ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)  (อ่าน 25656 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #90 เมื่อ: เม.ย. 16, 2010, 06:20 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 197 - 199


คำอ่าน
197. อัลหัจญุ อัชฮุรุม..มะอฺลูมาต ฟะมัน..ฟะเราะเฎาะ ฟีฮินนัลหัจญะ ฟะลาเราะฟะษะ วะลาฟุสูเกาะ วะลาญิดาละ ฟิลหัจญฺ, วะมาตัฟอะลูมินค็อยรี..ยะอฺลัมฮุลลอฮฺ วะตะเซาวะดู ฟะอิน..นะค็อยร็อซซาดิตตักวา วัตตะกูนิ ยาอุลิลอัลบาบ

คำแปล R1.
197. The Hajj (pilgrimage) is (in) the well-known (lunar year) months (i.e. the 10th month, the 11th month and the first ten days of the 12th month of the Islamic calendar, i.e. two months and ten days). So whosoever intends to perform Hajj therein by assuming ihram), then he should not have sexual relations (with his wife), nor commit sin, nor dispute unjustly during the Hajj. And whatever good you do, (be sure) Allah knows it. And take a provision (with you) for the journey, but the best provision is At-Taqwa (piety, righteousness, etc.). So fear Me, O men of understanding!

คำแปล R2.
197. การประกอบพิธีฮัจย์ (ต้องกระทำใน)เดือนที่รู้กันแล้ว (คือ เซาวาล, ซุลกออิดะห์ และ 10 วันต้นเดือนซุลฮิจยะฮฺ) ดังนั้นผู้ใดที่ได้กำหนดจะทำฮัจย์ในเดือนเหล่านั้นก็ไม่เป็นที่อนุมัติให้ทำการร่วมเพศสัมพันธ์ การประพฤติชั่วร้าย และการทะเลาะวิวาทในระหว่างประกอบพิธีฮัจย์ และความดีงามที่พวกเจ้าทั้งหลายประพฤติไว้นั้น อัลเลาะฮฺทรงรอบรู้(เป็นอันดี) และเจ้าทั้งหลายจงเตรียมเสบียงไว้เถิด แท้จริงเสบียงที่ประเสริฐสุด คือความยำเกรง และพวกเจ้าจงยำเกรงข้าเถิด โอ้ผู้มีวิจารณญาณทั้งหลาย

คำแปล R3.
197. เดือนแห่งการฮัจญ์เป็นที่รู้กันดีแก่ทุกคน ใครก็ตามที่ตัดสินจะประกอบพิธีฮัจญ์ในเดือนที่กำหนดไว้ก็จะต้องละเว้นโดยสิ้นเชิงจากการยุ่งเกี่ยวทางเพศทุกรูปแบบ จากความชั่วช้าเลวทราม และการวิวาทระหว่างการฮัจญ์ และจงจำไว้ว่าอัลลอฮฺทรงรอบรู้การดีอะไรก็ตามที่สูเจ้ากระทำ และจงเตรียมเสบียงที่จำเป็นสำหรับการฮัจญ์และความยำเกรงนั้นเป็นเสบียงที่ดีที่สุด ดังนั้น จงละเว้นจากการไม่เชื่อฟังฉัน โอ้ ผู้มีความเข้าใจเอ๋ย

คำแปล R4.
197. (เวลา) การทำฮัจญ์นั้นมีหลายเดือนอันเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ใดที่ได้ให้การทำฮัจญ์จำเป็นแก่เขาในเดือนเหล่านั้น แล้ว ก็ต้องไม่มีการสมสู่ และไม่มีการละเมิด และไม่มีการวิวาทใด ๆ ใน (เวลา) การทำฮัจญ์ และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้ากระทำนั้น อัลลอฮ์ทรงรู้ดี และพวกเจ้าจงเตรียมเสบียงเถิด แท้จริงเสบียงที่ดีที่สุดนั้นคือความยำเกรง และพวกเจ้าจงยำเกรงข้าเถิด โอ้ ผู้มีปัญญาทั้งหลาย

คำแปล R5.
๑๙๗. เวลาของพิธีการทำฮัจย์นั้นมีอยู่หลายเดือน ตามที่รู้กันทั่วไปคือ เชาวาล ซุลก็อิดะห์ และ ๑๐ วันต้นของเดือนซุลฮิจยะห์ ถ้าผู้ใดได้กำหนดตนจะทำฮัจย์ในเดือนเหล่านั้นโดยตั้งจิตปรารถนาจะทำเอียะห์รอมฮัจย์แล้ว ก็ห้ามมิให้ทำการประเวณี มิให้ประพฤติบาปและวิวาทกันในระหว่างที่ยังไม่เสร็จพิธีฮัจย์ และไม่ว่าความดีใด ๆ ที่พวกเจ้าจะกระทำเป็นต้นว่าประพฤติดีแทนการทำประเวณี ประกอบการกุศลและยำเกรงอัลเลาะห์แทนการทำบาป และพูดจาเป็นสัจจะ มีความสามัคคีปรองดองกันตลอดจนแสดงซึ่งมารยาทอันดีงามแทนการถกเถียงกันอัลเลาะห์ก็ย่อมรู้ซึ่งการนั้นและจะทรงตอบแทนแก่พวกเจ้าเหตุที่ทำความดีดังกล่าว
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คนชาติยะมัน (เยเม็น) ได้เดินทางไปประกอบการฮัจย์ แต่มิได้นำเสบียงกรังติดตัวไปด้วย ซ้ำร้ายพวกเขาคิดขอพึ่งพาอาศัยดำรงชีวิตอยู่กับบุคคลอื่น ทั้งยังกล่าวว่าพวกเราตั้งใจมั่นไปสู่ไบตุลเลาะห์ด้วยความมอบหมายตัวไว้ต่อองค์พระผู้อภิบาลของเราอย่างนี้แล้ว พระองค์จะไม่โปรดปรานอาหารแก่พวกเราเชียวหรือ พอพวกเขาเดินทางถึงมักกะห์แล้ว ก็ทำตัวเป็นขอทานเที่ยวขอสิ่งครองชีพจากผู้อื่น จนบางครั้งถึงกับต้องปล้นสะดมเขา แย่งชิงเขามาจับจ่ายใช้สอย  อัลเลาะห์จึงประทานโองการลงมาว่า
และพวกเจ้าจงตระเตรียมเสบียง มีอาหารเป็นต้น ให้เพียงพอทั้งขาไปและกลับ เพราะแท้จริงเสบียงที่ดีนั้นคือการสังวรตัวมิให้เป็นขอทานและอื่น ๆ เช่น ปล้นและแย่งชิง เป็นต้น แหละจงยำเกรงข้าเถิด โอ้บรรดาผู้ครองปัญญา

 


คำอ่าน
198. ลัยสะอะลัยกุมญุนาหุน อัน..ตับตะฆู ฟัฎลัม..มิรฺร็อบบิกุม ฟะอิซา..อะฟัฎตุม..มินอะเราะฟาติน..ฟัซกุรุลลอฮะอิน..ดัลมัชอะริลหะรอม, วัซกุรูฮุ กะมาฮะดากุม วะอิน..กุน..ตุม..มิน..ก็อบลิฮี ละมินัฎฎอ....ลลีน

คำแปล R1.
198. There is no sin on you if you seek the bounty of your Lord (during pilgrimage by trading, etc.). Then when you leave 'Arafat, remember Allah (by glorifying His praises, i.e. prayers and invocations, etc.) at the Mash'ar-il-Haram. And remember Him (by invoking Allah for all good, etc.) as He has guided you, and verily, you were, before, of those who were astray.

คำแปล R2.
198. ย่อมไม่เป็นบาปแต่ประการใดแก่เจ้าทั้งหลาย ในการที่พวกเจ้าจะพึง(ประกอบอาชีพ)แสวงหาความโปรดปรานจากองค์อภิบาลแห่งพวกเจ้า (ด้วยการทำการค้าในระหว่างเทศกาลบำเพ็ญฮัจย์) ดังนั้นเมื่อพวกเจ้าได้ถอนตัวกลับจากอะรอฟาต(หลังจากแรมคืนที่นั้นในคืนที่ 9 ซิลฮิจยะฮฺแล้ว) พวกเจ้าก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะฮฺ เหมือนเช่นที่พระองค์ได้ทรงชี้นำพวกเจ้า และความเป็นจริงพวกเจ้าทั้งหลายนั้น ก่อนหน้าที่พระองค์ทรงชี้นำก็เป็นผู้หนึ่งในกลุ่มผู้หลงผิด(ที่นำสิ่งแปลกปลอมมาปนเปในพิธีฮัจยฺ)

คำแปล R3.
198. และไม่เป็นการผิดแต่ประการใด ถ้าหากสูเจ้าจะแสวงหาความโปรดปรานจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าในระหว่างการไปทำฮัจญ์ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสูเจ้ากลับมาจากอะเราะฟาต จงอยู่ที่มัชอะริลหะรอม(มุซดะลีฟะฮฺ) และจงรำลึกถึงอัลลอฮฺ และจงรำลึกถึงพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงนำทางสูเจ้าเพราะก่อนหน้านี้สูเจ้าได้อยู่ในหมู่ผู้หลงทาง

คำแปล R4.
198. ไม่มีโทษใด ๆ แก่พวกเจ้า การที่พวกเจ้าจะแสดวงหาความกรุณาอย่างหนึ่งอย่างใดจากพระเจ้าของพวกเจ้า ครั้นเมื่อพวกเจ้าได้หลั่งไหล กันออกจากอะเราะฟาดแล้ว ก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ ณ อัล-มัชระริลฮะรอม และจงกล่าวรำลึกถึงพระองค์ ดังที่พระองค์ได้ทรงแนะนำพวกเจ้าไว้ และแท้จริงก่อนหน้านั้น พวกเจ้าอยู่ในหมู่ผู้ที่หลงทาง

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เพื่อโต้คำของพวกที่ไม่ชอบทำการค้าในเวลาที่พวกเขาประกอบพิธีฮัจย์
๑๙๘. ย่อมไม่เป็นบาปอย่างใดแก่พวกเจ้าเลย ในอันที่จะแสวงหาเอาผลประโยชน์จากองค์พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า ด้วยวิธีการค้าขายในเวลาที่พวกเจ้าประกอบการฮัจย์อยู่ ครั้นเมื่อพวกเจ้าได้เดินออกจากสถานอะร่อฟะห์หลังจากแรมคืนอยู่ที่นั้นในวันที่ ๙ แล้วก็จงกล่าวแสดงความรำลึกถึงอัลเลาะห์หลังจากที่พวกเจ้าได้แรมคืนอยู่ ณ ทุ่งมุซดะลิฟะห์เป็นเวลาครึ่งคืนล่วงแล้ว ด้วยการอ่านตัลบิยะห์ (อ่านลับบัยกะฯลฯ)บ้าง ตะห์ลีล(ลาอิลาหะอิลลัลเลาะห์)บ้าง และดุอาอ์(ขอพร) บ้าง ณ สถาน(ที่ใกล้ภูเขาก่อซะห์)ที่ท้ายทุ่ง มุซดะลิฟะห์ จนกระทั่งตะวันสายของวันใหม่ และพวกเจ้าจงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์เถิดที่ได้ทรงแนะนำแก่พวกเจ้าไปสู่สัญลักษณ์แห่งศาสนาของพระองค์ ตลอดจนกระบวนการแห่งฮัจย์ของพระองค์ไว้แล้ว แท้จริงพวกเจ้า ก่อนจากที่ได้ทรงแนะนำให้นั้น เคยเป็นส่วนหนึ่งจากพวกที่โง่งม ทั้งในแนวความศรัทธาและแนวความประพฤติตามห้ามและใช้



คำอ่าน
199. ษุม..มะอะฟีฎู มินหัยษุ อะฟาฎ็อนนาสุ วัสตัฆฟิรุลลอฮฺ อิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุรฺเราะหีม

คำแปล R1.
199. Then depart from the place whence all the people depart and ask Allah for His Forgiveness. Truly, Allah is Oft-Forgiving, Most-Merciful.

คำแปล R2.
199. หลังจากนั้น พวกเจ้าก็จงถอนตัว(ออกจากทุ่งอะรอฟาต)เถิด เช่นเดียวกับมนุษย์ทั้งหลายพากันถอนตัวและจงขออภัยต่ออัลเลาะฮฺ เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอภัยยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
 
คำแปล R3.
199. หลังจากนั้นก็ให้กลับมาจากที่ที่ผู้คนพากันหลั่งไหลกลับมาและจงขออภัยต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R4.
199. แล้วพวกเจ้าจงหลั่งไหลกันออกไปจากที่ที่ผุ้คนได้หลั่งไหลกันออกไป และจงขออภัยต่ออัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
 
คำแปล R5.
๑๙๙. โอ้ชาวอาหรับเผ่ากุรอยซ์ ครั้นแล้วพวกเจ้าจงเดินออกจากสถานอะร่อฟะห์อย่างที่ปวงชนเขาเคยออกจากที่นั้นกันเถิด แปลว่าให้พวกเจ้าไปแรมคืนยังทุ่งอะร่อฟะห์ร่วมกับพวกมนุษย์ทั้งหลาย เพราะก่อน ๆ ชาวกุรอยซ์เคยแรมคืนกันที่สถานมุซดะลิฟะห์ ไม่ยอมแรมคืนร่วมกับพวกมนุษย์ทั้งหลายที่ทุ่งอะร่อฟะห์ ทั้งนี้เพราะความเย่อหยิ่งที่เห็นว่าพวกตนเป็นคนชั้นสูงและรังเกียจที่จะต้องไปคลุกคลีอยู่กับชนชั้นสามัญเช่นบุคคลเหล่านั้น และจงขออภัยโทษต่ออัลเลาะห์ โปรดอย่าลงโทษพวกเจ้าเถิด เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงอภัยโทษยิ่งแก่บรรดามุอ์มิน ทรงโปรดยิ่งแก่พวกนั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #91 เมื่อ: เม.ย. 16, 2010, 06:30 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 200 - 202

 

คำอ่าน
200. ฟะอิซาเกาะฎ็อยตุม..มะนาสิกะกุม ฟัซกุรุลลอฮะ กะซิกริกุม อาบา...อะกุม เอาอะชัดดะซิกรอ, ฟะมินัน..นาสิ มัย..ยะกูลุ ร็อบบะนา.. อาตินา ฟิดดุนยา วะมาละฮูฟิลอาคิเราะติ มินเคาะลาก

คำแปล R1.
200. So when you have accomplished your Manasik [(i.e. Ihram, Tawaf of the Ka'bah and As-Safa and Al-Marwah), stay at 'Arafat, Muzdalifah and Mina, ramy of Jamarat, (stoning of the specified pillars in Mina) slaughtering of Hady (animal, etc.)]. Remember Allah as you remember your forefathers or with a far more remembrance. But of mankind there are some who say: "Our Lord! Give us (your Bounties) in this world!" and for such there will be no portion in the hereafter.

คำแปล R2.
200. ครั้นเมื่อพวกเจ้าทั้งหลายได้ประกอบพิธีฮัจย์เสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกเจ้าทั้งหลายก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะฮฺให้เหมือนกับที่พวกเจ้าเคยกล่าวรำลึกถึงบรรพบุรุษของพวกเจ้า(ในครั้งก่อน ๆ ซึ่งพวกเจ้าจะต้องเว้นการกระทำนั้นเสีย โดยกล่าวรำลึกถึงเฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น) หรือให้กล่าวรำลึกที่ยิ่งกว่า(ที่เคยกล่าวถึงบรรพบุรุษ) ดังนั้น จึงมีบางส่วนจากมนุษย์ผู้ที่กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเราโปรดประทานแก่เราในโลกนี้เถิด” แต่เขาจะไม่มีส่วนได้อีกในโลกหน้า

คำแปล R3.
200. และเมื่อสูเจ้าประกอบพิธีฮัจญ์ของสูเจ้าเสร็จแล้ว จงรำลึกถึงอัลลอฮฺดังที่สูเจ้าได้รำลึกถึงบรรพบุรุษของสูเจ้าเอง หรือยิ่งกว่านั้น (ถึงแม้จะรำลึกถึงด้วยวิธีการต่าง ๆ ก็ตาม) และในหมู่ผู้คนเหล่านั้น มีบางคนกล่าวว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานสิ่งที่ดีทั้งหลายแก่เราในโลกนี้” สำหรับคนพวกนี้จะไม่มีส่วนใด ๆ สำหรับเขาในปรโลก

คำแปล R4.
200. ครั้นเมื่อพวกเจ้าประกอบพิธีฮัจญ์ของพวกเจ้าเสร็จแล้ว ก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ ดังที่พวกเจ้ากล่าวรำลึกถึงบรรพบุรุษของพวกเจ้า หรือกล่าวรำลึกให้มากยิ่งกว่า ในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของเรา โปรดประทานให้แก่พวกเราในโลกนี้เถิด และเขาจะไม่ได้รับส่วนดีใด ๆ ในปรโลก

คำแปล R5.

๒๐๐. ครั้นเมื่อพวกเจ้าทำกระบวนการฮัจย์ของพวกเจ้าเสร็จสรรพ และครบบริบูรณ์แล้วกล่าวคือ เสร็จจาการใช้หิน ๗ ก้อนเล็ก ๆ ขว้างลงที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบริเวณที่ใกล้กับเสาหินที่มีชื่อว่า อัล-อะก็บะห์ เสร็จจากการเวียนรอบไบตุลเลาะห์ ๗ รอบ เสร็จจากการเดินสะอาระหว่างภูเขาซ่อฟากับมัรวะห์ ๗ เที่ยว และแรมคืนที่มินา ๓ คืน คือในคืนที่ ๑๑-๑๒-๑๓ แล้ว พวกเจ้าจงกล่าวแสดงความรำลึกถึงอัลเลาะห์ด้วยการอ่านตั๊กบีร (คืออัลลอฮูอักบัร) และสดุดีสรรเสริญพระองค์)อัลฮำดุลิลลาห์) แทนคำกล่าวรำลึกของพวกเจ้าที่เคยมีต่อบรรพบุรุษโดยบรรยายถึงความดีต่าง ๆ นานาของพวกบรรพบุรุษเหล่านั้นหลังจากพวกเจ้าทำฮัจย์เสร็จสรรพแล้วในยุคก่อนอิสลาม หรือให้กล่าวรำลึกถึงอัลเลาะห์มากยิ่งกว่าการรำลึกถึงคุณความดีแห่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าส่วนหนึ่งจากมวลมนุษย์ฝ่ายมุชริก มีผู้กล่าวว่า “โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ขอพระองค์ได้โปรดประทานปศุสัตว์อันมีอูฐ โค แพะ แกะ เป็นต้น และข้าทาสบริวารแก่พระองค์ ณ โลกนี้” แล้วพระองค์ก็ทรงให้เขาได้รับส่วนที่ขอนั้นในโลกนี้ แต่ผู้นั้นก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับส่วนในโลกหน้า


คำอ่าน
201. วะมินฮุม..มัย..ยะกูลุ ร็อบบะนา..อาตินา ฟิดดุนยา หะสะนะเตา..วะฟิลอาคิเราะติ หะสะนะเตา..วะกินาอะซาบัน..นาร.

คำแปล R1.
201. And of them there are some who say: "Our Lord! Give us in this world that which is good and in the hereafter that which is good, and save us from the torment of the Fire!"

คำแปล R2.
201. และบางส่วนจากพวกเขามีผู้กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา โปรดประทานความดีงามแก่เราเถิด ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า และโปรดปกป้องเราให้พ้นจากการลงโทษของไฟนรกเถิด”

คำแปล R3.
201. และมีบางคนในหมู่พวกเขากล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของเรา ได้โปรดประทานสิ่งที่ดีในโลกนี้และสิ่งที่ดีในโลกหน้าให้แก่เรา และทรงโปรดช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษของไฟนรก”

คำแปล R4.
201. และในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ที่กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของเรา โปรดประทานให้แก่พวกเรา สิ่งดีงามในโลกนี้ และสิ่งดีงามในปรโลกและโปรดคุ้มครองพวกเราให้พ้นจากลงโทษแห่งไฟนรกด้วยเถิด

คำแปล R5.
๒๐๑. และส่วนหนึ่งจากพวกมุสลิมนั้นมีผู้กล่าวว่า “โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดประทานความดี อันมีวิชาความรู้ที่ยังประโยชน์ให้ ความผาสุก ความเพียงพอและมีพลานามัยเพื่อประกอบแต่การดี แก่บรรดาข้าพระองค์ในโลกนี้ และประทานสวรรค์ให้ในโลกหน้า และโปรดปกปักรักษาบรรดาข้าพระองค์ให้รอดพ้นจากการถูกโทษทรมานในนรก”



คำอ่าน
202. อุลา...อิกะละฮุม นะศีบุม..มิม..มากะสะบู, วัลลอฮุสะรีอุลหิสาบ

คำแปล R1.

202. For them there will be allotted a share for what they have earned. And Allah is swift at reckoning.

คำแปล R2.
202. พวกเขาเหล่านั้น ย่อมมีสิทธิส่วนที่จะได้รับจากที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ และอัลเลาะฮฺ ทรงสอบสวนโดยรวดเร็ว

คำแปล R3.

202. คนเหล่านี้จะมีส่วนแบ่ง (ในทั้งสองโลก) ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเฉียบพลันในการคำนวณ

คำแปล R4.
202. ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาจะได้รับส่วนดี จากสิ่งที่พวกเขาได้แสวงหาไว้ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการชำระสอบสวน

คำแปล R5.
๒๐๒. พวกมุสลิมเหล่านั้นแหละย่อมได้รับส่วนบุญกุศลเพราะฮัจย์และการขอพรที่พวกเขาได้อุตส่าห์สั่งสมไว้ ส่วนอัลเลาะห์นั้นทรงสอบสวนซึ่งกรรมดีและกรรมชั่วแห่งผู้เป็นข้าของพระองค์โดยฉับพลัน เสร็จลงในเพียงครึ่งวันของวันในโลกนี้เท่านั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #92 เมื่อ: เม.ย. 18, 2010, 06:40 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 203


คำอ่าน
203. วัซกุรุลลอฮะ ฟีอัยยามิม..มะอฺดูดาต, ฟะมัน..ตะอัจญะละ ฟีเยามัยนิ ฟะลา..อิษมะอะลัยฮิ วะมัน..ตะอัคเคาะเราะฟะลา..อิษมะอะละยฮิ ลิมะนิตตะกอ, วัตตะกุลลอฮะ วะอฺละมู..อัน..นะกุม อิลัยฮิตุหฺชะรูน

คำแปล R1.
203. And remember Allah during the appointed days. But whosoever hastens to leave in two days, there is no sin on him and whosoever stays on, there is no sin on him, if his aim is to do good and obey Allah (fear him), and know that you will surely be gathered unto him

คำแปล R2.
203. และพวกเจ้าทั้งหลายจงกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะฮฺในกำหนดวันที่นับไว้(คือวันตัชรีกทั้งสามหลังจากวันอีดิลอัฎฮา) แต่ผู้ใดรีบด่วน(ออกจากมินาเพื่อกลับสู่มักกะฮฺ)ก็ไม่เป็นบาปแก่เขา(แต่ประการใด ๆ)และผู้ใดยังคงทอดเวลา(อยู่ที่มินา)ก็จะไม่เป็นบาปแก่เขา(อันกรณีทั้งสองนี้)สำหรับผู้ที่ยำเกรง(อัลเลาะฮฺ)และเจ้าทั้งหลายจงยำเกรงอัลเลาะฮฺเถิด และจงรู้ว่า แท้จริงพวกเจ้านั้นจะต้องถูกรวบรวมไปยังพระองค์

คำแปล R3.
203. และจงรำลึกถึงอัลลอฮฺในวันทั้งหลายที่ได้ถูกกำหนดไว้ และไม่มีบาปอันใดถ้าใครจะรีบเร่งออก(จากมินา)หลังจากสองวันหรืออยู่ที่นั่นต่อ(อีกหนึ่งวัน)ถ้าหากเขาใช้วันเหล่านี้ไปด้วยการสำรวมตน จงเกรงกลัวอัลลอฮฺและจงรู้ไว้เถิดว่าวันหนึ่งสูเจ้าจะถูกรวบรวมไว้ต่อหน้าพระองค์

คำแปล R4.
203. และพวกเจ้าจงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮ์ในบรรดาวันที่ถูกนับไว้ แล้วผู้ใดรีบกลับในสองวันก็ไม่มีโทษใด ๆ แก่เขาและผู้ใดรั้งรอไปอีก ก็ไม่มีโทษใด ๆ แก่เขา (ทั้งนี้) สำหรับผุ้ที่มีความยำเกรง และจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และพึงรู้ด้วยว่า พวกเจ้านั้นจะถูกนำไปชุมนุมยังพระองค์

คำแปล R5.
๒๐๓. และพวกเจ้าจงกล่าวแสดงความรำลึกถึงอัลเลาะห์ด้วยการอ่านตั๊กบีรตอนที่เอาหินขว้างลงที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบริเวณซึ่งใกล้กับเสาหินต้นที่หนึ่ง ชื่อ ยุมร่อตุลอูลา ต้นที่สองชื่อยุมร่อตุลวุซดอ และต้นที่สามชื่อยุมร่อตุลอะก็บะห์ (อยู่ติดกับภูเขาอะก็บะห์)ในวันที่กำหนดให้สามวันต่อจากวันอีดอัล-อัฎฮา ฉะนั้นถ้าผู้ใดด่วน]/b]ออกจากมินาไปในวันที่สอง หลังจากผู้นั้นขว้างเสาหินทั้ง ๓ ต้นเมื่อดวงอาทิตย์คล้อยแล้ว บาปก็ไม่ตกแก่เขา และผู้ใดทอดเวลาอยู่ที่มินาจนกระทั่งแรมคืนที่สาม และได้ขว้างเสาหิน ๓ ต้น หลังจากดวงอาทิตย์คล้อยแล้วจนครบ ๓ วัน บาปก็ไม่ตกแก่เขาเช่นเดียวกัน ทั้งนี้สุดแต่ใครจะเลือกเอาอย่างไร สองกรณีที่ไม่จัดว่าเป็นบาปนี้สำหรับผู้ที่ยำเกรงอัลเลาะห์ในการทำฮัจยีด้วยใจบริสุทธิ์ คนอย่างนี้แหละที่เรียกว่าผู้ทำฮัจย์บริสุทธิ์ ทั้งภายนอกและภายใน พวกเจ้าจงยำเกรงอัลเลาะห์และจงรู้เถิดว่าแน่แท้พวกเจ้าจะถูกให้ไปรวมกันยังที่ตัดสินของพระองค์ในวันอาคิเราะห์(ปรภพ)แล้วจะทรงสนองให้พวกเจ้าได้รับผลตามที่กระทำกันไว้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #93 เมื่อ: เม.ย. 18, 2010, 11:02 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺ 204 – 207


คำอ่าน
204. วะมินัน..นาสิ มัย..ยุอฺญิบุกะ ก็อวลุฮู ฟิลหะยาติดดุนยา วะยุชฮิดุลลอฮะ อะลามาฟีก็อลบิฮี วะฮุวะ อะลัดดุลคิศอม

คำแปล R1.
204. And of mankind there is he, whose speech may please you (O Muhammad), in this worldly life, and he calls Allah to witness as to that which is in his heart, yet he is the most quarrelsome of the opponents.

คำแปล R2.
204. และมีมนุษย์บางคน เป็นผู้ที่มีคำพูดอันทำให้เจ้ารู้สึกชื่นชม ในเรื่องของชีวิตในทางโลกนี้ และเขาอ้างอัลเลาะฮฺเป็นสักขีพยาน(เสมอในการพูดเพื่อสื่อ)แก่สิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของเขาและเขานั้นเป็นผู้ก่อการวิวาทอันร้ายกาจที่สุด

คำแปล R3.
204. และในหมู่มนุษย์นั้นมีคนบางประเภทที่ทำให้สูเจ้าหลงใหลในคำพูดของเขาเกี่ยวกับชีวิตในโลกนี้และเขาได้ขอให้อัลลอฮฺเป็นพยานครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขามีเจตนาดีในหัวใจของเขา ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขาเป็นผู้ต่อต้านที่ดื้อรั้นที่สุด

คำแปล R4.
204. และในหมู่มนุษย์นั้น มีผู้ที่คำพูดของเขา ทำให้เจ้าพึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้และจะอ้างอัลลอฮ์เป็นพยาน ซึ่งสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขา และขณะเดียวกันก็เป็นผู้โต้เถียงที่ฉกาจฉกรรจ์ยิ่ง

คำแปล R5.
๒๐๔. และโอ้มูฮำมัด ส่วนหนึ่งจากมวลมนุษย์มีผู้ซึ่งถ้อยคำของเขายังให้เจ้าเห็นเป็นดีงามในภพปัจจุบันนี้ แต่จะไม่ทำให้เห็นเป็นดีงามได้เลยในภพหน้า เพราะว่าถ้อยคำของเขานั้นค้านกับความจริงใจ แล้วเขายังสาบานโดยอ้างพระนามของอัลเลาะห์ถึงความในใจของตนด้วยว่าตรงกับถ้อยคำเป็นแน่แท้ทั้ง ๆ ที่เขานั้นเป็นตัววิวาที่ร้ายกาจสุดต่อเจ้าและต่อบรรดาผู้เจริญตามเจ้า ทั้งนี้เนื่องจากเขาเป็นศัตรูกับเจ้า ผู้ที่กล่าวถึงนี้คือมุนาฟิกคนหนึ่งชื่อ อัคนัสบุตรชุร็อยก์ คนคนนี้เป็นคนที่มีวาจาอ่อนหวานต่อพระนบี เขาเคยสาบานว่าเขานั้นเชื่อพระนบี ทั้งรักใคร่พระนบี พระนบีจึงให้ความสนิทสนมเป็นกันเองโดยยอมให้เขาใกล้เคียงด้วย แต่อัลเลาะห์ได้ทรงให้ใคร ๆ ได้รู้ทั่วกันว่าที่มันพูดจานั้นเป็นเท็จ

   

คำอ่าน
205. วะอิซาตะวัลลา สะอาฟิลอัรฎิ ลิยุฟสิดะฟีฮา วะยุฮฺลิกัลหัรฺษะ วันนัสลฺ, วัลลอฮุ ลายุหิบบุลฟะสาด
 
คำแปล R1.
205. And when he turns away (from you "O Muhammad"), his effort in the land is to make mischief therein and to destroy the crops and the cattle, and Allah likes not mischief.

คำแปล R2.
205. และเมื่อเขาได้หันหลัง(กลับไป)เขาก็จาริกไปบนพื้นพิภพนี้ เพื่อก่อความเสียหายในนั้นและเขาทำลายไร่นา และพันธุ์สัตว์ และอัลเลาะฮฺ ไม่ทรงโปรดความเสียหาย(ที่ถูกกระทำให้เกิดขึ้น)

คำแปล R3.
205. เมื่อเขามีอำนาจเขาได้ใช้ความพยายามทุกอย่างของเขาเพื่อสร้างความเสียหายให้แพร่ระบาดขึ้นในแผ่นดิน ทำลายพืชผลและเผ่าพันธุ์มนุษย์ในขณะที่อัลลอฮฺ(ผู้ซึ่งเขาขอให้เป็นพยาน)ไม่ทรงรักการสร้างความเสียหาย

คำแปล R4.
205. และเมื่อเขาให้หลังไปแล้ว เขาก็เพียรพยายามในแผ่นดิน เพื่อก่อความเสียหายในนั้นและทำลายพืชผล และเผ่าพันธุ์ และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบการก่อความเสียหาย

คำแปล R5.
๒๐๕. และในเมื่อเขา(อัคนัสบุตรชุรอยก์)ได้หลีกไปจากเจ้าแล้วเดินเร่ร่อนอยู่ ณ หน้าแผ่นดินเพื่อก่อความเสียหายด้วยการประพฤติที่ไม่ชอบ และในทุกแห่งหนที่ผ่านไปในยามค่ำคืน เขาทำลายพืชพันธุ์ธัญญาหารในไร่นาสาโทของมุสลิมบางคนด้วยการเผามันเสียและฆ่าพันธุ์สัตว์ เช่น ลา ของมุสลิมบางคน อัลเลาะห์ย่อมไม่โปรดซึ่งความหายนะเลย


คำอ่าน
206. วะอิซากีละละฮุตตะกิลลาฮะ อะเคาะซัตฮุลอิซซะตุ บิลอิษมิ ฟะหัสบุฮู ญะฮัน..นะมุ วะละบิอ์สัลมิฮาด

คำแปล R1.
206. And when it is said to him, "Fear Allah", He is led by arrogance to (more) crime. So enough for him is Hell, and worst indeed is that place to rest!

คำแปล R2.
206. และเมื่อมีผู้กล่าวกับเขาว่า “ท่านจงยำเกรงอัลเลาะฮฺซิ” เขากับถูกความทระนงยึดเอาไว้กับการบาป(เขายิ่งกำเริบเสิบสานมากด้วยความทระนงตน) ดังนั้นนรกยะฮันนัมเป็นความพอเพียงแก่เขาแล้ว และเป็นที่พำนักอันชั่วร้ายยิ่ง

คำแปล R3.
206. และเมื่อได้มีการกล่าวแก่เขาว่า “จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ” ความผยองก็เกาะกุมเขาและชักนำให้เขาทำบาป สำหรับคนพวกนี้ นรกคือที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาและมันเป็นที่พำนักอันแสนชั่วร้าย

คำแปล R4.
206. และเมื่อถูกกล่าวแก่เขาว่า จงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด ความหยิ่งในเกียรติก็ยึดเขาไว้ให้กระทำบาปต่อไป สิ่งที่พอเพียงแก่เขานั้นก็คือ ญะฮันนัมและแน่นอนเป็นสิ่งที่หลับนอนอันเลวร้ายยิ่ง

คำแปล R5.
๒๐๖. และเมื่อเขาถูกเตือนว่าท่านจงยำเกรงอัลเลาะห์ในอันที่กระทำความเสื่อมเสียนั้นเถิด ความโอหังก็ยิ่งชักให้เขากำเริบบาปหนักขึ้นทั้ง ๆ ที่เขากำลังถูกเตือนให้เกรงกลัวบาป ฉะนั้นนรกยะฮันนำจึงเหมาะแล้วแก่เขาและเป็นที่พักอาศัยอันเลวนัก  นั้นคือยะฮันนำ

คำอ่าน
207. วะมินัน..นาสิ มัย..ยัชรีนัฟสะฮุบติฆอ...อะ มัรฺฎอติลลาฮิ วัลลอฮุเราะอูฟุม..บิลอิบาด

คำแปล R1.
207. And of mankind is he who would sell himself, seeking the pleasure of Allah. And Allah is full of Kindness to (His) slaves.
 
คำแปล R2.
207. และมีบางคน เป็นผู้ที่อุทิศตัวของเขาเพื่อแสวงหาความพึงพระทัยแห่งอัลเลาะฮฺ และอัลเลาะฮฺทรงปราณีแก่มวลบ่าว(ของพระองค์)

คำแปล R3.
207. (ส่วนในอีกด้านหนึ่ง) มีคนบางประเภทที่อุทิศชีวิตทั้งหมดของเขาเพื่อแสวงความพึงพอใจจากอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเอ็นดูปวงบ่าวของพระองค์

คำแปล R4.
207. และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้ที่ขายตัวของเขา ทั้งนี้เพื่อแสวงหาความพอพระทัยของอัลลอฮ์และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงปรานีแก่ ปวงบ่าวทั้งหลาย

คำแปล R5.
๒๐๗. และส่วนหนึ่งจากมวลมนุษย์ มีผู้ยอมสละตนโดยการดำรงละหมาด การถือศีลอด กระทำการสงคราม ตลอดจนบอกเขาให้ประกอบการดีและให้งดเว้นความชั่ว เพื่อหมายเอาความยินดีของอัลเลาะห์ เจ้าของเรื่องตามโองการนี้ได้แก่สุไฮบ์ คือครั้งหนึ่งเขาเคยถูกพวกกาฟิรชาวมักกะห์ก่อความเดือดร้อนให้ ถึงกับเขาต้องอพยพไปยังนครมะดีนะห์ และได้ทิ้งทรัพย์สมบัติของเขาไว้ให้พวกกาฟิร อัลเลาะห์แหละคือพระผู้เอ็นดูต่อบรรดาข้าพระองค์ ด้วยทรงชี้ให้ข้าของพระองค์มีเชาว์อันเฉียบแหลมไปสู่ในทุก ๆ สิ่งที่ทรงยินดี



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #94 เมื่อ: เม.ย. 19, 2010, 11:00 PM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 208 – 210


คำอ่าน
208. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนุดคุลู ฟิสสิลมิกาฟฟะเตา..วะลาตัตตะบิอู คุฏุวาติชชัยฏอน อิน..นะฮูละกุมอะดูวุม..มุบีน

คำแปล R1.
208. O You who believe! Enter perfectly In Islam (by obeying all the rules and regulations of the Islamic religion) and follow not the footsteps of Shaitan (Satan). Verily! He is to you a plain enemy.

คำแปล R2.
208. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเข้าสู่อิสลามจงพร้อมเพรียงกันเถิด และพวกเจ้าจงอย่าเดินตามรอยเท้าของมาร เพราะมันเป็นศัตรูอันชัดแจ้งสำหรับพวกเจ้า

คำแปล R3.
208. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเข้าสู่อิสลามโดยสมบูรณ์ และจงอย่าปฏิบัติตามรอยเท้าของมาร เพราะมันเป็นศัตรูที่เด่นชัดของสูเจ้า.

คำแปล R4.
208. บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงเข้าอยู่ในความสันติ โดยทั่วทั้งหมด และจงอย่าทำตามบรรดาก้าวเดินของชัยฏอน แท้จริงมันคือศัตรูที่ชัดแจ้งของพวกเจ้า.

คำแปล R5.
๒๐๘. โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มิน พวกเจ้าจงเข้าสู่ศาสนาอิสลามและปฏิบัติตามใช้ตามห้ามของศาสนาอิสลามกันโดยครบถ้วนคือให้เจ้าเลิกนับถือศาสนาของมูซา เช่น เลิกเคารพยกย่องความสำคัญของวันเสาร์ ตลอดจนเลิกรังเกียจที่จะบริโภคเนื้ออูฐ และจงอย่าเจริญตามร่องรอยแห่งการล่อลวงของไซตอนด้วยการถือศาสนาคละปน กล่าวคือมันล่อลวงให้ปฏิบัติส่วนหนึ่งที่ตรงกับศาสนามูซา เช่นเรื่องการเคารพวันเสาร์ และรังเกียจการบริโภคเนื้ออูฐ และไม่ให้ปฏิบัติอีกส่วนหนึ่งที่ขัดแย้งกับศาสนาของมูซา เพราะแท้จริงไซตอนนั้นมันก็คือศัตรูโดยเฉพาะกับพวกเจ้าอย่างจะแจ้ง ใครที่อัลเลาะห์ทรงปรารถนาให้มีดวงใจสว่างใส พระองค์จะทรงให้เขาเห็นความดีเป็นความดี และเห็นชั่วเป็นชั่ว ส่วนใครที่มีใจมืดมนไซตอนก็สมัครเป็นมิตรของเขาด้วย



คำอ่าน
209. ฟะอิน..ซะลัลตุม..มิม..บะอฺดิมาญา...อัตกุมุลบัยยินาตุ ฟะอฺละมู อัน..นัลลอฮะอะซีซุนหะกีม

คำแปล R1.
209. Then if you slide back after the clear signs (Prophet Muhammad and this Qur'an, and Islam) have come to you, then know that Allah is All-Mighty, All-Wise.

คำแปล R2.
209. แต่ถ้าพวกเจ้าทั้งหลายเพลี่ยงพล้ำภายหลังจากมี(หลักฐานอัน)ชัดแจ้งต่าง ๆ ได้มาสู่พวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าก็จงทราบเถิดว่า อัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งอำนาจ อีกทั้งทรงปรีชายิ่ง

คำแปล R3.
209. ถ้าหากสูเจ้าถลำตัวไปทำความชั่วหลังจากได้รับคำสอนอันชัดแจ้งที่มายังสูเจ้าแล้ว จงรู้ได้เถิดว่า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

คำแปล R4.
209. แต่ถ้าพวกเจ้าหันเหออกไป หลังจากที่ได้มีบรรดาหลักฐานอันชัดเจนมายังพวกเจ้าแล้วก็พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพทรงปรีชาญาณ

คำแปล R5.
๒๐๙. ถ้าพวกเจ้ายังคลอนแคลนไปนับถือศาสนามูซาบ้าง และศาสนามูฮำมัดบ้าง หลังจากบรรดาหลักฐานอันกระจ่างแจ้งที่ชี้ว่า ศาสนาอิสลามนั้นเที่ยงแท้มีมายังพวกเจ้าแล้วก็ให้พวกเจ้ารู้ไว้เถิดว่าแน่แท้อัลเลาะห์นั้นทรงอิทฤทธิ์ยิ่ง ไม่มีอันใดขัดขวางการลงโทษของพระองค์แก่พวกเจ้าได้เลย และทรงประณีตยิ่งในการทุกสิ่งทุกอย่างของพระองค์


คำอ่าน
210. ฮัลยัน..ซุรูนะ อิลลาอัย..ยะอ์ติยะฮุมุลลอฮุ ฟีซุละลิม..มินัลเฆาะมามิ วัลมะลา...อิกะตุ วะกุฎิยัลอัมรุ วะอิลัลลอฮฺตุรฺญะอุลอุมูรฺ

คำแปล R1.
210. Do they then wait for anything other than that Allah should come to them in the shadows of the clouds and the angels? (Then) the case would be already judged. And to Allah return all matters (for decision).

คำแปล R2.
210. พวกเขาไม่รอคอย(สิ่งใดทั้งสิ้น)นอกจาก(รอคอยการลงโทษซึ่ง)อัลเลาะฮฺทรงประทานแก่พวกเขาในร่มเงาของเมฆและ(รอคอยการลงโทษที่นำมาโดย)มลาอิกะฮฺและกิจการนั้นย่อมได้รับการตัดสิน(ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์)และบรรดากิจการทั้งหลายย่อมกลับคืนสู่อัลเลาะฮฺ

คำแปล R3.
210. (ถ้าหากผู้คนไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่เที่ยงตรงหลังจากที่ได้รับคำเตือนที่ชัดแจ้งเช่นนั้นแล้ว) พวกเขาจะคอยให้อัลลอฮฺและมลาอิกะฮฺลงมายังพวกเขาในเงาของเมฆและกำหนดวาระของพวกเขากระนั้นหรือ? ในที่สุดทุกสิ่งก็จะถูกนำไปเสนอยังอัลลอฮฺ

คำแปล R4.
210. และพวกเขามิได้คอยอะไร นอกจากการที่อัลลอฮ์และมลาอิกะอ์ของพระองค์จะมายังพวกเขา ในร่มเงาจากเมฆ และเรื่องนั้นได้ถูกชี้ขาดไว้แล้ว และยังอัลลอฮ์นั้นเรื่องราวทั้งหลายจะถูกนำกลับไป

คำแปล R5.
๒๑๐. พวกนั้นที่นับถือศาสนาอิสลามผสมกับศาสนายะฮูดี หาได้อยู่รอคอยอันใดไม่ นอกจากจะคอยการลงโทษของอัลเลาะห์มาในร่มเงาเมฆและคอยมลาอิกะห์ซึ่งทั้งสองนี้จะมายังพวกนั้นเท่านั้น และคำบัญชาให้ทำลายพวกนั้นก็สำเร็จลงแล้ว ส่วนงสนต่าง ๆ จะถูกนำคืนไปยังการสอบสวนของอัลเลาะห์พระองค์จะทรงสนองกรรมดีด้วยบุญกุศลและกรรมชั่วด้วยการลงโทษ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 19, 2010, 11:01 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #95 เมื่อ: เม.ย. 20, 2010, 06:25 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 211 – 212


คำอ่าน
211. สัลบะนี..อิสรอ..อีละ กัมอาตัยนาฮุม..มินอายะติม..บัยยินะติว..วะมัย..ยุบัดดิล นิอฺมะตัลลอฮฺ มิม..บะอฺดิมาญา...อัตฮุ ฟะอินนัลลอฮะ ชะดีดุลอิกอบ

คำแปล R1.
211. Ask the Children of Israel how many clear Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) we gave them. And whoever changes Allah's Favour after it had come to him, [e.g. renounces the Religion of Allah (Islam) and accepts Kufr (disbelief),] then surely, Allah is severe in punishment.

คำแปล R2.
211. จงถามพวกบุตรหลานของอิสรออีลเถิด ตั้งเท่าไรแล้วที่เราได้นำมาซึ่งสัญลักษณ์อันชัดแจ้งแก่เขา และผู้ใดเปลี่ยนแปลงความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ ภายหลังจากที่มันได้มาสู่เขาแล้ว แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงลงโทษอย่างรุนแรงยิ่งนัก

คำแปล R3.
211. จงถามวงศ์วานของอิสรออีลเถิดว่ากี่สัญญาณอันชัดแจ้งแล้วที่เราได้แสดงให้พวกเขาได้เห็น และใครที่เปลี่ยนความโปรดปรานของอัลลอฮฺหลังจากที่มันได้มายังเขาแล้ว อัลลอฮฺจะทรงลงโทษเขาอย่างรุนแรง

คำแปล R4.
211. เจ้าจงถามวงศ์วานอิสรออีลดูเถิดว่าสัญญาณอันชัดเจนกี่มากน้อยแล้ว ที่เราได้นำมายังพวกเขา และผู้ใดเปลี่ยนแปลงความกรุณาของอัลลอฮ์ หลังจากที่มันได้มายังเขาแล้ว แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงลงโทษที่รุนแรง

คำแปล R5.
๒๑๑. โอ้มูฮำมัด เจ้าจงขู่ถามพวกยะฮูดีในสกุลอิสรออีลสมัยมูฮำมัดว่า เราได้นำหลักฐานอันชัดแจ้ง เช่น การให้น้ำทะเลแยก การให้น้ำตาลฟ้าและนกคุ่มมายังบรรพบุรุษของพวกนั้นกี่มากน้อยแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชวนให้พวกเจ้าศรัทธา และชักนำให้เจ้าไปสู่ทางอันเที่ยงตรง พวกเจ้ากลับเปลี่ยนศรัทธาเป็นเนรคุณเสีย แหละผู้ใดเปลี่ยนพระมหากรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ให้เป็นเนรคุณหลังจากหลักฐานมีมาถึงเขาจนซาบซึ้งในข้อศรัทธาแล้ว แน่นอนอัลเลาะห์ทรงให้การลงโทษทรมานหนักยิ่งนักแก่ผู้เปลี่ยนแปรพระมหากรุณาธิคุณนั้น

 

คำอ่าน
212. ซุยยินะลิลละซีนะกะฟะรุลหะยาตุดดุนยา วะยัสเคาะรูนะ มินัลละซีนะ อามะนู วัลละซีนัตตะก็อว เฟาเกาะฮุมเยามัลกิยามะฮฺ, วัลลอฮุยัรฺซุกุ มัย..ยะชา...อุบิฆ็อยริหิสาบ

คำแปล R1.
212. Beautified is the life of this world for those who disbelieve, and they mock at those who believe. But those who obey Allah's orders and keep away from what He has forbidden will be above them on the Day of Resurrection. And Allah gives (of his Bounty, blessings, favours, honours, etc. on the Day of Resurrection) to whom he wills without limit.
 
คำแปล R2.
212. ได้ถูกประดับไว้แก่บรรดาเหล่าชนผู้เนรคุณ (ให้หลงใหลคลั่งไคล้ใน)ชีวิตทางโลกนี้ และพวกเขาเย้ยหยันบรรดาชนผู้มีศรัทธา และบรรดาผู้มีความยำเกรงทั้งมวลย่อมมีฐานะเหนือกว่าพวกเขาในวันชาติหน้า และอัลเลาะฮฺทรงประทานโชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยไม่มีคำนวณ

คำแปล R3.
212. ชีวิตแห่งโลกนี้ได้ถูกทำให้เป็นที่เย้ายวนและล่อลวงสำหรับบรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางแห่งการปฏิเสธ ดังนั้นพวกเขาจึงเยาะเย้ยบรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางแห่งความศรัทธา แต่ (พวกเขาลืมไปว่า) ผู้สำรวมตนจากความชั่วนั้นจะอยู่เหนือพวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และอัลลอฮฺจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแห่งโลกนี้ให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยไม่มีการคำนวณ

คำแปล R4.
212. ชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้นั้นได้ถูกประดับให้สวยงามแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธา ทั้งหลายและพวกเขายังเย้ยหยันบรรดาผู้ที่ศรัทธาด้วย แต่บรรดาผู้ยำเกรงนั้น เหนือกว่าพวกเขาในวันกิยามะฮ์และอัลลอฮ์จะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์ โดยปราศจากการคำนวณนับ

คำแปล R5.
๒๑๒. อันความเป็นอยู่ชั่วแล่นนั้น ถูกทำให้บรรดาผู้เป็นกาฟิรมักกะห์เห็นงามและรักชอบ ทั้งมองเห็นแต่ความเลวของพวกมุอ์มินที่ยากจน เช่น บิลาล อัมมาร และสุไฮบ์ พวกกาฟิรนั้นเหยียดหยามบรรดาผู้เป็นมุอ์มินด้วยอวดฐานะอันมั่งคั่งของพวกตนข่มพวกมุอ์มิน ส่วนบรรดามุอ์มิน เช่น บุคคลทั้ง ๓ ดังกล่าวผู้เกรงกลัวความไม่ศรัทธาเล่าย่อมมีเกียรติเหนือพวกกาฟิรมุชริกนั้นในวันกิยามะห์ และอัลเลาะห์นั้นจะทรงประทานลาภอันไพศาลแก่ผู้ที่ทรงประสงค์ได้อย่างไม่จำกัดในวันอาคิเราะห์(วันปรภพ)กล่าวคือจะทรงให้ผู้ถูกเหยียดหยามได้ครองทรัพย์สมบัติของผู้เหยียดหยามหรือทรงให้ผู้เหยียดหยามตกเป็นทาสของผู้ถูกเหยียดหยามก็ได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #96 เมื่อ: เม.ย. 20, 2010, 06:28 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 213

 

คำอ่าน
213. กานัน..นาสุ อุม..มะเตา..วาหิดะตัน..ฟะบะอะษัลลอฮุน..นะบียีนะ มุบัชชิรีนะ วะมุน..ซิรีนะ วะอัน..ซะละมะอะฮุมุลกิตาบะ บิลหักกิ ลิยะหฺกุมะบัยนัน..นาสิ ฟีมัคตะละฟูฟีฮฺ, วะมัคตะละฟะฟีฮิ อิลลัลละซีนะอูตูฮุมิม..บะอฺดิ มาญา..อัตฮุมุลบัยยินาตุ บัฆยัม..บัยนะฮุม, ฟะฮะดัลลอฮุลละซีนะอามะนู ลิมัคตะละฟูฟีฮิ มินัลหักกิ บิอิซนิฮี วัลลอฮุยะฮฺดี มัย..ยะชา...อุ อิลาศิรอฏิม..มุสตะกีม

คำแปล R1.
213. Mankind were one community and Allah sent Prophets with glad tidings and warnings, and with them He sent the Scripture in truth to judge between people in matters wherein they differed. And only those to whom (the Scripture) was given differed concerning it after clear proofs had come unto them through hatred, one to another. Then Allah by his leave guided those who believed to the truth of that wherein they differed. And Allah guides whom He wills to a Straight Path.
 
คำแปล R2.
213. อันมนุษย์ย่อมเป็นประชาชาติเดียวกัน (ที่ยึดมั่นในลัทธิคำสอนเดียวกัน) ครั้นต่อมา อัลเลาะฮฺได้ส่งบรรดาศาสดาให้มาทำหน้าที่ประกาศข่าวดีและตักเตือน และพระองค์ทรงประทานคัมภีร์โดยสัจธรรม ให้ลงมาพร้อมกับพวกเขา เพื่อพระองค์?รงพิพากษาระหว่างมวลมนุษย์ ในกรณีที่พวกเขาพิพาทกัน และไม่พิพาทในสิ่งนั้น (โดยผู้ใดทั้งสิ้น) นอกจากบรรดาผู้ที่ถูกประทานสิ่งนั้นแก่พวกเขานั่นเอง (ซึ่งการพิพาทในสาระแห่งคัมภีร์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้น)ภายหลังจากบรรดา(หลักฐาน) ที่ชัดแจ้งได้มาสู่พวกเขาแล้ว ทั้งนี้เป็นเพราะความริษยาในระหว่างพวกเขาเอง และแล้วอัลเลาะฮฺก็ทรงชี้นำบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายในกรณีที่พวกเขาพิพาทกันนั้น(ให้รู้แจ้ง)จากสิ่งที่เป็นสัจธรรมโดยอนุญาตของพระองค์ และอัลเลาะฮฺทรงชี้นำแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ไปสู่แนวทางอันเที่ยงธรรม

คำแปล R3.
213. ในตอนแรกมนุษย์ทุกคนได้ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกัน (หลังจากนั้นความเปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งก็เกิดขึ้น) แล้วอัลลอฮฺก็ได้ส่งนบีทั้งหลายมาแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องและตักเตือนบรรดาผู้ที่หลงออกไปจากมัน และพระองค์ได้ทรงประทานคัมภีร์ที่วางพื้นฐานอยู่บนสัจธรรมมาพร้อมกับนบีเหล่านั้น เพื่อที่มันจะได้ตัดสินระหว่างมนุษย์ในเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกัน (ความขัดแย้งเกิดขึ้นมิใช่เพราะผู้คนไม่ได้รับความรู้เรื่องสัจธรรมในตอนแรก ไม่ใช่) ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างผู้คนที่ได้รับคำสอนที่ชัดแจ้งแล้วและ (มิใช่เหตุผลอื่นใดนอกไปจาก) พวกเขาต้องการที่จะกดขี่ซึ่งกันและกัน ดังนั้น ด้วยอนุมัติของพระองค์ อัลลอฮฺจึงได้ทรงนำทางบรรดาผู้ที่เชื่อในนบีไปสู่สัจธรรมเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน และอัลลอฮฺทรงนำทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปยังแนวทางที่ถูกต้อง

คำแปล R4.
213. มนุษย์นั้นเคยเป็นประชาชาติเดียวกันภายหลังอัลลอฮ์ได้ส่งบรรดานะบีมาใน ฐานะผู้แจ้งข่าวดี และผู้ตักเตือน และได้ทรงประทานคัมภีร์อันกอปรไปด้วยความจริงลงมากับพวกเขาด้วยเพื่อว่า คัมภีร์นั้นจะได้ตัดสินระหว่างมนุษย์ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน และไม่มีใครที่ขัดแย้งในคัมภีร์นั้น นอกจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นมา หลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดเแจ้งได้มายังพวกเขาเหล่านั้น ทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาในระหว่างพวกเขา แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงแนะนำแก่บรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งความจริงที่พวกเขาขัดแย้งกันด้วยอนุมัติของพระองค์ และอัลลอฮ์นั้นทรงแนะนำผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่ทางอันเที่ยงตรง

คำแปล R5.
๒๑๓. ในอดีตกาลมวลมนุษย์เคยอยู่เป็นเครือประชากรเดียวกัน ร่วมกันศรัทธาต่ออัลเลาะห์ว่าเป็นพระเจ้าองค์เดียว ครั้นต่อมาความขัดแย้งเรื่องเอกภาพของอัลเลาะห์ก็เกิดขึ้นในหมู่มวลมนุษย์ ที่ยังศรัทธามั่นต่อพระองค์อยู่ก็มี ที่ไม่ศรัทธาก็มี พระองค์จึงทรงแต่งตั้งศาสดาต่าง ๆ มาอำนวยความปีติด้วยสรวงสวรรค์แก่ผู้ศรัทธา และตักเตือนให้หวาดกลัวนรกแก่ผู้ไม่ศรัทธา กับทรงมอบพระคัมภีร์ต่าง ๆ ลงมาพร้อมพวก(ศาสดา)นั้นด้วยความเที่ยงแท้เพื่อทรงใช้มันตัดสินเรื่องเกี่ยวกับศาสนาที่มวลมนุษย์ขัดแย้งกัน แต่ไม่มีอะไรในเรื่องของการศาสนาซึ่งเขา(มนุษย์)จะขัดแย้งกันได้นอกจากบรรดาผู้ได้รับพระคัมภีร์ และรู้ซาบซึ้งถึงแนวทางแห่งการศรัทธากันโดยทั่วแล้วเท่านั้นที่จะขัดแย้งกัน หลังจากหลักฐานอันประจักษ์ชัดได้มายังพวกนั้นแล้ว ที่เกิดความขัดแย้งก็เพราะริษยาซึ่งมีขึ้นระหว่างพวกกาฟิรเหล่านั้น ดังนั้น อัลเลาะห์จึงทรงแนะนำให้บรรดาผู้เป็นมุอ์มินสู่ความเที่ยงแท้ที่พวกกาฟิรนั้นได้ขัดแย้งกัน โดยความประสงค์แห่งพระองค์ และอัลเลาะห์จะทรงแนะนำให้ผู้ที่ทรงประสงค์สู่แนวทางอันเที่ยงแท้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #97 เมื่อ: เม.ย. 21, 2010, 08:35 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 214
   

คำอ่าน
214. อัมหะสิบตุม อัน..ตัดคุลุลญัน..นะตะ วะลัม..มายะอ์ติกุม..มะษะลุลละซีนะเคาะเลา มิน..ก็อบลิกุม, มัสสัตฮุมุลบะอ์สา...อุ วัฎฎ็อรฺรอ...อุ วะซุลซิลู หัตตายะกูลัรฺเราะสูลุ วัลละซีนะอามะนูมะอะฮุ มะตานัศรุลลอฮิ อะลา..อิน..นะนัศร็อลลอฮิเกาะรีบ

คำแปล R1.
214. Or think you that you will enter Paradise without such (trials) as came to those who passed away before you? They were afflicted with severe poverty and ailments and were so shaken that even the Messenger and those who believed along with him said, "When (will come) the help of Allah?" Yes! Certainly, the Help of Allah is near!
 
คำแปล R2.
214. หรือพวกเจ้าทั้งหลายคิดว่าพวกเจ้าเองได้เข้าสวรรค์ ทั้ง ๆ ที่อุทาหรณ์ของบรรดา(ศรัทธาชน)ที่ได้ล่วงลับไปแล้วก่อนหน้าพวกเจ้า ยังไม่ได้มาปรากฏแก่พวกเจ้า(อุทาหรณ์ดังกล่าวนั้นคือ)ความยากไร้ และความเดือดร้อนได้สัมผัสพวกเขา(ชาวศรัทธา)และพวกเขาถูกกระหน่ำด้วยความหวาดกลัวอันรุนแรงจนศาสนทูต(ของพวกเขา)และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายถึงกับรำพึงว่า “เมื่อใดเล่าอัลเลาะฮฺจะช่วย(พวกเรา)” พึงสังวร! แท้จริงการช่วยเหลือของอัลเลาะฮฺนั้นใกล้(เข้ามาแล้ว)

คำแปล R3.
214. สูเจ้าคิดหรือว่าสูเจ้าจะได้เข้าสวรรค์โดยไม่ต้องถูกทดสอบอย่างเช่นที่บรรดาผู้ศรัทธาก่อนหน้าสูเจ้าได้ประสบมาแล้ว? พวกเขาเหล่านั้นต้องประสบกับความทุกข์ยากและความลำเค็ญกันมาแล้วและการทดสอบได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องหวั่นไหว จนรอซูลแห่งเวลานั้นและบรรดาผู้ปฏิบัติตามเขาถึงกับร้องว่า “เมื่อไหร่ความช่วยเหลือของอัลลอฮฺจะมาสักที” (แล้วพวกเขาก็ได้รับการปลอบโยนด้วยข่าวดีว่า): “การช่วยเหลือของอัลลอฮฺอยู่ใกล้ ๆ นี้แล้ว”

คำแปล R4.
214. หรือพวกเจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะได้เข้าสวรรค์ โดยเยี่ยงอย่างของผู้ล่วงลับไปก่อนพวกเจ้า ยังมิได้มายังพวกเจ้าเลย ซึ่งบรรดาความลำบากและความเดือดร้อนได้ประสบแก่พวกเขา และพวกเขาได้รับความหวั่นไหว จนกระทั่งร่อซูลและบรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งอยู่กับเขา กล่าวขึ้นว่า เมื่อไรเล่าการช่วยเหลือของอัลลอฮ์? พึงรู้เถิดว่าแท้จริงการช่วยเหลือของอัลลอฮ์ใกล้อยู่แล้ว

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ พวกมุสลิมได้รับความอัตคัดขาดแคลนเรื่องอาหาร ตลอดจนมีภยันตรายต่าง ๆ มาคุกคาม โองการนี้จึงถูกประทานลงมา
๒๑๔. โอ้พวกมุอ์มิน หาเป็นการสมควรไม่ที่จะได้คาดคิดว่าพวกเจ้าจักได้เข้าสู่สวรรค์ เพราะแรงศรัทธาเท่านั้น ทำไมพวกเจ้าถึงคิดอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ภัยอันตรายแบบเดียวกับของบรรดามุอ์มินผู้ล่วงลับไปแล้วก่อนพวกเจ้าเคยประสบมายังมิทันจะโดนพวกเจ้าเลย จึงทำให้พวกเจ้าไม่รู้จักอดทนกันเหมือนอย่างมุอ์มินในอดีตกาลเขาเคยอดทนกันมาแล้ว ฉะนั้นจงเอาเยี่ยงอย่างมุอ์มินในอดีตที่สู้อดทนยอมตกระกำลำบาก ตลอดจนความอัตคัดแร้นแค้นในการครองชีพ และการผจญภัยอันตรายต่าง ๆ นานา เหล่านี้ก็เพื่อแสวงหาความจริงและความเที่ยงแท้ในเมื่อพวกเจ้าเอาเยี่ยงอย่างเช่นนั้นได้แล้วนั่นแหละความสงเคราะห์ขององค์อัลเลาะห์ที่จะให้พวกเจ้าพ้นทุกข์ภัยจึงจะคืบใกล้เข้ามาอย่างไม่พักต้องสงสัย พวกมุสลิมในอดีตนั้นเคยถูกความอับจนและภัยอันตรายทางโรคาพยาธิคุกคามกันมาแล้ว และให้ได้ความตื่นตระหนกด้วยภัยพิบัติอื่น ๆ จนศาสนทูตและบรรดาผู้ร่วมศรัทธาเอ่ยว่า เมื่อไรการสงเคราะห์ของอัลเลาะห์ตามที่ทรงให้สัญญากับพวกเราจะมีมา พวกนั้นได้รับตอบจากอัลเลาะห์ว่า พวกเจ้าจงคอยเถอะ แน่แท้การสงเคราะห์ของอัลเลาะห์นั้นใกล้จะมาถึงพวกเจ้าอยู่แล้ว



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #98 เมื่อ: เม.ย. 22, 2010, 04:48 PM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 215


 คำอ่าน
215. ยัสอะลูนะกะ มาซายุน..ฟิกูนะ กุลมา..อัน..ฟักตุม..มินค็อยริน..ฟะลิลวาลิดัยนิ วัลอักเราะบีนะ วัลยะตามา วัลมะสากีนิ วับนิสสะบีล, วะมาตัฟอะลูมินค็อยริน..ฟะอิน..นัลลอฮะบิฮีอะลีม

คำแปล R1.
215. They ask you (O Muhammad) what they should spend. Say: whatever you spend of good must be for parents and kindred and orphans and Al-Masakin (the needy) and the wayfarers, and whatever you do of good deeds, Truly, Allah knows it well.
 
คำแปล R2.
215. พวกเขาจะถามเจ้าว่า อะไรที่พวกเขาพึงใช้จ่าย เจ้าจงตอบเถิดว่า อันความดี(ทรัพย์สิน)ที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายนั้น ที่จริงต้องให้แก่ผู้ให้กำเนิดทั้งสอง, แก่บรรดาเครือญาติ, แก่ลูกกำพร้า, แก่คนอนาถา และแก่ผู้พลัดถิ่น และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้าประพฤติไว้ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง 

คำแปล R3.
215. ผู้คนทั้งหลายถามว่า “อะไรที่เราควรจะใช้จ่าย?” จงบอกพวกเขาว่า “อะไรก็ตามที่สูเจ้าใช้จ่าย จงใช้จ่ายมันสำหรับพ่อแม่และญาติสนิท เด็กกำพร้าผู้ขัดสนและคนเดินทาง และความดีอันใดที่สูเจ้าได้กระทำไป อัลลอฮฺทรงรู้ดี

คำแปล R4.
215. พวกเขาจะถามเจ้า (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาจะบริจาคสิ่งใดบ้าง? จงกล่าวเถิดว่า คือทรัพย์สินใด ๆ ก็ตามที่พวกท่านบริจาคไปก็จงให้แก่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และบรรดาญาติที่ใกล้ชิด และแก่บรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาคนยากจน และผู้ที่อยู่ในการเดินทาง และก็ความดีใด ๆ ที่พวกท่านกระทำอยู่นั้น แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรู้ดี

คำแปล R5.
๒๑๕. โอ้มูฮำมัด และพวกนั้นจะซักถามเจ้าว่าพวกเขา ซึ่งในจำนวนนี้มีชายชราคนหนึ่งชื่ออัมรุ์บุตรยุมูห์ เป็นเศรษฐี ได้เรียนถามพระนบีมูฮำมัดว่า เขาจะสมัครใจเสียสละสิ่งใดบ้าง มากน้อยเพียงไรและแก่ใคร โอ้มูฮำมัดเจ้าจงบอกแก่พวกนั้นเถิด ทรัพย์ที่เจ้าได้เสียสละนั้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงไร ผู้รับทรัพย์นั้นที่ดียิ่งแล้วควรได้แก่บิดามารดา แก่วงศาคณาญาติ แก่บรรดากำพร้า แก่บรรดาที่ยากไร้ และแก่ผู้เดินทาง ส่วนความดีใด เช่น การเสียสละทั้งที่เป็นภาคบังคับบ้าง เช่นให้เสียสละเป็นทานแก่บุคคลแปดจำพวกและจ่ายเป็นเบี้ยเลี้ยงแก่ครอบครัว หรือโดยสมัครใจบ้างเช่น สละให้เป็นสาธารณสมบัติ และสละให้แก่ชนทุกชั้นด้วยหมายเอาบุญกุศลที่พวกเจ้ากระทำกันไว้ อัลเลาะห์ก็ทรงรู้ซึ่งการกระทำนั้น แล้วพระองค์จะทรงสนองบุญกุศลแก่ผู้ประกอบการดีนั้นด้วย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #99 เมื่อ: เม.ย. 23, 2010, 06:08 PM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 216 – 218


คำอ่าน
216. กุติบะ อะลัยกุมุลกิตาลุวะฮุวะกุรฺฮุลละกุม, วะอะสา..อัน..ตักเราะฮูชัยเอา..วะฮุวะค็อยรุลละกุม, วะอะสา..อัน..ตุหิบบูชัยเอา..วะฮุวะชัรรุลละกุม, วัลลอฮุยะอฺละมุวะอัน..ตุมลาตะอฺละมูน

คำแปล R1.
216. Jihad (holy fighting In Allah's Cause) is ordained for you (Muslims) though you dislike it, and it may be that you dislike a thing which is good for you and that you like a thing which is bad for you. Allah knows but you do not know.

คำแปล R2.
216. การรบ(กับพวกเนรคุณ)ได้ถูกบัญญัติแก่พวกเจ้าทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นเป็นที่รังเกียจสำหรับพวกเจ้า แต่บางทีพวกเจ้ารังเกียจสิ่งหนึ่ง โดยที่สิ่งนั้นอาจเป็นความดีสำหรับพวกเจ้าก็ได้ และบางทีพวกเจ้าพิสมัยในสิ่งหนึ่ง โดยสิ่งนั้นอาจเป็นความเลวร้ายสำหรับพวกเจ้าก็ได้ และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ โดยเจ้าไม่รู้(ในสิ่งนั้น ๆ เลย)

คำแปล R3.
216. สูเจ้าได้ถูกบัญชาให้ออกสู่สงครามและสูเจ้ารังเกียจมัน แต่มันอาจเป็นว่าสูเจ้ารังเกียจสิ่งหนึ่งซึ่งสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีสำหรับสูเจ้า และบางทีสูเจ้ารักสิ่งหนึ่งซึ่งสิ่งนั้นมันเลวสำหรับสูเจ้า อัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้แต่สูเจ้าไม่รู้

คำแปล R4.
216. การสู้รบนั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว ทั้งๆ ที่มันเป็นที่รังเกียจแก่พวกเจ้า และอาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่งทั้งๆ ที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งดีแก่พวกเจ้าและก็อาจเป็นไปได้ว่าการที่พวกเจ้าชอบสิ่ง หนึ่ง ทั้ง ๆ ที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งเลวร้ายแก่พวกเจ้าและอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดี แต่พวกเจ้าไม่รู้

คำแปล R5.
๒๑๖. บัญญัติว่าด้วยการรบกับพวกกาฟิรนั้นได้ถูกกำหนดเป็นฟัรดูรายบุคคลไว้เหนือพวกเจ้าแล้ว หากว่าเมื่อใดมีศัตรูรุกล้ำเข้ามาสู่บ้านเมืองของพวกเจ้า และถูกกำหนดไว้เป็นฟัรดูร่วมกัน(ฟัรดูกิฟายะห์) ในเมื่อศัตรูยังอยู่ในบ้านเมือง ทั้ง ๆ ที่การรบนั้นโดยอุปนิสัยอันแท้จริงแล้วเป็นที่ชิงชัง เพราะความลำบากสำหรับพวกเจ้าก็ตามเถอะ แหละการงานที่ชอบด้วยศาสนานั้น พวกเจ้าอาจจะเกลียดสิ่งใดโดยที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเจ้า และอาจจะชอบสิ่งใดโดยที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งชั่วสำหรับพวกเจ้าก็ได้ อัลเลาะห์นั้นทรงรู้ถึงสิ่งใด ๆ ที่ดี แต่พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าสิ่งนั้นดี ฉะนั้นพวกเจ้าจงเร่งประกอบการตามที่พระองค์ทรงบัญชาใช้พวกเจ้าเท่านั้น


คำอ่าน
217. ยัสอะลูนะกะ อะนิชชะฮฺริลหะรอมิ กิตาลิน..ฟีฮฺ, กุลกิตาลุน..ฟีฮิกะบีรฺ, วะศ็อดดุนอัน..สะบีลิลลาฮิ วะกุฟรุม..บิฮี วัลมัสญิดิลหะรอมมิ วะอิครอญุอะฮฺลิฮี มินฮุอักบะรุอิน..ดัลลอฮฺ, วัลฟิตนะตุอักบะรุมินัลก็อตลฺ, วะลายะซาลูนะ ยุกอติลูนะกุม หัตตายะรุดดูกุม อัน..ดีนิกุม อินิสตะฏออู, วะมัย..ยัรตะดิดมิน..กุม อัน..ดีนิฮี ฟะยะมุต ฟะฮุวะกาฟิรุน..ฟะอุลา...อิกะ หะบิฏ็อตอะอฺมาลุฮุม ฟิดดุนยาวัลอาคิเราะฮฺ, วะอุลาอิกะ อัศหาบุน..นาริ ฮุมฟีฮาคอลิดูน

คำแปล R1.
217. They ask you concerning fighting in the sacred months (i.e. 1st, 7th, 11th and 12th months of the Islamic calendar). Say, "Fighting therein is a great (transgression) but a greater (transgression) with Allah is to prevent mankind from following the Way of Allah, to disbelieve in him, to prevent access to Al-Masjid-al-Haram (at Makkah), and to drive out its inhabitants, and Al-Fitnah is worse than killing. And they will never cease fighting you until they turn you back from your Religion (Islamic Monotheism) if they can. And whosoever of you turns back from his Religion and dies as a disbeliever, then his deeds will be lost In this life and in the hereafter, and they will be the dwellers of the Fire. They will abide therein forever."

คำแปล R2.
217. พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับเดือนต้องห้าม(มิให้)ทำสงครามในนั้น(คิอเดือนรอญับ)เจ้าจงตอบเถิดว่าการทำสงครามในเดือนนั้นเป็น(ความผิด)ที่ใหญ่ยิ่ง เป็นการกีดขวางแนวทางของอัลเลาะฮฺ เป็นการเนรคุณต่อพระองค์ และเป็นการกีดขวางมิให้ผู้คนเข้าไปในมัสยิดหะรอม และการขับไล่ผู้อยู่ในนั้นให้ออกจากมัน เป็น(ความผิด)ยิ่งใหญ่สำหรับอัลเลาะฮฺ และ)การสร้าง)วิกฤติการนี้นย่อมเป็น(ความผิด)ยิ่งใหญ่กว่าการฆ่า และพวกเขาจะทำสงครามกับพวกเจ้าเสมอจนกว่าพวกเขาจะทำให้พวกเจ้ากลับออกจากศาสนาของพวกเจ้า ทั้งนี้ถ้าพวกเขามีความสามารถ(ทำได้) และบุคคลใดจากพวกเจ้ากลับออกจากศาสนาของเขาและเขาก็ถึงแก่ความตายในสภาพเนรคุณ แน่นอนพวกเหล่านั้นความประพฤติทั้งหลายของพวกเขาย่อมมลายสิ้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และพวกเหล่านั้นเป็นชาวนรก พวกเขาจะอยู่โดยนิรันดรในนั้น

คำแปล R3.
217. พวกเขาถามเจ้า (โอ้มุฮัมมัด)เกี่ยวกับการทำสงครามในเดือนต้องห้าม จงกล่าวเถิด “การรบพุ่งในเดือนนั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรงยิ่ง แต่ในสายตาของอัลลอฮฺนั้น การขัดขวางผู้คนออกจากทางของอัลลอฮฺ การปฏิเสธพระองค์และขัดขวางผู้คนมิให้ไปเยี่ยมมัสญิดอัล-หะรอม และการขับไล่ผู้อยู่อาศัยในสถานที่แห่งนั้นออกไปจากมันเป็นความผิดที่ร้ายแรงยิ่งกว่า และการกดขี่ข่มเหงนั้น ร้ายแรงยิ่งกว่าการฆ่า สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาจะต่อสู้กับสูเจ้าต่อไปจนกว่าพวกเขาจะประสบผลสำเร็จในการหันเหสูเจ้าออกจากความศรัทธาของสูเจ้าถ้าพวกเขาสามารถทำได้ แต่ (ขอให้รู้ว่า) ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าละทิ้งความศรัทธาของเขาและตายในขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธ การงานของเขาทั้งหมดจะไร้ผลทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และพวกเขาเหล่านี้จะได้รับไฟนรกและพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้น

คำแปล R4.
217. พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับเดือนต้องห้าม ซึ่งการสู้รบในเดือนนั้น จงกล่าวเถิดว่า การสู้รบในเดือนนั้นเป็นสิ่งใหญ่โตและการขัดขวางให้ออกจากทางของอัลลอฮ์ และการปฏิเสธการศรัทธาต่อพระองค์ และการกีดกัน อัล-มัสยิดิลฮะรอมตลอดจนการขับไล่ชาวอัล-มัสยิดิลฮะรอมออกไปนั้นเป็นสิ่ง ใหญ่โตยิ่งกว่า ณ ที่อัลลอฮ์ และการฟิตนะฮ์ นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าการฆ่า และพวกเขาจะยังคงต่อสู้พวกเจ้าต่อไป จนกว่าพวกเขาจะทำให้พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของพวกเจ้า หากพวกเขาสามารถ และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของเขา แล้วเขาตายลง ขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละบรรดาการงานของพวกเขาไร้ผล ทั้งในโลกนี้และปรโลก และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งกางลงโองการต่อไปนี้ พระนบีมูฮำมัดได้ส่งกองทัพอันมีอับดุล-เราะห์มาน บุตร ยะห์ซิน เป็นแม่ทัพออกไปรบทัพฝ่ายกาฟิรมุชริก อัมร์บุตรฮัดร่อมีย์เป็นผู้หนึ่งของฝ่ายกาฟิรถูกกองทัพมุสลิมฆ่าตายในวันสิ้นเดือนยุมาดาที่สอง ครั้นแล้วทัพมุสลิมเกิดสงสัยกันขึ้นว่า วันที่อัมร์ถูกฆ่านั้นตกอยู่ในยุมาดาที่สองซึ่งไม่ใช่เดือนที่ห้ามการสงคราม หรือตกอยู่ในวันที่หนึ่งแห่งเดือนรอยับซึ่งเป็นเดือนที่ห้ามการสงคราม ฝ่ายพวกกาฟิรก็ตำหนิพวกมุสลิม หาว่าแก้ไขบทบัญญัติว่าด้วยการห้ามสงครามในเดือนรอยับให้เป็นว่าไม่ห้าม อัลเลาะห์จึงประทานโองการลงมาว่า
๒๑๗. และโอ้มูฮำมัด พวกมุสลิมเหล่านั้นจะซักถามเจ้าเรื่องเดือนรอยับ คือเดือนที่ห้ามการรบในเดือนนั้น เพราะความพลาดพลั้งว่าจะเกิดเป็นบาปหรือไฉน เจ้าจงตอบพวกนั้นเถิดว่า การรบกันด้วยเจตนาในเดือนรอยับนั้น ย่อมเป็นบาปใหญ่หลวง แต่ถ้าเป็นการรบโดยไม่เจตนาก็ย่อมไม่บาปอย่างใด เช่นการรบอยู่ในช่วงเวลาที่สงสัยของทัพฝ่ายมุสลิมที่อับดุล-เราะห์มานเป็นแม่ทัพ โองการส่วนนี้ถูกยกเลิกแล้วโดยโองการที่ ๑๙๑ แห่งสูเราะห์อัลบะก็เราะห์ ส่วนการห้ามหวงมิให้เข้าสู่แนวทางของศาสนาของอัลเลาะห์ก็ดี การไม่ศรัทธาต่อพระองค์ก็ดี ห้ามสู่นครมักกะห์ก็ดี และเนรเทศพระนบีมูอำมัดกับพวกมุสลิมชาวเมืองนั้นออกไปก็ดี เหล่านี้จัดว่าเป็นบาปยิ่งไปกว่าการรบโดยเจตนาในเดือนที่ห้าม โดยการตัดสินแห่งอัลเลาะห์ แต่ซิรก์(การตั้งภาคีเสมอด้วยอัลเลาะห์)จากพวกเจ้านั้นเป็นบาปใหญ่ยิ่งกว่าการเจตนาฆ่าพวกนั้นในเดือนที่ห้ามเสียอีก โอ้พวกมุอ์มิน พวกกาฟิรเหล่านั้นจะเฝ้ารบกับพวกเจ้าร่ำไปจนกว่าจะทำให้พวกเจ้ากลับออกจากศาสนาของพวกเจ้าไปสู่ศาสนากุฟร์ได้ หากพวกมันยังสามารถ และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าผินเสียจากศาสนาของตน แล้วเขาก็ตายลงพลางยังเป็นกาฟิรอยู่ แน่นอนพวกเหล่านั้นแหละที่กรรมดีต่าง ๆ ของพวกตนสูญสลายลง ทั้งในภพนี้ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองในทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกายและเกียรติยศ กล่าวคือเขาจะถูกตัดขาดจากกองมรดก ขาดจากความเป็นสามีภรรยาตลอดจนต้องถูกฆ่า ความชมเชยก็ดีและอื่น ๆ ก็ดี จะไม่มีใครกล่าวขวัญถึงเลย และในภพหน้าอัลเลาะห์จะไม่ทรงตอบแทนบุญกุศลให้อีกด้วย แต่ถ้าผู้นั้นกลับใจหันมาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามตามเดิม กรรมดีของเขาก็คืนกลับดังเดิม ส่งนบญกุศลนั้น นักปราชญ์ทางฟิกห์มีความเห็นเป็นดังนี้
๑. บุญกุศลเนื่องจากกรรมดีนั้นกลับคืนมาดังเดิม
๒. บุญกุศลเนื่องจากกรรมดีนั้นสูญสลาย
พวกเหล่านี้แหละเป็นชาวนรก ดำรงมั่นอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร อย่างไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยและไม่ตาย


 

คำอ่าน
218. อิน..นัลละซีนะอามะนู วัลละซีนะฮาญะรู วะญาฮะดู ฟีสะบีลิลลาฮิ อุลา...อิกะ ยัรฺญูนะเราะหฺมะตัลลอฮิ วัลลอฮุ เฆาะฟูรุรฺเราะหีม

คำแปล R1.
218. Verily, those who have believed, and those who have emigrated (for Allah's religion) and have striven hard In the way of Allah, All these hope for Allah's Mercy. And Allah is Oft-Forgiving, Most-Merciful.

คำแปล R2.
218. แท้จริงบรรดาผู้มีศรัทธาและบรรดาผู้อพยพ และต่อสู้ในทางของอัลเลาะฮฺ พวกเหล่านั้นมุ่งหวังในเมตตาธรรมของอัลเลาะฮฺ และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งเมตตายิ่ง

คำแปล R3.
218. ในทางตรงข้ามกับคนพวกนี้ ผู้ศรัทธาและอพยพออกจากบ้านและต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ คนเหล่านี้แหละที่มุ่งหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R4.
218. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่อพยพ และได้เสียสละต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์นั้น ชนเหล่านี้แหละที่หวังในความเมตตาของอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ กองทัพฝ่ายมุชริกได้กล่าวแก่ฝ่ายมุสลิมว่า ถึงแม้พวกมุสลิมจะพ้นบาปที่ทำการรบ และพลั้งพลาดไปฆ่า อัมร์ บุตร ฮัดร่อมีย์ ในเดือนรอยับ คือเดือนที่ห้ามแล้วก็เอาเถิด แต่พวกมุสลิมก็จะไม่ได้บุญกุศลอันใด อัลเลาะห์ได้ประทานโองการลงมาว่า
๒๑๘. แท้จริงบรรดาผู้เป็นมุอ์มินก็ดี ผู้อพยพตามพระนบีมูฮำมัดก็ดี และผู้กระทำสงครามในแนวทางศาสนาของอัลเลาะห์ เผื่อผดุงให้ศาสนาของพระองค์เด่นขึ้นก็ดี พวกเหล่านั้นแหละคือ พวกที่หมายเอาบุญกุศลจากอัลเลาะห์ และอัลเลาะห์นั้นทรงยิ่งในการอภัยโทษแก่พวกมุอ์มินที่ได้กระทำสงครามในเดือนที่ห้าม โดยความผิดพลั้งและขาดความระแวดระวัง ทรงโปรดปรานยิ่งที่จะสนองบุญกุศลมากยิ่งขึ้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 23, 2010, 09:46 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #100 เมื่อ: เม.ย. 24, 2010, 08:48 AM »
0
สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 219 – 220


คำอ่าน
219. ยัสอะลูนะกะ อะนิลค็อมริ วัลมัยสิรฺ, กุลฟีฮฺมา..อิษมุน..กะบีรู..วะมะนาฟิอุลิน..นาสิ วะอิษมุฮุมา..อักบะรุมิน..นัฟอิฮิมา, วะยัสอะลูนะกะมาซายุน..ฟิกูนะ กุลิลอัฟวะ กะซาลิกะยุบัยยินุลลอฮุละกุมุลอายาติละอัลละกุม ตะตะฟักกะรูน

คำแปล R1.
219. They ask you (O Muhammad) concerning alcoholic drink and gambling. Say: "In them is a great sin and (some) benefit for men, but the sin of them is greater than their benefit." And they ask you what they ought to spend. Say: "That which is beyond your needs." Thus Allah makes clear to you his laws in order that you may give thought."
 
คำแปล R2.
219. พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับสุราและการพนัน เจ้าจงตอบเถิดว่าในมันทั้งสองนั้นมีโทษอันยิ่งใหญ่และมีประโยชน์(อยู่บ้าง)สำหรับมวลมนุษย์ แต่โทษของมันทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่กว่าประโยชน์ของมันมากนัก และพวกเขาจะถามเจ้าอีกว่าอะไรที่พวกเขาจะใช้จ่าย? เจ้าจงตอบเถิดว่า (ให้ใช้จ่ายเฉพาะ)ส่วนที่เกินความต้องการ เช่นนั้นแหละ อัลเลาะฮฺทรงชี้แจงบรรดาสัญลักษณ์แก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจักได้ไตร่ตรอง

คำแปล R3.
219. พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับน้ำเมาและการพนัน จงกล่าวเถิดว่า “ในทั้งสองนั้นมีโทษใหญ่ถึงแม้ว่ามันจะมีคุณบ้างสำหรับมนุษย์ แต่โทษแห่งบาปของมันทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่กว่าคุณประโยชน์ของมัน” และพวกเขาถามว่าอะไรที่พวกเขาต้องจ่าย(ในหนทางของอัลลอฮฺ) จงกล่าวเถิดว่า “อันใดก็ได้ที่สูเจ้าจะให้ได้” ดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้ทำให้คำบัญชาของพระองค์เป็นที่แจ่มแจ้งแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ใคร่ครวญถึงสิ่งที่ดีในโลกนี้และโลกหน้า

คำแปล R4.
219. พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับน้ำเมา และการพนัน จงกล่าวเถิดว่า ในทั้งสองนั้นมีโทษมากและมีคุณหลายอย่างแก่มนุษย์ แต่โทษของมันทั้งสองนั้นมากกว่าคุณของมัน และพวกเขาจะถามเจ้าว่า พวกเขาจะบริจาคสิ่งใด ? จงกล่าวเถิดว่า สิ่งที่เหลือจากการใช้จ่าย ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงแจกแจงโองการทั้งหลายแก่พวกเจ้าหวังว่าพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ อุมัร บุตรค๊อตตํอบกับมะอาซบุตรยะบัลพร้อมด้วยชนชาวมดีนะห์ส่วนหนึ่ง ได้เข้าไปเรียนถามพระนบีมูฮำมัดว่า โอ้ผู้เป็นศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์ ขอท่านได้โปรดแนะนำเรื่องสุรา และการพนันขันต่อให้พวกเราได้รู้ลึกซึ้งซิว่าเป็นไฉน เพราะพวกเรารู้แต่ว่าทั้งสองนี้ทำให้ผู้เสพครองสติไว้ไม่อยู่และสูญเสียทรัพย์โดยใช่เหตุ
๒๑๙. โอ้มูฮำมัด พวกนั้นจะซักถามเจ้าถึงเรื่องสุราและการพนันว่าเป็นข้อใช้หรือข้อห้ามอย่างไรเจ้าจงตอบพวกนั้นเถิดว่าในการจับจ่ายใช้สอยเปลี่ยนเวียนกันในระหว่างผู้ซื้อหรือผู้ขายสุราก็ดี ระหว่างลูกวงกับเจ้ามือการพนันหรือคู่พนันซึ่งไม่ว่าจะเดี่ยวหรือหมู่ก็ดี ทั้งนี้เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นสุราหรือการพนัน ย่อมเป็นเหตุให้เกิดการทุ่มเถียงกัน ด่าทอกัน ตลอดจนถึงกับใช้วาจาที่หยาบคายระหว่างกันและกันและเป็นคุณสำหรับมนุษย์ เพราะสุรามีรสชวนดื่ม ทำให้ผู้ดื่มมีความร่าเริง ทำให้ผิวพรรณผ่องใส ทำให้คนตระหนี่ถี่เหนียวเป็นผู้ใจกว้างขวาง ทำให้เจริญอาหารและทำให้คนขาดกลัวมีความกล้าหาญ ส่วนการพนันก็ยังประโยชน์ในรูปที่ได้ทรัพย์มาด้วยความสะดวกดาย แต่ทว่าบาปของทั้งสองนั้นใหญ่ยิ่งกว่าคุณของมันเสียอีก
   เมื่อโองการนี้ถูกประทานมา ก็มีบางพวกที่ยังชอบดื่มอยู่ ส่วนบางพวกก็เลิกดื่ม จนกระทั่งมีโองการที่ ๙๐ แห่งซูเราะห์อัลมาอิดะห์ลงมาตัดสินว่าเป็นของหะรอมเด็ดขาด จึงทำให้พวกที่ยังชอบดื่มอยู่เลิกดื่มแต่บัดนั้นเป็นต้นมา2
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ อัมร์บุตรยุมูห์ กับพรรคพวกที่มีฐานะเทียมกัน ได้เรียนถามพระนบีมูฮำมัดว่า สิ่งที่เขาจะเสียสละกันนั้นมีกำหนดมากน้อยเพียงไร อัลเลาะห์จึงประทานโองการว่า
โอ้มูฮำมัด และพวกนั้นจะซักถามเจ้าว่า พวกเขาจะเสียสละกันสักเพียงไร เจ้าจงตอบพวกนั้นเถิดว่า ให้พวกเขาเสียสละสิ่งที่เหลือล้นจากความต้องการ แต่อย่าเสียสละสิ่งใดที่ยังอยู่ในความต้องการ และยังเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า ทำนองเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงแจ้งให้พวกเจ้ารู้กำหนดความมากน้อยของสิ่งที่ต้องการจะเสียสละ และให้ได้รู้ถึงข้อห้ามเรื่องสุราและการพนันนี้แหละ อัลเลาะห์จะได้ทรงแจ้งบรรดาโองการว่าด้วยข้อใช้และข้อห้ามเรื่องอื่น ๆ ต่อไปแก่พวกเจ้าอีก เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ใช้ปัญญาใคร่ครวญดู

 

คำอ่าน
220. ฟิดดุนยาวัลอาคิเราะฮฺ, วะยัสอะลูนะกะอะนิลยะตามา, กุลอิศลาหุลละฮุมค็อยรฺ, วะอิน..ตุคอฏิลูฮุม ฟะอิควานุกุม, วัลลอฮุยะอฺละมุลมุฟสิดะ มินัลมุศลิหฺ, วะเลาชา...อัลลอฮุ ละอะอฺนะตะกุม, อิน..นัลลอฮะอะซีซุนหะกีม

คำแปล R1.
220. In (to) this worldly life and in the hereafter. And they ask you concerning orphans. Say: "The best thing is to work honestly in their property, and if you mix your affairs with theirs, then they are your brothers. And Allah knows him who means mischief (e.g. to swallow their property) from him who means good (e.g. to save their property). And if Allah had wished, He could have put you into difficulties. Truly, Allah is All-Mighty, All-Wise."

คำแปล R2.
220. ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับลูกกำพร้า เจ้าจงตอบเถิดว่า “การทำดีต่อเขาเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม” และถ้าพวกเจ้าร้วม(ประโยชน์)กับพวกเขาก็(จงนึกว่าพวกเขา)เป็นพี่น้องของพวกเจ้า(โดยดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขาอย่างสมบูรณ์ อย่าโกงหรือริดรอนสิทธิพวกเขาเป็นอันขาด) และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้แก่ผู้ที่ทำความเสื่อมเสีย จากผู้ที่ทำดี(ต่อพวกเขา)และหากอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ พระองค์ย่อมบีบบังคับพวกเจ้ามิให้ร่วมประโยชน์ใด ๆ กับพวกเขาเลย แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชายิ่ง

คำแปล R3.
220. พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเด็กกำพร้า จงกล่าวเถิด “วิธีการที่ถูกต้องก็คือวิธีการที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็กกำพร้า” แล้วมันก็ไม่มีโทษอันใดถ้าหากสูเจ้าจะอยู่กับพวกเขา เพราะเหนืออื่นใด พวกเขาก็เป็นพี่น้องของสูเจ้า อัลลอฮฺทรงรู้ดีว่าใครเป็นผู้คิดจะสร้างความเสียหายและใครที่มีเจตนาดี ถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์ก็อาจทำให้สูเจ้าลำบากได้ในเรื่องนี้ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

คำแปล R4.
220. ทั้งในโลกนี้และปรโลก และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับบรรดาเด็กกำพร้า จงกล่าวเถิดว่า การแก้ไขปรับปรุงใด ๆ ให้แก่พวกเขานั้น เป็นสิ่งที่ดียิ่ง และถ้าหากพวกเจ้าจะร่วมอยู่กับพวกเขา พวกเขาก็คือพี่น้องของพวกเจ้า และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดีถึงผู้ที่ก่อความเสียหาย จากผู้ที่ปรับปรุงแก้ไข และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แล้ว แน่นอนก็ทรงให้พวกเจ้าลำบากไปแล้ว แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

คำแปล R5.
๒๒๐. ถึงการงานทั้งในภพนี้และภพหน้า ฉะนั้นพวกเจ้าจงเสาะแสวงเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพวกเจ้าเอง ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ พระนบีมูฮำมัดได้ถูกซักถามเรื่องข้อใช้ข้อห้ามเกี่ยวกับเด็กกำพร้าที่อยู่ในความอุปการะ
โอ้ มูฮำมัด และพวกนั้นจะได้ซักถามเจ้าเรื่องพวกกำพร้า เกี่ยวกับความคับแค้นใจของผู้ปกครองที่จะประสบ ทั้งในเมื่อกำพร้าเหล่านั้นจะอยู่ต่างหากและในเมื่อกินอยู่ร่วมกัน กล่าวคือ ถ้าหากผู้ปกครองอยู่กินร่วมกันกับกำพร้า ผู้ปกครองย่อมได้รับบาป แต่ถ้าผู้ปกครองแยกทรัพย์สมบัติของกำพร้าไว้ต่างหาก แล้วเอาทรัพย์นั้นไปทำอาหารเลี้ยงดูเด็กกำพร้าโดยเฉพาะ ผู้ปกครองย่อมต้องลำบากใจ เจ้าจงตอบพวกนั้นเถิดว่า การทำประโยชน์เพื่อพวกกำพร้าเหล่านั้น อาจจะโดยหาทางทำให้ทรัพย์สินของกำพร้านั้นงอกเงยขึ้นก็ดี และให้อยู่กินร่วมกันก็ดี ทั้งสองอย่างนั้นย่อมเป็นการดียิ่งกว่าที่จะเฉยเมยไม่กระทำทั้งสองประการดังกล่าว ฉะนั้นหากพวกเจ้าจะเอารายจ่ายต่าง ๆ ของพวกเจ้าปะปนกับร่ายจ่ายของพวกกำพร้านั้น ก็ให้ถือเอาว่าพวกนั้นเป็นเครือญาติร่วมศาสนาเดียวกับพวกเจ้าเถิด นี่คือภาวะจำเป็นที่ตกหนักเหนือพวกเจ้า หากเห็นว่าการจะอยู่ร่วมกับกำพร้าเหล่านั้นดีกว่าการแยกออกต่างหาก และอัลเลาะห์ย่อมทรงตระหนักดีถึงผู้ปกครองที่ทำความหายนะแก่ทรัพย์สินกำพร้าเหล่านั้น เพราะขัดคำบัญชาของพระองค์และทรงรู้ถึงผู้ปกครองที่ทำประโยชน์ในทรัพย์สินให้งอกเงยขึ้นด้วยตามห้ามตามใช้ของพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงตอบสนองแก่ผู้ปกครองสองประเภทนั้นให้ได้รับผลสมตามที่ตนได้ประกอบกันไว้ แม้นว่าอัลเลาะห์ทรงมุ่งหมายจะบีบบังคับพวกเจ้าด้วยห้ามมิให้อยู่กินร่วมเด็ดขาดแล้วไซร้ แน่นอนพระองค์จะต้องบีบบังคับเช่นนั้น แต่พระองค์มิได้บังคับพวกเจ้าดังที่กล่าวนั้นเลย นั่นแปลว่าพระองค์มิได้ทรงมุ่งหมายดังนั้น เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่ง มีความเด็ดขาดในการงานทุกอย่างของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในระบบงานของพระองค์


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 28, 2010, 05:15 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #101 เมื่อ: เม.ย. 28, 2010, 06:42 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 221

 


คำอ่าน
221. วะลาตัน..กิหุลมุชริกาติ หัตตายุอ์มินน์, วะละอะมะตุม..มุอ์มินะตุน ค็อยรุม..มิม..มุชริกะติว..วะเลาอะอฺญะบัตกุม, วะลาตุน..กิหุลมุชริกีนะ หัตตายุอ์มินู วะละอับดุม..มุอ์มินุนค็อยรุม..มิม..มุชริกิว..วะเลาอะอฺญะบะกุม, อุลา...อิกะยัดอูนะอิลัน..นาริ วัลลอฮุยัดอู..อิลัลญันนะติ วัลมัฆฟิเราะติบิอิซนิฮฺ, วะยุบัยยินุอายาติฮี ลิน..นาสิ ละอัลละฮุมยะตะซักกะรูน

คำแปล R1.
221. And do not marry Al-Mushrikat (idolatresses, etc.) till they believe (worship Allah alone). And indeed a slave woman who believes is better than a (free) Mushrikah (idolatress, etc.), even though she pleases you. And give not (your daughters) in marriage to Al-Mushrikun till they believe (in Allah Alone) and verily, a believing slave is better than a (free) Mushrik (idolater, etc.), even though he pleases you. Those (Al-Mushrikun) invite you to the Fire, but Allah invites (you) to Paradise and Forgiveness by His leave, and makes His Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) clear to mankind that they may remember.

คำแปล R2.
221. และเจ้าทั้งหลายอย่าสมรสกับบรรดาหญิงผู้ตั้งภาคี(ผู้นับถือสิ่งอื่น ๆ เทียบเคียงกับอัลเลาะฮฺ)จนกว่านางจะมีศรัทธา(แท้จริงต่ออิสลาม) ขอยืนยันอันทาสที่มีศรัทธานั้นย่อมประเสริฐกว่าหญิงตั้งภาคีอย่างแน่นอน และมาดแม้นนางจะทำให้พวกเจ้ารู้สึกชื่นชมก็ตาม และพวกเจ้าทั้งหลายอย่าจัดการสมรส(หญิงศรัทธา)แก่บรรดาชายผู้ตั้งภาคีจนกว่าพวกเขาจะมีศรัทธาเสียก่อน ขอยืนยันอันทาสที่มีศรัทธาย่อมประเสริฐกว่าชายที่ตั้งภาคี และมาดแม้นเขาจะทำให้พวกเจ้ารู้สึกชื่นชมก็ตาม พวกเหล่านั้นล้วนเรียกร้องไปสู่นรก ส่วนอัลเลาะฮฺเรียกร้องไปสู่สวรรค์ และการให้อภัยโดยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์ทรงชี้แจงบรรดาโองการทั้งหลายของพระองค์แก่มวลมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้สำนึก

คำแปล R3.
221. และจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริกจนกว่านางจะศรัทธา แท้จริงแล้วบ่าวหญิงผู้มีความศรัทธานั้นดีกว่าหญิงผู้เป็นมุชริก ถึงแม้ว่านางเป็นที่ต้องใจสูเจ้าก็ตาม(ในทำนองเดียวกัน)จงอย่ายกผู้หญิงของสูเจ้าให้แต่งงานกับชายมุชริกจนกว่าเขาจะศรัทธา แท้จริงบ่าวชายผู้มีความศรัทธานั้นดีกว่าชายผู้เป็นมุชริก แม้ว่าเขาจะเป็นที่ต้องใจสูเจ้าก็ตาม พวกมุชริกเหล่านี้เรียกร้องสูเจ้าไปสู่ไฟนรก ในขณะที่อัลลอฮฺทรงเรียกร้องสูเจ้าไปสู่สวนสวรรค์และการอภัยโทษโดยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์ได้ทรงทำให้อายะฮฺทั้งหลายของพระองค์เป็นที่แจ่มแจ้งสำหรับมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่ว่าพวกเขาจะรำลึก

คำแปล R4.
221. และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก จนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านางได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม และพวกเจ้าจงอย่าให้แต่งงานกับบรรดาชายมุชริก จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่าชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่ไฟนรกและอัลลอฮ์นั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโทษ ด้วยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์จะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์แก่มนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึกกันได้

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เนื่องจากเกิดมีข้อติฉินนินทาผู้แต่งงานกับหญิงมุอ์มินที่เป็นทาส ยิ่งกว่านั้นยังได้ชักชวนให้เห็นชอบเกี่ยวกับการแต่งงานกับหญิงกาฟิรเสรีชน อัลเลาะห์จึงทรงมีโองการมาว่า
๒๒๑. โอ้มวลมุอ์มิน และพวกเจ้าอย่าได้สมรสกับหญิงมุชริกจนกว่าพวกหล่อนจะศรัทธาในศาสนาอิสลาม ทาสหญิงที่เป็นมุอ์มินยังดีกว่าหญิงมุชริกที่เป็นเสรีชนเสียอีก แม้ว่าหญิงมุชริกเหล่านั้น หล่อนจะยั่วยวนพวกเจ้าด้วยเสน่ห์แห่งความงามบ้าง ด้วยทรัพย์สมบัติบ้างก็เอาเถอะ ยังนับว่าทาสหญิงมุอ์มินย่อมดีกว่าอยู่นั่นเอง
และโอ้บรรดาผู้ปกครอง พวกเจ้าจงอย่าให้หญิงมุอ์มินที่อยู่ในความปกครองของพวกเจ้าสมรสกับชายมุชริกจนกว่าพวกนั้นจะศรัทธาในศาสนาอิสลาม ชายทาสที่เป็นมุอ์มินยังจะดีกว่าชายมุชริกที่เป็นเสรีชนเสียอีก แม้ว่าชายที่เป็นมุชริกนั้น เขาจะยั่วยวนพวกเจ้า(ผู้ปกครอง)ให้เกิดความเสน่หา ซึ่งอาจจะโดยทางรูปสมบัติ หรือทรัพย์สมบัติ ด้วยหวังจะให้พวกเจ้าสมรสหญิงในความปกครองให้ก็เอาเถอะ ยังนับว่าชายมุอ์มินย่อมดีกว่าอยู่นั่นเอง พวกมุชริกเหล่านั้นแหละคือผู้ชักชวนให้กระทำการใดอันเป็นเหตุให้เข้าสู่นรก ส่วนอัลเลาะห์นั้นจะทรงมีรับสั่งให้ศาสนทูตมาชักชวนให้กระทำการอันเป็นทางไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโดยความประสงค์ของพระองค์ ฉะนั้นจึงจำเป็นจะต้องรับตามคำชี้ชวนของพระองค์ที่ว่า ให้สมรสกับหญิงหรือชายผู้เป็นที่รักของพระองค์ คือพวกมุสลิม และพระองค์จะทรงแจ้งบรรดาโองการของพระองค์แก่มวลมนุษย์เพื่อว่าพวกมนุษย์เหล่านั้นจะได้ระลึกถึงความน่าขยะแขยงของสิ่งที่ต้องห้ามและระลึกถึงความดีงามจากสิ่งที่ถูกชักชวนให้กระทำ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #102 เมื่อ: เม.ย. 28, 2010, 09:09 PM »
0
 salam

มูลเหตุแห่งการลง(อัสบาบุลนุซูล)อายะฮฺข้างต้นนี้ ในหนังสือ “คำอธิบาย อัล-กุรฺอานุลกะรีม (ญุซที่ 2 ) โดยสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๒๖” ได้ระบุไว้ดังนี้
   อัล-วาฮิดีย์และคนอื่น ๆ ได้รายงานมาจากอิบนุอับบาสร่อฎิฯว่า ร่อซูลุลลอฮฺ ซ็อลฯ ได้ส่งชายคนหนึ่งจากตระกูลฆ่อนีย์ชื่อว่า มุรฺซิด บินอะบีมุรฺซิด อัลฆ่อนะวีย์ ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับบะนีฮาชิมไปนครมักกะฮฺ เพื่อนำมุสลิมีนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นเชลยอยู่ที่นั่นออกไป ครั้นเมื่อเขาได้มายังนครมักกะฮฺ มีหญิงคนหนึ่งชื่ออินาก ซึ่งนางเคยเป็นเพื่อนนอนของเขาในสมัยญาฮิลียะฮฺ แต่เขาได้ปลีกตัวออกจากนางแล้วหลังจากที่เขารับอิสลาม นางได้มาหาเขาแล้วกล่าวแก่เขาว่า ขออัลลอฮฺทรงปรานีท่านด้วยเถิด โอ้มุรฺซิด! ท่านจะไม่ร่วมอยู่กับฉันแต่ลำพังหรือ? แล้วเขาได้กล่าวแก่นางว่า แท้จริงอิสลามได้กั้นระหว่างฉันกับเธอเสียแล้ว และได้ห้ามการร่วมอยู่แต่ลำพังกับเราด้วย แต่ทว่าถ้าเธอต้องการ ฉันจะแต่งงานกับเธอ แล้วนางก็กล่าวว่า ตกลง เขากล่าวว่า ให้ฉันกลับไปหาร่อซูลุลลอฮฺเพื่อขออนุมัติจากท่านก่อนแล้วฉันก็จะแต่งงานกับเธอ นางได้กล่าวแก่เขาว่า “ท่านเบื่อหน่ายต่อฉันแล้วกระนั้นหรือ?” แล้วนางก็ขอความช่วยเหลือต่อพวกของนางให้ทำร้ายเขา แล้วพวกนั้นก็ทุบตีเขาอย่างเจ็บปวด แล้วก็ปล่อยเขาไป ครั้นเมื่อเขาได้ทำธุระที่นครมักกะฮฺเสร็จแล้ว ก็กลับไปหาร่อซูลุลลอฮฺ และแจ้งให้ท่านทราบถึงสิ่งถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นระหว่างเขากับอินาก และสิ่งที่เขาได้ประสบมาเนื่องด้วยนางเป็นสาเหตุ เขาได้กล่าวว่า ยาร่อซูลุลลอฮฺ ! จะเป็นที่อนุมัติแก่ฉันไหมการที่ฉันจะแต่งงานกับเธอ? ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า “แท้จริงนางทำให้ฉันพึงใจ” แล้วอายะฮฺนี้ก็ถูกประทานลงมา
   เกี่ยวกับเรื่องนี้ อัสสุดีย์ได้รายงานมาจากอิบนุอับบาสว่า อายะฮฺนี้ถูกประทานลงมาในเรื่องของอับดุลลลอฮฺ บินร่อวาฮะห์ ซึ่งเขามีหญิงทาสผิวดำคนหนึ่ง เขาโกรธนางและได้ตบหน้านาง แล้วเขาก็ตกใจกลัว เขาจึงไปหาท่านนะบีซ็อลฯ แล้วบอกแก่ท่านนะบีซึ่งเรื่องราวของนาง แล้วท่านนะบีได้กล่าวแก่เขาว่า ยาอับดัลลอฮฺ ! นางเป็นคนอย่างไร ? เขากล่าวว่า ยาร่อซูลุลลอฮฺ ! นางถือบวช ทำละหมาด อาบน้ำละหมาดได้ดี และปฏิญาณว่า “ไม่มีผู้ที่ควรแก่การเคารพสักการะใด ๆ นอกจากอัลลอฮฺ และท่านนั้นเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺ” ท่านนบีกล่าวว่า ยาอับดัลลอฮฺ ! นางเป็นผู้ศรัทธาแล้ว  อับดุลลอฮฺกล่าวว่า ฉันขอสาบานต่อผู้ที่ได้ส่งท่านมาพร้อมด้วยสัจธรรมว่า ฉันจะให้นางเป็นอิสระ และฉันจะแต่งงานกับนาง แล้วเขาก็ทำ ในการนี้ได้มีมุสลิมีนกลุ่มหนึ่งว่ากล่าวติเตียนเขาโดยกล่าวว่า “เขาแต่งงานกับหญิงทาส” ซึ่งพวกที่กล่าวตำหนิเขานั้นเคยให้ (สตรีของพวกเขา) แต่งงานกับบรรดาชายมุชริก และพวกมุชริกก็ให้ (สตรีของพวกเขา) แต่งงานกับพวกเขาด้วย ทั้งนี้เพราะปรารถนาในการสืบเชื้อสายของพวกเขา แล้วอัลลอฮฺก็ทรงประทานอายะฮฺนี้ลงมา
   อย่างไรก็ดี อาจเป็นทั้งสองสาเหตุนี้ก็ได้ ที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานอายะฮฺนี้ลงมา

   (จบข้อความใน “คำอธิบาย อัล-กุรฺอานุลกะรีม (ญุซที่ 2) โดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ” (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑) ๙ ญะมาดุลเอาวัล ๑๔๐๓ / ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๖)


วัสสลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #103 เมื่อ: เม.ย. 29, 2010, 06:35 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 222 -223


คำอ่าน
222. วะยัสอะลูนะกะอะนิลมะหีฎ, กุลฮุวะอะซัน..ฟะอฺตะซิลุน..นิสา...อะ ฟิลมะหีฎ,วะลาตักเราะบูฮุน..นะหัตตายัฏฮุรน์, ฟะอิซาตะฏ็อฮฺฮัรฺนะ ฟะอ์ตูฮุน..นะ มินหัยษุอะมะเราะกุมุลลอฮฺ, อิน..นัลลอฮะยุหิบบุตเตาวาบีนะ วะยุหิบบุลมุตะฏ็อฮฺฮิรีน

คำแปล R1.
222. They ask you concerning menstruation. Say: that is an Adha (a harmful thing for a husband to have a sexual intercourse with his wife while she is having her menses), Therefore keep away from women during menses and go not unto them till they have purified (from menses and have taken a bath). And when they have purified themselves, then go in unto them as Allah has ordained for you (go in unto them in any manner as long as it is in their vagina). Truly, Allah loves those who turn unto Him in repentance and loves those who purify themselves (by taking a bath and cleaning and washing thoroughly their private parts, bodies, for their prayers, etc.).

คำแปล R2.
222. และพวกเขาทั้งหลายจะถามเจ้าเกี่ยวกับ(ปัญหาของ)ระดู เจ้าจงตอบเถิดว่าอันระดูนั้นเป็นความสกปรกอย่างหนึ่ง ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงแยกตัวออกจากสตรี(ผู้เป็นภริยา)ในช่วงมีระดู และพวกเจ้าจงอย่าเข้าใกล้พวกนางจนกว่าพวกนางจะสะอาด ดังนั้นเมื่อพวกนางมีความสะอาดแล้ว พวกเจ้าก็จงเข้าหานางเถิด ตามที่อัลเลาะฮฺได้ทรงบัญชาแก่วกเจ้า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรักบรรดาผู้หมั่นทำการสารภาพผิด และทรงบรรดาผู้มีความสะอาดทั้งหลาย

คำแปล R3.
222. พวกเขาทั้งหลายถามเจ้าเกี่ยวกับระดู จงกล่าวเถิด “มันเป็นสิ่งที่ไม่สะอาด จงออกห่างจากหญิงระหว่างที่นางมีระดู และจงอย่าเข้าใกล้นางจนกว่านางจะสะอาด และเมื่อนางได้ทำความสะอาดตัวนางแล้ว สูเจ้าก็อาจจะเข้าหานางตามที่อัลลอฮฺได้ทรงบัญชาสูเจ้า” แน่นอน อัลลอฮฺทรงรักผู้ที่ละเว้นจากความชั่วและผู้ที่รักษาตัวเองให้สะอาด

คำแปล R4.
222. และพวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับประจำเดือน จงกล่าวเถิดว่า มันเป็นสิ่งที่ให้โทษ ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลหญิงในขณะมีประจำเดือน และจงอย่าเข้าใกล้นาง จนกว่านางจะสะอาด ครั้นเมื่อนางได้ชำระร่างกายสะอาดแล้ว ก็จงมาหานางตามที่อัลลอฮ์ทรงใช้พวกท่าน แท้จริงอัลลอฮ์ทรงชอบบรรดาผู้สำนึกผิด กลับเนื้อกลับตัว และทรงชอบบรรดาผู้ที่ทำตนให้สะอาด

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ได้มีสาวกคนหนึ่งของพระนบีมูฮำมัด นามว่า อบูดะห์ดาห์เรียนถามพระนบีว่า เหตุใดพวกกาฟิรยาฮิลียะห์(อนารยชน)จึงไม่อยู่ร่วมเคหสถานกับภรรยาในขณะที่พวกหล่อนมีเลือดระดู ทั้งไม่ยอมร่วมบริโภคอาหารด้วย พฤติการณ์นี้เป็นไปเช่นเดียวกับขนบประเพณีของพวกยะฮูดีและพวกมะยูซี(พวกบูชาไฟ) แม้กระทั่งบุคคลอื่น ๆ ก็ถือเป็นทำนองนี้โดยทั่วไปในยุคต้นแห่งศาสนาอิสลามสมัยมูฮำมัด จนกระทั่งถึงวาระที่อบูดะห์ดาห์ถาม จึงทรงมีโองการมาว่า
๒๒๒. และโอ้มูฮำมัด พวก(อบูดะห์ดาห์กับพรรคพวก)นั้นจะซักถามเจ้าถึงเรื่องเลือดระดูว่าจะพึงปฏิบัติอย่างไรต่อหญิงขณะมีสภาพอย่างนั้น เจ้าจงตอบพวกนั้นเถิดว่า เลือดระดูประจำเดือนนั้นมันเป็นสิ่งขยะแขยงน่ารังเกียจ ฉะนั้นให้พวกเจ้าออกห่างเรื่องประเวณีกิจกับหญิงผู้ภรรยาขณะมีระดู และอย่าย่างใกล้พวกหล่อนด้วยการทำประเวณีและด้วยการสัมผัสผิวกายของพวกหล่อนระหว่างสะดือจดเข่า จนกว่าหล่อนจะเกลี้ยงเกลาด้วยการชำระสะสางร่างกายให้สะอาดด้วยการอาบน้ำ หากว่าสามารถหาน้ำได้ มิฉะนั้นก็ให้ทำตะยำมุม (ชำระด้วยฝุ่นเฉพาะอวัยวะสองอย่างคือหน้าและแขนทั้งสอง) ตามหลักการของศาสนาอิสลามเมื่อเลือดระดูหมดวาระของมัน ครั้นเมื่อพวกหล่อนชำระเกลี้ยงเกลาแล้ว ก็ให้พวกเจ้าสู่หาพวกหล่อนได้แต่เพียงทางทวารเบาตามที่อัลเลาะห์ได้ทรงบัญชาแก่พวกเจ้าให้ออกห่างจากการทำประเวณีเมื่อเธอมีระดูประจำเดือนเท่านั้น และมิให้ล่วงล้ำจากทวารเบาไปทำประเวณีที่อวัยวะส่วนอื่น เพราะแท้จริงอัลเลาะห์ก็ย่อมโปรดที่จะประทานบุญกุศลและให้เกียรติแก่บรรดาที่สำนึกผิดกลับมากระทำแต่ที่ดี ทรงโปรดแก่บรรดาผู้สะอาดหมดจด ปราศจากสิ่งน่าขยะแขยงทั้งปวง

 

คำอ่าน
223. นิสา...อุกุมหัรฺสุลละกุม ฟะอ์ตูหัรฺสะกุม อัน..นาชิอ์ตุม, วะก็อดดิมู ลิอัน..ฟุสิกุม วัตตะกุลลอฮะ วะอฺละมู..อัน..นะกุม..มุลากูฮุ วะบัชชิริลมุอ์มินีน

คำแปล R1.
223. Your wives are a tilth for you, so go to your tilth (have sexual relations with your wives in any manner as long as it is in the vagina and not in the anus), when or how you will, and send (good deeds, or ask Allah to bestow upon you pious offspring) before you for your ownselves. And fear Allah, and know that you are to meet Him (in the hereafter), and give good tidings to the believers (O Muhammad).

คำแปล R2.
223. อันสตรี(ผู้เป็นภริยา)ของพวกเจ้าก็คือไร่นาของพวกเจ้านั้นเอง ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงเข้าสู่ไร่นาของพวกเจ้าตามแต่พวกเจ้าพึงประสงค์เถิด และพวกเจ้าจงเริ่มกระทำ(สิ่งที่ดีงาม)เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง และพวกเจ้าทั้งหลายจงยำเกรงอัลเลาะฮฺและจงทราบเถิดว่า พวกเจ้าต้องได้พบกับพระองค์อย่างแน่นอน และเจ้าจงประกาศข่าวดีแก่บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายเถิด

คำแปล R3.
223. ภรรยาของสูเจ้าคือทุ่งนาของสูเจ้า ดังนั้นสูเจ้าจงเข้าไปทุ่งนาของสูเจ้าตามที่สูเจ้าพึงใจ แต่สูเจ้าควรระวังอนาคตของสูเจ้า และจงสำรวมตนต่ออัลลอฮฺ จงรู้ไว้เถิดว่าวันหนึ่งสูเจ้าจะพบกับพระองค์ (โอ้นบี) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา

คำแปล R4.
223. บรรดาผู้หญิงของพวกเจ้านั้น คือแหล่งเพาะปลูกของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงมายังแหล่งเพาะปลูกของพวกเจ้าตามแต่พวกเจ้าประสงค์และ จงประกอบล่วงหน้าไว้สำหรับตัวของพวกเจ้า และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และพึงรู้ด้วยว่าแท้จริงพวกเจ้านั้นจะเป็นผู้พบกับพระองค์ และเจ้า จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายเถิด

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ เพื่อการโต้คำของพวกยะฮูดีว่า ผู้ใดประกอบการประเวณีด้วยภรรยาของตนด้วยวิธีวิตถาร เช่นร่วมทางทวารเบาโดยให้นางคลานหรือคว่ำ เมื่อบุตรเกิดมาแล้วตาจะเอียงหรือเหล่
๒๒๓. โอ้พวกมุอ์มิน บรรดาภรรยาของพวกเจ้าคือแดนกำเนิดบุตรสำหรับพวกเจ้า ฉะนั้นจงทำประเวณีกิจด้วยภรรยาของพวกเจ้าตามแต่จะประสงค์เถิด ซึ่งอาจจะด้วยท่านั่งหรือยืนหรือนอนตะแคง หรือทางด้านหน้าหรือทางด้านหลัง แต่ให้พวกเจ้าเผดิมแต่ที่ดี เช่น การอ่านออกพระนามของอัลเลาะห์ด้วยคำว่า “บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรร่อฮีม” เมื่อเริ่มปฏิบัติงานทางกามกิจ เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง และจงยำเกรงอัลเลาะห์โดยประพฤติตามที่ทรงใช้และทรงห้าม ทั้งจงรู้เถิดว่า แน่แท้พวกเจ้านั้นย่อมประสบพบกับพระองค์ เนื่องในโอกาสแห่งการเกิดใหม่ในภพหน้า แล้วพระองค์จะทรงสนองผลกรรมให้ตามที่พวกเจ้ากระทำกันไว้ และโอ้มูฮำมัดเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่พวกมุอ์มินที่มีแต่ความยำเกรงเถิดว่า จะต้องได้เข้าสู่สวรรค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย (ตอนที่ 2)
« ตอบกลับ #104 เมื่อ: เม.ย. 30, 2010, 06:26 AM »
0

สูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 224 - 227


คำอ่าน
224. วะลาตัจญอะลุลลอฮะ อุรฺเฎาะตัลลิอัยมานิกุม อัน..ตะบุรฺรู วะตัตตะกู วะตุศลิหู บัยนัน..นาส, วัลลอฮุสะมีอุนอะลีม

คำแปล R1.
224. And make not Allah's (Name) an excuse in your oaths against your doing good and acting piously, and making peace among mankind. and Allah is All-Hearer, All-Knower (i.e. do not swear much and if you have sworn against doing something good then give an expiation for the oath and do good).

คำแปล R2.
224. และพวกเจ้าอย่าอ้างอัลเลาะฮ์ในคำสาบานของพวกเจ้า เพื่อเป็นอุปสรรคแก่การที่พวกเจ้าจะกระทำการดีประกอบการยำเกรงและทำการปรองดองระหว่างมนุษย์ และอัลเลาะฮฺทรงได้ยินอีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง

คำแปล R3.
224. จงอย่าใช้นามของอัลลอฮฺมาสาบานในสิ่งที่ขัดขวางสูเจ้าจากคุณธรรม การสำรวมตน และสวัสดิการของมนุษยชาติ แท้จริงอัลลอฮฺทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R4.
224. และพวกเจ้าจงอย่าให้อัลลอฮฺเป็นอุปสรรคขัดขวาง เนื่องจากการสาบานของพวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะกระทำความดีและที่จะมีความยำเกรง และในการที่พวกเจ้าจะประนีประนอมระหว่างผู้คนและอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ ยิน ผู้ทรงรอบรู้

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ อบูบักร์ อัล-ซิดดีก ได้สาบานว่าตนจะไม่ยอมให้ทรัพย์แก่มัสเตาะห์ ในเมื่อมัสเตาะห์กล่าวคำเท็จ
๒๒๔. และพวกเจ้าอย่าได้อ้างอัลเลาะห์เป็นข้ออุปสรรคต่อการสาบานของพวกเจ้าในอันที่จะประกอบกรรมดี ที่จะยำเกรง และที่จะปรองดองกันระหว่างมวลมนุษย์ โองการนั้มีความหมายเป็น ๒ นัย คือ
   (๑) และพวกเจ้าอย่าสาบานด้วยออกพระนามของอัลเลาะห์ว่าจะไม่ประกอบการดี จะไม่ยำเกรง และจะไม่ปรองดองระหว่างคู่พิพาท คงได้ความว่าสาบานเช่นนี้ถือเป็นข้อห้ามเด็ดขาดเพราะเป็นการสาบานในทางระงับการดี
         (๒) และพวกเจ้าอย่าสาบานด้วยออกพระนามของอัลเลาะห์ให้มากนักว่าจะประกอบการดี จะยำเกรงและจะปรองดองกันระหว่างคู่พิพาท แม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นผู้ประพฤติการดังกล่าวนั้นอยู่แล้วก็ตาม คงได้ความว่าการสาบานให้มากนั้นถือเป็นข้อห้ามเช่นเดียวกัน เพราะเป็นการเอาพระนามของอัลเลาะห์ที่ต้องสงวน ไปใช้ไม่เลือกที่ และอัลเลาะห์นั้นทรงได้ยินยิ่งซึ่งถ้อยคำของพวกเจ้า ทรงรู้ยิ่งซึ่งอากัปกริยาของพวกเจ้
[/color]า

 


คำอ่าน
225. ลายุอาคิซุกุมุลลอฮุบิลลัฆวิ ฟีอัยมานิกุม วะลากี..ยุอาคิซุกุม..บิมากะสะบัตกุลูบุกุม, วัลลอฮุเฆาะฟูรุนหะลีม

คำแปล R1.
225. Allah will not call you to account for that which is unintentional in your oaths, but He will call you to account for that which your hearts have earned. And Allah is Oft-Forgiving, Most-Forbearing.

คำแปล R2.
225. อัลเลาะฮฺจะไม่เอาผิดแก่พวกเขาเพราะความไร้สาระในคำสาบานของพวกเจ้า แต่พระองค์ทรงเอาผิดแก่พวกเจ้า เพราะสิ่งที่หัวใจของพวกเจ้าได้พากเพียรไว้ และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง อีกทั้งทรงสุขุมยิ่ง

คำแปล R3.
225. อัลลอฮฺจะไม่ให้สูเจ้ารับผิดชอบต่อคำสาบานที่ไร้สาระและไม่ได้เจตนาของสูเจ้า แต่พระองค์จะถือเอาคำสาบานที่สูเจ้าทำขึ้นโดยมีเจตนาแท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงขันติ

คำแปล R4.
225. อัลลอฮฺจะไม่ทรงเอาโทษแก่พวกเจ้าด้วยคำพูดพล่อยๆ ในการสาบานของพวกเจ้า แต่ทว่าพระองค์จะทรงเอาโทษแก่พวกเจ้า ด้วยการสาบานที่หัวใจของพวกเจ้ามุ่งหมายด้วย และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงหนักแน่น

คำแปล R5.
๒๒๕. โอ้พวกมุอ์มิน อัลเลาะห์จะไม่ทรงถือโทษแก่พวกเจ้าในภพหน้า และไม่ทรงบีบบังคับพวกเจ้าให้ไถ่โทษในภพนี้ ในคำสาบานพล่อย ๆ ของพวกเจ้า วิธีการไถ่โทษนั้นมีให้เลือกเอาเพียง ๑ จาก ๓ ประการดังนี้
๑. ปล่อยทาสให้เป็นไท ๑ คน
๒. แจกจ่ายอาหารให้แก่บรรดาผู้ยากจน ๑๐ คน ๆ ละประมาณ ๑ ลิตร
๓. แจกจ่ายเครื่องแต่งกายอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น แก่ผู้ยากจน ๑๐ คน คนละ ๑ ชิ้น
แต่ถ้าผู้ไถ่โทษไม่สามารถจะกระทำได้ ก็ให้ผู้นั้นถือศีลอด ๓ วัน แต่พระองค์จะทรงลงโทษพวกเจ้าในภพหน้า และจะบีบบังคับพวกเจ้าให้ไถ่โทษในภพนี้ ดังกล่าวนั้น ในฐานะที่พวกเจ้าจงใจทนสาบาน และผิดสาบานเมื่อภายหลัง อัลเลาะห์นั้นคือพระผู้ทรงอภัยโทษยิ่งแก่ผู้สาบานพล่อย ๆ ทรงสุขุมยิ่ง เพราะพระองค์ทรงผ่อนผันให้ผู้ต้องโทษไปถูกลงโทษในภพหน้า


 


คำอ่าน
226. ลิลละซีนะยุอ์ลูนะมิน..นิสา...อิฮิม ตะร็อบบุศุ อัรฺบะอะติอัชฮุริน..ฟะอิน..ฟา..อู ฟะอิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุรฺเราะหีม

คำแปล R1.
226. Those who take an oath not to have sexual relation with their wives must wait four months, then if they return (change their idea in this period), Verily, Allah is Oft-Forgiving, Most Merciful.

คำแปล R2.
226. สำหรับบรรดาผู้สาบานตน(จะไม่เกี่ยวข้องทางเพศ)ต่อสตรี(ผู้เป็นภริยา)ของพวกเขาย่อมต้องรอคอยสี่เดือน(จะข้องเกี่ยวทางเพศไม่ได้)ซึ่งหากพวกเขาคืนคำสาบาน(ภายในกำหนดดังกล่าว)แน่นอนอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง

คำแปล R3.
226. สำหรับบรรดาผู้ที่สาบานว่าจะเลิกเกี่ยวข้องกับภรรยาของเขานั้นจะได้รับเวลา 4 เดือน (สำหรับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย) หลังจากนั้นถ้าพวกเขากลับมามีความสัมพันธ์ดังเดิม ดังนั้น อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R4.
226. สำหรับบรรดาผู้ที่สาบานว่า จะไม่สมสู่ภรรยาของเขานั้น ให้มีการรอคอยไว้สี่เดือน แล้วถ้าหากเขากลับคืนดี แน่นอนอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

คำแปล R5.
๒๒๖. อนุญาตไว้สำหรับบรรดาสามีผู้สาบานว่าจะงดทำประเวณีกับภรรยาของตนไม่มีกำหนด หรือมีกำหนดไม่เกิน ๔ เดือน ให้รอถึง ๔ เดือน ถ้าพวกนั้นหวนมากระทำการประเวณีภายใน ๔ เดือน หรือกว่า ๔ เดือนอีกแล้ว แน่นอนอัลเลาะห์ก็ทรงอภัยโทษยิ่ง ทรงโปรดยิ่งแก่พวกนั้นที่ได้วาบาน ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่หญิง

 


คำอ่าน
227. วะอินอะซะมุฏเฏาะลาเกาะ ฟะอิน..นัลลอฮะสะมีอุนอะลีม

คำแปล R1.
227. And if they decide upon divorce, Then Allah is All-Hearer, All-Knower.

คำแปล R2.
227. และหากพวกเขาตกลงใจที่จะหย่าแน่นอนอัลเลาะฮฺย่อมทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง

คำแปล R3.
227. แต่ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะหย่า (ก็ขอให้พวกเขาจำไว้ว่า) อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

คำแปล R4.
227. และถ้าพวกเขาปลงใจ ซึ่งการหย่าแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮ์ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

คำแปล R5.
๒๒๗. ถ้าพวกนั้นได้ตัดสินใจหย่าภรรยาของตน ก็ให้หย่าหล่อนเสียเถิดภายใน ๔ เดือนหรือกว่านั้น แน่นอนอัลเลาะห์ย่อมทรงได้ยินอย่างยิ่งซึ่งถ้อยคำของพวกนั้น ทั้งทรงรู้ยิ่งถึงเจตนาของพวกนั้น เป็นอันว่าเมื่อพวกนั้นได้สาบานดังนั้นแล้ว ก็จะต้องกลับมาทำประเวณีหรือหย่าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน ๔ เดือนหรือหลังจาก ๔ เดือน




 

GoogleTagged