ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)  (อ่าน 25223 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ก.พ. 02, 2010, 09:59 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 58-59

 

คำอ่าน

58 .วะอิซกุลนัดคุลู ฮาซิฮิลก็อรฺยะตะ ฟะกุลูมินฮา หัยษุชิอุ์ตุม เราะเฆาะเดา..วัดคุลุลบาบะ สุจญะดา, วะกูลูหิฏเฏาะตุน..นัฆฟิรฺละกุม เคาะฏอยากุม, วะสะนะซีดุลมุหฺสินีน

คำแปล R1.
58. And (remember) when We said: "Enter This town (Jerusalem) and eat bountifully therein with pleasure and delight wherever you wish, and enter the gate in prostration (or bowing with humility) and say: 'Forgive us,' and we shall forgive you your sins and shall increase (reward) for the good-doers."

คำแปล R2.
58. และเมื่อครั้งที่เราได้ตรัส(แก่บรรพบุรุษของพวกยิวในยุคก่อน ๆ )ว่า เจ้าทั้งหลายจงเข้าไปในหมู่บ้าน(บัยตุลมักดิส)นี้เถิด และจงรับประทานจาก(สิ่งที่มีอยู่ใน)นั้นโดยอุดมสมบูรณ์ตามแต่พวกเจ้าพึงปรารถนาและพวกเจ้าจงเข้าประตูโดยอาการอันนอบน้อมเถิด และพวกเจ้าจงกล่าว(วอนขอ)เถิดว่า ขอให้ลบล้าง(ความผิดต่าง ๆ ของเราด้วยเถิด) แล้วเราก็ให้อภัยบรรดาความผิดต่าง ๆ แก่พวกเจ้า และเราจะเพิ่มพูน(ความดี)แก่บรรดาผู้มีคุณธรรมทั้งหลายยิ่งขึ้นไป

คำแปล R3.
58. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้กล่าวว่า “จงเข้าไปยังเมืองนี้ และจงกินจากสิ่งที่มีอยู่ในเมืองตามที่สูเจ้าต้องการ แต่จงเข้าประตูไปอย่างนอบน้อมและจงกล่าวคำ ฮิตเตาะตุน แล้วเราจะอภัยความผิดของสูเจ้า และเราจะเพิ่มพูนรางวัลแก่ผู้ประกอบความดี

คำแปล R4.
58. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงเข้าไปในเมืองนี้  แล้วจงบริโภคจากเมืองนั้นอย่างกว้างขวาง ณ ที่ที่พวกเจ้าปรารถนา และจงเข้าประตูนั้น ไปในสภาพผู้โน้มศีรษะลงด้วยความนอบน้อม และจงกล่าวว่า “ٍฮิฏเฏาะฮฺ” เราก็จะอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าซึ่งบรรดาความผิดของพวกเจ้า และเราจะเพิ่มพูนแก่บรรดาผู้กระทำความดี

คำแปล R5.

๕๘. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต ในเวลาที่เรากล่าวหลังจากบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกจากทะเลทรายตัยฮ์เมื่ออยู่ครบ ๔๐ ปีว่า พวกเจ้าจงเข้าไปในตำบลนี้(ไบตุลมูกอดดิส)แล้วพวกเจ้าจงบริโภคสิ่งต่าง ๆ ที่นั่นตามใจชอบอย่างไม่หวงห้าม
และพวกเจ้าจงเข้าทางประตูซึ่งมีนามว่า “ฮิตเตาะฮ์” อย่างแสดงความเคารพด้วยการก้มศีรษะ และจงกล่าวว่า “คำขอของพวกเราคือคำว่า ฮิตเตาะฮ์(ขอพระองค์ได้โปรดอภัยโทษแก่พวกเราด้วยเถิด)” เราก็จะยกโทษให้บรรพบุรุษของพวกเจ้า
และต่อไปเราจะทวีผลบุญให้แก่พวกทำความดีด้วยการปฏิบัติตามใช้


   

คำอ่าน

59. ฟะบัดดะลัลละซีนะเซาะละมู ก็อวฺลันฆ็อยร็อลละซี กีละละฮุม ฟะอัน..ซัลนา อะลัลละซีนะเซาะละมู ริจญซัม..มินัสสะมา..อิ บิมากานูยัฟสุกูน

คำแปล R1.

59. But those who did wrong changed the word from that which had been told to them for another, so We sent upon the wrong-doers Rijz (a punishment) from the heaven because of their rebelling against Allah's obedience. (Tafsir At-Tabari).

คำแปล R2.
59. แต่แล้วบรรดาผู้ฉ้อฉลทั้งหลาย ก็ได้เปลี่ยนแปลงถ้อยคำอันมิใช่ถ้อยคำที่ถูกประกาศแก่พวกเขา(โดยนบีมูซาให้กล่าวถ้อยคำดังกล่าวแล้ว แทนถ้อยคำนั้น พวกเหล่านี้ก็ใช้คำหยาบคาย และแทนที่จะกราบกรานเข้า พวกเขาก็กระเถิบกันเข้าไป) ดังนั้นเราจึงส่ง(โรคระบาด)ลงมาจากฟากฟ้า(เพื่อ)การลงโทษแก่บรรดาผู้ฉ้อฉลทั้งมวล เพราะความชั่วร้ายของพวกเขาเอง

คำแปล R3.
59. แต่บรรดาผู้อธรรมได้เปลี่ยนถ้อยคำที่ถูกกล่าวแก่เขาให้เป็นอย่างอื่น ดังนั้นเราจึงได้ส่งการลงโทษจากเบื้องบนมายังบรรดาผู้อธรรม ทั้งนี้เนื่องมาจากการที่พวกเขาฝ่าฝืน

คำแปล R4.
59. แล้วบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้น ได้เปลี่ยนเอาคำพูดหนึ่งซึ่งมิใช่คำพูดที่ถูกกล่าวแก่พวกเขา เราจึงได้ให้การลงโทษจากฟากฟ้าลงมาแก่บรรดาผู้อธรรมเหล่านั้น เนื่องจากการที่พวกเขาละเมิด

คำแปล R5.

๕๙. บรรดาผู้ไม่ซื่อสัตย์ได้เปลี่ยนคำพูดให้เป็นอื่นจากคำที่ถูกมูซาสอนให้ พวกนั้นได้พูดคำไม่สุภาพแทนคำว่า “ฮิตเตาะฮ์” แล้วใช้ก้นกระเถิบเข้าไปแทนการแสดงคารวะเป็นการเหยียดหยาม แล้วเราได้ให้โรคตออูนจากฟ้าลงแก่พวกที่ไม่ซื่อสัตย์ตายไปประมาณเจ็ดหมื่นคนในชั่วเวลาเพียงเล็กน้อยฐานที่พวกนั้นทรยศ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 16, 2012, 09:27 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ก.พ. 02, 2010, 10:07 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 60

 

คำอ่าน
60. วะอิซิสตัสกอมูสา ลิก็อวฺมิฮี ฟะกุลนัฎริบ บิอะศอกัลหะญัรฺ, ฟัน..ฟะญะร็อตมินฮุษนะตา อัชเราะตะอัยนา, ก็อดอะลิมะกุลลุอุนาสิม..มัชเราะบะฮุม, กุลู วัชเราะบู มิรฺริซกิลลาฮฺ วะลาตะอฺเษาฟิลอัรฎิมุฟสิดีน

คำแปล R1.
60. And (remember) when Musa (Moses) asked for water for his people, We said: "Strike the stone with your stick. "Then gushed forth therefrom twelve springs. Each (group of) people knew its own place for water. "Eat and drink of that which Allah has provided and do not act corruptly, making mischief on the earth."

คำแปล R2.
60. และเมื่อมูซาได้ขอน้ำให้แก่หมู่คณะของเขา(ในยามที่พวกเขาประสบกับภาวะแห้งแล้ง ท่ามกลางทะเลทรายตีฮ์)เราจึงตรัสแก่เขาว่า เจ้าจงใช้ไม้เท้าของเจ้าฟาดลงไปที่หินเถิด(เมื่อนบีมูซาฟาดไปตามคำสั่งนั้น)พลันก็มีตาน้ำแตกออกมาจากนั้นถึงสิบสองสาย มนุษย์ทุกคนต่างก็รู้ที่ดื่มของตนเอง(ต่างคนต่างเข้าคิวแยกย้ายไปตามสายต่าง ๆ ทั่วทุกตัวคน)เจ้าทั้งหลายจงรับประทานและจงดื่มเถิด จากโชคผลแห่งอัลเลาะฮฺ(ที่ได้ประทานนี้) แต่พวกเจ้าอย่าได้ประกอบความชั่วร้ายใด ๆ แบบบ่อนทำลายในพื้นพิภพนี้

คำแปล R3.
60. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาได้ขอน้ำดื่มเพื่อประชาชนของเขา แล้วเราได้กล่าวว่า “จงเอาไม้เท้าของเจ้าฟาดหินก้อนนั้น” ซึ่งทำให้มีน้ำพุพุ่งออกมาจากมันสิบสองตา ดังนั้น ผู้คนจากทุกเผ่าจึงได้รู้ถึงแหล่งน้ำดื่มของพวกเขา(แล้วพวกเขาได้ถูกสั่งว่า) “จงกินและจงดื่มจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้ประทานให้ และจงอย่าเป็นผู้ก่อการเสียหายขึ้นบนหน้าแผ่นดิน”

คำแปล R4.
60. และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้ขอน้ำให้แก่กลุ่มชนของพวกเขา แล้วเราได้กล่าวว่า เจ้าจงตีหินด้วยไม่เท้าของเจ้าแล้วตาน้ำสิบสองตา ก็พุ่งออกจากหินนั้น แน่นอนกลุ่มชนแต่ละกลุ่มย่อมรู้แหล่งน้ำดื่มของตน พวกเจ้าจงกินและจงดื่มจากปัจจัยยังชีพของอัลลอฮ์ และจงอย่าก่อกวนในผืนแผ่นดิน ในฐานะผู้บ่อนทำลาย

คำแปล R5.
๖๐. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต ในเวลาที่มูซาได้วอนขอน้ำให้แก่พวกทหารของเขาซึ่งมีจำนวนหกแสนคน ซึ่งต่างหิวกระหายอยู่ที่ทะเลทรายตัยฮ์ เราได้กล่าวว่า โอ้มูซา เจ้าจงเอาไม้เท้าของเจ้าฟาดลงกับหิน น้ำก็จะไหลพุ่งขึ้นมา ไหลไปตามลำธาร ๑๒ สาย ไปสู่ ๑๒ พวก
แน่แท้ทุก ๆ พวกก็ย่อมรู้ลำธารของพวกตน และไม่ใช้น้ำจากลำธารของพวกอื่น เรา(อัลเลาะห์) ได้บอกแก่พวกนั้นว่า พวกเจ้าจงกินน้ำตาลฟ้าและนกซัลวา และจงดื่มน้ำจากลำธาร และพวกเจ้าอย่ากระทำความเสื่อมเสีย(บาป)ในหน้าแผ่นดิน


วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 16, 2012, 09:28 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ก.พ. 03, 2010, 11:32 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 61



คำอ่าน

61. วะอิซกุลตุมยามูสาลัน..นัศบิเราะอะลาเฏาะอามิว..วาหิดิน..ฟัดอุละนาร็อบบะกะยุคญริจละนามิม..มาตุม..บิตุลอัรฺฎุ มิม..บักลิฮา วะกิษษา...อิฮา วะฟูมิฮา วะอะดะสิฮา วะบะเศาะลิฮา, กอละอะตัสตับดิลูนัลละซีฮุวะอัดนาบิลละซีฮุวะค็อยรฺ, อิฮฺบิฏูมิศรอน..ฟะอิน..นะละกุม..มาสะอัลตุม, วะฎุริบัตอะลัยฮิมุซซิลละตุ วัลมัสกะนะฮฺ, วะบา..อูบิเฆาะเฎาะบิม..มินัลลอฮฺ, ซาลิกะบิอัน..นะฮุมกานูยักฟุรูนะบิอายาติลลาฮิวะยักตุลูนัน..นะบียีนะบิฆ็อยริหักกฺ, ซาลิกะบิมาอะศ็อวฺวะกานูยะอฺตะดูน

คำแปล R1.
61. And (remember) when you said, "O Musa (Moses)! We cannot endure one kind of food. So invoke your Lord for us to bring forth for us of what the earth grows, its herbs, its cucumbers, its Fum (wheat or garlic), its lentils and its onions." He said, "Would you exchange that which is better for that which is lower? Go you down to any town and you shall find what you want!" And they were covered with humiliation and misery, and they drew on themselves the Wrath of Allah. That was because they used to disbelieve the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah and killed the Prophets wrongfully. That was because they disobeyed and used to transgress the bounds (in their disobedience to Allah, i.e. commit crimes and sins).

คำแปล R2.
61. และเมื่อครั้ง(บรรพบุรุษของ)พวกเจ้าได้กล่าวว่า โอ้มูซาเอ๋ย ! เราไม่อาจทนอยู่กับ(การรับประทาน)อาหารเพียงอย่างเดียวได้(อีกต่อไปแล้ว) ดังนั้นขอท่านได้โปรดวอนขอต่อองค์อภิบาลของท่านแด่พวกเรา ให้พระองค์ทรงผลิผลแก่พวกเราจากพืชพันธุ์ที่แผ่นดินงอกเงยไว้ อาทิ ฟัก แตงกวา ข้าวสาลี ถั่วอะดัสและหัวหอม (แทนอาหารมันน์และซัลวาดังกล่าวแล้ว)เขากล่าว(ตอบแก่พวกนั้น)ว่า พวกท่านจะขอแลกเปลี่ยนสิ่งที่เลวกว่า กับสิ่งที่ดีกว่ากระนั้นหรือ? (แต่พวกนั้นก็ยังยืนกรานจะขอเปลี่ยนอาหารดังที่ตั้งปณิธานไว้ ท่านจึงขอต่ออัลเลาะฮฺ และพระองค์ทรงตรัสว่า) พวกเจ้าทั้งหลายจงล่องไปทางเมืองหนึ่ง (ที่อุดมสมบูรณ์)ซิ เพราะว่าจะมีสิ่งที่พวกเจ้าขอ(ในเมืองนั้นอย่างครบครัน) และพวกเหล่านั้นถูกแวดล้อมด้วยความอัปยศและความจนยาก และพวกเขาต้องคืนกลับมาด้วยความกริ้วโกรธจากอัลเลาะฮฺอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้ปฏิเสธในบรรดาโองการแห่งอัลเลาะฮฺ และพวกเขายังฆ่าบรรดาศาสดา(เป็นจำนวนถึง 70 คน) โดยไม่เป็นธรรม นั่นเป็นเพราะความทรยศของพวกเขาเอง และพวกเขาได้ล่วงละเมิด(ต่อบทบัญญัติของอัลเลาะฮฺเจ้า)

คำแปล R3.
61. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้ากล่าวว่า “มูซาเอ๋ย เราไม่สามารถทนต่ออาหารอย่างเดียวได้ ดังนั้นจงร้องขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้นำผลผลิตที่งอกเงยออกจากพื้นดิน คือ พืชผัก แตงกวา กระเทียม ถั่วและหัวหอมมาให้แก่เราหน่อย “ มูซาก็ได้กล่าวตอบว่า “พวกท่านต้องการเปลี่ยนเอาสิ่งที่เลวกว่าแทนที่สิ่งที่ดีกว่ากระนั้นหรือ ?” ถ้าเช่นนั้นจงไปอยู่ในเมืองและพวกท่านจะได้สิ่งที่พวกท่านต้องการที่นั่น” หลังจากนั้นพวกเขาตกต่ำจนต้องถูกอัปยศและความขัดสนฟาดกระหน่ำและได้รับความกริ้วจากอัลลอฮฺ นั่นเป็นเพราะเขาปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺ และฆ่านบีบางคนโดยปราศจากสาเหตุที่ยุติธรรม นั่นเป็นเพราะพวกเขาดื้อดึงและพวกเขาละเมิด

คำแปล R4.
61. และจงรำลึกถึงขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า โอ้มูซา ! เราไม่สามารถจะอดทนต่ออาหารชนิดเดียว อีกต่อไปได้ ดังนั้นจงวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้แก่เราเถิด พระองค์จะทรงให้ออกมาแก่เราจากสิ่งที่แผ่นดินให้งอกเงยขึ้น อันได้แก่พืชผัก แตงกวา กระเทียม ถั่ว และหัวหอม มูซาได้กล่าวว่าพวกท่านจะขอเปลี่ยนเอาสิ่งที่มันเลวกว่า ดัวยสิ่งที่มันดีกว่ากระนั้นหรือ? พวกท่านจงลงไปอยู่ในเมืองเถิด  แล้วสิ่งที่พวกท่านขอก็จะเป็นของพวกท่าน และความอัปยศ และความขัดสนก็ถูกกระหน่ำลงบนพวกเขา  และพวกเขาได้นำเอาความกริ้วโกรธจากอัลลอฮ์กลับไป  นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเคยปฏิเสธสัญญาณต่างๆ ของอัลลอฮ์  และยังฆ่าบรรดานะบี โดยปราศจากความเป็นธรรม นั่นก็เนื่องจากความดื้อดันของพวกเขา และพวกเขาจึงได้กลายเป็นผู้ละเมิดขอบเขต

คำแปล R5.
๖๑. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต ในเวลาที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าได้พูดแก่มูซาว่า โอ้มูซา พวกเราทนไม่ได้ที่จะกินอาหารเพียงอย่างเดียว ท่านจงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านเพื่อพวกเราให้พระองค์บังเกิดสิ่งต่าง ๆ บนแผ่นดินให้งอกงามขึ้นมา เช่น ฟัก แตงกวา ข้าวสาลี ถั่วอะดัซ และหัวหอม มูซาได้ตอบแก่พวกนั้นว่า ไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกเจ้าจะเอาสิ่งที่ดีไปแลกกับสิ่งที่เลว พวกนั้นก็ดื้อดึงไม่กลับใจ มูซาก็ขอต่ออัลเลาะห์ อัลเลาะห์ตรัสว่า “พวกเจ้าจงไปอาศัยอยู่ในประเทศใหญ่ ที่อุดมสมบูรณ์ ซิแล้วสิ่งที่พวกเจ้าต้องการนั้นคงได้เป็นแน่ และความเลวและความตกยากจะต้องตกอยู่กับพวกนั้น ประดุจดัวลายพิมพ์ติดอยู่กับเหรียญ ถึงแม้พวกนั้นจะมั่งมีก็ตาม ทั้งพวกนั้นจะต้องถูกตำหนิในภพนี้ และจะถูกลงโทษทรมานจากอัลเลาะห์ในภพหน้า ความเลวก็ดี ความตกยากก็ดี และความโกรธกริ้วจากอัลเลาะห์ก็ดี นี่แหละเป็นเพราะพวกนั้นไม่เชื่อลักษณะของมูฮำหมัดและบทศาสนบัญญติ (หุก่ม) เช่นบัญญัติว่าด้วยเรื่องลงโทษขว้างคนทำซีนา (ผิดประเวณี)ด้วยหิน และพวกนั้นยังฆ่าบรรดานบี 70 องค์อย่างไม่เป็นธรรม เพราะความหลงใหลในโลกีย์และตามกิเลส นี่แหละเป็นเหตุให้พวกนั้นทรยศ และประพฤตินอกขอบเขต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 16, 2012, 09:28 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ก.พ. 03, 2010, 11:49 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 62



คำอ่าน
62. อิน..นัลละซีนะอามะนู วัลละซีนะฮาดู วัน..นะศอรอ วัศศอบิอีนนะ มันอามะนะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิริ วะอะมิละศอลิหัน..ฟะละฮุมอัจญรุฮุมอิน..ดะร็อบบิฮิม วะลาค็อวฟุนอะลัยฮิม วะลาฮุมยะหฺซะนูน

คำแปล R1.
62. Verily! those who believe and those who are Jews and Christians, and Sabians, whoever believes in Allah and the Last Day and do righteous good deeds shall have their reward with their Lord, on them shall be no fear, nor shall they grieve .

คำแปล R2.
62. แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธา(ตามบทบัญญัติของอัลเลาะฮฺทุกประการ) บรรดาผู้นับถือศาสนายะฮูดี บรรดาผู้นับถือศาสนาคริสต์ และบรรดาผู้นับถือ มลาอิกะฮฺ หรือดวงดาว เป็นพระเจ้านั้น บุคคลใดก็ตามที่มีศรัทธามั่นในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้าย และเขาหมั่นประพฤติแต่ความดีงาม(ตามที่มีในบัญญัติของอัลเลาะฮฺ ที่ผ่าน นบีมุฮำมัดด้วยความเลื่อมใส และละทิ้งความชั่วดั้งเดิม)แน่นอนพวกเขาเหล่านั้นย่อมได้รับรางวัล ณ องค์อภิบาลแห่งพวกเขา พวกเขาจะไม่ประสบกับความน่ากลัวใด ๆ ทั้งสิ้น และพวกเขาจะไม่มีความเศร้าโศกเลย
 
คำแปล R3.
62. จงแน่ใจได้เลยว่าใครก็ตามในหมู่ผู้ศรัทธา ยิว คริสเตียนหรือซอบิอีน ที่เชื่อในอัลลอฮฺและวันสุดท้ายและประกอบการดี พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา และเขาจะไม่มีสาเหตุที่ต้องกลัว และพวกเขาจะไม่ระทม

คำแปล R4.
62. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียน และอัซ-ซอบิอีน  ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก และประกอบสิ่งที่ดีแล้ว พวกเขาก็จะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ

คำแปล R5.

๖๒. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาต่อนบีทุก ๆ องค์ก่อนจากนบีมูฮำมัดก็ดี บรรดาผู้เป็นยะฮูดี(ยิว)ก็ดี บรรดานะซอรอก็ดี และพวกซอบิอะห์ (พวกที่กราบไหว้มลาอีกะห์หรือดวงดาวต่าง ๆ )ก็ดี คนใดในสมัยมูฮำมัดศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันหน้า และปฏิบัติที่ชอบตามศาสนบัญญัติของมูฮำมัด พวกนั้นอัลเลาะห์ย่อมให้เป็นบุญกุศลเป็นการตอบแทน และไม่มีการหวาดกลัวที่พวกนั้น เหมือนอย่างที่พวกกาฟิรกลัวการลงโทษ ทั้งยังไม่มีความโศกเศร้า เหมือนกับพวกที่มีอายุอยู่ในโลกนี้อย่างไม่ทำการดีอันจะได้รับกุศลต้องเศร้าโศกกันอีกด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 16, 2012, 09:29 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ก.พ. 04, 2010, 12:13 AM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 63-64



คำอ่าน
63. วะอิซอะค็อซนามีษาเกาะกุม วะเราะฟะอฺนาเฟาเกาะกุมุฏฏูรฺ, คุซูมา..อาตัยนากุม..บิกูวะติว..วัซกุรูมาฟีฮิ ละอัลละกุมตัตตะกูน

คำแปล R1.
63. And (O Children of Israel, remember) when we took your covenant and we raised above you the Mount (saying): "Hold fast to that which we have given you, and remember that which is therein so that you may become Al-Muttaqun

คำแปล R2.
63. และเมื่อครั้งที่เราได้เอาสัญญา(กับบรรพบุรุษของ)พวกเจ้าทั้งหลาย และเราได้ยกภูเขาฏูร(ซีนา)ขึ้นเหนือพวกเจ้า(พร้อมกับมีบัญชาแก่พวกเขาว่า)พวกเจ้าจงยึดเอาสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเจ้าโดยเข้มแข็งเถิด (สิ่งนั้นคือคัมภีร์กุรฺอาน) และพวกเจ้าจงระลึกถึงสิ่งที่มีอยู่ในนั้น (อันได้แก่บทบัญญัตินานาประการ)เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้เกิดความยำเกรง(ต่ออัลเลาะฮฺโดยแท้จริง)

คำแปล R3.
63. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำสัญญากับสูเจ้าและเราได้ยกตูรฺขึ้นเหนือสูเจ้าและกล่าวว่า “จงยึดมั่นต่อสิ่งที่เราได้ประทานต่อสูเจ้า และจงรำลึกถึง(หลักธรรมคำสอน)ที่อยู่ในนั้นเพื่อที่สูเจ้าจะได้สำรวมตนจากความชั่ว

คำแปล R4.
63. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้เอาคำมั่นสัญญาจากพวกเจ้า และเราได้ยกภูเขาขึ้นเหนือพวกเจ้า จงยึดถือสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเจ้าด้วยความเข้มแข็ง และจงรำลึกถึงสิ่งที่มีอยู่ในนั้น หวังว่าพวกเจ้าจะเกรงกลัว

คำแปล R5.
๖๓. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต ในเวลาที่เอาสัญญากับบรรพบุรุษของพวกเจ้า และเราได้ยกภูเขาขึ้นเหนือ บรรพบุรุษของพวกเจ้า แล้วกล่าวว่า พวกเจ้าจงยึดเอาสิ่งที่เราให้พวกเจ้าโดย ถือปฏิบัติให้ขยันขันแข็ง และพวกเจ้าจงท่องให้ขึนใจ และตรึกตรองสิ่งที่มีอยู่ในนั้นด้วยการปฏิบัติอย่างครบถ้วน เพื่อว่าพวกเจ้าจะกลัวนรกและบาป



คำอ่าน
64. ษุม..มะตะวัลลัยตุม..มิม..บะอฺดิซาลิกะ ฟะเลาลาฟัฎลุลลอฮิ อะลัยกุมวะเราะมะตุฮู ละกุนตุม..มินัลคอสิรีน

คำแปล R1.
64. Then after that you turned away. Had it not been for the Grace and Mercy of Allah upon you, indeed you would have been among the losers.

คำแปล R2.
64. แต่แล้วต่อมา พวกเจ้าทั้งหลายก็บิดเบือน(สัญญาดังกล่าว) ภายหลังจากนั้น ซึ่งมาดแม้นปราศจากความโปรดปราน และเมตตาของอัลเลาะฮฺ ที่มีอยู่กับพวกเจ้าแล้วไซร้ แน่นอนที่สุดพวกเจ้าก็ต้องเป็นหนึ่งจากมวลชนที่ขาดทุน(ทั้งชีวิตในโลกนี้และโลกหน้า)

คำแปล R3.
64. แต่แม้หลังจากนั้นพวกเจ้าจะละทิ้งสัญญาก็ตาม หากมิใช่ความโปรดปรานและความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อสูเจ้าแล้ว สูเจ้าจะต้องอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน

คำแปล R4.
64. แล้วหลังจากนั้น พวกเจ้าก็ผินหลังให้ หากอัลลอฮ์ไม่ทรงโปรดปราน และกรุณาเมตตาแก่พวกเจ้าแล้ว แน่นอนพวกเจ้าย่อมกลายเป็นพวกที่ขาดทุน

คำแปล R5.
๖๔. ครั้นแล้วบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้บิดเบือนสัญญานั้นภายหลังจากรับคำแล้ว ถ้าไม่มีความโปรดปรานของอัลเลาะห์แก่พวกเจ้าและไม่มีความเมตตาของพระองค์ ให้พวกเจ้าด้วยการเปิดโอกาสให้สารภาพผิดต่อพระองค์ หรือประวิงการลงโทษไปจนถึงวันอาคีเราะห์แล้วไซร้ พวกเจ้าจะต้องเป็นพวกที่เสียหายแน่แท้

วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 16, 2012, 09:30 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ก.พ. 04, 2010, 09:12 PM »
0
 salam

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 65-66
 

   
คำอ่าน
65. วะละก็อดอะลิมตุมุลละซีนะอฺตะเดามิน..กุมฟิสสับติ ฟะกุลนาละฮุม กูนูกิเราะดะตันคอสิอีน

คำแปล R1.
65. And indeed you knew those amongst you who transgressed in the matter of the Sabbath (i.e. Saturday). We said to them: "Be you monkeys, despised and rejected."

คำแปล R2.
65. ขอสาบาน แท้จริงพวกเจ้าก็รู้ได้ดีถึงบรรดาผู้ล่วงละเมิด(ข้อห้ามมิให้จับปลา)ในวันเสาร์จากพวกเจ้าทั้งหลาย ดังนั้นเราจึงตรัสแก่พวก(ที่ละเมิด)เหล่านั้นว่า “พวกเจ้าจงเป็นลิงที่มีความอัปยศเถิด”

คำแปล R3.
65. และพวกสูเจ้าก็รู้ดีถึงเรื่องราวของผู้คนในหมู่สูเจ้าที่ละเมิดสับบะโต เราจึงได้กล่าวแก่พวกเขาเหล่านั้นว่า “จงเป็นลิงที่ถูกรังเกียจ”

คำแปล R4.

65. และแน่นอนพวกเจ้ารู้กันแล้วถึงบรรดาผู้ที่อยู่ในพวกของเจ้าที่ได้ละเมิดใน วันสับบาโต แล้วเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงเป็นลิงที่ถูกขับไล่ให้ห่างไกล

คำแปล R5
.
๖๕. และข้า(อัลเลาะห์)ขอยืนยันว่า บรรพบุรุษของพวกเจ้ารู้จักพวกที่ฝ่าฝืนข้อห้ามทำการประมงในวันเสาร์ และเราได้กล่าวแก่พวกที่ฝ่าฝืนนั้นว่า พวกเจ้าจงเป็นลิงอย่างต้องถูกขจัดออกห่างจากความโปรดปรานและยกย่อง จากเรา หลังจากนั้น ๓ วัน พวกนั้นก็ตายหมดสิ้น


 

คำอ่าน
66. ฟะญะอัลนาฮานะกาลัลลิมาบัยนะยะดัยฮา วะมาค็อลฟะฮา วะเมาอิเซาะตัลลิลมุตตะกีน

คำแปล R1.
66. So we made this punishment an example to their own and to succeeding generations and a lesson to those who are Al-Muttaqun

คำแปล R2.
66. แล้วเราก็ดลบันดาลมัน(การลงโทษดังกล่าวนั้น)ให้เป็นข้อเตือนใจในสมัยของมัน และสมัยหลังจากมัน (สมัยต่อมา) และให้เป็นคำเตือนสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง

คำแปล R3.
66. ดังนั้น เราได้ทำให้จุดจบของพวกเขา เป็นการเตือนแก่บรรดาผู้คนในเวลานั้นและแก่คนรุ่นหลัง และเป็นข้อตักเตือนสำหรับผู้ที่สำรวมตนจากความชั่ว

คำแปล R4.
66. แล้วเราได้ให้การลงโทษนั้นเป็นเยี่ยงอย่างแก่ประชาชาติที่อยู่เบื้องหน้ามัน และประชาชาติที่อยู่เบื้องหลังมัน และให้เป็นข้อเตือนสติแก่ผู้เกรงกลัวทั้งหลาย

คำแปล R5.
๖๖. เราให้การทรมานเป็นคติแก่คนในสมัยนั้นและในสมัยต่อมาจนกระทั่งถึงวันกิยามะห์(วันสิ้นโลก)มิให้กระทำเหมือนพวกนั้นโดยเกรงกลัวการกระทำดังกล่าว และเป็นบทเรียนสำหรับพวกมุตตะกีน(พวกเกรงกลัว)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 16, 2012, 09:30 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ก.พ. 04, 2010, 09:41 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 67-71



คำอ่าน
67. วะอิซกอละมูสาลิก็อวฺมิฮี..อิน..นัลลอฮะยะอุ์มุรุกุมอัน..ตัซบะหูบะเกาะเราะฮฺ, กอลู..อะตัตตะคิซุนาฮุซุวา, กอละอะอูซุบิลลาฮิ อันอะกูนะมินัลญาฮิลีน

คำแปล R1.
67. And (remember) when Musa (Moses) said to his people: "Verily, Allah commands you that you slaughter a cow." they said, "Do you make fun of us?" He said, "I take Allah's Refuge from being among Al-Jahilun (the ignorant or the foolish)."

คำแปล R2.
67. และเมื่อครั้งที่มูซาได้ประกาศแก่หมู่คณะของเขาว่า “แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงมีบัญชาแก่ท่านทั้งหลายให้ทำการเชือดวัวตัวหนึ่ง (เพื่อเป็นสื่อนำให้รู้ตัวฆาตกรที่ลอบฆ่าชายผู้หนึ่งตาย) พวกเขาก็กล่าวว่า “ท่านจะล้อพวกเราเล่นกระนั้นหรือ?” เขาจึงกล่าวตอบว่า “ข้าขอคุ้มครองต่ออัลเลาะฮฺ ต่อการที่ข้าจะเป็นหนึ่งจากกลุ่มชนที่โง่เขลา!” (กล่าวคือ คำบัญชาดังกล่าวนั้นมิใช่เป็นเรื่องล้อเล่นแบบคนโง่เขลากระทำกัน แต่เป็นเรื่องจริงที่ต้องปฏิบัติตาม)

คำแปล R3.
67. และจงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงบัญชาพวกท่านให้เชือดวัวตัวหนึ่ง” พวกเขาตอบว่า “ท่านกำลังล้อเล่นกับเราใช่ไหม ?” มูซาตอบว่า “ฉันขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากการประพฤติเยี่ยงผู้โง่เขลา”

คำแปล R4.
67. และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงบัญชาแก่พวกท่านให้เชือดวัวตัวเมียตัวหนึ่ง พวกเขากล่าวว่า ท่านจะถือเอาพวกเราเป็นที่ล้อเล่นกระนั้นหรือ? มูซากล่าวว่า ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากการที่ฉันจะเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา

คำแปล R5.
๖๗. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต ในเวลาที่มูซาได้บอกแก่พวกของเขา ซึ่งมีคนหนึ่งจากพวกนั้นถูกฆ่าโดยไม่รู้ตัวผู้ฆ่า แล้วพวกนั้นได้มาขอร้องให้มูซาขอต่ออัลเลาะห์ให้ทรงเปิดเผยแก่พวกตนได้รู้ตัวคนฆ่า มูซาจึงกล่าวว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงใช้ให้พวกเจ้าเชือดโคตัวหนึ่ง เพื่อเป็นสื่อให้รู้ตัวผู้ฆ่าอามีล พวกนั้นก็กล่าวว่า โอ้มูซา ท่านจะเอาพวกเราเป็นที่ล้อเล่นหรือ ? มูซาได้กล่าวว่าข้าขอคุ้มครองตัวด้วยอัลเลาะห์มิให้ข้าเป็นคนหนึ่งจากพวกที่โง่เขลา ที่ชอบแต่พูดจาล้อเล่น


   
คำอ่าน
68. กอลุดอุละนาร็อบบะกะยุบัยยิลละนามาฮียฺ, กอละอิน..นะฮูยะกูลุอิน..นะฮาบะเกาะเราะตุลลาฟาริฎูว..วะลาบิกรฺ, อะวานุม..บัยนะซาลิก, ฟัฟอะลูมาตุอุ์มะรูน

คำแปล R1.

68. They said, "Call upon your Lord for us that He may make plain to us what it is!" He said, "He says, 'Verily, it is a cow neither too old nor too young, but (it is) between the two conditions', so do what you are commanded."

คำแปล R2.
68. พวกเขาก็กล่าว(กับนบีมูซา)ว่า “ขอท่านได้โปรดวิงวอนต่อองค์อภิบาลของท่านให้พวกเราด้วยเถิด เพื่อพระองค์แจ้งให้ชัดเจนว่ามัน(วัวตัวนั้นมีลักษณะ)เป็นอย่างไร?” เขาจึงตอบว่า “พระองค์ทรงดำรัสว่า มันต้องเป็นวัวตัวเมียที่ยังไม่แก่และไม่อ่อนนัก (มันเป็นวัวอายุ)ปานกลางระหว่างนั้น ดังนั้นพวกเจ้าจงปฏิบัติตามที่พวกเจ้าถูกบัญชามาเถิด

คำแปล R3.
68. แล้วพวกเขาได้กล่าวว่า “จงขอพระผู้อภิบาลของท่านให้บอกรายละเอียดให้กระจ่างชัดด้วยว่ามันเป็นอย่างไร” มูซาได้ตอบว่า “พระองค์ทรงตรัสว่าเป็นวัวตัวเมียที่ไม่แก่และไม่อ่อน แต่เป็นวัววัยปานกลาง ดังนั้นจงทำตามที่ท่านถูกบัญชาเถิด”

คำแปล R4.
68. และพวกเขากล่าวว่า โปรดวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้แก่พวกเราด้วยเถิด พระองค์ก็จะทรงแจ้งแก่พวกเราว่า วัวนั้นเป็นอย่างไร? มูซากล่าวว่า แท้จริงพระองค์ตรัสว่า มันเป็นวัวตัวเมียที่ไม่แก่และไม่สาว แต่มีอายุกึ่งกลางระหว่างนั้น พวกท่านจงปฏิบัติตามสิ่งที่พวกท่านถูกใช้เถิด

คำแปล R5.

๖๘. พวกนั้นได้กล่าวว่า โอ้มูซา ท่านจงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้แก่พวกเรา ให้พระองค์ทรงแจ้งแก่พวกเราได้ทราบถึงลักษณะของโคนั้นว่าเป็นอย่างไร มูซาได้กล่าวว่า แท้จริงพระองค์ทรงตรัสว่า โคนั้นเป็นโคตัวเมีย ไม่แก่และไม่อ่อนนัก เป็นโคอยู่ในวัยกลาง พวกเจ้าจงกระทำการฆ่าโคตามที่พวกเจ้าถูกรับสั่งเถิด


   
คำอ่าน
69. กอลุดอุละนาร็อบบะกะ ยุบัยยิลละนามาเลานุฮา กอละอิน..นะฮูยะกูลุอิน..นะฮา บะเกาะเราะตุน..ส็อฟรอ...อุฟากิอุลเลานุฮา ตะสุรรุน..นาซิรีน

คำแปล R1.
69. They said, "Call upon your Lord for us to make plain to us its colour." He said, "He says, 'It is a yellow cow, bright in its colour, pleasing to the beholders.' "

คำแปล R2.

69. พวกเขากล่าว (ต่อไปอีก)ว่า “โปรดวิงวอนต่อองค์อภิบาลของท่านให้พวกเราเถิด เพื่อพระองค์ทรงแจ้งให้ชัดเจนอีกว่า มัน(วัวตัวนั้น)เป็นสีอะไร ?” เขาตอบว่า “พระองค์ทรงมีบัญชาว่า มันต้องเป็นวัวสีเหลืองเข้ม ซึ่งสร้างความพอใจแก่ผู้พบเห็นทั้งหลาย”

คำแปล R3.
69. พวกเขาได้ถามต่อไปอีกว่า “จงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้บอกถึงสีของวัวให้เป็นที่กระจ่างแก่เราด้วย” มูซาได้ตอบว่า “พระองค์ตรัสว่าวัวตัวนั้นควรจะมีสีเหลืองเข้มสดใสเป็นที่ต้องใจแก่ผู้พบเห็น”
 
คำแปล R4.
69. พวกเขากล่าวว่า โปรดวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้แก่พวกเราเถิด พระองค์ก็จะทรงแจ้งแก่พวกเราว่า วัวนั้นสีอะไร? มูซากล่าวว่า แท้จริงพระองค์ตรัสว่า มันเป็นวัวสีเหลือง สีของมันเข้มซึ่งทำให้เกิดความปิติยินดีแก่บรรดาผู้ที่มองดู
[/size]
คำแปล R5.
๖๙. พวกนั้นกล่าวว่า โอ้มูซา ท่านจงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้แก่พวกเรา ให้พระองค์ทรงแจ้งให้พวกเราได้ทราบว่า โคนั้นเป็นสีอะไร มูซาได้กล่าวว่า แท้จริงพระองค์ทรงตรัสว่าโคนั้นเป็นโคสีเหลืองเข้ม ขนาดที่ทำให้พวกที่เห็นความสวยงามของมันต้องปลื้มและประหลาดใจ


 
คำอ่าน
70. กอลุดอุละนา ร็อบบะกะยุบัยยิลละนามาฮิยะ อิน..นัลบะเกาะเราะ ตะชาบะฮะอะลัยนา, วะอิน..นาอิน..ชา...อัลลอฮุละมุฮฺตะดูน

คำแปล R1.
70. They said, "Call upon your Lord for us to make plain to us what it is. Verily to us all cows are alike, and surely, if Allah wills, we will be guided."

คำแปล R2.
70. พวกเขากล่าวอีกว่า “โปรดวิงวอนต่อองค์อภิบาลของท่านแก่พวกเราด้วยเถิดเพื่อพระองค์ทรงแจ้งให้ชัดเจนอีกว่า มันเป็นอย่างไร? เพราะวัวนั้นทำความเคลือบแคลงแก่พวกเรา (เป็นอย่างมาก เรายังเลือกไม่ถูกว่าจะเอาวัวลักษณะใดมาเชือดกัน) และแท้จริงหากอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ พวกเราก็ได้รับการชี้นำอย่างแน่นอน (ว่า พวกเราจะนำวัวลักษณะใดมาเชือด)”

คำแปล R3.
70. พวกเขายังกล่าวอีกว่า “จงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้กำหนดชนิดของวัวที่ต้องการให้แก่เรา เพราะวัวนั้นมีลักษณะคล้ายกันโดยทั่วไป แล้วเราจะได้หามันพบถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์”

คำแปล R4.
70. พวกเขากล่าวว่า โปรดวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้แก่เราเถิด พระองค์ก็จะทรงแจ้งแก่พวกเราว่า วัวนั้นเป็นอย่างไร ? แท้จริงวัวนั้นมันคล้าย ๆ กันแก่พวกเรา และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แน่นอนพวกเราก็เป็นผู้ที่ได้รับคำแนะนำ

คำแปล R5.
๗๐. พวกนั้นกล่าวว่า โอ้มูซา ท่านจงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้แก่พวกเรา ให้พระองค์ทรงแจ้งให้พวกเราได้ทราบว่าโคนั้นมีสภาพอย่างไร เป็นโคที่ปล่อยให้หาอาหารเลี้ยงตัวเอง หรือเป็นโคที่ถูกใช้งาน เพราะแท้จริงโคนั้นพวกเราดูคล้ายกันหมด ทั้งยังมีจำนวนมากเหลือเกิน จนพวกเราไม่สามารถที่จะเจาะจงโคตัวที่ต้องการได้ และแท้จริงพวกเรานั้นถ้าอัลเลาะห์ทรงมุ่งหมายจะเจาะจงโคที่ต้องการแล้ว พวกเราก็สามารถได้โคตามต้องการ


   
คำอ่าน
71. กอละอิน..นะฮูยะกูลุอิน..นะฮาบะเกาะเราะตุลลาซะลูลุน..ตุษีรุลอัรเฎาะวะลาตัรกิลหัรษะ มุสัลละมะตุลลาชิยะตะฟีฮา, กอลุลอานะญิอ์ตะบิลหักกฺ, ฟะซะบะหูฮาวะมากาดูยัฟอะลูน

คำแปล R1.
71. He [Musa (Moses)] said, "He says, 'It is a cow neither trained to till the soil nor water the fields, sound, having no other colour except bright yellow.' " They said, "Now you have brought the truth." So they slaughtered it though they were near to not doing it.

คำแปล R2.
71. เขาจึงกล่าวว่า “แท้จริงพระองค์ทรงมีบัญชาว่า อันวัวตัวนั้นจะต้องเป็นวัวตัวเมีย ที่ไม่ถูกใช้งานไถพื้นดิน และมิได้(ฉุดเครื่องวิดน้ำเพื่อ)รดน้ำไร่ อีกทั้งบริสุทธิ์(ผุดผ่องปราศจากตำหนิ) ไร้สีอื่นปนในวัวตัวนั้น(นอกจากสีเหลืองเข้มดังกล่าวแล้ว)” พวกเขากล่าวว่า “ณ บัดนี้ ท่านได้นำความจริงมา(แจ้งแก่พวกเราโดยกระจ่างชัด)แล้ว” ดังนั้นพวกเขาจึง(ลงมือ)เชือดวัวตัวนั้น(หลังจากพวกเขาได้ออกตระเวนหาซื้อกันด้วยความยากลำบาก และได้พบที่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง จึงตกลงซื้อกันด้วยราคาทองคำเท่ากับเต็มผืนหนังของมัน) ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเกือบจะไม่ได้กระทำ(การเชือด เพราะราคาอันแพงลิบลิ่ว)

คำแปล R3.
71. มูซากล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงตรัสว่าวัวตัวนั้นเป็นวัวที่ไม่เคยถูกเทียมคันไถให้ไถดินและไม่เคยถูกใช้ให้ทดน้ำเข้านา เป็นวัวที่สมบูรณ์ปราศจากตำหนิตามตัว” แล้วพวกเขาก็ร้องออกมาว่า “ท่านได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนแล้ว” ดังนั้น พวกเขาจึงได้เชือดวัวตัวนั้นพลีโดยพวกเขาก็ไม่เต็มใจ

คำแปล R4.
71. มูซากล่าวว่า แท้จริงพระองค์ตรัสว่า มันเป็นวัวที่ไม่สยบง่าย ๆ ที่จะไถดินและที่จะทดน้ำเข้านา เป็นวัวบริสุทธิ์ปราศจากสีอื่นใดแซมในตัวมัน พวกเขากล่าวว่า บัดนี้ท่านได้นำความจริงมาให้แล้ว แล้วพวกเขาก็เชือดมัน และพวกเขาเกือบจะไม่ทำมันอยู่แล้ว

คำแปล R5.
๗๑. มูซาได้กล่าวว่า แท้จริงพระองค์ตรัสว่าโคนั้น เป็นโคที่ไม่ได้ใช้งานทำไร่ไถนา ลากเครื่องวิดน้ำเข้านา เป็นโคที่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิต่าง ๆ ที่มัน ตลอดจนร่องรอบของการใช้งานมาก่อนเลย พวกนั้นได้กล่าวว่า บัดนี้ มูซาท่านได้นำความจริงอันกระจ่างแจ้งมาแล้ว พวกนั้นจึงพยายามหาโคที่ต้องการ บังเอิญพบโคตัวหนึ่งที่เจ้าของเป็นเด็กหนุ่มที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา พวกนั้นก็ซื้อโคตัวนั้นด้วยราคาเท่ากับเหรียญทองเต็มผืนหนัง ถ้าแม้นพวกนั้นทำการฆ่าโคเสียแต่แรก พวกเขาก็คงรู้ตัวผู้ฆ่า แต่ด้วยเหตุที่พวกนั้นมีใจพิถีพิถันอยู่ อัลเลาะห์จึงตอบแทนความพิถีพิถันนั้นด้วยการต้องซื้อโคราคาแพง พวกนั้นได้เชือดโคตัวนั้นอย่างเกือบจะไม่ได้เชือด เพราะเสียดายที่ราคาแพงที่สุด

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ก.พ. 04, 2010, 10:07 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 72-73

 

คำอ่าน
72. วะอิซเกาะตัลตุมนัฟสัน..ฟัดดาเราะอ์ตุมฟีฮา วัลลอฮุมุคริญุม..มากุน..ตุมตักตุมูน

คำแปล R1.
72. And (remember) when you killed a man and fell into dispute among yourselves as to the crime. But Allah brought forth that which you were hiding.

คำแปล R2.
72. และเมื่อครั้งที่(บรรพบุรุษของ)พวกเจ้าได้ฆ่าชีวิตหนึ่งตาย แล้วพวกเจ้าก็ซัดทอดความผิดแก่กันและกันในผู้นั้น(ว่าใครป็นฆาตกร)และอัลเลาะฮฺได้นำ(ฆาตกร)ที่พวกเจ้าทั้งหลายปกปิดไว้ออกมา(ให้ปรากฏตัวโดยเปิดเผย)

คำแปล R3.

72. และจงนึกเมื่อตอนที่สูเจ้าฆ่าชายคนหนึ่ง และสูเจ้าก็เริ่มซัดทอดกันในเรื่องนี้ แต่อัลลอฮฺก็ได้นำเรื่องที่สูเจ้าปิดบังมาเปิดเผย

คำแปล R4.
72. และจงรำลึกถึงขณะที่พวกเจ้าฆ่าคนคนหนึ่ง แล้วพวกเจ้าต่สงปกป้องตัวเองในเรื่องนั้น และอัลลอฮ์นั้น จะเป็นผู้ทรงเปิดเผยสิ่งที่พวกเจ้าปกปิดไว้

คำแปล R5.
๗๒. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต  ในเวลาที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ฆ่าชายคนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า อามีลแล้วพวกเจ้าได้พิพาทกัน และต่างก็พูดแก้ตัวกันเพื่อให้พ้นจากการถูกลงอาญา อัลเลาะห์ทรงเป็นผู้เปิดเผยการฆาตกรรมที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าปกปิดไว้


 
คำอ่าน
73. ฟะกุลนัฎริบูฮุบิบะอ์ฎิฮา กะซาลิกะยุหฺยิลลาฮุลเมาตา วะยุรีกุม อายาติฮี ละอัลละกุมตะอฺกิลูน

คำแปล R1.
73. So we said: "Strike him (the dead man) with a piece of it (the cow)." Thus Allah brings the dead to life and shows you his Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) so that you may understand.

คำแปล R2.
73. โดยเรามีบัญชา(แก่พวกเขา)ว่า “เจ้าทั้งหลายจงใช้อวัยวะบางส่วนของมัน(คือลิ้นของวัวตัวเมียที่ถูกนำมาเชือดนั้น)ตีตัวเขา(คือผู้ที่ถูกฆาตกรรม)” (แล้วเขาก็จะฟื้นขึ้นมา) เช่นนั้นแหละ อัลเลาะฮฺทรงชุบชีวิตแก่ผู้ตาย และทรงทให้พวกเจ้าได้มองเห็นบรรดาสัญลักษณ์(อันสำแดงถึงเอกานุภาพและอานุภาพ)ของพระองค์ ทั้งนี้เพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้ปัญญา(ตริตรองถึงสัญลักษณ์เหล่านั้น)

คำแปล R3.
73. ดังนั้นเราจึงได้บัญชาว่า “จงฟาดศพที่ถูกฆ่าด้วยส่วนหนึ่งของวัวที่ถูกเชือดพลี จงดูว่าอัลลอฮฺทรงทำให้คนตายกลับฟื้นมีชีวิตได้อย่างไร และพระองค์ได้ทรงแสดงสัญญาณให้เห็นเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้เข้าใจ

คำแปล R4.

73. แล้วเราได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงตีเขาด้วยบางส่วนของวัวตัวนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงให้ผู้ตาย มีชีวิตขึ้นมา และจะทรงให้พวกเจ้าเห็นสัญญาณต่าง ๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้เข้าใจ

คำแปล R5.
๗๓. แล้วเรา(อัลเลาะห์)ได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงตีชายที่ถูกฆ่านั้นด้วยลิ้นโค คนที่ถูกฆ่านั้นก็จะกลับเป็นขึ้นมาบอกว่า ลูกของอาและลุงของเขาเป็นผู้ฆ่า เมื่อจบคำพูดแล้วก็ตายไปตามเดิม ฆาตกรทั้งสองนั้นจึงถูกประหารชีวิตและถูกห้ามรับมรดก (ในบัญญัติศาสนามีว่า ลูกพี่ลูกน้องมีสิทธิรับมรดก เว้นแต่บุคคล ๓ ประเภทคือ ฆาตกร ทาสและคนต่างศาสนา) เช่นเดียวกับที่อัลเลาะห์ทรงให้คนผู้ถูกฆ่านั้นกลับมาเป็นชั่วระยะหนึ่ง นี้เอง อัลเลาะห์ก็จะทรงให้คนตายทั้งหลายกลับเป็นขึ้นมาจากสุสานได้ และจะทรงให้บรรพบุรุษของพวกเจ้าเห็นหลักฐาน ยืนยันว่าพระองค์มีพลังอย่างเข้มแข็ง เพื่อว่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าจะได้ตรึกตรอง รู้ว่าแท้จริงพระองค์ทรงมีกำลังให้คนตายคนเดียวเป็นขึ้นมาได้ฉันท์ใด พระองค์ก็ทรงมีกำลังให้คนตายเป็นจำนวนมากเป็นขึ้นมาได้ฉันท์นั้น และพวกนั้นจะต้องเชื่อว่า อัลเลาะห์ทรงมีกำลังสร้างทุก ๆ สิ่ง


วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 04, 2010, 10:09 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ก.พ. 08, 2010, 12:27 AM »
0
 salam

อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 74

 

คำอ่าน
74. ษุม..มะเกาะสัตกุลูบุกุม..มิม..บะอฺดิซาลิกะ ฟะฮิยะกัลหิญาเราะติ เอาอะชัดดุก็อสวะฮฺ, วะอิน..นะมินัลหิญาเราะติ ละมายะตะฟัจญะรุมินฮุลอันฮารฺ, วะอิน..นะมินฮา ละมายัชชักเกาะกุ ฟะยัครุญุมินฮุลมา...อ์, วะอิน..นะมินฮา ละมายะฮฺบิฏุ มินค็อชยะติลลาฮฺ วะมัลลอฮุบิฆอฟิลิน อัม..มาตะอฺมะลูน

คำแปล R1.
74. Then, after that, your hearts were hardened and became as stones or even worse in hardness. And indeed, there are stones, out of which rivers gush forth, and indeed, there are of them (stones) which split asunder so that water flows from them, and indeed, there are of them (stones) which fall down for fear of Allah. And Allah is not unaware of what you do.

คำแปล R2.

74. ครั้นแล้วหัวใจของพวกเจ้าก็แข็งกระด้าง ภายหลังจกนั้น ซึ่งมันแข็งประดุจดังหินหรือแข็งยิ่งกว่า และที่จริงแล้วหินบางก้อนนั้น(ถึงมันจะแข็งสักปานใด)แต่ก็ยังมีธารน้ำพวยพุ่งออกมาจากมัน และหินบางก้อนก็แตกออก แล้วก็มีน้ำไหลออกไปจากมัน และหินบางก้อนก็ร่วงหล่นลงมา เพราะความเกรงกลัวอัลเลาะฮฺ และอัลเลาะฮฺหาละเลยต่อสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติไม่

คำแปล R3.
74. แต่ถึงแม้จะได้เห็นสัญญาณเหล่านี้แล้วก็ตาม หัวใจของสูเจ้าก็ยังกระด้างเป็นหินหรือยิ่งกว่าหินเสียอีก อย่างไรก็ตามในบรรดาหินนั้นก็มีบางก้อนที่มีสายน้ำพุ่งออกมาจากมันและมีบางก้อนที่แตกออกมีน้ำไหลออกมา แล้วก็มีบางก้อนที่ทลายตัวลงมาด้วยความกลัวต่ออัลลอฮฺ และอัลลอฮฺมิทรงเฉยเมยในสิ่งที่สูเจ้ากระทำ

คำแปล R4.
74. แล้วหลังจากนั้น หัวใจของพวกเจ้าก็แข็งกระด้าง มันประดุจหิน หรือแข็งกระด้างยิ่งกว่าและแท้จริงจากบรรดาหินนั้น มีส่วนที่บรรดาธารน้ำพวกพุ่งออกจากมัน และแท้จริงจากบรรดาหินนั้นมีส่วนที่แตกแยกออก แล้วมีน้ำออกจากมัน และแท้จริงจากบรรดาหินนั้นมีส่วนที่ทลายลง เนื่องจากความเกรงกลัวอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงเผลอต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน

คำแปล R5.
๗๔. โอ้พวกยะฮูดี ผู้เป็นบรรพบุรุษของบนีอิสรออีล ครั้นแล้วหัวใจของพวกนั้นแข็งแกร่ง ไม่เชื่อความจริง หลังจากได้รู้ความจริงต่าง ๆ แล้ว เช่น ให้คนถูกฆ่าตายกลับเป็นขึ้นมา ทะเลแยกเป็นทางผ่าน น้ำพุไหลออกจากหินเป็นต้น หัวใจของพวกนั้นแข็งเหมือนหินหรือยิ่งกว่า และแท้จริงหินบางก้อนก็มีน้ำพุออกมาเป็นแม่น้ำหลายสายและหินบางก้อนก็แตกแยกมีน้ำไหลออกมาและหินบางก้อนตกจากข้างบนลงมาข้างล่างเพราะกลัวอัลเลาะห์ และอัลเลาะห์จะไม่ทรงละเลยความชั่วที่พวกเจ้ากระทำกันไว้ แล้วพระองค์จะสนองกรรมนั้นในวันกิยามะห์(ภพหน้า)

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ก.พ. 08, 2010, 08:25 PM »
0
 salam

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ 75-77

 

คำอ่าน
75. อะฟะตัฏมะอูนะ อัย..ยุอ์มินูละกุม วะก็อดกานะฟะรีกุม..มินฮุม ยัสมะอูนะ กะลามัลลอฮิ ษุมมะยุหัรฺริฟูนะฮู มิม..บะอฺดิมาอะเกาะลูฮุ วะฮุมยะอฺละมูน

คำแปล R1.
75. Do you (faithful believers) covet that they will believe in your Religion in spite of the fact that a party of them (Jewish rabbis) used to hear the word of Allah [the Taurat (Torah)], Then they used to change it knowingly after they understood it?

คำแปล R2.
75. หรือพวกท่านทั้งหลายมีความละโมบ(อยาก)จะให้พวกเขามีศรัทธา เพราะ(การแนะนำ)ของพวกท่าน ทั้ง ๆ ที่มีคนกลุ่มหนึ่งจากพวกนั้นได้ยินพระโองการของอัลเลาะฮฺ(จากคัมภีร์เตารอฮฺมาก่อน)แต่ครั้นแล้วพวกเขาก็บิดเบือนโองการนั้นเสีย(คือโองการที่พยากรณ์เกี่ยวกับการอุบัติของนบีมูฮำมัดในอนาคต)ภายหลังจากที่พวกเขามีความเข้าใจในสิ่งนั้น(เป็นอันดี) ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็รู้

คำแปล R3.
75. (โอ้มุสลิมทั้งหลาย)แล้วสูเจ้ายังหวังว่าคนเหล่านี้จะยอมรับคำเชิญชวนของสูเจ้าและเป็นผู้ศรัทธากระนั้นหรือ ? ในขณะที่ในหมู่พวกเขามีบางคนที่ได้ยินถ้อยคำของอัลลอฮฺแล้วเข้าใจมันดี แต่กลับไปบิดเบือนมันเสียทั้ง ๆ ที่พวกเขารู้ดี

คำแปล R4.
75. พวกเจ้ายังโลภที่จะให้พวกเขา ศรัทธาต่อพวกเจ้าอีกกระนั้นหรือ ? ทั้ง ๆ ที่กลุ่มหนึ่งในพวกเขาเคยสดับฟังดำรัสอัลลอฮ์แล้วพวกเขาก็บิดเบือนมันเสีย หลังจากที่พวกเขาเข้าใจแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ตระหนักดีอยู่

คำแปล R5.
พฤติกรรมของยะฮูดีในสมัยมูฮำมัด
๗๕. โอ้พวกมุอ์มิน ไม่น่าเลยที่พวกเจ้าจะโลภให้พวก(ยะฮูดีสมัยมูฮำมัด)นั้นศรัทธาเพราะเห็นแก่พวกเจ้า เพราะพวกนี้มีถึง ๔ จำพวก แต่ละพวกต่างก็ไม่มีความสนใจกับพวกเจ้าและโดยมีพวกหนึ่งซึ่งเป็นพวกนักปราชญ์ได้รับฟังคำตรัสของอัลเลาะห์ในเตารอต ครั้นแล้วพวกนั้นก็เปลี่ยนแปลงคำตรัสของพระองค์ในเตารอตหลังจากได้เข้าใจคำดำรัสเรียบร้อยแล้ว โดยที่พวกนั้นก็รู้อยู่ว่าตัวเองเท็จ


    

คำอ่าน

76. วะอิซาละกุลละซีนะอามะนู กอลู..อามัน..นา วะอิซาเคาะลาบะอฺฎุฮุม อิลาบะอฺฎิน..กอลู..อะตุหัดดิษูนะฮุม บิมาฟะตะหัลลอฮุ อะลัยกุม ลิยุหา..จญูกุม..บิฮี อิน..ดะร็อบบิกุม อะฟะลาตะอฺกิลูน

คำแปล R1.
76. And when they (Jews) meet those who believe (Muslims), they say, "We believe", but when they meet one another in private, they say, "Shall you (Jews) tell them (Muslims) what Allah has revealed to you [Jews, about the description and the qualities of Prophet Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam , that which are written In the Taurat (Torah)] , that they (Muslims) may argue with you (Jews) about it before your Lord?" Have you (Jews) then no understanding?

คำแปล R2.
76. และเมื่อพวกเหล่านั้นได้พบปะกับบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเหล่านั้นก็กล่าวว่า “เราศรัทธา” แต่เมื่อบางส่วนของพวกนั้นได้ปลีกตัวอยู่กับอีกบางส่วน พวกนั้นก็ต่อว่ากันเองว่า พวกท่านนำสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้เปิดเผยแก่พวกท่าน(เกี่ยวกับลักษณะและการอุบัติของนบีมูฮำมัดในคัมภีร์เตารอฮฺ)มาเล่าแจ้งให้พวกเขา(ฝ่ายมุสลิมให้รับทราบ)กระนั้นหรือ ? เพื่อพวกเขาจะได้นำสิ่งนั้นมาโต้ตอบพวกท่านต่อหน้าองค์อภิบาลของพวกท่าน(ในวันอาคิเราะฮฺ)แล้วไฉนพวกท่านจึงไม่ใช้ปัญญา

คำแปล R3.
76. และเมื่อพวกเขาพบบรรดาผู้ที่ศรัทธา พวกเขากล่าวว่า “เราก็ศรัทธาด้วย” แต่เมื่อพวกเขาอยู่กับคนอื่นตามลำพัง พวกเขากล่าวว่า “พวกท่านไม่คิดหรือว่าที่พวกท่านไปบอกเล่าถึงสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานให้แก่ท่านนั้น จะเป็นสิ่งที่พวกเขานำมันมาเป็นข้อพิสูจน์ต่อท่าน ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ?”

คำแปล R4.
76. และเมื่อพวกเขาได้พบแบบรรดาผุ้ที่ศรัทธาพวกเขาก็กล่าวว่า เราศรัทธากันแล้ว และเมื่อบางคนในพวกเขาอยู่ตามลำพังกับอีกบางคน พวกเขาก็กล่าวว่า พวกท่านจะพูดให้พวกเขาฟังซึ่งสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงเปิดเผยแก่พวกท่าน เพื่อพวกเขาจะได้นำสิ่งนั้นไปเป็นหลักฐานยืนยันแก่พวกท่าน ณ ที่พระเจ้าของพวกท่านกระนั้นหรือ ? พวกท่านไม่ใช้ปัญญาดอกหรือ?

คำแปล R5.
๗๖. และเมื่อพวก(มุนาฟิกยะฮูดี)นั้นได้พบกับพวกมุอุ์มิน พวกนั้นก็กล่าวว่า พวกเราศรัทธาว่า พวกเราศรัทธาว่ามูฮำมัดนั้นเป็นนบีจริง เป็นที่ปลาบปลื้มอยู่ในคัมภีร์ของเรา และเมื่อมุนาฟิกีนคนหนึ่งได้เลี่ยงมาพบกับมุนาฟิกีนอีกคนหนึ่ง พวกหัวหน้าฝ่ายยะฮูดีที่ไม่ใช่มุนาฟิกีนกล่าวตำหนิพวกมุนาฟิกีนนั้นว่า พวกเจ้าไปบอกกับพวกมุอ์มินถึงลักษณะของมูฮำมัดซึ่งอัลเลาะห์ทรงให้พวกเจ้ารู้จักในเตารอตกระนั้นหรือ ?  เพื่อในที่สุดพวกมุอ์มินนั้นจะถือเอาเรื่องลักษณะดังกล่าวไปโต้พวกเจ้าในวันอาคิเราะห์ และอ้างหลักฐานยันพวกเจ้าที่พวกเจ้าไม่ตามมูฮำมัด ทั้ง ๆ ที่ก็ได้รับรองอยู่ว่ามูฮำมัดเป็นนบี และเป็นขวัญใจอยู่ในเตารอตจริง ๆ พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอกหรือ ? ว่าถ้าพวกเจ้าเอาเรื่อง(ลักษณะ)นี้ไปบอกแก่พวก(มุอ์มิน)นั้นแล้วพวกเจ้าจะถูกโต้แน่นอน ฉะนั้นพวกเจ้าจงระงับเสียเถิด


    

คำอ่าน
77. อะวะลายะอฺละมูนะ อัน..นั้ลลอฮะ ยะอฺละมุมายุสิรฺรูนะวะมายุอฺลินูน

คำแปล R1.

77. Know they (Jews) not that Allah knows what they conceal and what they reveal?

คำแปล R2.
77. พวกเขาไม่รู้หรือว่า ที่จริงอัลเลาะฮฺ ทรงรอบรู้ทั้งสิ่งที่พวกเขาปิดปังไว้และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย

คำแปล R3.

77. พวกเขาไม่รู้จริง ๆ หรือว่าอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบังและที่พวกเขาเปิดเผย

คำแปล R4.
77. และเขาเหล่านั้นไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขาปกปิด และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย

คำแปล R5.
๗๗. และพวกนั้นไม่รู้หรือว่าแท้จริงอัลเลาะห์ทรงรู้ถึงอาการไม่ยอมเชื่อที่ถูกพวกนั้นซ่อนเร้นไว้ในใจและทรงรู้ถึงอาการเชื่อ(แต่ปาก)ทรงรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงคำและใจความเตารอตซึ่งถูกพวกนั้นเปิดเผย

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: ก.พ. 08, 2010, 09:54 PM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ ที่  78-79

  

คำอ่าน
78. วะมินฮุม อุม..มียูนะ ลายะอฺละมูนัลกิตาบะ อิลลา..อะมานียะ วะอินฮุมอิลลายะซุน..นูน

คำแปล R1.
78. And there are among them (Jews) unlettered people, who know not the Book, but they trust upon false desires and they but guess.

คำแปล R2.
78. และมีบางคนของพวกเหล่านั้น เป็นผู้อ่านเขียนไม่ได้ พวกเขาไม่รู้(เรื่องเกี่ยวกับ)คัมภีร์(เตารอฮฺ)เลย นอกจากรู้เพียงสิ่งมดเท็จ(ที่พวกเขาได้ถ่ายทอดมาจากนักปราชญ์ของพวกเขา)เท่านั้น และพวกเหล่านั้นมิได้รู้อะไรเลย นอกจากเป็นเพียงพวกเขาคาดคิดเอาเอง

คำแปล R3.
78. และในหมู่พวกเขานั้นมีผู้อ่านเขียนไม่เป็น ไม่รู้คัมภีร์ นอกจากจะอาศัยเรื่องไร้สาระต่าง ๆ และตามการนึกเดาไปเท่านั้นเอง

คำแปล R4.
78. และในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดาผู้ที่เขียนอ่านไม่เป็น ซึ่งพวกเขาไม่รู้คัมภีร์ นอกจากความเพ้อฝันเท่านั้น และพวกเขาหาได้มีอะไรไม่ นอกจากจะนึกคิดเอาเองเท่านั้น

คำแปล R5.
๗๘. ส่วนหนึ่งจากพวกยะฮูดีคือพวกไม่รู้หนังสือ ไม่รู้จักคัมภีร์เตารอตทั้งอ่านและเขียน แต่รู้ข้อเท็จที่พวกนั้นรับถ่ายทอดมาจากฝ่ายหัวหน้าของพวกตน และยึดเอาข้อเท็จนั้นเป็นแนวทาง
เรื่องที่พวก(ไม่รู้หนังสือ)นั้นปฏิเสธตำแหน่งนบีก็ดี รับรองว่าสวรรค์จะถูกสำรองเฉพาะพวกยะฮูดีก็ดี และยะฮูดีแม้จะเข้านรกก็เพียง ๔๐ วันเท่านั้นก็ดี พวกนั้นไม่มีความรู้อะไรเลย นอกจากคล้อยไปทางเชื่อตามที่ตนได้รับถ่ายทอดคำปั้นเท็จมาจากฝ่ายหัวหน้า

 
   

คำอ่าน
79. ฟะวัยลุลลิลละซีนะยักตุบูนัลกิตาบะบิอัยดีฮิม ษุม..มะยะกูลูนะ ฮาซามินอิน..ดิลลาฮิ ลิยัชตะรูบิฮี ษะมะนัน..เกาะลีลา, ฟะวัยลุลละฮุม..มิม..มากะตะบัตอัยดีฮิม วะวัยลุลละฮุม..มิม..มายักสิบูน

คำแปล R1.
79. Then woe to those who write the Book with their own hands and then say, "This is from Allah," to purchase with it a little price! Woe to them for what their hands have written and woe to them for that they earn thereby.

คำแปล R2.
79. ดังนั้น ความหายนะจึงเป็นของบรรดาผู้ที่เขียนคัมภีร์นั้นมาด้วยมือของตนเอง แล้วต่อมาพวกเขาก็ประกาศว่า สิ่งนี้มาจากอัลเลาะฮฺ ทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะนำมันมาแลกเปลี่ยนกับราคาเพียงเล็กน้อย(คือผลประโยชน์อันพึงได้จากโลกนี้) ดังนั้นความหายนะจึงประสบแก่เขาอันเนื่องมาจากที่มือของพวกเขาได้เขียนไว้ และความหายนะจึงประสบแก่พวกเขา อันเนื่องมาจากความพากเพียรของพวกเขาเอง

คำแปล R3.
79. ดังนั้น ความวิบัติจงมีแด่ผู้เขียนคัมภีร์ด้วยมือของเขาแล้วกล่าวว่า “นี่มาจากอัลลอฮฺ” ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้รับสิ่งแลกเปลี่ยนราคาเล็กน้อยบางอย่าง (พวกเขาไม่เห็นว่า) สิ่งที่เขียนด้วยมือของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาได้รับนั้นก็นำพวกเขาไปสู่ความหายนะ

คำแปล R4.
79. ดังนั้นความวิบัติจะได้แก่บรรดาผุ้ที่เขียนคัมภีร์ขึ้นด้วยมือของตนเอง แล้วกล่าวว่า นี่แหละมาจากอัลลอฮ์ เพื่อพวกเขาจะได้นำมันไปแลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย ดังนั้นความวิบัติจะได้แก่พวกเขา เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกเขาได้เขียนขึ้นและความวิบัตินั้นจะได้แก่พวกเขา เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาแสวงหาไว้

คำแปล R5.
๗๙. การทรมานอันร้ายแรงย่อมได้แก่พวกที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงเตารอต ภายหลังจากได้แก้ไขแล้ว พวกนั้นก็กล่าวว่า นี่แหละเป็นคำตรัสของอัลเลาะห์ในเตารอต เพื่อที่จะได้เอาเรื่องที่เปลี่ยนแปลงนั้นไปแลกกับราคาอันเล็กน้อยแห่งภพนี้ การทรมานอันร้ายแรงจะได้แก่พวกนั้นในฐานะที่ตนได้โกหก และการทรมานอันร้ายแรงย่อมได้แก่พวกนั้นในฐานะที่พวกนั้นพยายามทำบาปหรือรับสินบน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: ก.พ. 08, 2010, 10:19 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 80-82



คำอ่าน
80. วะกอลูลัน..ตะมัสสะนัน..นารุ อิลลา..อัยยามัม..มะอฺดูดะฮฺ, กุลอัตตะค็อซตุมอิน..ดัลลอฮิ อะฮฺดัน..ฟะลัย..ยุคลิฟัลลอฮุ อะฮฺดะฮฺ, อัมตะกูลูนะอะลัลลอฮิมาลาตะอฺละมูน

คำแปล R1.
80. And they (Jews) say, "The Fire (i.e. Hell-fire on the Day of Resurrection) shall not touch us but for a few numbered days." Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam to them): "Have you taken a covenant from Allah, so that Allah will not break his covenant? Or is it that you say of Allah what you know not?"

คำแปล R2.
80. และพวกเหล่านั้นกล่าวว่า ไฟนรกจะไม่สัมผัสพวกเราหรอก นอกจากเพียงไม่กี่วันเท่านั้น (โอ้ มุฮำมัด) ท่านจงประกาศเถิดว่า หรือพวกเจ้าทั้งหลายได้เอาสัญญาต่ออัลเลาะฮฺ ซึ่งแน่นอนอัลเลาะฮฺจะไม่บิดพลิ้วสัญญาของพระองค์ (พวกเจ้าจึงอาจหาญกล่าวเช่นนั้น) หรือว่าพวกเจ้าพูดเท็จแก่อัลเลาะฮฺ ในสิ่งที่พวกเจ้าเองก็ไม่รู้

คำแปล R3.
80. และพวกเขากล่าวว่า “ไฟนรกจะไม่สัมผัสเรา และถ้าหากมันจะสัมผัสเรามันจะเป็นเพียงสองสามวันเท่านั้น" จงกล่าวเถิด “พวกท่านได้รับสัญญาจากอัลลอฮฺที่พระองค์จะไม่ทรงบิดพลิ้วกระนั้นหรือ ? หรือพวกท่านกล่าวร้ายต่ออัลลอฮฺในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้ ?"

คำแปล R4.
80. และเขาเหล่านั้นกล่าวว่า ไฟนรกนั้นจะไม่แตะต้องพวกเราเลย นอกจากบรรดาวันที่ถูกนับได้ จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าท่านทั้งหลายได้ยึดถือคำมั่นสัญญา ณ ที่อัลลอฮ์ โดยที่อัลลอฮฺจะไม่ทรงผิดสัญญาของพระองค์เลยกระนั้นหรือ ? หรือว่าพวกท่านอุปโลกน์ความเท็จขึ้นให้แก่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้

คำแปล R5.
๘๐. และพวกนั้นพูดแก้ตัวจากคำพูดของมูฮำมัดที่ว่า “จะต้องเข้านรกชั่วกาลนาน”ว่า นรกจะไม่กระทบพวกเราเว้นแต่ชั่ว ๔๐ วัน เท่ากับเวลาที่บรรพบุรุษของเรากราบไหว้รูปโคทอง หลังจากนั้นนรกก็จะอันตรธานไป
โอ้มูฮำมัดเจ้าจงพูดแก่พวกนั้นเถอะว่า พวกเจ้าได้เอาสัญญาเรื่องตกนรก ๔๐ วันมาจากอัลเลาะห์และว่าอัลเลาะห์จะไม่ผิดสัญญาของพระองค์กระนั้นหรือ ? ไม่เป็นความจริงเช่นนั้น แต่พวกเจ้าพูดเท็จ อ้างอิงต่ออัลเลาะห์ถึงสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้

 
 

คำอ่าน
81. บะลามัน..กะสะบะสัยยิอะเตา..วะอะหาฏ็อตบิฮี เคาะฏี...อะตุฮู ฟะอุลา...อิกะอัศหาบุนนารฺ, ฮุมฟีฮาคอลิดูน

คำแปล R1.
81. Yes! Whosoever earns evil and his sin has surrounded him, they are dwellers of the Fire (i.e. Hell); they will Dwell therein forever.

คำแปล R2.
81. แต่ทว่าบุคคลใดได้พากเพียรความเลวทราม และความผิดของเขาได้แวดล้อมตัวเขาไว้รอบด้าน แน่นอนพวกเขาเหล่านั้นเป็นชาวนรกโดยแท้ ซึ่งพวกเขาจะต้องอยู่ในนั้นโดยนิรันดรกาล

คำแปล R3.
81. ทำไมไฟนรกจะไม่สัมผัสพวกท่าน ใครก็ตามที่ขวนขวายการชั่วและหมกมุ่นอยู่กับการบาป เขาเหล่านั้นก็คือสหายของไฟนรกและพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้น

คำแปล R4.
81. หาใช่เช่นนั้นไม่ ผู้ใดที่แสดวงหาความชั่วและความผิดของเขาได้ล้อมเขาไว้นั้น ชนเหล่านี้คือชาวนรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอกกาล

คำแปล R5.
๘๑. ใช่แล้ว นรกจะต้องประสบกับพวกเจ้าตลอดกาล ผู้ใดพยายามนับถือพระเจ้าอื่น ไม่ศรัทธาต่อพระองค์ และความไม่ศรัทธาของเขาที่ทวีขึ้นตลอดมาได้ครอบงำและแวดล้อมเขาอยู่ทุกด้าน จนในที่สุดเขาก็ตายไปในสภาพของกาฟิร เขาเหล่านั้นแหละเป็นชาวนรก คงอยู่ในนั้น ไม่ออกและไม่ตาย
 
  

คำอ่าน
82. วัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ อุลา...อิกะอัศหาบุลญันนะฮฺ, ฮุมฟีฮาคอลิดูน

คำแปล R1.
82. and those who believe (in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) and do righteous good deeds, they are dwellers of Paradise, they will dwell therein forever.

คำแปล R2.
82. และบรรดาผู้ศรัทธา และประพฤติแต่ความดี พวกเหล่านั้นย่อมเป็นชาวสวรรค์ ซึ่งพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นเป็นนิรันดร

คำแปล R3.
82. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดีจะเป็นผู้ที่ได้อยู่ในสวรรค์และพำนักอยู่ที่นั่นตลอดไป

คำแปล R4.
82. และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายนั้น ชนเหล่านี้แหละคือชาวสวรรค์โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวรรค์โดยที่พวกเขาจะ พำนักอยู่ในสวรรค์ตลอดกาล

คำแปล R5.
๘๒. บรรดาผู้ศรัทธา(มุอ์มิน)และปฏิบัติที่ชอบต่าง ๆ พวกนั้นเป็นชาวสวรรค์ คงอยู่ในนั้น ไม่ออกและไม่ตาย


วัสสลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: ก.พ. 09, 2010, 06:24 PM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 83

 

คำอ่าน
83. วะอิซอะค็อซนามีษาเกาะบะนี..อิสรอ...อีละลาตะอฺบุดูนะอิลลัลลอฮฺ, วะบิลวาลิดัยนิอิหฺสานา, วะซิลกุรฺบาวัลยะตามาวัลมะสากีน, วะกูลูลิน..นาสิหุสนา, วะอะกีมุศเศาะลาตะวะอาตุซซะกาฮฺ,ษุมมะตะวัลลัยตุมอิลลาเกาะลีลัม..มิน..กุม วะอัน..ตุม..มุอฺนิฎูน

คำแปล R1.
83. And (remember) when We took a covenant from the Children of Israel, (saying): Worship none but Allah (Alone) and be dutiful and good to parents, and to kindred, and to orphans and Al-Masakin (the poor), [the needy] and speak good to people [i.e. enjoin righteousness and forbid evil, and Say the Truth about Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam], and perform As-Salat(Iqamat-as-Salat), and give Zakat. Then you slid back, except a few of you, while you are backsliders. (Tafsir Al-Qurtubi ).

คำแปล R2.
83.และเมื่อเราได้เอาสัญญาแก่พวกบุตรหลานอิสรออีล(ในครั้งบรรพกาล)ว่า พวกเจ้าทั้งหลายจะต้องไม่นมัสการ(สิ่งใดทั้งสิ้น)นอกจาก(นมัสการเฉพาะ)อัลเลาะฮฺเท่านั้น และต้องทำดีต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสอง ต่อญาติสนิท ต่อลูกกำพร้าและต่อคนอนาถา และพวกเจ้าจงใช้วาจาที่ดีงามกับเพื่อนมนุษย์ จงปฏิบัติการละหมาดและบริจาคซะกาต แต่หลังจากนั้นพวกเจ้าทั้งหลายก็หันเห(ออกจากสัญญานั้น)ยกเว้นเพียงเล็กน้อยจากพวกเจ้า และพวกเจ้าเอง(ในยุคปัจจุบันนี้)ก็หันหลังให้(สัญญาเฉกเช่นบรรพบุรุษในครั้งบรรพกาลเหมือนกัน)

คำแปล R3.
และจงนึกถึงที่ตอนเมื่อเราได้ทำสัญญากับวงศ์วานของอิสรออีลว่า จงอย่าเคารพภักดีผู้ใดเว้นแต่อัลลอฮฺ จงทำดีต่อบิดามารดา ต่อญาติสนิท เด็กกำพร้า ผู้ขัดสน และจงสนทนากับผู้คนโดยดี จงดำรงนมาซและจ่ายซะกาต แต่พวกสูเจ้าได้หันหลังกลับให้มันและไม่ใส่ใจมันยกเว้นส่วนน้อยจากหมู่สูเจ้าเท่านั้น

คำแปล R4.
83. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้เอาคำมั่นสัญญาจากวงศ์วานอิสรออีลว่า พวกเจ้าจะต้องไม่เคารพสักการะนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และจงทำดีต่อบิดามารดา ญาติที่ใกล้ชิด เด็กกำพร้า และขัดสน และจงพูดจาแก่เพื่อนมนุษย์อย่างดี และจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และจงชำระซะกาต แต่แล้วพวกเจ้าก็ผินหลังให้ นอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเจ้าเท่านั้น และพวกเจ้าก็กำลังผินหลังให้อยู่

คำแปล R5.
๘๓. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต  ในเวลาที่เราเอาสัญญากับพวกบนีอิสรออีลสมัยมูซาในคัมภีร์เตารอต และเราได้สั่งว่าพวกเจ้าอย่าได้กราบไหว้เจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และจงทำดีต่อบิดา มารดา วงศ์ญาติ กำพร้า คนยากจน และพวกเจ้าจงพูดกับมนุษย์โดยใช้คำพูดที่ดี คือใช้ให้ทำความดี และห้ามทำความชั่ว กับให้พูดจริงในเรื่องเกี่ยวกับมูฮำมัด และให้มีความอ่อนน้อมต่อเขาเหล่านั้น และพวกเจ้าจงทำละหมาดและสละทรัพย์เป็นซะกาต ซึ่งพวกเจ้าก็รับรองข้อสัญญาต่าง ๆ นั้นแล้ว หลังจากนั้น บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็บิดเบือน ไม่ทำตามสัญญา เว้นแต่จำนวนน้อยจากบรรพบุรุษของพวกเจ้า อันได้แก่พวกที่ยืนหยัดถือตามคัมภีร์เตารอตก่อนจากที่ถูกยกเลิก กับพวกที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เช่น อับดุลเลาะห์ บุตรสลามและพรรคพวกเท่านั้นและพวกเจ้าก็เมินเสีย เหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้เมินกันมา

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: ก.พ. 09, 2010, 07:35 PM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 84

   

คำอ่าน
84. วะอิซอะค็อซนามีษาเกาะกุมลาตัสฟิกูนะดิมา...อะกุม วะลาตุคริญูนะ อัน..ฟุสะกุม..มิน..ดิยาริกุม ษุม..มะอักร็อรฺตุม วะอันตุมตัชฮะดูน

คำแปล R1.

84. And (remember) when we took your covenant (saying): Shed not the blood of your (people), nor turn out your own people from their dwellings. Then, (this) you ratified and (to this) you bear witness.

คำแปล R2.
84. และเมื่อเราได้เอาสัญญากับ(บรรพบุรุษของ)พวกเจ้าว่า เจ้าทั้งหลายอย่าหลั่งเลือดของพวกเจ้า(โดยการรบราฆ่าฟันกันเอง) และอย่าเนรเทศกันเองออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ภายหลังพวกเจ้าก็รับรอง(ว่าจะประพฤติตามสัญญานั้นทุกประการ)โดยพวกเจ้าทั้งหลายได้ประจักษ์พยาน(ในสัญญานั้น)

คำแปล R3.
84. จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำสัญญากับสูเจ้าว่า สูเจ้าต้องไม่หลั่งเลือดพวกของสูเจ้าและต้องไม่ขับไล่พวกของสูเจ้าออกจากบ้านของสูเจ้า และสูเจ้าก็ได้รับรองและสูเจ้าก็เป็นพยานอยู่ด้วย

คำแปล R4.
84. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้อาคำมั่นสัญญาแก่พวกเจ้าว่า พวกเจ้าจะต้องไม่หลั่งเลือดของพวกเจ้า และจะต้องไม่ขับไล่ตัวของพวกเจ้าเอง ออกจากหมู่บ้านของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็ได้ให้การรับรอง และทั้งพวกเจ้าก็ยังยืนยันอยู่

คำแปล R5

๘๔. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต   ในเวลาที่เราได้เอาสัญญากับบรรพบุรุษของพวกเจ้าในเตารอต และเราได้กล่าวว่า พวกเจ้าอย่านองเลือดด้วยการฆ่ากันเองในระหว่างพวกเจ้า   และอย่าได้เนรเทศซึ่งกันและกันออกจากหมู่บ้านของพวกเจ้า ถึงแม้ว่าบางคนจะได้ก่อกรรมชั่วและฉ้อโกงก็ตาม หลังจากสัญญากันแล้ว บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็รับรองสัญญานั้น โดยที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็เป็นพยานแก่ตนเอง

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: ก.พ. 10, 2010, 11:23 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 85



คำอ่าน
85. ษุม..มะอัน..ตุม ฮา..อุลา...อิ ตักตุลูนะอัน..ฟุสะกุม วะตุคริญูนะฟะรีกอม..มิน..กุม..มิน..ดิยาริฮิม ตะซอฮะรูนะอะลัยฮิม..บิลอิษมิวัลอุดวาน, วะอี..ยะอ์ตูกุมอุสารอ ตุฟาดูฮุม วะฮุวะมุหัรฺเราะมุนอะลัยกุม อิครอญุฮุม, อะฟะตุมินูนะบิบัอฺฎิลกิตาบิ วะตักฟุรูนะบิบะอฺฎ์ ฟะมาญะซา...อุมัย..ยัฟอะลุซาลิกะมินฮุมอิลลาคิซยุน..ฟิลหะยาติดดุนยา วะเยามัลกิยามะติ ยุร็อดดูนะอิลา..อะชัดดิลอะซาบ, วะมัลลอฮุบิฆอฟิลินอัม..มาตะอฺมะลูน

คำแปล R1.
85. After this, it is you who kill one another and drive out a party of you from their homes, assist (their enemies) against them, in sin and transgression. And if they come to you as captives, you ransom them, although their expulsion was forbidden to you. Then do you believe in a part of the Scripture and reject the rest? Then what is the recompense of those who do so among you, except disgrace In the life of this world, and on the Day of Resurrection they shall be consigned to the most grievous torment. And Allah is not unaware of what you do.

คำแปล R2.
85. แต่แล้ว(บรรพบุรุษของ)พวกเจ้าทั้งหลายก็ฆ่าฟันกันเอง และขับไล่บางกลุ่มจากพวกเจ้าออกจากบ้านเรือน(ไม่เป็นไปตามสัญญาที่เคยให้ไว้เลยแม้แต่น้อย) พวกเจ้าทั้งหลายต่างก็สนับสนุนกันโดยเปิดเผยแก่พวกเหล่านั้นด้วยการทำบาปและการเป็นอริต่อกัน และหากพวกเขาเหล่านั้นมาหาพวกเจ้าทั้งหลายในฐานะเชลย พวกเจ้าก็พึงไถ่ตัวเขาเสีย(ให้พ้นสภาพเชลยนั้น)และมันเป็นข้อห้ามแก่พวกเจ้าที่จะเนรเทศพวกเขา พวกเจ้าจะศรัทธาคัมภีร์เพียงบางส่วน และปฏิเสธเป็นบางส่วนกระนั้นหรือ ที่จริงไม่มีการตอบแทน(ใด ๆ ที่จะสาสมกับความผิดของ)ผู้ที่ประพฤติเช่นนั้นจากพวกเจ้า นอกจากความอัปยศของชีวิตในโลกนี้และในวันชาติหน้า พวกเขาก็จะถูกส่งตัวกลับเข้าสู่การลงโทษอันร้ายแรงที่สุด และอัลเลาะฮฺ ย่อมไม่ละเลยต่อสิ่งที่พวกเจ้าได้ประพฤติไว้

คำแปล R3.
85. แต่หลังจากนั้น ทั้ง ๆ ที่มีสัญญาแล้ว สูเจ้าก็ยังฆ่าพวกพ้องของสูเจ้าและขับไล่พวกของสูเจ้าเองออกจากบ้านของสูเจ้า และหนุนหลังพวกเขาในการบาปและการเป็นศัตรู และเมื่อพวกเขามาหาสูเจ้าในฐานะเชลย สูเจ้าก็ไถ่พวกเขาทั้ง ๆ ที่การขับไล่พวกเขานั้นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับสูเจ้า แล้วสูเจ้าศรัทธาเพียงบางส่วนของคัมภีร์และปฏิเสธบางส่วนกระนั้นหรือ ? ดังนั้นไม่มีการตอบแทนอันใดแก่ผู้กระทำเช่นนั้นนอกจากความอัปยศในชีวิตของโลกนี้ และในวันฟื้นขึ้น พวกเขาจะถูกนำกลับไปสู่การลงโทษอันสาหัสยิ่ง และอัลลอฮฺมิใช่ผู้ทรงเฉยเมยต่อที่สูเจ้ากระทำ

คำแปล R4.
85. ภายหลังพวกเจ้านี้แหละฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง และขับไล่กลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้าออกจากหมู่บ้านของพวกเขา โดยที่พวกเจ้าต่างร่วมมือกันเอาชนะพวกเขา ด้วยการกระทำบาป และการเป็นศัตรูกัน และถ้าพวกเขา มายังพวกเจ้าในฐานะเชลย พวกเจ้าก็ไถ่ตัวพวกเขา ทั้ง ๆ ที่การขับไล่พวกเขาออกไปนั้น เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเจ้า พวกเจ้าจะศรัทธาแต่เพียงบางส่วนของคัมภีร์และปฏิเสธอีกบางส่วน กระนั้นหรือ ? ดังนั้น สิ่งตอบแทนแก่ผุ้กระทำเช่นนั้นจากพวกเจ้าจึงมิใช่อะไรอื่นนอกจากความอัปยศ อดสูในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้เท่านั้น และในวันกิยามะฮ์ พวกเขาจะถูกนำกลับไปสู่การลงโทษอันฉกรรจ์ยิ่ง และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงเผลอในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่

คำแปล R5
๘๕. โอ้บรรพบุรุษเหล่านี้ หลังจากรับข้อสัญญากันแล้ว พวกเจ้าก็ได้ประหัตประหารซึ่งกันและกัน และได้เนรเทศพวกหนึ่งในหมู่ของพวกเจ้าออกจากหมู่บ้านไปเสีย โดยพวกเจ้าช่วยกันทำร้ายพวก(ถูกฆ่าและถูกเนรเทศ)นั้นด้วยการทำบาปและฉ้อโกง ก็ถ้าแม้นพวก(ถูกเนรเทศ)นั้นมาหาพวกเจ้าในฐานะเชลย พวกเจ้าต้องช่วยไถ่ตัวให้พ้นความเป็นเชลย ด้วยการสละทรัพย์และอื่น ๆ ตามประเพณี และการขับไล่พวกนั้นออกจากบ้านไปเป็นการบาปเหนือพวกเจ้าเหมือนกับความบาปอันเกิดจากการไม่ช่วยไถ่ถอนตัวพวกเชลยเมื่อมาหาพวกเจ้า พวกเจ้าทำผิดสัญญาทั้งนั้น เว้นไว้แต่เพียงอย่างเดียวคือการช่วยไถ่ตัวเชลย พวกเจ้าได้ทำตามสัญญา
เรื่องอย่างนี้มีอยู่ว่า ในกาลครั้งหนึ่งชาวยะฮูดีเผ่าก็รีเฎาะห์ ได้ทำสัมพันธไมตรีกับยะฮูดีเผ่าอัลเอาซ์ ฝ่ายยะฮูดีเผ่านะดีร์ได้ทำสัมพันธไมตรีกับยะฮูดีอีกเผ่าหนึ่งมีชื่อว่า ค๊อซรอส ต่อมาสัมพันธมิตรแต่ละคู่เกิดสู้รบกัน เผ่าก็รีเฎาะห์เข้าทำการสู้รบร่วมกับเผ่าอัล-เอาซ์ ส่วนเผ่านะดีรเข้าทำการสู้รบร่วมกับเผ่าค๊อซรอส ครั้นเมื่อการณรงค์ได้เกิดขึ้นระหว่างเผ่าอัล-เอาซ์กับเผ่าค๊อซรอส ฝ่ายก็ฎีเราะห์และนะดีรก็รบกันตามอย่างคูพันธมิตรของตน การสู้รบกันของแต่ละคู่ดังกล่าว ย่อมเป็นการละเมิดข้อที่อัลเลาะห์ทรงให้สัญญาไว้ว่า “มิให้ทำการประหัตประหารซึ่งกันและกัน” ผลของการณรงค์นี้ ยะฮูดีก็รีเฎาะห์ทำลายหมู่บ้านเผ่านะดีรในคราวที่ตนได้ร่วมกับฝ่ายอัล-เอาซ์รบนะดีร และพวกนะดีรเองก็ร่วมกับฝ่ายค๊อซรอสทำลายหมู่บ้านของฝ่ายก็รีเฎาะห์ การสู้รบแต่ละคราวก็มีแพ้ชนะสลับกัน ฝ่ายใดมีชัยก็เนรเทศฝ่ายปราชัยออกเสียจากประเทศ ครั้นเมื่อเชลยคนใดได้ตกไปอยู่ในความปกครองของคู่สัมพันธมิตรฝ่ายมีชัยฝ่ายมีชัยก็ขอไถ่ตัวเชลยให้เป็นไทแก่ตัว เช่น มีอยู่คราวหนึ่งเชลยจากเผ่านะดีรตกไปอยู่ในปกครองของเผ่าอัล-เอาซ์ ฝ่ายก็รีเฎาะห์ก็ขอไถ่ตัว ซึ่งถ้าฝ่ายก็รีเฎาะห์จะเฉยเมยเสีย เผ่าอัล-เอาซ์ก็มีสิทธิ์ฆ่าเชลยนั้นได้ ในทำนองเดียวกันฝ่ายนะดีรเอง ก็เคยขอไถ่ตัวเชลยจากฝ่ายก็รีเฎาะห์ที่ตกอยู่ในความปกครองของฝ่ายค๊อซรอส
การณรงค์กันก็ดี การเนรเทศกันแล้วขอไถ่ตัวพวกเชลยให้เป็นไทก็ดี เมื่อทั้ง ๔ ฝ่ายนี้ถูกถามขึ้นว่า ทำไมถึงเจ้ารบกับพวกหนึ่ง แล้วยินดีไถ่ตัวเชลยของฝ่ายปราชัย เขาก็ตอบว่า อัลเลาะห์ทรงมีสัญญาใช้ให้พวกเขาไถ่ตัวเชลย แต่เมื่อถูกซักถามอีกว่าเหตุใดเจ้าจึงรบกันเล่า เขาก็ตอบว่าเรามีความละอายที่จะปล่อยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรของเราตกต่ำ อัลเลาะห์จึงมีดำรัสดังต่อไปนี้ว่า โอ้บรรพบุรุษของพวกเจ้า พวกเจ้าเชื่อแต่บางส่วนของเตารอต คือไถ่ตัวเชลย และไม่เชื่ออีกบางส่วนของเตารอต คือ ห้ามไม่ให้ฆ่า ไม่ให้เนรเทศ แล้วไม่ให้เข้าทำการร่วมรบอย่างนั้นหรือ ? ย่อมไม่มีการตอบแทนแก่คนใดในบรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้าที่กระทำเช่นนั้น นอกจากความตกต่ำในชีวิตประจำวันเท่านั้น
คงจะเห็นเหตุการณ์สมัยมูฮำมัดที่ชาวยะฮูดีตกต่ำ คือพวกก็รีเฎาะห์ถูกกองทัพของมูฮำมัดฆ่าจนหมดสิ้น และพวกนะดีรถูกกองทัพของมูฮำมัดเนรเทศไปยังซีเรีย ยิ่งกว่านั้นยะฮูดีทั้งหมด ซึ่งอาศัยประเทศที่ตกอยู่ในอาณัติของมูฮำมัด ก็ถูกเก็บรัชชูปการ และในวันกิยามะฮ์(วันสิ้นโลก) พวกนั้นจะถูกส่งไปยังการทรมานอย่างร้ายแรง และอัลเลาะห์ไม่ทรงละเลยซึ่งความชั่วที่พวกเจ้ากระทำอยู่ จนถึงเวลาตอบแทนในวันกิยามะห์(วันสิ้นโลก)

 

GoogleTagged