salam
ท่านศาสดามีภรรยาเพียงคนเดียวคือ ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ นับตั้งแต่ท่านแต่งงานเมื่ออายุ 25 ปี จนกระทั่งท่านหญิงเคาะดีญะฮฺเสียชีวิต เมื่อท่านศาสดาอายุ 53 ปี
เมื่อท่านหญิงเคาะดีญะฮฺเสียชีวิตไปในที่สุด ท่านก็แต่งงานกับท่านหญิงเซาดะฮฺ บุตรีของซัมอะฮฺ ภรรยาหม้ายของสักรอน อิบนุ อัมร์ อิบนุ อับดิชชัมส์ ไม่เคยมีใคร
บรรยายถึงท่านหญิงเซาดะฮฺว่าเป็นสตรีที่สวยงามเลยและไม่เคยมีใครว่านางมีความมั่งคั่งหรือมีสถานภาพทางสังคมซึ่งอาจเป็นเหตุผลทางวัตถุให้ชายใดมาแต่งงานกับนาง
แต่เซาดะฮฺเคยเป็นภรรยาของชายที่เปลี่ยนมารับนับถืออิสลามในระยะต้น ๆ ได้รับทุกข์ทรมานมามากเพราะความศรัทธาของเขาและได้อพยพไปอบิสสิเนีย
ตามคำสั่งของท่านศาสดาเพื่อความปลอดภัย เซาดะฮฺนั้นมารับอิสลามพร้อมกับสามีของนางและได้อพยพไปกับเขาด้วย นางได้รับความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับสามีของนาง
และทนการกดขี่ของชาวมักกะฮฺอย่างอดทนเหมือนที่สามีของนางทำมา ถ้าหากว่าศาสดมุฮัมมัดแต่งงานกับนางหลังจากนั้นก็เป็นไปเพื่อจะเลี้ยงดูนางและยกสถานะของนาง
ขึ้นเป็น"มารดาแห่งผู้มีศรัทธา" ท่านก็ได้ทำสิ่งที่มีค่าที่สุดและน่านิยมที่สุดแล้ว
1ท่านหญิงเซาดะฮฺ เป็นหญิงสูงอายุที่ไม่ได้มีการตอบสนองทางเพศแล้ว การแต่งงานกับท่านศาสนทูต เพราะท่านศาสนทูตมีความประสงค์จะยกฐานะของนางให้เป็น
อุมมุลมุมินีน นางจึงปฏิบัติตามบัญญัติของอัลกุรฺอานสูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 128 ที่ว่า

"และหากหญิงใด เกรงว่าจะมีการปึ่งชา หรือมีการผินหลังให้ จากสามีของนางแล้วก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่ทั้งสองที่จะตกลงประนีประนอมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง
และการประนีประนอมนั้นเป็นสิ่งดีกว่า และจิตใจคนนั้นถูกให้มีความตระหนี่มาด้วย และหากพวกเจ้ากระทำดี และมีความยำเกรงแล้ว
แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน"
ข้อบัญญัตินี้เป็นคำสั่งสำหรับภรรยาที่เป็นหมันหรือไร้สมรรถภาพหรือหมดสิ่งดึงดูดใจหรือไม่อยู่ในสภาพที่จะมีความสัมพันธ์อย่างสามีภรรยาแล้ว
ที่จะทำการตกลงกับสามียกสิทธิของตนให้ภรรยาอื่น เพื่อที่สามีจะไม่ถูกข้อหา ขาดความยุติธรรม เพราะถ้าไม่ยกสิทธิให้ภรรยาอื่น สามีมาอยู่ร่วม
ด้วยก็ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ฉันทน์สามี-ภรรยาได้ อาจเป็นสาเหตุให้สามีห่างเหินหรือหย่าขาดจากนางได้
นั่นคือ การยอมยกสิทธิบางอย่างของตัวเองให้กับภรรยาอื่นและได้อยู่ในฐานะภรรยา ย่อมดีกว่าที่จะถูกหย่าขาด
2ท่านหญิงเซาดะฮฺ เป็นผู้ที่มีความรู้สำนึกดี ท่านจึงได้ปฏิบัติตามข้อบัญญัติดังกล่าว
1. ดู "ศาสดามุฮัมมัด มหาบุรุษแห่งอิสลาม" ภาค 1หุซัยน. ฮัยกัล เขียน กิตติมา อมรทัต อุน หมั่นทวี จรัญ มะลูลีม แปลและเรียบเรียง
ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ธันวาคม 2527 หน้า 294
2. ดู "ตัฟฮีมุลกุรอาน" ความหมายคัมภีร์อัลกุรอาน เล่ม 1 อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน
ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2539 หน้า 394
วัสสลาม