salam
เพิ่งอ่าน "การเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่สากล" โดย อะลี อะฮฺหมัด อบูบักร มุฮำหมัด อะมีน อัลอัซฮะรีย์ (ถ้าจำไม่ผิด คือ เชค อาลี เสือสมิง)
ในนี้ http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=4&id=1725
อ่านแล้วเกิดความรู้สึกว่า ที่ผ่านมาเคยทำอะไรต่ออะไรผิดไปหลายอย่าง แม้กระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน
บาดหลวงท่านหนึ่งติดต่อไปที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ขอนำคณะมาอวยพรปีใหม่ที่มัสญิดฯ ผมคิดดูแล้วว่าคงไม่เหมาะสม
แต่ในฐานะที่เป็นคณะกรรมการศาสนิกสัมพันธ์ประจำจังหวัด จึงแนะนำว่า ให้เชิญตัวแทนศาสนาต่าง ๆ ที่อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้ไปพบกันที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด
มีตัวแทนจากศาสนาพุทธ คริสต์(ประมาณ 10 คน) อิสลาม(มีผม, โต๊ะบิหลั่น และตัวแทนสัปปุรุษ 1 คน) และตัวแทนศาสนาซิกห์
วัฒนธรรมจังหวัดกล่าวแสดงความยินดี ตัวแทนศาสนาคริสต์มีกีตาร์ไปด้วย ร้องเพลงอวยพร ส่วนอิสลาม พุทธและซิกข์ก็แลกเปลี่ยนของขวัญและคำอวยพรกัน
ของขวัญที่ผมนำไปแลกคือ แจกันดอกไม้ หนังสื้อเส้นทางสายใหม่ของคอดีญะฮฺ ยุสรอ ที่สถานทูตซาอุพิมพ์เผยแพร่ และการ์ดอวยพร เขียนว่า
"ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานทางนำที่ถูกต้องให้แก่ท่านและบุคคลที่ท่านรักทุกคน" นียะฮฺว่า เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็ขอถือโอกาสนี้ ขอฮิดายะฮฺให้แก่เขาเลยแล้วกัน
เกิดเขาอ่านหนังสือและได้รับฮิดายะฮฺ ผมคงจะได้รับผลบุญที่ช่วยให้มนุษย์อีกคนหนึ่งรอดพ้นจากความหลงผิด
ส่วนของขวัญที่ได้รับแลกเปลี่ยนมานั้น เป็นขนมปังกล่องหนึ่งกล่องกับ รังนกบรรจุขวด 1 โหล ยังไม่ได้ดูเลยว่า มีตรา "หะลาล" หรือเปล่า
เมื่อครู่นี้เอง โทรทัศน์เสนอข่าว ประเทศเอมิเรตส์ ที่ดูไบ จุดพลุฉลองปีใหม่กันอย่างครึกครื้น พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ความเห็นส่วนตัวก็คือ ถ้าจำเป็นต้องร่วมกิจกรรมนี้ ก็อย่าร่วมด้วยความยินดี ไม่เป็นฝ่ายเริ่มเอง หลีกเลี่ยงการปะปนกันระหว่างชายหญิงรวมทั้อาหารเครื่องดื่มที่หะรอม
โดยเฉพาะเหล้า และเมื่อหมดภาระแล้ว ก็ควรออกห่างจากกิจกรรมเหล่านั้นทันที
والسلام
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...ปีนี้ได้อยู่กับห้องค่ะ...ไม่มีใครชวนไปไหนเลย...
มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ ก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรนอกจาก...
ขอบคุณอัลลอฮฺ ที่ทำให้ไม่ต้องหาเหตุมาอ้างให้วุ่นวายอย่างที่ผ่านมา...
พ่อก็พยายามบอกลูกๆว่า หากอยากจะรวมตัวกันก็มารวมตัวกันที่บ้าน
กินกันที่บ้าน จะได้ไม่ต้องไปไหน หาเหตุอ้างคนอื่นได้ดีว่ามีกินเลี้ยงที่บ้าน
และไม่ร้องคาราโอเกะให้คนแก่ข้างบ้านหัวใจสั่น ไม่จุดพลุ
ให้คนป่วยในหมู่บ้านนอนไม่หลับ...ก็เป็นอันว่าโอเคแล้ว...
หากอารมณ์มันอยากจุดพลุมากๆ(แบบว่าคึก) ให้ไปจุดที่ทุ่งนาอันไกลไร้ผู้คน...
หากอยากแลกของขวัญก็ให้แลกกันภายในบ้านโดยให้เหนียตว่าให้ของขวัญกันและกัน
อย่าได้คาดหวังผลกำไรขาดทุนจากของขวัญนั้นๆ
เพราะถ้าคิดแบบนั้นก็ไม่ให้มีการแลกของขวัญกันเกิดขึ้น...
เหลือแค่กินอย่างเดียวและพูดคุยกันเท่านั้น...
แต่สำหรับข้าน้อยน้อมรับคำของพ่อ...เพราะแค่พี่น้องได้เจอหน้ากัน
ได้พูดคุยหยอกล้อกัน ได้อุ้มหลานๆ ก็ว่าสนุกสุดๆแล้ว...
ยิ่งได้เข้าครัวทำอาหารช่วยกันและกัน ยิ่งสนุก...
ไม่จำเป็นต้องมีเหล้าหรือร้องคาราโอเกะ ก็สนุกได้...
และไม่ทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนนอนไม่หลับด้วย...
แต่ปีใหม่นี้ไม่ได้กลับบ้านไปร่วมวงกินข้าวกับพ่อแม่พี่น้องและหลานๆที่บ้านเกิด
เพราะกะจะกลับรอบเดียวแบบยาวๆหลังปีใหม่เลย...
อินชาอัลลอฮฺ...ตั้งใจจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่พี่น้องสักพักนึง
และปลูกพืชผักสมุนไพรบนผืนดินที่ปู่ย่าตายายได้บุกเบิกถากถางไว้ให้เรา...
ปล.สิ่งหนึ่งที่อัลลอฮฺมอบให้เป็นการทดแทนจากการไม่ได้ไปร่วมสนุกสนาน
กับคนอื่นๆอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเลย...
นั่นคือ...ความหอมหวานในจิตใจ...
มันช่างหอมหวานกว่าความหอมหวานแห่งความสนุกที่เคยได้รับมาในอดีต...
เพียงแค่เราสามารถเอาชนะนัฟซูตัวเองได้...
ก็ได้แต่หวังว่า...ปีนี้ อัตราผู้เสียชีวิตจะลดลงกว่าปีที่แล้ว...
ปล.อีกที...จะดีแค่ไหนนะ...ถ้าไม่มีการดื่มของมึนเมาในงานเลี้ยงต่างๆ...
แต่คงยาก...ในเมื่อสังคมโลกยอมรับสิ่งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
แม้สังคมโลกจะยอมรับสิ่งนี้ แต่ก็ยังหวังว่ามุสลิมเราทุกคนจะปฏิเสธมันได้นะคะ...
เพราะประวัติเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองในวันที่ 1 มกราคม
คงจะทำให้พี่น้องมุสลิมเรา...พอจะเข้าใจถึงเป้าหมายที่แอบแฝงไว้
ของชาวคริสเตียนได้ดี(ซึ่งก็เพิ่งได้อ่านประวัติเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองเช่นกันค่ะ)
ก็เลยทำให้พยายามเลี่ยงเท่าที่จะเลี่ยงได้ในการเฉลิมฉลองในวันดังกล่าว
แต่สำหรับคนทำงานเป็นลูกจ้าง วันดังกล่าวก็กลายเป็นวันหยุดยาวไป
วัสลามค่ะ