ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)  (อ่าน 25489 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ก.พ. 11, 2010, 10:47 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 86 



คำอ่าน
86. อุลา...อิกัลละซีนัชตะเราะวุลหะยาตัดดุนยาบิลอาคิเราะฮฺ, ฟะลายุค็อฟฟะฟุอันฮุมุลอะซาบุวะลาฮุมยุน..เศาะรูน

คำแปล R1.
86. Those are they who have bought the life of this world at the price of the hereafter. Their torment shall not be lightened nor shall they be helped.

คำแปล R2.

86. พวกเหล่านั้นเป็นผู้ที่ซื้อชีวิต(ชั่วคราว)ทางโลกนี้ด้วย(ชีวิตอมตะของ)โลกหน้า ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้รับการผ่อนผันโทษ(แต่ประการใด ๆ )และพวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือ(จากผู้ใดทั้งสิ้น)

คำแปล R3.
86. เหล่านี้คือคนที่ซื้อชีวิตของโลกนี้แทนโลกหน้า ดังนั้น การลงโทษพวกเขาจะไม่ถูกลดหย่อน และพวกเขาจะไม่ถูกช่วยเหลือ

คำแปล R4.
86. ชนเหล่านี้ คือ ผู้ที่ซื้อเอาชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ไว้ด้วยชีวิตความเป็นอยู่แห่ง ปรโลก ดังนั้น การลงโทษจึงไม่ถูกลดหย่อนแก่พวกเขาและทั้งพวกเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ

คำแปล R5
๘๖. พวกนั้นได้เปลี่ยนเอาดุนยาด้วยอาคิเราะห์ คือ เลือกเอาฝ่ายดุนยา และละทิ้งอาคีเราะห์ การทรมานจึงไม่ถูกบรรเทาแก่พวกนั้น ทั้งจะไม่ได้รับความคุ้มกันให้พ้นจากทรมานเลย

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ก.พ. 11, 2010, 11:24 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 87-88



คำอ่าน

87. วะละก๊อดอาตัยนามูสัลกิตาบะ วะก็อฟฟัยนามิม..บะอฺดิฮี บิรฺรุสุล, วะอาตัยนาอีสับนะมัรฺยะมัลบัยยินาติ วะอัยยัดนาฮุ บิรูหิลกุดุส, อะฟะกุลละมาญา...อะกุมเราะสูลุม..บิมาลาตะฮฺวา..อัน..ฟุสุกุมุสตักบัรฺตุม ฟะฟะรีกอน..กัซซับตุม วะฟะรีกอน..ตักตุลูน

คำแปล R1.
87. And indeed, we gave Musa (Moses) the Book and followed him up with a succession of Messengers. And we gave 'Isa (Jesus), the son of Maryam (Mary), clear signs and supported him with Ruh-ul-Qudus [Jibrael (Gabriel)]. Is it that whenever there came to you a Messenger with what you yourselves desired not, you grew arrogant? Some you disbelieved and some you killed.

คำแปล R2.
87. ขอสาบาน แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์(เตารอฮฺ)แก่มูซา และเราได้สืบเนื่องศาสนทูตภายหลังจากเขาต่อไปอีกหลายคน(โดยใช้บทบัญญัติปรากฏตามในคัมภีร์เตารอฮฺ)และเราได้ประทานแก่อีซาผู้เป็นบุตรมัรยัมซึ่งบรรดา(สัญลักษณ์แสดงความเป็นศาสนทูต)ที่ชัดแจ้ง และเราได้เสริมอำนาจของเขาด้วยวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ แต่ครั้นต่อมา ทุกครั้งที่มีศาสนทูตถูกส่งตัวมายังพวกเจ้า โดยนำบทบัญญัติที่ไม่สบอารมณ์ของพวกเจ้ามา(ประกาศ) พวกเจ้าก็แสดงอาการจองหองกระนั้นหรือ ? ดังนั้น พวกเจ้าจึงว่าบางกลุ่ม(ของศาสนทูต)เป็นผู้มุสา (เช่น นบีอีซา) และพวกเจ้าประหารชีวิตของอีกบางกลุ่ม (เช่น นบีซากะรียา)

คำแปล R3.
87. และเราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและหลังจากเขาแล้ว เราได้ให้มีรอซูลสืบต่อเนื่องกันมา และเราได้ส่งอีซาลูกของมัรฺยัม มาพร้อมกับหลักฐานอันชัดแจ้งและเราได้สนับสนุนเขาด้วยวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วมันเป็นอย่างไรที่ทุกครั้งเมื่อมีรอซูลคนใดมายังสูเจ้าพร้อมกับสิ่งที่จิตใจของสูเจ้าไม่ชอบ สูเจ้าก็กระด้างกระเดื่องต่อเขา กล่าวเท็จต่อเขาและฆ่าเขา

คำแปล R4.
87. และแท้จริงนั้น เราได้ให้คัมภีร์มูซาและหลังจากเขา เราได้ให้บรรดาร่อซูล ติดตามมาและเราได้ให้หลักฐานต่าง ๆ อันชัดเจน แก่ อีซา บุตรของมัรยัม และเราได้สนับสนุนเขาด้วยวิญญาณอันบริสุทธิ์ แล้วคราใดที่ได้มีร่อซูลนำสิ่งที่ไม่สบอารมณ์ของพวกเจ้ามายังพวกเจ้า พวกเจ้าก็ยโสแล้วกลุ่มหนึ่งพวกเจ้าก็ปฏิเสธ และอีกกลุ่มหนึ่งพวกเจ้าก็ฆ่าเสียกระนั้นหรือ ?

คำแปล R5.
๘๗. และข้าขอยืนยันว่า แท้จริงเราได้ให้เตารอตแก่มูซา และให้มีบรรดาศาสนทูต(ผู้ที่ได้รับโองการจากพระเจ้าและนำมาเผยแพร่)หลังจากเขา (มูซา) ต่อ ๆ ไปเป็นอันดับคือ ยูซะอ์, ซำวีล, ซำอูน, ดาวูด, สุลัยมาน, อัรมิยาอ์, อะซีร, หัสกีล, อิลยาส, อิลยะซะอ์, ยูนุส, ซาการียา, ยะห์ยา ฯลฯ ทุก ๆ องค์ต่างใช้เตารอตเป็นหลักปฏิบัติ ทั้งส่วนตัวและในหมู่ประชากรของท่าน และเราะได้ให้มัวะยีซาต (ความมหัศจรรย์อันจะมีได้แต่เฉพาะรอซูลเท่านั้น) แก่อีซา บุตรมัรยัม เช่น ทำให้คนตายแล้วกลับเป็นขึ้นมา ให้คนตาบอดกลับเป็นตาดี และให้โรคด่างหายไป และเราได้ให้เขา (อีซา)มีอำนาจขึ้นด้วยรูหิลกูดุส (คือมียิบรออีลหรือทูตสวรรค์ติดตามตลอดไป) กล่าวคือไม่ว่าอีซาจะเดินไปที่หนแห่งใด ก็ย่อมมียิบรออีลเดินกำกับร่วมไปด้วย โอ้พวกยะฮูดีสมัยก่อนมูฮำมัด  เท่าที่อัลเลาะห์ประทานพระคัมภีร์เตารอตแก่มูซาก็ดี ทรงแต่งตั้งบรรดาศาสนทูตถัด ๆ จากมูซาก็ดี  และที่ทรงให้เกิดมีสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ แก่อีซา บุตร มัรยัมก็ดี เหล่านี้เพื่อให้พวกเจ้าตั้งมั่นอยู่ในความเที่ยงธรรม แต่พวกเจ้าก็มิได้ดำรงอยู่ในความเที่ยงธรรมกันเลย ดังที่โองการต่อไปนี้ระบุไว้ ทุก ๆ ครั้งที่ศาสนทูตได้นำความจริงอันไม่สบอารมณ์มายังพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าแสดงหยิ่งยโส ไม่ยอมปฏิบัติตามกระนั้นหรือ ? บางพวกจากศาสนทูต เช่น อีซา พวกเจ้าก็หาว่าโกหกกระนั้นหรือ ? และบางจำพวกจากศาสนทูต เช่น นบีซาการียา พวกเจ้าก็ฆ่าเสียกระนั้นหรือ ?



คำอ่าน
88. วะกอลูกุลูบุนาฆุลฟฺ, บัลละอะนะฮุมุลลอฮุบิกุฟริฮิม ฟะเกาะลีลัม..มายุอ์มินูน

คำแปล R1.
88. And they say, "Our hearts are wrapped (i.e. do not hear or understand Allah's Word)." Nay, Allah has cursed them for their disbelief, so little is that which they believe.

คำแปล R2.
88. พวกเขา(ชาวยิวในสมัยนบีมุฮำมัด)ได้กล่าวว่า หัวใจของพวกเรามีสิ่งปิดกั้น(จึงไม่สามารถจดจำคำประกาศของท่านได้)แต่ความเป็นจริงอัลเลาะฮฺ ได้สาปแช่งพวกเขา เพราะการปฏิเสธของพวกเขา ดังนั้น จึงมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่พวกเขาศรัทธา

คำแปล R3.
88. และพวกเขากล่าวว่า “หัวใจของพวกเรามั่นคงปลอดภัย” แต่ความจริงก็คือ อัลลอฮฺได้ประณามสาปแช่งพวกเขาเพราะการที่พวกเขาปฏิเสธ ดังนั้น พวกเขาจึงมีน้อยนักที่ศรัทธา


คำแปล R4.
88. และพวกเขากล่าวว่า หัวใจของพวกเรามีเปลือกหุ้มอยู่ มิใช่เช่นนั้นดอก อัลลอฮ์ทรงขับไล่พวกเขาให้ออกจากความเมตตาของพระองค์ต่างหาก เนื่องจากการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขาช่างน้อยเหลือเกินที่พวกเขาศรัทธา


คำแปล R5.
๘๘. และมียะฮูดีในสมัยมูฮำมัดจำพวกหนึ่ง พวกนั้นพูดเย้ยหยันว่า หัวใจของเรามีสิ่งปกปิด จึงไม่มีความสามารถที่จะจดจำคำที่เจ้าพูดไว้ได้ แต่อัลเลาะห์ให้พวกนั้นห่างไกลจากความโปรดปรานของพระองค์ฐานที่พวกนั้นไม่เชื่อ หาใช่เพราะเหตุ หัวใจของพวกนั้นมีสิ่งปกปิดไม่ ความเชื่อของพวกนั้นจึงมีน้อยนัก

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ก.พ. 15, 2010, 02:26 AM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 89 -90

   

คำอ่าน

89. วะลัม..มาญา...อะฮุมกิตาบุม..มินอิน..ดิลลาฮิ มุศ็อดดิกุลลิมามะอะฮุม วะกานูมิน..ก็อบลุยัสตัฟติหูนะ อะลัลละซีนะกะฟะรูฟะลัม..มาญา...อะฮุม..มาอะเราะฟูกะฟะรูบิฮฺ, ฟะละอฺนะตุลลอฮิอะลัลกาฟิรีน

คำแปล R1.
89. And when there came to them (the Jews), a Book (this Qur’an) from Allah confirming what is with them [the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)], although aforetime they had invoked Allah (for coming of Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ) In order to gain victory over those who disbelieved, Then when there came to them that which they had recognized, they disbelieved in it. So let the Curse of Allah be on the disbelievers.

คำแปล R2.
89. และเมื่อมีคัมภีร์หนึ่งจากอัลเลาะฮฺ(คืออัลกุรฺอาน)ได้มาสู่พวกเขา ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่มารับรองคัมภีร์ที่อยู่กับพวกเขา(คือคัมภีร์เตารอฮฺ)ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนหน้านั้น พวกเขาขอให้ได้รับชัยชนะต่อเหล่าเนรคุณ(โดยอ้างอิงถึงนบีมุฮำมัดที่จะมาบังเกิดในอนาคต) แต่แล้วเมื่อสิ่งที่พวกเขาเคยรู้จัก(จากคัมภีร์เตารอฮฺ คือ นบีมุฮำมัด)ได้มาสู่พวกเขา(จริงตามที่ระบุในคัมภีร์นั้น)พวกเขากลับปฏิเสธเขาเสีย ดังนั้นคำสาปแช่งของอัลเลาะฮฺ จึงประสบแก่บรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย

คำแปล R3.

89. แล้วตอนนี้พวกเขาปฏิบัติต่อคัมภีร์จากอัลลอฮฺที่ได้มายังพวกเขาอย่างไร ? ถึงแม้ว่ามันจะยืนยันคัมภีร์ที่พวกเขามีอยู่แล้ว ถึงแม้ก่อนที่มันจะมา พวกเขาเคยวิงวอนขอชัยชนะตอบรรดาผู้ปฏิเสธ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังปฏิเสธมัน ถึงแม้ว่าพวกเขารู้ ดังนั้น การสาปแช่งแก่อัลลอฮฺจึงมีแก่พวกปฏิเสธ

คำแปล R4.
89. และเมื่อได้มีคัมภีร์ฉบับหนึ่งจากที่อัลลอฮ์มายังพวกเขา ซึ่งยืนยันในสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเคยขอให้มีชัยชนะเหนือบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธามาก่อน ครั้นเมื่อสิ่งที่พวกเขารู้จักดี ได้มายังพวกเขาแล้ว พวกเขากลับปฏิเสธสิ่งนั้นเสีย ดังนั้นความห่างไกลจากเราะฮ์มัต ของอัลลอฮ์จึงตกอยู่แก่บรรดาผู้ปฏิเสธเหล่านั้น

คำแปล R5
๘๙. และเมื่ออัล-กุรอานซึ่งเป็นพยานของเตารอตมาถึงพวกนั้น และเมื่อก่อนที่อัล-กุรอานจะลงมา พวกนั้นก็ได้ขอให้มีชัยชนะพวกกาฟิร ขอพระองค์ให้เราได้มีชัยต่อศัตรูของเราด้วยบารมีของมูฮำมัด ผู้ซึ่งจะถูกแต่งตั้งเป็นศาสนทูตองค์สุดท้าย เมื่อการแต่งตั้งมูฮำมัดได้มาถึงพวกนั้น พวกนั้นก็ไม่เชื่อมูฮำมัด เพราะความอิจฉา และกลัวจะสูญเสียความยิ่งใหญ่ ฉะนั้น ความห่างไกลจากความโปรดของอัลเลาะห์จึงเป็นการลงโทษพวกที่ไม่เชื่อ

 

คำอ่าน
90. บิอ์สะมัชตะร็อวฺบิฮี..อัน..ฟุสะฮุม อัย..ยักฟุรูบิมา..อัน..ซะลัลลอฮุบัฆยัน อัย..ยุนัซซิลัลลอฮุ มิน..ฟัฎลิฮี อะลามัย..ยะชา...อุมินอิบาดิฮฺ ฟะบา...อูบิเฆาะเฎาะบินอะลาเฆาะฎ็อบ, วะลิลกาฟิรีนะอะซาบุม..มุฮีน

คำแปล R1.
90. How bad is that for which they have sold their ownselves, that they should disbelieve in that which Allah has revealed (the Qur'an), grudging that Allah should reveal of His Grace unto whom He will of His slaves. So they have drawn on themselves wrath upon wrath. And for the disbelievers, there is disgracing torment.

คำแปล R2.
90. ช่างเลวร้ายเหลือเกิน สิ่งที่พวกเขาได้นำมาซื้อตัวพวกเขา ต่อการที่พวกเขาปฏิเสธในสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ประทานลงมา(แก่นบีมุฮำมัด)เพราะความริษยาที่อัลเลาะฮฺได้ทรงประทานแก่บุคคลที่ทรงประสงค์จากมวลบ่าวของพระองค์ โดยความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงคืนกลับด้วยความกริ้วอย่างที่สุด(ของอัลเลาะฮฺ)และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธย่อมได้รับการลงโทษอันต่ำช้ายิ่ง

คำแปล R3.
90. ช่างชั่วช้าแท้ ๆ ที่พวกเขาหลอกลวงตัวของพวกเขาเอง พวกเขาปฏิเสธทางนำที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมา เพียงเพราะพวกเขาริษยาว่าทำไมอัลลอฮฺถึงได้ประทานความโปรดปรานให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ก่อให้เกิดความกริ้วแล้วกริ้วอีก และสำหรับพวกปฏิเสธนั้นคือการลงโทษอันแสนสาหัส

คำแปล R4.
90. ชั่วช้าจริง ๆ สิ่งที่พวกเขาขายตัวของพวกเขาด้วยสิ่งนั้น คือการที่พวกเขาปฏิเสธสิ่งที่อัลลอฮ์ ได้ทรงประทานลงมา ทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาในการที่อัลลอฮ์ทรงประทานส่วนหนึ่งจากความโปรด ปรานของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงนำความกริ้วโกรธซ้อนความกริ้วโกรธกลับไป (ยังพระองค์) และสำหรับผู้ปฏิเสธการศรัทธานั้นคือการลงโทษอันต่ำช้า

คำแปล R5
๙๐. ความชั่วช้าเลวทรามที่พวกนั้นยอมเอาบุญกุศลของตัวมาแลกก็คือการที่พวกนั้นไม่เชื่ออัล-กุรอาน เพราะอิจฉาที่อัลเลาะห์ทรงลงวาฮี(โองการ)ให้มูฮำมัดซึ่งถูกพระองค์มุ่งหมายมาให้เป็นศาสนทูต พวกนั้นได้เอาความกริ้วของอัลเลาะห์เนื่องจากไม่เชื่ออัล-กุรอานกลับไปทบกับความกริ้วของพระองค์ที่พวกนั้นไม่เชื่ออีซา ซ้ำยังทำให้คัมภีร์เตารอตหมดคุณค่า การลงโทษทรมานที่ต่ำช้าย่อมต้องได้แก่บรรดาผู้ไม่เชื่อ

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ก.พ. 15, 2010, 02:45 AM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 91 -92

   

คำอ่าน

91. วะอิซากีละละฮุม อามินูบิมา..อัน..ซะลัลลอฮุ กอลูนุอ์มินุบิมา..อุน..ซิละอะลัยนา วะยักฟุรูนะบิมาวะรอ...อะฮฺ, วะฮุวัลหักกุมุศ็อดดิกอลลิมามะอะฮุม, กุลฟะลิมะตักตุลูนะอัม..บิยาอัลลอฮิ มิน..ก็อบลุ อิน..กุนตุม..มุอ์มินีน

คำแปล R1.
91. And when it is said to them (the Jews), "Believe in what Allah has sent down," they say, "We believe in what was sent down to us." And they disbelieve in that which came after it, while it is the truth confirming what is with them. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam to them): "Why then have you killed the Prophets of Allah aforetime, if you indeed have been believers?"

คำแปล R2.

91. และเมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงศรัทธาในสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ประทานลงมาเถิด” พวกเขาก็กล่าวตอบว่า “เราจะศรัทธาเฉพาะผู้ที่ได้ถูกประทานลงมาแก่พวกเราเท่านั้น และเราขอปฏิเสธสิ้นเชิงในสิ่งที่(ถูกลงมา)ภายหลังจากนั้น ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้น(อัลกุรอาน)เป็นสัจธรรมที่มาเพื่อรับรองคัมภีร์ที่มีอยู่กับพวกเขา (โอ้นบีมุฮำมัด) เจ้าจงประกาศเถิดว่า “และเพราะเหตุใดเล่าพวกท่านจึงประหัตประหารบรรดาศาสดาของอัลเลาะฮฺในครั้งกระนั้น หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาจริง”

คำแปล R3.
91. และเมื่อได้มีกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงศรัทธาตามที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานมา” พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาแต่เฉพาะในสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่เรา” และพวกเขาปฏิเสธสิ่งที่นอกเหนือจากนั้น ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสัจธรรมและยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา ดังนั้นจงถามพวกเขาว่า “ถ้าหากพวกท่านศรัทธาอย่างจริงใจ ทำไมพวกท่านจึงได้ฆ่านบีของอัลลอฮฺ” (ที่ถูกส่งมายังพวกท่านจากในหมู่ของพวกท่านเอง) ?

คำแปล R4.
91. และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่เขาเหล่านั้นว่า จงศรัทธาต่อสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิด พวกเขาก็กล่าวว่า เรากำลังศรัทธาต่อสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เราอยู่แล้ว ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นคือ ความจริงโดยยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า เพราะเหตุใด เมื่อก่อนโน้นพวกท่านจึงฆ่านะบีของอัลลอฮ์ ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา

คำแปล R5
๙๑.ข้อยืนยันที่แสดงว่า พวกนั้นไม่เชื่อเตารอตที่พวกเขาอ้างว่าเชื่อนั้น คือ การฆ่าบรรดานบี ที่พวกนั้นถูกห้ามไว้ในพระคัมภีร์เตารอตว่า “มิให้ฆ่า” และเมื่อพวกนั้นถูกเตือนว่า พวกเจ้าจงศรัทธาต่ออัล-กุรอาน และอื่น ๆ ที่อัลเลาะห์ได้ประทานลงมา พวกนั้นตอบว่า เราจะศรัทธาต่อเตารอตที่ถูกประทานลงมายังเรา อัลเลาะห์ก็ตรัสว่า แล้วพวกนั้นก็ไม่ศรัทธาต่ออัล-กุรอานซึ่งมีมาภายหลังเตารอต ทั้ง ๆ ที่อัล-กุรอานก็เป็นของจริงทั้งยังเป็นพยานให้เตารอตเสียอีก
โอ้มูฮำมัด เจ้าจงพูดแก่ยะฮูดีในสมัยเจ้าเพื่อให้เขายอมจำนนและสำนึกในความไม่ศรัทธาต่อเตารอตเถอะว่า เพราะเหตุใดแต่ก่อนนั้น บรรพบุรุษของพวกเจ้าจึงฆ่านบีเสียเป็นจำนวนมากถ้าบรรพบุรุษของพวกเจ้าเชื่อเตารอตจริงทั้ง ๆ ที่ในเตารอตก็มีข้อห้ามมิให้ฆ่าบรรดานบีบ่งไว้




คำอ่าน
92. วะละก็อดญา...อะกุม..มูสาบิลบัยยินาติ ษุมมัตตะค็อซตุมุลอิจญละมิม..บะอฺดิฮี วะอัน..ตุมซอลิมูน

คำแปล R1.

92. And indeed Musa (Moses) came to you with clear proofs, yet you worshipped the calf after he left, and you were Zalimun (polytheists and wrong-doers).

คำแปล R2.
92. ขอสาบาน แท้จริงมูซาได้มาสู่พวกเจ้าทั้งหลายพร้อมด้วย (สัญลักษณ์)อันแจ้งชัด แต่แล้วพวกเจ้าทั้งหลายกลับหลอมรูปลูกวัวขึ้น(สักการะบูชา)หลังจากเขา(นบีมูซาได้ขึ้นไปรับบทบัญญัติแห่งคัมภีร์เตารอฮฺ บนภูเขา ฏูรซีนา)และพวกเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ฉ้อฉล โดยแท้จริง

คำแปล R3.
92. (ยิ่งไปกว่านั้น) มูซาก็ได้มายังสูเจ้าพร้อมกับสัญญาณต่าง ๆ อันชัดแจ้ง แต่เมื่อเขาไปจากสูเจ้าได้ไม่เท่าไหร่ สูเจ้าก็เป็นผู้ละเมิดเอาลูกวัวมาบูชา

คำแปล R4.

92. และแท้จริงนั้น มูซาได้นำบรรดาหลักฐานอันชัดเจนมายังพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าได้ยึดถือลูกวัว(เป็นที่เคารพสักการะ) หลังจากเขา และพวกเจ้านี้คือ พวกอธรรม

คำแปล R5
๙๒. และข้าขอยืนยันว่า แท้จริงมูซาได้นำสิ่งมหัศจรรย์มาสู่บรรพบุรุษของพวกเจ้า เช่น ไม้เท้ากลายเป็นงู, ทะเลแยก และมือของมูซาเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ แล้วบรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ยึดเอารูปโคทองมาเป็นเจ้า หลังจากมูซาไปเข้าเฝ้าอัลเลาะห์ที่ภูเขาตูริซีนาตามกำหนด เพื่อรับคัมภีร์เตารอตมาโดยบรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่ซื่อสัตย์ ที่เอารูปลูกโคทองมาเป็นเจ้าเช่นนั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ก.พ. 15, 2010, 10:49 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 93 -94



คำอ่าน
93. วะอิซอะค็อซนามิษาเกาะกุม วะเราะฟะอฺนาเฟาเกาะกุมุฏฏูเราะ คุซูมา..อาตัยนากุม..บิกูวะติว ..วัสมะอู, กอลูสะมิอฺนา วะอะศ็อยนา วะอุชริบูฟีกุลูบิฮิมุลอิจญละ บิกุฟริฮิม, กุล บิอ์สะมายะอ์มุรุกุม..บิฮี..อีมานุกุม อิน..กุน..ตุม..มุอ์มินีน

คำแปล R1.
93. And (remember) when we took your covenant and we raised above you the mount (saying), "Hold firmly to what we have given you and hear (Our Word). They said, "We have heard and disobeyed." and their hearts absorbed (the Worship of) the calf because of their disbelief. Say: "Worst indeed is that which your faith enjoins on you if you are believers."

คำแปล R2.
93. และเมื่อครั้งที่เราได้เอาสัญญาต่อ(บรรพบุรุษของ)พวกเจ้า และได้ยกภูเขาฏูร(ซีนา)ไว้เหนือพวกเจ้า (เราได้ตรัสแก่พวกนั้นว่า)เจ้าทั้งหลายจงรับเอาสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเจ้าโดยเข้มแข็ง และพวกเจ้าจงรับฟังเถิด พวกเขากลับกล่าวว่า เรารับฟัง(คำตรัส)แต่เราฝ่าฝืน(คำใช้ของพระองค์)และพวกเขาดื่มด่ำต่อรูปลูกวัวนั้น ในดวงจิตของพวกเขา เพราะความเนรคุณที่พวกเขามีอยู่ เจ้าจงประกาศเถิด ! อันศรัทธาของพวกเจ้าที่บัญชาให้พวกเจ้ากระทำสิ่งนั้น(การหลอมและกราบไหว้รูปโค)เป็นความชั่วช้ายิ่งนัก หากพวกเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา

คำแปล R3.
93. และจงนึกถึงสัญญาที่เราได้ทำกับสูเจ้าในขณะที่เราได้ยกภูเขาตูรฺเหนือสูเจ้า เราได้สั่งว่า “จงยึดมั่นในสิ่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าและจงฟังคำบัญชาของเรา” พวกเขากล่าวว่า “เราได้ยินแล้ว แต่เราไม่เชื่อฟัง” พวกเขาฝักใฝ่ไปในทางปฏิเสธจนในหัวใจของพวกเขานั้นชุ่มฉ่ำไปด้วยลูกวัว จงบอกพวกเขาเถิด (มุฮัมมัด) “ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาจริง ศรัทธาของพวกท่านก็เป็นศรัทธาที่บัญชาพวกท่านให้ทำสิ่งชั่วช้าเช่นนั้น”

คำแปล R4.
93. และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้เอาคำมั่นสัญญาจากพวกเจ้า และเราได้ยกภูเขาฎูรฺขึ้นเหนือพวกเจ้า พวกเจ้าจงยึดถือสิ่งที่เราได้ให้ลงมาแก่พวกเจ้าด้วยความเข้มแข็ง และจงสดับฟัง พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ฟังกันแล้ว และก็ได้ฝ่าฝืนกันไปแล้ว และพวกเขาได้ถูกให้ดื่มลูกวัวเข้าไปในหัวใจของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธศรัทธา จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่าช่างชั่วช้าจริง ๆ สิ่งที่การศรัทธาพวกท่านใช้พวกท่านให้กระทำสิ่งนั้น ถ้าหากว่าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา

คำแปล R5

๙๓. และโอ้ลูกหลานยะก๊บในสมัยมูฮำมัด พวกเจ้าจงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ(เนียะมัต)ของข้า ๑๐ ประการ และความดีล้นที่ข้าได้อำนวยแก่บรรพบุรุษพวกเจ้าสมัยมูซา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบพระคุณโดยประพฤติตนตามใช้ตามห้ามของข้าในอัล-กุรอานและเตารอต   ในเวลาที่เราได้เอาสัญญากับบรรพบุรุษของพวกเจ้าว่า จะต้องปฏิบัติตามเตารอต และเราได้ยกภูเขาให้สูงขึ้นเหนือบรรพบุรุษของพวกเจ้า ถ้าบรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่ยอมรับเตารอต  ก็จะให้ภูเขาตกลงมาทับ และเราได้กล่าวแก่บรรพบุรุษของพวกเจ้าว่า พวกเจ้าจงยึดถือเตารอตด้วยความพยายามและเข็มแข็ง และจงฟังคำสั่งสอนอย่างเคารพ พวกนั้นก็กล่าวว่า เราฟังคำตรัสของท่าน แต่เราทรยศคำใช้ของท่าน และความเคารพรูปโคทองได้ดื่มด่ำในใจของพวกนั้น เพราะใจไม่เชื่อเตารอต
โอ้มูฮำมัด เจ้าจงกล่าว เพื่อตำหนิพวกยะฮูดีเถิดว่า การกราบไหว้รูปโคทองตามที่ความเชื่อของพวกเจ้าได้บัญชาใช้พวกเจ้านั้นเลวนัก บรรพบุรุษของเจ้าจึงไม่ใช่พวกเชื่อเตารอต เพราะว่าการเชื่อเตารอตนั้นมิได้ใช้ให้กราบไหว้รูปโคทอง ในทำนองเดียวกัน พวกเจ้าเองก็ไม่ใช่พวกเชื่อเตารอต เพราะพวกเจ้าได้หาว่า มูฮำมัดเท็จ ทั้ง ๆ ที่การเชื่อเตารอตก็มิได้สั่งให้หาว่ามูฮำมัดเท็จ




คำอ่าน
94. กุลอิน..กานัต ละกุมุดารุลอาคิเราะตุ อินดัลลอฮิ คอลิเศาะตัม..มิน..ดูนิน..นาส, ฟะตะมัน..นะวุลเมาตะ อิน..กุนตุมศอดิกีน

คำแปล R1.

94. Say to (them): "If the home of the hereafter with Allah is indeed for you specially and not for others, of mankind, then long for death if you are truthful."

คำแปล R2.
94. ท่านจงประกาศเถิด (โอ้ มุฮำมัด)มาดแม้นโลกหน้าเป็นสิ่งที่ถูกเตรียมไว้ เป็นการเฉพาะแก่พวกเจ้าจากอัลเลาะฮฺ โดยไม่เกี่ยวกับมนุษย์กลุ่มอื่น พวกเจ้าก็จงมุ่งมั่นในความตายเถิด(เพื่อจะได้ไปสู่โลกนั้นอย่างรวดเร็ว)หากพวกเจ้าเป็นผู้สัจจริง

คำแปล R3.
94. จงบอกพวกเขาว่า “ถ้าหากที่พำนักแห่ง ปรโลกที่อัลลอฮฺ ได้ถูกสำรองไว้สำหรับพวกท่านเป็นการเฉพาะ  และมิใช่สำหรับมนุษย์อื่นแล้ว พวกท่านก็เรียกหาความตายเถิด ถ้าหากพวกท่านจริงใจต่อสิ่งที่ท่านกล่าวอ้าง
 
คำแปล R4.
94. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า หากว่าสถานที่พำนักแห่งปรโลก ณ ที่อัลลอฮ์เป็นของพวกท่านโดยเฉพาะ มิใช่ของบุคคลอื่นแล้วไซร้ก็จงปรารถนาความตายเสียเถิด ถ้าหากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง

คำแปล R5
๙๔. โอ้มูฮำมัด จงกล่าวแก่ยะฮูดีในสมัยของเจ้าเถอะว่า ถ้าแม้พวกเจ้าพูดจริงตามความคาดหมายของพวกเจ้าว่า แน่แท้สวรรค์นั้นเป็นของพวกเจ้า ก็ถ้าผู้ใดสวรรค์เป็นของเขา เขาจะต้องเลือกเอาทางสวรรค์ ความตายนั้นจักนำพาไปสู่สวรรค์  พวกเจ้าก็จงนึกอยากตายกันซิ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 16, 2010, 04:42 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ก.พ. 15, 2010, 11:11 PM »
0

สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 95 -96



คำอ่าน
95. วะลัย..ยะตะมัน..เนาฮุอะบะดัม..บิมาก็อดดะมัดอัยดีฮิม, วัลลอฮุอะลีมุม..บิซซอลิมีน

คำแปล R1.
95. But they will never long for it because of what their hands have sent before them (i.e. what they have done). And Allah is All-Knower of the Zalimun (polytheists and wrong-doers).

คำแปล R2.
95. แต่พวกเขาจะไม่มุ่งมั่นในความตายไปจนตลอด เพราะการกระทำที่เขาได้ก่อไว้ด้วยตัวเอง(ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นไม่อยากพบกับวันนั้น) และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ในบรรดาผู้ฉ้อฉลทั้งหลาย


คำแปล R3.
95. แต่ (จงเชื่อเถิดว่า) พวกเขาไม่อยากทำเช่นนั้นหรอก เพราะ (พวกเขารู้ดีถึงผลของ) สิ่งที่พวกเขาได้ส่งไปก่อนหน้านั้นแล้ว และอัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงความคิดของพวกอธรรม

คำแปล R4.
95. และเขาเหล่านั้นจะไม่ปรารถนาความตายเลยตลอดกาล เนื่องด้วยสิ่งที่มือของพวกเขาได้ประกอบล่วงหน้าไว้ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรู้ดีต่อบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้น

คำแปล R5
๙๕. แต่พวกนั้นคงจะไม่นึกอยากตายเสมอไปเพราะเหตุที่พวกตนได้เคยกระทำความชั่วไว้ก่อนแล้ว เช่น ไม่ยอมเชื่อนบีซึ่งเป็นการขัดแย้งคำสั่งในเตารอต และอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ถึงพฤติการณ์ของพวกกาฟิร แล้วพระองค์ก็จะทรงตอบแทนนรกแก่พวกนั้น



คำอ่าน
96. วะละตะญิดันนะฮุม อัคเราะศอน..นาสิ อะลาหะยาติว..วะมินัลละซีนะอัชเราะกู ยะวัดดุอะหะดุฮุม เลายุอัม..มัรุอัลฟะสะนะติว..วะมาฮุวะ บิมุซะหฺซิหิฮี มินัลอะซาบิ อัย..ยุอัมมัรฺ, วัลลอฮุบะศีรุม..บิมายะอฺมะลูน

คำแปล R1.
96. And verily, you will find them (the Jews) the greediest of mankind for life and (even greedier) than those who - ascribe partners to Allah (and do not believe in Resurrection - Majus(magians), pagans, and idolaters, etc.). Every one of them wishes that he could be given a life of a thousand years. But the grant of such life will not save him even a little from (due) punishment. And Allah is All-Seer of what they do.

คำแปล R2.
96. ขอยืนยัน เจ้าจะได้พบว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นมนุษย์ที่มีความโลภในการมีชีวิตอย่างที่สุด และ(พวกเขาโลภ)ยิ่งกว่าบรรดาผู้ตั้งภาคีทั้งหลายอีกด้วย ไม่ว่าคนใดก็ตามในหมู่พวกเขา ต่างรู้สึกชอบใจยิ่งนัก หากเขาจะถูกกำหนดอายุไว้ถึงหนึ่งพันปี ทั้ง ๆ ที่การมีอายุยืนนาน มิได้ทำให้ตัวเขาต้องพ้นไปจากการลงโทษ(ของอัลเลาะฮฺ)และอัลเลาะฮฺทรงมองเห็น ในสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้

คำแปล R3.
96. เจ้าจะได้พบว่า ในบรรดามนุษยชาติทั้งหมด พวกเขาเป็นผู้ที่โลภเพื่อชีวิตมากที่สุด ไม่ พวกเขาโลภยิ่งกว่าพวกบูชารูปปั้นเสียอีก พวกเขาแต่ละคนอยากที่จะมีอายุยืนถึงพันปี แต่นี่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยพวกเขาให้พ้นจาการถูกลงโทษได้ แม้จะมีอายุยืนก็ตาม และอัลลอฮฺทรงเห็นทุกอย่างที่พวกเขากระทำ

คำแปล R4.
96. และแน่นอนเหลือเกิน เจ้าจะพบว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ที่ห่วงใยยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ และยิ่งกว่าบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีขึ้น(แก่อัลลอฮ์) เสียอีก คนหนึ่งคนใดในพวกเขานั้นชอบ หากว่าเขาจะถูกให้มีอายุถึงพันปี และมันจะไม่ทำให้เขาห่างไกลจากการลงโทษไปได้ ในการที่เขาจะถูกให้มีอายุยืนนาน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเห็นในสิ่งที่เขาเหล่านั้นกระทำกันอยู่

คำแปล R5
๙๖. และ โอ้มูฮำมัด เจ้าจะรู้แน่ว่าพวก(ยะฮูดีนั้น)โลภ อยากจะมีชีวิตอยู่เรื่อย ๆ ยิ่งกว่ามนุษย์ทั้งหลายและยิ่งกว่าบรรดาผู้เป็นมุซริกที่ปฏิเสธเรื่องการเกิดใหม่ในภพหน้า ทั้งนี้พวกยะฮูดีรู้ตัวอย่างแน่นอนว่า ตนพวกเดียวเท่านั้นที่จะไปสู่นรก กับยังรู้อีกว่า พวกมุซริกไม่เข้านรก(เพราะพวกมุซริกถือว่าตายแล้วไม่ผุดไม่เกิด) คนหนึ่งจากพวก(ยะฮูดี)นั้น ต้องการให้อายุเขายืนนาน ก็ความมีอายุยืนนานของเขานั้นมิได้ช่วยให้เขาห่างจากนรกเลย และอัลเลาะห์ทรงรู้ซึ้งในพฤติกรรมที่พวกนั้นกระทำอยู่ และพระองค์จะทรงตอบแทนนรกแก่พวกนั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ก.พ. 16, 2010, 07:48 PM »
0
สูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 97 – 100



คำอ่าน
97. กุลมัน..กานะอะดูวัลลิญิบรีละ ฟะอิน..นะฮู นัซซะละฮูอะลา ก็อลบิกะบิอิซนิลลาฮิ มุศ็อดดิกอล ลิมาบัยนะยะดัยฮิ วะฮุเดา..วะบุชรอลิลมุอ์มินีน

คำแปล R1.
97. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ): "Whoever is an enemy to Jibrael (Gabriel) (let him die in his fury), for indeed he has brought it (this Qur'an) down to your heart by Allah's Permission, confirming what came before it [i.e. the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)] and guidance and glad tidings for the believers.

คำแปล R2.
97. จงประกาศเถิด บุคคลใดตั้งตัวเป็นศัตรูกับยิบรออีล แท้จริงยิบรออีลได้นำมัน(อัลกุรอาน)ลงมายังหัวใจของเจ้า โดยการอนุญาตของอัลเลาะฮฺ ทั้งนี้เพื่อยืนยันถึง(คัมภีร์)ที่มีอยู่ก่อนหน้านั้น(อีก 103 เล่ม)เป็นสิ่งนำทาง และเป็นข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย

คำแปล R3.
97. จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “ใครก็ตามที่เป็นศัตรูต่อญิบรีล ควรจะเข้าใจว่าโดยอนุมัติของอัลลอฮฺ เขาได้นำกุรฺอานมายังหัวใจของเจ้า เป็นที่ยืนยันสิ่งที่ได้ถูกประทานลงมาก่อนหน้ามัน และเป็นทางนำและข่าวดีสำหรับผู้ศรัทธา

คำแปล R4.

97. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า ใครที่เคยเป็นศัตรูต่อญิบรีลบ้าง ? แท้จริงนั้น เขาได้นำอัล-กุรอาน ทยอยลงมายังหัวใจของเจ้าด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ ทั้งนี้เพื่อยืนยัน สิ่งที่อยู่หน้าอัล-กรุอาน และเพื่อเป็นข้อแนะนำ และข่าวดีแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย

คำแปล R5
มูลเหตุแห่งหารลงโองการต่อไปนี้
ก็เพราะอิบนิซูรียาถามมูฮำมัดว่า มลาอีกะฮ์(ผู้ถูกบังเกิดด้วยรํสมี มีหน้าที่รับใช้อัลเลาะห์)ใดที่นำโองการจากอัลเลาะห์มายังมูฮำมัด มูฮำมัดตอบว่า “ยิบรออีล” อิบนิซูรียาได้กล่าวว่า ยิบรออีลเป็นศัตรูของพวกเขา เพราะเป็นผู้นำการทรมานไปให้พวกเขา ถ้าผู้นำโองการเป็นมีกาอีล เขาก็จะเชื่อ เพราะมีกาอีลเป็นผู้นำความเจริญ ผลิตผลและสันติมาให้ที่หน้าแผ่นดิน
๙๗. อัลเลาะห์ทรงตอบว่า โอ้มูฮำมัด จงกล่าวแก่พวกนั้นว่า อัลเลาะห์ได้ตรัสว่า “ผู้ใดเป็นศัตรูต่อยิบรออีลก็ให้ผู้นั้นจงตายไปด้วยความคับแค้นใจเถิด” เพราะแท้จริงยิบรออีลได้นำอัล-กุรอานมาประทับเหนือจิตใจของเจ้าด้วยการบัญชาของอัลเลาะห์ เขาผู้นั้นจึงไม่มีทางที่จะเป็นศัตรูต่อยิบรออีลได้เลย โดยที่อัล-กุรอานนั้นเป็นประจักษ์พยานว่า คัมภีร์ต่าง ๆ อีก ๑๐๓ เล่ม ที่ถูกประทานมาก่อนนั้นเป็นจริง ทั้ง(อัล-กุรอาน)ยังเป็นทางนำและเป็นที่ปลื้มปิติกับสรวงสวรรค์ให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา
[/color]


คำอ่าน
98. มัน..กานะอะดูวัลลิลลาฮิ วะมะลา...อิกะติฮี วะรุสุลิฮี วะญิบรีละ วะมีกาละ ฟะอิน..นัลลอฮะ อะดูวุลลิลกาฟิรีน

คำแปล R1.
98. "Whoever is an enemy to Allah, his angels, his Messengers, Jibrael (Gabriel) and Mikael (Michael), then verily, Allah is an enemy to the disbelievers."

คำแปล R2.
98. บุคคลใดเป็นศัตรูของอัลเลาะฮฺ ของมลาอิกะฮฺของพระองค์ ของบรรดาศาสนทูตของพระองค์ ของยิบรีลและของมีกาอีล แน่นอนที่สุด อัลเลาะฮฺทรง(ตอบแทนด้วยการ)เป็นศัตรูแก่มวลผู้ปฏิเสธ

คำแปล R3.
98. (ถ้าหากความเป็นศัตรูของพวกเขาต่อญิบรีลมีสาเหตุมาจากสิ่งนี้ ก็ขอให้พวกเขาเข้าใจว่า) ผู้ใดเป็นศัตรูต่ออัลลอฮฺ มลาอิกะฮฺและรอซูลของพระองค์ ญิบรีลและมีกาล ดังนั้นอัลลอฮฺทรงเป็นศัตรูต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ

คำแปล R4.
98. ใครที่เป็นศัตรูต่ออัลลอฮ์ และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ และบรรดาร่อซูลของพระองค์และเป็นศัตรูต่อญิบรีล และมีกาอีลนั้น แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงเป็นศัตรูแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

คำแปล R5
๙๘. ผู้ใดเป็นศัตรูต่ออัลเลาะห์ ต่อบรรดามลาอีกะห์ของพระองค์ ต่อบรรดาศาสนทูตของพระองค์ ต่อยิบรออีลและมีกาอีล เขาเหล่านั้นก็เป็นกาฟิร(ผู้ไม่เชื่อ) แน่แท้อัลเลาะห์ก็จะทรงเป็นศัตรูต่อพวกกาฟิร เป็นการตอบแทนด้วย



คำอ่าน
99. วะละก็อด อัน..ซัลนา..อิลัยกะ อายาติม..บัยยินาต, วะมายักฟุรุบิฮา อิลลัลฟาสิกูน

คำแปล R1.
99. And indeed we have sent down to you manifest Ayat (these Verses of the Qur'an which Inform In detail about the news of the Jews and their secret intentions, etc.), and none disbelieve in them but Fasiqun (those who rebel against Allah's Command).

คำแปล R2.
99. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้ประทานลงมายังเจ้า ซึ่งบรรดาสัญลักษณ์อันแจ้งชัด และไม่(มีผู้ใด)ปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นเลย นอกจากบรรดาผู้ชั่วร้ายเท่านั้น

คำแปล R3.
99. เราได้ประทานอายะฮฺทั้งหลายอันชัดแจ้งมายังเจ้าแล้ว และไม่มีผู้ใดปฏิเสธมันนอกจากพวกฝ่าฝืน

คำแปล R4.
99. และแท้จริงเราได้ให้สัญญาณต่าง ๆ อันชัดแจ้งแก่เจ้าแล้ว และย่อมจะไม่มีใครปฏิเสธสัญญาณเหล่านั้น นอกจากบรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนเท่านั้น

คำแปล R5
อิบนิซูรียาได้กล่าวแก่มูฮำมัดว่า เจ้าไม่เคยนำสิ่งใดที่เราพอจะรู้ได้ ทั้งยังไม่มีโองการใดที่ลงแก่เจ้า เราก็จะไม่เจริญรอยตามเจ้า
๙๙. ข้าขอยืนยันว่า โอ้มูฮำมัด แท้จริงเราได้ลงโองการที่แจ่มแจ้งชี้แจงความหายนะ และชี้แจงว่าโองการนั้นมาแต่อัลเลาะห์แล้ว แต่ไม่มีใครปฏิเสธโองการนั้นเว้นแต่บรรดายะฮูดีผู้แก้คัมภีร์เตารอต และออกนอกขอบเขตแห่งศาสนา

[/color]


คำอ่าน

100. อะวะกุลละมา อาฮะดู อะอฺดัน..นะบะซะฮูฟะรีกุม..มินฮุม, บัลอักษะรุฮุมลายุอ์มินูน

คำแปล R1.
100. is it not (the case) that every time they make a covenant, some parties among them throw it aside? Nay! The truth is most of them believe not

คำแปล R2.
100. หรือว่าทุกครั้งที่พวกเขาทำสัญญา ก็จะต้องมีคนกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาทอดทิ้งมัน(สัญญานั้น)เสมอไป หากทว่า คนส่วนมากของพวกนั้นไม่ศรัทธา(ในคำบัญชาของอัลเลาะฮฺนั่นเอง หาใช่เป็นเพราะเหตุอื่นไม่)

คำแปล R3.
100. และทุกครั้งที่พวกเขาได้ทำสัญญา พวกเขากลุ่มหนึ่งมิใช่หรือที่ได้ทิ้งสัญญา ? มิใช่เช่นนั้น พวกเขาส่วนมากต่างหากที่ไม่สัญญา

คำแปล R4.
100. และคราใดที่พวกเขา ได้ให้คำมั่นสัญญาใด ๆ ไว้ กลุ่มหนึ่งในพวกเขาก็เหวี่ยงสัญญานั้นทิ้งเสียกระนั้นหรือ? หามิได้ ส่วนมากของพวกเขาไม่ศรัทธาต่างหาก

คำแปล R5
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
คือเมื่อมูฮำมัดเตือนพวกยะฮูดีถึงข้อสัญญาว่า “ให้เชื่อมูฮำมัด” ที่อัลเลาะห์ได้ทรงเอาสัญญาแก่พวกนั้นไว้ มาลิก บุตร ซอยฟ์ได้กล่าวตอบว่า “เราไม่เคยได้รับสัญญาเรื่องให้เชื่อมูฮำมัดเลย” อัลเลาะห์ได้ลงโองการต่อไปนี้ลงมา
๑๐๐. ทุก ๆ ครั้งที่พวกนั้นได้สัญญากับอัลเลาะห์ว่า พวกตนจะศรัทธาต่อมูฮำมัด เมื่อมูฮำมัดปรากฏขึ้น หรือที่พวกนั้นได้สัญญาไว้กับมูฮำมัดว่า พวกตนจะไม่ร่วมกับพวกมุซริกทำการรบ กลุ่มหนึ่งจากพวกนั้นไม่ควรเลยที่จะบิดพลิ้วข้อสัญญาทั้งสองนั้น แต่ทว่าส่วนมากพวกนั้นไม่ศรัทธากันเลย
[/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 16, 2010, 10:27 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ก.พ. 18, 2010, 07:06 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 101-103



คำอ่าน
101. วะลัม..มาญา...อะฮุม เราะสูลุม..มินอิน..ดิลลาฮิ มุศ็อดดิกุลลิมา มะอะฮุม นะบะซะฟะรีกุม..มินัลละซีนะอูตุลกิตาบะ กิตาบัลลอฮิ วะรอ...อะซุฮูริฮิม กะอัน..นะฮุมลายะอฺละมูน

คำแปล R1.
101. And when there came to them a Messenger from Allah (i.e. Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ) confirming what was with them, a party of those who were given the scripture threw away the Book of Allah behind their backs as if they did not know!

คำแปล R2.
101. และเมื่อมีศาสนทูตหนึ่งจากอัลเลาะฮฺมายังพวกเขา โดยยืนยันถึง(คัมภีร์เตารอฮฺ)ที่มีอยู่กับพวกเขา แน่นอนคนกลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ ก็ละทิ้งคัมภีร์แห่งอัลเลาะฮฺไว้เบื้องหลังของพวกเขา(อย่างไม่สนใจ)ประหนึ่งพวกเขาไม่รู้(อะไรเลย)

คำแปล R3.
101. และเมื่อใดก็ตามที่รอซูลจากอัลลอฮฺมายังพวกเขา เป็นผู้ยืนยันคัมภีร์ที่มีอยู่กับพวกเขา ชาวคัมภีร์กลุ่มหนึ่งก็จะโยนคัมภีร์ของอัลลอฮฺไว้ข้างหลัง ประหนึ่งว่าพวกเขาไม่รู้อะไร

คำแปล R4.
101. และเมื่อได้มีร่อซูลคนใด ณ ที่อัลลอฮฺ มายังพวกเขา ซึ่งจะเป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา กลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ ก็เหวี่ยงคัมภีร์ของอัลลอฮฺไว้เบื้องหลังของพวกเขาเสีย เสมือนหนึ่งว่าพวกเขาไม่รู้

คำแปล R5.

๑๐๑. และเมื่อมูฮำมัดมาถึงพวกนั้น โดยถือเอาอัล-กุรอานที่ลงมาเป็นเครื่องรับรองว่าเตารอตนั้นเป็นคัมภีร์อันถูกต้อง และมูซาก็เป็นนบีจริง และการที่มูฮำมัดปรากฏขึ้นมามีลักษณะตรงตามที่เตารอตระบุไว้ก็เป็นที่ยืนยันว่า เตารอตนั้นจริงเช่นเดียวกัน กลุ่มหนึ่งจากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์เตารอตไม่ควรเลยที่จะทิ้งเตารอตไว้ข้างหลังโดยไม่เชื่อมูฮำมัด และอื่น ๆ ตามที่คัมภีร์เตารอตบ่งไว้ ประหนึ่งพวกนั้นไม่รู้ ว่า มูฮำมัดนั้นเป็นนบีที่เที่ยงแท้หรือไม่รู้ว่าเตารอตนั้นเป็นคัมภีร์ของอัลเลาะห์ ซึ่งทั้งสองประการนี้ เตารอตก็ได้บ่งไว้



คำอ่าน
102. วัตตะบะอูมาตัตลุชชะยาฏีนุ อะลามุลกิสุลัยมาน, วะมากะฟะเราะสุลัยมานุ วะลากิน..นัชชะยาฏีนะกะฟะรู ยุอัลลิมูนัน..นาสัสสิหฺเราะ วะมาอุน..ซิละ อะลัลมะละกัยนิ บิบาบิละ ฮารูตะวะมารูต,วะมายุอัลลิมานิ มินอะหะดิน หัตตายะกูลา..อิน..นะมานะหฺนุ ฟิตนะตุน..ฟะลาตักฟุรฺ ฟะยะตะอัลละมูนะมินฮุมา มายุฟัรริกูนะบิฮี บัยนัลมัรฺอิวะเซาญิฮฺ, วะมาฮุม..บิฏอร...รีนะบิฮี มินอะหะดิน อิลลาบิอิซนิลลาฮฺ, วะยะตะอัลละมูนะมา ยะฎุรฺรุฮุม วะลายัน..ฟะอุฮุม วะละก็อดอะลิมู ละมะนิชตะรอฮุ มาละฮู ฟิลอาคิเราะติมินเคาะลาก วะละบิอ์สะมาชะร็อวฺบิฮี..อันฟุสะฮุม เลากานูยะอฺละมูน

คำแปล R1.
102. They followed what the Shayatin (devils) gave out (falsely of the magic) in the lifetime of Sulaiman (Solomon). Sulaiman did not disbelieve, but the Shayatin (devils) disbelieved, teaching men magic and such things that came down at Babylon to the two angels, Harut and Marut, but neither of these two (angels) taught anyone (such things) till they had said, "We are only for trial, so disbelieve not (by learning this magic from us)." and from these (angels) people learn that by which they cause separation between man and his wife, but they could not thus harm anyone except by Allah's Leave. And they learn that which harms them and profits them not. And indeed they knew that the buyers of it (magic) would have no share in the hereafter. And how bad indeed was that for which they sold their own selves, if they but knew.

คำแปล R2.
102. และพวกเขาได้ปฏิบัติ ตามสิ่งที่บรรดาชัยฏอน ในสมัยสุลัยมานอ่านให้ฟัง และสุลัยมานหาได้ปฏิเสธการศรัทธาไม่ แต่ทว่าชัยฏอนเหล่านั้นต่างหากที่ปฏิเสธการศรัทธา โดยสอนประชาชนซึ่งวิชาไสยศาสตร์และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่มะลาอิกะฮ์ทั้งสอง คือ ฮารูต และมารูต ณ เมืองบาบิล และเขาทั้งสองจะไม่สอนให้แก่ผู้ใดจนกว่าจะกล่าวว่า แท้จริงเราเพียงเป็นผู้ทดสอบเท่านั้น ท่านจงอย่าปฏิเสธการศรัทธาเลย แล้วเขาเหล่านั้นก็ศึกษาจากเขาทั้งสอง สิ่งที่พวกเขาจะใช้มันยังความแตกแยกระหว่างบุคคลกับภรรยาของเขา และพวกเขาไม่อาจทำให้สิ่งนั้นเป็นอันตรายแก่ผู้ใดได้ นอกจากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น และพวกเขาก็เรียนสิ่งที่เป็นโทษแก่พวกเขา และมิใช่เป็นคุณแก่พวกเขา และแท้จริงนั้นพวกเขารู้แล้วว่าแน่นอนผู้ที่ซื้อมันไว้นั้น ในปรโลกก็ย่อมไม่มีส่วนได้ใด ๆ และแน่นอนเป็นสิ่งที่ชั่วช้าจริง ๆ ที่พวกเขาขายตัวของพวกเขาด้วยสิ่งนั้น หากพวกเขารู้

คำแปล R3.
102. และ(แทนที่จะปฏิบัติตามกุรอาน)พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติตาม(วิทยากล)ที่พวกวายร้ายได้อ้างอย่างผิด ๆ ว่ามันมาจาก(ความยิ่งใหญ่แห่ง)อาณาจักรสุลัยมาน ทั้งที่ความจริงแล้วสุลัยมานมิได้เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธ แต่พวกมารร้ายที่พร่ำสอนวิชาไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คนต่างหากที่ปฏิเสธ พวกเขาปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกส่งมายังฮารูตและมารูตมลาอิกะฮฺสองคนที่บาบิล(บาบิโลน)เมื่อใดก็ตามที่มลาอิกะฮฺทั้งสองได้สอนไสยศาสตร์แก่ผู้ใด เขาทั้งสองจะเตือนล่วงหน้าไว้อย่างชัดเจนว่า “เราเป็นเพียงการทดลองอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าปฏิเสธ” แต่ถึงแม้จะเตือนแล้วคนเหล่านั้นก็ได้เรียนจากมลาอิกะฮฺทั้งสองซึ่งวิชาที่เป็นสาเหตุให้เกิดการแตกแยกระหว่างสามีและคู่ครองของเขา ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้ใดโดยใช้ไสยศาสตร์ได้ โดยปราศจากการอนุมัติของอัลลอฮฺ แต่พวกเขาก็ยังคงเรียนสิ่งที่ให้โทษแก่พวกเขา และไม่ได้ให้คุณแก่พวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขารู้ดีว่า ผู้ใดที่ซื้อวิชานี้จะไม่มีส่วนใดในปรโลกสำหรับเขาเลย ช่างชั่วช้าเสียนี่กระไรสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ขายตัวของพวกเขาไปเพื่อมัน ถ้าหากว่าพวกเขารู้

คำแปล R4.
102. และพวกเขาได้ประพฤติตามสิ่งที่เหล่ามารร้ายได้นำมาอ่านในยุคปกครองของ(นบี)สุลัยมาน(สิ่งนั้นคือตำราทางไสยศาสตร์และมายากล)และสุลัยมานมิได้เนรคุณ(ต่ออัลเลาะฮฺ)แต่พวกมารร้ายเหล่านั้นต่างหากที่เนรคุณ พวกมันสอนวิชาไสยศาสตร์แก่มนุษย์ทั้งหลาย และ(พวกมันได้สอน)วิชาที่ถูกประทานแก่มลาอิกะฮฺสององค์ ณ เมืองบาบิล(ทั้งสองคือ)ฮารู๊ตและมารู๊ตและทั้งสองจะยังไม่สอน(วิชาไสยศาสตร์ดังกล่าว)แก่ผู้ใดทั้งสิ้น จนกว่าทั้งสองจะประกาศตัวว่า “เราเป็นข้อทดสอบ ท่านจงอย่าเนรคุณ” แต่แล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างก็พร่ำเล่าเรียนจากพวกเขาทั้งสอง(วิชาดังกล่าวซึ่งเป็น)สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องแตกแยกกันเพราะมัน ระหว่างชายคนหนึ่งกับภริยาของเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นหาได้ใช้สิ่งนั้นมาทำอันตรายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้ไม่ นอกจากจะเป็นไปโดยอนุญาตของอัลเลาะฮฺเท่านั้น และพวกเหล่านั้นต่างก็เล่าเรียนวิชาที่ให้โทษแก่พวกเขาเอง และมันไม่มีคุณแก่พวกเขาเลย ขอยืนยันว่าที่จริงแล้วพวกเขาก็รู้ดีว่าใครกันที่ได้ทำการแลกเปลี่ยนมัน(คัมภีร์เตารอฮฺ)เขาผู้นั้นย่อมไม่มีส่วนวาสนาใด ๆ ในโลกหน้าเลย และสิ่งที่เขาได้นำมาขายตัวของเขาเองนั้นช่างเลวร้ายสิ้นดี ทั้งนี้หากพวกเขารู้

คำแปล R5.
๑๐๒. และไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกนั้นจะถือตามตำราวิทยากลซึ่งพวกไซตอนได้นำมาอ่านกันในสมัยปกครองของสุไลมาน จำเดิมนั้นพวกไซตอนได้นำตำราวิทยากลมาฝังไว้ใต้บัลลังก์ของสุไลมานในระยะเวลาที่สุลัยมานหมดอำนาจการปกครอง(ฐานที่นางหนึ่งจากภริยาของเขาได้บูชาเทวรูป อยู่ ๔๐ วันโดยที่สุไลมานเองก็ไม่ทราบถึงพฤติการณ์อันเลวร้ายของภริยาตน เขาจึงถูกอัลเลาะห์ตำหนิ) เป็นเวลาถึง ๔๐ วัน ซึ่งเท่ากับเวลาที่ภริยาของเขาลอบบูชาเทวรูป
หรืออีกกรณีหนึ่งมีว่า พวกไซตอนได้ลอบไปแอบฟังวิทยากลมา พวกมันก็ได้ปั้นความเท็จต่าง ๆ นานาเข้าผสมผเสด้วย แล้วจึงเอาวิทยากลซึ่งถูกผสมกับความเท็จนั้นถ่ายทอดไปให้แก่พวกไซตอนที่เป็นนักทำนาย นักทำนายเหล่านั้นจึงต่างก็จดเอาไว้เป็นตำรับตำราออกแพร่หลายจนลือกระฉ่อนว่า พวกยิน(อมนุษย์)ก็สามารถทำนายเหตุการณ์ลึกลับได้ เมื่อสุไลมานทราบเรื่องราวอย่างนี้แล้ว จึงได้เก็บรวบรวมตำราเหล่านั้นไปฝังไว้ใต้บัลลังก์ของตน ครั้นเมื่อสุไลมานตายลงแล้ว พวกไซตอนจึงต่างไปชี้สถานที่ฝังตำรานั้นให้พวกมนุษย์ดู มนุษย์จึงขุดมันขึ้นมาและทราบว่าวิชาวิทยากลมีบอกอยู่ในตำรานั้น พวกไซตอนพร้อมกันพูดเสริมว่า ดูเถอะแม้กษัตริย์ของพวกเจ้าก็ทรงใช้ตำรานี้เป็นคู่มือปลูกฝังความมีอำนาจแห่งตน ฉะนั้นพวกเจ้าจงร่ำเรียนวิชานี้กันเถอะ จากนั้นพวกมนุษย์ก็เริ่มสลัดบรรดาคัมภีร์ของนบีต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมพวกตนเคยยึดถือกันอยู่ อัลเลาะห์จึงตรัสเพื่อปัดให้สุไลมานพ้นราคีที่ถูกป้ายร้าย และเพื่อคัดค้านพวกยะฮูดีที่เคยพูดว่า “พวกเจ้าจงดูมูฮำมัดซิ บอกว่าสุไลมานเป็นคนหนึ่งในบรรดานบี แต่ทว่าสุไลมานหาได้เป็นอะไรไม่ นอกจากจะเป็นนักวิทยากลเท่านั้น

สองกรณีดังกล่าวข้างบนนี้ อัลเลาะห์ตรัสว่า สุไลมานมิได้ประกอบการวิทยากลหรอก เพราะวิทยากลเป็นเรื่องของอัล-กุฟร์ อย่างไม่มีข้อแม้ในหลักการทางศาสนาของสุไลมาน ส่วนในศาสนามูฮำมัด วิชานี้ยังอยู่ในข่ายพิจารณาเป็นสองนัย คือถ้าผู้ใดว่าวิชานี้เป็นเรื่องอนุญาต ผู้นั้นเป็นกาฟิร แต่ผู้ใดว่าวิชานี้เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) ผู้นั้นย่อมไม่เป็นกาฟิร แต่พวกไซตอน(มารร้าย)ต่างหากกระทำตามวิทยากล โดยได้สอนให้มนุษย์รู้วิทยากล และยังได้เอาวิชาที่ถูกนำมาให้มลาอิกะฮ์สององค์ซึ่งมีนามว่า ฮารูตและมารูตที่เมืองบาบิล(บาบิโลน)สอนแก่มนุษย์ ทั้งสองนั้นจะไม่สอนคนใดคนหนึ่ง จนกว่าเขาจะเตือนคนที่เรียนวิชานั้นว่า เราทั้งสองเป็นผู้นำภัยจากอัลเลาะห์มายังมนุษย์ เพราะอัลเลาะห์ทรงรู้มาแต่เดิมแล้วว่า ใครจะเป็นมุอ์มินและใครจะเป็นกาฟิร แต่พระองค์จะทรงกระทำแก่มนุษย์เหมือนกับที่มนุษย์จะทราบอะไรได้ด้วยการทดลอง กล่าวคือ ทรงให้ศึกษาวิชานี้ ฉะนั้นถ้าใครสมัครใจจะศึกษาผู้นั้นเป็นกาฟิร แต่ถ้าผู้ใดไม่สมัครใจจะศึกษาผู้นั้นก็เป็นมุอ์มิน ฉะนั้นเจ้าอย่าเป็นกาฟิรเพราะไปศึกษาพร้อมด้วยปฏิบัติวิชานี้เข้า ถ้าผู้ใดดื้อดึงเอาแต่จะให้เขาสอน ทั้งสองก็สอนให้ พวกนั้นก็เรียนวิชาที่พวกตนสามารถทำให้สามีภรรยาแตกกัน จากคนทั้งสองนั้น กล่าวคือวิชานี้ทำให้สามีภรรยาขัดเคืองใจขัดเคืองใจซึ่งกันและกัน นักวิชากลทั้งสิ้นไม่สามารถให้เป็นภัยอันตรายแก่ผู้ใดได้ เว้นไว้แต่โดยความมุ่งหมายของอัลเลาะห์เท่านั้น พวกนั้นต่างเรียนวิชาที่เป็นแต่โทษไม่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองในภพหน้า และขอยืนยันว่า แท้จริงยะฮูดีรู้แน่แล้วว่า ผู้ใดนำเตารอตไปเปลี่ยนเอาวิชาวิทยากลมาใช้ เขาผู้นั้นไม่มีส่วนได้สวรรค์ในภพหน้า และการที่พวกนั้นเอาส่วนได้ของตนในภพหน้าไปแลกกับวิทยากลนั้นเป็นความเลวยิ่งนักนั่นคือการศึกษาวิชานี้  เพราะมันเป็นสื่อชักนำให้ผู้เรียนต้องเข้านรก ถ้าพวกนั้นรู้ความจริงว่าการถูกลงโทษทรมานนั้นตนจะต้องกลับไปสู่แล้ว พวกเขาจะไม่เรียนแน่นอน




คำอ่าน

103. วะเลาอัน..นะฮุมอามะนู วัตตะก็อวฺ ละมะษูบะตุม..มินอิน..ดิลลาฮิค็อยรฺ, เลากานูยะอฺละมูน

คำแปล R1.

103. And if they had believed, and guarded themselves from evil and kept their duty to Allah, far better would have been the reward from their Lord, if they but knew!

คำแปล R2.
103. ถ้าหากพวกเขาศรัทธาในอัลลอฮฺและสำรวมตนจากความชั่ว พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนที่ดีกว่าจากอัลลอฮฺ ถ้าหากว่าพวกเขารู้

คำแปล R3.
103. และมาดแม้นว่า พวกเขาเหล่านั้นมีศรัทธาและยำเกรง แน่นอน(เขาก็จะทราบได้เป็นอย่างดีว่า)อันผลตอบแทนจากอัลเลาะฮฺย่อมจะประเสริฐกว่าอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากพวกเจ้ารู้

คำแปล R4.
103. และหากว่า เขาเหล่านั้นศรัทธา และเกรงกลัวแล้ว แน่นอน ผลานิสงส์ ณ ที่อัลลอฮ์นั้นย่อมดีกว่า หากพวกเขารู้

คำแปล R5.
๑๐๓. และถ้าหากพวกนั้นศรัทธาต่อมูฮำมัดและอัล-กุรอาน และกลัวเกรงการลงโทษทรมานโดยละเว้นความชั่วต่าง ๆ เช่นเรื่องวิทยากล พวกนั้นก็จะได้รับบุญกุศล เพราะพระองค์ตรัสไว้ว่า “บุญกุศลจากอัลเลาะห์นั้นดีกว่า” วิชาวิทยากลที่พวกนั้นยอมเอาตัวเข้าแลกมากนัก ถ้าพวกนั้นตระหนักดีว่ากุศลผลบุญจากอัลเลาะห์นั้นดีแล้ว ก็คงจะไม่เลือกวิชาวิทยากลและละทิ้งกุศลผลบุญ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ก.พ. 23, 2010, 08:31 PM »
0
 salam

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 104 -105


คำอ่าน
104. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตะกูลูรออินา วะกูลุน..ซุรฺนา วัสมะอู วะลิลกาฟิรีนะอะซาบุนอะลีม

คำแปล R1.
104. O you who believe! Say not (to the Messenger Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ) Ra'ina but say Unzurna (Do make us understand) and hear. And for the disbelievers there is a painful torment. (See Verse 4:46)

คำแปล R2
104.โอ้ผู้มีศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าใช้คำว่า “รออินา” (พูดกับนบีมูฮำมัด เพราะคำนี้เมื่อเป็นภาษาอาหรับก็แปลได้ว่า “จงสนใจเรา” แต่ในภาษาฮิบรูของพวกยิวเป็นคำด่า) แต่พวกเจ้าจงกล่าวว่า “อุนซุรนา” จงดูแลเรา และพวกเจ้าจงรับฟังเถิด และสำหรับผู้ปฏิเสธทั้งมวลนั้น จะต้องประสบกับการลงโทษอันทรมานที่สุด

คำแปล R3
104. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่ากล่าว “รออินา” แต่จงกล่าว “อุนซุรนา” แล้วจงฟังสิ่งที่ได้ถูกกล่าวไป สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น คือการลงโทษอันเจ็บปวด

คำแปล R4

104. โอ้ ศรัทธาทั้งหลาย ! จงอย่าพูดว่ารออินา และจงพูดว่า อุนซุรนา และจงฟัง และสำหรับผู้ปฏิเสธการศรัทธานั้น คือการลงโทษอันเจ็บแสบ

คำแปล R5

๑๐๔. โอ้บรรดาผู้ที่เป็นมุอ์มิน เจ้าอย่าพูดโต้ตอบกับมูฮำมัดด้วยคำว่า “รออินา” ด้วยพวกยะฮูดีได้ฉวยโอกาสใช้คำนี้ด่ามูฮำมัด เพราะคำนี้เป็นคำด่าในภาษายะฮูดี แต่พวกเจ้าจงพูดกับมูฮำมัดว่า “อุนซุรนา” แทน เพราะไม่เหมือนคำด่าของพวกยะฮูดี และพวกเจ้าจงเชื่อฟังอย่างเคารพต่อสิ่งที่พวกเจ้าถูกใช้ให้ทำ และการลงโทษทรมานอย่างเจ็บปวดนั้นจะต้องได้แก่พวกยะฮูดี เพราะพวกนั้นใช้คำพูดของพวกเจ้าเป็นสื่อด่า และดูถูกมูฮำมัด



คำอ่าน
105. มายะวัดดุลละซีนะกะฟะรู มินอะฮฺลิลกิตาบิ วะลัลมุชริกีนะ อัย..ยุนัซซะละอะลัยกุม..มินค็อยริม..มิรฺร็อบบิกุม, วัลลอฮุยัคตัศศุบิเราะหฺมะติฮี มัย..ยะชา...อ์, วัลลอฮุซุลฟัฎลิลอะซีม

คำแปล R1.
105. Neither those who disbelieve among the people of the scripture (Jews and Christians) nor Al-Mushrikun (the disbelievers In the Oneness of Allah, idolaters, polytheists, pagans, etc.) like that there should be sent down unto you any good from your Lord. But Allah chooses for His Mercy whom He wills. And Allah is the Owner of Great Bounty.

คำแปล R2
105. บรรดาผู้ปฏิเสธจากชาวคัมภีร์และพวกตั้งภาคีทั้งหลายย่อมไม่ชอบที่จะให้ความดีถูกประทานแก่พวกเจ้า จากองค์อภิบาลของพวกเจ้า แต่อัลเลาะฮฺทรงจำกัดความเมตตาของพระองค์เป็นการเฉพาะแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่นัก

คำแปล R3
105. บรรดาผู้ปฏิเสธสารแห่งสัจธรรมไม่ว่าจะเป็นชาวคัมภีร์หรือพวกบูชาเทวรูป ไม่ปรารถนาที่จะเห็นความดีใด ๆ จากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าถูกส่งมายังสูเจ้า ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺทรงเลือกที่จะประทานความเมตตาของพระองค์ให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยเฉพาะ และอัลลอฮฺคือเจ้าแห่งความโปรดปรานอันใหญ่หลวง

คำแปล R4
105. บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาทั้งจากอะฮ์ลุลกิตาบ และจากบรรดามุชริกนั้น ต่างไม่ชอบที่จะให้มีความดีใด ๆ จากพระเจ้าของพวกเจ้าถูกประทานลงมาแก่พวกเจ้าและอัลลอฮ์นั้นจะทรงเจาะจง ความกรุณาของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง

คำแปล R5
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือพวกยะฮูดีแสดงความจงรักภักดีต่อพวกมุอ์มินอย่างไม่จริงใจ
๑๐๕. พวกกาฟิรยะฮูดีและมุชริก ไม่ชอบที่จะให้การลงโองการจากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าแก่พวกเจ้า เพราะมีใจริษยา และทั้งสองพวกนั้นต้องการตำแหน่งนบี แต่อัลเลาะห์จะทรงเจาะจงตำแหน่งนบีให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย คือ มูฮำมัด และอัลเลาะห์คือพระผู้ทรงโปรดที่ยิ่งใหญ่ไพศาล

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 24, 2010, 06:05 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ก.พ. 24, 2010, 06:33 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 106-107



คำอ่าน
106. มานัน..ซัคมินอายะติน เอานุน..ซิฮา นะอ์ติบิค็อยริม..มินฮา..เอามิษลิฮา, อะลัมตะอฺลัม อัน..นัลลอฮะอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ

คำแปล R1.
106. Whatever a Verse (revelation) do We abrogate or cause to be forgotten, We bring a better one or similar to it. Know you not that Allah is able to do all things?

คำแปล R2
106. โองการใดก็ตามที่เรายกเลิกหรือทำให้ลืมเลือนมันไป เราก็จะประทานโองการที่ดีกว่านั้นหรือเท่าเทียมกัน(มาแทนที่โองการที่ถูกยกเลิกไป) เจ้าไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺ ทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง

คำแปล R3
106. อายะฮฺใดที่เราได้ยกเลิกหรือถูกทำให้ลืมเลือน เราก็ได้นำที่ดีกว่า หรืออย่างน้อยที่สุดก็เท่าเทียมกันมาทดแทน สูเจ้าไม่รู้หรือว่าอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

คำแปล R4
106. โองการใดที่เรายกเลิก หรือเราทำให้มันลืมเลือนไปนั้น เราจะนำสิ่งที่ดีกว่าโองการนั้นมา หรือสิ่งที่เท่าเทียมกับโองการนั้น เจ้ามิได้รู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพ เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

คำแปล R5
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือ พวกยะฮูดี หรือพวกมุชริกีนตำหนิเรื่องการที่โองการหนึ่งไปยกเลิกอีกโองการหนึ่งและกล่าวว่า แท้จริงมูฮำมัดนั้นได้ใช้พวกสาวกของเขาในวันนี้เรื่องหนึ่ง แต่ได้ห้ามกระทำเรื่องนั้นในวันต่อไป โองการต่อไปนี้จึงมีลงมาว่า
๑๐๖. โอ้มูฮำมัด ถ้าเราหรือยิบรออีลได้ใช้เจ้าให้ยกเลิกบัญญัติของบางโองการ พร้อมกับการยกเลิกการอ่านและเขียน เช่น โองการที่ว่า(خمس رضعات يحرمن )ก็ดี หรือว่า ถ้าเราหรือยิบรออีลได้ใช้เจ้าให้ยกเลิกบัญญัติบางโองการ แต่คงการอ่านและการเขียนไว้ เช่น โองการที่ว่า(وان ليس للانسان إلا ماسعى)
ก็ดี หรือถ้าเราได้ประวิงการลงบางโองการ และเรายังคงบัญญัติไว้ แต่เรายกเลิกการอ่านและการเขียน เช่น โองการที่ว่า(الشيخ والشيخة اذازنيافارجموهماالبتة )ก็ดี เราก็นำโองการที่ง่ายกว่า เช่นโองการที่ว่า(فان يكن منكم مائة صابرة يغلبوا مائتين )มาแทนโองการที่ว่า(ان يكن منكم عشرون صابرون يغلبوا)หรือจะนำบางโองการที่ได้กุศลมากกว่า เช่น
(فمن شهد منكم الشهر فليصمه)  มาแทนโองการที่ว่า(وعلى الذين يطيقونه فدية طعام مسكين ) หรือจะนำโองการที่ได้กุศลผลบุญเสมอกัน เช่นโองการที่ว่า   (فول وجهك شطرالمشجد الحرام)มาแทนอัล-หะดีส ว่าด้วยเรื่อง (استقبال بيت المقدس) เรื่องการยกเลิก การคงไว้ก็ดี มีรายละเอียดบรรยายไว้ในคัมภีร์อุซูลุลฟิกห์ (ถ้าท่านอยากทราบแล้ว โปรดเสาะแสวงหาอ่านดูเอง) โอ้ มูฮำมัด เจ้าจงรับว่าเจ้ารู้ว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง เช่น การยกเลิกหรือการแทน


   

คำอ่าน
107. อะลัมตะอฺลัมอัน..นัลลอฮะละฮู มุลกุสสะมาวาติวัลอัรฎฺ, วะมาละกุม..มิน..ดูนิลลาฮิ มิว..วะลียิว..วะลานะศีรฺ

คำแปล R1.
107. Know you not that it is Allah to whom belongs the dominion of the heavens and the earth? And besides Allah you have neither any Wali(protector or guardian) nor any helper.

คำแปล R2
107.เจ้าไม่รู้หรือว่าแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงสิทธิ์ในการปกครองฟากฟ้าและแผ่นดินและสำหรับพวกเจ้าทั้งมวล นอกจากอัลเลาะฮฺแล้วจะไม่มีผู้ปกครองคนใดและผู้ช่วยเหลือคนใดทั้งสิ้น


คำแปล R3
107. สูเจ้าไม่รู้หรือว่า อำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮฺ และสูเจ้าไม่มีผู้ใดเป็นผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือนอกจากอัลลอฮฺ?

คำแปล R4

107. เจ้า (มุฮัมมัด) มิได้รู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงมีอำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน อื่นจากอัลลอฮ์แล้ว พวกเจ้าย่อมไม่มีผู้คุ้มครองใด ๆ และผู้ช่วยเหลือใด ๆ

คำแปล R5
๑๐๗. โอ้มูฮำมัด เจ้าจงรับว่าเจ้านู้ว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงปกครอง ๗ ชั้นฟ้าและแผ่นดิน พระองค์จะทำตามความมุ่งหมายของพระองค์ เช่น ยกเลิกข้อความหนึ่งแล้วเอาข้อความอื่นมาแทน โอ้มูฮำมัดและประชากร นอกจากอัลเลาะห์แล้วย่อมไม่มีผู้พิทักษ์รักษาและผู้ช่วยป้องกันพวกเจ้าให้พ้นจากการถูกลงโทษทรมานเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 24, 2010, 06:59 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ก.พ. 24, 2010, 07:39 PM »
0
 
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 108 - 110


คำอ่าน
108. อัมตุรีดูนะ อัน..ตัสอะลูเราะสูละกุม กะมาสุอิละมูสามิน..ก็อบลฺ, วะมัย..ยะตะบัดดะลิลกุฟเราะ บิลอีมานิ ฟะก็อฎฎ็อลละสะวา...อัสสะบีล

คำแปล R1.
108. Or do you want to ask your Messenger (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) as Musa (Moses) was asked before (i.e. show us openly Our Lord?) and he who changes faith for disbelief, Verily, he has gone astray from the right way.

คำแปล R2.
108. หรือเจ้าทั้งหลายปรารถนาที่จะซักถามศาสนทูตของพวกเจ้า เช่นที่มูซาได้เคยถูกถามมาก่อนหน้าแล้ว และผู้ใดนำเอาศรัทธาไปแลกกับการเนรคุณ แน่นอนเขาย่อมหลงออกนอกทางอันเที่ยงตรง

คำแปล R3.
108. หรือสูเจ้าอยากจะถามรอซูลของสูเจ้าดังที่มูซาได้ถูกถามแต่ก่อนนี้ ? และผู้ใดที่เอาการปฏิเสธมาแลกการศรัทธา เขาผู้นั้นก็หลงไปจากทางซึ่งเที่ยงตรง

คำแปล R4.
108. หรือพวกเจ้าจะขอร้องต่อร่อซูลของพวกเจ้า เช่นเดียวกับที่มูซาเคยถูกขอร้องมาก่อนแล้ว และผุ้ใดเปลี่ยนเอาการปฏิเสธไว้แทนการศรัทธาแล้วไซร้ แน่นอนเขาได้หลงทางอันเที่ยงตรงเสียแล้ว

คำแปล R5

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือ ขณะที่ชาวมักกะห์ได้ขอร้องต่อนบีให้นครมักกะห์เป็นนครที่กว้างขวาง ให้ภูเขาอัล-ซอฟาเป็นภูเขาทองคำ
๑๐๘. โอ้ชาวมักกะห์ พวกเจ้าอยากจะขอร้องต่อศาสนทูตของเจ้าเหมือนกับที่มูซาถูกประชากรของเขาขอร้องมาก่อนว่า “โอ้มูซา ขอให้พวกเราเห็นอัลเลาะห์ด้วยตาตัวเอง” กระนั้นหรือ? และผู้ใดเอาความศรัทธา(อีหม่าน)ไปแลกกับอัลกุฟร์(ความไม่ศรัทธา)โดยละเว้นการตรึกตรองเนื้อความที่กระจ่างของโองการ แล้วกลับไปใฝ่ฝันเอาเรื่องอื่นที่ไร้สาระมาเพื่อการเยาะเย้ย แน่นอนผู้นั้นย่อมเดินผิดทางที่เที่ยงตรง


คำอ่าน
109. วัดดะกะษีรุม..มินอะฮฺลิลกิตาบิ เลายะรุดดูนะกุม..มิม..บะอฺดิอีมานิกุม กุฟฟารอน..ญะสะดัม..มินอัน..ฟุสิฮิม มิม..บะอฺดิมายะตะบัยยะนะ ละฮุมุลหักกฺ ฟะอฺฟู วัศฟะหู หัตตายะอ์ติยัลลอฮุ บิอัมริฮฺ, อิน..นัลลอฮะอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ

คำแปล R1.
109. Many of the people of the Scripture (Jews and Christians) wish that if they could turn you away as disbelievers after you have believed, out of envy from their own selves, even, after the Truth (that Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam is Allah's Messenger) has become manifest unto them. But forgive and overlook, till Allah brings His Command. Verily, Allah is able to do all things.

คำแปล R2
109. พวกชาวคัมภีร์ส่วนใหญ่รู้สึกชอบใจยิ่งนัก หากพวกเขาสามารถทำให้พวกเจ้าทั้งหลายกลับไปสู้สภาพผู้เนรคุณ ภายหลังที่พวกเจ้าได้มีศรัทธาแล้ว เพราะความริษยาที่มาจากตัวของพวกเขาเอง ภายหลังสัจธรรมได้ประจักษ์แจ้งแล้วแก่พวกเขา ดั้งนั้นเจ้าทั้งหลายจงอภัยและจงเมินเฉย(ต่อพวกเขาไปก่อน อย่าเพิ่งสู้รบกับพวกนั้น)จนกว่าอัลเลาะฮฺจะนำมาซึ่งพระบัญชาของพระองค์(สู่พวกเจ้าให้กระทำการอันเหมาะควรต่อไป)แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง

คำแปล R3.
109. ส่วนมากของชาวคัมภีร์ต้องการที่จะหันสูเจ้ากลับมายังการปฏิเสธหลังจากการศรัทธาของสูเจ้า ทั้งนี้เนื่องด้วยความอิจฉาของพวกเขา หลังจากที่สัจธรรมได้เป็นที่แจ่มแจ้งแก่พวกเขาแล้ว ดังนั้น สูเจ้าจงแสดงความอดทนและให้อภัยแก่พวกเขา จนกว่าอัลลอฮฺจะได้มีพระบัญชาลงมา (ดังนั้นขอให้แน่ใจได้ว่า) อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

คำแปล R4.
109. อะฮ์ลุลกิตาบมากมายชอบ หากพวกเขาจะสามารถทำให้พวกเจ้ากลับเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธาอีก ทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาที่มาจากตัวของพวกเขาเอง หลังจากความจริงได้ประจักษ์แก่พวกเขา ดังนั้น พวกเจ้าจงให้อภัย และเบือนหน้าเสีย จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง

คำแปล R5
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือ เมื่อพวกมุอ์มินแพ้สงครามอุฮุด พวกยะฮูดีต้องการให้พวกมุอ์มินลังเลใจ จึงพูดแก่พวกมุอ์มินว่า ถ้าพวกมุอ์มินเป็นพวกที่เที่ยงแท้ ก็คงจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้และภัยอันตราย พวกเจ้าจงกลับมายังศาสนาของเราเถิด
๑๐๙. ส่วนมากจากพวกยะฮูดีชอบให้พวกเจ้ากลับไปสู่ศาสนาเดิม หลังจากเจ้าเป็นพวกที่เชื่อแล้ว โดยให้พวกเจ้าเป็นกาฟิร เพราะความริษยาที่เกิดจากพวกนั้น ภายหลังที่ความจริงเกี่ยวกับเรื่องความมหัศจรรย์และลักษณะมูฮำมัดได้แจ่มแจ้งอยู่ในเตารอตสำหรับพวกนั้นแล้ว ฉะนั้นพวกเจ้าอย่าใส่ใจ และจงเบือนเสียจากพวกนั้นเถิด และจงอย่าสู้รบกับมันจนกว่าอัลเลาะห์จะทรงมีอนุญาตให้ทำการสู้รบกับพวกนั้น แท้จริงอัลเลาะห์ทรงมีอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง


คำอ่าน
110. วะอะกีมุศเศาะลาตะ วะอาตุซซะกาตะวะมาตุก็อดดิมูลิอัน..ฟุสิกุม..มินค็อยริน..ตะญิดูฮุอิน..ดัลลอฮฺ, อิน..นัลลอฮะบิมาตะอฺมะลูนะบะศีรฺ

คำแปล R1.
110. And perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and give Zakat, and whatever of good (deeds that Allah loves) you send forth for yourselves before you, you shall find it with Allah. Certainly, Allah is All-Seer of what you do.

คำแปล R2.
110. และเจ้าทั้งหลายจงดำรงการละหมาดและบริจาคซะกาฮฺ และไม่ว่าความดีใด ๆ ก็ตามที่พวกเจ้าได้กระทำล่วงหน้าเอาไว้เพื่อตัวของพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะได้พบมัน ณ ที่อัลเลาะฮฺอย่างแน่นอน แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติไว้

คำแปล R3.
110. และจงดำรงนมาซและจ่ายซะกาต และความดีอันใดที่สูเจ้าได้ประกอบไว้ก่อนสำหรับตัวสูเจ้า สูเจ้าก็จะพบมันที่อัลลอฮฺ แท้จริง อัลลอฮฺทรงเฝ้ามองทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ


คำแปล R4
110. และพวกเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดเถิด และจงชำระซะกาตเสีย และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้าได้ประกอบล่วงหน้าไว้สำหรับตัวของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าก็จะพบมัน ณ ที่อัลลอฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้าปฏิบัติกันอยู่

คำแปล R5.
๑๑๐. และโอ้มวลมุอ์มิน พวกเจ้าจงดำรงละหมาด ๕ เวลาและทำพลีทานตามศาสนบัญญัติเถิด และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้าได้สั่งสมไว้สำหรับตัวเอง เช่น ผูกสัมพันธ์กับญาติและให้ทาน พวกเจ้าก็จะต้องได้รับผลบุญตอบแทนจากอัลเลาะห์ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรู้สิ่งต่าง ๆ ที่พวกเจ้ากระทำ และจะทรงตอบแทนผลกรรมแก่พวกเจ้า




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ก.พ. 25, 2010, 09:04 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 111-113

   

คำอ่าน
111. วะกอลู ลัย..ยัดคุลัลญัน..นะตะ อิลลามัน..กานะ ฮูดันเอานะศอรอ, ติลกะอะมานียุฮุม, กุลฮาตูบุรฺฮานะกุม อิน..กุน..ตุมศอดิกีน

คำแปล R1.
111. And they say, "None shall enter Paradise unless he is a Jew or a Christian." These are theirown desires. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ), "Produce your proof if you are truthful."

คำแปล R2.
111. และพวกเขากล่าวว่า จะไม่มี(ผู้ใดได้)เข้าสวรรค์ ยกเว้นผู้ที่เป็นยะฮูดี(ยิว)หรือเป็นนัศรอนีย์(คริสต์) นั่นเป็นเพียงความใฝ่ฝันของพวกเขาเท่านั้น เจ้าจงประกาศเถิดว่า พวกเจ้าทั้งหลายจงนำหลักฐานมา(ยืนยันในคำกล่าวเช่นนั้น)ซิ ถ้าพวกท่านเป็นผู้สัจจริง

คำแปล R3.

111. พวกเขากล่าวว่า “ไม่มีใครที่จะได้เข้าสวรรค์เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นยิวหรือคริสเตียน”นี่คือความหวังอันเลื่อนลอยของพวกเขา จงกล่าวกับพวกเขาเถิดว่า “จงนำหลักฐานของพวกท่านมา ถ้าพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง”


คำแปล R4.
111. และพวกเขากล่าวว่า จะไม่มีใครเข้าสวรรค์เลย นอกจากผู้ที่เป็นยิวหรือเป็นคริสเตียนเท่านั้น นั่นคือความเพ้อฝันของพวกเขา จงกล่าวเถิด (มูฮัมมัด) ว่า พวกท่านจงนำหลักฐานของพวกท่านมา ถ้าพวกท่านเป็นผู้พูดจริง


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือ พวกยะฮูดีนครมะดีนะฮฺ และพวกนะซอรอนัจรอน ได้ถกเถียงกันต่อหน้ามูฮำมัด คือ พวกยะฮูดีว่าไม่มีใครได้เข้าสวรรค์ นอกจากพวกตน ส่วนพวกนะซอรอก็ว่าไม่มีใครได้เข้าสวรรค์ นอกจากพวกที่เป็นนะซอรอ
๑๑๑. และพวก(ยะฮูดีกับพวกนะซอรอ)นั้นกล่าวว่า ไม่มีใครได้เข้าสวรรค์นอกจากพวกที่เป็นยะฮูดีหรือนะซอรอ คำพูดดังนั้นพูดตามกิเลส โอ้มูฮำมัดจงบอกพวกนั้นว่า “พวกเจ้าจงนำหลักฐานที่ยืนยันคำพูดของพวกเจ้ามาแสดงเถอะ” ถ้าเจ้าเป็นพวกที่พูดจริงตามคำพูดของพวกเจ้าอย่างนั้น

   

คำอ่าน
112. บะลามันอัสละมะ วัจญฮะฮูลิลลาฮฺ วะฮุวะมุหฺสินุน..ฟะละฮุ..อัจญรุฮู อิน..ดะร็อบบิฮี วะลาค็อวฟุนอะลัยฮิม วะลาฮุมยะหฺซะนูน

คำแปล R1.
112. Yes, but whoever submits his face (himself) to Alalh (i.e. follows Allah's Religion of Islamic Monotheism) and he is a Muhsin  then his reward is with his Lord (Allah), on such shall be no fear, nor shall they grieve. [See Tafsir Ibn KathirVol.1, Page 154].

คำแปล R2
112. ถูกแล้ว บุคคลใดก็ตามที่นบนอบใบหน้า(ตัว)ของเขาแด่อัลเลาะฮฺ โดยเขาเป็นผู้ประพฤติคุณธรรม แน่นอนที่สุด เขาจะได้รับรางวัลจากองค์อภิบาลของเขา และพวกเขาไม่ประสบความหวาดกลัวใด ๆ และพวกเขาจะไม่เศร้าโศก(แต่ประการใด ๆ )

คำแปล R3
112. ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ใครก็ตามที่ยอมมอบตนต่ออัลลอฮฺและเป็นผู้กระทำการดี เขาก็จะได้รับการตอบแทนจากพระผู้อภิบาลของเขา และจะไม่มีความกลัวและความระทม สำหรับพวกเขา


คำแปล R4
112. หาใช่เช่นนั้นไม่ ผู้ใดที่มอบใบหน้าของเขา ให้แก่อัลลอฮ์ และขณะเดียวกัน เขาก็เป็นผู้กระทำความดีแล้วไซร้ เขาจะได้รับรางวัลของเขา ณ ที่พระเจ้าของเขา และไม่มีความกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ

คำแปล R5
๑๑๒. แต่อื่นจากยะฮูดีและนะซอรอก็ได้เข้าสวรรค์เหมือนกัน คือ พวกที่ตามห้ามและตามใช้ของอัลเลาะห์ โดยเชื่ออัลเลาะห์เป็นเจ้าองค์เดียว สวรรค์นั้นจะต้องได้แก่เขาและไม่มีความหวาดกลัวแก่เขาในขณะเป่าสังข์ครั้งแรก หรือเวลาที่พวกกาฟิรได้เห็นนรกและไม่มีความเศร้าโศกที่ความดีบางอย่างได้หลุดพ้นไป โดยที่ตนไม่ได้กระทำไว้ในภพนี้ทั้งยังไม่ต้องเศร้าโศกเหมือนกับที่คนเบาความ ไม่ทำความดี เศร้าโศกกันในวันอาคีเราะห์อีกด้วย



คำอ่าน
113. วะกอละติลยะฮูดุ ลัยสะติน..นะศอรอ อะลาชัยอิว..วะกอละติน..นะศอรอลัยสะติลยะฮูดุ อะลาชัยอิว..วะฮุมยัตลูนัลกิตาบ, กะซาลิกะ กอลัลละซีนะลายะอฺละมูนะมิษละก็อวลิฮิม ฟัลลอฮุยะหฺกุมุบัยนะฮุมเยามัลกิยามะติ ฟีมากานูฟีฮิยัคตะลิฟูน

คำแปล R1.
113. The Jews said that the Christians follow nothing (i.e. are not on the right religion); and the Christians said that the Jews follow nothing (i.e. are not on the right religion); though they both recite the Scripture. Like unto their word, said (the pagans) who know not. Allah will judge between them on the Day of Resurrection about that wherein they have been differing.

คำแปล R2.
113. และพวกยะฮูดี(ยิว)ได้กล่าวว่า อันพวกนัศรอนีย์(คริสต์)หาได้ตั้งอยู่บนสาระใด ๆ ไม่ และพวกนัศรอนีย์ก็กล่าวว่า อันพวกยะฮูดีหาได้ตั้งอยู่บนสาระใด ๆ ไม่ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาต่างก็อ่านคัมภีร์(ที่พวกเขายึดถืออยู่ นั่นคือพวกยะฮูดีอ่านเตารอฮฺ และพวกนัศรอนีย์อ่านคัมภีร์อินญีล) เช่นเดียวกันนั้น บรรดาผู้ไม่รู้(ในคัมภีร์เล่มใดเลยอันได้แก่พวกตั้งภาคี)ก็กล่าวเช่นคำกล่าวของพวกเขา ดังนั้นอัลเลาะฮฺ จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันชาติหน้า เกี่ยวกับกรณีที่พวกเขามีข้อพิพาทกัน(ดังได้กล่าวมาแล้วทั้งสามกลุ่ม)

คำแปล R3
113. และพวกยิวกล่าวว่า พวกคริสเตียนไม่มีสิ่งใด(แห่งสัจธรรม)และพวกคริสเตียนก็กล่าวว่า พวกยิวก็ไม่มีสิ่งใด ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายก็อ่านคัมภีร์เล่มเดียวกันนั้น และพวกที่ไม่มีความรู้เรื่องคัมภีร์ ก็ยังกล่าวอ้างเช่นเดียวกันนั้น ดังนั้น อัลลอฮฺจะตัดสินเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกันในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ

คำแปล R4.
113. และชาวยิวกล่าวว่า ชาวคริสต์นั้นมิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด และชาวคริสต์ก็กล่าว่า ชาวยิวก็มิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด ทั้ง ๆ ที่เขาเหล่านั้นอ่านคัมภีร์กันอยู่ ในทำนองเดียวกัน บรรดาผู้ที่ไม่รู้ก็ได้กล่าวเช่นเดียวกับคำกล่าวของพวกเขา ดังนั้นในวันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน

คำแปล R5
๑๑๓. และพวกยะฮูดีว่าพวกนะซอรอไม่ได้อยู่บนแก่นสารแห่งศาสนา พูดอย่างนั้นเป็นเหตุให้ยะฮูดีไม่เชื่ออีซา ส่วนพวกนะซอรอก็ว่า ยะฮูดีไม่อยู่บนแก่นสารแห่งศาสนา พูดอย่างนี้ก็เป็นเหตุให้นะซอรอไม่เชื่อมูซา ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองต่างก็อ่านคัมภีร์ เตารอตและอินยีลที่ถูกประทานให้แก่แต่ละพวก คือในเตารอตของยะฮูดีมีบ่งว่าให้เชื่ออีซา ส่วนในอินยีลก็มีบ่งว่าให้เชื่อมูซา เช่นเดียวกับที่พวกยะฮูดีและนะซอรอต่างคนต่างก็ว่ากันนี้ พวกมุชริกทุก ๆ ศาสนาต่างก็เคยว่ากันเหมือนคำของพวกทั้งสองนั้น วันกิยามะห์อัลเลาะห์จะทรงพิพากษาระหว่างสามพวกนั้นในเรื่องศาสนาที่พวกนั้นโต้เถียงและอิจฉากัน พระองค์จะทรงให้ฝ่ายที่ถือศาสนาอันเที่ยงแท้ได้เข้าสวรรค์ และให้ฝ่ายที่ถือศาสนาผิดได้เข้านรก




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: ก.พ. 25, 2010, 11:14 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 114 -117

 

คำอ่าน

114. วะมันอัซละมุ มิม..มัม..มะนะอะ มะสาญิดัลลอฮิ อัย..ยุซกะเราะฟีฮัสมุฮู วะสะอาฟีเคาะรอบิฮา, อุลา...อิกะมากานะละฮุม อัย..ยัดคุลูฮา..อิลลาคอ...อิฟีน, ละฮุมฟิดดุนยาคิซยู..วะละฮุมฟิลอาคิเราะติ อะซาบุนอะซีม

คำแปล R1.
114. And who is more unjust than those who forbid that Allah's Name be glorified and mentioned much (i.e. prayers and invocations, etc.) In Allah's mosques and strive for their ruin? It was not fitting that such should themselves enter them (Allah's Mosques) except in fear. For them there is disgrace in this world, and they will have a great torment in the hereafter.

คำแปล R2 .
114. และมีใครอีกเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่ห้ามมิให้กล่าวพระนามของอัลเลาะฮฺในมัสยิดของพระองค์ และเขาได้พากเพียรที่จะทำลายมัสยิดเหล่านั้น พวกเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์สำหรับพวกเขาที่จะเข้าไปในนั้น ยกเว้นโดยความเกรงกลัว สำหรับพวกเขาในโลกนี้ จะต้องประสบแต่ความอัปยศ และในโลกหน้าพวกเขาก็จะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวง

คำแปล R3.
114. และผู้ใดเล่าที่อธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่ห้ามการเข้าไปในมัสญิดทั้งหลายของอัลลอฮฺเพื่อกล่าวรำลึกถึงพระนามของพระองค์ภายในนั้นและพยายามที่จะทำลายมัน? คนพวกนี้ไม่สมควรที่จะเข้าไปในนั้นเว้นแต่ พวกเขาจะเข้าไปด้วยความยำเกรง สำหรับพวกเขาในโลกนี้คือความอัปยศอดสู และการลงโทษอันมหันต์ในปรโลก

คำแปล R4.

114. และใครเล่าจะเป็นผู้อธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่หวงห้ามบรรดามัสยิดของออัลลอฮ์ ในการที่พระนามของพระองค์จะถูกกล่าวในมัสยิดเหล่านั้น และพยายามในการทำลายมัสยิดเหล่านั้นด้วย ชนเหล่านี้แหละไม่บังควรแก่พวกเขาที่จะเข้าไปในมัสยิดเหล่านั้น นอกจากในฐานะผู้เกรงกลัวเท่านั้น และเขาเหล่านั้นจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และในปรโลกนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
 มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือ พระเจ้าแผ่นดินของพวกนะซอรอกับพรรคพวกได้ทำสงครามกับพวกบนีอิสรออีล ทรงฆ่าและจับพวกบนีอิสรออีลเป็นเชลย เผาคัมภีร์เตารอต ทำลายมัศยิดไบตุลมุกอดดิส นำซากสัตว์ไปทิ้งในมัศยิด นำสุกรไปเชือดในมัศยิด มัศยิดผุพังร้างมาช้านาน จนกระทั่งอุมัร สาวกของมูฮำมัดได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่
๑๑๔. และไม่มีผู้ใดอีกแล้วที่ฉ้อโกงยิ่งกว่าพวกนะซอรอที่ห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าทำละหมาดและตัสบิห์(สรรเสริญ)ในมัศยิด ไบตุลมุกอดดิส และทำลายมัศยิดให้พังไปหมดสิ้นหรือทิ้งให้ร้างว่างเปล่า พวกเจ้าจงขู่พวกนั้นด้วยการสงคราม อย่ายอมให้ผู้เข้าสู่มัศยิดเข้าไปด้วยความปลอดภัย ความต่ำทราม เพราะถูกฆ่าบ้าง ตกเป็นเชลยบ้าง เสียค่ารัชชูปการบ้าง ต้องได้แก่พวกนั้นในภพนี้ ส่วนในภพหน้าพวกนั้นจะต้องเข้าสู่นรก

 

คำอ่าน

115. วะลิลลาฮิลมัชริกุ วัลมัฆริบ, ฟะอัยนะมาตุวัลลู ฟะษัม..มะวัจญฮุลลอฮฺ, อิน..นัลลอฮะวาสิอุนอะลีม

คำแปล R1.
115. And to Allah belong the east and the west, so wherever you turn yourselves or your faces there is the face of Allah (and He is high above, over his Throne). Surely! Allah is All-Sufficient for His creatures' needs, All-Knowing.

คำแปล R2.
115. และ(พื้นปฐพีทั้งหมด)ทั้งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ย่อมเป็นสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺ ดังนั้นไม่ว่าพวกเจ้าจะหันไปทางใดก็ตาม ณ ที่นั้นย่อมเป็นที่สถิตแห่งอัลเลาะฮฺ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงไพศาลอีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง

คำแปล R3.
115. ทั้งตะวันออกและตะวันตกเป็นของอัลลอฮฺ สูเจ้าจะพบอัลลอฮฺในทุกทิศทางที่สูเจ้าผินหน้าของสูเจ้าไป แท้จริงอัลลอฮฺคือผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R4.

115. และทิศตะวันออกและทิศตะวันตกนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ ดังนั้นพวกเจ้าจะผินไปทางไหน ที่นั่นแหละคือพระพักตร์ของอัลลอฮ์ แม้จริงอัลลอฮ์คือผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการนี้คือ พวกยะฮูดีตำหนิเรื่องยกเลิกการหันหน้าไปทางมัศยิดไบตุลมุกอดดิสในเวลาละหมาดโดยให้หันไปยังกะอ์บะอ์ มัศยิดมักกะห์ในเวลาละหมาดแทน อัลเลาะห์จึงทรงลงโองการต่อไปนี้ลงมา
๑๑๕. ผืนแผ่นดินทั้งหมดนั้นเป็นของอัลเลาะห์ เพราะทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นทิศ ๒ ทิศของแผ่นดิน ไม่ว่าหนแห่งใดที่พวกเจ้าหันไปในเวลาละหมาดตามคำสั่งของพระองค์ ที่นั่นแหละเป็นทิศที่พระองค์ทรงยินดีที่จะให้เป็นกิบลัต(ชุมทิศ)แล้วพระองค์จะทรงใช้ให้ผินหน้าไปตรงนั้น แท้จริงความโปรดปรานแห่งอัลเลาะห์นั้นไพศาลไปทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ทรงรอบรู้และทรงบริหารโลกนี้ให้อยู่ในระเบียบแบบแผนที่เรียบร้อย
[/color]




คำอ่าน
116.  วะกอลุตตะเคาะซัลลอฮุวะละดา สุบหานะฮู บัลละฮูมาฟิสสะมาวาติ วัลอัรฎฺ, กุลลุลละฮู กอนิตูน

คำแปล R1.
116. And they (Jews, Christians and pagans) say: Allah has begotten a son (children or offspring). Glorified is He (Exalted be He above all that they associate with Him). Nay, to Him belong all that is in the heavens and on earth, and all surrender with obedience (in worship) to Him.

คำแปล R2.
116. และพวกเขากล่าวว่า อัลเลาะฮฺทรงเอา(มนุษย์และมลาอิกะฮฺ)เป็นบุตร พระองค์ทรงบริสุทธิ์(เกินกว่าที่พวกเขาอ้าง)ทว่าความเป็นจริงนั้น สรรพสิ่งทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ล้วนเป็นสิทธิ์ของพระองค์ทั้งสิ้น ทุก ๆ สิ่งต่างภักดีต่อพระองค์

คำแปล R3
116. และพวกเขากล่าวว่า “อัลลอฮฺได้เอามนุษย์มาเป็นบุตร” มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงอยู่เหนือสิ่งเช่นนั้น ความจริงแล้วอะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์


คำแปล R4.
116. และพวกเขากล่าวว่า อัลลอฮ์ได้ทรงยึดเอาพระบุตรองค์หนึ่ง มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่านหาใช่เช่นนั้นไม่ สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้น เป็นของพระองค์ทั้งสิ้น โดยที่ทั้งหมดนั้นเป็นผู้ภักดี และนอบน้อมต่อพระองค์


คำแปล R5
๑๑๖. และ(พวกยะฮูดี พวกนะซอรอ ตลอดจนพวกมุซริกีนที่คาดว่ามลาอีกะห์นั้นเป็นบุตรสาวของอัลเลาะห์ ) พวกเหล่านี้กล่าวว่า อัลเลาะห์ได้เอาส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ถูกพระองค์สร้างมาเป็นบุตร กล่าวคือพวกยะฮูดีว่าอะซีซเป็นบุตรชายของอัลเลาะห์ พวกนะซอรอว่าอีซาเป็นบุตรชายของพระองค์ ส่วนพวกมุซริกว่า บรรดามลาอีกะห์เป็นบุตรสาวของพระองค์ อัลเลาะห์จึงตรัสว่า พระองค์บริสุทธิ์ผ่องแผ้วจากความมีบุตร เพราะว่าการมีบุตรนั้นเพียงเพื่อจะให้สืบตระกูล แต่ว่าอัลเลาะห์ไม่ทรงความตายและสูญหาย แต่สรรพสิ่งในเจ็ดชั้นฟ้าและแผ่นดินย่อมเป็นสิทธิของพระองค์ ในฐานะที่เหล่านั้นถูกพระองค์ปกครอง ถูกสร้างและเป็นทาส ขึ้นชื่อว่าการปกครองย่อมไม่รับกันกับการมีบุตร จึงแสดงว่าที่พระองค์มีบุตรนั้นเป็นการอ้างเท็จ ทั้งสิ้นย่อมถวายความจงรักภักดีตามที่พระองค์ทรงมีความประสงค์

 

คำอ่าน
117. บะดีอุสสะมาวาติวัลอัรฎิ วะอิซาเกาะฎอ..อัมรอน..ฟะอิน..นะมายะกูลุละฮู กุน..ฟะยะกูน

คำแปล R1.

117. The Originator of the heavens and the earth. When He decrees a matter, He only says to it: "Be!" - And it is.

คำแปล R2.
117. (อัลเลาะฮฺ) ผู้ทรงประดิษฐ์ฟากฟ้าและแผ่นดินทั้งมวล และเมื่อพระองค์ทรงกำหนดกิจการอันใด พระองค์ก็ทรงมีบัญชาแก่มันว่า “จงเป็นขึ้นเถิด” แล้วกิจการนั้นก็เป็นขึ้น(ตามพระบัญชาของพระองค์)


คำแปล R3.
117. พระองค์คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงกำหนดกิจการใด พระองค์เพียงแต่กล่าวแก่มันว่า “จงเป็น” แล้วมันก็เป็นขึ้นมา


คำแปล R4.
117. พระองค์ผู้ทรงประดิษฐ์ชั้นฟ้า และแผ่นดิน และเมื่อพระองค์ทรงกำหนดสิ่งใดแล้วพระองค์ก็เพียงแต่ประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นแล้วสิ่งนั้นก็จะเป็นขึ้น


คำแปล R5
 ๑๑๗. พระองค์คือผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยไม่ต้องมีตัวอย่าง เมื่อพระองค์ทรงมุ่งหมายสิ่งใดให้มี สิ่งนั้นก็มีขึ้นโดยฉับพลัน




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: ก.พ. 26, 2010, 05:16 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 118-120


 

คำอ่าน
118. วะกอลัลละซีนะลายะอฺละมูนะ เลาลายุกัลลิมุนัลลอฮุ เอาตะอ์ตีนา..อายะฮฺ, กะซาลิกะ กอลัลละซีนะมิน ..ก็อบลิฮิม..มิษละก็อวฺลิฮิม ตะชาบะฮัตกุลูบุฮุม ก็อดบัยยัน..นัลอายาติ ลิก็อวฺมียูกินูน

คำแปล R1.
118. And those who have no knowledge say: "Why does not Allah speak to us (face to face) or why does not sign come to us?" So said the people before them words of similar import. Their hearts are alike; We have indeed made plain the signs for people who believe with certainty.

คำแปล R2.
118. และบรรดา (พวกมุชริกีน) ผู้ไม่รู้อะไรเลยได้กล่าวว่า หากอัลเลาะฮฺไม่เจรจากับเรา(โดยตรง) หรือไม่มีสัญลักษณ์ใด ๆ มาสู่พวกเรา(เราก็ไม่ขอเชื่อถืออย่างแน่นอน) เช่นเดียวกันนั้น บรรดาผู้อยู่ในยุคก่อนหน้าพวกเขาต่างก็กล่าวเช่นคำกล่าวของพวกเขา หัวใจของพวกเขาละม้ายกัน ที่จริงนั้นเราได้แจ้งบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ แล้ว แก่กลุ่มชนที่มีความเชื่อมั่น

คำแปล R3.
118. พวกคนที่ไม่รู้กล่าวว่า “ทำไมอัลลอฮฺจึงไม่ตรัสแก่เราหรือไม่ส่งสัญญาณหนึ่งมายังเรา?” คนก่อนหน้าพวกเขาก็ได้เคยพูดเช่นนี้มาแล้ว เพราะ(ผู้ที่หันเหออกไปจากหนทางที่เที่ยงตรงนั้น)หัวใจของพวกเขาคล้ายคลึงกัน เราได้แสดงสัญญาณอันชัดแจ้งของเราแก่ประชาชนผู้เชื่อมันแล้ว”

คำแปล R4.
118. และบรรดาผู้ที่ไม่รู้กล่าวว่า ไฉนอัลลอฮ์จึงไม่ตรัสแก่พวกเรา หรือไม่มีสัญญาณหนึ่งมายังพวกเรา ในทำนองเดียวกัน บรรดาชนรุ่นก่อนพวกเขา ก็กล่าวเช่นเดียวกับคำพูดของพวกเขา โดยที่หัวใจของพวกเขาคล้ายคลึงกัน แท้จริงนั้น เราได้แจกแจงสัญญาณต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจนแล้ว แก่พวกที่ศรัทธามั่น

คำแปล R5.
๑๑๘. และพวกกาฟิรชาวมักกะฮฺได้กล่าวแก่มูฮำมัดว่า “จงให้อัลเลาะห์มาพูดกับเราซิว่า ท่านเป็นเพียงศาสนทูตของพระองค์เท่านั้น หรือให้มีสิ่งมหัศจรรย์สักอย่างจากสิ่งที่เราต้องการ มาเป็นประจักษ์พยานว่า เจ้าเป็นศาสนทูตจริง เช่นเดียวกันกับคำกล่าวของกาฟิรมักกะห์นี้ พวกกาฟิรสมัยก่อนก็เคยกล่าวแก่นบีของพวกเขามาแล้ว คือคำพูดดูถูกและเรียกร้องขอหลักฐานเรื่องการเป็นศาสนทูต ซึ่งหัวใจของพวกนั้นช่างคล้ายคลึงกันนักในแง่ที่ไม่ยอมเชื่อ และฝ่าฝืนความจริง การที่อัลเลาะห์ทรงชักเรื่องของประชากรสมัยก่อนมาเป็นอุทาหรณ์เช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการปลอบใจมูฮำมัดที่ต้องผจญกับอุปสรรคต่าง ๆ นานาจากบรรดาประชากรเสมอมา แท้จริงเราได้แจ้งหลักฐานต่าง ๆ ไว้แล้วแก่ผู้ที่รู้แน่ว่า นั่นแหละเป็นหลักฐานอันแท้จริง ซึ่งไม่ต้องมาเรียกร้องหลักฐานอีกต่อไป พวกที่ทราบดีถึงจะเชื่อ การเรียกร้องหลักฐานอื่นใหม่อีกนั้นถือว่าเป็นการดูถูก และเป็นศัตรูกับความจริง
 

คำอ่าน
119. อิน..นาอัรสัลนากะ บิลหักกิบะชีร็อวฺ..วะนะซีรอ, วะลาตุสอะลุ อันอัศหาบิลญะหีม

คำแปล R1.
119. Verily, we have sent you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ) with the truth (Islam), a bringer of glad tidings (for those who believe in what you brought, that they will enter Paradise) and a warner (for those who disbelieve in what you brought, they will enter the Hell-fire). And you will not be asked about the dwellers of the blazing Fire.

คำแปล R2.
119. แท้จริงเราได้ส่งเจ้า(นบีมุฮำมัด)โดยสัจธรรม ให้เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน และเจ้าจะไม่ถูกสอบสวนเกี่ยวกับชาวนรก(ที่ไม่ยอมรับศรัทธาในคำประกาศของเจ้า)


คำแปล R3.
119. (จะมีสัญญาณอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าที่)เราได้ส่งเจ้าพร้อมด้วยสัจธรรมและได้ทำให้เจ้าเป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน และเจ้าจะไม่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อบรรดาชาวนรก


คำแปล R4.
119. และแท้จริงเราได้ส่งเจ้ามาพร้อมด้วยความจริง ในฐานะผู้แจ้งข่าวดี และผู้ตักเตือน และเจ้าจะไม่ถูกไต่สวนเกี่ยวกับชาวเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง


คำแปล R5.
๑๑๙. โอ้ มูฮำมัด เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้แทนด้วยทางเที่ยงตรง โดยตัวเจ้าเป็นผู้ยังความปลื้มปีติแก่ผู้ได้รับทางนำด้วยสวรรค์ และเป็นผู้ยังความหวั่นเกรงแก่ผู้ไม่ได้รับทางนำด้วยนรก และเจ้าจะไม่ถูกสอบสวนเรื่องสาเหตุที่พวกกาฟิรไม่เชื่อคำสั่งสอนของเจ้า เพราะที่จริงเจ้าเป็นเพียงผู้มีหน้าที่เผยแพร่เท่านั้น หามีหน้าที่บังคับให้พวกนั้นเชื่อไม่


คำอ่าน
120. วะลัน..ตัรฺฎอ อัน..กัลยะฮูดุ วะลัน..นะศอรอ หัตตาตัตตะบิอะ มิลละตะฮุม กุลอิน..นะฮุดัลลอฮิ ฮุวัลฮุดา วะละอินิตตะบะอฺตะ อะฮฺวา...อะฮุม..บะอฺดัลละซี ญา...อะกะมินัลอิลมิ มาละกะมินัลลอฮิ มิว..วะลียิว..วะลานะศีรฺ

คำแปล R1.
120. Never will the Jews nor the Christians be pleased with you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ) till you follow their religion. Say: "Verily, the guidance of Allah (i.e. Islamic Monotheism) that is the (only) Guidance. And if you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam ) were to follow their (Jews and Christians) desires after what you have received of knowledge (i.e. the Qur'an), Then you would have against Allah neither any Wali(protector or guardian) nor any helper.

คำแปล R2.
120. และพวกยะฮูดีกับพวกนัศรอนีย์ จะไม่พึงพอใจในตัวเจ้าเลย จนกว่าเจ้าจะยอมตามลัทธิของพวกเขา เจ้าจงประกาศเถิดว่า “แท้จริงการชี้นำของอัลเลาะฮฺนั้น ย่อมเป็นการชี้นำอันเที่ยงแท้” ขอยืนยัน! หากพวกเจ้ายอมตามอารมณ์ของพวกเขา ภายหลังจากความรู้แท้ได้มาสู่เจ้าแล้ว แน่นอนที่สุด จะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือสำหรับเจ้าจาก(การลงโทษของ)อัลเลาะฮฺ

คำแปล R3.
120. พวกยิวและพวกคริสเตียนจะไม่มีวันพอใจเจ้า (มุฮัมมัด)จนกว่าเจ้าจะปฏิบัติตามแนวทางของพวกเขา จงบอกพวกเขาว่า “ทางนำของอัลลอฮฺคือทางนำที่เที่ยงตรง” และถ้าหากเจ้าปฏิบัติตามความปรารถนาของพวกเขาหลังจากที่ความรู้ทั้งปวงได้มายังเจ้าแล้ว เจ้าจะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ

คำแปล R4.
120. และชาวยิวและชาวคริสต์นั่น จะไม่ยินดีแก่เจ้า (มุฮัมมัด) เป็นอันขาด จนกว่าเจ้าจะปฏิบัติตามศาสนาของพวกเขา จงกล่าวเถิด แท้จริงคำแนะนำของอัลลอฮ์เท่านั้น คือ คำแนะนำ แน่นอนถ้าเจ้าปฏิบัติตามความใคร่ของพวกเขา หลังจากที่มีความรู้มายังแล้ว ก็ย่อมไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับเจ้าให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้

คำแปล R5.
๑๒๐. และ โอ้มูฮำมัด ทั้งพวกยะฮูดีและพวกนะซอรอจะไม่ใยดีกับเจ้า เว้นแต่เจ้าจะเจริญรอยตามศาสนาของพวกนั้น โอ้มูฮำมัดจงบอกแก่พวกนั้นเถอะว่า แท้จริงอิสลามเป็นศาสนาที่เที่ยงแท้ ส่วนนอกนั้นหาเป็นศาสนาที่เที่ยงแท้ไม่ โอ้มูฮำมัด ข้าขอยืนยันว่า สมมติเจ้าตามอารมณ์ของพวกนั้นหลังจากที่โองการของเราได้มาถึงเจ้าแล้ว ผู้พิทักษ์รักษาและผู้ให้การคุ้มกันจากอัลเลาะห์ย่อมจะไม่มีแก่เจ้าเลย




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: ก.พ. 28, 2010, 10:35 AM »
0
 salam

ในเอกสารอ้างอิง(R4)กล่าวว่า
อายะฮฺที่ 40-120 (สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ) : ในส่วนนี้ กุรฺอานได้ชวนลูกหลานของอิสรออีลมาสู่ทางนำเป็นการเฉพาะ และทัศนคติในอดีตและปัจจุบันของคนพวกนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เพื่อแสดงให้เห็นว่า สาเหตุแห่งการตกต่ำของพวกเขาคือการหันเหออกไปจากทางนำ
ส่วนในอายะฮฺที่ 121 – 141 ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ในเอกสารอ้างอิงเดียวกันกล่าวว่า
อายะฮฺที่ 121 – 141 : พวกยิวได้ถูกแนะนำให้ปฏิบัติตามท่านนบีมุฮัมมัด(ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) ผู้มาพร้อมกับทางนำอันเดียวกัน และเป็นลูกหลานของนบีอิบรอฮีม ซึ่งพวกเขาให้เกียรติเป็นอย่างสูงว่า เป็นบรรพบุรุษของพวกเขาและยอมปฏิบัติตามในฐานะเป็นนบีคนหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว เรื่องราวของการสร้างกะอฺบะฮฺโดยท่านนบีอิบรอฮีมก็ได้ถูกเอ่ยถึง เพราะว่ามันกำลังจะถูกทำให้เป็น กิบละฮฺของประชาคมมุสลิม

โปรดติดตาม


 

GoogleTagged