทุกสถานที่ พระองค์สูงส่งเหนืออะรัชตามที่พระองค์ทรงพรรณนาไว้ในคำภีร์ของพระองค์"  ดูหนังสือ ตั๊วะฟะตุลอัลอะห์วะซีย์ อธิบายสุนันอัตติรมีซีย์ 9/187  ตีพิมพ์ กุรตุบะฮ์

ท่านอิมามอัตติรมีซีย์  เป็นอิมามท่านหนึ่งจากสะละฟุศศอลิห์  เป็นหนึ่งจากเจ้าของหนังสือสุนันทั้งหก  ซึ่งท่านได้ทำการตีความ ตะวีล ดังที่ท่านได้เห็นข้างต้น  ยิ่งกว่านั้นท่านอัตติรมีซ๊ย์เองยังถ่ายทอดการตีความนี้จากบรรดานักปราชญ์สะลัฟบางส่วนอีกด้วย

ดังนั้น  ในขณะนี้เราพบว่าท่านอัตติรมีซีย์นักปราชญ์สะละฟุศศอลิห์ได้ทำการตะวีลตีความ  และท่านยังทำการถ่ายทอดจากนักปราชญ์สะลัฟก่อนจากท่าน  ฉะนั้นหากเราทำการตามพวกเขาในเรื่องของการตะวีลนั้น  เราก็ไม่ได้ออกจากแนวทางของสะละฟุศศอลิห์



2. ท่านอิบนุอับบาส ได้ทำการตีความ อายะฮฺที่ว่า

( والسماء بنيناها بـأيد وإنا لموسعون)

"และเราได้สร้างฟากฟ้าด้วยอำนาจ(พระหัต)ของเรา และแท้จริงเราเป็นพระเจ้าที่ทรงไพศาลยิ่งนัก" อัซซาริยาต 47

ท่านอิบนุอับบาสกล่าวตีความ คำ"พระหัต" (بأيد )ว่า "พลังอำนาจ" (بقوة ) (ดู ตัฟซีร อัฏฏ๊อบรีย์ เล่ม 29 หน้า 7 ท่านอิบนุญะรีร อัฏฏ๊อบรีย์)
การตีความ"ด้วยพลังอำนาจ"นั้น ได้กล่าวตีความโดย กลุ่มหนึ่งจากบรรดาอุลามาอฺสะลัฟ คือ ท่านมุญาฮิด ท่านเกาะตาดะฮฺ มันซูร อิบนุซัยดฺ
และท่านซุฟยาน (ดู ตัฟซีร อัฏฏ๊อบรีย์ เล่ม 29 หน้า 7 )



3. อิมาม อัลบุคอรีย์

عن البخاري أنه قال : معنى الضحك الرحمة

ท่าน อัล-บัยฮะกีย์ ได้ทำการถ่ายทอด ไว้ในหนังสือ อัลอัสมาอฺ วะ อัสศิฟาต หน้าที่ 470 จากท่านอิมาม อัล-บุคอรีย์ ว่า
แท้จริง ท่านอัล-บุคอรีย์กล่าวว่า "ความหมายคำว่า" الضحك "(หัวเราะของอัลเลาะฮ์) นั้น ตีความเป็น " الرحمة " (ความเมตตา) 
(และท่านอิบนุหะญัร ก็ได้ยืนยันไว้เช่นกันใน ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 6 หน้า 40)

ดังนั้นเหล่านี้ก็คือ ส่วนหนึ่งจากการตีความของอุละมาอฺสะลัฟุศศอลิฮฺ ที่ผมยกมาให้เข้าใจว่า การอธิบายความหมายของกุรอานนั้นจำเป้นต้องตีความเพื่อให้ความหมายเหมาะสมความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺคับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 15, 2009, 10:25 AM โดย al-firdaus~* »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
Re: จากอายะฮฺที่ว่า أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2009, 04:54 PM »
0
วะฮาบีย์กลุ่มหนึ่งในอียิปต์ กล่าวว่า  

อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า : {وَلَأُصَلِّبَنَّكُمْ فِي جُذُوعِ النَّخْل}ِ

และฉันจะเอาพวกท่านไปตรึงไว้บนต้นอินทผาลัม(20:71) คำว่า (في) ในอายะฮ์นี้มีความหมายว่า: บน หมายถึงบนต้นอินทผาลัมไม่ใช้ข้างในลำต้นอิทผาลัม เหมือนดั่งที่ท่านได้กล่าวมา


ชี้แจง

ไม่ทราบว่าผมไปกล่าวว่า "ข้างในอินทผลัม" ตอนไหน หรือครับ...หรือบางทีผมอาจจะพิมพ์ผิดไปก็ได้ งั้นผมจะบอกใหม่อีกทีว่า   คำว่า وَلَأُصَلِّبَنَّكُمْ فِي جُذُوعِ النَّخْلِ "และฉันจะเอาพวกท่านไปตรึงไว้บนต้นอินทผาลัม" - ซูเราะฮ ฏอฮา/71 การที่คำว่า في มีความหมายعلى ซึ่งแปลว่า "บน" มันมีอรรถรสเชิงภาษาอันลึกซึ้งของอัลกุรอาน เนื่องจากความหมายที่ว่า "ตรึงไว้บนต้นอินทผาลัม" นั้น จะให้ความหมายที่แน่นอนและมั่นคงคล้ายเหมือนกับว่า ตรึงแน่นอยู่ในต้นอินทผาลัม แต่เดิมแล้ว في มีความหมายว่า "ใน" แต่สติปัญญาไม่สามารถยอมรับได้ว่า จะมีการตรึงไว้ในต้นอินทผาลัม เพราะคงไม่มีใครไปแกะสลักต้นอินทผาลัมให้เป็นโพลงแล้วก็เอาคนไปตรึงไว้ในต้นอินทผาลัมอย่างนั้น เมื่อความหมายแวดล้อม قرينة ทางสติปัญญานี้ บ่งชี้ถึงให้ความหมายของ في มีความหมายعلى ซึ่งแปลว่า "บน" มันมี ซึ่งอยู่ในประเด็นของ مجاز มะญาซฺตามหลักภาษาอาหรับ


ดังนั้น หากเอาคำว่า فى السماء "ในฟ้า" ให้อยู่ในความหมายว่า على السماء "บนฟ้า" ก็ย่อมอยู่ในความหมายมะญาซฺเช่นกัน เนื่องจากสติปัญญาเชื่อว่า อัลเลาะฮ์ไม่อยู่"ในฟ้า" เพราะเป็นไปไม่ได้ที่อัลเลาะฮ์จะอยู่ในมักโลค ที่เรียกว่า "ฟ้า" ดังนั้น จึงต้อง ตีความ تأويل คำว่า في ให้มีความหมายعلى "บน" ดังนั้น การให้ความหมายจาก "ในฟ้า" เป็น "บนฟ้า" นั้น ถือว่า เป็นการตีความ تأويل 

และคำว่าบนฟ้าตรงนี้เราไม่ได้ยืนยันทิศให้กับอัลลอฮฺนะครับ แต่คำว่า "บน" หรือ "เหนือ" ตามที่ท่านได้ฟัง ท่าน เชค อะลีย์  ญุมอะฮฺ กล่าวนั้น หมายถึงสูงส่งด้วยเกียรติของพระองค์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 15, 2009, 10:27 AM โดย al-firdaus~* »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
Re: จากอายะฮฺที่ว่า أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2009, 04:58 PM »
0

วะฮาบีย์กลุ่มหนึ่งในอียิปต์ กล่าวว่า

ดังนั้นก็ตกลงว่าอัลลอฮฺ อยู่บนฟ้าใช้หรือเปล่า? ไม่ได้อยู่ในทุกๆที่ใช้ไหม? ถ้าหากว่าให้ความหมายว่าعلى السماء    บนฟ้า ก็ยังคงอยู่ในความหมายเดิม
 
ชี้แจง

ผมได้อธิบายไปแล้วนะครับว่า คำว่า "บนฟ้า" นี้ ไม่ได้หมายถึงอยู่บนฟ้าแบบมีทิศ แต่ "บนฟ้า" ตรงนี้หมายถึงสูงส่งด้วยเกียติของพระองค์เหนือท้องฟ้าและแผ่นดิน   และสำหรับอะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺแล้ว  เราไม่เคยบอกว่าอัลลอฮฺอยู่ในทุกสถานที่ครับ  การบอกว่าอัลลอฮฺอยู่ในทุกสถานที่นั้นไม่ใช่หลักการยึดมั่นของอะชาอิเราะฮฺ  วะฮาบีย์บางคนที่ไม่รู้จริง แต่กลับมายัดเยียดว่า อุละมาอฺอะชาอิเราะฮฺ กล่าวว่า "อัลลอฮฺอยู่ทุกที่ นี่เป็นสิ่งที่มุสาต่ออะชาอิเราะฮฺ"  เพราะหลักการของอะชาอิเราะฮฺ คือ "อัลลอฮฺทรงมี แต่ไม่มีสถานที่ ไม่มีใครู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ไหน" แม้แต่มลาอิกะฮฺผู้แบกอะรัช ยังไม่รู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ที่ไหน แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์อย่างเราจะรู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ที่ไหน


รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า

أُذِنَ لِىْ أَنْ أُحَدِّثَ عَنْ مَلَكٍ قَدْ مَرَقَتْ رِجْلاَهُ فِى الأَرْضِ السَّابِعَةِ ، وَالْعَرْشُ عَلىَ مَنْكِبِهِ ، وَهُوَ يَقُوْلُ سَبْحَانَكَ أَيْنَ كُنْتَ وَأَيْنَ تَكُوْنُ

"ฉันได้รับอนุญาตให้เล่าจากเรื่องมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และมะลาอิกะฮ์(ผู้แบกบัลลังก์)ก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านทรงอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ไหน" หะดิษนี้ซอฮิหฺ
 


ท่านอะบียะอฺลาได้รายงานฮะดิษไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 , ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้ตัดสินซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับฮะดิษของอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) , และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ) , ท่านอิมามอัศศะยูฏีย์ได้รายงานไว้ในหนังสืออัลญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฆีร  ฮะดิษลำดับที่ (906) , และฮะดิษนี้ได้รับการสนับสนุนจากจากฮะดิษท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ด้วยสองรายงาน  ซึ่งรายงานโดยท่านอะบูดาวูด ฮะดิษลำดับที่ (4727)   และอัลบานีย์เอง  ก็ตัดสินว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์  ไว้ในหนังสือ มุตตะซ็อรสุนันอะบีดาวูด (4727)  , และอัลบานีย์ยังตัดสินเป็นฮะดิษซอฮิห์ไว้ในหนังสือ ญาเมี๊ยะอฺอัศศ่อฮิห์ (854)

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺผู้ที่โลกอิสลามให้ฉายาว่า  "อะมีรุลมุมินีนฟิลฮะอิษ" (หัวหน้ามวลผู้ศรัทธาในวิชาฮะดิษ)  ได้อธิบายฮะดิษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า

‏إِنَّ أَحَدَكُمْ إِذَا قَامَ فِي صَلَاتِهِ فَإِنَّهُ يُنَاجِي رَبَّهُ أَوْ إِنَّ رَبَّهُ بَيْنَهُ وَبَيْنَ الْقِبْلَةِ فَلَا يَبْزُقَنَّ أَحَدُكُمْ قِبَلَ قِبْلَتِهِ

"แท้จริงเมื่อคนใดจากพวกท่านอยู่ในละหมาด  แท้จริงแล้วเขากำลังเข้าเฝ้าผู้อภิบาลของเขา  หรือแท้จริงผู้อภิบาลของเขานั้น  อยู่ระหว่างเขากับกิบละฮ์  ดังนั้นคนใดจากพวกท่านอย่าถ่มน้ำลายท่านด้านกิบลัต"  รายงานโดยบุคอรีย์ (390)

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ  อิบนุฮะญัร  กล่าวอธิบายฮะดิษนี้ว่า

وَفِيهِ الرَّدّ عَلَى مَنْ زَعَمَ أَنَّهُ عَلَى الْعَرْش بِذَاتِهِ

"ในฮะดิษนี้  ได้โต้ตอบผู้ที่อ้างว่า  อัลเลาะฮ์อยู่บนอะรัชด้วยซาตของพระองค์"  หนังสือฟัตฮุลบารีย์ : 1/508


รายงานจากท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์  ความว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏ أَقْرَبُ مَا يَكُونُ الْعَبْدُ مِنْ رَبِّهِ عَزَّ وَجَلَّ وَهُوَ سَاجِدٌ فَأَكْثِرُوا الدُّعَاءَ ‏

"ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า  บ่าวคนหนึ่ง จะใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากที่สุด โดยที่เขาทำการสุยูด ดังนั้น พวกท่านจงขอดุอาอ์ให้มากๆ"
รายงานโดย อิมามมุสลิม


ท่าน อิมาม หาฟิซฺ อัสสะยูฏีย์ ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺ หนึ่งในผู้ได้รับฉายาว่า  "อะมีรุลมุมินีนฟิลฮะอิษ" (หัวหน้ามวลผู้ศรัทธาในวิชาฮะดิษ) ได้กล่าวว่า

وَقَالَ الْبَدْر اِبْن الصَّاحِب فِي تَذْكَرَته : فِي الْحَدِيث إِشَارَة إِلَى نَفْي الْجِهَة عَنْ اللَّه تَعَالَى

" ท่าน อัลบัดรฺ บิน อัสศอฮิบ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตัษฺกิเราะฮ์ของเขาว่า ในหะดิษนี้  ชี้ถึง การปฏิเสธทิศจากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) " 
ดู หนังสือ อธิบาย สุนัน อันนะซาอีย์ ของท่าน อัสสะยูฏีย์ : 1/576


ดังนั้น

เมื่อบรรดาตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษที่ซอฮิห์ได้ระบุว่า  อัลเลาะฮ์อยู่ใกล้ชิดเรา , พระองค์อยู่ระหว่างเรากับกิบลัต , พระองค์อยู่เหนืออะรัช , พระองค์อยู่พร้อมกับเรา , และมะลาอิกะฮ์ผู้แบกบัลลังก์ยังไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน , ซึ่งประมวลหลักฐานทั้งหมดโดยที่เราไม่ปฏิเสธหลักฐานใดหลักฐานหนึ่งนั้น  ย่อมชี้ให้เห็นว่า  อัลเลาะฮ์ฐานันดรทรงสูงส่งมิใช่พระองค์ทรงอยู่บนสถานที่สูง

วะฮาบีย์บางคนอ้างด้วยคำกล่าวที่ไม่รู้จริงว่า ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺมีทัศนะว่า  "อัลลอฮฺอยู่ในทุกๆ ที่ ด้วยซาตของพระองค์" ดังนั้น นี่คือ คำกล่าวหาต่ออะชาอิเราะฮฺที่มุสา  ท่านอิมาม อัลฆอซาลีย์  ปราชญ์อะชาอิเราะฮฺ  ผู้ได้รับฉายา "หุจญะตุลอิสลาม" (หลักฐานแห่งอิสลาม)  กล่าวว่า  "และพระองค์ทรงอยู่กับพวกเจ้าไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด"  การตีความดังกล่าวด้วยความเห็นพร้องจากปวงปราชญ์ คือ  (อัลเลาะฮ์ทรงอยู่พร้อมกับพวกเรา) ด้วยอิลมุ(ความรอบรู้ของพระองค์) "  ดู หนังสือ เอี๊ยะห์ยาอ์ อุลูมิดดีน ของท่านอิมามอัลฆอซะลี 1/108)

ท่านอิมามอัลกุชัยรีย์ ปราชญ์ตะเซาวุฟ  กล่าวว่า " โองการที่ว่า (พระองค์อยู่พร้อมกับพวกท่าน) นั้น หมายถึง อยู่พร้อมด้วยการอิลมุ(ความรอบรู้ของพระองค์)"  ดู หนังสือ อิตฮาฟ อัซซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน ของท่านอัซซะบีดีย์ 2/108)   เพราะหากคุณเชื่อว่าอัลลอฮฺทรงอยู่บนฟ้าแบบมีทิศ คือ อยู่บนฟ้าข้างบน  ก็เท่ากับว่าคุณมีอะกีดะฮฺ แบบเดียวกับฟิรอูนผู้ถูกสาปแช่ง 


ท่านอิมามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ ได้กล่าวอธิบายไว้ในตัฟซีรของท่านว่า

إن فرعون لما طلب حقيقة الإله من موسى عليه السلام ولم يزد موسى عليه السلام على ذكر صفة الخلاقية ثلاث مرات ، فإنه لما قال " وما رب العالمين " ففي المرة الأولى قال " رب السماوات والأرض وما بينهما إن كنتم موقنين " وفي الثانية قال " ربكم ورب آبائكم الأولين " وفي المرة الثالثة " رب المشرق والمغرب وما بينهما إن كنتم تعقلون " ومثل ذلك إشارى إلى الخلاقية ، وأما فرعون لعنه الله فإنه قال " يا هامان ابن لي صرحا لعلي أبلغ السباب ، أسباب المساوات فأطلع إلى إله موسى " فطلب الإله في السماء فعلمنا أن وصف الإله بالخلاقية وعدم وصفه بالمكان والجهة دين موسى عليه السلام وسائر جميع الأنبياء وصفه تعالى بكونه في السماء دين فرعون وإخوته من الكفرة

"แท้จริงฟิรอูนนั้น  ในขณะที่เขาต้องการทราบถึงแก่นแท้พระเจ้าของนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม  ท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม  ก็มิได้กล่าวเพิ่มเติมมากไปกว่า 3 ครั้งจากคุณลักษณะผู้ทรงสร้าง  ดังนั้นในขณะที่ฟิรอูนถามว่า  "อะไรคือผู้อภิบาลแห่งสากลโลก"  ท่านนบีมูซาได้ตอบในครั้งแรกว่า  "พระองค์คือผู้อภิบาลแห่งบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในระหว่าง 2 แผ่นดิน  หากพวกท่านเป็นผู้มีความมั่นใจ"  ในครั้งที่สองท่านนบีมูซาตอบว่า  "พระองค์คือผู้อภิบาลของพวกท่านและเป็นผู้อภิบาลของบรรพบุรุษของพวกท่านในยุคแรก"  และตอนในครั้งที่สองว่า  "พระองค์เป็นผู้อภิบาลทั้งตะวันออกและตะวันตกและสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านใช้สติปัญญาใคร่ครวญ"  และเฉกเช่นดังกล่าวนี้เป็นการชี้ถึงการเป็นผู้ทรงสร้าง(ของอัลเลาะฮ์) สำหรับฟิรอูนนั้น - ขออัลเลาะอ์ทรงสาปแช่งเขา -  เขาได้กล่าวว่า "โอ้ฮามานเฮ่ยจงสร้างหอส่งให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่ฉันจะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่บรรดาชั้นฟ้าเพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา" ดังนั้นฟิรอูนจึงแสวงหาพระเจ้าบนฟากฟ้า  ฉะนั้นเราจึงรู้เลยว่า  การพรรณาคุณลักษณะของพระเจ้าด้วยคุณลักษณะการเป็นผู้ทรงสร้าง(ฟากฟ้าและแผ่นดิน)และไม่พรรณาคุณลักษณะของพระองค์ด้วยการมีสถานที่และทิศนั้น เป็นศาสนาของนบีมูซาอะลัยฮิสลามและบรรดานบีอื่น ๆ ทั้งหมด  และการพรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ด้วยคุณลักษณะที่พระองค์อยู่บนฟ้า (แบบฟิรอูนโดยพรรณาว่าพระองค์ทรงอยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ในเชิงรูปธรรม)นั้น  เป็นศาสนาของฟิรอูนและบรรดาวงศ์วานของพวกจากพวกกาเฟร" หนังสืออัตตัฟซีร อัลกะบีร : 14/119

ดังนั้น สำหรับเรา ชาวอะลิสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ ปราชญ์ส่วนมากในโลกอิสลาม เราเชื่อว่า อัลลอฮฺทรงมีมาแต่เดิม  แต่ไม่มีสถานที่ ไม่มีใครู้ว่าอัลลอฮฺทรงอยู่ไหน แม้แต่มลาอิกะฮฺผู้แบกอะรัชก็ยังไม่รู้ว่าอัลลอฮฺอยู่ที่ไหน .............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 15, 2009, 10:32 AM โดย al-firdaus~* »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: จากอายะฮฺที่ว่า أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2009, 05:03 PM »
0
แอะรอบก่อนดีกว่า
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ muhibbah

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 268
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
Re: จากอายะฮฺที่ว่า أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 04:37 PM »
0
 salam

ยาซากัลลอฮ ค้าบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ tholib

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: จากอายะฮฺที่ว่า أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 05:09 PM »
0
يقول تعالى ذكره:( أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ ) أيها الكافرون( أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الأرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ ) يقول: فإذا الأرض تذهب بكم وتجيئ وتضطرب( أَمْ أَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ ) وهو الله

ตัฟสีรตอบารีย์ 23/513

จะเข้าใจการอรรรถาธิบายของท่านอัตตอบารีย์อย่างไรครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: จากอายะฮฺที่ว่า أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ม.ค. 18, 2010, 05:47 PM »
0
يقول تعالى ذكره:( أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ ) أيها الكافرون( أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الأرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ ) يقول: فإذا الأرض تذهب بكم وتجيئ وتضطرب( أَمْ أَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ ) وهو الله

ตัฟสีรตอบารีย์ 23/513

จะเข้าใจการอรรรถาธิบายของท่านอัตตอบารีย์อย่างไรครับ

อธิบายว่า อัลเลาะฮ์ทรงสูงส่งและทรงอำนาจเหนือฟากฟ้า  ตามหลักอะกีดะฮ์ของท่านอัฏเฏาะบะรีย์

เมื่อเรากลับไปที่ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์อายะฮ์ที่ 29 ท่าน อัฏฏ๊อบรีย์อุลามาอฺสะลัฟ ได้ให้ความหมายในเชิงนามธรรมว่า

فَإِنْ زَعَمَ أَنَّ ذَلِكَ لَيْسَ بِإِقْبَالِ فِعْل وَلَكِنَّهُ إقْبَال تَدْبِير , قِيلَ لَهُ : فَكَذَلِكَ فَقُلْ : عَلَا عَلَيْهَا عُلُوّ مُلْك وَسُلْطَان لَا عُلُوّ انْتِقَال وَزَوَال

"ดังนั้น ก็จะถูกกล่าวแก่เขาว่า ท่านอ้างว่า การตีความคำว่า "استوى" นั้น คือ การมุ่งหน้า . ฉะนั้น หรือว่าพระองค์ทรงผินหลังให้กับฟากฟ้า จากนั้นพระองค์ก็มุ่งไปยังฟากฟ้า?? แต่หากเขาอ้างว่า ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การมุ่งหน้าแบบกระทำ(มุ่งหน้า) แต่เป็นการมุ่งบริหาร. ก็ให้กล่าวแก่เขาว่า ดังนั้น แบบนั้นแหละ(คือการให้ความหมายว่าเป็นการมุ่งกระทำเชิงบริหาร) ท่านจงกล่าวว่า "พระองค์ทรงสูงส่งเหนือฟากฟ้า แบบการสูงส่งของการปกครองและอำนาจ (ไม่ใช่อยู่สูงแบบมีสถานที่) ไม่ใช่สูงแบบเคลื่อนย้ายและก็หายไป" (ดู ตัฟซีร ฏ๊อบรีย์ เล่ม 1 หน้า 192)

หมายเหตุ : วะฮาบีย์บอกว่าอัลลอฮ์ทรงเคลื่อนย้าย  ทั้งที่ท่านอัฏเฏาะบารีย์  บอกว่าอัลเลาะฮ์ไม่ทรงเคลื่อนย้าย  และท่านอัฏเฏาะบะรีย์บอกว่อัลเลาะฮ์ทรงสูงส่งในเชิงบริหารปกครอง  ไม่ใช่สูงแบบมีสถานที่สถิตบนอยู่ข้างบนบัลลังก์  และวะฮาบีย์ให้ความหมายว่า "อัลเลาะฮ์ทรงสถิตบนบัลลังก์"  ทั้งที่ท่านอัฏเฏาะบะรีย์ให้ความหมายว่า  "สูงส่ง"  ซึ่งเราสามารถสรุปได้ว่า  ท่านอัฏเฏาะบะรีย์ไม่ได้มีหลักอะกีดะฮ์เหมือนกับวะฮาบีย์นั่นเองครับ 

ดังนั้นคำว่า "อิสติวาอฺของอัลเลาะฮ์" ในอายะฮ์ต่าง ๆ ของอัลกุรอาน  ไม่ว่าจะเป็นอายะฮ์ที่ 29 ซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์และอายะฮ์ที่ 5 ซูเราะฮ์ฏอฮา  ซึ่งบรรดาอายะฮ์เหล่านั้นล้วนมาอธิบายซึ่งกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น(ไม่ใช่หมกเม็ด)  ฉะนั้นการแยกอธิบายอายะฮ์ในเรื่อง "อิสติวาอฺของอัลเลาะฮ์"  ถือว่าเป็นการกระทำของผู้ที่ไม่เข้าใจการอธิบายอัลกุรอานด้วยกับอัลกุรอาน  และยิ่งกว่านั้นยังไม่เข้าใจการอธิบายอัลกุรอานด้วยกับฮะดิษ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

وهو القاهر فوق عباده

“และพระองค์ทรงมีอำนาจเหนือข้าทาสของพระองค์” อัลอันอาม 18

ท่าน อัฏเฏาะบะรีย์  ได้สรุปอธิบายอายะฮ์นี้ว่า

 فَهُوَ فَوْقهمْ بِقَهْرِهِ إِيَّاهُمْ , وَهُمْ دُونه

" ดังนั้นพระองค์จึงอยู่เหนือพวกเขาด้วยอำนาจของพระองค์ต่อพวกเขา(มิใช่ด้วยซา ตของพระองค์)และพวกเขาก็อยู่ภายใต้(อำนาจ)พระองค์" ตัฟซีรอัฏเฏาะบะรีย์ ซูเราะฮ์อัลอันอาม อายะฮ์ที่ 18

ดังนั้นเมื่อบรรดาตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษที่ซอฮิห์ได้ระบุว่า  อัลเลาะฮ์อยู่ใกล้ชิดเรายิ่งกว่าเส้นเอ็นที่ต้นคอ , พระองค์อยู่กับเราไม่ว่าเราจะอยู่ใหน , พระองค์อยู่ระหว่างเรากับกิบลัต , พระองค์อยู่เหนือบัลลังก์ , และมะลาอิกะฮ์ผู้แบกบัลลังก์ยังไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์อยู่ที่ใหน , แต่กลับมีฮะดิษซอฮฺห์บอกว่าเลาฮิลมะห์ฟูซฺอยู่บนบัลลังก์ , ซึ่งประมวลหลักฐานทั้งหมดโดยที่เราไม่ปฏิเสธหลักฐานใดหลักฐานหนึ่ง  แล้วทำการรวมหลักฐานและนำมาเกลื้อหนุนซึ่งกันและกัน  ย่อมชี้ให้เห็นว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมีฐานันดรทรงสูงส่งมิใช่พระองค์ทรงสถิตนั่งอยู่บนสถานที่สูง

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

أَفَتُؤْمِنُونَ بِبَعْضِ الْكِتَابِ وَتَكْفُرُونَ بِبَعْضٍ

"พวกเจ้าจะศรัทธาคำภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธมันเพียงบางส่วนกระนั้นหรือ?" อัลบะกอเราะฮ์ 85
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged