ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพ
เรื่องราวของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นปรากฏอยู่ในเวบไซด์มากมายในอินเตอร์เนต แต่มิได้
หมายความว่าทุกเวบไซด์จะเป็นเรื่องจริง เพราะพวกที่ชอบบิดเบือนก็เปิดเวบไซด์ได้ พวกเขาใส่เรื่องราวที่เป็นเท็จลงไปใน
เนื้อหา การใช้คำพูดที่ผิดที่ผิดทาง มีให้พบเจออยู่มากขึ้นเรื่อย ๆ มุสลิมและผู้ที่มีใจโน้มเอียงหรือมุอัลลัฟ ควรใช้
วิจารณญาณในการเข้าชมเวบไซด์นั้นอย่างระมัดระวัง โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแยกแยะเรื่องจริงกับการใส่ไคล้ เพราะในกุร
อานระบุว่า

ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ 33:21
โดยแน่นอนในร่อซูลของอัลลอฮฺมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว
สำหรับผู้ที่หวัง(จะพบ)อัลลอฮฺและวันปรโลก และรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มิได้ปฏิบัติตามอารมณ์ หากแต่เป็นวะฮียฺที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา
ทรงประทานลงมา ดังนั้นท่านนบีมุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมคือแบบฉบับอันสูงส่งที่ผู้ศรัทธาจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
ทุกวันนี้ พวกมุชริกีนพยายามใส่ไคล้ท่านต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งงานของท่านกับท่านหญิงคอดีญะฮฺ
เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ที่มีอายุมากกว่าท่านและร่ำรวย การใช้เวลาว่างในการพักผ่อนในถ้ำ และรับวะฮียฺจากการพบกับญิบรีล
มุชริกีนใส่ร้ายท่านว่า เป็นผู้อนุญาตให้สังหารหมู่ชาวยิวในมักกะฮฺ รวมทั้งดักปล้นฆ่ากองคาราวาน ยกทัพไปโจมตีศาสนจักร
ของคริสต์ แล้วยังว่าท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เสพย์สุขกับการได้มีภรรยาทั้งหมด 26 คน แล้วมุสลิมควร
ทำตัวอย่างไร เมื่อรับทราบข้อมูลเหล่านี้ หากเราโจมตีด้วยถ้อยคำรุนแรง ตอบโต้กลับไปในเวบไซด์ดังกล่าว ก็เท่ากับว่า
อิสลามมิได้สอนอะไรที่ดีกว่า

ซูเราะฮฺ อัลมุมินูน 23:96
เจ้าจงปราบความชั่วด้วยสิ่งที่ดียิ่ง เรารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขากล่าวหา
ขอให้ผู้ศรัทธาอดทนต่อคำสบประมาท และแสดงสิทธิในการปกป้องสัจธรรมจากการล่วงละเมิดของผู้ที่ไม่เข้าใจ
อิสลาม และตอบคำสบประมาทเหล่านั้นด้วยความจริง นั้นย่อมดีกว่า การมีภรรยาหลายคนของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอ
ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มีเหตุผลส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว และเทียบไม่ได้กับความสุขที่ท่านเคยมีเมื่อครั้งที่ท่านครองคู่กับท่าน
หญิงคอดีญะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เป็นเวลา 20 กว่าปี หลายครั้งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ต้องไปสงบจิตใจในกุโบร์ เพราะหนักใจ
กับบรรดาภรรยาของท่าน ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถือศีลอดทุกวันจันทร์ และวันอื่น ๆ เช่นในวันที่ไม่ได้
หุงหาอาหารไว้ในบ้าน ท่านก็ถามท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ว่ามีอะไรทาน เมื่อคำตอบว่าไม่มี ท่านก็เพียงแต่
บอกว่า “วันนี้ฉันถือศีลอด”
ในยามค่ำคืน ท่านละหมาดนาน ๆ บางครั้งภรรยาของท่านคิดว่าท่านเสียชีวิตในขณะสุญูด เพราะท่านก้มกราบอัลลอฮฺ
สุบหานะฮูวะตะอาลา นานมาก และนี่คือความสุขของท่านที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้รับการเลี้ยงดูนอกเมืองมักกะฮฺที่มีแต่ภาษาอาหรับดั้งเดิม และท่านก็
อ่านไม่ออกและไม่เขียน และท่านไม่ได้เรียนปรัชญาจากพระอาจารย์ชาวยิว ชาวคริสต์ ดังที่ถูกกล่าวอ้างแม้แต่น้อย เพราะถ้า
หากท่านเรียนมาจากพวกเขา ท่านก็คงสอนศาสนาที่ไม่ขัดใจพวกนั้นรวมถึงชาวเมืองมักกะฮฺด้วย แต่ท่านรับวะฮียฺจากอัลลอฮิ
สุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นแนวทางที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เคยให้แก่นบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสะลาม และบรรดาอัมบิยา
ก่อนหน้ามาแล้ว ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงสูทนลำบาก ทนถูกต่อต้าน ทนการเย้ยหยัน ทนต่อการถูก
ตัดความช่วยเหลือและการค้าขายจากสังคม ที่ล้วนแต่เป็นญาติพี่น้องและมิตรสหาย เป็นเพราะภารกิจของท่านที่ต้องเผยแผ่
สัจธรรมแห่งอิสลามที่สอนให้เชื่อว่าอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงเป็นเจ้าเท่านั้น และไม่มีเจ้าอื่นใดอีกแล้ว อิสลามสอน
ให้รักความสงบ ดั่งเช่นที่บรรดาอัมบิยาอฺท่านก่อน ๆ ก็สอนเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสะลาม นบีมูซา อะลัยฮิส
สะลาม และนบีอีซา อะลัยฮิสสะลาม และสิ่งที่พิสูจน์ว่า ท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นศาสนทูตของ
อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ก็คือ ท่านไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทนใด ๆทางโลกเลย ท่านมีอำนาจในมือ แต่ท่านไม่ใช้อำนาจ
เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เช่น แก้ว แหวน เงิน ทอง ท่านใช้ชีวิตพอเพียง เสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย ไม่แตกต่างกับผู้คนที่มี
ชีวิตอยู่ในสมัยนั้น ท่านไม่มีกองทหาร ไม่มีหน่วยอารักขา ไม่มีรายได้ประจำ แต่ท่านชอบและรักที่จะทำทานอย่างมาก และ
ท่านคือตัวอย่างที่ดีเลิศของผู้ศรัทธาที่ปรารถนาจะใช้ชีวิตทั้งทางธรรมและทางโลกอย่างสมบูรณ์ เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในบรรดา
ผู้ที่ยำเกรง นั่นคือ

ซูเราะฮฺอาละอิมรอน 3:134
คือบรรดาผู้ที่บริจาคทั้งในยามสุขสบาย และในยามเดือดร้อน และบรรดาผู้ข่มโทสะ
และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลลอฮฺนั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย
บรรดาผู้ข่มโทสะ และให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงรัก ผู้ที่รักอัลลอฮฺ สุบ
หานะฮูวะตะอาลา ปฏิบัติตามคำสั่งอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา และร่อซูลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวไว้อย่างกินใจว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือ อัล
กุรฺอานภาคปฏิบัติ หมายถึง ท่าน คือแบบอย่างของการกระทำที่ดีที่สุด ที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงสั่งห้ามและใช้
ทั้งภารกิจทางศาสนา และการใช้ชีวิตทางโลก ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม บริจาคทั้งในยามสุขสบาย และ
ในยามเดือดร้อน ท่านข่มโทสะ ท่านให้อภัย ท่านช่วยคนแม้ต้องนำคันธนูของท่านไปจำนอง เพื่อนำเงินมาช่วยผู้คน และท่าน
กำชับมิให้ใครบูชาท่านเด็ดขาด ท่านพูดเสมอว่าท่านเป็นศาสนทูตและท่านเป็นทาสของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา
คัดลอกจากเอกสารเผยแพร่ของมัสยิดฮารูณ เมื่อ 1 มกราคม 2553 โดย Bangmud