กิซอซ ฆาตกรผวา

[บาชีร]

Tweet

ว่าด้วยเรื่องกิซอซ สรุปจากตัฟซีรอายาติลอะฮฺกาม

 ของเชค محمد على السايس

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ كُتِبَ عَلَيْكُمُ الْقِصَاصُ فِي الْقَتْلَى الْحُرُّ بِالْحُرِّ وَالْعَبْدُ بِالْعَبْدِ وَالأُنثَى بِالأُنثَى فَمَنْ عُفِيَ لَهُ مِنْ أَخِيهِ شَيْءٌ فَاتِّبَاعٌ بِالْمَعْرُوفِ وَأَدَاء إِلَيْهِ بِإِحْسَانٍ ذَلِكَ تَخْفِيفٌ مِّن رَّبِّكُمْ وَرَحْمَةٌ فَمَنِ اعْتَدَى بَعْدَ ذَلِكَ فَلَهُ عَذَابٌ أَلِيمٌ {178}

โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย การประหาร(กิซอซ)ฆาตกรเมื่อมีผู้ถูกฆ่าเกิดขึ้น นั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว อิสระชนต่ออิสระชน และทาสต่อทาส และหญิงต่อหญิง

 และใครที่ถูกอภัยให้แก่เขา(ฆาตกร)จากพี่น้องของเขา(มุสลิมเป็นพี่น้องกัน)ก็ให้ปฏิบัติไปตามนั้นโดยความชอบธรรม และจ่ายให้กับเขาโดยดี(จ่ายดิยะฮฺเช่นอูฐ โดยไม่ล่าช้าเกินไป)

 ที่กล่าวมานั้นคือการผ่อนปรนจากพระเจ้าของพวกเจ้า และความเมตตาด้วย แล้วผู้ใดก็ตามละเมิดหลังจากนั้น เขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ


كُتِبَ عَلَيْكُمُ ก็คือفرض عليكم   ถูกกำหนดแก่พวกท่าน เช่นพระองค์ทรงกล่าวว่า كُتِبَ عَلَيْكُمُ الصِّيَامُ

الْقِصَاصُ  กิซอซก็คือ การกระทำในสิ่งหนึ่ง เหมือนกับที่เขากระทำ

 العفو ในเชิงภาษานั้นมีสองความหมาย ๑คือ การให้ ๒ก็คือยกโทษให้

และมีหมายความเห็นที่แตกต่างกันถึงสาเหตุการประทานอายะฮฺลงมา

หนึ่งในนั้นคือ ในสมัยยุคยาฮิลียะฮฺนั้น มีการล่วงละเมิด และเชื่อฟังชัยตอน และเมื่อใดก็ตามที่บุคคลกลุ่มใด ได้ไปฆ่าทาสของอีกกลุ่มหนึ่ง

ฝ่ายที่ถูกฆ่าจะไม่ยอมเว้นแต่จะต้องอิสระชนเป็นการทดแทน แสดงถึงความทนงเหนืออีกฝ่าย และหากว่า และหากหญิงถูกฆ่า เขาจะไม่ยอมเว้นแต่จะต้องฆ่าผู้ชายเป็นการทดแทน

ดังนั้นอัลลอฮฺจึงประทานอายะฮฺนี้ลงมาว่า ทาสต่อทาส หญิงต่อหญิง และห้ามพวกเขาจากการละเมิด

มีความเห็นที่แตกต่างกันในการเข้าใจความหมายของอายะฮฺ

เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า หากทาสถูกฆ่าโดยอิสระชน คนอิสระนั้นจะต้องได้รับกิศอศหรือไม่ สองหาก กาฟิรซิมมี่ถูกฆ่าโดยมุสลิม คนมุสลิมจะต้องถูกกิศอศรึปล่าว

ทัศนะที่หนึ่งคือมัสฮับหะนะฟีถือว่า จะต้องกิศอส คือฆาตกรที่เป็น อิสระชน กับมุสลิมนั้นจะต้องถูกฆ่า เพราะอายะฮฺนั้นครอบคลุมทั้งหมดในทุกๆฆาตกร

ทัศนะที่สองคือมัสฮับ มาลิกี ชาฟิอี และฮัมบาลีถือว่า ไม่ถูกฆ่า เพราะอยู่คนละระดับบชั้นกัน

[กูปีเยาะฮฺสะอื้น]

ญะซากัลลอฮฺ
ธรรมนูญอิสลาม ถ้าใช้ในไทยดีแน่ๆ

[ILHAM]

ดีทุกที่แหละ

[Al Fatoni]

หากพิจารณากันจริงๆ ประเทศมีการอนุญาตให้ใช้กฎหมายอิสลามแทบจะทุกแผนกแล้ว แต่มีแผนกหนึ่งที่สามารถอนุญาตให้ได้ แม้จะใน ๓จ. ก็ตาม นั่นก็คือ แผนกอาญา (ญินาย๊าต) แต่ในความเข้าใจของพวกเราส่วนใหญ่มักจะมองว่า การนำกฎหมายอิสลามมาใช้ ก็คือการระบบกิศอศ (ลงโทษในแบบเดียวกับที่กระทำผิดไป) หรือการลงโทษด้วยตัดมือเมื่อขโมย ขว้างหินเมื่อผิดประเวณีหลังการสมรส เฆี่ยนเมื่อดื่มสุราและผิดประเวณีก่อนสมรส เป็นต้น ทั้งที่ในความเป็นจริงๆ กฎหมายอิสลามที่เนื้อหาที่มากกว่านั้น เช่น กฎหมายด้วยการนิติกรรมสัญญา (มุนากะห๊าต) สิ่งที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันก็คือ การอนุมัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยขึ้นมา เป็นต้น หรือจะเป็นกฎหมายว่าด้วยครอบครัวและมรดก (มุนากะห๊าต) เป็นอนุมัติให้มีการจัดตั้งศาลดาโต๊ะยุติธรรมใน ๔ จ.ชายแดนใต้ แม้จะยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ แต่ก็เป็นจุดเริ่มที่ดี และกำลังรอให้ลูกหลานมุสลิมไทยทำการขยายสิ่งนี้ให้กว้างขึ้นไปอีก อินชาอัลลอฮฺ - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม

[บาชีร]

มีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างอุลามาอฺว่า หากฆาตกรมีเป็นกลุ่ม หรือจำนวนมากกว่าหนึ่ง แล้วรุมกันฆ่าคนๆเดียวนั้น

ฆาตกรกลุ่มจะต้องโดนกิซอซเพราะการสังหารคนๆเดียวหรือไม่?

ทัศนะที่หนึ่งคือทัศนะของยุมฮูรอุลามาอฺ ซึ่งเป็นทัศนะส่วนใหญ่จาก อิหม่ามมาลิก  หะนะฟี ชาฟิอี อะห์หมัด ษัวรี อบูษูร และอื่นๆจากนั้น ถือว่าฆาตกรกลุ่มนั้นจะต้องถูกประหาร

จะน้อยหรือมากก็ตาม

ซึ่งอุลามาอฺกลุ่มนี้นั้นมองในมุมมองความหมายของอายะฮฺ ว่า ศาสนาบัญญัติหลักการกิซอซ เพื่อรักษาชีวิต ซึ่งหากผู้คนรู้ว่า การร่วมกันฆ่าเป็นกลุ่มนั้นจะไม่ถูกประหารชีวิต

พวกเขาก็จะรวมตัวกันฆ่า แล้วพวกเขาก็บรรลุถึงเป้าหมาย และรอดพ้นจากการถูกประหาร

ทัศนะที่สองคือทัศนะของดาวุดซอฮิรี่คือ การฆ่าเป็นกลุ่มต่อคนๆเดียวนั้นไม่ถูกประหารเพราะซอฮิรของอายะฮฺนั้นจำกัดความเท่าเทียมกัน ซึ่งจำนวนมากกับคนๆเดียวนั้น มันไม่เท่าเทียมกัน