จำได้ช่วงนั้นอยู่ม.3 มีแพลนว่าจะไปภูเก็ตกับเพื่อนๆ ขอพ่อได้แล้วด้วย อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่เกิดเหตุก่อน เลยไม่ได้ไป
สุดท้ายก็เลยไปนั่งกินส้มตำกันที่แหลม เหอๆๆ 
นั่งนึกอยุ่ว่าตอนนั้นอยุ่ม.ไหน พอก๊ะบอกว่าอยู่ม.3
งั้นก้อแสดงว่าตอนนั้นเราก้ออยุ่ม. 2
55555
แต่จำได้ว่าช่วงนั้นช่วงสอบมิทเทอม

salam
อ่อนจังงิ...อิอิ...
2004 ปีที่เกิดสึนามิ เป็นปีเดียวกับที่พี่เดินทางมาญี่ปุ่น...
ตอนนั้นเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นได้ไม่กี่วัน แผ่นดินไหวต้อนรับน้องใหม่
ก็รีบโทรกลับไปหาที่บ้านทันที...คิดได้ว่าไม่น่าเลือกมาที่ญี่ปุ่นเลย...
หลังจากนั้นได้ไม่กี่เดือน หิมะตก ครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้
กับการได้สัมผัสกับหิมะ มันสวยจนลืมหนาว...
จำได้ว่ารีบวิ่งออกไปตรงลานบาสเกตบอลเงยหน้ารับเกล็ดหิมะที่โปรยลงมา...
ก่อนจะเอาเข้าปากชิมรสชาติของหิมะด้วยสีหน้าเริงร่า...
ผ่านไปไม่กี่วันหลังจากสนุกสนานกับการเล่นหิมะกับเพื่อนๆ
ได้ข่าวว่าสึนามิถล่มด้ามขวานโดยไม่รู้ว่าเกิดที่ไหนบ้าง...
คืนนั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอนโทรหาที่บ้าน ก็โทรไม่ติด...
จนต้องโทรหาเพื่อนสนิทอีกคนที่เรียนอยู่ที่สุราษฎร์ เลยทราบเรื่อง
เช้าต่อมาเพื่อนโทรมาบอกว่า เพื่อนอีกคนที่ไปทำงานที่ภูเก็ต
อยู่โรงพยาบาล อาการโคม่า เพราะว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย...
เห็นบอกว่า...คลื่นถล่มตึกที่อยู่จนร่วงลงไปท่ามกลางเกลียวคลื่น
และที่น่าทึ่งก็คือเพื่อนพี่นั้นว่ายน้ำไม่เป็น แต่โชคดีที่มีคนช่วยชีวิตเอาไว้...
แล้วนำส่งโรงพยาบาล เป็นตายเท่ากัน...
จนป่่านนี้ยังไม่ทราบข่าวเลยว่่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
เพราะหลังจากนั้นพี่ติดต่อเขาไม่ได้ เพื่อนอีกคนก็ไม่รู้จะถามเอากับใคร...
ผ่านมาห้าปีแล้ว แต่พี่ก็ยังไม่ทราบข่าวเพื่อนคนนั้นเลยว่าเขายังอยู่
หรือเป็นอย่างไรบ้าง...ครบรอบวันที่สึนามิถล่มครั้งใดหรือไปเล่นหิมะทีไร
นึกถึงเพื่อนคนนี้ตลอด...และยังมีเพืื่อนอีกหลายคนที่ร้องไห้โทรมาหา
พ่อแม่ที่บ้าน ญาติๆอีก...ตอนนั้นคนอยู่ไกลอย่างพี่ทำอะไรไม่ได้เลย...
นอกจากโทรไปถามข่่าวคราว...อึดอัดสุดๆ...
รู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมีแต่น้ำตาของผู้คน...และมันใกล้ตัวมาก...
ซึ่งตอนนั้นที่ญี่ปุ่นเองก็แผ่นดินไหวถี่มาก
พี่กลัวตายอย่างที่ไม่เคยกลัวตายมาก่อน...
สัมผัสและทำให้รู้ว่า...ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายบางๆมันเป็นอย่างไร...
และครั้งแรกที่เจอแผ่นดินไหวกับไต้ฝุ่น ยิ่งทำให้รู้สึกหวั่น
เพราะตัวเองนั้นอยู่ต่างบ้านต่่างเมือง
หากตายไปพ่อแม่ญาติพี่น้องจะทำอย่างไร
คนที่ญี่ปุ่นเขาจะเอาเราไปฝังหรือจัดการกับศพของเรา
ตามหลักศาสนาหรือเปล่า
หรือเราจะกลายเป็นศพที่ต้องฝังบนแผ่นดินอืื่น...
พ่อแม่พี่น้องไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเราอีกหรือเปล่า...
ตอนนั้นคิดสารพัด จิตตก ทำให้อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ญี่ปุ่นแล้ว...
มันเสี่ยงเกินไป...
เพราะก่อนหน้านั้นก็หนีบางอย่างมาเรียนที่ญี่ปุ่นเช่นกัน...
แต่พอได้ยินข่่าวสึนามิถล่มไทย เห็นภาพข่าว เลยทำให้คิดได้ว่า...
เราจะหนีไปไหนได้ หากว่าความตายจะมาเยือน...
แผ่นดินไหวไม่ได้มีแค่ที่ญี่ปุ่น สึนามิก็ไม่ได้มีแค่ที่ญี่ปุ่น...
เราจะหนีหรือใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีเป้าหมาย...
หลังจากนั้นเลยค้นหาเป้าหมายในชีวิตมาตลอด...
ไม่แปลกใจเลยที่ได้ฟังและอ่านข่าวคราวของครอบครัวคนที่สูญเสีย
และรอดตายมาจากเหตุการณ์สึนามิถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากแต่ก่อน...
เพราะ...บางครั้งเราก็ได้บางอย่างจากการสูญเสียบางอย่างไป...
วัสลามค่ะ