การพูดเชิญชวน ก่อนอ่านคุตบะฮ์วันศุกร์

[JawhaR]

Tweet

 salam

มีเรื่องสงสัยอยากจะรบกวนสอบถามพี่น้องครับ

คือทุกๆ วันศุกร์ก่อนที่จะอ่านคุตบะฮ์
อีหม่ามประจำมัสยิดที่ผมไปละหมาด ท่านจะพูดเรื่องศาสนา เหมือนกับการสอนหรือบรรยาย
ไม่แน่ใจว่าเรียก การพูดมูซากาเราะฮ์ หรือเปล่า
ท่านจะพูดหลังจาก อาซานได้เวลาซุฮรี่ครับ เหมือนเป็นการรอพี่น้องไปพลางๆ
บางครั้งก็พูดนาน บางครั้งก็เร็ว พอพูดจบ ถึงจะเริ่มการอาซานเพื่อคอตีบเริ่มอ่านคุตบะฮ์

ส่วนตัว ผมก็ว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ท่านประสบการณ์เยอะ
ออกตับลีฆทั่วโลก มีอะไรๆ มาเล่าให้ฟังบ่อยๆ ฟังเพลินดี 

แต่อย่างว่าครับ ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
พัทยาคนมากหน้าหลายตา จากหลายๆประเทศ
จึงมีคนบอกว่า การกระทำเช่นนี้นั้นไม่ถูกต้อง เสมือนเป็น 3 คุตบะฮ์ ด้วยคน 2 คน  มันผิด
เขายังบอกอีกว่า เป็นบิดอะฮ์ คนที่บอกนั้นผมรู้สึกว่าจะเป็นต่างชาติ น่าจะอาหรับ ไม่ก็อินเดีย ปากี ครับ

พี่น้องมีความคิดเห็น อย่างไรครับ

ปล. เรื่องของเรื่อง มีคนใกล้ตัวเค้าเห็นด้วยกับอาหรับคนนั้นอะครับ

....  วัลลอฮุอะลัม...

ญาซากัลลอฮุค็อยรอน ล่วงหน้าครับ

วัสลามุอะลัยกุม ฯ.....

[hiddenmin]

ถ้าจะไม่ให้พูดก่อนคุตบะฮ ก็พูดหลัง


แต่ก็นั้นแหละ

ละหมาดเสร็จก็บ้านใครบ้านมันทันทีละทีนี้
แล้วแมวใหนจะนั่งฟัง


ถ้าบิดอัฮ ก็บิดอัฮทางภาษา

[Bangmud]

 salam

จากประสบการณ์การได้ร่วมละหมาดในวันศุกร์ พบรูปแบบการปฏิบัติหลายรูปแบบด้วยกัน

แบบที่ 1.ที่บ้านเกิดของผม เมื่อได้เวลาละหมาด บิหลั่นอะซาน 1 ครั้ง ประมาณ 15 นาที คอเต็บมาถึง ใส่โต๊บขาว คลุมผ้าขาว เดินดุ่ม ๆ ขึ้นมิมบัร ให้สลาม

พอนั่งลง บิหลั่นอะซานครั้งที่ 2 ที่หน้ามิมบัรฺ แล้วคอเต็บ ก็คุฏบะฮฺเลย เป็นภาษาไทย (รุกนคุฏบะฮฺเป็นภาษาอาหรับ) คุฏบะฮฺที่ 2 เป็นภาษาอาหรับทั้งหมด

คุฏบะฮฺเสร็จ บิหลั่นอิกอมะฮฺ(อะซาน ครั้งที่3) อิหม่ามเป็นผู้นำละหมาด นอกจากบางครั้ง คอเต็บนำละหมาดเอง

คำวิจารณ์ : ผิดในข้อหาบิดอะฮฺ เพราะสมัยนะบี ไม่มีการอะซานครั้งที่ 1

ส่วนผมก็ตามเขาไป สงสัยจะอยู่ในแวดวงเฎาะลาละฮฺ ตกนรกตามคำวิจารณ์ เถียงอยู่ในใจว่า สมัยซัยยิดินาอุสมาน ก็มีการอะซานครั้งที่ 1

ตอนอยู่ที่มักกะฮฺ ก็มีอะซานครั้งที่ 1 แต่อะซานก่อนเวลาละหมาดดุฮฺริ คงต้องโดนข้อหาเดียวกัน บิดอะฮฺ เพราะสมัยนะบีไม่ได้ทำ

โดนข้อหาเฎาะลาละฮฺกันทั้งหมด คนวิจารณ์ถ้าไปทำหัจญ์ก็โดนข้อหานี้ด้วย

วัสสลาม

[Bangmud]

 salam

ต่อครับ

แบบที่ 2 ตอนโตขึ้น ผมย้ายบ้านมาอยู่ชานเมือง มัสญิดใหญ่ พอได้เวลาละหมาดดุฮฺริ คนครึ่งมัสญิดแล้ว บิหลั่นอะซานครั้งที่ 1

อิหม่ามมา คอเต็บมา ละหมาดตะหี้ยะตุลมัสญิด  อิหม่ามจะลุกขึ้นพูด เรื่องทั่วไป เรื่องศาสนา คล้าย ๆ กับที่ท่าน เญาฮัรฺ เล่านี่แหละ

พอพูดจบก็พยักหน้าให้บิหลั่น บิหลั่นคว้าสระบั่นสีเหลืองทอง มองไปรอบ ๆ เสร็จแล้วก็นำไปมอบให้คนที่จะทำหน้าที่คุฏบะฮฺ

แล้วลุกขึ้นถือตุก๊ะ อ่าน มะนาซิร็อลฯ อ่านหะดีษฯ เศาะละวาต คอเต็บเอาสระบันคลุมศีรษะ ลุกไปหยิบ ตุก๊ะ แล้วขึ้นไปกล่าวสลาม แล้วนั่งลง

บิหลั่นอะซานครั้งที่ 2 เสร็จแล้วคอเต็บ คุฏบะฮฺตามแบบที่เคยเห็นปฏิบัติกัน เป็นภาษาไทยในคุฏบะฮฺแรก และภาษาอาหรับในคุฏบะฮฺที่ 2

พอถึงบทขอพรในคุฏบะฮฺที่ 2 ลูกญุมุอะฮฺยกมืออามีนเสียงดัง บางที่คอเต็บก็ยกมือด้วยในคุฏบะฮฺ

เสร็จแล้วอิหม่ามนำละหมาดเองหรือชี้ให้ใครทำหน้าที่นำละหมาดแทน

คำวิจารณ์ : บิดอะฮฺตามเคย หลายกระทง (๑) สมัยนะบี นะบีออกจากบ้านมาขึ้นมิมบัรฺเลย ไม่เคยละหมาดก่อนคุฏบะฮฺ

          (๒) ทำไมต้องถือตุก๊ะด้วย นะบี พยุงตัวด้วยด้ามหอกหรือคันธนู หรือพยุงไหล่บิลาล

          (๓) ตุก๊ะทำสวยเกินไป บางแห่งประดับกระจกสี สะท้อนแสงแววาว

          (๔) ทำไมบิหลั่นต้องยืนอ่าน มะนาซิร้อลฯ อ่านหะดีษเตือน และเศาะวาต ก่อนคอเต็บขึ้นมิมบัรฺด้วย

          (๕) ทำไมอิหม่ามต้องพูดอะไรหลังจากอะซานครั้งที่ 1 (ในข้อนี้ สอบถามคนเก่าแก่ที่นั่น บอกว่าเมื่อก่อนคุฎบะฮฺเป็นภาษามลายูหมด ดังนั้น เพื่อให้ผู้มาละหมาดที่ฟังมลายูไม่รู้เรื่อง

              ได้อะไรกลับบ้านไปบ้าง จึงต้องมีการพูดก่อนว่าจะพูดเรื่องอะไร จะได้เข้าใจกันทุกคน เดี๋ยวนี้แม้คุฏบะฮฺเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ยังคงการพูดก่อนคุฏบะฮฺไว้)

          (๖) มะมูมก็บิดอะฮฺ ยกมือในขณะคอเต็บขอดุอาอุ์ในคุฏบะฮฺ ไม่มีแบบอย่าง

แบบที่ 2 นี้ นักวิจารณ์ล่อกันสนุกปาก ฟังตามความเห็นของนักวิจารณ์แล้ว น่าจะไม่มีใครรอดนรกสักคน

เดี๋ยวจะมาเล่าแบบอื่น ๆ อีก วัสสลาม

[JawhaR]

ญาซากัลลอฮุค็อยรอน ครับแชมัด

รอการนำเสนอต่อครับ....   

[Bangmud]

 salam

แบบที่ 3 นี่เคยพบครั้งเดียว คือ คุฏบะฮฺเป็นภาษาอาหรับล้วน ๆ ไม่มีอธิบายขยายความ ไม่มีบิหลั่นยืนถือตุก๊ะเพื่อเชิญคอเต็บ

        คนร่วมละหมาดอย่างผมนั่งฟังเพลินจนหลับไปเลย หลับจริง ๆ ไม่รู้ว่าก้นแนบพื้นที่นั่งหรือเปล่า ตื่นมาก็ละหมาดเลย

        แบบนี้ยังไม่ได้ยินวิจารณ์ เพราะตอนนั้นผมยังเด็กมาก และก็ไม่มีใครหาญที่จะวิจารณ์พี่น้องมุสลิมด้วยกันว่า
 
       "บิดอะฮฺ เฎาะลาละฮฺ นรก" ถ้าเขาไม่เห็นด้วยเขาก็จะเตือนกันด้วยความหวังดีและบริสุทธิ์ใจ

        ปัจจุบันมัสญิดแห่งนั้นก็เปลี่ยนกรรมการมาหลายสมัยแล้ว อิหม่ามกับผมก็รู้จักกัน ดูท่านจะทำตามแนวซาอุ

        คุฏบะฮฺเป็นภาษาไทย(รุก่นเป็นภาษาอาหรับ) ไม่มีการพูดนำก่อน อิหม่ามกับคอเต็บ เป็นคนเดียวกัน

แบบที่ 4 เป็นแบบที่ทำกันส่วนมากทางภาคอีสาน ซึ่งสมาชิกญุมุอะฮฺสังกัดฮานาฟีเสียเป็นส่วนใหญ่

       อะซาน 3 ครั้ง(รวมอิกอมะฮฺ) มีการพูดก่อนคุฏบะฮฺ เรื่องศาสนา เรียกว่า บะยาน

       เรื่องที่บะยานก็คือขยายความของคุฏบะฮฺเป็นภาษาไทยนั่นเอง

       คุฏบะฮฺจะอ่านเป็นภาษาอาหรับล้วน เพราะถือว่า คุฏบะฮฺแทน 2 เราะกะอะฮฺของละหมาดวันศุกร์ ต้องเป็นภาษาอาหรับเท่านั้น

       แบบนี้ก็ยังไม่ได้ยินเสียงวิจารณ์เหมือนกัน สงสัยนักวิจารณ์ยังไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปละหมาดในมัสญิดเหล่านี้

       ปัจจุบันก็มีบางมัสญิดที่เปลี่ยนคุฏบะฮฺมาเป็นภาษาไทย แต่ก็ยังไม่ทิ้งบะยาน

แบบที่ 5 ไม่ละหมาดญุมุอะฮฺเลย ผมยังงอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้ เกิดที่มัสญิดแห่งหนึ่งทางจังภาคใต้ตอนบนก็ไม่ใช่ ตอนล่างก็ไม่เชิง (เป็นเกาะ)

       ตอนนั้นยังรับราชการอยู่ ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ ได้เวลาละหมาด ผมก็ไปที่มัสญิด เตรียมละหมาดญุมุอะฮฺ

       พอได้เวลาก็อะซาน อีกสัก 15 นาที อิกอมะฮฺ คนละหมาดเกือบเต็มมัสญิด มากกว่า 60 คนแน่นอน

       ไม่มีคุฏบะฮฺ เป็นการละหมาดดุฮฺริ ที่มีคนเต็มมัสญิด ผมถามอิหม่าม บอกว่า คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนไม่ถึง 40 จึงไม่ละหมาด

       ส่วน วัน - เวลาอื่น ก็มีคนละหมาด 1-2 แถว เฉพาะวันศุกร์ เวลาดุฮฺริ ที่มีคนมาเต็มมัสญิดแต่ไม่ละหมาดญุมุอะฮฺ

       พอมาอ่านกระทู้ เรื่องการละหมาดวันศุกร์ในมหาวิทยาลัยเศาะห์หรือไม่ คิดว่าเกือบเข้าใจว่าทำไมท่านเหล่านั้จึงไม่ละหมาดญุมุอะฮฺกัน

       เพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกต้องหรือไม่ ปล่อยให้เป็นปริศนาต่อไป

       والله أعلم بالصواب والسلام

[nada-yoru]

 salam

ญะซากัลลอฮุคอยรอนค่ะ

 

วัสสลามค่ะ

[JawhaR]

(๑) สมัยนะบี นะบีออกจากบ้านมาขึ้นมิมบัรฺเลย ไม่เคยละหมาดก่อนคุฏบะฮฺ

ญาซากัลลอฮุค็อยรอนครับแช

ผมสงสัยอะครับแช
มันจะขัดกันมั้ย กับคำกล่าวที่ว่า
หากไม่ละหมาด 2 รอกะอัต ก่อนที่จะนั่งลงในมัสยิด  ถือเป็นมักรุฮ์ที่น่ารังเกียจ

[hiddenmin]

คิดว่าไม่ขัด เพราะ
"หากไม่ละหมาด 2 รอกะอัต ก่อนที่จะนั่งลงในมัสยิด  ถือเป็นมักรุฮ์ที่น่ารังเกียจ"

มันเป็นการกล่าวโดยรวม ไม่เจาะจง แต่
(๑) สมัยนะบี นะบีออกจากบ้านมาขึ้นมิมบัรฺเลย ไม่เคยละหมาดก่อนคุฏบะฮฺ

เป็นการเจาะจงเลย

[Bangmud]

 salam

 ผู้ที่เคร่งสุนนะฮฺ จะยึดถือว่า เฉพาะมะมูมเท่านั้น ที่มีสุนนะฮฺให้ละหมาดตะหี้ยะตุลมัสญิด ส่วนอีหม่ามไม่ต้อง

ดังนั้นมะมูมจึงต้องละหมาดตะหี้ยะตุลมัสญิดก่อนนั่งในมัสญิด เราจึงเห็นบางคนไปถึงขณะที่บิหลั่นกำลังอะซาน ก็ยืนรอให้อะซานเสร็จ แล้วละหมาด ก่อนนั่งฟังคุฏบะฮฺ

สำหรับผู้ยึดตามสำนักนิติหะนะฟียฺ มีสุนัตให้ละหมาด ก็อบลียะฮฺ 4 เราะกะอะฮฺ ก่อนละหมาดวันศุกร์ นักวิจารณ์ก็บอกว่า ไม่ถูกต้อง เพราะละหมาดวันศุกร์ไม่ใช่ละหมาดดุฮฺริ

ใครจะหมาดก็อบลียะฮฺ ให้ละหมาดที่บ้าน ก่อนมามัสญิด แล้วกลับไปละหมาด บะอฺดียะฮฺที่บ้าน หลังละหมาดวันศุกร์

โดยส่วนตัว เมื่อมาถึงมัสญิด จะละหมาดตะหี้ยะตุลมัสญิด ตามด้วยก็อบลียะฮฺ 2 เราะกะอะฮฺ ถ้ายังไม่ได้เวลาคุฏบะฮฺ ก็ละหมาดสุนัตมุฏลัก ทีละ 2 เราะกะอะฮฺไปเรื่อย ๆ

หลังละหมาดวันศุกร์แล้วก็ละหมาดบะอฺดียะฮฺอีก 2 เราะกะอะฮฺ แล้วกลับไปทำงาน 

ผมถือว่า การที่ท่านนะบียฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะสัลลัมทำแบบอย่างไว้หลายรูปแบบ เพื่อให้อุมมัตของท่านมีทางเลือก

ผมจึงเลือกทางที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของผมมากที่สุด ผมคงไม่กลับไปละหมาดสุนัตก่อนและหลังละหมาดวันศุกร์ที่บ้าน

วัลลอฮุอะอฺลัม วัสสลาม

[JawhaR]

ญาซากุมุลลอฮ คร๊าบบ