ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)  (อ่าน 6001 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ม.ค. 25, 2010, 03:10 AM »
0
ขอบคุณป่ะ ขอบคุณม่ะ

รักป่ะรักม่ะคร้าบ loveit: loveit: loveit: loveit: loveit: loveit: loveit: loveit: loveit: loveit: loveit:
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ ...

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 929
  • เพศ: หญิง
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ก.พ. 17, 2010, 06:46 PM »
0
            salam
                                                   
 
'ชาวความฝัน'


http://pee-nu-d.spaces.live.com/blog/cns!D617F13B3C05CE2F!3205.entry


 


 

คุณรู้จักชาวความฝันไหม ?

เขาอาจเป็นใครสักคนที่อยู่รอบข้างคุณ  ใกล้ชิดกับคุณ หรือแม้แต่อยู่ในตัวของคุณและฉัน

เขาคือผู้มีความฝันยิ่งใหญ่รอคอยอยู่สุดขอบจักรวาล

แต่ไม่เคยเริ่มต้นก้าวแรกที่ตรงหน้าตัวเองสักที

 

เขาคือคนที่อยากเป็นคนดีในวันหน้า

แต่ไม่เคยหยุดยั้งความชั่วที่ทำในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะเป็นคนมีความรู้ในวันหน้า

แต่ไม่เคยเริ่มหาความรู้สักบรรทัดในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะเป็นฮาฟิซในวันหน้า

แต่ไม่เคยเริ่มท่องจำกุรอ่านสักอายะฮฺในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากใช้ภาษาอาหรับได้ในวันหน้า

แต่ไม่เคยให้เวลากับภาษาอาหรับสักนาทีในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากอยู่ร่วมกับท่านนบีในวันหน้า

แต่ไม่เคยสนใจซุนนะฮฺของท่านสักอย่างในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะอยู่เคียงข้างบรรดาซอฮาบะฮฺในวันหน้า

แต่ไม่เคยศึกษาชีวประวัติของพวกท่านสักคนในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะเป็นพ่อ/แม่ที่มีคุณภาพในวันหน้า

แต่ไม่เคยจะทำตัวเป็นลูกที่มีคุณภาพในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะมีลูกที่เป็นทหารของอัลลอฮฺในวันหน้า

แต่ไม่เคยใส่คุณสมบัติของว่าที่พ่อ/แม่ทหารของอัลลอฮฺให้ตัวเองในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากมีคู่ครองที่ดีในวันหน้า

แต่ไม่เคยเตรียมพร้อมที่จะเป็นคู่ครองที่ดีในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะมีภรรยาสี่คนในวันหน้า

แต่ไม่เคยจะทำตัวเป็นสามีที่ดีของภรรยาคนเดียวที่มีในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะได้ลิ้มรสความเป็นพี่น้องที่แท้จริงแห่งอิสลามในวันหน้า

แต่ไม่เคยทำตัวให้คนอื่นได้ริ้มรสความเป็นพี่น้องแห่งอิสลามจากเขาในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะเป็นทหารของอัลลอฮฺในวันหน้า

แต่ไม่เคยเตรียมตัวสำหรับภารกิจแห่งทหารของอัลลอฮฺในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากสถาปนาอิสลามขึ้นในสังคมวันหน้า

แต่ไม่เคยพยายามจะสถาปนาอิสลามขึ้นในตัวเองวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากรอดพ้นจากการเป็นชาวนรกในวันหน้า

แต่ไม่เคยห้ามตัวจากการงานของชาวนรกในวันนี้

 

เขาคือคนที่อยากจะเป็นชาวสวรรค์ในวันหน้า

แต่ไม่เคยปฏิบัติการงานของชาวสวรรค์ในวันนี้

 

ถ้าคุณรู้จักเขา...ชาวความฝัน...

ไม่ว่าเขาจะเป็นใครสักคนที่อยู่รอบข้างคุณ  ใกล้ชิดกับคุณ หรือแม้แต่อยู่ในตัวของคุณและฉัน

โปรดสะกิดเขาให้ตื่นจากความความฝันยิ่งใหญ่ที่รอคอยอยู่สุดขอบจักรวาล

แล้วเริ่มต้นก้าวแรกที่ตรงหน้าตัวเองสักที !

 

พี่หนูดี



                                           / / วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 17, 2010, 06:48 PM โดย BALKIS »

ออฟไลน์ AUZULODEEN

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 625
  • เพศ: ชาย
  • ทุกๆชีวิตต้องได้ลิ้มรสแห่งความตาย
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ก.พ. 18, 2010, 03:59 PM »
0
 salam
ตอนี้เป็นชาวความฝัน แต่ต่อไปอินชาอัลลอฮ์ ต้องดีกว่าเดิม
แท้จริงเราเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนไปสู่พระองค์

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธ.ค. 10, 2013, 06:45 PM »
0


          เรื่องเล่าจากชายคนหนึ่ง

ในขณะที่.... ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เรียน เที่ยว นอน กิน

ดึกๆ ผมก็โทรคุยกับแฟนของผม

ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม

และผมก็เชื่อว่าใครๆ เค้าก็ทำแบบนี้กัน

'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง'

'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย'

'รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง'

'ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ'

ประโยคต่างๆ ที่ผมได้คิดและคัดสรรเตรียมพร้อมมาต่างๆ ก่อนโทร

ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์

ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น

พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว

แต่ผมก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ

ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน


'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ

แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน' 'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง'

'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง' 'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ'

โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ

แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ

โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย


ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว

ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง

จนกระทั่งวันนั้น 'ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย'

'เร็วๆสิ เค้ายังอุตส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ'

'แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ'

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน

ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'

'โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย'

ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป

เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ

'และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่'

หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า

เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน

และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง

แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น

ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น

และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจ

หรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา 'ผม'

สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม

วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น

วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม


ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต

ผู้หญิงคนเดียวที่ผม สามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา

โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่

ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ

คนเดียวในโลก ที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ

คนเดียวในโลก ที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม

'และคนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต'


ในบางครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'

มันก็ไม่เป็นความจริง 'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว'

อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม

หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆ ชั่วโมงก็ทิ้งผมไป

วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น

หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง

'เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป'

ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์

รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง

แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว




'ในเมื่อเรามีความรักอันเต็มเปี่ยมจากครอบครัว

แล้วทำไมต้องไปขอเศษเสี้ยวจากใคร

ชอบตรงประโยคสุดท้ายทีี่ว่า...

ในเมื่อเรามีความรักอันเต็มเปี่ยมจากครอบครัว
แล้วทำไมต้องไปขอเศษเสี้ยวจากใคร...

กับ อีกประโยคนึง...

หลายๆอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องเสมอไป...


เนื่องจากเรามักจะแสวงหาในสิ่งที่ไม่มีอยู่กับตัว
จนบางครั้งก็ได้มองข้ามสิ่งที่มีอยู่...เพราะเราชินชาและคุ้นเคยกับมัน
เราก็เลยมั่นใจว่าอย่างไรแล้วมันก็ไม่ไปไหนหรอก...

แต่ว่า...บาง"คำลา" มันก็เดินทางมาหาเราได้เสมอ
ไม่ว่าเราจะได้เตรียมใจเอาไว้แล้วหรือไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลยก็ตาม...

ดังนั้น...อย่ารอ "วันพรุ่งนี้" เพราะที่เรามีอยู่จริงๆคือ "วันนี้"
และอย่าเฝ้าฝันถึงคนของวันพรุ่งนี้ จนลืมคนในวันนี้ท่ีเรามีอยู่...

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ BasemDeen

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 260
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธ.ค. 13, 2013, 06:32 AM »
0


          เรื่องเล่าจากชายคนหนึ่ง

ในบางครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'

มันก็ไม่เป็นความจริง 'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว'

โดนเต็มๆ ตอนท่านเสีย ผมเสียใจมาก เสียใจที่เมื่อตอนแกยังอยู่ ไม่ได้ปฏิบัติกับแกอย่างเยี่ยมยอดที่สุดที่ลูกคนหนึ่งจะสามารถกระทำได้ ผมรู้สึกผิดมาก รู้สึกผิดมากมาย ผมบอกกับตัวเองว่า แม่ไม่ได้ไปไหน แม่จะยังอยู่ในใจผมตลอด ผมจะคิดถึงแม่ทุกวัน ทุกเวลาละหมาด ผมอ่านยาซีให้แม่ทุกวันหลังซุบฮี นี่ปีกว่ามาแล้ว ผมยังต้องมานั่งร้องให้ ร้องให้กับความรู้สึผิด ความรู้สึกว่าสายเกินไป ความรู้สึกไม่อาจกลับไปเป็นอย่างเดิมได้ต่อไปอีก ผมอาจจะร้องให้ไปจนตาย แต่ผมต้องเสียใจไปจนตาย

ออฟไลน์ alkiyamah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 34
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธ.ค. 13, 2013, 09:20 PM »
0
ป๋าเสียเกือบ 2 ปีแล้ว

วันที่ป๋าเสีย ฉันเสียใจมาก ร้องไห้ สะอื้นอยู่ในอก

วันที่ท่านเสีย ฉันคิดถึง เรื่องราวของท่านนบี กับ ท่านหญิงอุมมุสะละมะ

แม้ทุกวันนี้ เมื่อกล่าวถึง/พูดถึง/คิดถึงท่าน น้ำใสๆ มักจะเอ่อล้นออกมาอาบแก้ม

แต่นัยยะแห่งน้ำตา ต่างไปไม่เหมือนเดิม

วันที่ป๋าเสีย ฉันร้องไห้

ร้องไห้…เพราะความผูกพัน เพราะเราจากกันเร็วชนิดที่ฉันไม่เคยคิดถึงวันอำลาจากนี้มาก่อน

ร้องไห้…เพราะยังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ท่านดูแลเราเป็นอย่างดีมาตลอด

ฉันกอดมะ บอกมะ (และปลอบใจตัวเอง) ว่า

“ไม่เป็นไรน่ะ ป๋าไม่อยู่ แต่อัลลอฮฺยังอยู่กับเราเสมอ”

“เราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และเราต้องกลับคืนสู่พระองค์”

แม้ทุกวันนี้….ทุกครั้งที่คิดถึงท่าน…น้ำใสๆ ก็ยังไหลอาบแก้มเหมือนเดิม

ใช่…ฉันยังร้องไห้อยู่ (แม้ขณะที่พิมพ์อยู่นี้)…แต่…

จากที่เคยร้องไห้…เพราะความผูกพัน เพราะจากกันเร็วชนิดที่ไม่เคยคิดถึงวันอำลาจากนี้มาก่อน

แต่วันนี้…ร้องไห้…เพราะฉันอาย ฉันละอายต่ออัลลอฮฺ พระผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก

…พระองค์ประทานบิดา ผู้ปกครอง แบบอย่างที่ดี ให้ฉันมาเป็นเวลากว่า 30 ปี
 
(แต่ยังมีอีกหลายชีวิต ที่อัลลอฮฺกำหนดให้พวกเขาไม่เคยได้เห็น ได้รู้จักผู้เป็นบิดามารดาของเขา หรือหลายคนอาจต้องสูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย)

จากที่เคยร้องไห้…เพราะยังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณของท่านอย่างจริงจัง

แต่วันนี้…ฉันร้องไห้…เพราะอัลลอฮฺยังเมตตาให้ฉันได้มีโอกาสขอดุอาอ์และทำสิ่งดีๆ อุทิศเป็นผลบุญแก่ท่าน
 
[เมื่อมนุษย์เสียชีวิตลง การงานจะถูกตัดขาด ยกเว้น

1) ทานบริจาคโดยสมัครใจ ซอดะเกาะฮฺญาริญะฮฺ

2) ความรู้ที่ยังประโยชน์

3) บุตรที่ดีที่ซอและฮฺขอดุอาอ์ให้) --- ทุกๆ ความดีที่ลูกทำ บิดามารดาก็ได้รับผลบุญโดยอัตโนมัติ อันเนื่องมาจากการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานให้เป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮฺ]

ฉันได้ข้อคิดจาก “ความตาย” เรียกสติตัวเองกลับมาทบทวนวันเวลาที่ผ่านไปของฉันอย่างจริงจัง

และมีอะไรอีกมากมาย ที่ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปในทางที่ดีและมีความสุข (สุขแท้ที่มาจากหัวใจแห่งศรัทธา มิใช่สุขมายาที่มาจากสิ่งปรุงแต่ง/สิ่งประดับแห่งดุนยา)

ในวันที่ป๋าเสีย ฉันคิดถึง เรื่องราวของท่านหญิงอุมมุสะละมะ ภรรยาท่านนบี --- เธอเคยเล่าว่าสามีของเธอเคยนำคำพูดของท่านนบีมุฮัมมัดมาสอนเธอว่า

“ ใครที่ประสบเคราะห์กรรมจะต้องยอมรับในสิ่งที่พระเจ้ากำหนดและควรวิงวอนว่า ‘เราเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์และเราจะต้องกลับคืนสู่พระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก โปรดประทานความช่วยเหลือในเคราะห์กรรมที่ฉันประสบอยู่ และขอพระองค์ได้โปรดทดแทนสิ่งที่ดีกว่าแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด’ ”

และเมื่อครั้งที่เธอสูญเสียสามี เธอนึกถึงดุอาอฺของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ.ล) ที่ผู้เป็นสามีเคยสอนนาง
คือดุอาอฺที่ว่า
 
“โอ้อัลลอฮ ความทุกข์ยากนี้มาจากพระองค์ ขอพระองค์ทรงตอบแทนสิ่งที่ดีกว่าให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด”

อัลลอฮฺทรงนำคนที่ฉันรักและผูกพัน 2 ชีวิต กลับคืนสู่พระองค์ ภายในเวลา 3 เดือน

แต่คุณรู้ไหม หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน อัลลอฮฺประทานอีก 2 ชีวิตมาเพิ่มให้ และเป็น 2 ชีวิตที่จะมาเพิ่มชีวิตที่ 3, 4, 5….อินชาอัลลอฮฺ

“แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺสัตย์จริงเสมอ”

คุณ BasemDeen วันนี้ท่านไม่อยู่ให้คุณดูแลปรนนิบัติรับใช้ท่าน

แต่…

คุณสามารถขอดุอาอ์ให้ท่านได้น่ะ ตราบเท่าที่คุณยังไม่ถูกละหมาด จริงไหม?


วันนี้คุณไม่มีโอกาสดูแลปรนนิบัติรับใช้ท่าน
 
แต่…

คุณมีโอกาสอบรมบ่มเพาะกล้าพันธุ์ที่ดีแห่งอิสลาม เพื่อที่จะเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮฺได้…

คุณสามารถเป็นพ่อที่ดีของลูกคุณได้น่ะ

คุณมีโอกาสดีกว่าคนที่ไม่มีลูก…จริงไหม?

บางทีการมองต่างมุม ก็เปลี่ยนน้ำตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจ เป็นน้ำตาแห่งความละอายได้น่ะ

แล้วคุณจะพบความเมตตามหาศาลของพระผู้อภิบาลที่ซ่อนอยู่

คุณรู้ไหม ในชีวิตของฉัน

ไม่ใช่ทุกครั้ง ที่คำวิงวอนของฉันถูกตอบรับ

ไม่เคยมีสักครั้ง ที่ฉันวิงวอนขอดุอาอ์แล้วพระองค์ทรงประทานให้ในสิ่งที่ฉันวอนขอต่อพระองค์

แต่ทุกครั้ง พระองค์ประทานให้มากกว่าที่ฉันวอนขอ ให้ดีกว่าสิ่งที่ฉันวอนขอ ชนิดที่คิดไม่ถึงคาดไม่ถึง

มากแค่ไหนไม่รู้ นับไม่ได้ นับไม่หมด รู้แต่ว่า มากและมากจนฉันละอาย

“หากสูเจ้าจะนับความโปรดปรานของพระองค์ สูเจ้ามิอาจนับคำนวณได้”

วัสลาม

ออฟไลน์ BasemDeen

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 260
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธ.ค. 13, 2013, 10:56 PM »
0
 mycry

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ข้อคิดดีดี (ไม่รุจะซำป่าวหนอ ?)
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2013, 11:36 AM »
0
สำหรับผู้ที่ยังมีบิดามารดาพร้อมหน้าอยู่ในวันนี้...
(ข้าน้อยก็เป็นเช่นนั้น) อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...
ท่านทั้งสองยังอยู่ด้วยกันกับลูกๆ...

เคยมีเหตุการณ์ที่พลิกทุกสิ่ง...จนทำให้ต้องตระหนักถึง
การตอบแทนพ่อกับแม่...

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ตอนที่ข้าน้อยกำลังศึกษาป.ตรีอยู่ที่ญี่ปุ่น
ไปเรียนที่นั่นหลายปี...จนตอนปีสี่...ตอนนั้นวางแปลนว่า
เมื่อจบป.ตรี จะสอบชิงทุนเพื่อเรียนต่อโท...
ทางมหาวิทยาลัยสนับสนุนเต็มที่เพื่อให้เราศึกษาต่อที่นั่น...
ตอนนั้นฝันเห็นอนาคตอันสดใสว่าตัวเองจะได้เรียนต่อ
ในสาขาที่ชอบต่อไป และจะได้เจริญก้าวหน้าอีกก้าวนึง
และเมื่อจบโทก็จะทำงานหาประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นต่ออีกสัก 2 ปี
นั่นคือแปลนหรือแผนการที่เราวางไว้และคิดว่ามันแสนจะงดงามนัก

แต่...พอดีช่วงปีสี่...ตอนใกล้จะจบ...ได้ข่าวว่าแม่ช็อกไม่หายใจ
ไปหลายนาที และก็ฟื้นขึ้นมา...อาการหนักต้องนอนรักษาตัวอยู่
ที่โรงพยาบาลนานหลายเดือน พ่ออยู่ดูแลตลอด...
ส่วนพี่ๆน้องๆก็ผลัดเวียนเปลี่ยนกัน...เหลือเพียงเราที่ไม่รู้เรื่อง
เพราะไม่มีใครโทรมาบอก...กว่าจะรู้ แม้ก็ใกล้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ช่วงเวลาระหว่างนั้น ฝันไม่ค่อยดีเลยแม้แต่คืนเดียว
พยายามโทรหาที่บ้าน แต่ก็ไม่มีใครบอกเรื่องนี้...
ตอนได้รู้เรื่อง อยากจะโกรธพี่ๆน้องๆ แต่ก็โกรธไม่ลง...
เพราะพวกเขาบอกว่า แม่ไม่เป็นไรแล้ว พวกเขาดูแลกันเองได้สบาย
ไม่อยากให้ข้าน้อยต้องกังวลและอาจจะต้องเสียเงินทองมากมาย
เพื่อจะกลับมาเยี่ยมแม่ และอาจจะเสียการเรียน...
ตอนนั้นยังบอกไปเลยว่า...จะเสียอะไรไปเท่าไหร่มันไม่ยิ่งใหญ่
เท่ากับการเสียแม่ไปโดยไม่รู้เรื่องเลยหรอก...
โชคดีที่อัลลอฮฺยังเมตตาไม่ให้ท่านจากข้าน้อยไปตอนนั้น...

พออีกไม่กี่เดือน พ่อก็ทรุด เข้านอนโรงพยาบาลอีก...
แม่ก็กลับไปนอนที่โรงพยาบาลต่อด้วย...
กลายเป็นว่าทั้งสองต้องนอนโรงพยาบาล
และพี่ๆน้องๆก็บอกแค่ว่า ไม่มีอะไรมาก...
แต่ข้าน้อยไม่เชื่อ...พร้อมกับขอดุอาอฺทุกเช้าค่ำ...
เพราะตอนนั้น ไม่มีเงินพอจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อกับแม่...
จะหยิบยืมใครก็ลำบาก เลยบอกกับตัวเองว่า...
จบป.ตรีแล้วจะกลับบ้านทันที ไม่เรียนต่อ หรือทำงานต่อที่ญี่ปุ่นอีกแล้ว
อนาคตจะเป็นอย่างไร ช่างมัน...ค่อยหาทางกันเอาอีก...
วันนี้เวลานี้เราอยากกลับไปหาผู้ที่ดูแลเรามาตลอด

ตอนนั้นได้แต่อ้อนวอนขอต่ออัลลอฮฺให้พระองค์
ให้พ่อกับแม่ยังมีชีวิตต่อ อย่าเพิ่งเอาท่านทั้งสองไป
ให้ข้าน้อยได้มีโอกาสกลับไปดูแลท่่านทั้งสอง
อย่างที่ท่านทั้งสองเคยดูแลข้าน้อยมา...

ก็อัลฮัมดุลิลลาฮฺค่ะ...

อัลลอฮฺรับดุอาอฺ เรียนจบแล้วได้กลับมาดูแลพ่อกับแม่อย่างเต็มที่
เต็มกำลัง ตอนนั้นท่านทั้งสองผลัดกันเข้าโรงพยาบาล
ดีใจค่ะที่มีส่วนช่วยดูแลปรนนิบัติท่านทั้งสอง...หุงหาอาหารให้ ป้อนข้าวให้
เช็ดตัว พาเข้าห้องน้ำ...ทำเหมือนที่ครั้งหนึ่งท่านทั้งสอง
เคยทำให้เราเมื่อตอนเด็กๆ...ที่สำคัญ ตอนนั้นเป็นคนนึงที่จบมา
แล้วไม่ได้หางานข้างนอกทำเลย...จนมีกระแสเสียงต่างๆนาๆ
ว่าเรานั้นเรียนไม่จบมาหรือเปล่า แต่ก็ผ่านเสียงและคำพูดเหล่านั้นมาได้
ด้วยดีตั้งหลายปี...คนส่วนใหญ่มองว่าข้าน้อยไม่มีงานทำ
แต่ไม่มีใครมองเห็นเลยว่า ข้าน้อยไม่เคยว่างเลยแม้แต่วันเดียว
ในแต่ละวันมีปัญหา มีหลายอย่างที่ต้องทำ และเป็นการทำที่ไม่มีเงิน
เป็นค่าตอบแทน แต่มีความสุขที่ได้ทำเป็นค่าตอบแทน...
สุขที่เกิดจากหัวใจล้วนๆ...เพราะร่างกายมันต้องอดทนกับหลายๆอย่าง
เพราะตัวเองก็อ่อนแอ ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่นาน
หลังจากดูแลพ่อกับแม่ตอนนอนโรงพยาบาลด้วย
จนกลายเป็นว่า คนมองว่าบ้านข้าน้อยโดนบะลาอฺ...
ซึ่งข้าน้อยมองว่า หากนี่คือบะลาอฺย่อมเป็นบะลาอฺที่ให้คุณ
มันทำให้เรารักและผูกพันธ์กันมากขึ้น...
ทำให้เราใกล้ชิดกับผู้สร้างเรามากยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ...
หากเราอดทนผ่านมันไปได้แล้ว...ย่อมได้รับสิ่งดีๆเป็นการตอบแทน
จากอัลลอฮฺอย่างไม่ต้องสงสัย...

เมื่อพ่อกับแม่กลับมาแข็งแรง ท่านก็อยากให้เราได้มีอาชีพ
ที่มั่นคงทำ...ก็เลยเดินหน้าทำมาหากิน...ซึ่งเป็นการนำปัจจัย
มาช่วยเหลือการงานของท่านทั้งสองต่อไป...
เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระท่าน...

เพราะวันที่ท่านอ่อนแอ เราเลือกจะทิ้งงานที่ทำแล้วได้เงิน
มาเป็นงานที่ดูแลท่านที่ทำแล้วได้บุญและความสุข
เมื่อท่านแข็งแรง เราก็กลับมาทำงานของเราต่อ
เพื่อจะได้มีเงินซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของท่านทั้งสอง

ดังนั้น...รูปแบบในการดูแลช่วยเหลือผู้มีบุญคุณนั้น
เราจึงต้องดูตามสถานการณ์...


วันนี้...ไม่เคยเสียใจเลยสักนิดที่ไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่น
และทำงานที่นั่นต่อ...ไม่เลย...
แม้ว่าโอกาสมันจะถูกหยิบยื่นมาอยู่ต่อหน้าต่อตาแล้วในวันนั้น...

และไม่เสียใจที่ได้ตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อมาอยู่กับพ่อกับแม่
และพี่ๆน้องๆเลย...ไม่เสียใจเลยแม้แต่นิด...

เพราะสิ่งที่อัลลอฮฺมอบให้แทนแผนการนั้นมันยิ่งใหญ่กว่ามากมาย
จนไม่อาจคำนวณค่าได้เลย...

แผนการของเราไม่มีวันจะยิ่งใหญ่ไปกว่าแผนการของอัลลอฮฺ...
ไม่เลย...

ตอนที่พ่อนอนอยู่โรงพยาบาล
พ่อถึงกับพูดประโยคหนึ่งตอนที่ท่านอารมณ์เสียใส่ข้าน้อย
เนื่องจากปกติคนป่วยจะอารมณ์เสียเป็นธรรมดา...
เพราะโรครุมเร้า...เราคนที่ยังสบายเลยต้องซอบัรฺ

พ่อบอกว่า...จำไว้ว่า...
หากเราอยากให้ลูกของเราปฏิบัติกับเราอย่างไร
ก็จงปฏิบัติกับพ่อแม่ของเราแบบนั้น...


เราอาจจะคิดว่าพ่อกับแม่น่าจะล่วงหน้าไปก่อนเรา
หรือคิดว่าท่านทั้งสองอายุยังไม่มาก วันแห่งการจากลา
คงจะยังอีกนานกว่าจะมาถึง...

เราไม่รู้หรอกว่า...บางทีอาจเป็นเราที่จะไปก่อนท่าน
หรืออาจจะเป็นท่านที่จะต้องไปก่อนเรา

อัลลอฮฺไม่ได้บอกว่าเราได้คิวที่เท่าไหร่
ไม่มีใครรู้คิวของตัวเองและของคนอื่น...

แต่ที่เรารู้ก็คือ...วันนี้...เราและท่านยังมีกันและกันอยู่
และเราจะทำให้ดีที่สุด และทำให้สุดความสามารถของเรา...

อยู่ไกลแค่ไหนก็โทรหากันได้ทุกวัน...
ไม่ได้เห็นหน้าก็ยังดีที่ได้ยินเสียง ได้เล่าเรื่องราวสู่กันฟังได้อยู่...
ว่างเมื่อไหร่ เราก็ไปเยี่ยมท่าน หาของอร่อยๆที่ท่านชอบไปให้
ให้ท่านกินของอร่อยๆที่เราหาไปฝากเสียแต่วันที่ท่านยังกินได้
อย่ารอนำไปฝากในวันที่ท่านกินไม่ได้แล้ว...
ขอดุอาอฺให้ท่านในทุกๆละหมาดตั้งแต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
อย่ารอขอให้ตอนที่ท่านไม่อยู่กับเราแล้ว...
เพราะเราอาจจะไม่มีโอกาสขอให้ท่านก็ได้...
อาจกลายเป็นท่านที่ต้องขอดุอาอฺและละหมาดให้เราเสียเอง
หากว่าเราต้องเดินทางกลับคืนสู่อัลลอฮฺล่วงหน้าไปก่อนท่านทั้งสอง...

อยากพาท่านทั้งสองไปเที่ยวที่ไหนก็พาไปเสียแต่ตอนนี้เถิดค่ะ...
มีลูกก็พาลูกๆไปเยี่ยมท่าน เพื่อที่บ้านของท่านจะได้มีเสียงครึกครื้น

การงานนั้นสำคัญก็จริง...แต่ถ้าเรายังไม่ตาย เราก็คงได้ทำมัน...
ไม่ว่างานใดๆก็ตาม...
แต่กับบางกรณี...หากเราไม่ทำเสียแต่วันนี้ ต่อให้เรายังไม่ตาย
เราก็อาจจะไม่ได้ทำมันอีกเลยก็ได้...

ที่เขียนมา...เพื่อจะบอกกับผู้ที่บิดามารดายังอยู่กับท่านอยู่
อยากบอกให้รู้ว่า...การที่บิดามารดายังอยู่กับเรานั้น
เท่ากับอัลลอฮฺได้เอาสวรรค์มาวางไว้ตรงหน้าเราแล้ว...
ขึ้นอยู่กับเราว่า...เราจะทำอย่างไรกับบิดามารดา...


ในชีวิตนี้...เรามีพ่อกับแม่ แค่อย่างละคน...
และจะหาอะไรมาแทนที่ไม่ได้....

กับคนรัก...วันนี้อาจจะรักกันมากจนลืมพ่อกับแม่
แต่ให้รู้ไว้เถิดว่า...หากเราเลิกกับคนรักวันใด
เราก็ยังสามารถหาคนรักคนใหม่มาดำรงตำแหน่งนั้นได้อีก...
เพราะตำแหน่งนี้ยังสามารถหาผู้มาแทนที่ได้ตลอดชีวิต...

แต่มีแค่ตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง ที่ใครก็มาทำหน้าที่นั้นแทนไม่ได้...
มันมีมาแต่เดิมพร้อมกับการกำเนิดของเรา
เมื่อเสียแล้วก็เสียเลยพร้อมกับการจากไป...

นั่นคือ ตำแหน่งพ่อ กับตำแหน่งแม่...

อินชาอัลลอฮฺ...หากอัลลอฮฺประสงค์ก็อยากจะดำรงตำแหน่งแม่
ก่อนกลับคืนสู่ความเมตตาของพระองค์...

แม้ใครๆจะบอกว่าเป็นตำแหน่งนี้มาพร้อมกับหน้าที่อันหนักหน่วง
แต่อย่างน้อยการได้เกิดมาครั้งหนึ่งบนดุนยานี้...
ความรักที่มาพร้อมกับตำแหน่งนี้นี้มิใช่หรือ...ที่เขาบอกว่า
เป็น "ความรักบริสุทธิ์"...ที่ไม่ต้องการการตอบแทนใดๆ...

ยังบอกน้องสาวเลยว่า...หากมีสามีแล้ว...
ก็อย่าผลักริสกี จงมีลูกเถิด...
เพื่อจะได้ไม่ขาดทุนที่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิง...
อย่ากลัวว่าวันนึงหากเลิกกับสามีแล้วจะเลี้ยงลูกไม่ไหว
โปรดรู้ว่า...แท้จริงอัลลอฮฺคือผู้ดูแลเลี้ยงดูทุกชีวิต
ที่พระองค์สร้างมา...



วัสลามค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 14, 2013, 12:02 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged