กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
กระทู้ที่น่าสนใจ
ฟอรั่ม
หน้าแรก
ค้นหา
ปฏิทิน
Contact
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
GoogleTagged
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า:
1
...
6
7
[
8
]
9
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2) (อ่าน 25912 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #105 เมื่อ:
พ.ค. 01, 2010, 06:10 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 228
คำอ่าน
228. วัลมุฏ็อลละกอตุ ยะตะร็อบบัศนะ บิอัน..ฟุสิฮิน..นะ ษะลาษะตะกุรูอ์, วะลาตะหิลลุละฮุน..นะ อัย..ยักตุมนะ มาเคาะละก็อลลอฮุ ฟี..อัรหามิฮิน..นะ อิน..กุน..นะ ยุอ์มิน..นะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิรฺ, วะบุอูละตุฮุน..นะ อะหักกุบิร็อดดิฮิน..นะ ฟีซาลิกะ อินอะรอดู..อิศลาหา, วะละฮุน..นะมิษลุลละซีอะลัยฮิน..นะบิลมะอฺรูฟ, วะลิรฺริญาลิ อะลัยฮิน..นะดะเราะญะฮฺ, วัลลอฮุอะซีซุนหะกีม
คำแปล R1.
228. And divorced women shall wait (as regards their marriage) for three menstrual periods, and it is not lawful for them to conceal what Allah has created in their wombs, if they believe in Allah and the Last Day. And their husbands have the better right to take them back in that period, if they wish for reconciliation. And they (women) have rights (over their husbands as regards living expenses, etc.) similar (to those of their husbands) over them (as regards obedience and respect, etc.) to what is reasonable, but men have a degree (of responsibility) over them. And Allah is All-Mighty, All-Wise.
คำแปล R2.
228. และบรรดาสตรีที่ถูกหย่าร้าง นางต้องรอคอยด้วยตัวเองถึงสามกุรูอฺ(มีระดูมาสามคราว)และไม่เป็นที่อนุมัติแก่พวกนางที่จะปิดบังสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ทรงบันดาลไว้ในมดลูกของพวกนาง หากพวกนางมีศรัทธาในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้าย และสามีของพวกนางย่อมทรงสิทธิ์ที่จะคินดีกับพวกนางใน(ช่วงเวลานั้น) หากพวกเขาปรารถนาการปรองดอง และเป็นสิทธิของพวกนาง(ที่จะได้รับ)เหมือนกันกับสิทธิของสามีที่พึงมีอยู่เหนือนางโดยความชอบธรรม แต่สำหรับบรรดาบุรุษ(ที่เป็นสามี)นั้น ยังมีฐานะเหนือกว่าพวกนาง(อีกฐานะหนึ่งนั่นคือฐานะที่เป็นฝ่ายเลี้ยงดู)และอัลเลาะฮฺทรงอำนาจยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชายิ่ง
คำแปล R3.
228. หญิงที่ถูกหย่าจะต้องรอคอบเป็นเวลา 3 เดือน และมันไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับนางที่จะปิดบังซ่อนเร้นสิ่งที่อัลลอฮฺได้สร้างขึ้นในมดลูกของนาง ถ้าหากนางศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้ายอย่างจริงใจ และสามีของนางมีสิทธิ์ดีที่สุดที่จะเอานางกลับคืนมาเป็นภรรยาในช่วงแห่งการรอคอยนั้น ถ้าหากเขาทั้งสองปรารถนาที่จะปรองดองกัน ภรรยาก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกับที่สามีมีสิทธิ์เหนือนางตามหลักการที่รู้กันดี แต่สำหรับชายนั้นมีฐานะเหนือนางหนึ่งขั้น และเหนืออื่นใดคืออัลลอฮฺ ผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ
คำแปล R4.
228. และบรรดาหญิงที่ถูกหย่าร้าง พวกนางจะต้องรอคอยตัวของตนเองสามกุรุอ์ และไม่อนุมัติให้แก่พวกนาง ในการที่พวกนางจะปกปิดสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้บังเกิดขึ้นในมดลูกของพวก นาง หากพวกนางศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลกและบรรดาสามีของพวกนางนั้นเป็นผู้มีสิทธิกว่าในการให้พวกนางกลับมาในกรณีดังกล่าว หากพวกเขาปรารถนาประนีประนอมและพวกนางนั้นจะได้รับเช่นเดียวกับสิ่งที่เป็น หน้าที่ของพวกนางจะต้องปฏิบัติโดยชอบธรรม และสำหรับบรรดาชายนั้นมีฐานะเหนือพวกนางขั้นหนึ่งและอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรง เดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
คำแปล R5.
๒๒๘.
และบรรดาหญิง
ที่ผ่านการประเวณีแล้ว
ที่ถูกหย่านั้น พวกหล่อนจะต้องพักตัวเอง
จากการสมรส
อยู่ ๓ ระยะแห่งการหมดระดู
นับแต่ที่ถูกหย่าเป็นต้นมา หากพวกหล่อนถูกหย่าร้างก่อนจากเคยผ่านการประเวณีแล้วไซร้ ก็ไม่จำเป็นต้องรอระยะพัก (อิดดะห์) และหากว่าพวกหล่อนเป็นบุคคลที่พิการด้วยไม่เคยมีเลือดระดูเลย หรือยังเป็นผู้เยาว์ที่ยังไม่มีเลือดระดูประจำเดือน ก็ให้พักตัวรอเป็นกำหนด ๓ เดือน ถ้าพวกหล่อนมีครรภ์ก็ให้รอกำหนดจนกว่าจะคลอดบุตร และถ้าพวกหล่อนเป็นทาสก็ให้ถือระยะพักเพียง ๒ ใน ๓ ของระยะพักของหญิงในกรณีแรก
ทั้งไม่เป็นการอนุญาต
(หะรอม)
แก่พวกหล่อนที่จะปกปิดสิ่งใด ๆ
อันได้แก่บุตรบ้าง เลือดระดูประจำเดือนบ้าง
ที่อัลเลาะห์ได้ทรงสร้างไว้แล้วในมดลูกของพวกหล่อน หากพวกหล่อนต่างมีศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันปรภพ ส่วนบรรดาสามีย่อมมีสิทธิ์ที่จะคืนดีกับพวกหล่อนได้ในระย
ะพักต่าง ๆ ที่กล่าว
นั้น หากพวก
(สามี)
นั้นปรารถนาความปรองดอง
ถึงพวกหล่อนจะไม่ยอมใยดีด้วยสามีตนแล้วก็ตาม ที่ว่านี้เฉพาะเรื่องการหย่าแบบร็อจอีย์ (หย่าไม่ถึงสาม) แต่หากเป็นการหย่าแบบบาอิน (เช่น หย่าครบ ๓) แล้วก็ ไม่อนุญาตแก่สามีที่จะคืนดี เว้นไว้แต่จะต้องประกอบการสมรสเสียใหม่
และสำหรับพวกหล่อนก็มีสิทธิคล้ายกับสิทธิที่สามีมีแต่พวกหล่อนตามศาสนนิยม
นั่นคือต่างฝ่ายต่างก็มีสิทธิต่อกันในรูปที่ดีงาม เช่น ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ดีกินดีเป็นศรีสุข และให้งดเว้นที่จะก่อความเดือดร้อนทารุณแก่กันละกัน เป็นต้น
ส่วนฝ่ายชาย
ผู้เป็นสามี
นั้นยังมีสิทธิเหนือพวกหล่อนอีกขั้นหนึ่ง
คือให้ฝ่ายหญิงปฏิบัติตามคำใช้และห้ามของผู้เป็นสามี หากว่าคำสั่งนั้นไม่ผิดระบอบทางศาสนา ทั้งนี้เนื่องด้วยสามีเป็นฝ่ายเสียสละค่าสมรส (มะห์รุ) ตลอดจนเบี้ยเลี้ยงแก่บรรดานาง
และอัลเลาะห์คือพระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์
เด็ดขาดในระบบบริหารของพระองค์ ทั้ง
ทรงประณีตยิ่ง
ในการทั้งปวงของพระองค์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #106 เมื่อ:
พ.ค. 02, 2010, 06:16 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 229
คำอ่าน
229. อัฏเฏาะลากุ มัรฺเราะตานิ ฟะอิมสากุม..บิมะอฺรูฟิน เอาตัสรีหุม..บิอิหฺสาน, วะลายะหิลลุละกุม อัน..ตะอฺคุซูมิม..มา..อาตัยตุมูฮุน..นะชัยอัน อิลลา..อัย..ยะคอฟา..อัลลายุกีมาหุดูดัลลอฮฺ, ฟะอินคิฟตุม อัลลายุกีมา หุดูดัลลอฮิ ฟะลาญุนาหะ อะลัยฮิมา ฟีมัฟตะดัดบิฮฺ, ติลกะหุดูดุลลอฮฺ ฟะลาตะอฺตะดูฮา, วะมัย..ยะตะอัดดะ หุดูดัลลอฮฺ ฟะอุลา..อิกะฮุมุซซอลิมูน
คำแปล R1.
229. The divorce is twice, after that, either you retain her on reasonable terms or release her with kindness. and it is not lawful for you (men) to take back (from your wives) any of your
Mahr
(bridal money given by the husband to his wife at the time of marriage) which you have given them, except when both parties fear that they would be unable to keep the limits ordained by Allah (e.g. to deal with each other on a fair basis). Then if you fear that they would not be able to keep the limits ordained by Allah, then there is no sin on either of them if she gives back (the Mahr or a part of it) for her
Al-Khul'
(divorce). These are the limits ordained by Allah, so do not transgress them. And whoever transgresses the limits ordained by Allah, then such are the
Zalimun
(wrong-doers, etc.).
คำแปล R2.
229. การหย่าร้าง(ที่คืนดีกันได้)มีเพียงสองครั้ง จะคืนกันโดยดีหรือแยกกันโดยคุณธรรม(ก็ตาม หมายถึงเมื่อแยกกันแล้วก็ต้องจัดการทุกสิ่งโดยคุณธรรม ไม่ทำความเดือดร้อนกับอีกฝ่ายหนึ่ง)และไม่อนุมัติสำหรับเจ้าทั้งหลายที่จะยึด(คืนทรัพย์สิน)ที่พวกเจ้าได้มอบแก่นางไปแล้ว ยกเว้นในกรณีที่คนทั้งสองกลัวว่าทั้งสองจะไม่สามารถยืนอยู่กับขอบเขต(หลักเกณฑ์)ของอัลเลาะฮฺได้ ดังนั้นหากพวกเจ้ากลัวว่าจะไม่สามารถอยู่กับขอบเขต(หลักเกณฑ์)ของอัลเลาะฮฺได้ ก็ไม่เป็นบาปแก่เขาทั้งสองในสิ่งที่นาง(ฝ่ายภริยา)นำมาไถ่ตัวเอง(ให้พ้นสภาพภริยา)โดยกำหนดอัตราที่จะมอบคืนแก่ฝ่ายชายตามตกลงกันแล้วฝ่ายชายก็หย่าให้)นั้นเป็นหลักเกณฑ์ของอัลเลาะฮฺ ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าละเมิดมัน และผู้ใดละเมิดหลักเกณฑ์ของอัลเลาะฮฺ แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นผู้อธรรมโดยแท้
คำแปล R3.
229. การหย่าอาจถูกกล่าวออกมาได้ 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็ให้นางอยู่อย่างมีเกียรติหรือให้นางจากไปโดยปราณี และไม่เป็นที่อนุมัติให้สูเจ้าเอาสิ่งใดที่สูเจ้าให้นางไปแล้วกลับคืนมา อย่างไรก็ตามมีข้อยกเว้นว่าจะไม่สามารถดำรงรักษากฏเกณฑ์ที่อัลลอฮฺกำหนดไว้ มันก็ไม่มีบาปแก่เขาทั้งสองถ้าหากว่าทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันว่าภรรยาควรที่จะได้รับการหย่าโดยการให้บางสิ่งเป็นการชดเชยแก่สามี นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยอัลลอฮฺ ดังนั้นจงอย่าละเมิดกฎเกณฑ์นี้ เพราะผู้ใดละเมิดกฎเกณฑ์ของอัลลอฮฺ พวกเขาก็เป็นผู้อธรรม
คำแปล R4.
229. การหย่านั้นมีสองครั้ง แล้วให้มีการยับยั้งไว้โดยชอบธรรม หรือไม่ก็ปล่อยไปพร้อมด้วยการทำความดี และไม่อนุญาตแก่พวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสิ่งที่พวก เจ้าได้ให้แก่พวกนาง (มะฮัร) นอกจากทั้งสองเกรงว่าจะไม่สามารถดำรงไว้ซึ่งขอบเขตของอัลลอฮ์ได้เท่านั้น ถ้าหากพวกเจ้าเกรงว่า เขาทั้งสองจะไม่ดำรงไว้ซึ่งขอบเขตของอัลลอฮ์แล้วไซร้ ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่เขาทั้งสองในสิ่งที่นางใช้มันไถ่ตัวนาง เหล่านั้นแหละคือขอบเขตของอัลลอฮ์ พวกเจ้าจงอย่าละเมิดมัน และผู้ใดละเมิดขอบเขตของอัลลอฮ์แล้ว ชนเหล่านั้นแหละคือผู้ที่อธรรมแก่ตัวเอง
คำแปล R5.
๒๒๙.
การหย่าที่อยู่ในภาวะคืนดีกันได้นั้นต้องเป็นสอง
ไม่ว่าจะเอ่ยคำหย่ารวมเป็นประโยคเดียวหรือแยกประโยคกันก็ได้ โอ้บรรดาผู้เป็นสามี
จึงให้
พวกเจ้า
คืนดี
กับนาง
โดยดี
มิใช่เป็นการคืนดีด้วยหมายจะกลั่นแกล้ง กล่าวคือเมื่อคืนดีแล้วปล่อยปละละเลยไม่ให้ความอุปการะเลี้ยงดู
หรือให้ปล่อย
นาง
ไปด้วยความดีงาม
เช่น ด้วยการมอบทรัพย์สินบางอย่างให้เป็นสินน้ำใจ ด้วยการไม่ทำอันตรายแก่เธอ ให้ผูกมิตรกันฉันบุคคลทั่วไป ให้ชำระทรัพย์สินใด ๆ ของหล่อนที่ยังเกี่ยวข้องอยู่กับตน และอย่าพูดจาทับถมหรือประจานเธอจนคนอื่น ๆ เข็ดขยาดและรังเกียจ โอ้ผู้เป็นสามี
และไม่เป็นการอนุญาตแก่พวกเจ้าจะเอาค่าสมรสแม้เพียงเล็กน้อยที่พวกเจ้าได้มอบแก่พวกหล่อนไว้
เมื่อพวกเจ้าได้หย่าพวกหล่อนแล้ว
เว้นไว้แต่ทั้งสอง
สามีภรรยา
นั้นเกรงจะดำรงรักษาขอบเขตของอัลเลาะห์
อันว่าด้วยสิทธิระหว่างสามีภรรยา
ไว้ไม่ได้
เช่น เรื่องการอยู่ดีกินดี เรื่องไม่กระทำการเดือดร้อน เป็นต้น โอ้บรรดาผู้ปกครอง
แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าทั้งสองนั้นจะดำรงรักษาซึ่งขอบเขตของอัลเลาะห์ไว้ไม่ได้ ก็ย่อมไม่มีบาปแก่เขาทั้งสองในเรื่องทรัพย์สินที่หล่อนใช้ไถ่ตัว
เพื่อให้สามีหย่าขาด นั่นคือจะไม่มีบาปอย่างใดที่ภรรยาจะจ่ายเป็นค่าซื้อหย่า และสามีจะรับทรัพย์ค่าขายหย่า ข้อบัญญัติใช้และข้อห้ามของอัลเลาะห์ตั้งแต่ โองการที่ ๒๒๑ เรื่อยมา
นั้นแหละ คือขอบเขตของอัลเลาะห์ ฉะนั้น พวกเจ้าอย่าได้ล่วงละเมิด
โดยฝ่าฝืนและละเลยขอบเขตนั้น
และถ้าผู้ใดล่วงละเมิดซึ่งขอบเขตของอัลเลาะห์ พวกเหล่านั้นก็คือพวกที่คดโกง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #107 เมื่อ:
พ.ค. 02, 2010, 06:22 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 230
คำอ่าน
230. ฟะอิน..ฏ็อลละเกาะฮา ฟะลาตะหิลลุละฮู มิม..บะอฺดุ หัตตาตัน..กิหะเซาญัน ฆ็อยเราะฮู, ฟะอิน..ฏ็อลละเกาะฮา ฟะลาญุนาหะอะลัยฮิมา..อัย..ยะตะรอญะอา..อิน..ซ็อน..นา..อัย..ยุกีมาหุดูดัลลอฮฺ, วะติลกะหุดูดุลลอฮฺ ยุบัยยินุฮา ลุก็อวฺมี..ยะอฺละมูน
คำแปล R1.
230. And if he has divorced her (the third time), then she is not lawful unto him thereafter until she has married another husband. Then, if the other husband divorces her, it is no sin on both of them that they reunite, provided they feel that they can keep the limits ordained by Allah. These are the limits of Allah, which he makes plain for the people who have knowledge.
คำแปล R2.
230. แต่ถ้าเขาหย่านาง(ต่อไปเป็นครั้งที่สาม)ก็ไม่เป็นที่อนุมัติแก่เขาในภายหลัง(ที่จะกลับคืนดีกัน)จนกว่านางจะสมรสกับสามีอื่นจากเขาเสียก่อน ซึ่งต่อมาเมื่อเขา(สามีอื่น)ได้หย่านางก็ไม่เป็นบาปแก่คนทั้งสอง(สามีเดิมและหญิงนั้น)จะพึงกลับมาคืนดีกัน หากเขาทั้งสองมั่นใจว่าจะยืนอยู่กับหลักเกณฑ์ของอัลเลาะฮฺ ที่พระองค์แจ้งมันไว้แก่กลุ่มชนที่รู้ดี
คำแปล R3.
230. และถ้าสามีหย่าภรรยาของเขา (เป็นครั้งที่ 3) นางก็จะไม่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาอีกหลังจากการหย่าขาด (โดยสิ้นเชิง)นี้ จนกว่านางจะแต่งงานกับคนอื่น และสามีคนที่สองของนางได้หย่านางแล้ว (ในกรณีเช่นนั้น) มันก็ไม่เป็นบาปแก่ทั้งสองที่จะกลับมาแต่งงานกันใหม่ ถ้าหากหญิงผู้นั้นและสามีคนแรกมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำรงอยู่ภายในกฎเกณฑ์ของอัลลอฮฺได้ นี่คือกฎเกณฑ์ของอัลลอฮฺที่พระองค์ได้ทรงทำให้มันเป็นที่แจ่มชัดเพื่อเป็นทางนำของผู้ที่รู้(ถึงผลของการละเมิด)
คำแปล R4.
230. ถ้าหากเขาได้หย่านางอีก นางก็ไม่เป็นที่อนุมัติแก่เขาหลังจากนั้น จนกว่าจะแต่งงานกับสามีอื่นจากเขา แล้วหากสามีนั้นหย่านาง ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่ทั้งสอง ที่จะคืนดีกันใหม่ หากเขาทั้งสองคิดว่า จะดำรงไว้ซึ่งขอบเขตของอัลลอฮ์ได้ และนั่นแหละคือขอบเขตของอัลลอฮ์ ซึ่งพระองค์ทรงแจกแจงมันอย่างแจ่มแจ้งแก่กลุ่มชนที่รู้ดี
คำแปล R5.
๒๓๐.
แม้นว่าเขา (สามี) ได้หย่าเธออีก
หนึ่งฏ่อล๊าก หลังจากฏ่อล๊ากที่สองแล้ว
ตัวเธอก็ย่อมไม่เป็นที่อนุญาตแก่เขาหลังจาก
ฏ่อล๊ากที่สาม
นั้น จนกว่าเธอจะแต่งงานกับสามีอื่น
โดยให้ทั้งสองร่วมประเวณีกันด้วย
ครั้นแล้วหากเขา (สามีอื่น) ได้หย่าเธอก็ไม่มีบาปที่เขาทั้งสอง
(สามีเดิมกับภรรยา)
จะคืนกลับมา
แต่งงานกันใหม่อีกหลังจากสิ้นกำหนดระยะพัก
แม้นว่าเขาทั้งสอง
(สามีเดิมกับภรรยา)
คิดว่าตนจะดำรงรักษาไว้ซึ่งขอบเขตของอัลเลาะห์ได้
และข้อบัญญัติที่ใช้และห้ามตั้งแต่โองการที่ ๒๒๑
นั้นแหละคือขอบเขตของอัลเลาะห์ที่ได้ทรงแจ้งไว้ให้มวลชนได้ตระหนัก
และตรึกตรอง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #108 เมื่อ:
พ.ค. 02, 2010, 06:31 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 231
คำอ่าน
331. วะอิซาฏ็อลลักตุมุน..นิสา..อะ ฟะบะลัฆนะ อะญะละฮุน..นะ บิมะอฺรูฟิน เอาสัรฺริหูฮุน..นะ บิมะอฺรูฟ, วะลาตุมสิกูฮุน..นะฎิรอร็อลลิตะอฺตะดู, วะมัย..ยัฟอัล ซาลิกะ ฟะก็อดเซาะละมะนัฟสะฮฺ, วะลาตัตตะคิซู อายาติลลาฮิฮุซุวา, วัซกุรูนิอฺมะตัลลอฮิอะลัยกุม วะมาอัน..ซะละอะลัยกุม มินัลกิตาบิ วัลหิกมะติ ยะอิซุกุม..บิฮฺ, วัตตะกุลลอฮะ วะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะ บิกุลลิชัยอินอะลีม
คำแปล R1.
231. And when you have divorced women and they have fulfilled the term of their prescribed period, either take them back on reasonable basis or set them free on reasonable basis. But do not take them back to hurt them, and whoever does that, then he has wronged himself. And treat not the Verses (Laws) of Allah as a jest, but remember Allah's Favours on you (i.e. Islam), and that which He has sent down to you of the Book (i.e. the Qur'an) and Al-Hikmah (the Prophet's Sunnah - legal ways - Islamic jurisprudence, etc.) whereby He instructs you. And fear Allah, and know that Allah is All-Aware of everything.
คำแปล R2.
231. และเมื่อเจ้าทั้งหลายหย่าบรรดาสตรี(ที่เป็นภริยา)และนางก็อยู่จนถึงกำหนด(แห่งการรอคอยตามอายุแล้ว)ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงกักตัวนางไว้(โดยการแต่งงานกับนางใหม่)โดยคุณธรรม หรือเจ้าทั้งหลายจงปล่อยนางเป็นอิสระโดยคุณธรรม และพวกเจ้าอย่าได้กักตัวนางไว้ โดยยังความเดือดร้อน(แก่นาง)เพื่อพวกเจ้าจะละเมิด(คือไม่ยอมเลี้ยงดูหรือทำทรมานนางด้วยการจะหย่าอีกครั้งเพื่อเลื่อนระยะเวลารอคอยหรือเพื่อเรียกร้องค่าหย่า)และผู้ใดกระทำการเช่นนั้นแน่นอนเขาได้อธรรมแก่ตัวเขาเอง และพวกเจ้าจงอย่ายึดเอาโองการแห่งอัลเลาะฮฺมาเป็นเครื่องล้อเลียน และเจ้าทั้งหลายจงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺที่ทรงประทานแก่พวกเจ้า และ(ระลึกถึง)สิ่งที่อัลเลาะฮฺประทานลงมาแก่พวกเจ้า นั่นคือคัมภีร์และวิทยญาณซึ่งจะได้ใช้มันมาตักเตือนพวกเจ้าทั้งมวล และเจ้าทั้งหลายจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ และจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในทุก ๆ สิ่ง
คำแปล R3.
231. และเมื่อสูเจ้าได้หย่าภรรยาของสูเจ้าและนางจะครบระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับนางแล้ว ก็จงยั้งนางให้อยู่โดยดีหรือให้นางจากไปอย่างกรุณา มันเป็นการอธรรมยิ่งที่จะรั้งนางเอาไว้เพียงเพื่อให้เกิดทุกข์แก่นาง และใครก็ตามที่กระทำเช่นนั้น โดยแท้จริงแล้วก็เป็นผู้อธรรมแก่ตัวเขาเอง จงอย่าล้อเล่นกับคำบัญชาของอัลลอฮฺ และจงจดจำถึงสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานความโปรดปรานให้แก่สูเจ้า พระองค์ได้ทรงเตือนสูเจ้าให้เคารพต่อคัมภีร์และวิทยปัญญาที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมายังสูเจ้า จงเกรงกลัวอัลลอฮฺและจงรู้ไว้เถิดว่า อัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง
คำแปล R4.
231. และเมื่อพวกเจ้าหย่าบรรดาหญิง แล้วพวกนางถึงกำหนดเวลา ของพวกนางแล้ว ก็จงยับยั้งนางไว้โดยชอบธรรม หรือไม่ก็จงปล่อยนางไปโดยชอบธรรม และพวกเจ้าจงอย่ายับยั้งพวกนางไว้โดยมุ่งก่อความเดือดร้อน เพื่อพวกเจ้าจะได้ข่มเหงรังแก และผู้ใดกระทำเช่นนั้น แน่นอนเขาก็ข่มเหงตนเอง และจงอย่าถือเอาโองการของอัลลอฮ์เป็นที่เย้ยหยัน และพึงรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีแก่พวกเจ้า และสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่พวกเจ้าอันได้แก่คัมภีร์ และบทบัญญัติ(ที่มีอยู่ในคัมภีร์นั้น) ซึ่งพระองค์จะทรงใช้คัมภีร์นั้นแนะนำตักเตือนพวกเจ้า และพวกเจ้าพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และจงรู้ด้วยเถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง
คำแปล R5.
๒๓๑. โอ้บรรดาสามี
และในเมื่อพวกเจ้าหย่าภรรยา ครั้นพวกหล่อน
จวนจะ
สิ้นกำหนดระยะพักแล้ว ก็ให้พวกเจ้าคืนสู่พวกหล่อนโดยดี
คือไม่ยังความเดือดร้อนรำคาญแก่พวกหล่อน
หรือให้ปล่อยตัวพวกหล่อนด้วยความดีงาม
จนพ้นระยะพักก็ได้
แต่จงอย่ากลับคืนสู่พวกหล่อนเพื่อหมายจะก่อความเดือดร้อนให้เพื่อจะตั้งตัวเป็นศัตรู
กับหล่อน โดยคิดจะเรียกร้องค่าหย่าหรือเพื่อจะได้หย่าอีกครั้งหนึ่งเพื่อเธอต้องรอระยะพักต่อไปเป็นการถ่วงเวลาไว้
ถ้า
สามี
คนใดกระทำเช่นนั้นเขาก็ย่อมคิดคดแก่ตนเองเป็นแน่
ที่ทำตัวให้ได้รับการลงโทษทรมานในวันกิยามะห์
ฉะนั้นพวกเจ้าอย่าได้เอาบรรดาโองการของอัลเลาะห์เป็นที่ล้อเล่น
เห็นเป็นเรื่องไร้สารประโยชน์
เลย
โดยที่พวกเจ้าพยายามฝ่าฝืน
และจงรำลึก
และขอบพระคุณ
ถึงมหากรุณาธิคุณของอัลเลาะห์
ที่ประทานศาสนาอิสลาม
แก่พวกเจ้า และระลึกถึงพระคัมภีร์
อัล-กุรอาน
ตลอดจนบัญญัติ
ที่ใช้และห้าม
ที่ประทานมาสำหรับใช้พวกเจ้า
ให้ปฏิบัติตาม
ทั้งจงยำเกรงอัลเลาะห์และจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่าง
ซึ่งการกระทำของพวกเจ้าก็ดีการละเว้นของพวกเจ้าก็ดี จะไม่เล็ดลอดไปจากความรอบรู้ของพระองค์ได้เลย แล้วจะทรงลงโทษพวกเจ้าโดยการทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Muftee
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 1899
เพศ:
ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
Respect:
+190
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #109 เมื่อ:
พ.ค. 02, 2010, 06:58 AM »
0
แวะมาอ่าน..
ญะซากัลลอฮุ ค็อยร็อน ครับ...
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #110 เมื่อ:
พ.ค. 03, 2010, 06:09 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 233
คำอ่าน
233. วัลวาลิดาตุ ยุรฺฎิอฺนะ เอาลาดะฮุน..นะ เหาลัยนิกามิลัยนิ ลิมันอะรอดา อัย..ยุติม..มัรฺเราะฎออะฮฺ, วะอะลัลเมาลูดิละฮู ริซกุฮุน..นะ วะกิสวะตุฮุน..นะ บิลมะอฺรูฟ, ลาตุกัลละฟุนัฟสุน อิลลาวุสอะฮาลาตุฎอร..เราะวาลิดะตุม..บิวะละดิฮา วะลาเมาลูดุลละฮู บิวะละดิฮฺ, วะอะลัลวาริษิ มิษลุซาลิก, ฟะอินอะรอดา ฟิศอลัน อัน..ตะรอฎิม..มินฮุมา วะตะชาวุริน..ฟะลาญุนาหะอะลัยฮิมา วะอินอะร็อตตุม อัน..ตัสตัรฺฎิอู..เอาลาดะกุม ฟะลาญุนาหะอะลัยกุม อิซาสัลลัมตุม..มา..อาตัยตุม..บิลมะอฺรูฟ, วัตตะกุลลอฮะ วะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะบิมาตะอฺมะลูนะบะศีรฺ
คำแปล R1.
233. The mothers shall give suck to their children for two whole years, (that is) for those (parents) who desire to complete the term of suckling, but the father of the child shall bear the cost of the mother's food and clothing on a reasonable basis. No person shall have a burden laid on him greater than he can bear. No mother shall be treated unfairly on account of her child, or father on account of his child. And on the (father's) heir is incumbent the like of that (which was incumbent on the father). If they both decide on weaning, by mutual consent, and after due consultation, there is no sin on them. And if you decide on a foster suckling-mother for your children, there is no sin on you, provided you pay (the mother) what you agreed (to give her) on reasonable basis. And fear Allah and know that Allah is All-Seer of what you do.
คำแปล R2.
233. และบรรดาหญิงผู้ให้กำเนิด นางต้องให้นมแก่บรรดาลูก ๆ ของนางในระยะเวลาสองขวบโดยครบบริบูรณ์ สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะให้นมจนครบกำหนด(สองขวบปีดังกล่าว แต่หากประสงค์จะเลิกนมก่อนหน้านั้นก็ไม่เป็นที่ต้องห้ามแต่ประการใด ๆ) และเป็นภาระของสามีที่ถูกกำเนิดบุตรให้แก่เขา(โดยภรรยาของเขา)จะต้องให้การเลี้ยงดูและเครื่องนุ่งห่มแก่พวกนางโดยคุณธรรม ไม่มีการบังคับแก่ชีวิตใด ๆ นอกจากเท่าที่มีความสามารถของเขาอำนวยให้เท่านั้น หญิงผู้ให้กำเนิดจะไม่เดือดร้อนเพราะบุตรของนาง และสามีที่ถูกกำเนิดบุตรให้แก่เขาก็ไม่(เดือดร้อน)เพราะบุตรของเขา(เช่นเดียวกัน)และเป็นภาระ(ในการเลี้ยงดูทารกนั้น)แก่ทายาท(ของทารกดังกล่าว เมื่อบิดาของเขาถึงแก่ชีวิต)เช่นเดียวกันนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าเขาทั้งสอง(บิดามารดา)ต้องการหย่านมลูกโดยความพอใจของทั้งสอง และโดยการปรึกษากันแล้ว แน่นอนย่อมไม่เป็นบาปแก่ทั้งสอง(แต่ประการใด ๆ )และถ้าหากพวกเจ้าปรารถนาที่จะหาแม่นมให้แก่บุตรของพวกเจ้า(แทนแม่ผู้ให้กำเนิด)ก็ไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าได้มอบ(ค่าจ้าง)ที่พวกเจ้าต้องให้โดยคุณธรรม และเจ้าทั้งสองจงยำเกรงอัลเลาะฮฺและจงรู้ไว้เถิดว่า อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นการกระทำของพวกเจ้าทั้งมวล
คำแปล R3.
233. และแม่(ที่ถูกหย่าร้าง)จะต้องให้ลูกของนางดื่มนม 2 ปีเต็มถ้าหากว่าพ่อประสงค์จะให้แม่ให้นมแก่ลูกจนครบ ในกรณีเช่นนี้ พ่อของเด็กจะต้องรับผิดชอบต่ออาหารและเครื่องนุ่งห่มให้แก่นางซึ่งเป็นสิ่งชอบธรรม แต่จะต้องไม่มีใครแบกภาระเกินกว่าที่เขาจะสามารถแบกรับได้ แม่จะต้องไม่ถูกปฏิบัติอย่างไร้ความเป็นธรรม (ให้ยอมรับเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม) เพียงเพราะว่านางเป็นแม่ และพ่อจะต้องไม่ถูกรับภาระจนเกิน เพียงเพราะว่าเขาเป็นพ่อ และความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูแม่เช่นเดียวกันนี้จะตกอยู่กับพ่อของเด็กและทายาทของเขา มันไม่มีบาปอันใดถ้าหากเขาทั้งสองจะให้เด็กหย่านมโดยที่เขาทั้งสองได้ยินยอมและปรึกษากันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่เป็นบาปอันใดถ้าหากสูเจ้าจะหาแม่นมมาให้นมแก่ลูกของสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าให้ค่าเลี้ยงดูนางอย่างเป็นธรรม จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ และจงรู้ไว้เถิดว่าอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็นตามที่สูเจ้ากระทำ
คำแปล R4.
233. และมารดาทั้งหลายนั้น จะให้นมแก่ลูก ๆ ของนางภายในสองปีเต็ม สำหรับผู้ที่ต้องการ จะให้ครบถ้วนในการให้นม และหน้าที่ของพ่อเด็กนั้นคือปัจจัยยังชีพของพวกนางและเครื่องนุ่งห่มของพวก นางโดยชอบธรรม ไม่มีชีวิตใดจะถูกบังคับนอกจากเท่าที่ชีวิตนั้นมีกำลังความสามารถเท่านั้น มารดาก็จงอย่าได้ก่อความเดือดร้อน(ให้แก่สามี) เนื่องด้วยลูกของนาง และพ่อเด็กก็จงอย่าได้ก่อความเดือดร้อน(ให้แก่ภรรยา) เนื่องด้วยลูกของเขา และหน้าที่ของทายาทผู้รับมรดกก็เช่นเดียวกัน แต่ถ้าทั้งสองต้องการหย่านม อันเกิดจากความพอใจ และการปรึกษาหารือกันจากทั้งสองคนแล้ว ก็ไม่มีบาปใดๆ แก่เขาทั้งสอง และหากพวกเจ้าประสงค์ที่จะให้มีแม่นมขึ้นแก่ลูก ๆ ของพวกเจ้าแล้วก็ย่อมไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าได้มอบสิ่งที่พวกเจ้าให้(แก่นางเป็นค่าตอบแทน) โดยชอบธรรม และจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และพึงรู้ด้วยว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้น ทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
คำแปล R5.
๒๓๓.
หญิงผู้ให้กำเนิดทั้งหลาย
แม้จะถูกสามีหย่าร้างไปแล้วก็ตาม
จะต้องให้บุตรของตนดื่มนมถึงสองปีบริบูรณ์
ที่ว่าให้นมมีกำหนดครบสองปีนั้น
สำหรับ ผู้ใด
(บิดามารดา)
ที่ปรารถนาจะให้สมบูรณ์ในการให้นม
แก่บุตรของตน เรื่องการให้นมนั้นย่อมไม่บังคับกวดขันผู้เป็นมารดาแต่ประการใดเลยในเมื่อผู้เป็นบิดา
๑. มีฐานะการครองชีพที่ดีพอที่จะว่าจ้างหญิงแม่นมได้ หรือ
๒. มีหญิงแม่นมคอยรับจ้าง หรือ
๓. บุตรของตนสมัครดื่มนมจากแม่นม
มิฉะนั้นทางศาสนาว่าเรื่องการให้นมตกเป็นภาระของผู้เป็นมารดา
และเป็นภาระจำเป็น
(วายิบ)
เหนือบิดา
เท่าที่กำลังความสามารถจะอำนวย
ต้องจ่ายอาหารและเสื้อผ้า
เพื่อเป็นค่าจ้าง
แก่นางแม่นม
ในกรณีที่มารดาขาดการเป็นสามีภรรยากับบิดา
ย่อมไม่มีชีวิตใดจะถูกบังคับเว้นไว้แค่สมรรถภาพแห่งชีวิตนั้น มารดาก็จะไม่ได้รับความเดือดร้อนเพราะลูกของตน
กล่าวคือ เธอจะไม่ถูกบังคับให้ให้นมแก่ลูกเมื่อเธอไม่สมัครใจ
ส่วนบิดาก็จะไม่ได้รับความเดือดร้อนเพราะลูกของตน
คือไม่ต้องรับภาระอะไรมากมายจนเกินพลังความสามารถเลย
และที่ตัว
เด็กผู้เป็น
ทายาทก็เหมือนกัน
ถ้าว่าเด็กนี้มีทรัพย์ ก็จำเป็นที่ผู้ปกครองเด็กต้องเอาทรัพย์นั้นจ่ายเป็นเบี้ยเลี้ยงบ้าง เป็นเครื่องแต่งกายแม่นมบ้าง แต่ถ้าเด็กไม่มีทรัพย์ก็จำเป็นเหนือมารดาต้องให้นมแก่เด็กนั้นโดยไม่คิดมูลค่า
หากว่าเขา
(บิดามารดา)
ทั้งสองต้องการจะหย่านมลูก
ในเมื่อยังไม่ครบกำหนดสองปี
โดยการยินยอมกันทั้งสองฝ่ายและหารือกันแล้ว ก็ไม่มีบาปแต่อย่างใดแก่เขาทั้งสองเลย
ในอันที่จะกระทำเช่นนั้น และโอ้พวกบิดามารดา
ถ้าพวกเจ้าจะหาแม่นม
นอกจากมารดา
มาให้นมแก่บุตรแล้ว ก็ไม่มีบาปแต่อย่างไรแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกัน ในเมื่อพวกเจ้าจ่ายค่าจ้างแก่แม่นมอย่างดีงามตามนิยม พวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์ และจงทราบไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงเล็งเห็นตลอดถึงสิ่งใด ๆ ที่พวกเจ้ากระทำอยู่
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #111 เมื่อ:
พ.ค. 04, 2010, 06:02 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะราะฮฺ อายะฮฺที่ 234 – 235
คำอ่าน
234. วัลละซีนะ ยุตะวัฟเฟานะ มิน..กุม วะยะซะรูนะ อัซวาญัย..ยะตะร็อบบัศนะ บิอัน..ฟุสิฮิน..นะ อัรฺบะอะตะ อัชฮุริว..วะอัชรอ, ฟะอิซาบะลัฆนะ อะญะละฮุน..นะ ฟะลาญุนาหะ อะลัยกุม ฟีมาฟะอัลนะ ฟีอัน..ฟุสิฮิน..นะ บิลมะอฺรูฟ, วัลลอฮุบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรฺ
คำแปล R1.
234. And those of you who die and leave wives behind them, they (the wives) shall wait (as regards their marriage) for four months and ten days, Then when they have fulfilled their term, there is no sin on you if they (the wives) dispose of themselves in a just and honourable manner (i.e. they can marry). And Allah is well-acquainted with what you do.
คำแปล R2.
234. และบรรดาผู้ที่ถึงแก่ความตายจากพวกเจ้าและทิ้งบรรดาคู่ครองไว้ พวกนางก็จะต้องรอคอยตัวของนางเองถึงสี่เดือนสิบวัน ต่อมาเมื่อนางอยู่จนถึงกำหนดนั้นก็ไม่เป็นบาปแก่พวกเจ้าในกรณีที่นางได้กระทำลงไปในตัวของนางเองโดยชอบธรรม(ตามบทบัญญัติศาสนา คือแต่งงานใหม่ ซึ่งผู้ปกครองจะต้องจัดการให้ โดยนางเป็นผู้ตัดสินใจเอง ผู้ปกครองจะตัดสินใจให้แบบสาว ๆ ไม่ได้)และอัลเลาะฮฺทรงตระหนักดีในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
คำแปล R3.
234. และถ้าหากพวกสูเจ้าที่ตายได้ทิ้งภรรยาไว้ นางจะต้องละเว้น (จากการแต่งงาน)เป็นเวลา 4 เดือน 10 วันและเมื่อนางพ้นกำหนดแห่งการรอคอยแล้ว นางก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ที่นางเลือกเพื่อตัวเองถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องบังควร และสูเจ้าก็ไม่ต้องรับผิดในเรื่องนี้ อัลลอฮฺทรงรู้ทุกอย่างที่สูเจ้ากระทำ
คำแปล R4.
234. และบรรดาผู้ที่ถึงแก่ชีวิตลงในหมู่พวกเจ้า และทิ้งคู่ครองไว้นั้น พวกนางจะต้องรอคอยตัวของพวกนางเอง สี่เดือนกับสิบวัน ครั้นเมื่อพวกนางครบกำหนดเวลาของพวกนางแล้ว ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า ในสิ่งที่พวกนางได้กระทำไปในส่วนตัวของพวกนางโดยชอบธรรม และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้อย่างละเอียด ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำนั้น
คำแปล R5.
๒๓๔. และโอ้ผู้เป็นสามี
บรรดาผู้ที่ตายไปจากหมู่พวกเจ้า และได้ทิ้งพวกภรรยาไว้ พวก
(ภรรยา)
หล่อนจะต้องพักตัวเอง
หลังจากสามีได้ตายจากไปแล้ว
ถึงสี่เดือนกับสิบวัน
นี้หากภรรยาเหล่านั้นเป็นไทแก่ตัว แต่ในกรณีนี้ถ้าหากภรรยาเหล่านั้นเป็นทาส ก็ให้ถือระยะพักมีกำหนดสองเดือนกับห้าวัน และถ้าพวกภรรยานั้นยังมีครรภ์อยู่ ก็ให้รอพักตัวอยู่จนกว่าจะคลอด โอ้บรรดาผู้ปกครอง
เมื่อพวกหล่อนหมดเขตระยะพัก
(อิดดะห์)
แล้ว ย่อมไม่มีบาปแต่อย่างไรกับพวกเจ้าในอันที่พวกหล่อนจะวางตัวอยู่ในความดีงาม
แห่งศาสนา เช่นการแต่งเนื้อแต่งตัว แสดงออกเป็นที่เปิดโอกาสให้ชายมาสู่ขอ และประการอื่น ๆ อีก ซึ่งเหล่านี้จะถูกห้ามกระทำในตอนที่กำลังพักตัวอยู่
และอัลเลาะห์นั้นทรงรู้เท่าทันพฤติกรรมที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่
ทั้งภายนอกและภายในแห่งพฤติกรรมนั้น ๆ
คำอ่าน
235. วะลาญุนาหะอะลัยกุม ฟีมาอัรฺร็อฎตุม..บิฮี มินคิฏบะตินนิสา...อิ เอาอักนัน..ตุมฟีอัน..ฟุสิกุม อะลิมัลลอฮุอันนะกุม สะตัซกุรูนะฮุน..นะ วะลากิลลาตุวาอิดูฮุน..นะสิรฺร็อน อิลลา อัน..ตะกูลู ก็อวฺลัม..มะอฺรูฟา, วะลาตะอฺซิมู อุกดะตัน..นิกาหิ หัตตายับลุฆ็อลกิตาบุ อะญะละฮฺ, วะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะ ยะอฺละมุ มาฟี..อัน..ฟุสิกุม ฟะหฺซะรูฮุ วะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะ เฆาะฟูรุนหะลีม
คำแปล R1.
235. And there is no sin on you if you make a hint of betrothal or conceal it in yourself, Allah knows that you will remember them, but do not make a promise of contract with them in secret except that you speak an honourable saying according to the Islamic Law (e.g. you can say to her, "If one finds a wife like you, he will be happy"). And do not consummate the marriage until the term prescribed is fulfilled. And know that Allah knows what is in your minds, so fear Him. and know that Allah is Oft-Forgiving, Most Forbearing.
คำแปล R2.
235. และไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเจ้าในกรณีที่ได้นำมาพูดทาบทาม(โดยอ้อมค้อมคารม)เพื่อการขอสตรี(ที่ยังอยู่ในระหว่างรอคอยอิดดะฮฺโดยไม่พูดสู่ขอตรง ๆ )หรือพวกเจ้าจะแฝงเร้น(ความต้องการในตัวนาง)ไว้ในจิตใจของพวกเจ้า(โดยไม่บอกให้นางรู้) อัลลอฮฺย่อมทรงรอบรู้เป็นอย่างดีว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะต้องเจรจากับพวกนางเป็นแน่ แต่พวกเจ้าอย่าได้ให้สัญญาแก่พวกนางโดยเร้นลับ (ว่าจะแต่งงานด้วย) นอกจากพวกเจ้าจะพูดถ้อยคำอันดีงาม (เช่น การพูดทาบทามโดยอ้อมค้อมคารมดังกล่าวแล้ว) และพวกเจ้าจงอย่าปลงใจตกลงทำการสมรส(กับนาง) จนกว่าจะถึงเวลาของมันที่ถูกกำหนดไว้ (คือระยะพ้นอิดดะฮฺดังกล่าวแล้ว) และพวกเจ้าทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรู้ดียิ่งสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงพระองค์เถิด และพวกเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง อีกทั้งทรงสุขุมยิ่ง
คำแปล R3.
235. มันไม่เป็นบาปอันใดถ้าหากสูเจ้าจะพูดทาบทามขอแต่งงานกับหญิงหม้ายระหว่างที่นางกำลังอยู่ในระยะเวลารอคอยหรือสูเจ้าจะเก็บมันไว้ในหัวใจของสูเจ้า เพราะอัลลอฮฺทรงรู้ว่าในไม่ช้าสูเจ้าจะคิดถึงนาง แต่จงระวังว่าอย่าลอบทำสัญญาลับ ๆ กับนาง ถ้าหากสูเจ้าจะต้องทำสิ่งใด ก็ให้ทำมันอย่างมีเกียรติ และสูเจ้าจงอย่าเพิ่งจัดการสิ่งใดเกี่ยวกับการแต่งงานจนกว่าระยะเวลาแห่งการรอคอยจะสิ้นสุดลง จงเข้าใจให้ดีว่า อัลลอฮฺทรงรู้แม้แต่สิ่งที่อยู่ในหัวใจของสูเจ้า ดังนั้นจงเกรงกลัวพระองค์และจงรู้ไว้ด้วยว่าอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงผ่อนปรน
คำแปล R4.
235. และไม่มีบาปใดๆ แก่พวกเจ้า ในสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวเป็นนัยในการขอหญิง และสิ่งที่พวกเจ้าเก็บงำไว้ในใจของพวกเจ้า อัลลอฮฺทรงรู้ว่าพวกเจ้าจะบอกกล่าวแก่นางให้ทราบแต่ทว่าพวกเจ้าอย่าได้สัญญา แก่นางเป็นการลับ นอกจากพวกเจ้าจะกล่าวถ้อยคำอันดีเท่านั้น และจงอย่าปลงใจซึ่งการทำพิธีแต่งงาน จนกว่าเวลาที่ถูกกำหนดไว้จะบรรลุถึงความสิ้นสุดของมัน และพึงรู้เถิดว่าแท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้สิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเจ้า พวกเจ้าจงสังวรณ์พระองค์ไว้เถิด และพึงรู้ไว้เถิดว่า อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงหนักแน่น
คำแปล R5.
๒๓๕.
และ
โอ้พวกผู้ปกครองหญิงที่สามีตายจาก
ย่อมไม่มีบาปแต่อย่างไรแก่พวกเจ้า
(ชายทั่วไป) ในเรื่อง
ที่พวกเจ้าจะเอ่ยคำเกี้ยวนาง
(ที่สามีตายจาก) ในตอนที่เธอกำลังพักตัวอยู่ว่า นี่แน่ะน้องหญิง เธอนี้สะสวยนัก ไม่มีหญิงใดจะเปรียบได้ จนใคร ๆ ก็หมายปองตัวเธอกันทุกคน ดังนี้เป็นต้น ข้ออนุญาตเช่นนี้ได้แก่หญิงที่ถูกสามีหย่าแบบบาอินเท่านั้น แต่ถ้าหญิงนั้นถูกหย่าแบบร็อจอีย์ ก็ย่อมถือว่าเป็นการบาปที่จะเอ่ยคำเกี้ยวนางในตอนที่เธอกำลังอยู่ในระยะพักตัว
หรือ
พวกเจ้า
จะซ่อนเจตนา
เรื่องการสมรสกับหญิงนั้น
ไว้ในใจ เพราะอัลเลาะห์นั้นทรงรู้อยู่แล้วว่า พวกเจ้านั้นจะต้องคะนึงถึงพวก
(ภรรยาที่สามีตายจาก)
หล่อน
ว่า พวกหล่อนนั้นช่างสวยเสียจริง จนพวกเจ้าไม่อาจจะเก็บความรู้สึกไว้ได้ เหตุนี้อัลเลาะห์จึงทรงอนุญาตให้พวกเจ้าพูดจาเกี้ยวนางได้
แต่ทว่าอย่าไปให้คำมั่นสัญญาแก่พวกหล่อนลับ ๆ
ขณะที่อยู่ในระยะพัก ว่าจะแต่งงานด้วย
นอกจากจะเอ่ยถ้อยคำอันดีงาม
ในครรลองแห่งศาสนา
เท่านั้น
เช่น กล่าวคำเกี้ยวพาราสีดังที่กล่าวแล้วข้างต้น
และพวกเจ้าอย่าได้ตกลงผูกพันการแต่งงาน
ในระยะพักตัวกับหญิงที่สามีตายจากหรือที่สามีหย่า
จนกว่าจะหมดเขตระยะพัก
แต่ถ้าตั้งความปรารถนาไว้ก่อน และจะทำการแต่งงานต่อเมื่อเขตระยะพักของหญิงดังกล่าวนั้นหมดสิ้นแล้วก็ย่อมไม่เป็นบาปแต่อย่างไรแก่พวกเจ้า
และจงรู้ไว้เถิดว่า แน่แท้อัลเลาะห์ทรงทราบถึงความ
มุ่งหมายดังกล่าว และเรื่องอย่างอื่นอันมีอยู่
ในใจของพวกเจ้า ฉะนั้นพวกเจ้าจงยำเกรง
การลงโทษ
ของพระองค์
ฐานที่มุ่งหมายดังนั้น
ทั้งจงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงอภัยโทษยิ่ง
แก่บรรดาผู้เกรงกลัวการลงโทษของพระองค์
ทั้งทรงสุขุมยิ่ง
ด้วยการประวิงการทรมานแก่ผู้ต้องโทษ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #112 เมื่อ:
พ.ค. 05, 2010, 05:26 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 236 – 237
คำอ่าน
236. ลาญุนาหะอะลัยกุม อิน..ฏ็อลลักตุมุน..นิสา...อะ มาลัมตะมัสสูฮุน..นะ เอาตัฟริฎู ละฮุน..นะ ฟะรีเฎาะฮฺ, วะมัตติอูฮุน..นะ อะลัลมูสิอิ เกาะดะรุฮู วะอะลัลมุกติริ เกาะดะรุฮู มะตาอัม..บิลมะอฺรูฟ, หักก็อลอะลัลมุหฺสินีน
คำแปล R1.
236. There is no sin on you, if you divorce women while yet you have not touched (had sexual relation with) them, nor appointed unto them their
Mahr
(bridal money given by the husband to his wife at the time of marriage). But bestow on them (a suitable gift), the rich according to his means, and the poor according to his means, a gift of reasonable amount is a duty on the doers of good
คำแปล R2.
236. ย่อมไม่เป็นบาปแก่พวกเจ้า หากพวกเจ้าทำการหย่าสตรีในกรณีที่พวกเจ้ายังมิได้สัมผัส(สังวาส)กับพวกนาง หรือ(ยังมิได้)กำหนดส่วน(ค่าสมรส)แก่พวกนาง และพวกเจ้าจงปลอบใจพวกนาง(ด้วยการมอบทรัพย์สินบางอย่างให้ตามฐานะของผู้เป็นสามีที่เลิกกันนั้น) สำหรับผู้มีฐานะกว้างขวางก็ตามฐานะของเขา และผู้มีฐานะยากไร้ก็ตามฐานะของเขา เป็นค่าปลอบใจ(ที่มอบให้)โดยคุณธรรม เป็นสิทธิหน้าที่แก่บรรดาผู้ทรงคุณธรรมทั้งมวล
คำแปล R3.
236. มันไม่เป็นบาปอันใดถ้าสูเจ้าจะหย่าภรรยาของสูเจ้าในขณะที่สูเจ้ายังไม่ได้แตะต้องนางหรือกำหนดของหมั้นใด ๆ ไว้สำหรับนาง อย่างไรก็ตาม ในกรณีเช่นนี้ก็จงให้บางสิ่งแก่นาง คนที่มั่งมีก็ควรจะให้อย่างเป็นธรรมตามปัจจัยที่เขามีอยู่และคนจนก็ควรให้ตามฐานะ เพราะนี่เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีคุณธรรม
คำแปล R4.
236. ไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า ถ้าหากพวกเจ้าหย่าหญิง โดยที่พวกเจ้ายังมิได้แตะต้องพวกนาง หรือยังมิได้กำหนดมะฮัรใดๆ แก่พวกนาง และจงให้นางได้รับสิ่งที่อำนวยประโยชน์แก่พวกนาง โดยที่หน้าที่ของผู้มั่งมีนั้นคือตามกำลังความสามารถของเขา และหน้าที่ของผู้ยากจนนั้นคือตามกำลังความสามารถของเขา เป็นการให้ประโยชน์โดยชอบธรรม เป็นสิทธิเหนือผู้กระทำดีทั้งหลาย
คำแปล R5.
๒๓๖.
ย่อมไม่เป็นบาปแต่อย่างไรแก่พวกเจ้า
และย่อมไม่บังคับให้พวกเจ้าจ่ายค่าสมรสแก่ภรรยา
หากว่าพวกเจ้าได้หย่าภรรยาโดยยังมิทันได้ร่วมการประเวณีกัน หรือยังมิได้กำหนดค่าสมรสที่แน่นอนให้พวกหล่อน ฉะนั้นพวกเจ้าจงให้พวกหล่อน
(ภรรยาที่ถูกหย่าตามกรณีทั้งสองดังกล่าว)
ได้ค่าบำรุงขวัญ ผู้ที่ฐานะกว้างขวางก็ให้ตามฐานะ ตามความนิยม
อันชอบด้วยหลักการแห่งศาสนา
นี้เป็นความเที่ยงแท้สำหรับผู้ปฏิบัติการดีงาม
ตามห้ามตามใช้ของอัลเลาะห์เจ้า
คำอ่าน
237. วะอิน..ฏ็อลลักตุมูฮุน..นะ มิน..ก็อบลิ อัน..ตะมัสสูฮุน..นะ วะก็อดฟะร็อฎตุม ละฮุน..นะ ฟะรีเฎาะตัน..ฟะนิศฟุ มาฟะร็อฎตุม อิลลา,,อัย..ยะอฺฟูนะ เอายะอฺฟุวัลละซี บิยะดิฮี อุกดะตุน..นิกาหฺ, วะอัน..ตะอฺฟู..อักเราะบุ ลิตตักวา, วะลาตัน..สะวุลฟัฎละบัยนะกุม อิน..นัลลอฮะบิมาตะอฺมะลูนะบะศีรฺ
คำแปล R1.
237. And if you divorce them before you have touched (had a sexual relation with) them, and you have appointed unto them the
Mahr
(bridal money given by the husbands to his wife at the time of marriage), Then pay half of that (Mahr), unless they (the women) agree to forgo it, or he (the husband), in whose hands is the marriage tie, agrees to forgo and give her full appointed Mahr. And to forgo and give (her the full Mahr) is nearer to
At-Taqwa
(piety, right-cousness, etc.). And do not forget liberality between yourselves. Truly, Allah is All-Seer of what you do.
คำแปล R2.
237. และหากแม้นพวกเจ้าได้หย่าพวกนางก่อนที่พวกเจ้าจะได้สัมผัส(สังวาส)นาง แต่พวกเจ้าได้กำหนดส่วน(ค่าสมรสที่จะมอบ)แก่นางแล้ว ที่จริง(ต้องมอบแก่นาง)ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่พวกเจ้ากำหนดไว้นั้น นอกจากในกรณีที่พวกนางยินดีอภัยให้(ไม่ติดใจที่จะรับส่วนดังกล่าว) หรืออภัยให้โดย(ฝ่ายชาย)ซึ่งพันธะการสมรสอยู่ในมือของเขา(โดยเขายินดียกให้ทั้งหมดตามที่ได้กำหนดไว้แต่เดิม)และการอภัยให้นั้นย่อมใกล้เคียงต่อการยำเกรงที่สุด และพวกเจ้าอย่าลืมส่วนเกินที่พึงมอบระหว่างพวกเจ้า(ให้เป็นของแถม) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติไว้
คำแปล R3.
237. และถ้าสูเจ้ากำหนดของหมั้นสำหรับนางและหย่านางก่อนที่สูเจ้าได้แตะต้องนาง สูเจ้าจงให้แก่นางครึ่งหนึ่งของของหมั้นที่ได้กำหนดไว้ แต่มันก็ไม่มีโทษอันใดถ้าหากนางตกลงที่จะยกให้หรือชายที่มีพันธะจะต้องแต่งงานอยู่ในมือจะใจดียกให้(ทั้งหมด)และถ้าหากสูเจ้าทำดีเช่นนั้นมันก็เป็นการใกล้กับการสำรวมตน จงอย่าลืมแสดงความกรุณาในการติดต่อกันระหว่างสูเจ้า เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็นสิ่งที่สูเจ้ากระทำ
คำแปล R4.
237. และถ้าหากพวกเจ้าหย่าพวกนางก่อนที่พวกเจ้าจะแตะต้องพวกนางโดยที่พวกเจ้าได้กำหนดมะฮัรแก่นางแล้ว ก็จงให้แก่นางครึ่งหนึ่งของสิ่งที่พวกเจ้ากำหนดไว้ นอกจากว่าพวกนางจะยกให้หรือผู้ที่การตกลงแต่งงานอยู่ในมือของเขา จะยกให้และการที่พวกเจ้าจะยกให้นั้น เป็นสิ่งที่ใกล้แก่ความยำเกรงมากกว่า และพวกเจ้าอย่าลืมการทำคุณในระหว่างพวกเจ้าแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็นใน สิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
คำแปล R5.
๒๓๗.
และถ้าพวกเจ้าได้หย่าเสียก่อนจากที่พวกเจ้าทำประเวณีด้วยพวกหล่อนโดยที่พวกเจ้าก็ได้กำหนดค่าสมรสจำนวนหนึ่งที่แน่นอนให้แก่พวกหล่อนแล้วไซร้
ก็จำต้องปันทรัพย์สินดังว่านั้นเป็นสองส่วนคือ
ครึ่งหนึ่งของค่าสมรสที่กำหนดไว้ต้องเป็นของพวกหล่อน
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้เป็นสิทธิ์ของพวกเจ้า
นอกจากพวกหล่อน
จะยกทรัพย์ค่าสมรสทั้งหมดให้เป็นของพวกเจ้า
หรือ
พวกเจ้า
ผู้ทรงสิทธิ์ในพันธะทางสมรสจะยอมยกให้
โดยผลักทรัพย์ค่าสมรสทั้งหมดให้เป็นของพวกหล่อน
แหละ
โอ้พวกสามีภรรยา
ที่พวกเจ้า
ทั้งสองฝ่าย
จะมีใจยอมยกให้แก่กันและกันนั้น จัดว่าใกล้เข้าสู่ความยำเกรง
อัลเลาะห์
อยู่แล้ว แต่พวกเจ้า
ทั้งฝ่ายสามีภรรยา
อย่าลืมความเกื้อกูลให้ระหว่างกันและกัน เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงเล็งเห็นตลอดในพฤติกรรมที่พวกเจ้ากระทำอยู่
และจะทรงตอบสนองให้พวกเจ้าได้รับผลสอบตามพฤติกรรมนั้น
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #113 เมื่อ:
พ.ค. 06, 2010, 03:55 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 238 – 239
คำอ่าน
238. หาฟิซูอะลัศเศาะละวาติ วัศเศาะลาติลวุสฏอ วะกูมูลิลลาฮิ กอนิตีน
คำแปล R1.
238. Guard strictly (five obligatory)
As-Salawat
(the prayers) especially the middle
Salat
(i.e. the best prayer Al- 'Asr). And stand before Allah with obedience [and do not speak to others during the
Salat
(prayers)].
คำแปล R2.
238. พวกเจ้าทั้งหลายจงหมั่นรักษาการละหมาดไว้ให้ดีเถิด (โดยทำละหมาดไม่ขาดและทำอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ มีจิตสำรวมโดยแท้จริง) โดยเฉพาะการละหมาดกลาง (คือละหมาดอัศริ) และเจ้าทั้งหลายจงยืนอยู่กับอัลเลาะฮฺ โดยความคารวะ
คำแปล R3.
238. จงระวังการนมาซของสูเจ้า โดยเฉพาะการนมาซที่มีคุณสมบัติอันประเสริฐของการนมาซและจงยืนต่อหน้าอัลลอฮฺดังบ่าวที่นอบน้อมด้วยความภักดี
คำแปล R4.
238. พวกเจ้าจงรักษาบรรดาละหมาดไว้ และละหมาดที่อยู่กึ่งกลาง และจงยืนละหมาดเพื่ออัลลอฮ์โดยนอบน้อม
คำแปล R5.
๒๓๘.
พวกเจ้าจงเคร่งครัดต่อการละหมาด
ทั้ง ๕ โดยชำระให้เสร็จสิ้นในเวลาของมันพร้อมทั้ง ซะรอต(กฎเกณฑ์) และรุก่น(องค์ประกอบ)
และ
ให้เคร่งครัด
ต่อการละหมาด อัล-อัสร์
(ละหมาดเวลาที่ถัดจากเวลาบ่าย)
ทั้งจงดำรงละหมาดเพื่ออัลเลาะห์โดยความภักดี
คำอ่าน
239. ฟะอินคิฟตุม ฟะริญาลัน เอารุกบานา, ฟะอิซา..อะมิน..ตุม ฟัซกุรุลลอฮะ กะมาอัลละมะกุม..มาลัมตะกูนู ตะอฺละมูน
คำแปล R1.
239. And if you fear (an enemy), perform
Salat
(pray) on foot or riding. And when you are in safety, offer the
Salat
(prayer) in the manner he has taught you, which you knew not (before).
คำแปล R2.
239. แต่ถ้าพวกเจ้าบังเกิดความหวาดกลัว(เพราะกำลังอยู่ระหว่างอันตราย)ก็ให้ละหมาดพลางเดินหรือพลางขี่พาหนะได้ ครั้นเมื่อพวกเจ้าปลอดภัยแล้วพวกเจ้าก็จงกล่าวระลึกถึงอัลเลาะฮฺเช่นที่พระองค์ได้ทรงสอนพวกเจ้า ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่เคยรู้มาก่อน (คือให้ทำละหมาดตามวิธีปกติ)
คำแปล R3.
239. ถึงแม้สูเจ้าจะอยู่ในอันตราย สูเจ้าก็จะต้องนมาซ ไม่ว่าจะเป็นบนทางเท้าหรือบนหลังสัตว์พาหนะ และเมื่อสูเจ้าปลอดภัย ดังนั้นจงรำลึกถึงอัลลอฮฺดังที่พระองค์ได้ทรงสอนสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้มาก่อน
คำแปล R4.
239. ถ้าพวกเจ้ากลัว ก็จงละหมาดพลางเดินหรือขี่ ครั้นเมื่อพวกเจ้าปลอดภัยแล้ว ก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ ดังที่พระองค์ได้ทรงสอนพวกเจ้าซึ่งสิ่งที่พวกเจ้ามิเคยรู้มาก่อน
คำแปล R5.
๒๓๙.
แม้นว่าพวกเจ้าอยู่ในภาวะหวาดกลัวเภทภัย
อันมี ศัตรู สัตว์ร้าย และวาตภัยเป็นต้น
แล้วไซร้
พวกเจ้าจงทำละหมาดเถิด
จะเดินเท้าหรือขับขี่ก็ย่อมได้
โดยผินหน้าไปยังทิศไบตุลเลาะห์หรือทิศใด ๆ ก็ได้ สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ ครั้นพวกเจ้าจะทำรุกูอ์หรือสุหยูด ก็ให้พวกเจ้าโน้มศีรษะลงเล็กน้อยและมากขึ้นอีก แทนอาการทั้งสองนั้นโดยลำดับ
เมื่อพวกเจ้าปลอดภัย
จากเภทภัยเหล่านั้นแล้ว
ก็ให้พวกเจ้าละหมาด
ตามวิธีการ
ดังที่อัลเลาะห์ได้ทรงสอนไว้แล้วในสิ่งที่พวกเจ้าไม่เคยได้รู้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #114 เมื่อ:
พ.ค. 07, 2010, 06:20 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 240 – 242
คำอ่าน
240. วัลละซีนะ ยุตะวัฟเฟานะมิน..กุม วะยะซะรูนะ อัซวาเญา..วะศียะตัลลิอัซวาญิฮิม..มะตาอันอิลัลเหาลิ ฆ็อยเราะ อิครอจญฺ, ฟะอินเคาะร็อจญนะ ฟะลาญุนาหะ อะลัยกุม ฟีมาฟะอัลนะ ฟีอัน..ฟุสิฮิน..นะ มิม..มะอฺรูฟ, วัลลอฮุอะซีซุนหะกีม
คำแปล R1.
240. And those of you who die and leave behind wives should bequeath for their wives a year's maintenance and residence without turning them out, but if they (wives) leave, there is no sin on you for that which they do of themselves, provided it is honourable (e.g. lawful marriage). And Allah is All-Mighty, All-Wise. [The order of this verse has been canceled (abrogated) by verse 4:12].
คำแปล R2.
240. และบรรดาผู้ที่(จวนจะ)ตายจากพวกเจ้า และต้องทิ้งบรรดาคู่ครองไว้(ในสภาพหญิงหม้าย)ก็ต้องสั่งเสียไว้เพื่อบรรดาคู่ครองของพวกเขาซึ่งสิ่งอำนวยสุข(คือเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นค่าเลี้ยงดูแก่พวกนาง)ให้ครบ 1 ปี โดยนางมิได้ออก(จากบ้านไปอื่น) แต่ถ้าพวกนางออก(จากบ้าน)โดยไม่มีความจำเป็น (นางก็หมดสิทธิ์ที่จะได้ค่าเลี้ยงดูดังกล่าว) ดังนั้นจึงไม่เป็นบาปแก่พวกเจ้าในกรณีที่นางได้กระทำลงไปในเรื่องของตัวนางเอง จาก(การกระทำที่ประกอบด้วย)คุณธรรม(ตามบทบัญญัติทางศาสนา) และอัลลอฮฺทรงอำนาจยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชายิ่ง
คำแปล R3.
240. และบรรดาพวกของสูเจ้าที่กำลังจะตายและทิ้งภรรยาไว้ข้างหลัง พวกเขาจะต้องทำพินัยกรรมไว้ให้พวกนางได้มีค่าเลี้ยงดูถึง 1 ปีและทำให้นางไม่จำเป็นต้องออกไปจากบ้านของพวกนาง แต่ถ้านางจะออกจากบ้านตามความพอใจของนาง สูเจ้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พวกนางเลือกเพื่อตัวของนางเองโดยชอบธรรม และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
คำแปล R4.
240. และบรรดาผู้ที่จะถึงแก่ชีวิตลงในหมู่พวกเจ้า และจะทิ้งคู่ครองไว้นั้น จงให้มีพินัยกรรมไว้แก่คู่ครองของพวกนาง ซึ่งสิ่งอำนวยประโยชน์(แก่นาง) ถึงหนึ่งปี โดยไม่มีการขับไล่ใด ๆ แตถ้าพวกนางออกไปเอง ก็ไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกนางได้กระทำในส่วนตัวของพวกนางจากสิ่งที่ชอบธรรม และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
คำแปล R5.
๒๔๐.
ส่วนหนึ่งในพวกเจ้าบรรดาผู้จวนจะตายและจะทิ้งภรรยาไว้ จำต้องสั่งเสียเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค
อันมีเครื่องนุ่งห่มและอาหารเป็นต้น
ให้แก่พวกหล่อนถึงหนึ่งปี
และให้พวกหล่อนอยู่ประจำบ้าน
โดยมิได้ออกไปอื่น ฉะนั้นหากพวกหล่อนได้ออก
จากบ้าน
ไปก็ไม่มีบาปอย่างไรแก่พวกเจ้า
ซึ่งเป็นทายาทของผู้ตาย
ในอันที่พวกหล่อนจะกระทำการเป็นส่วนตัวอยู่ในแนวความนิยมอันชอบ
ด้วยศาสนา เช่น การแต่งเนื้อแต่งตัว ใช้เครื่องสำอาง และยอมงดไม่รับค่าเลี้ยงดูดังกล่าว การสั่งเสียเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภคจากโองการนี้ ถูกบกเลิกด้วยโองการที่ว่าด้วยเรื่องการมรดก โองการที่ ๑๒ แห่งซูเราะห์ อัล-นิซาอ์ ส่วนโองการที่ว่าให้พักตัวอยู่ ๑ ปีนั้น ถูกยกเลิกโดยโองการที่ ๒๓๔ แห่งซูเราะห์ อัลบาก็เราะห์ว่าด้วยเรื่องให้หญิงพักตัว ๔ เดือน กับ ๑๐ วัน
และอัลเลาะห์นั้นทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่ง ทั้งทรงประณีตยิ่ง
ในงานทุกอย่างของพระองค์
คำอ่าน
241. วะลิลมุฏ็อลละกอติ มะตาอุม..บิลมะอฺรูฟ, หักก็อนอะลัลมุตตะกีน
คำแปล R1.
241. And for divorced women, maintenance (should be provided) on reasonable (scale). This is a duty on
Al-Muttaqun
(the pious - see V.2:2).
คำแปล R2.
241. และเป็นสิทธิแก่บรรดาหญิงที่ถูกหย่า(นางจะต้องได้)สิ่งอำนวยสุข(เป็นค่าเลี้ยงดูแก่นาง)โดยคุณธรรม เป็นหน้าที่แก่บรรดาผู้ยำเกรงทั้งหลาย(ต้องจัดการไปตามนั้น)
คำแปล R3.
241. และสำหรับหญิงที่ถูกหย่าก็ควรที่จะได้รับผลประโยชน์จากความชอบธรรม นี่คือหน้าที่สำหรับผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า
คำแปล R4.
241. และสำหรับบรรดาหญิงที่ถูกหย่านั้นจะได้รับสิ่งอำนวยประโยชน์โดยชอบธรรม เป็นสิทธิเหนือผู้ยำเกรงทั้งหลาย
คำแปล R5.
๒๔๑.
และบรรดาหญิงที่ถูกหย่านั้น ย่อมมีสิทธิ์ได้สิ่งบำรุงขวัญ
ตามฐานะของสามีภรรยา และ
เท่าที่ควร
แก่ทั้งสองนั้น เกี่ยวกับค่าบำรุงขวัญที่จำเป็นเหนือสามีต้องจ่ายแก่ภรรยานั้นสุดแต่จะตกลงกันว่ามากน้อยเพียงไร ซึ่งศาสนามิได้กำหนดอัตราไว้แน่นอน แต่ทางที่ดีแล้วไม่ควรจะหย่อน ๓๐ ดิรฮำ (๑ ดิรฮำราคาประมาณ ๙๕ สต.) แต่ถ้าฝ่ายสามีและภรรยายังตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของผู้พิพากษาพิจารณา
นี่เป็นภารจำเป็นสำหรับพวกที่ยำเกรงอัลเลาะห์
คำอ่าน
242. กะซาลิกะยุบัยยินุลลอฮุละกุม อายาติฮี ละอัลละกุม ตะอฺกิลูน
คำแปล R1.
242. Thus Allah makes clear his
Ayat
(Laws) to you, in order that you may understand.
คำแปล R2.
242. เช่นนั้นแหละที่อัลเลาะฮฺทรงแจ้งบรรดาโองการของพระองค์แก่พวกเจ้าทั้งมวลเพื่อพวกเจ้าจะได้ใข้ปัญญาตริตรอง
คำแปล R3.
242. ดังนั้นอัลลอฮฺได้ทำให้คำบัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ใช้ปัญญา
คำแปล R4.
242. ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์ให้พวกเจ้าทราบเพื่อว่าพวกเจ้าจะ ได้เข้าใจ
คำแปล R5.
๒๔๒. ทำนองเดียวกับที่อัลเลาะห์ได้ทรงแจ้งข้อบัญญัติใช้และบัญญัติห้ามเกี่ยวกับเรื่องหญิงที่ถูกหย่า และเรื่องการพักตัวของหญิง
นี้แหละอัลเลาะห์จึงได้ทรงแจ้งบรรดาโองการแห่งพระองค์
ให้เป็นหลักฐานการใช้และห้าม
แก่พวกเจ้า
ผู้เป็นข้าของพระองค์
เพื่อว่าพวกเจ้าจักได้ใข้ปัญญาตรึกตรอง
ถึงผลแห่งความดีในบั้นสุดท้าย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #115 เมื่อ:
พ.ค. 08, 2010, 05:58 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 243 – 244
คำอ่าน
243. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะเคาะเราะญู มิน..ดิยาริฮิม วะฮุม อุลูฟุน หะซะร็อลเมาติ ฟะกอละ ละฮุมุลลอฮุ มูตู ษุม..มะอะหฺยาฮุม อิน..นัลลอฮะ ละซูฟัฎลิน อะลัน..นาสิ วะลากิน..นะอักษะร็อน..นาสิ ลายัชกุรูน
คำแปล R1.
243. Did you (O Muhammad ) not think of those who went forth from their homes in thousands, fearing death? Allah said to them, "Die". And then He restored them to life. Truly, Allah is full of Bounty to mankind, but most men thank not.
คำแปล R2.
243. เจ้าไม่รู้ดอกหรือ ? ถึง(ประวัติของ)บรรดาผู้ที่ออกจากบ้านเมือง โดยมีจำนวนนับเป็นพันคน เพราะความกลัวตาย แต่แล้วอัลเลาะฮฺก็ทรงตรัสแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงตายเถิด ครั้นต่อมาพระองค์ก็ทรงชุบชีวิตของพวกเขา(ขึ้นมาใหม่) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานแก่มวลมนุษย์ แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากหาได้ขอบคุณพระองค์ไม่
คำแปล R3.
243. สูเจ้าได้เคยคิด กรณีของบรรดาผู้ที่อพยพออกจากบ้านของพวกเขาเพราะกลัวตาย และพวกเขามีจำนวนนับพันบ้างหรือไม่ อัลลอฮฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงตาย” แล้วพระองค์ก็ให้ชีวิตแก่พวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานต่อมนุษยชาติทั้งมวล แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้จักขอบคุณ
คำแปล R4.
243. เจ้ามิได้มองดู บรรดาผู้ที่ออกจากบ้านของพวกเขาดอกหรือ ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นพัน ๆ คน ทั้งนี้เพราะกลัวความตาย และอัลลอฮฺก็ได้ประกาศิตแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงตายเสียเถิด ภายหลังพระองค์ทรงให้พวกเขามีชีวิตขึ้นใหม่ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้มีบุญคุณแก่มนุษย์ แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่ขอบพระคุณ
คำแปล R5.
๒๔๓. โอ้มูฮำมัด
เจ้าย่อมจะ
ล่วง
รู้ไปถึง
ประวัติการณ์อันน่าประหลาดใจในสมัยของ
บรรดาผู้ที่หนีออกจากประเทศของตนเป็นจำนวนนับพัน
นับหมื่น คือประมาณได้สามหมื่นหรือสี่หมื่นคน
เพราะกลัวตาย
เหล่านั้นคือพวกตระกูลบนีอิสรออีลซึงถูกโรคตออูนระบาดทั่วประเทศ จนต้องหนีออกจากประเทศของตนไป
อัลเลาะห์จึงตรัสแก่พวกนั้นว่า พวกเจ้าจงตาย
แล้วพวกนั้นก็ตายไป
ต่อมาพระองค์ทรงให้พวกนั้นมีชีวิตขึ้นอีก
แปดวันหรือกว่านั้นตามถ้อยคำวิงวอนของฮิสกิลผู้เป็นพระศาสดาของชนพวกนั้น แต่ถึงจะกลับมีชีวิตขึ้นมาชั่วระยะหนึ่ง ก็ยังมีเค้าแห่งความตายอยู่ที่ร่างกายของพวกนั้น แม้แต่ผ้าสีต่าง ๆ ที่พวกนั้นใช้ปกคลุมร่างกายก็จะกลับกลายเป็นสีเหลืองเหมือนกับผ้าที่ใช้หุ้มห่อคนตาย ฉะนั้นจึงเห็นว่าสีเหลืองของผิวกายพันธุ์สืบเนื่องตกทอดถึงลูกหลานของพวกนั้นจนบัดนี้
แท้จริงอัลเลาะห์นั้นคือพระผู้เอื้อเฟื้อต่อมวลมนุษย์
เช่นทรงให้ตายแล้วกลับเป็นขึ้นเป็นต้น
แต่ทว่าส่วนมากแล้ว มนุษย์
กาฟิร
มิได้ขอบพระคุณ
ต่อพระองค์แต่อย่างใดเลย
คำอ่าน
244. วะกอติลูฟีสะบีลิลลาฮิ วะอฺละมูอัน..นัลลอฮะ สะมีอุนอะลีม
คำแปล R1.
244. And fight in the way of Allah and know that Allah is All-Hearer, All-Knower.
คำแปล R2.
244. และเจ้าทั้งหลายจงต่อสู้ในทางของอัลเละฮ์ และจงรู้ไว้ว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
คำแปล R3.
244.
(โอ้ มุสลิม)
สูเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ และจงรู้ไว้เถิดว่า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงรู้ทุกสิ่ง
คำแปล R4.
244. และพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺเถิด และพึงรู้ด้วยว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
เพื่อต้องการอบรมจิตใจพวกมุอ์มินให้เกิดความกล้าหาญในการสู้รบ
๒๔๔. และโอ้พวกมุอ์มิน
พวกเจ้าจงสู้รบในวิถีทางแห่ง
ศาสนาของ
อัลเลาะห์
เพื่อผดุงศาสนาของพระองค์ให้ดีเด่นอยู่เสมอไป
และจงรู้ไว้เถิดว่าแน่แท้อัลเลาะห์นั้นทรงได้ยินยิ่ง
ซึ่งถ้อยคำต่าง ๆ ของพวกเจ้า ทั้ง
ทรงรู้ยิ่ง
ถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ของพวกเจ้า แล้วพระองค์ก็จะทรงตอบสนองต่อพวกเจ้า
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #116 เมื่อ:
พ.ค. 09, 2010, 06:05 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 245
คำอ่าน
245. มัน..ซัลละซี ยุกริฎุลลอฮะ ก็อรฎ็อนหะสะนัน..ฟะยุฎออิฟะฮูละฮู..อัฎอาฟัน..กะษีเราะฮฺ, วัลลอฮุยักบิฎุ วะยับสุฏุ วะอิลัยฮิตุรฺญะอูน
คำแปล R1.
245. Who is he that will lend to Allah a goodly loan so that He may multiply it to him many times? And it is Allah that decreases or increases (your provisions), and unto Him you shall return.
คำแปล R2.
245. ผู้ใดที่ให้กู้ยืมแก่อัลเลาะฮฺอย่างดีงาม (โดยการบริจาคไปในทางของพระองค์) แน่นอนพระองค์จะทรงทวีสิ่งนั้นแก่เขาอย่างมากมาย และอัลเลาะฮฺทรงกักกันไว้และทรงเผื่อแผ่ให้(ตามแต่พระองค์ทรงประสงค์)และพวกเจ้าจะต้องคืนกลับสู่พระองค์
คำแปล R3.
245. ใครบ้างในหมู่สูเจ้าที่จะให้การยืมที่ดีแก่อัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์จะทรงใช้คืนให้เขาหลังจากที่ได้เพิ่มมันขึ้นเป็นทวีคูณแล้ว ? อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงสามารถลดและเพิ่ม (ความมั่งคั่ง) และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะคืนกลับไป
คำแปล R4.
245. มีใครบ้างไหมที่จะให้อัลลอฮ์ทรงยืมหนี้ที่ดี แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มพูนหนี้ นั้น ให้แก่เขามากมายหลายเท่าและอัลลอฮ์นั้นทรงกำไว้และทรงแบออก และยังพระองค์เท่านั้นพวกเจ้าจะถูกนำกลับไป
คำแปล R5.
๒๔๕.
ใครที่อัลเลาะห์ให้กู้ยืมอย่างดีงาม
โดยการสละทรัพย์ของตนไปในทางกุศลอย่างเต็มอกเต็มใจทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น
พระองค์ก็จะทรงทวีให้เขา
ได้ทรัพย์ที่เสียสละไปนั้นมากขึ้น
อีกหลายเท่า
กล่าวคือตั้งแต่สิบเท่าขึ้นไปจนเกินกว่าเจ็ดร้อยเท่า
อัลเลาะห์นั้นจะทรงระงับ
การอำนวยลาภแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยให้ผู้นั้นตกยาก
ก็ได้
แม้ว่าผู้นั้นจะพยายามตระหนี่ถี่เหนียวสักเพียงไรก็ตาม ทรงกระทำเช่นนี้ คล้ายจะทดลองดูว่าผู้ใดบ้างจะอดทนหรือไม่
และจะทรงเผื่อแผ่
ในการอำนวยลาภแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยให้ผู้นั้นร่ำรวย
ก็ได้
แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ที่มีการเสียสละอย่างกว้างขวางก็ตาม ที่ทรงกระทำเช่นนี้คล้ายกับจะทดลองดูว่าใครบ้างจะไม่ขอบคุณหือขอบคุณต่อพระองค์
ส่วนพวกเจ้านั้นจะต้องถูกกลับไปสู่
การพิจารณาสอบสวนของ
พระองค์
ด้วยการให้พวกเจ้าตายไปแล้วเกิดขึ้นใหม่ในภพหน้า ครั้นแล้วจะทรงสนองให้พวกเจ้าได้รับกรรมตามที่กระทำไว้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #117 เมื่อ:
พ.ค. 09, 2010, 06:21 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 246 – 247
คำอ่าน
246. อะลัมตะเราะอิลัลมะละอิ มิม..บะนี..อิสรอ...อีละ มิม..บะอฺดิมูสา..อิซกอลูลินะบียิลละฮุมุบอัษละนา มะลิกัน..นุกอติลฟีสะบีลิลลาฮฺ, กอละ ฮัลอะสัยตุม อิน..กุติบะ อะลัยกุมุลกิตาลุ อัลลาตุกอติลู, กอลูวะมาละนา..อัลลานุกอติละ ฟีสะบีลิลลาฮิ วะก็อดอุคริจญนา มิน..ดิยารินา วะอับนา..อินา ฟะลัม..มากุติบะ อะลัยฮิมุลกิตาลุ ตะวัลเลาอิลาเกาะลีลัม..มินฮุม วัลลอฮุอะลีมุม..บิซซอลิมีน
คำแปล R1.
246. Have you not thought about the group of the Children of Israel after (the time of) Musa (Moses)? When they said to a Prophet of theirs, "Appoint for us a king and we will fight in Allah's Way." He said, "Would you then refrain from fighting, if fighting was prescribed for you?" they said, "Why should we not fight in Allah's Way while we have been driven out of our homes and our children (families have been taken as captives)?" but when fighting was ordered for them, they turned away, all except a few of them. And Allah is All-Aware of the
Zalimun
(polytheists and wrong-doers).
คำแปล R2.
246. เจ้าไม่รู้หรือ(ถึงประวัติของ)มวลชนหนึ่งจากพงศ์เผ่าของอิสรออีล ภายหลังจากมูซา(ได้จากโลกนี้ไปแล้ว) เมื่อพวกเขาได้กล่าวกับศาสดาองค์หนึ่งของพวกเขา (ซึ่งมีชื่อว่าซำวีล)ว่า “ท่านได้โปรดแต่งตั้งกษัตริย์แก่พวกเราซิ เราจะได้ออกต่อสู้ในทางของอัลเลาะฮฺ” ศาสดาจึงกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านทั้งหลายคาดคิดไหมว่า หากพวกท่านได้ถูกบัญญัติให้ทำการรบแล้ว พวกท่านจะไม่ออกต่อสู้” พวกเขาตอบว่า “และไม่มีเหตุผลใด ๆ สำหรับพวกเราเลยที่จะไม่ต่อสู้ในทางของอัลเลาะฮฺ ทั้ง ๆ ที่พวกเราถูกขับไล่ออกจากบ้านเมืองของเรา และลูก ๆ ของเรา” ครั้นแล้วเมื่อการรบได้ถูกบัญญัติขึ้นแก่พวกเขา พวกเขาก็หันหลังให้ ยกเว้นเพียงเล็กน้อยจากพวกเขาเท่านั้นเอง (ที่ออกทำการรบ) และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งกับบรรดาผู้ฉ้อฉลทั้งมวล
คำแปล R3.
246. สูเจ้าเคยคิดคำนึงถึงเรื่องเกี่ยวกับพวกหัวหน้าของชาวอิสรออีลหลังจาก (การตายของ) มูซาบ้างหรือไม่ ? พวกเขากล่าวกับนบีของพวกเขาว่า “จงแต่งตั้งกษัตริย์คนหนึ่งให้แก่เรา เพื่อที่เราจะได้ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ” นบีได้กล่าวถามพวกเขาว่า “มันก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกท่านจะไม่ต่อสู้ ถ้าการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแก่พวกท่าน ?” พวกเขาตอบว่า “มันเป็นไปได้อย่างไรที่เราจะปฏิเสธการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ เมื่อเราได้ถูกขับไล่ออกมาจากบ้านของเราและพลัดพรากจากลูก ๆ ของเรา?” แต่(ถึงแม้จะยืนยันเช่นนี้แล้วก็ตาม)เมื่อพวกเขาได้ถูกบัญชาให้ต่อสู้ พวกเขาก็หันหลังกลับ ยกเว้นเพียงไม่กี่คนในหมู่พวกเขาเท่านั้น และอัลลอฮฺทรงรูจักพวกอธรรมเหล่านี้ทุกคน
คำแปล R4.
246. เจ้า (มุฮัมมัด) มิได้มองดู พวกหัวหน้าในหมู่วงศ์วานอิสรออีล หลังจากมูซาดอกหรือ ? ขณะที่พวกเขาได้กล่าวแก่นะบีของพวกเขาคนหนึ่ง ว่า โปรดส่งกษัตริย์องค์หนึ่งมาให้แก่พวกเราเถิด พวกเราจะได้ต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ เขากล่าวว่า อาจเป็นไปได้ไหมว่า พวกท่านนั้น ถ้าการสู้รบได้ถูกกำหนดแก่พวกท่านแล้ว พวกท่านจะไม่ต่อสู้พวกเขากล่าวว่า และได้มีสิ่งใดเกิดขึ้นแก่พวกเรากระนั้นหรือ ที่พวกเราจะไม่ต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺทั้ง ๆที่พวกเรา และลูก ๆ ของของพวกเราถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านของเรา ครั้นเมื่อการสู้รบได้ถูกกำหนดขึ้นแก่พวกเขาแล้ว พวกเขาก็ผินหลังให้ นอกจากส่วนน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรู้ดีต่อบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้น
คำแปล R5.
๒๔๖. โอ้ มูฮำมัด
เจ้าย่อมจะ
ล่วง
รู้ไปถึง
ประวัติการณ์อันน่าประหลาดใจในสมัยของ
ชนพวกหนึ่งในตระกูลอิสรออีล
ซึ่งอยู่ใน
สมัยหลังจากมูซา ในตอนที่พวกนั้นได้ บอกกับพระศาสดาของพวกตน
ชื่อ ซำวีล ว่า
ท่านจงตั้งแม่ทัพให้เราซิ เราจะได้ออกรบในแนวทาง
แห่งศาสนา
ของอัลเลาะห์
ร่วมกับแม่ทัพนั้นด้วย
เขา
(ซำวีล)
ตอบว่า
ฉันรู้แน่ว่า
พวกเจ้าน่ะ ยิ่งจะถูกบัญญัติให้สู้รบ พวกเจ้าก็ไม่สู้รบ พวกนั้นตอบว่า ไม่มีหรอกที่พวกเราจะไม่สู้รบในแนวทาง
แห่งศาสนา
ของอัลเลาะห์ เพราะพวกเราตลอดจนลูกหลานของเราก็ถูก
พวกยาลู๊ต(โกไลแอ็ต)
ขับออกจากประเทศชาติอยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้นยังจับบรรดาลูกหลานของพวกเราเป็นเชลยบ้าง ฆ่าเสียบ้าง
ครั้นเมื่อบัญญัติเรื่องการสู้รบได้ถูกกำหนดขึ้นแก่พวกนั้นเข้า พวกนั้นก็เหห่างเสีย
จากการสู้รบ ทั้งนี้เพราะความขลาด
เว้นแต่จำนวนเพียงเล็กน้อย
จากพวกนั้นที่ร่วมทางข้ามแม่น้ำกับแม่ทัพตอลู๊ต
เท่านั้น
ที่เต็มใจจะรบตามพระบัญญัติ
อัลเลาะห์นั้นทรงรอบรู้ถึงพวกคดโกง
ส่วนมากที่เหห่างและละเลยไม่ทำการสู้รบและกระทำไม่ตรงตามที่พูดไว้ พระองค์จะทรงสนองให้พวกนั้นได้รับกรรมในวันปรภพ
คำอ่าน
247. วะกอละละฮุม นะบียุฮุม อิน..นัลลอฮะ ก็อดบะอะษะละกุม ฏอลูตะมะลิกา กอลูอัน..นายะกูนุ ละฮุลมุลกุ อะลัยนา วะนะหฺนุ อะหักกุบิลมุลกิ มินฮุวะลัมยุอ์ตะสะอะตัม..มินัลมาล, กอละ อิน..นัลลอฮัศเฏาะฟาฮุอะลัยกุม วะซาดะฮูบัสเฎาะตัน..ฟิลอิลมิวัลญิสมฺ,วัลลอฮุยุอ์ตีมุลกะฮู มัย..ยะชา...อ์ วัลลอฮุ วาสิอุนอะลีม
คำแปล R1.
247. And their Prophet (Samuel) said to them, "Indeed Allah has appointed
Talut
(Saul) as a king over you." they said, "How can he be a king over us when we are better fitted than him for the kingdom, and he has not been given enough wealth." He said: "Verily, Allah has chosen him above you and has increased him abundantly in knowledge and stature. And Allah grants his Kingdom to whom he wills. And Allah is All-Sufficient for his creatures' needs, All-Knower."
คำแปล R2.
247. และศาสดาแห่งพวกเขาได้ประกาศแก่พวกเขาว่า “แม้จริงอัลเลาะฮฺได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์” พวกเขาก็กล่าวว่า “ไฉนเล่าจึงให้เขามาเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเรา ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงพวกเราทรงสิทธิ์ในตำแหน่งกษัตริย์ยิ่งกว่าเขาเสียอีก และเขา(ฏอลูต)นั้นก็ไม่มีทรัพย์อันมั่งคั่งแต่ประการใด ๆ (แล้วจะมาเป็นกษัตริย์พวกเราได้อย่างไร)” เขา(ศาสดาซำวีล)กล่าวว่า “แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ทรงคัดเลือกตัวเขา(ฏอลูต)ให้เป็นกษัตริย์ของพวกเจ้า และพระองค์ทรงเพิ่มพูนความรู้และ (พลังแห่ง) เรือนร่างอันกว้างขวางแก่เขา และอัลเลาะฮฺทรงประทานอำนาจทางอาณาจักรของพระองค์แก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงไพศาลยิ่ง อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
คำแปล R3.
247. และนบีของพวกเขากล่าวแก่พวกเขาว่า “อัลลอฮฺได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์สำหรับพวกท่าน” เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขากล่าวว่า “เขามีสิทธิ์ที่จะเป็นกษัตริย์เหนือพวกเราได้อย่างไร ? พวกเรามีสิทธิ์ในความเป็นกษัตริย์เหนือกว่าเขาเสียอีก เพราะเขาไม่มีความมั่งคั่งเพียงพอ” นบีได้ตอบว่า “อัลลอฮฺได้ทรงเลือกเขาเหนือพวกท่านและได้ทรงประทานพลังในความรู้และร่างกายให้แก่เขาอย่างมากมายมหาศาล และอัลลอฮฺทรงมีอำนาจที่จะประทานอาณาจักรของพระองค์ให้แก่ใครก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้
คำแปล R4.
247. และนะบีของพวกเขาก็กล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงส่งฎอลูตมาเป็นกษัตริย์แก่พวกท่านแล้ว พวกเขากล่าวว่าเขาจะมีอำนาจเหนือพวกเราได้อย่างไร ? ทั้ง ๆ ที่พวกเราเป็นผู้สมควรต่ออำนาจนั้นยิ่งกว่าเขา และทั้งเขาก็มิได้รับทรัพย์สมบัติอันกว้างขวางเขา (นะบีของเขา)กล่าวว่า ฮัลลอฮฺได้ทรงคัดเลือกเขาให้มีอำนาจเหนือพวกท่านแล้ว และได้ทรงเพิ่มให้แก่เขาอีก ซึ่งความกว้างขวางในความรู้ และความสูงใหญ่ในร่างกายและอัลลอฮฺนั้นจะทรงประท่านอำนาจของพระองค์ให้แก่ ผุ้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้
คำแปล R5.
๒๔๗.
และ
ซำวีล
พระศาสดาแห่งพวกนั้น
ได้กล่าววิงวอนขอต่ออัลเลาะห์เพื่อให้ทรงแต่งตั้งแม่ทัพสักคนหนึ่งให้พวกนั้น พระองค์จึงทรงรับรองคำวิงวอนของซำวีล ครั้นแล้วก็ทรงสถาปนาตอลู๊ตขึ้นเป็นแม่ทัพ ซำวีล
จึงแจ้งแก่พวกนั้น
ให้ทราบ
ว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงสถาปนาตอลู๊ตให้เป็นแม่ทัพ
ณ กาลบัดนี้แล้ว
พวกนั้นก็
เอ่ยถามขึ้น
ว่า เขา
(ตอลู๊ต)
จะมารั้งตำแหน่งแม่ทัพให้พวกเราได้ที่ไหนกัน พวกเรายังจะเหมาะสมที่จะเป็นแม่ทัพดีกว่าเขาเสียอีก ด้วยเหตุ
ว่าตอลู๊ตนั้นมิได้อยู่ในเชื้อสายนักปกครอง มิได้เป็นเชื้อสายของศาสดา(นบี) อีกประการหนึ่ง เขายังมีอาชีพฟอกหนังและเป็นคนเลี้ยงสัตว์ ยิ่งกว่านั้น
เขามิใช่ผู้มั่งคั่งในทรัพย์สิน
พอที่จะผยุงฐานะและตำแหน่งหน้าที่ในด้านการปกครองแผ่นดินของเขาได้
เขา
(พระศาสดาซำวีล)
ตอบ
พวกนั้น
ว่า แน่นแท้อัลเลาะห์ทรงเลือกสรรเขา
(ตอลู๊ต) ให้รับหน้าที่ปกครอง
ไว้แก่พวกเจ้า และทรงเพิ่มพูนความไพศาลแก่เขาแล้ว ทั้งในด้านวิชาความรู้และเรือนร่าง
ที่สง่าผ่าเผย และอื่น ๆ จนครบถ้วนเกินกว่าพวกเจ้าได้รับ
อัลเลาะห์นั้นจะทรงมอบอำนาจแห่งการปกครองของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
อย่างไม่มีใครจะเสนอคำคัดค้านได้เลย
แหละอัลเลาะห์นั้นคือ พระผู้ทรงความ
โปรดปรานอัน
ไพศาล ทรงรอบรู้ยิ่ง
ว่าผู้ใดควรจะได้ซึ่งความโปรดปรานจากพระองค์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #118 เมื่อ:
พ.ค. 10, 2010, 06:21 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 248 -249
คำอ่าน
248. วะกอละละฮุมนะบียุฮุม อิน..นะอายะตะ มุลกิฮี..อัย..ยะอ์ติยะกุมุตตาบูตุ ฟิฮิสะกีนะตุม..มิรฺร็อบบิกุม วะบะกียะตุม..มิม..มาตะเราะกะ อาลุมูสา วะอาลุฮารูนะ ตะหฺมิลุฮุลมะลา...อิกะฮฺ, อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาตัลละกุม อิน..กุน..ตุม..มุอ์มินีน
คำแปล R1.
248. And their Prophet (Samuel) said to them: Verily! The sign of his Kingdom is that there shall come to you
At-Tabut
(a wooden box), wherein is
Sakinah
(peace and reassurance) from your Lord and a remnant of that which Musa (Moses) and Harun (Aaron) left behind, carried by the angels. Verily, in this is a sign for you if you are indeed believers.
คำแปล R2.
248. และศาสดาของพวกเขาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงสัญลักษณ์แสดงอำนาจทางอาณาจักรของเขาก็คือจะมีหีบมายังพวกท่าน ซึ่งในนั้นมีความสงบมั่นจากองค์อภิบาลแห่งพวกท่าน และมีส่วนที่เหลืออยู่จากที่วงศ์วานแห่งมูซาและวงศ์วานแห่งฮารูนได้ทิ้งไว้ ซึ่งมลาอิกะฮฺแบกมันมาเอง แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์แด่พวกเจ้าทั้งมวล ทั้งนี้หากแม้นพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา
คำแปล R3.
248. และนบีของพวกเขาได้บอกกับพวกเขาอีกว่า “แท้จริงสัญญาณแห่งการได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์จากอัลลอฮฺก็คือ ในระหว่างการปกครองของเขา พวกท่านจะได้รับหีบใบหนึ่ง ซึ่งในนั้นจะมีหนทางแห่งความสงบของจิตใจจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านและมีโบราณวัตถุสำคัญของครอบครัวของมูซาและฮารูนและมลาอิกะฮฺแบกมันไว้ในตอนนี้ แท้จริงในนั้นมีสัญญาณอันยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า ถ้าหากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง"
คำแปล R4.
248. และนะบีของพวกเขาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงสัญญาณแห่งอำนาจของเขานั้น คือการที่หีบใบนั้น จะมายังพวกท่าน ในหีบนั้นมีความสงบจากพระเจ้าของพวกท่าน และมีส่วนที่เหลือจากสิ่งที่วงศ์วานของมูซา และวงศ์วานของฮารูนได้ละทิ้งไว้ โดยที่มะลาอิกะฮ์จะแบกมันมา แท้จริงในเรื่องนั้นมีสัญญาณหนึ่งแน่นอนสำหรับพวกท่านหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา
คำแปล R5.
๒๔๘.
แล้วพระศาสดาได้บอกแก่พวกนั้น
ในตอนที่พวกนั้นเรียกร้องหลักฐานว่า
สัญญาณแห่งการปกครองของเขา
(ตอลู๊ต)
นั้นคือ จะมีหีบใบหนึ่งมายังพวกเจ้า ซึ่งหีบนั้นมีความมั่นใจ
สำหรับพวกเจ้า
จากองค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเจ้า และมีสิ่งตกค้าง
บางอย่าง อันได้แก่รองเท้าและไม้เท้าของมูซา ผ้าโพกศีรษะของฮารูณ ตลอดจนน้ำตาลฟ้าและเศษเล็กเศษน้อยที่แตกออกจากแผ่นบันทึกคัมภีร์เตารอต รูปพระศาสดาต่าง ๆ ตลอดจนรูปบ้านของศาสดาเหล่านั้น รูปบ้านของพระศาสดามูฮำมัด และรูปของพระศาสดามูฮำมัดเป็นทับทิมในท่ายืนละหมาดท่ามกลางบรรดาสาวก
ที่วงศ์ญาติของมูซาและฮารูนทอดทิ้งไว้บรรจุอยู่ โดยมีมวลมลาอิกะห์แบกหีบนั้นอยู่
ระหว่างฟากฟ้าและแผ่นดิน พวกเหล่านั้นจะแหงนหน้าแลดูหีบดังกล่าว จนกระทั่งเหล่ามลาอิกะห์วางหีบลงตรงหน้าตอลู๊ต นั่นแหละพวกนั้นจึงยอมรับเอาตอลู๊ตเป็นแม่ทัพและต่างขมีขมันที่จะออกทำสงครามกันทุกคนไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ แต่ทว่าตอลู๊ตได้คัดเลือกเอาเด็กหนุ่มไว้เจ็ดหมื่นคนเท่านั้น แท้จริงการมีมาของหีบดังกล่าว
นั่นแหละ คือสัญญาณสำหรับพวกเจ้า หากว่าพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา
คำอ่าน
249. ฟะลัม..มาฟะเศาะละ ฏอลูตุ บิลญุนูดิ กอละอิน..นัลลอฮะ มุบตะลีกุม..บินะฮัรฺ, ฟะมัน..ชะริบะมินฮุ ฟะลัยสะมิน..นี วะมัลลัมยัฏอัมฮุ ฟะอิน..นะฮูมิน..นี..อิลลามะนิฆตะเราะฟะ ฆุรฟะตัม..บิยะดิฮฺ, ฟะชะริบูมินฮุ อิลลาเกาะลีลัม..มินฮุม ฟะลัม..มาญาวะซะฮุ ฮุวะวัลละซีนะอามะนูมะอะฮู กอลูลาฏอเกาะตะละนัลเยามะ บิญาลูตะวะญุนูดิฮฺ, กอลัลละซีนะยะซุน..นูนะ อัน..นะฮุม..มุลากุลลอฮิ กัม..มิน..ฟิอะติน..เกาะลีละติน เฆาะละบัตฟิอะตัน..กะษีเราะตัม..บิอิซนิลลาฮฺ, วัลลอฮุมะอัศศอบิรีน
คำแปล R1.
249. Then when
Talut
(Saul) set out with the army, He said: "Verily! Allah will try you by a river. So whoever drinks thereof, he is not of me, and whoever tastes it not, he is of me, except him who takes (thereof) in the hollow of his hand." Yet, they drank thereof, all, except a few of them. so when he had crossed it (the river), he and those who believed with him, they said: "We have no power this day against
Jalut
(Goliath) and his hosts." but those who knew with certainty that they were to meet their Lord, said: "How often a small group overcame a mighty host by Allah's Leave?" and Allah is with
As-Sabirin
(the patient ones, etc.).
คำแปล R2.
249. ต่อมาเมื่อฏอลูตได้นำไพร่พลเคลื่อนออกไป(จากบัยติลมักดิส)เขาก็ประกาศว่า “แท้จริงอัลเลาะฮฺจะทรงทดสอบพวกท่านทั้งหลาย ด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ซึ่งผู้ใดดื่มจากมัน เขาก็หาใช่พวกฉันไม่ แต่ผู้ใดไม่ดื่มมัน เขาก็เป็นพวกฉัน ยกเว้นบุคคลที่ใช้มือของเขาวักน้ำเพียงครั้งเดียว ครั้นแล้วพวกเขาก็ดื่มจากมัน ยกเว้นเพียงเล็กน้อยจากพวกเขาเท่านั้น(ที่ไม่ยอมดื่ม) ต่อมาเมื่อเขาและบรรดาผู้ศรัทธาที่มีอยู่พร้อมกับเขาเดินผ่านลำน้ำนั้น พวกเขาก็กล่าวว่า “ในวันนี้เราต่อสู้กับญาลูต และไพร่พลของเขาไม่ไหวอย่างแน่นอน” บรรดา(ศรัทธาชน)ที่มั่นใจว่าพวกเขาต้องได้พบกับอัลเลาะฮฺจึงกล่าวว่า “มีตั้งเท่าไรแล้ว กลุ่มชนที่มีเพียงเล็กน้อยสามารถพิชิตกลุ่มคนที่มากกว่าโดยอนุมัติของอัลเลาะฮฺ และอัลเลาะฮฺย่อมอยู่พร้อมกับบรรดาผู้อดทนทั้งหลาย
คำแปล R3.
249. และเมื่อฏอลูตได้เคลื่อนทัพออกไปพร้อมกับของทัพของเขา เขาก็ได้เตือนว่า “อัลลอฮฺกำลังจะทดลองพวกท่านด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ใครก็ตามที่ดื่มน้ำจากลำน้ำสายนี้เขาคนนั้นก็ไม่ใช่พวกพ้องฉัน คนที่เป็นพวกพ้องของฉันก็คือคนที่ไม่ดับกระหายด้วยน้ำจากลำน้ำสายนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตามเขาอาจจะจิบเพียงเล็กน้อยจากมือที่เขาวักขึ้นมาก็ได้” แต่ถึงแม้จะเตือนเช่นนี้แล้วก็ตาม พวกเขาเกือบทั้งหมดก็ยังดื่มมันยกเว้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อฏอลูตและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาได้ข้ามแม่น้ำและเคลื่อนไปข้างหน้า พวกเขาก็ได้กล่าวกับฏอลูตว่า “วันนี้เราไม่มีกำลังเหลือพอที่จะต่อสู้ญาลูตและไพร่พลของเขาได้ แต่บรรดาผู้ที่ศรัทธาว่าวันหนึ่งพวกเขาจะพบกับอัลลอฮฺได้ประกาศว่า “มีบ่อยไปที่คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมากได้ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺทรงอยู่กับผู้ที่อดทน
คำแปล R4.
249. ครั้นเมื่อฎอลูตได้นำกำลังทหารออกไป เขาได้กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺจะเป็นผู้ทดสอบพวกท่าน ด้วยแม่น้ำสายหนึ่ง ผู้ใดดื่มน้ำจากแม่น้ำนั้น เขาก็จะไม่ใช่พวกของฉัน และผู้ใดไม่ชิมมัน แท้จริงเขาเป็นพวกของฉัน นอกจากผู้วักน้ำด้วยมือของเขาอุ้งมือหนึ่งเท่านั้น แต่แล้วพวกเขาก็ดื่มน้ำกันจากแม่น้ำนั้น นอกจากส่วนน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น ครั้นเมื่อฎอลูตและบรรดาผู้ศรัทธาที่ร่วมอยู่กับเขาได้ข้ามแม่น้ำนั้นไป พวกเขาก็กล่าวว่า วันนี้พวกเราไม่มีกำลังใด ๆ จะต่อสู้กับญาลูตและไพร่พลของเขาได้ บรรดาผู้ที่เชื่อแน่ว่าพวกเขาจะพบกับอัลลอฮฺได้กล่าวว่า กี่มากน้อยแล้ว พวกน้อยเอาชนะพวกมากได้ ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์B และอัลลอฮฺนั้นทรงอยู่กับผู้อดทนทั้งหลาย
คำแปล R5.
๒๔๙.
ครั้นเมื่อตอลู๊ตได้ยกพลออกจาก
ไบตุ้ลมุก้อดดิสในขณะที่แดดร้อนระอุ ทหารทั้งหลายต่างร้องขอน้ำดื่มจากตอลู๊ต
เขา
(ตอลู๊ต)
จึงบอก
แก่พวกทหาร
ว่า แท้จริงอัลเลาะห์นั่นจะทรง
กระทำการคล้ายกับจะ
ทดลองพวกเจ้าด้วยแม่น้ำสายหนึ่ง
อยู่ในดินแดนระหว่างอัรดัน(จอร์แดน)กับปาเลสไตน์ ทั้ง ๆ ที่ทรงรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าใครคือผู้ประพฤติตนตามห้ามตามใช้ และใครคือผู้ทรยศ
ฉะนั้นผู้ใดดื่มน้ำ
ที่แม่น้ำ
นั้น เขาก็มิใช่คน
ที่ประพฤติตามคำสั่ง
ของข้า แต่ผู้ใดมิได้ลิ้มน้ำนั้นเลยก็ดี เพียงแต่ใครเอามือของตนวักน้ำขึ้นวักหนึ่งก็ดี ผู้นั้นก็เป็นคน
ที่ประพฤติตามคำสั่ง
ของข้าอย่างแน่นอน แต่
เมื่อได้พบแม่น้ำเข้าจริง
พวกนั้นต่างก็ดื่มกันเข้าไปเว้นไว้แต่เพียงบางคน
ประมาณได้กว่า ๓๐๐ คนเท่านั้น ที่จำกัดขนาดของการดื่มน้ำเพียงคนละหนึ่งวัก กับพอสำหรับสัตว์พาหนะอีกหนึ่งตัว
เมื่อเขา
(ตอลู๊ต)
กับบรรดาผู้ศรัทธาที่ร่วมทางไปกับเขาได้เดินทางผ่านยังแม่น้ำสายนั้นแล้ว พวก
ที่ดื่มน้ำเหล่า
นั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “วันนี้พวกเราไม่มีพลังจะสู้กับยาลู๊ตและทหารทั้งหลายของเขาเสียแล้ว”
พวกนั้นเกิดความหวาดกลัวจึงไม่กล้าข้ามผ่านแม่น้ำสายนั้นไปได้
บรรดา
ผู้ติดตามตอลู๊ต(โดยผ่านข้ามแม่น้ำไปแล้ว)
ซึ่งเชื่อแน่ว่าตนนั้นย่อมต้องประสบกับ
การสอบสวนของ
อัลเลาะห์
ในวันปรภพ
ก็เอ่ยขึ้นว่า “มากต่อมากแล้วที่ชนกลุ่มน้อยเอาชนะคนกลุ่มใหญ่ได้โดยความประสงค์ของอัลเลาะห์ เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นฝ่าย
สงเคราะห์และอารักขา
พวกที่อดทน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
«
ตอบกลับ #119 เมื่อ:
พ.ค. 11, 2010, 04:32 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 250 – 252
คำอ่าน
250. วะลัม..มาบะเราะซู ลิญาลูตะ วะญุนูดิฮี กอลูร็อบบะนา อัฟริฆอะลัยนาส็อบร็อว..วะษับบิตอักดามะนา วัน..ศุรฺนา อะลัลก็อวมิลกาฟิรีน
คำแปล R1.
250. And when they advanced to meet
Jalut
(Goliath) and his forces, they invoked: "Our Lord! Pour forth on us patience and make us victorious over the disbelieving people."
คำแปล R2.
250. และเมื่อพวกเขาได้ปรากฏตัว (เพื่อเปิดฉากต่อสู้) กับญาลูต และไพร่พลของเขาพวกนั้นก็วิงวอนว่า “โอ้องค์อภิบาลของเราขอได้โปรดหลั่งความอดทนลงให้พวกเราด้วยเถิด โปรดประทานความแน่นแฟ้นแก่เท้าของเราด้วยเถิด และโปรดช่วยเราให้มีชัยชนะแก่ชาวเนรคุณด้วยเถิด”
คำแปล R3.
250. และเมื่อพวกเขาดาหน้ากันออกมาสู้กับญาลูตและไพร่พลของเขา พวกเขาก็ได้วิงวอนว่า “พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้ทรงประทานความอดทนให้แก่เราและได้ทรงทำให้เรายืนหยัดได้อย่างมั่นคงและได้ทรงโปรดช่วยเราให้มีชัยเหนือพวกปฏิเสธด้วยเถิด”
คำแปล R4.
250. และเมื่อพวกเขาได้ออกไปประจัญหน้ากับญาลูต และไร่พลของเขาแล้ว พวกเขาก็กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของพวกข้าพระองค์โปรดทรงประทานความอดทนให้แก่พวกข้าพระองค์ด้วย เถิด และโปรดทรงให้มั่นคงซึ่งเท้าของข้าพระองค์ และโปรดทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้ชนะเหนือพวกปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
คำแปล R5.
๒๕๐.
และเมื่อพวก
(ทั้งตอลู๊ตและเหล่าทหาร)
นั้นได้เปิดฉากการสู้รบกับยาลู๊ตและเหล่าทหารของเขา
ประมาณพลได้หนึ่งแสนคน
แล้ว
ตอลู๊ตกับพลพรรคผู้ติดตามกว่า ๓๐๐ คนจึงจัดแถว
แล้วกล่าว
คำวิงวอนต่ออัลเลาะห์
ว่า โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอได้โปรดทุ่มเทความอดกลั้นไว้แก่บรรดาข้าพระองค์ ได้โปรดให้บรรดาข้าพระองค์มีความยืนหยัดอยู่มั่นคง
โดยให้เกิดมีพลังทางใจ
และได้โปรด
อำนวยชัย
ให้บรรดาข้าพระองค์ได้มีชัยชนะเหนือมวลชนฝ่ายกาฟิรด้วยเถิด
คำอ่าน
251. ฟะฮะซะมูฮุม..บิอิซนิลลาฮิ วะเกาะตะละดาวูดุ ญาลูตะ วะอาตาฮุลลอฮุลมุลกะ วัลหิกมะตะ วะอัลละมะฮู มิม..มายะชา..อ์ วะเลาลาดัฟอุลลอฮิน..นาสะ บะอฺเฎาะฮุม..มิม..บะอฺฎิลละฟะสะดะติลอัรฺฎุ วะลากิน..นัลลอฮะ ซูฟัฎลิน อะลัลอาละมีน
คำแปล R1.
251. So they routed them by Allah's leave and
Dawud
(David) killed
Jalut
(Goliath), and Allah gave him [Dawud (David)] the Kingdom [after the death of
Talut
(Saul) and Samuel] and
Al-Hikmah
(Prophethood), and taught him of that which He willed. And if Allah did not check one set of people by means of another, the earth would indeed be full of mischief. But Allah is full of Bounty to the
'Alamin
(mankind, jinns and All that exists).
คำแปล R2.
251. ครั้นแล้วพวกเขาก็ปราบพวกนั้น (ได้สำเร็จ) โดยอนุมัติของอัลเลาะฮฺ และดาวูดได้ฆ่าญาลูตตาย และอัลเลาะฮฺได้ทรงประทานอำนาจทางอาณาจักรและวิทยญาณแก่เขา และพระองค์ทรงสอนเขาบางสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ และมาดแม้นไม่เป็นเพราะอัลเลาะฮฺ ทรงป้องกันมนุษย์ไว้แก่กันและกันแล้วไซร้ แน่นอนที่สุดแผ่นดินก็ย่อมถึงซึ่งหายนะ แต่ทว่าอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานแก่บรรดาชาวโลกทั้งปวง
คำแปล R3.
251. ดังนั้นด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ พวกเขาก็สามารถปราบบรรดาผู้ปฏิเสธได้อย่างราบคาบและดาวูดก็ได้ฆ่าญาลูต และอัลลอฮฺก็ได้ทรงประทานตำแหน่งแห่งกษัตริย์และวิทยปัญญาให้แก่เขา และได้สอนเขาถึงสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงประสงค์ และถ้าอัลลอฮฺไม่ทรงป้องกันคนกลุ่มหนึ่งโดยคนอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว แผ่นดินก็จะเต็มไปด้วยความโกลาหลอย่างแน่นอน แต่อัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานแห่งสากลโลก (จึงขจัดความวุ่นวายด้วยวิธีนี้)
คำแปล R4.
251. แล้วพวกเขาก็ยังความปราชัยให้แก่พวกนั้น ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ และดาวูดได้ฆ่าญาลูตและอัลลอฮฺได้ทรงประทานอำนาจ และความรู้แก่เขา และทรงสอนเขาจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ และหากว่าอัลลอฮฺไม่ทรงป้องกันมนุษย์ ซึ่งบางส่วนของพวกเขาด้วยอีกบางส่วนแล้วไซร้ แน่นอนแผ่นดินก็ย่อมเสื่อมเสียไปแล้ว แต่ทว่าอัลลอฮฺนั้น ทรงเป็นผู้มีพระคุณแก่โลกทั้งหลาย
คำแปล R5.
๒๕๑.
ฝ่าย
(กองทัพตอลู๊ต)
หนึงจึงโจมตีอีกฝ่าย
(กองทัพยาลู๊ต)
หนึ่งแตกพ่ายได้โดยความประสงค์แห่งอัลเลาะห์ ดาวูด
ผู้อยู่ท่ามกลางทัพฝ่ายตอลู๊ตก็
ได้ฆ่ายาลู๊ตเสีย แล้วอัลเลาะห์จึงประทานอำนาจการปกครอง
พวกตระกูลอิสรออีล
และตำแหน่งศาสดาแก่เขา
(ดาวูด) หลังจากศาสดาซำวีลและตอลู๊ตได้ตายลงแล้ว ลำดับนั้นเป็นจ้นมา ดาวูดก็ได้รั้งตำแหน่งศาสดาและพระราชาควบคู่กัน ซึ่งไม่มีผู้ใดเคยได้รับตำแหน่งทั้งสองพร้อมกันมาก่อน
ทั้งยังได้ทรงสอนเขา
(ดาวูด)
ให้รู้สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์
เช่น รู้จักวิธีประดิษฐ์เสื้อเกราะ และรู้จักภาษานกเป็นต้น
และถ้าความคุ้มครองป้องกันแห่งอัลเลาะห์แก่มวลมนุษย์ส่วนหนึ่งต่ออีกส่วนหนึ่งหาไม่เสียแล้ว ผืนแผ่นดินย่อมพินาศแน่นอน
โดยที่มุอ์มินจะเป็นฝ่ายปราชัยและถูกเข่นฆ่า ทั้งมัสยิดทั้งหลายก็จะโดนทำลาย แต่ผลแห่งความจริงปรากฏว่าแผ่นพิภพกลับวิวัฒนาการดีขึ้น จึงแสดงให้เห็นชัดว่า อัลเลาะห์ยังทรงให้ความคุ้มครองป้องกันอยู่
แต่ทว่าอัลเลาะห์นั้นคือผู้ทรงความเอื้อเฟื้อ
แผ่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
อยู่เหนือมวลประชาชาติ
ด้วยทรงให้มนุษย์ส่วนหนึ่งคุ้มกันอีกส่วนหนึ่งไว้
คำอ่าน
252. ติลกะอายาตุลลอฮิ นัตลูฮา อะลัยกะบิลหักกฺ, วะอิน..นะละกะมินัลมุรฺสะลีน
คำแปล R1.
252. These are the Verses of Allah, we recite them to you (O Muhammad) in truth, and surely, you are one of the Messengers (of Allah).
คำแปล R2.
252. นั้นเป็นโองการแห่งอัลเลาะฮฺ ซึ่งเราแถลงมันแก่เจ้าโดยสัจจะ และแท้จริงเจ้านั้น เป็นหนึ่งจากบรรดาที่ถูกตั้งเป็นศาสนทูต
คำแปล R3.
252. เหล่านี้คืออายะฮฺต่าง ๆ ของอัลลอฮฺที่เรากำลังนำมายังสูเจ้าด้วยความจริง และแน่นอน เจ้าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้ถูกส่งมา(เป็นรอซูล)
คำแปล R4.
252. นั้นแหละคือบรรดาโองการของอัลลอฮฺซึ่งเราอ่านโองการเหล่านั้นให้เจ้าฟังด้วย ความจริง และแท้จริงเจ้านั้นเป็นผู้หนึ่งในบรรดาร่อซูลทั้งหลาย
คำแปล R5.
๒๕๒. โอ้ มูฮำมัด บรรดาโองการตั้งแต่ ๒๔๔
นั้นแหละคือโองการแห่งอัลเลาะห์ อันเรา
(อัลเลาะห์)
ได้อ่านให้เจ้าฟังด้วยความสัจจริง และแน่แท้เจ้าก็เป็นคนหนึ่งในบรรดาศาสนทูต
(รอซูล) ทั้งนี้เนื่องมาจากเจ้ามามารถสาธยายประวัติศาสตร์ในยุคก่อน ๆ ได้อย่างเจนใจ ทั้ง ๆ ที่ตัวเจ้าก็เป็นคนไม่รู้การหนังสือ ไม่เคยได้ยินใครบอกประวัติดังกล่าวให้เจ้าได้รู้ ที่เจ้ามามารถสาธยายโบราณคดีได้เช่นนี้บอกชัดว่าเจ้าคือคนหนึ่งที่ถูกแต่งให้มาเป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์
(จบญุซที่ 2)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า:
1
...
6
7
[
8
]
9
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
GoogleTagged
ผัง
ฟัง
8evjko
62922401
65058239
อัล
ดุอา
48572450
55819444
ประทาน
ทะนาน
บทที่
อะลีฟ
อลีฟล
68235269
service
smf
๒๒๙
ฮา
deaf